Chapter 61

ตอนที่ 61

"รอนานมั๊ยพี่รอง?" ไจ่ไจ๋วิ่งลงจากรถมารับพี่ชายถึงที่ แวนเนสยิ้มให้น้องก่อนจะส่ายหน้า

"มาเร็วกว่าที่คิดอีก ไป....รีบไปกันเถอะ....." ว่าแล้วแวนเนสก็ดุนหลังน้องชายให้เดินนำไปก่อน

"พี่รองไปนั่งข้างหน้ากับพี่ใหญ่นะ ผมอยากนั่งเหยียดขายาวๆ" ไจ่ไจ๋ว่าพร้อมกับเปิดประตูรถก้าวขึ้นไปนั่งตอนหลัง แวนเนสมองตามน้องชายก่อนจะถอนใจเบาๆแล้วขยับตัวขึ้นรถ

"พี่ใหญ่" เอ่ยทักทายพี่ชายแล้วดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาด

"อืม....เป็นงัยบ้างวันนี้?" เจอร์รี่ตอบรับคำน้องพร้อมกับย้อนถามกลับไป

"ก็ดี" ตอบพี่ชายสั้นๆแล้วเบือนหน้าไปทางหน้าต่าง

"เหนื่อยหรอพี่รอง?" ไจ่ไจ๋ยื่นหน้ามาถามเพราะแวนเนสดูท่าทางเนือยๆ

"ก็นิดหน่อย ของีบดีกว่า" แวนเนสตอบแล้วหลับตาลง

"ปรับเบาะลงสิ จะได้นอนสบายหน่อย" พี่ใหญ่ว่าเพราะกลัวน้องจะเมื่อย แวนเนสลืมตาขึ้นมาแล้วปรับเบาะตามคำพี่ชายจากนั้นก็หลับตาลงอีก

"ไจ่ไจ๋โทรเข้าบ้านที ถามว่ามีกับข้าวตอนเย็นหรือยัง ถ้าไม่มีเดี๋ยวเราจะได้แวะซื้อเข้าไป

"ครับ" น้องเล็กรับคำแล้วรีบกดโทรศัพท์ไปหาแม่ทันที

"แม่....มีอาหารเย็นหรือยังครับ?" ไจ่ไจ๋ถามเมื่อคู่สนทนารับสาย

"มีแล้วจ๊ะ กลับมาถึงลูกก็กินกันได้เลย" เสียงแม่ตอบกลับมา

"โอโห! เตรียมพร้อมเสร็จแล้วหรอ? พี่ใหญ่นึกว่ายังไม่มีจะได้แวะซื้อเข้าไป แต่นี่ผมมีขนมไปฝากนะ" ไจ่ไจ๋บอก

"จ๊ะ....วันนี้พ่อครัวใหญ่สองคนออกไปซื้อมาตั้งแต่บ่าย เพิ่งทำเสร็จไม่นานตอนนี้พ่อครัวของเราไปอาบน้ำกันอยู่" แม่เล่าให้ลูกชายฟัง

"ดีเลย นี่ผมกับพี่ใหญ่แวะมารับพี่รองแล้ว เดี๋ยวเจอกันนะครับ" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็พูดตัดบท

"จ๊ะ บอกพี่ใหญ่ขับรถกลับมาดีๆนะ" แม่กล่าวทิ้งท้ายแล้ววางสายไป

"อาหารเย็นเสร็จแล้วหละ แม่บอกให้พี่ใหญ่ขับรถกลับบ้านดีๆ" ไจ่ไจ๋รายงานให้พี่ชายฟัง

"อืม....งั้นเราก็รีบกลับบ้านกันเถอะ" พี่ใหญ่ว่าแล้วก็เร่งเครื่องขึ้นอีกหน่อย ผ่านไปพักหนึ่งสามพี่น้องก็กลับมาถึงบ้าน

"นายเอาขนมที่ซื้อมาลงไปด้วยเดี๋ยวพี่ปลุกพี่รองเอง" เจอร์รี่เอี้ยวตัวมาบอกน้องเล็ก ซึ่งคนรับคำสั่งก็พยักหน้าก่อนจะหิ้วถุงขนมเดินนำเข้าบ้านไปก่อน

"แวนเนส....ถึงบ้านแล้ว" พี่ใหญ่หันมาเขย่าแขนน้องชายที่นั่งอยู่ข้างๆพร้อมกับเอ่ยปากเรียก แวนเนสลืมตาขึ้นมาก่อนจะพยักหน้ารับ

"ไม่สบายหรือเปล่า? ทำไมดูเหนื่อยๆ?" ถามน้องด้วยสีหน้าจริงจังเพราะน้องดูสีหน้าท่าทางผิดปกติไป

"เปล่า แค่เพลียนิดหน่อยน่ะ" แวนเนสตอบแล้วปลดสายเข็มขัดนิรภัยออก

"ลงไปล้างหน้าล้างตาแล้วกินข้าว กินเสร็จก็รีบพักผ่อน" แวนเนสผงกหัวรับคำพูดของพี่ชายแล้วลงจากรถไป เจอร์รี่มองดูน้องชายเดินเข้าบ้านก่อนจะถอนใจออกมาเบาๆแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองบ้างและสายตาก็เหลือบไปเห็นสมุดบัญชีของน้องชายหล่นอยู่ที่เบาะ

"อ้าว! สมุดบัญชีนี่นา" พึมพำกับตัวเองแล้วเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาแต่พอดีนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าที่เห็นน้องนั่งดูสมุดบัญชีอยู่เขาจึงเปิดดู เจอร์รี่ดูไปทีละหน้าจนถึงรายการสุดท้ายเขาก็ขมวดคิ้ว

"ทำไมถอนเงินออกไปเยอะจัง" พูดกับตัวเองอย่างสงสัยแล้วมองวันเวลาที่ถอนเงินออกไป

"ถอนวันนี้ช่วงเช้าด้วยนี่นา" เจอร์รี่มีสีหน้าครุ่นคิดแต่เมื่อเห็นน้องเล็กเดินย้อนกลับออกมาอีกเขาก็รีบเก็บสมุดบัญชีนั้นใส่กระเป๋า

"ทำอะไรอยู่ครับพี่ใหญ่? ทำไมยังไม่เข้าบ้านอีก?" ถามพี่ชายอย่างสงสัย

"เปล่าหรอก พอดีพี่ทำปากกาตกเพิ่งควานหาเจอน่ะ" เจอร์รี่ตอบเลี่ยงๆแล้วลงจากรถ

"เข้าบ้านกันเถอะ" พูดจบก็กอดคอน้องชายแล้วพาเดินเข้าบ้าน

"ไปล้างหน้าล้างตาแล้วมากินข้าวกันเจอร์รี่" แม่บอกกล่าวกับลูกชายคนโต เจอร์รี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำ

"เป็นอะไรของนายวะแวนเนส? นั่งยุกยิกอยู่ได้" เคนถามเมื่อเห็นแวนเนสคลำๆที่กระเป๋ากางเกงตัวเองเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง

"ชั้น.....ชั้น.....ชั้นคิดว่าคงทำของหล่นในรถน่ะ" แวนเนสตอบพร้อมกับลุกขึ้น

"ของอะไรลูก? เดี๋ยวค่อยไปหยิบก็ได้ กินข้าวก่อน" พ่อแย้งขึ้นทำให้แวนเนสชะงักไป

"ผมขอไปดูให้แน่ใจดีกว่า จะได้มั่นใจว่ามันไม่ได้หายไปไหน" พูดจบก็หมุนตัวจะออกไปแต่เจอกับพี่ใหญ่ที่กำลังจะเดินเข้ามาพอดี

"จะไปไหน?" ถามน้องชายทันที

"เอ่อ....ชั้น....." แวนเนสอ้ำๆอึ้งๆไม่กล้าตอบพี่ชาย

"พี่รองเขาทำของหล่นไว้ในรถน่ะครับพี่ใหญ่ เลยจะออกไปหาดู" ไจ่ไจ๋จึงเป็นคนตอบแทนแวนเนส

"ชั้นเก็บไว้ให้แล้ว เดี๋ยวกินข้าวเสร็จค่อยตามชั้นขึ้นไปข้างบน จะเอาคืนให้" แวนเนสได้ยินก็ทำหน้าบอกไม่ถูกแต่ก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะอาหาร

"ของสำคัญหรอลูก?" พ่อถามเมื่อเห็นแวนเนสมีสีหน้ากังวล

"ไม่หรอกครับพ่อ หิวจัง.....ลงมือกันเถอะนะ...." เจอร์รี่ตอบคำถามนั้นแทนแล้วพูดตัดบททันที

"พ่อ....เสต็กเนี่ยกินกับไวน์อร่อยนะ" เคนกระซิบบอกพ่อเบาๆ

"จริงด้วย" พ่อพยักหน้าแต่พอเห็นเคนขยิบตาให้ก็หัวเราะแบบขำๆเพราะรู้ว่าเคนต้องการให้พ่อเป็นคนเดินไปหยิบไวน์มารินให้เอง

"จะเอาอะไรหรอพ่อ?" แม่ถามขึ้นเมื่อเห็นพ่อลุกขึ้นจากโต๊ะ

"เอาไวน์ซักขวดน่ะแม่ เห็นเสต็กแล้วก็นึกอยากกินไวน์ขึ้นมาด้วย" พ่อตอบพร้อมกับหยิบขวดไวน์และแก้วออกมา

"ใครเอาบ้างลูก?" ถามบรรดาลูกชายทั้งสี่คน

"พ่อดื่มเถอะครับ" เจอร์รี่ตอบแทนน้องๆทุกคน

"พ่อดื่มคนเดียวจะไปอร่อยได้งัย เดี๋ยวผมดื่มเป็นเพื่อนเอง" เคนพูดแทรกขึ้นมา

"เดี๋ยวเถอะ! เมื่อวานยังแฮงค์ไม่พอหรืองัย?" พี่ใหญ่ดุน้องขึ้นมาทันที

"แหม....แค่ไวน์เองไม่เป็นไรหรอก...." พูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ

"เอาเถอะลูก น้องก็อยู่บ้านไม่ได้เสียหายอะไร ดื่มนิดหน่อยคงไม่เป็นไร" พ่อออกตัวแทนลูกชายคนกลางอีกตามเคย

"ลูกก็ดื่มซักหน่อยสิ อาจจะช่วยให้ผ่อนคลายขึ้น" ว่าแล้วพ่อก็รินไวน์ใส่แก้วให้สมาชิกทุกคน

"นานๆจะได้กลับมาดื่มกับลูกๆซักที" เจอร์รี่จนใจที่จะเถียงเลยปล่อยเลยตามเลย เพราะไม่อยากขัดใจพ่อ

"ไจ่ไจ๋!! เบาๆหน่อย! ไวน์นะไม่ใช่น้ำผลไม้เล่นทีเดียวหมดแก้วเลย" พี่ใหญ่ร้องเตือนไจ่ไจ๋ที่ยกไวน์มาดื่มรวดเดียวหมด

"อร่อยดีครับ" ไจ่ไจ๋ตอบพี่ชายหน้าตาเฉยเรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นได้เป็นอย่างดี

"อร่อยมะเหงกนี่! เดี๋ยวได้น็อคคาโต๊ะ" ต่อว่าน้องชายหน้าบึ้ง

"นายนี่ไม่รู้เรื่องเลยเวลาดื่มไวน์เขาต้องค่อยๆจิบทีละนิด ไม่ใช่กระดกเหมือนดื่มเหล้าโรง ไม่รู้เรื่องเลย....." เคนต่อว่าน้องด้วย ไจ่ไจ๋จึงเบ้ปากใส่พี่ชาย

"อืม! เรื่องแบบนี้น่ะเก่งจริง! เสี้ยมสอนกันเข้าไปสิ! ทีไอ้เรื่องที่ควรรู้กลับทำเซ่อ!" เคนทำหน้าเมื่อยพร้อมกับยกมือเกาหัวเมื่อโดนพี่ชายเอ็ดใส่

"บ่นอยู่ได้" พึมพำกับตัวเองเบาๆ

"เถียงชั้นหรอ?" ถลึงตาใส่น้องอย่างเอาเรื่อง

"ไม่ได้เถียง....." ปฏิเสธพี่ชายอย่างอ่อนใจ

"หูหาเรื่องชะมัด" เคนบ่นอุบเบาๆแต่พอเห็นพี่ชายจ้องอยู่ด้วยแววตาดุดันก็รีบก้มหน้ากินอาหารในส่วนของตัวเองทันที เช่นเดียวกับแวนเนสและไจ่ไจ๋ที่ต่างก็พากันกินอาหารเย็นเงียบๆ

"ดูสิ.....ดุจนน้องกลัวกันหมดแล้ว" แม่บ่นลูกชายคนโตเข้าบ้าง

"ก็ถ้าพ่อแม่ยิ่งตามใจยิ่งเข้าข้างพวกมันมากแค่ไหนผมก็จะดุพวกมันมากขึ้นเท่านั้นแหละ" เจอร์รี่ว่าพร้อมกับค้อนใส่น้องชายทั้งสามคน

"นี่แหนะ! เราน่ะน่าตีที่สุดเลย!" แม่ไม่พูดเปล่าแต่ตีมือลูกชายคนโตด้วย

"แม่ตีผมทำไม?" เจอร์รี่เริ่มโวยวาย

"ไม่ตีได้ยังงัย? เมื่อกี้กินข้าวกันสนุกๆพอเราดุทีน้องก็เงียบกันหมด ดูซิ.....แต่ละคนแทบไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาเลย" แม่ทำเสียงดุลูกชายคนโต ในตอนนั้นเคนกับไจ่ไจ๋ลอบสบตากันแล้วแอบยิ้มด้วยสมน้ำหน้าพี่ชายคนโต มีเพียงแวนเนสเท่านั้นที่ไม่ได้สนใจอะไรและยังคงกินอาหารในจานต่อ

"เอาหละๆๆ แม่ก็อย่าว่าลูกเลย เจอร์รี่ก็เหมือนกันเลิกดุน้องเถอะ กินข้าวกันต่อดีกว่า มา....ชนแก้วกันหน่อยทุกคน....." พ่อพูดไกล่เกลี่ยก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นมา บรรยากาศครื้นเครงจึงค่อยกลับมาอีกครั้ง

"ชนแก้วเนื่องในโอกาสอะไรครับพ่อ?" ไจ่ไจ๋ถามขึ้นมา

"อืม.....ก็เนื่องในโอกาสที่เราได้มานั่งล้อมวงแล้วกินอาหารอร่อยมื้อนี้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันงัย" พ่อตอบยิ้มๆ จบคำพูดนั้นทุกคนก็ชนแก้วแล้วดื่มกันด้วยสีหน้าสดใสขึ้น จากนั้นมื้ออาหารก็มีเสียงพูดคุยและหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะๆ



- ห้องนอนแวนเนส -

"อาบน้ำเสร็จแล้วหรอ?" เจอร์รี่เปิดประตูเข้ามาก่อนจะเอ่ยทักน้องชาย แวนเนสผงกหัวรับน้อยๆก่อนจะหันไปหวีผมหน้ากระจก

"งั้นมาคุยกันหน่อย" แวนเนสถอนหายใจเฮือกเพราะรู้ดีว่าพี่ชายจะพูดเรื่องอะไร

"ก่อนอื่น....ชั้นคืนนี่ให้นาย....." ว่าแล้วก็วางสมุดบัญชีลงตรงหน้าแวนเนส

"ชั้นรู้ว่านายจะถามอะไร?" แวนเนสพูดแทรกขึ้นมาก่อน เจอร์รี่จึงพยักหน้า

"งั้นก็ดี ไหนตอบมาซิเอาเงินไปทำอะไรตั้งเยอะแยะ?" ถามน้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง แวนเนสเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะหันมาทางพี่ชาย

"ชั้นยังไม่โตพอที่จะจัดการทรัพย์สินของตัวเองหรอ?" แวนเนสไม่ตอบคำถามนั้นแต่กลับย้อนถามพี่ชายเรื่องอื่นแทน

"ถ้านายยังไม่โตพอชั้นคงไม่ให้นายเก็บข้าวของมีค่าไว้กับตัวหรอก" พี่ใหญ่ตอบคำถามน้อง

"งั้นนายจะถามไปทำไม?" แวนเนสถามพี่ชายต่อ

"ในฐานะพี่ชายไม่มีสิทธิ์ที่จะถามงั้นหรอ?" พี่ใหญ่เริ่มหน้าตึงเมื่อเห็นน้องทำท่าบ่ายเบี่ยงไม่ยอมบอก

"ไม่ใช่....แต่...." แวนเนสปฏิเสธแล้วจะพูดต่อแต่ก็ไม่ได้พูด

"แต่อะไร?" พี่ใหญ่ถามย้ำ แวนเนสเงียบไปเพราะไม่รู้จะพูดยังงัยดี

"ที่ชั้นถามไม่ใช่เพราะต้องการจับผิดแต่ถ้านายจำเป็นต้องใช้เงินมากขนาดนี้อย่างน้อยน่าจะปรึกษากันบ้าง เพราะบางทีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ชั้นอาจจะช่วยออกให้นายก็ได้" อธิบายให้น้องเข้าในเจตนารมณ์ที่เขาต้องถามเซ้าซี้

"ชั้น....ชั้นเอาไปให้เพื่อนยืม....." แวนเนสตัดสินใจบอกพี่ชายออกไปตรงๆ

"ที่ถอนมาทั้งหมดเลยหรอ?" เจอร์รี่ถามซักน้องชายต่อ แวนเนสพยักหน้ารับ

"เพื่อนคนไหน? แล้วเขาเอาไปทำอะไร?" ถามน้องต่ออีก

"จำเป็นต้องรู้ด้วยหรอ?" แวนเนสย้อนถามพี่ชายด้วยสีหน้าเครียดๆ

"นายคิดว่ายังงัยหละ? เงินจำนวนห้าหลักขึ้นไปมันใช้ทำอะไรได้บ้าง? ชั้นไม่ได้อยากมองในแง่ร้ายหรอกนะแต่ถ้าเขาเอาไปทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องหละ?" เจอร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

"มันไม่เอาไปทำอะไรแบบที่นายคิดหรอก" แวนเนสแก้ตัวแทนเพื่อนทันที พี่ใหญ่ได้ยินก็นิ่งไปเพราะดูท่าทางน้องจะปกป้องเพื่อนเหลือเกิน

"โอเค....ชั้นบอกก็ได้ มันเอาไปจ่ายค่าห้อง ถ้ามันไม่จ่ายในวันนี้ก็โดนไล่ออก" แวนเนสเล่าให้พี่ชายฟังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

"เรื่องนี้ก็ใช่ว่าชั้นจะไม่ได้ปรึกษาใคร เมื่อวานชั้นคุยกับแม่แล้ว" ขยายความให้พี่ชายฟังต่อ

"ค่าเช่าห้องตั้งหกหมื่นเชียวหรอ?" พี่ใหญ่ถามน้องต่ออีกซึ่งแวนเนสก็ลอบถอนหายใจก่อนจะพยักหน้ารับ

"ห้องอะไรเดือนละตั้งหกหมื่น?" ถามรุกน้องชายต่ออีก

"มันพักเป็นคอนโดและค่าเช่าไม่ใช่แค่เดือนเดียวแต่มันค้างเขามาห้าเดือนแล้วรวมเดือนนี้ด้วยก็เป็นหกหมื่น" แวนเนสอธิบายให้ฟัง

"ค่าเช่าห้องเดือนละหมื่น? แวนเนส.....เพื่อนนายคนนี้เขาทำงานอะไร?" แวนเนสนิ่งเงียบเมื่อได้ยินคำถามพี่ชาย

"ถ้าเขาแบกรับค่าเช่าขนาดนี้ไม่ไหวทำไมถึงไม่ไปมองหาห้องพักที่มันราคาต่ำกว่านี้หละ?" เจอร์รี่มองหน้าน้องชายอย่างไม่เข้าใจ

"ชั้นจะไปรู้ได้ยังงัยหละ? แล้วทำไมนายถึงมองคนอื่นในแง่ร้ายนัก?" แวนเนสเริ่มหงุดหงิดที่พี่ชายถามมากความ

"ชั้นมองในแง่ร้ายหรือนายมองในแง่ดีเกินไปกันแน่? ถ้าเป็นแบบนี้เดือนต่อไปเขาไม่มีจ่ายก็มายืมนายอีกงั้นหรอ? แบบนี้นายจะถมให้เขาเต็มได้เมื่อไหร่?" เจอร์รี่พยายามอธิบายเหตุผลให้น้องฟัง

"สมมติว่าเพื่อนนายป่วยเข้าโรงบาลแล้วต้องการใช้เงินก้อนหนึ่งอาจจะเป็นแสนหรือหลายแสนเพื่อรักษาโรคให้หายได้ ถ้าเขาไม่มีแล้วมาขอความช่วยเหลือจากนายชั้นจะไม่ว่าอะไรเลย จะยินดีใช้เงินของชั้นเองไปช่วยด้วยซ้ำ แต่นี่อะไร? จ่ายค่าเช่าห้อง? มันสมเหตุสมผลกันมั๊ยกับจำนวนเงินตั้งมากมายขนาดนี้?" แวนเนสก้มหน้านิ่งเมื่อเจอกับเหตุผลข้อนี้เข้าไป

"จริงอยู่ว่าเงินที่นายให้เขายืมมันมาจากน้ำพักน้ำแรงของนาย แต่ก่อนใช้จ่ายอะไรก็คิดถึงความลำบากของตัวเองก่อนที่จะได้มาด้วยสิ ชั้นก็ไม่อยากพูดหรอกนะ แต่เท่าที่ฟังมาชั้นไม่เห็นด้วยทุกประการที่นายช่วยเหลือเพื่อนด้วยวิธีนี้" พูดจบพี่ใหญ่ก็ถอนหายใจยาว

"แล้วนายจะให้ชั้นปฏิเสธยังงัย? เขาเอ่ยปากขอความช่วยเหลือมาขนาดนั้น" แวนเนสพูดเสียงแผ่ว

"ก็เพราะนายเป็นคนแบบนี้งัยใครๆถึงเข้ามาหาประโยชน์จากนายได้ง่ายๆ" ต่อว่าน้องชายออกไปอย่างเหลืออด

"นายไม่ต้องบอกชั้นก็พอจะรู้ว่าเพื่อนคนนี้อยู่ในกลุ่มไหน? ทุกครั้งที่ไปเที่ยวด้วยกันมีครั้งไหนที่นายไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายให้หรือเปล่า?" แม้จะไม่พอใจน้องชายแต่พี่ใหญ่ก็ไม่ได้ใส่อารมณ์พูดกับน้องเพราะรู้ว่าน้องก็ค่อนข้างเครียดเช่นกัน

"เวลานายลำบากหรือเดือดร้อนเขาเคยเสนอตัวเข้าช่วยหรือเปล่า? หรืออย่างน้อยเขารับฟังปัญหาของนายได้มั๊ย?" แวนเนสมีสีหน้าสลดลงเรื่อยๆจนเจอร์รี่ก็นึกสงสารน้องเช่นกัน

"คนเป็นเพื่อนกันอย่างน้อยเขาควรอยู่เวลาที่นายต้องการสิ แล้วเพื่อนนายคนนี้เขาอยู่ไหนเวลาที่นายต้องการเพื่อนซักคนน่ะ?" ถามทิ้งท้ายไว้ให้น้องชายคิดตาม

"เอาหละ.....ไหนๆนายก็ให้เขายืมไปแล้วชั้นต่อว่านายไปก็เท่านั้นและสำหรับเรื่องนี้ชั้นจะไม่ยกเอามาพูดให้ต้องหงุดหงิดกันอีก ชั้นจะพูดแค่นี้หละ" ว่าพร้อมกับตบไหล่น้องเบาๆแล้วหมุนตัวจะออกไป

"นายโกรธชั้นมั๊ย?" แวนเนสถามขึ้นมาก่อนเจอร์รี่จึงชะงักไป

"ไม่รู้สิ จะว่าโกรธก็ไม่ใช่แต่ไม่โกรธเลยก็ไม่ใช่อีก" เจอร์รี่ตอบไปตามตรง

"ชั้นขอโทษที่ทำอะไรไม่ปรึกษานายก่อน" พูดด้วยสีหน้าจ๋อยๆ พี่ใหญ่จึงเดินกลับมาหาน้องอีกครั้ง

"นายก็ปรึกษาแม่ไปแล้วนี่" พูดเป็นเชิงปลอบใจน้อง

"แต่แม่ไม่ได้รู้รายละเอียดขนาดนี้" แวนเนสแย้งก่อนจะถอนหายใจ

"ไม่ต้องคิดมาก ไปนอนได้แล้ว" พูดพร้อมกับจูงมือน้องไปที่เตียง เมื่อเห็นน้องยังดูท่าทางซีเรียสเขาเลยเอ่ยปากทำลายบรรยากาศขึ้น

"จะเครียดทำไม? เดี๋ยวเขาคงหามาคืนนายได้แหละ" แวนเนสยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแล้วส่ายหน้า

"ชั้นไม่หวังได้คืนหรอก แค่ไม่มายืมอีกก็บุญแล้ว" เจอร์รี่ยิ้มก่อนจะนั่งลงที่เตียงน้องชาย

"รู้แบบนี้แล้วทำไมยังให้เขาไปอีก" แวนเนสยังไม่ตอบแต่ขยับเอาหัวไปพิงกับไหล่พี่ชาย

"ชั้นกลัวมันโดนไล่ออกจากคอนโดแล้วจะมาขออยู่ที่บ้านเราน่ะสิ" พูดแบบติดตลกซึ่งทำให้พี่ใหญ่หัวเราะออกมาได้

"นอนได้แล้ว" พูดตัดบทแล้วตบที่หมอนเบาๆ แวนเนสจึงเอนตัวนอนลงที่เตียงอย่างว่าง่าย

"พี่ใหญ่" แวนเนสเรียกพี่ชายพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นมา เจอร์รี่ส่ายหน้าไปมาน้อยๆก่อนจะโน้มตัวลงไปกอดน้อง

"เมื่อไหร่จะโตซักที? ต่อไปแต่งงานมีเมียมีลูกแล้วจะมาอ้าแขนหาพี่ใหญ่แบบนี้ไม่ได้แล้วนะ" พูดต่อว่าน้องชายแบบไม่จริงจังนัก

"ไว้ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกที" แวนเนสว่าแล้วก็คลายมือออก

"ราตรีสวัสดิ์ครับ" พูดจบก็หอมแก้มพี่ชายเบาๆ

"อื้ม! หลับตานอนได้แล้ว" พี่ใหญ่จูบแรงๆที่หน้าผากคืนให้แล้วดึงผ้าห่มมาห่มให้น้องชาย เขามองดูน้องครู่หนึ่งก็ปิดไฟแล้วเดินออกไป



- ชั้นล่างของบ้าน -

"คุยอะไรอยู่?" เจอร์รี่เอ่ยถามสมาชิกคนอื่นที่นั่งคุยกันอย่างสนุก

"ไจ่ไจ๋กำลังเล่าว่าวันนี้ลูกสอนอะไรให้น้องบ้างน่ะ" พ่อตอบแทนลูกชายคนเล็ก

"ไจ่ไจ๋นี่เก่งนะ เมื่อกี้แม่ถามอะไรตอบได้หมดเลย" แม่ชมลูกชายคนเล็กออกมายิ้มๆ

"แหงหละ คนมันเก่งนี่แม่" ไจ่ไจ๋ตอบรับหน้าตาเฉยทำให้คนอื่นๆพากันหัวเราะออกมา

"โม้ใหญ่เลยนะ" เจอร์รี่ว่าพร้อมกับขยี้หัวน้องอย่างหมั่นไส้

"ไม่ได้โม้ซักหน่อย ผมน่ะเก่งกว่าพี่กลางอีกนะตอนนี้เพราะเมื่อกี้พี่กลางยังไม่รู้เลยว่าบริษัทเรามีกี่แผนก" ไจ่ไจ๋ได้ทีฟุ้งใหญ่

"เฮ้ยๆๆๆ!!! น้อยๆหน่อยไจ่ไจ๋!" เคนรีบโวยวายใส่น้องขึ้นมาทันที

"อ้าว.....หรือไม่จริง เมื่อกี้พี่กลางบอกว่าบริษัทเรามีกี่แผนกนะพ่อ?" ไจ่ไจ๋แกล้งพี่ชายต่ออีก เคนกระตุกแขนน้องชายเป็นเชิงให้หยุดพูดเพราะถ้าขืนพี่ใหญ่รู้ว่าเขาตอบไม่ได้ว่าบริษัทมีกี่แผนกคงได้ลากตัวเขาไปติวเข้มแบบตัวต่อตัวอย่างแน่นอน

"แถมพี่กลางยังจำไม่ได้อีกด้วยว่าถ้าหากลูกค้าต้องการซื้อของเป็นแบบเป็นโปรเจค...." พูดมาถึงตรงนี้น้องเล็กก็โดนเคนล็อกคอแล้วล้มทับ

"โอ้ย!!! ไม่พูดแล้วๆๆๆ!! อื้อ!! ฮ่าๆๆๆ!!!" ไจ่ไจ๋ร้องลั่นก่อนจะหัวเราะออกมาดังๆเพราะโดนพี่ชายจี้เอวไปด้วย

"พอได้แล้ว! เดี๋ยวน้องมันก็ตายพอดีตัวก็ไม่ใช่เล็กๆทับมันลงไปได้!" พี่ใหญ่ปรามน้องชายคนกลางแล้วดึงตัวน้องขึ้นมา

"โอ้ย! กระดูหักหมดแล้วเนี่ย....." เมื่อพี่ใหญ่จับเคนแยกออกไปแล้วไจ่ไจ๋ก็โอดครวญขึ้นมาทันที

"ให้มันหักให้หมดเลย! อยากกวนดีนัก!" เคนแหวใส่น้องชายจึงโดนพี่ใหญ่เขกหัวเข้าให้

"ตัวเองแกล้งน้องยังจะไปว่าน้องอีก" ต่อว่าเคนแล้วขยับเข้าไปหาไจ่ไจ๋

"เป็นยังงัยบ้าง? เจ็บตรงไหนบอกพี่ซิ?" พี่ใหญ่รีบเข้าไปโอ๋น้องเล็กทันที เคนจึงหันไปพยักเพยิดให้พ่อกับแม่ดูว่าพี่ใหญ่โอ๋น้องเล็กขนาดไหน

"เจ็บแขน" ไจ่ไจ๋ได้ทีอ้อนพี่ชาย

"ไหน? ตรงนี้หรอ?" เจอร์รี่จับแขนน้องขึ้นมาแล้วนวดให้

"อืม....ตรงนั้นแหละดีจัง....." น้องเล็กพูดอย่างพอใจ

"ปวดขาด้วยเนี่ย" เสร็จแล้วก็ชี้ไปที่ขาตัวเอง เจอร์รี่พาซื่อจับขาน้องมานวดให้อีก

"ปวดคอด้วยมั๊ยไจ่ไจ๋? เดี๋ยวพี่ช่วยนวดให้" เคนพูดแทรกขึ้นมาอย่างหมั่นไส้

"ไม่ต้องครับ ถ้าขืนให้พี่กลางนวดคงบีบคอผมตายก่อนแน่" ไจ่ไจ๋พูดดักคออย่างรู้ทันพี่ชาย

"หึๆๆๆ" พ่อแม่หันไปหัวเราะด้วยกันกับความเจ้าเล่ห์ของลูกชายคนเล็ก

"ยังจะมาหาเรื่องน้องอีกนายน่ะทำน้องเจ็บซะขนาดนี้ยังไม่สำนึกอีก" เจอร์รี่ต่อว่าเคนเข้าให้ เล่นเอาเคนถึงกับหน้าเหวอ

"เฮ้ย!! ชั้นเนี่ยนะทำมันเจ็บ?" เคนอุทานออกมาก่อนจะตบไหล่พี่ชายแล้วพูดต่อ

"เจอร์รี่ นายรู้มั๊ยว่าถ้าไจ่ไจ๋มันเกิดเป็นผู้หญิงแล้วมาอ้อนออเซาะนายแบบนี้ซักวันนายโดนมันปอกลอกหมดตัวแน่ แค่นี้ยังดูไม่ออกหรืองัยว่ามันแกล้งทำสำออยน่ะ!" เคนเอ็ดใส่พี่ชายเข้าให้บ้าง

"ว่าชั้นโง่หรอ?" แหวใส่น้องชายกลับบ้าง

"ชั้นไม่ได้พูดนะ" เคนยักไหล่พร้อมกับทำหน้ากวนๆ

"ไอ้น้องคนนี้!" เจอร์รี่ชี้หน้าพร้อมกับเอื้อมมือไปล็อคคอน้องชาย

"โอ้ยๆๆๆ!!! ชั้นไม่ได้ว่านายเลยนะ!!" เคนร้องโวยวายลั่น

"ไม่ได้ว่าหรอ? นี่แหนะๆๆๆ!!" เจอร์รี่จี้เอวเคนเป็นการเอาคืนให้ไจ่ไจ๋

"ฮ่าๆๆๆ!! ไม่เอาแล้ว!!" เคนหัวเราะพร้อมกับร้องห้าม ไจ่ไจ๋หัวเราะเยาะเคนอย่างสะใจ

"เจอร์รี่! น้องเพิ่งกินข้าวอิ่มๆเดี๋ยวก็จุกพอดี!" แม่ห้ามปรามลูกชายคนโตเมื่อเห็นเคนสู้ไม่ได้

"หมั่นไส้! มีแต่คนคอยช่วยตลอดเลยนะ" กัดฟันพูดกับน้องชายคนกลางก่อนจะยอมรามือ

"มาให้กอดหน่อยซิ" อ้าแขนออกพร้อมกับพูดกับเคน

"ไปกอดน้องชายสุดที่รักของนายโน้นไป!" เคนว่าแล้วก็หันหลังหนีพี่ชาย

"เล่นตัวเก่งมั๊ยหละลูกชายคนดีของพ่อแม่น่ะ" เจอร์รี่หันไปพูดแขวะกับพ่อแม่

"ที่น้องไม่ยอมให้เรากอดเพราะเราชอบดุน้องเองนี่ ดูสิ.....พ่อกอดน้องยังไม่บ่นอะไรซักคำ" พ่อเอ่ยขึ้นพร้อมกับขยับเข้าไปกอดลูกชายคนกลาง

"ฮึ! จำไว้เลยนะ แล้วอย่ามาหาว่าพี่ใหญ่ลำเอียงอีกแล้วกัน" พูดจบก็หันไปกอดน้องเล็กแทน

"นายน่ะน่ารักที่สุดแล้ว" เอ่ยชมน้องเล็กซึ่งหน้า ไจ่ไจ๋ยิ้มเขินๆก่อนจะซบหน้าลงที่อกพี่ชาย

"เออนี่.....ถ้าวันนึงนายเกิดไม่ใช่น้องคนเล็กแล้วนายจะว่ายังงัย?" เจอร์รี่แกล้งถามแหย่น้อง

"หา? หมายความว่ายังงัยพี่ใหญ่?" ไจ่ไจ๋เงยหน้าถามพี่ชายอย่างงงๆ

"ก็หมายความว่าถ้าแม่เกิดมีน้องอีกคนนายจะว่ายังงัย?" ได้ยินคำอธิบายเช่นนั้นไจ่ไจ๋ก็นิ่งเงียบทันที

"ว่างัยหละ?" ถามย้ำอย่างต้องการคำตอบ ไจ่ไจ๋ซบหน้าลงที่อกพี่ชายตามเดิม

"ก็ดี" ตอบด้วยน้ำเสียงหงอยๆ

"ไปแกล้งน้อง!" แม่ต่อว่าลูกชายคนโตโดยไม่ออกเสียง แต่เจอร์รี่ส่งสัญญาณให้แม่อย่าเพิ่งเฉลย

"แม่กำลังมีน้องอีกคนหรอครับ?" เคนถามขึ้นมาบ้างเพราะไม่ทันสังเกตว่าพี่ชายส่งซิกส์กับแม่อยู่

"ใช่แล้ว...." เจอร์รี่ตอบคำถามนั้นแทน

"โอโห! พ่อนี่เก่งชะมัด!" เคนว่าแล้วก็หันไปชมพ่อทันที

"ไอ้นี่! ทะลึ่งใหญ่แล้ว!" เจอร์รี่ทำเสียงดุน้อง เคนยิ้มแหยๆก่อนจะขยับไปนั่งใกล้ๆแม่

"ท้องกี่เดือนแล้วครับแม่? แล้วรู้หรือยังว่าน้องเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย?" ถามแม่อย่างเป็นการเป็นงานจนพ่อแม่และพี่ชายเกือบจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน

"ลูกคิดว่ายังงัยหละจ๊ะ?" แม่ย้อนถามลูกชายยิ้มๆ ทำให้เคนรู้ทันทีว่าทุกคนกำลังแกล้งน้องเล็กอยู่จึงผสมโรงด้วย

"ต้องเป็นผู้หญิงแน่นอน นายตกกระป๋องแล้วไจ่ไจ๋ พี่ใหญ่เขาฝันใฝ่มากว่าอยากได้น้องสาวงานนี้สมใจเขาหละ" เคนหันไปพูดกับน้องเล็กที่ยังซบหน้าอยู่กับอกพี่ใหญ่

"พี่ใหญ่อยากได้น้องสาวมากหรอ?" ไจ่ไจ๋เงยหน้าถามพี่ชายด้วยสีหน้าจริงจัง

"อืม....เด็กผู้หญิงน่ะน่ารักจะตาย" เจอร์รี่ตอบพร้อมกับขยายความอีกด้วย

"อ้อ! นั่นสินะ" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็นิ่งไปอีก

"นี่....น้องยังไม่ทันเกิดนายก็อิจฉาน้องแล้วหรอ?" เคนแหย่น้องด้วยอีกคน

"เปล่าหนิ" ไจ่ไจ๋ส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะฝืนยิ้มแต่ก็แอบน้อยใจที่ตัวเองจะไม่ใช่คนเล็กของบ้านอีกแล้ว

"ท้องกี่เดือนแล้วครับแม่?" หันไปถามแม่บ้าง เห็นสีหน้าหงอยๆของลูกชายแม่ก็สงสารจึงอ้าปากจะเฉลยแต่พ่อพูดแทรกขึ้นมาก่อน

"สองเดือนแล้วลูก พ่อถึงพาแม่กลับมาที่นี่งัย กะจะให้แม่อยู่จนน้องคลอดเลย" แม่ได้ยินก็หันไปถลึงตาใส่พ่อที่รวมหัวกับลูกชายตัวแสบด้วย

"อ้อ...รู้แล้ว....." ไจ่ไจ๋รับคำหงอยๆ

"ดีจังแม่ ผมเองก็อยากมีน้องสาวเหมือนกัน" เคนพูดย้ำขึ้นมาอีก ทำให้ไจ่ไจ๋เริ่มรู้สึกน้อยใจมากขึ้น

"พี่กลางก็อยากได้น้องสาวมากหรอ?" หันไปถามพี่ชายบ้าง

"ใช่แล้ว" เคนยักคิ้วตอบ

"ก็ดีเหมือนกัน น้องคลอดแล้วคงไม่มีใครมายุ่งกับผมอีกผมคงมีอิสระเต็มที่ก็คราวนี้แหละ" พูดด้วยน้ำเสียงประชดแล้วทำท่าจะลุกขึ้น

"จะไปไหนลูก?" แม่รีบดึงแขนลูกชายไว้ก่อน

"จะไปนอนแล้วครับ" ไจ่ไจ๋ตอบแล้วดึงมือแม่ออก

"ราตรีสวัสดิ์ครับทุกคน" พูดจบก็ทำท่าจะเดินไปแต่พี่ใหญ่กลับเดินมาโอบไหล่น้องชาย

"เดี๋ยวสิไจ่ไจ๋....." แต่น้องเล็กจับมือพี่ชายออก

"พี่จะบอกว่าที่พูดไปเมื่อกี้นี้เราพูดเล่นกันเฉยๆ" เฉลยให้น้องชายฟัง น้องเล็กได้ยินก็ชะงักไป

"ใช่ลูก แม่ไม่ได้มีน้องหรอก พี่ชายกับพ่อของลูกแกล้งแหย่ลูกเฉยๆ" แม่ช่วยอธิบายให้ฟังด้วย

"ความจริงแม่ก็น่าจะมีน้องสาวอีกซักคนนะ" ไจ่ไจ๋พูดเสียงเรียบๆ

"อ้าว! ทำไมพูดแบบนี้หละ?" แม่ย้อนถามลูกชายอย่างไม่เข้าใจ

"ก็พี่ใหญ่กับพี่กลางเขาอยากได้น้องสาวนี่ มีอีกซักคนให้เขาสมหวังกันงัย" พูดประชดพี่ชายทั้งคู่ด้วยความน้อยใจ ทำให้พี่ชายทั้งคู่ได้แต่อมยิ้ม

"งอนหรอไอ้ตัวดี?" เคนว่าพร้อมกับเอื้อมมือไปขยี้หัวน้อง

"ไม่ต้องมายุ่ง!" ปัดมือพี่ชายออกแล้วเดินหนีขึ้นห้องไปทันที

"ไจ่ไจ๋!!" แม่ร้องเรียกลูกชายแต่ไจ่ไจ๋ไม่หยุดกลับเดินดุ่มๆขึ้นห้องไปทันที

"ได้เรื่องมั๊ยหละ?" แม่หันมาทำหน้างอใส่คนช่างแกล้งทั้งหลายก่อนจะตามลูกชายคนเล็กขึ้นไป

"เอ่อ...." สามคนพ่อลูกได้แต่ยิ้มแหยๆให้กัน

"เพราะนายอ่ะจะเริ่มทำไมไม่รู้" เคนได้ทีโทษพี่ชายเป็นการใหญ่

"นี่! แล้วเราไม่ได้มีส่วนด้วยหรืองัยกัน?" เจอร์รี่เถียงข้างๆคูๆ

"ก็ถ้านายไม่พูดชั้นจะพูดมั๊ยฮึ?" เคนเองก็ไม่ยอมแพ้

"ไม่เอาน่าลูก อย่าเถียงกันเลย รอลุ้นดีกว่าว่าแม่จะโอ๋เจ้าตัวดีของเราสำเร็จหรือเปล่า?" พ่อเอ่ยปากห้ามไม่ให้ลูกชายเถียงกันอีก

"นายว่างัย?" เคนถามพี่ชายยิ้มๆ

"ก็ว่าเหมือนที่นายคิดนั่นแหละ" ตอบน้องชายอย่างขำๆเช่นกัน

"ไม่รู้จักโตซักทีเรื่องแค่นี้ก็ทำงอนไปได้" เคนต่อว่าน้องชาย

"ว่าแต่น้อง เมื่อก่อนตัวเองทั้งแผลงฤทธิ์ทั้งอาละวาดจนบ้านแทบพังตอนที่รู้ว่าแม่มีไจ่ไจ๋น่ะ" เจอร์รี่ต่อว่าน้องชายเข้าให้ด้วย

"ชั้นเนี่ยนะ?" เคนชี้หน้าตัวเอง

"ใช่สิ! ไม่เชื่อก็ถามพ่อดู.....นายเล่นไม่เอาใครเลยมีแค่อาเจียงถึงจะเอานายอยู่" เจอร์รี่หลุดปากพูดออกมาแล้วก็อึ้งไปเพราะรู้ว่าคำพูดของเขาสะกิดความรู้สึกของพ่อและน้องชาย พ่อในตอนนี้มีสีหน้าสลดลง

"ไม่จริงใช่มั๊ยพ่อ? ตอนเด็กๆผมออกจะน่ารักเนอะ" เคนหันไปถามพ่อเหมือนไม่ได้เกิดอะไรขึ้น

"แน่นอน ลูกน่ารักสำหรับพ่อเสมอและไม่ว่าตอนไหนพ่อก็รักลูกหมดหัวใจเลย" พ่อตอบพร้อมกับยิ้มให้ลูกชายเช่นกัน เจอร์รี่ถอนหายใจโล่งอก

"พ่อพูดแบบนี้ระวังใครบางคนจะน้อยใจนะ" เคนว่าพร้อมกับเหล่ไปทางพี่ชาย

"พี่ชายลูกน่ะหรอพ่อจะบอกให้ว่าเขาน่ะอิจฉาน้องเก่งกว่าใครเลย ตอนที่พี่รองของลูกเกิดพี่ใหญ่เขาก็ยังไม่รู้เรื่องเท่าไหร่แต่ไม่รู้ทำไมถึงงอแงจนพ่อกับแม่ไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลยแหละ หลังจากนั้นก็อ้อนซะจนแม่แทบให้นมพี่รองเขาไม่ได้แหนะ" พ่อเลยเอาเรื่องของเจอร์รี่มาเผาให้เคนฟัง

"ไม่จริงอ่ะ พ่อจำสับสนแล้ว" เจอร์รี่แย้งขึ้นทันที

"ไม่มีทาง พ่อน่ะเก็บทุกรายละเอียดของลูกทุกคนเลยไม่มีทางจำผิดแน่ๆ" พ่อยืนกรานหนักแน่น

"แล้วตอนที่ลูกเกิดนอกจากพ่อยังต้องมารบรากับความอิจฉาน้องของพี่รองแล้วยังต้องโอ๋พี่ใหญ่เขาด้วยนะเพราะตอนนั้นพี่ใหญ่งอนหนักเหมือนกัน" พ่อเล่าต่อ

"ลูกรู้มั๊ยพี่ใหญ่เขางอนเรื่องอะไร?" พ่อย้อนถามเคน

"ไม่รู้ครับ งอนที่พ่อกับแม่สนใจผมมากกว่าหละสิ" เคนตอบแบบเดาๆ

"ไม่ใช่ แต่งอนเพราะว่าเขาได้น้องชายอีกคนแทนที่จะเป็นน้องสาวน่ะ" ได้ยินเช่นนั้นเคนก็หัวเราะก๊าก

"ปัญญาอ่อนชะมัด! จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเลือกเองได้หรอ?" ได้ทีหลอกด่าพี่ชาย

"นี่! ด่าชั้นหรอ?" ทำหน้าเข้มใส่น้องทันที เคนจึงแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้

"รู้หรือเปล่าว่าพี่ใหญ่ของลูกน่ะเล่นเดินถามพยาบาลทุกคนเลยว่าน้องเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเพราะนึกว่าพ่อแม่แกล้งหลอก แต่พอเขาตอบตรงกันหมดว่าเป็นผู้ชายทีนี้แหละอาละวาดโวยวายใหญ่" พ่อเล่าพลางหัวเราะพลางเมื่อนึกไปถึงสีหน้าท่าทางของลูกชายในตอนนั้น

"ไม่น่าหละ พี่ใหญ่เขาถึงเกลียดขี้หน้าผมนัก" เคนแอบว่ากระทบพี่ชาย แต่คำพูดนั้นกลับทำเอาพี่ชายถึงกับสะอึก

"พูดอะไรแบบนี้หละลูก?" พ่อว่าเป็นเชิงเตือนกลายๆ เคนเริ่มรู้ตัวก็หันไปทางพี่ชาย

"เอ่อ.....ชั้นพูดเล่น...." รีบแก้ตัวขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นพี่ชายเริ่มซีเรียส

"ชั้นรู้ว่าพี่ใหญ่รักชั้นมาก ไม่งั้นก็คงไม่ดุให้เมื่อยปากไม่ตีให้เมื่อยมือหรอกเนอะ" ทำปากหวานกับพี่ชายทันที

"อืม" พี่ใหญ่เพียงแต่พยักหน้ารับเท่านั้น เคนจึงหันไปทำหน้าเจื่อนๆกับพ่อ

"พ่อว่า....พ่อไปช่วยแม่กล่อมน้องชายลูกดีกว่า" พ่อว่าแล้วก็ลุกเดินออกไปโดยปล่อยให้ลูกชายคุยกันเอง

"โห....ทิ้งกันง่ายๆแบบนี้เลย....." เคนบ่นอุบแต่พอเห็นพี่ชายมองอยู่ก็ยิ้มแหยๆ

"พี่ใหญ่.....ขนมที่ซื้อมาให้กินวันนี้อร่อยดีพรุ่งนี้ซื้อให้กินอีกนะ" เคนไม่รู้จะพูดยังงัยจึงเอ่ยปากอ้อน เจอร์รี่เหลือบมองน้องชายนึกขำขึ้นมาเหมือนกันแต่ก็เพียงแต่พยักหน้ารับเท่านั้น

"งั้นชั้นไม่รบกวนแล้ว ไปนอนก่อนแล้วกัน" เคนไม่รู้จะพูดอะไรดีจึงขอตัวไปนอน

"เดี๋ยว" เจอร์รี่เรียกน้องไว้ก่อน เคนจึงหันมาอีกครั้ง

"มานี่ซิ" เจอร์รี่อ้าแขนทั้งสองข้างออกพร้อมกับร้องเรียกน้องชาย เคนทำหน้าลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปให้พี่ชายกอด

"เมื่อไหร่จะเลิกพูดประชดพี่แบบเจ็บๆอย่างนี้ซักที?" เอ่ยถามน้องเบาๆ

"ชั้นขอโทษ ชั้นก็ปากไวแบบนี้แหละ อย่าถือสาเลยนะ" ว่าพร้อมกับกอดพี่ชายตอบ

"ง่วงนอนแล้ว พาไปส่งหน่อยนะ" บอกกล่าวกับพี่ชายด้วยท่าทางเหมือนเด็กๆ จนพี่ใหญ่หลุดยิ้มออกมาจนได้

"จะบอกอะไรอย่างนึงเอามั๊ย?" ดันตัวน้องออกอย่างอ่อนโยนพร้อมกับตั้งคำถามขึ้น

"บอกอะไรหรอ?" ทำหน้างงๆในขณะที่ย้อนถามพี่ชาย

"ที่ชั้นดุนายมากกว่าคนอื่นก็เพราะแบบนี้แหละ" เคนยังทำหน้าไม่เข้าใจอยู่ดี

"เพราะนายจะได้เข้ามาอ้อนชั้นบ่อยๆงัย" เฉลยให้น้องฟังยิ้มๆ

"นิสัยไม่ดี!" เคนต่อว่าพร้อมกับตีแขนพี่ชายทีหนึ่งแล้วทำท่าจะเดินขึ้นห้อง

"อ้าว! จะไปไหนหละ? ไหนบอกจะให้พี่ใหญ่ไปส่งงัย?" เจอร์รี่วิ่งตามพร้อมกับเซ้าซี้น้องชาย

"ไม่ต้องแล้ว! ชั้นไปเองได้!" เคนปัดมือพี่ชายที่ยื้อยุดเขาออก

"ไปส่ง" ว่าพร้อมกับจูงมือน้องชาย แต่เคนก็ปัดมือพี่ชายออกให้วุ่น

"บอกว่าไม่ต้อง! ไปไกลๆเลย!" แหวใส่พร้อมกับทำตาขวาง

"ไม่ให้จูงงั้นพี่ใหญ่อุ้มขึ้นไปนะ!" พูดจบก็ทำท่าจะอุ้มน้องชาย เคนเลยโวยวายเสียงดังลั่น

"ไม่ต้องๆๆๆ!!! ไม่เอา!! อย่ามายุ่ง!!!" ร้องโวยวายพลางวิ่งหนีไปรอบบ้าน

"หึๆๆๆ" พี่ใหญ่ยืนหัวเราะน้องชายที่ค้อนใส่เขาเสียหลายตลบ

"ไม่เล่นแล้ว มาเร็ว....." พูดสงบศึกแล้วยื่นมือออกไป เคนมองพี่ชายอย่างไม่ค่อยไว้ใจแต่แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

"เมื่อกี้บอกจะอุ้มใช่มั๊ย?" ถามพี่ชายพร้อมกับยิ้มหวานจ๋อย เจอร์รี่ได้ยินก็ส่ายหน้าทันที

"ใครบอก? ไม่มีอ่ะ" เคนทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชายแล้วเดินไปหา

"ไม่อุ้มขึ้นไปคืนนี้ก็ไม่นอน" พี่ใหญ่อ้าปากค้างเมื่อโดนน้องชายเล่นงานเข้าให้บ้าง

"จะบ้าหรอ! ตัวไม่ใช่เล็กๆจะให้อุ้ม!" แหวใส่น้องเข้าให้

"งั้นขี่คอก็ได้" เคนต่อรองเพราะอยากแกล้งพี่ชาย

"ให้นายขี่คอชั้นคงคอหักตายตรงแถวๆบันไดขั้นแรกแน่ๆ" ได้ยินเช่นนั้นเคนก็ค้อนใส่พี่ชาย

"แล้วมาบอกว่ารักให้ขี่คอแค่นี้ก็ไม่ได้" เคนแกล้งบ่นดังๆให้พี่ชายได้ยิน

"ไอ้....เฮ่อ!.....ก็ได้ๆๆๆ ให้ขี่คอก็ได้" พี่ใหญ่ไม่รู้จะทำยังงัยจึงต้องยอมตามใจน้อง

"จริงนะ! ห้ามทำตกนะ! ไม่งั้นชั้นพิการนายต้องเลี้ยงไปตลอดชาติเลย" ไม่วายพูดขู่พี่ชายไว้ก่อนจะรีบกระโดดขึ้นหลังพี่ชาย

"โอ้ย! ตัวหนักชะมัด!" เจอร์รี่บ่นอุบแล้วยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล

"อย่าบ่นๆๆๆ! ไปได้แล้วเร็วๆ!" เคนกอดคอพี่ชายพร้อมกับเร่งยิกๆ

"วันนี้จะยอมให้ซักครั้งนะไอ้ตัวร้าย!" ต่อว่าน้องชายเบาๆแล้วพาน้องขึ้นไปส่งที่ห้องนอน





 

Create Date : 30 มีนาคม 2552    
Last Update : 30 มีนาคม 2552 22:40:01 น.
Counter : 1129 Pageviews.  

Chapter 60

ตอนที่ 60

"กลับดึกจังลูก" แม่เอ่ยทักแวนเนสที่เพิ่งกลับมาจากทำงาน

"ทำไมแม่ยังไม่นอนอีกครับ?" แวนเนสยิ้มก่อนจะเดินมานั่งกับแม่

"ก็รอลูกนั่นแหละ กลับมาคราวนี้แม่ไม่ค่อยได้คุยกับลูกเลย งานยุ่งหรอจ๊ะช่วงนี้?" แม่ตอบพร้อมกับบีบมือลูกชายเบาๆ

"อืม....งานยุ่งนิดหน่อยครับ พอดีเหนื่อยๆด้วย" แวนเนสตอบพร้อมกับยิ้มให้แม่อีก

"พักผ่อนบ้างนะลูก เดี๋ยวจะป่วยเอา" แม่บอกลูกชายอย่างเป็นห่วงเป็นใย

"ครับ" แวนเนสรับคำสั้นๆแล้วนิ่งไป

"แล้วนี่กินข้าวกินปลามาหรือยัง? ไจ่ไจ๋เขาซื้อทอดมันเจ้าอร่อยมาฝากลูกน่ะ แต่คนซื้อรอไม่ไหวขึ้นไปนอนแล้ว" ได้ยินเช่นนั้นแวนเนสก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

"น้องคนนี้ช่างเอาใจไม่มีเปลี่ยน" ว่าพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

"เอาไว้พรุ่งนี้ดีกว่าครับ ตอนนี้กินอะไรไม่ลงแล้ว" ปฏิเสธพร้อมกับให้เหตุผล แม่ยิ้มก่อนจะลูบแก้มลูกชายอย่างอ่อนโยน

"แล้วพ่อนอนแล้วหรอ?" ถามแม่ต่ออีก

"พ่อยังไม่กลับจากงานเลี้ยงเลยไปกับเสี้ยวเทียนน่ะ" แม่ขยายความให้ฟัง

"ไม่น่าหละแม่ถึงได้ยังไม่ยอมนอน ต้องรอพ่อก่อนใช่มั๊ย?" เอ่ยแซวแม่ยิ้มๆ แม่จึงตีมือลูกชายเบาๆ

"คงดื่มกันมาด้วยแหละ แม่เลยจะรอชงกาแฟให้พ่อกับน้องน่ะ อีกเดี๋ยวก็คงกลับแล้วเพราะเมื่อกี้โทรมาบอกว่าออกมาจากงานเลี้ยงแล้ว" แม่พูดคุยกับลูกชาย

"เอ่อ....แม่ครับ....." หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งแวนเนสก็เรียกแม่เบาๆ

"ว่างัยจ๊ะ?" แม่ตอบรับและรอฟังอย่างใส่ใจ

"ถ้าสมมติว่าตอนนี้เพื่อนแม่กำลังเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือแม่จะช่วยเขามั๊ยครับ?" แวนเนสตั้งคำถามกับแม่

"แม่ก็จะช่วยเท่าที่ช่วยได้และต้องดูด้วยว่าเขาเดือดร้อนยังงัย?" แม่ตอบแล้วมองหน้าลูกชายอย่างพอจะเดาออก

"เพื่อนคนไหนจ๊ะ? บอกแม่ได้หรือเปล่า?" แวนเนสเงียบไป

"ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรจ๊ะ" แม่พูดอย่างเข้าใจ

"ความจริงเราก็ไม่สนิทกันเท่าไหร่แล้วก็เพิ่งรู้จักกันไม่นานด้วย" แวนเนสเริ่มต้นเล่าให้แม่ฟัง

"เขาเป็นเพื่อนของเพื่อนผมอีกที แต่ก็เคยออกไปเที่ยวด้วยกันบ้าง" ได้ยินแค่นี้แม่ก็พอจะรู้แล้วว่าคงจะเป็นเพื่อนในกลุ่มที่ชวนแวนเนสไปแข่งมอเตอร์ไซด์

"แล้วเขาเดือนร้อนยังงัยหรอตอนนี้?" แม่ถามลูกชายบ้าง

"เขา.....เดือนร้อนเรื่องเงินน่ะครับ" แวนเนสตอบ แม่ได้ยินก็เงียบไปครู่หนึ่ง

"ลูกเองก็โตแล้วรายได้ก็มีเป็นของตัวเอง เรื่องนี้ลูกต้องตัดสินใจเอง" บอกกล่าวกับลูกชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"แต่ว่า.....จำนวนก็ค่อนข้างมากนะครับ" แวนเนสเองก็ลังเลไม่รู้จะตัดสินใจยังงัยเช่นกัน

"มากขนาดที่ลูกให้เขาแล้วลูกจะเดือดร้อนหรือเปล่าหละ?" แม่ย้อนถามลูกชายกลับไป

"ก็ไม่ถึงกับเดือดร้อนหรอกครับ" แวนเนสตอบ

"แล้วความเดือดร้อนที่เขาได้รับตอนนี้ถ้าหากว่าเขาได้เงินที่ลูกให้ยืมแล้วมันจะบรรเทาลงได้หรือเปล่า?" แม่ถามกว้างๆเพื่อเป็นแนวทางให้ลูกชายคิดตาม

"ก็น่าจะช่วยได้บ้าง" แวนเนสตอบแล้วสบตากับแม่

"แค่นี้แม่ว่าลูกคงตัดสินใจได้แล้วนะ" แม่ว่าพร้อมกับยิ้มให้ลูกชาย แวนเนสจึงยิ้มตอบแม่ด้วยความสบายใจขึ้น

"ว่าแต่ทำไมลูกถึงดูกังวลกับเรื่องนี้จัง?" แม่ถามลูกชายบ้าง

"ก็.....แม่ก็รู้นี่ครับว่าพี่ใหญ่ไม่ชอบเพื่อนกลุ่มนี้ของผม กลัวว่าถ้าพี่ใหญ่รู้คงเรียกผมไปอบรมชุดใหญ่แน่" แม่ได้ยินก็หัวเราะเบาๆ

"คนเราจะให้ชอบเหมือนกันทุกอย่างได้ยังงัย? แต่ที่พี่เขาคอยตักเตือนลูกก็เพราะเขาหวังดีนะจ๊ะลูกเองก็อย่าหงุดหงิดพี่เขาเลย" แม่ว่าพร้อมกับเตือนลูกชายด้วยเช่นกัน

"ผมรู้ครับว่าเขาหวังดีแต่บางทีก็เกินไปหน่อย ครั้งที่แล้วผมออกไปเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มนี้กลับมาโดนตีตั้งหลายที" แวนเนสพูดเป็นเชิงฟ้อง

"ถ้าลูกอยากให้พี่เขาไว้ใจเราก็ต้องทำให้พี่เขารู้สิว่าเพื่อนของลูกก็ไม่ใช่แค่เพื่อนเที่ยวอย่างเดียว" ได้ยินเช่นนั้นแวนเนสก็เงียบ

"ตอนแรกที่แม่รู้ว่าเพื่อนลูกกลุ่มนี้ชวนลูกไปทำอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรแม่เองก็กังวลไม่น้อยเหมือนกันนะ แต่พอมาคิดดูแล้วแม่ก็เชื่อว่าลูกแม่คงสามารถดูแลตัวเองได้และลูกแม่คงไม่ทำให้แม่ผิดหวังแน่นอน" แวนเนสยิ้มเล็กน้อยแล้วเอาหัวซบลงที่ไหล่แม่แต่ไม่พูดอะไรอีก

"อ้าว.....แม่คิดว่าลูกนอนแล้วซะอีก" แม่ทักเมื่อเห็นเจอร์รี่เดินลงมา ทำให้แวนเนสเงยหน้าขึ้นมามองพี่ชาย

"ผมเพิ่งจะกล่อมเจ้าตัวยุ่งของแม่หลับไปได้เมื่อกี้นี้เอง" ตอบแม่ยิ้มๆแล้วมองเลยไปทางน้องชาย

"เพิ่งกลับมาหรอ?" เอ่ยทักน้องชายคนรอง

"กลับมาซักพักแล้ว" แวนเนสตอบพี่ชาย

"กินอะไรมาหรือยัง?" ถามน้องต่ออีก แวนเนสผงกหัวรับแทนคำตอบ ท่าทางเงียบๆของน้องทำให้เจอร์รี่รู้สึกถึงความผิดปกติแต่เขาก็ไม่ได้ถาม

"พ่อกับเสี้ยวเทียนยังไม่กลับอีกหรอครับ?" หันมาถามแม่แทน

"กำลังกลับจ๊ะ โทรมาบอกแล้วเมื่อกี้นี้" แม่ตอบแล้วเปลี่ยนสายตาไปทางลูกชายคนรอง

"แวนเนส วันนี้เหนื่อยมากแล้วไปอาบน้ำนอนเถอะ แม่มีเพื่อนรอพ่อกับน้องแล้ว" เอ่ยปากไล่ให้แวนเนสไปพักผ่อน

"อ้อ....ครับ....." แวนเนสรับคำอย่างง่ายดายก่อนที่จะหอมแก้มแม่เบาๆ

"งั้นผมไปพักผ่อนนะครับ" พูดจบก็ขยับตัวลุกขึ้น

"ชั้นไปนอนก่อนนะ" หันมาบอกกล่าวกับพี่ชายด้วย

"อืม....ไปเถอะ....." ตอบรับคำน้องชายแล้วมองดูจนน้องเดินหายขึ้นไปข้างบน

"แวนเนสเขาเป็นอะไรหรือเปล่าครับแม่?" เจอร์รี่ตั้งคำถามกับแม่หลังจากน้องออกไปแล้ว

"น้องก็มีเรื่องมาปรึกษาแม่นิดหน่อยน่ะจ๊ะ แต่ก็ไม่มีอะไรแล้ว" แม่ตอบยิ้มๆ

"เรื่องอะไรหรอ?" เจอร์รี่ถามต่ออีก

"แม่ต้องรักษาความลับของผู้มาปรึกษาจ๊ะไม่งั้นต่อไปน้องคงไม่ไว้ใจแม่อีก" แม่พูดติดตลก

"นี่แสดงว่าไปทำเกเรมาอีกหละสิเนี่ย" ได้ยินเช่นนั้นเจอร์รี่ก็เริ่มเดา

"ไม่ใช่หรอกลูก น้องไม่ได้ทำอะไรแต่มีเรื่องให้คิดไม่ตกแม่ก็แนะนำน้องไปแล้ว แต่น้องจะตัดสินใจยังงัยก็คงแล้วแต่น้องหละ" แม่ตอบพร้อมกับขยายความต่อ

"คิดไม่ตก? อย่างเจ้านี่มันมีเรื่องให้คิดไม่ตกด้วยหรอ?" ประโยคหลังพูดแล้วมองหน้ามารดาอย่างต้องการคำตอบ

"เอาน่า.....เราก็ไม่ต้องไปห่วงกังวลกับน้องไปซะทุกเรื่องหรอก น้องโตแล้วปล่อยให้น้องได้ตัดสินใจอะไรเองบ้างเถอะ" แม่ว่าพร้อมกับหยิกแก้มลูกชายเบาๆ

"จะไม่ให้ห่วงได้ยังงัยหละ? แม่ก็ดูแต่ละคนมันทำตัวกันสิเหมือนเด็กอายุสิบขวบไม่มีผิด" พูดเป็นเชิงบ่นน้องๆ

"ลูกก็เหมือนเด็กสิบขวบในสายตาแม่เหมือนกันนั่นแหละ" แม่ว่าพร้อมกับลูบหัวลูกชายไปด้วย

"หา? ผมเนี่ยนะ?" เจอร์รี่ว่าพร้อมกับชี้หน้าตัวเอง

"ใช่จ๊ะ เพราะสำหรับแม่แล้วลูกก็ยังเป็นเด็กสำหรับแม่เสมอ ก็เหมือนกับลูกที่เห็นน้องไม่ยอมโตนั่นแหละ" แม่อธิบายให้ลูกฟังยิ้มๆ

"แต่ความเป็นจริงก็ไม่ใช่ว่าลูกยังไม่เป็นผู้ใหญ่ เพียงแต่แม่ยังยอมรับว่าลูกโตแล้วไม่ได้แม่เลยยังไม่ยอมมองในด้านความเป็นผู้ใหญ่ของลูกซักที" เจอร์รี่ยิ้มแล้วกอดเอวแม่

"ลูกก็คงจะรู้สึกเหมือนแม่ถึงยังไม่ยอมมองด้านความเป็นผู้ใหญ่ของน้องซักที แบบนี้น้องก็ต้องเป็นเด็กเล็กๆสำหรับลูกวันยังค่ำนั่นแหละ" พูดจบก็มองหน้าลูกชายคนโตด้วยแววตารักใคร่

"เด็กอะไรจะตัวโตกันขนาดนี้" เจอร์รี่พูดด้วยเสียงปนหัวเราะ

"ผมอยากมีน้องสาวบ้างจัง แม่มีน้องผู้หญิงให้ผมซักคนสิ" แม่ได้ยินก็ตีแขนลูกชายเบาๆ

"ลูกคนนี้พูดอะไรเป็นเล่นไป!" เจอร์รี่หัวเราะร่าแล้วเอนตัวนอนหนุนตักแม่

"ลองแม่มีขึ้นมาจริงๆแล้วลูกจะปวดหัว" ว่าพร้อมกับลูบหัวลูกชาย

"ไม่หรอกครับ เด็กๆน่ะเลี้ยงง่ายจะตาย แค่กินอิ่มนอนหลับก็ไม่งอแงแล้ว" พูดกับแม่ยิ้มๆ

"ใช่.....น้องสาวลูกคงไม่งอแงแต่น้องชายลูกสามคนคงงอแงกันน่าดูโดยเฉพาะไจ่ไจ๋ที่เคยเป็นคนเล็กกลับกลายมามีคนเล็กกว่าน้องต้องอาละวาดหนักแน่" เจอร์รี่ได้ยินก็หัวเราะ

"ผมว่าแบบนั้นคงดัดนิสัยเอาแต่ใจของน้องได้นะครับ วิธีนี้น่าลอง....." ประโยคสุดท้ายพูดพร้อมกับทำหน้าเจ้าเล่ห์

"เดี๋ยวเถอะ! เราน่ะแกล้งน้องเก่งกว่าใครเลย!" แม่ทำเสียงดุลูกชาย

"หึๆๆๆ....." เจอร์รี่หัวเราะเบาๆ ในตอนนั้นมีเสียงรถยนต์จอดหน้าบ้านทำให้แม่กับเจอร์รี่ลุกขึ้นมามองเพราะรู้ว่าต้องเป็นคนที่พวกเขารออยู่แน่ ซักพักพ่อกับเคนก็เดินเข้ามาพร้อมกัน

"อ้าว.....ยังไม่นอนกันอีกหรอ?" พ่อทักแม่ลูกที่นั่งรออยู่

"ก็รออยู่นั่นแหละ แล้วงานเลี้ยงเป็นยังงัยบ้าง?" แม่ตอบพร้อมกับจูงมือพ่อมานั่งลงที่โซฟา

"ก็สนุกดีแม่ มีแต่คนชมลูกเรา" พ่อตอบอย่างภูมิใจ

"ชมว่ายังงัยครับ? ชมว่าคอแข็งที่สุดในงานหรือเปล่า?" เจอร์รี่ถามแทรกขึ้นมาเป็นเชิงว่ากระทบน้องชาย

"ใช่แล้ว" พ่อเลยรับคำลูกชายหน้าตาเฉย

"อ้าวพ่อ.....ไหงพูดแบบนี้หละครับ" เคนโอดครวญขึ้นมาทันที

"พ่อนี่ชอบแกล้งลูกอยู่เรื่อย! นั่งกันก่อนเดี๋ยวแม่ไปชงเครื่องดื่มร้อนๆให้" แม่ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินเข้าครัวไป

"กลิ่นเหล้าหึ่งเลย! นี่ดื่มไปเยอะหละสิ" พี่ใหญ่หันไปต่อว่าน้องชายเพราะดูจากสภาพแล้วน้องคงดื่มไปมากอยู่

"ไม่เยอะซักหน่อย" เคนตอบเสียงแผ่วก่อนจะเหลือบตาไปทางพ่อ

"งานแบบนี้ไปแล้วไม่ดื่มได้ยังงัย? นานๆทีน่า.....อย่าว่าน้องเลย พ่อเองก็อยู่ด้วยไม่ให้น้องดื่มจนเมาหรอก" พ่อออกหน้าแทนเคนอีกตามเคย

"สุขภาพน้องไม่ค่อยดี ไม่ควรดื่มของพวกนี้นะครับ" เจอร์รี่แย้งแต่แล้วก็ถอนหายใจก่อนจะพูดตัดบทซะเอง

"ช่างเถอะ! ผมพูดอะไรไม่ได้อยู่แล้ว" พ่อได้แต่ยิ้มแห้งๆเพราะรู้ว่าเจอร์รี่เป็นห่วงน้องจึงค่อนข้างจู้จี้ไปบ้าง

"ไจ่ไจ๋นอนแล้วหรอ?" เคนเปลี่ยนเรื่องถามพี่ชาย

"อืม" ตอบด้วยสีหน้าขรึมๆ

"แล้วแวนเนสกลับมาหรือยัง?" ถามถึงพี่ชายอีกคนด้วย พี่ใหญ่ก็เพียงแต่พยักหน้าแทนคำตอบ

"ขึ้นไปนอนแล้วหรอ?" ถามพี่ชายต่ออีก

"ใช่! แล้วเจ้าพีพีกับถางถางก็นอนอยู่หลังบ้าน จะถามถึงใครอีกหรือเปล่า?" ตอบน้องชายพร้อมกับพูดแขวะไปด้วย เคนจึงได้แต่หันไปยิ้มแหยๆกับพ่อ

"กาแฟมาแล้ว....." แม่ถือกาแฟออกมาให้พ่อและลูกชาย

"ขอบคุณครับแม่" เคนขอบคุณแม่และรับมาดื่ม จากนั้นพ่อกับเคนก็ดื่มกาแฟกันจนหมดแก้ว

"ขึ้นไปนอนกันได้แล้วลูก เดี๋ยวแม่จะพาพ่อขึ้นไปนอนแล้วเหมือนกัน" เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วแม่ก็บอกกับลูกชายทั้งสองคน

"ครับ" เจอร์รี่รับคำพร้อมกับขยับตัวลุกขึ้นแล้วหันมาทางน้องชาย

"ลุกขึ้นมา เดี๋ยวพี่ไปส่งที่ห้อง" ยื่นมือออกไปตรงหน้าน้องชาย

"ชั้นไม่ได้เมาจนจำทางเข้าห้องตัวเองไม่ได้หรอก" เคนพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

"อย่าพูดมาก ลุกขึ้นเร็วๆ" พูดดุน้องเบาๆแล้วดึงตัวน้องขึ้นมา

"ไปส่งเฉยๆพอนะ ไม่ต้องเทศนาเป็นเสียงกล่อมให้ชั้นฟังจนหลับหละ" ได้ยินเคนพูดเช่นนั้นพ่อกับแม่ก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน

"เดี๋ยวเถอะ! ยังจะมาพูดมากอีก!" ทำเสียงดุน้องชาย เคนยิ้มๆแล้วลุกขึ้นตามแรงดึงของพี่ชาย

"พ่อแม่.....ผมไปนอนก่อนนะครับ" เคนหันมาบอกกล่าวกับบุพการีทั้งคู่ ซึ่งพ่อกับแม่ก็พยักหน้ารับ

"ราตรีสวัสดิ์ครับ พ่อแม่ก็รีบพักผ่อนนะ" เจอร์รี่ก็พูดด้วยเช่นกัน

"จ๊ะ....พาน้องขึ้นไปเถอะ" แม่เป็นคนตอบแล้วตัดบทให้ลูกชายทั้งคู่ไปพักผ่อนได้แล้ว

"แม่คุยอะไรกับลูกอยู่?" พ่อถามแม่หลังจากลูกชายทั้งคู่ออกไปแล้ว

"ก็คุยกันเรื่อยเปื่อยน่ะ เจ้าเจอร์รี่มีหน้ามาบ่นว่าอยากมีน้องสาว" แม่เล่าให้พ่อฟังยิ้มๆ

"จริงหรอ? แล้วแม่ว่างัยหละ?" พ่อถามแม่กลับด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ แม่จึงตีแขนพ่อเบาๆ

"ขึ้นไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนได้แล้ว เจ้าเล่ห์พอกันทั้งพ่อทั้งลูก" แม่ต่อว่าพ่อจบก็ลุกขึ้นแล้วเดินตามลูกชายออกไปโดยทิ้งให้พ่อนั่งยิ้มอยู่คนเดียว



- วันต่อมา -

"ตื่นได้แล้วเสี้ยวเทียน" เจอร์รี่เรียกน้องชายพร้อมกับตบแก้มน้องเบาๆ เคนขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะลืมตาขึ้นมา

"ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วลงไปกินข้าว" พูดกับน้องต่อแล้วหันหลังจะออกไป

"ของีบอีกซักสิบนาทีนะ ปวดหัวจัง" เคนบอกกล่าวกับพี่ชาย ได้ยินเช่นนั้นเจอร์รี่ก็หมุนตัวกลับมา

"เมื่อคืนดื่มมากไปน่ะสิถึงได้ปวดหัวแบบนี้" พูดเป็นเชิงบ่นๆแต่ก็เอามือลูบหัวน้องชายไปด้วย

"ก็นายบอกให้ชั้นไปกับพ่อเองนี่" เคนเถียงพี่ชายแล้วหลับตาลงอีกครั้ง

"ยังจะมาเถียงอีกนะ" ทำเสียงเข้มเล็กน้อยแต่ก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้น้อง

"งั้นวันนี้นอนพักไปแล้วกัน" เคนได้ยินเช่นนั้นก็หรี่ตาขึ้นมา

"แล้วชั้นไม่ต้องเข้าบริษัทใช่มั๊ย?" ถามย้ำพี่ชายอีกครั้ง

"อืม....วันนี้ชั้นสอนงานน้องเอง" เจอร์รี่ตอบแล้วเลื่อนมือลงมาบีบจมูกน้องชายเบาๆ

"จะยอมให้เกเรซักวัน แต่ต้องอยู่บ้านนะห้ามออกไปเที่ยวที่ไหน" เคนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับ พี่ใหญ่ยิ้มบางๆแล้วมองดูน้องซักพักก็เดินออกไป แล้วไปเคาะประตูห้องน้องเล็ก

"ไจ่ไจ๋! ตื่นหรือยัง?" ร้องถามน้องชายอยู่หน้าห้อง ซักพักก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งอยู่ในห้องแล้วประตูก็เปิดออก น้องเล็กในชุดที่เตรียมออกจากบ้านยืนยิ้มรับ

"อืม....ใช้ได้นี่" เจอร์รี่เอ่ยชมน้องชาย

"ฝึกไว้ก่อนเผื่อต้องทำงานจริงๆจะได้ไม่ขี้เกียจ" ไจ่ไจ๋พูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง แล้วก้าวออกมายืนกับพี่ชาย

"พี่กลางตื่นหรือยังครับ?" ถามถึงพี่ชายอีกคน พี่ใหญ่จึงส่ายหน้าก่อนจะอธิบาย

"วันนี้พี่ให้มันนอนพัก เพราะเมื่อคืนดื่มมากไปหน่อยเลยแฮงค์" ได้ยินเช่นนั้นไจ่ไจ๋ก็ทำหน้ามุ่ยลง

"อะไรกัน โดนลงโทษเหมือนกันแต่พี่กลางได้อภิสิทธิ์มากกว่าผมหรอเนี่ย? รู้งี้เมื่อคืนผมไปกับพ่อมั่งก็ดี" พี่ใหญ่เห็นน้องทำหน้าแบบนั้นก็หัวเราะเบาๆ

"ปกติมันก็โดนลงโทษหนักกว่านายอยู่แล้ว แค่ปล่อยให้สบายวันเดียวคงไม่เป็นไรมั้ง" พูดกับน้องชายยิ้มๆ

"โอเค....จะยอมให้ซักครั้ง" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็กอดแขนพี่ชาย

"ผมหิวข้าวแล้ว ลงไปกินข้าวกันดีกว่า" เจอร์รี่ขยี้หัวน้องอย่างเอ็นดูแล้วพาน้องลงไปในห้องครัว

"อรุณสวัสดิ์ครับแม่ อรุณสวัสดิ์ครับพี่รอง" ไจ่ไจ๋ทักแม่กับพี่ชายเสียงใส

"อรุณสวัสดิ์จ๊ะ" แม่ทักทายลูกชายกลับแล้วหันกลับไปทำกับข้าวต่อ ส่วนแวนเนสเพียงแต่ยิ้มให้น้องเท่านั้น

"ทำอะไรอยู่?" เจอร์รี่ถามแวนเนสพร้อมกับผลักหัวน้องเบาๆ

"อ้อ! เปล่า....." แวนเนสปฏิเสธแล้วรีบปิดสมุดบัญชีที่กำลังนั่งดูอยู่

"เศรษฐีใหญ่นั่งนับเงินอยู่หรอ?" ไจ่ไจ๋เอ่ยแซวพี่ชายบ้าง

"บ้า! พี่ไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้นซักหน่อย" แวนเนสต่อว่าน้องชาย

"แล้วเจ้าพี่กลางหละ?" ถามถึงเคนบ้าง

"แฮงค์" ไจ่ไจ๋ตอบสั้นๆซึ่งแวนเนสก็เข้าใจดี

"เอาสมุดบัญชีมาทำอะไร?" เจอร์รี่ถามแวนเนสต่ออีก

"เปล่า....แค่ดูเฉยๆ" แวนเนสปฏิเสธแล้วลุกจากโต๊ะไปรินน้ำดื่ม พี่ใหญ่พอจะรู้ว่าน้องผิดปกติไป

"อย่าให้ชั้นรู้ทีหลังแล้วกัน" พูดเปรยออกมาดังๆให้น้องได้ยิน ทำเอาแวนเนสเริ่มอึกอัก

"เจอร์รี่ น้องบอกว่าแค่เอามาดูยังจะจับผิดน้องอีก" แม่ออกหน้าแทนแวนเนสด้วยการต่อว่าลูกชายคนโต

"ครับ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา" เจอร์รี่ปฏิเสธแม่ แต่สายตามองไปทางน้องชายคนรอง

"พี่รองครับ วันนี้ทำงานหรอ?" ไจ่ไจ๋เห็นสีหน้าของแวนเนสดูอึดอัดจึงเอ่ยถามออกมา

"อ้อ! ก็ไม่เชิงหรอกแต่พี่ว่าจะแวะเข้าบริษัทน่ะ" แวนเนสตอบน้องชาย

"แหม....ถ้าไม่มีงานก็ไปที่บริษัทเราด้วยกันสิครับ วันนี้ผมไปกับพี่ใหญ่สองคนเอง ท่าทางพ่อกับพี่กลางคงแฮงค์หนัก" เอ่ยชวนพี่ชายด้วย

"ไม่หละ พี่จะไปสะสางงานนิดหน่อยว่าจะคุยๆเรื่องเพลงที่อัดไปบ้างแล้วด้วย" แวนเนสปฏิเสธก่อนจะเหลือบมองนาฬิกา

"เสี่ยวจือจะมารับกี่โมง?" เจอร์รี่ถามน้องต่อบ้าง

"ไม่มาหรอก วันนี้ชั้นจะไปเอง" แวนเนสตอบพี่ชายแล้ววางแก้วน้ำลง

"งั้นเดี๋ยวออกไปพร้อมกัน ชั้นจะแวะส่งนายก่อนแล้วค่อยไปบริษัท" พี่ใหญ่พูดสรุป แวนเนสนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ

"งั้นก็รีบมากินข้าวกันได้แล้วจ๊ะ" แม่พูดตัดบทแล้วบอกให้ลูกชายมานั่งกินข้าวพร้อมกัน หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วสามพี่น้องก็พากันไปขึ้นรถ

"นายไปนั่งข้างหน้าสิ เพราะเดี๋ยวพี่ก็ลงก่อน" แวนเนสบอกน้องชายให้ไปนั่งกับพี่ใหญ่ เมื่อเรียบร้อยแล้วเจอร์รี่ก็ขับรถพาน้องไปส่ง

"เลิกกี่โมง?" พี่ใหญ่ถามแวนเนสขึ้นมาอีก

"ยังไม่รู้เลยแต่คงไม่ดึกหรอก" แวนเนสตอบ

"ถ้าเลิกแล้วโทรมา เดี๋ยวชั้นแวะมารับ" แวนเนสไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่พยักหน้าเท่านั้น

"พี่รองเป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมหมู่นี้ดูเงียบๆ?" ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายไปตามตรงเพราะปกติแล้วแวนเนสจะเป็นคนสร้างบรรยากาศครื้นเครงเสมอ

"เปล่านี่" แวนเนสปฏิเสธแล้วเว้นวรรคนิดนึงก่อนจะพูดต่อ

"สงสัยพี่คงเครียดๆกับงานน่ะ ไม่มีอะไรหรอกไม่ต้องห่วง" ไจ่ไจ๋เหลียวไปมองพี่ชายก่อนจะสบตากับพี่ใหญ่ จากนั้นสามพี่น้องก็เงียบมาตลอดทางจนถึงที่หมาย

"ขอบคุณที่มาส่ง ชั้นไปหละ" แวนเนสเปิดประตูแล้วเดินลงจากรถ

"บ๊ายบายพี่รอง เดี๋ยวตอนเย็นเจอกัน" ไจ่ไจ๋เลื่อนกระจกลงแล้วบอกลาพี่ชาย แวนเนสยิ้มให้น้องแล้วพยักหน้ารับจากนั้นก็หมุนตัวเดินเข้าบริษัททันที

"พี่รองดูท่าทางแปลกๆนะ" เมื่อพี่ชายเดินเข้าไปในตัวตึกแล้วไจ่ไจ๋ก็หันไปพูดกับพี่ใหญ่

"พี่ก็ว่างั้นแหละ" เจอร์รี่เห็นด้วยกับน้อง

"จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?" น้องเล็กหันมาทางพี่ชายเป็นเชิงปรึกษา เจอร์รี่นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มให้น้อง

"คงไม่มีอะไรหรอก เราไปกันดีกว่า" ว่าแล้วก็เข้าเกียร์แล้วออกรถก่อนจะขับไปตามทางเงียบๆ



- ที่บริษัท -

"ไหนบอกพี่มาตรงๆซิว่าเมื่อวานพี่กลางมันไม่ได้สอนอะไรเลยใช่มั๊ย?" เมื่อเข้ามาถึงในห้องเจอร์รี่ก็ถามน้องออกมาตรงๆ ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ยิ้มแหยๆ

"ก็ไม่เชิงว่าไม่ได้สอนหรอก พี่เขาพูดให้ฟังแต่ผมไม่ตั้งใจฟังเอง" ไจ่ไจ๋ตอบเป็นเชิงแก้ตัวแทนพี่ชายคนกลาง

"มันก็เหมือนกันนั่นแหละ" ว่าพร้อมกับทำหน้าเข้มใส่ น้องเล็กหัวเราะเแหะๆแล้วเดินไปนั่งตรงโซฟา

"พี่ให้พักซักสิบนาทีก่อนแล้วเดี๋ยวเรามาเริ่มเรียนกัน" พี่ใหญ่ว่าแล้วก็เอาแฟ้มเอกสารต่างๆออกมานั่งดู ไจ่ไจ๋เลื่อนตัวลงมากึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟา

"พี่ใหญ่ทำงานที่นี่มากี่ปีแล้ว?" เอ่ยถามพี่ชายทำลายความเงียบ

"ก็หลายปีอยู่ ตั้งแต่เรียนจบพี่ก็เข้ามาทำที่นี่เลย" เจอร์รี่ตอบ

"แสดงว่าพี่ไม่เคยทำงานที่อื่นมาก่อนเลยหรอ?" ไจ่ไจ๋ถามต่อ

"ช่วงฝึกงานพี่ก็ไปฝึกที่อื่น เพราะพ่อแม่อยากให้พี่ไปเรียนรู้งานที่อื่นก่อน" เจอร์รี่ตอบพร้อมกับมองไปทางน้องชาย ไจ่ไจ๋พยักหน้าหงึกๆ

"แต่พี่รองกับพี่กลางก็ฝึกงานที่ที่ไม่ใช่หรอ?" ถามพี่ชายต่ออีก

"ใช่ ช่วงที่ต้องฝึกงานพี่ให้เจ้าสองคนนั่นมาฝึกงานที่นี่ พอเรียนจบก็ให้ทำงานที่นี่เลย" พี่ใหญ่ตอบพร้อมกับขยายความให้ฟังต่อ

"แล้วใครสอนงานให้พี่ใหญ่หละ?" ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายต่อ

"พ่อกับแม่งัย" พี่ใหญ่ตอบก่อนจะปิดแฟ้มเอกสารในมือแล้วเดินมานั่งกับน้อง

"แล้วพี่ใหญ่ก็สอนงานพี่รองกับพี่กลางต่อหรอ?" ไจ่ไจ๋ถามต่ออีก

"ไม่หรอกก็มีคนเก่าแก่ของที่นี่ช่วยสอนด้วย แต่ส่วนใหญ่ถ้าว่างพี่จะสอนเองเพราะไม่มีใครบังคับเจ้าพี่ชายของนายสองคนได้นอกจากพี่อีกแล้ว" เจอร์รี่ตอบแล้วมองหน้าน้องชายยิ้มๆ ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ขยับเข้าไปกอดแขนพี่ชาย

"พี่ใหญ่อย่าดุผมมากนะ ผมไม่ได้เรียนด้านนี้มาโดยตรงคงไม่รู้เรื่องเท่าไหร่" ท่าทางออดอ้อนของน้องชายทำให้เจอร์รี่อดที่จะหัวเราะไม่ได้

"ใครปล่อยข่าวให้นายฟังกันว่าพี่จะดุหากว่านายเรียนไม่รู้เรื่อง?" ขยี้หัวน้องพร้อมกับย้อนถาม

"พี่รองกับพี่กลางเล่าให้ฟังว่าเวลางานพี่ใหญ่จะเข้มงวดมาก" ไจ่ไจ๋เงยหน้าตอบพี่ชาย

"เวลางานจะทำเป็นเล่นได้ยังงัย?" เจอร์รี่ไม่ได้ตอบรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธ

"แต่ผมยังเรียนไม่จบเลยนะ" ว่าพลางมองพี่ชายตาแป๋ว

"นี่นายกลัวพี่จะดุนายขนาดนั้นเชียวหรอ?" ถามน้องชายอย่างขำๆ

"จะไปรู้หรอ? ก็ได้ข่าวมาแบบนี้นี่นา" ไจ่ไจ๋พูดเสียงอ่อยๆ

"เดี๋ยวพี่คงต้องไปเอาเรื่องคนปล่อยข่าวแล้วหละมั้งแบบนี้?" พูดเป็นเชิงหยอกเอินน้องชาย

"นี่.....พี่คงไม่ให้นายต้องศึกษาเหมือนกับคนที่จะเข้ามาทำงานที่นี่จริงๆหรอก เอาแค่ให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร งานส่วนนี้ต้องติดต่อฝ่ายไหนก็พอแล้ว" อธิบายให้น้องชายฟังต่อ

"จริงนะ งั้นเราเรียนแค่วันเดียวก็พอแล้วเนอะ" ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ยิ้มดีใจ

"น้อยๆหน่อยเถอะเรา อัจฉริยะขนาดนั้นเชียว? พี่เรียนมาทางด้านนี้โดยตรงกว่าจะเข้าใจเรื่องระบบงานยังใช้เวลาเป็นเดือนๆเลย" ว่าพร้อมกับจับหัวน้องโยกไปมาเบาๆ

"ก็พี่บอกให้ผมเรียนรู้แค่ระบบงานเบื้องต้นเองไม่ใช่หรอ?" ไจ่ไจ๋ย้อนถามพี่ชายหน้าซื่อ

"ใช่.....แต่นายรู้หรือเปล่าว่าระบบงานเบื้องต้นของที่นี่น่ะมีขอบเขตขนาดไหน?" ได้ยินเช่นนั้นไจ่ไจ๋ก็ส่ายหน้าทันที

"งั้นพี่จะบอกให้ว่าขอบเขตน่ะมีมากขนาดว่านายจะต้องเรียนไปจนถึงตอนเปิดเทอมเลย" น้องเล็กเลิกคิ้วก่อนจะโอดครวญออกมา

"พี่ใหญ่ครับ....ถ้าจะลงโทษแบบนี้ฆ่าผมให้ตายสบายกว่าอีก" เจอร์รี่หัวเราะเมื่อได้ยินเจ้าน้องชายตัวดีว่า

"ฆ่านายตายพี่ก็ติดคุกน่ะสิ แบบนั้นจะสบายได้ยังงัย?" เอาหัวชนกับหน้าผากน้องอย่างเอ็นดู

"สบายสิ พอถึงเวลากินก็ได้กินเวลานอนก็ได้นอนแล้วยังมีกิจกรรมให้ทำอีกตั้งเยอะ แถมพี่ยังไม่ต้องมาบ่นว่าปวดหัวกับพวกผมอีกด้วย" ไจ่ไจ๋ได้ทีเล่นผสมโรงกับพี่ชาย

"อืม....ก็จริงนะ งั้นพี่ส่งนายเข้าไปอยู่ในนั้นดีหรือเปล่าแล้วพี่จะไปเยี่ยมทุกเดือน" พอได้ยินเช่นนั้นน้องเล็กก็ย่นจมูก

"ไม่ดีหรอกครับ ผมยังไม่ได้ทดแทนบุญคุณพ่อแม่กับพวกพี่สามคนเลย" พี่ใหญ่ยิ้มขำแล้วขยี้หัวน้องเล็กอย่างเอ็นดู

"ไม่มีใครทวงบุญคุณกับนายหรอก ไม่เล่นแล้ว......มา.....มาเตรียมตัวเรียนกันดีกว่า" พูดจบก็ดึงแขนน้องขึ้นมา

"วันนี้ถ้าตั้งใจเรียนจะพาไปกินขนมอร่อยๆ" พูดจูงใจน้องก่อน

"จริงนะพี่ใหญ่!" น้องเล็กเองก็รู้สึกพอใจกับข้อแลกเปลี่ยน

"แล้วมีไก่ทอดกรอบๆมั๊ย?" ถามพี่ชายต่ออีก

"มีสิ เจ้าที่นายชอบบอกให้พี่ซื้อไปฝากงัย" เจอร์รี่ตอบพร้อมกับพยักหน้ารับ

"งั้นต้องพาไปซื้อเจ้านั้นด้วยนะ" ย้ำคำกับพี่ชายอีก

"ถ้าตั้งใจเรียนจะเอาอะไรพี่ให้ทุกอย่างเลย" เจอร์รี่สัญญากับน้อง

"แต่ถ้าไม่ตั้งใจเรียนพี่ใหญ่ตีจริงๆนะ" ได้ยินเช่นนั้นน้องเล็กหน้ามุ่ยลงทันที

"ผู้จัดการที่นี่ลงโทษพนักงานด้วยการตีด้วยหรอ?" พี่ใหญ่ยิ้มเมื่อได้ยินน้องว่ากระทบ

"ไม่ใช่....แต่จะตีเฉพาะเด็กที่ไม่ตั้งเรียนเวลาผู้จัดการสอนงานให้เท่านั้น" โต้ตอบน้องชายกลับไป

"เด็กดีก็ได้รางวัลเด็กดื้อก็ต้องโดนตีแบบนี้ถูกต้องแล้วไม่ใช่หรอ?" ถามแหย่น้องยิ้มๆ

"เด็กที่ไหนเขาจะมาทำงาน เป็นเด็กต้องไปเรียนหนังสือต่างหาก" ไจ่ไจ๋แย้งคำพี่ชายจบก็เดินมานั่งลงที่เก้าอี้ตรงโต๊ะทำงานพี่ชาย

"แล้วคุณผู้จัดการก็ทำงานซักทีสิครับ อู้มากๆเดี๋ยวจะบอกเถ้าแก่ให้ตัดเงินเดือนนะ" พี่ใหญ่ชี้หน้าเจ้าน้องชายตัวแสบก่อนจะเดินมานั่งกับน้อง

"ปากคอเลาะร้ายจริงนะ" บีบปากน้องชายเบาๆแล้วดึงลิ้นชักหยิบของออกมา

"เอ้า.....สมุดกับปากกาของนาย......" ว่าแล้วก็วางสมุดกับปากกาให้น้องชายแล้วเขาก็หยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาอีกครั้ง

"ก่อนอื่นนายต้องรู้ว่าบริษัทเรามีกี่แผนกและแต่ละแผนกทำอะไรบ้าง อะ....เรามาดูกัน....." พี่ใหญ่เกริ่นนำก่อนจะเอาเอกสารให้น้องชายดูพร้อมกับอธิบายไปด้วย ซึ่งไจ่ไจ๋เองก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี





 

Create Date : 30 มีนาคม 2552    
Last Update : 30 มีนาคม 2552 22:35:33 น.
Counter : 1260 Pageviews.  

Chapter 59

ตอนที่ 59

"ทำไมวันนี้ลูกแม่ตื่นเช้าจัง?" แม่เอ่ยทักไจ่ไจ๋ที่เดินลงมาในชุดที่พร้อมจะเตรียมออกข้างนอกแล้ว ไจ่ไจ๋ไม่ตอบแต่เดินมานั่งลงข้างแม่แล้วขยับเข้าไปกอด

"เป็นอะไรหรือเปล่าลูก? ไม่สบายตรงไหนบอกแม่ซิ" เมื่อเห็นท่าทีซึมๆของลูกชายคนเล็กแม่ก็ถามต่ออย่างเป็นห่วง

"พ่อหละครับ?" ไจ่ไจ๋เลี่ยงไม่ตอบคำถามนั้นแต่กลับถามถึงบิดาแทน

"ออกไปจ่ายตลาดมาทำอาหารเช้าให้พวกลูกงัย" แม่ตอบแล้วเอามือลูบหัวลูกชาย

"มาให้แม่ดูแขนซิ.....หายดีหรือยัง?" แม่หันมาถามถึงแผลบนแขนของลูกชายแทน ไจ่ไจ๋ส่ายหน้าไปมา

"ไม่เป็นไรแล้วครับแม่ ไม่เจ็บแล้ว" พูดปฏิเสธออกมาก่อนจะเอาหน้าซบลงที่ไหล่แม่ แต่แม่ยังไม่ทันจะพูดอะไรเจอร์รี่ก็เอ่ยทักขึ้นมาก่อน

"อ้อนกันแต่เช้าเลยนะ" พูดค่อนขอดน้องชายคนเล็ก แต่แม่กลับส่งสัญญาณเป็นเชิงบอกว่าน้องเล็กอารมณ์ไม่ดี

"งัยเรา? อยากไปทำงานกับพี่มากหละสิถึงได้รีบตื่นแล้วมาอาบน้ำแต่งตัวรอเลย" ขยี้หัวน้องชายพร้อมกับพูดหยอก

"อืม...." เพียงแต่ตอบรับสั้นๆเท่านั้น ทำให้แม่กับลูกชายคนโตได้แต่มองหน้ากันอย่างแปลกใจ

"เมื่อคืนเจ้าพี่ชายสุดที่รักของนายเข้าไปนอนด้วยไม่ใช่หรอ? แล้วนี่อยู่ไหนซะหละ?" หาเรื่องชวนน้องคุย

"ยังไม่ตื่น ผมยังไม่อยากปลุกเพราะเห็นว่ายังเช้าอยู่" ตอบคำถามพี่ชายจบก็เหลือบไปเห็นพ่อที่ซื้อกับข้าวเข้ามาพอดีไจ่ไจ๋จึงรีบลุกแล้วไปช่วยพ่อหิ้วของ

"พ่อจะทำอะไรกินครับวันนี้?" ตั้งคำถามกับพ่อแล้วรับเอาถุงทั้งหมดมาถือไว้

"ถ้าอยากรู้ลูกก็เข้ามาช่วยพ่อดีมั๊ย?" พ่อตอบลูกชายอย่างอารมณ์ดี

"ได้ครับ งั้นเดี๋ยวผมช่วยเอง" พูดจบไจ่ไจ๋ก็ถือของเดินนำเข้าไปในครัว

"อ้าว! สองแม่ลูกทำไมทำหน้าแบบนั้นหละ?" พ่อทักภรรยาและลูกชายคนโตที่มองตามลูกชายคนเล็กด้วยสีหน้าแปลกใจ

"ก็ลูกพ่อน่ะไม่รู้เป็นอะไร ทำท่าซึมตั้งแต่ลงมาแล้ว" แม่เป็นคนตอบคำถามนั้นแทน

"หรอ? แล้วได้ถามลูกหรือเปล่าว่าเป็นอะไร?" พ่อถามแม่ต่ออีก

"ถามแต่ลูกไม่ตอบนี่สิ" แม่ว่าแล้วก็ยักไหล่เล็กน้อย

"ช่างเถอะ! เดี๋ยวพ่อลองเลียบๆเคียงๆถามลูกดูแล้วกัน" พ่อว่าแล้วก็เดินตามลูกชายคนเล็กไป

"ผมว่าเรื่องนี้เจ้าเสี้ยวเทียนน่าจะรู้เพราะเมื่อคืนมันก็นอนกับไจ่ไจ๋ สงสัยไปแหย่ให้น้องอารมณ์เสียอีกแล้วมั้งเนี่ย" เจอร์รี่พูดเป็นเชิงบ่นเพราะรู้ว่าเคนชอบแหย่ให้น้องงอนอยู่เรื่อย

"ไม่มั้ง.....เพราะปกติถ้าน้องงอนก็มักจะเอามาฟ้องอยู่แล้วแต่นี่น้องดูซึมๆไปนะ" แม่วิเคราะห์ตามความรู้สึกของตัวเอง

"งั้นเดี๋ยวผมไปหาสาเหตุเอง" พูดจบเจอร์รี่ก็ลุกขึ้น

"อย่าดุน้องนะลูก" แม่ไม่วายกำชับเพราะกลัวเจอร์รี่จะดุเคนอีก

"หวงเหลือเกินนะครับเจ้าลูกชายตัวแสบของแม่คนนี้น่ะ" พูดพร้อมกับดึงแก้มแม่เบาๆแล้วเดินขึ้นไปที่ห้องนอนของไจ่ไจ๋ เมื่อเปิดเข้าไปก็พบว่าเคนกำลังหลับสบายอยู่บนเตียง

"ไอ้ขี้เซา" พึมพำเบาๆพร้อมกับส่ายหน้าไปมาแล้วเดินไปเขย่าตัวน้องชาย

"ตื่นได้แล้ว! เดี๋ยวก็เข้าบริษัทสายอีก!" เคนหน้ายุ่งเมื่อถูกรบกวนเวลานอน

"ลุกๆๆๆ!!!" ว่าพร้อมกับดึงแขนน้องชายขึ้นมา เมื่อเห็นหน้าพี่ชายเคนก็ควานมือออกไปข้างๆเพื่อจะปลุกน้องชายด้วยแต่เมื่อแตะลงไปก็เจอแต่ความว่างเปล่า

"น้องมันตื่นจนอาบน้ำเสร็จแล้ว" พูดจบก็ผลักหัวเคนอย่างหมั่นไส้

"ตื่นแล้วหรอ? น่าแปลก....." เคนพึมพำพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิด

"เราไปแกล้งอะไรน้องไว้? เมื่อเช้าน้องมันซึมกะทืออย่างกับอะไรดี" ได้ยินเช่นนั้นเคนก็อึ้งไปเพราะไม่นึกว่าเรื่องที่พูดคุยกันเมื่อคืนจะทำให้น้องคิดมาก

"น้องโกรธหรอ?" เงยหน้าถามพี่ชาย

"แสดงว่าเราแกล้งน้องจริงๆใช่มั๊ย?" พี่ใหญ่ก้มหน้าลงมาถามน้องเสียงดุ

"ไม่ได้แกล้ง....." เคนปฏิเสธแล้วทำท่าจะลุกแต่พี่ชายกลับนั่งลงที่เตียงแล้วเอามือจับตัวน้องไว้ไม่ให้ลุก

"งั้นตอบมาซิว่าทำไมน้องถึงซึมได้ขนาดนั้น?" เคนมองหน้าพี่ชายแล้วนิ่งไป

"ทำไมคอยจ้องจะหาเรื่องชั้นอยู่เรื่อย?" คำถามนั้นทำให้พี่ใหญ่เริ่มรู้สึกตัวว่าเขาต้องอ่อนโยนกับน้องให้มากกว่านี้เพราะน้องยังอาจน้อยใจเขาอยู่

"ไม่ได้หาเรื่อง แค่อยากรู้ว่าน้องเป็นอะไรก็เท่านั้น ชั้นเห็นนายอยู่กับน้องทั้งคืนนี่" พูดอธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนลง

"น้องซึมชั้นก็ผิด น้องมันงอแงชั้นก็ผิด น้องอาละวาดชั้นก็ผิด มีอะไรที่น้องมันผิดปกติไปแล้วไม่เป็นความผิดของชั้นบ้างมั๊ย?" ตวัดสายตามองพี่ชายพร้อมกับพูดตัดพ้อ

"ถ้านายไม่รู้ชั้นก็ไม่ได้ว่าอะไร จะประชดทำไมเนี่ย" เจอร์รี่บ่นอุบ แต่เคนทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชาย

"โอเค.....ไม่รู้ก็ไม่รู้.....ชั้นไม่ถามแล้ว....." ว่าพร้อมกับโยกหัวน้องชายเบาๆ

"แล้วถ้าชั้นรู้หละ?" เคนเองก็กวนพี่ชายไม่น้อยเช่นกัน

"ตกลงว่ารู้หรือไม่รู้?" หันมาทำตาขวางใส่น้อง เคนทำท่าไม่รู้ไม่ชี้แล้วจะลุกไปอาบน้ำแต่โดนพี่ชายดึงไว้อีก

"อย่ามากวนโมโหแต่เช้านะ! รู้อะไรก็บอกมา" พูดด้วยน้ำเสียงแข็งๆ

"จะบอกให้นายด่าชั้นหรอ? ไม่เอาหรอกถ้าอยากรู้ก็ไปถามน้องเองสิ ไจ่ไจ๋มันน้องชายสุดที่รักของนายไม่ใช่หรอ?" พูดจบก็หยิบผ้าขนหนูที่แขวนไว้เดินเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้พี่ใหญ่ได้แต่ถอนหายใจเฮือกๆอย่างอ่อนใจกับน้องชายคนนี้ แต่เขาก็รอจนน้องอาบน้ำเสร็จ

"อ้าว! ยังอยู่อีก" เคนอุทานเมื่อออกมาเห็นพี่ชายยังอยู่ในห้องเขา

"เสี้ยวเทียน ชั้นเป็นห่วงไจ่ไจ๋มัน ถ้านายรู้ว่ามันเป็นอะไรก็บอกให้ชั้นรู้ซักหน่อยเถอะ" พยายามพูดขอร้องน้องชาย เคนแอบยิ้มแต่ยังไม่ตอบในทันทีเอาผ้าขนหนูเช็ดหัวเปียกๆของตัวเองอย่างอ้อยอิ่ง

"มานั่งนี่" เมื่อเห็นน้องทำอะไรชักช้าพี่ใหญ่จึงเดินไปจูงน้องมานั่งที่เก้าอี้หน้ากระจกแล้วจัดการเอาผ้าเช็ดหัวให้น้องซะเอง

"โอ้ย! เบาๆหน่อยเดี๋ยวหัวก็หลุดพอดี" เคนบ่นอุบเพราะพี่ชายเล่นขยี้หัวเขาเสียแรง

"ก็เรามันกวนนักหนิ" กัดฟันพูดกับน้องอย่างหมั่นไส้

"ใส่เสื้อให้มันเรียบร้อยหน่อยนะ พี่จะให้เราไปพบลูกค้ากับพ่อด้วย" เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นน้องชายหยิบเสื้อยืดออกมา

"ให้ชั้นไปพบลูกค้า?" ทวนคำพี่ชายอย่างงงๆ

"ใช่! วันนี้พ่อจะไปพบลูกค้าเจ้าใหญ่ของเราแล้วพอดีวันนี้เป็นวันเกิดเขาด้วยเขาชวนไปงานวันเกิดก็คงต้องไปตามมารยาท พ่อจะเอาของขวัญไปให้เขาด้วย" เจอร์รี่ขยายความให้น้องฟัง

"จะเอาชั้นไปเป็นของขวัญหรอ?" เคนแกล้งถามพี่ชายต่อ

"ถ้าเขายอมรับนายเป็นของขวัญก็ยินดียกให้ทันทีเลย" พี่ใหญ่เลยแกล้งน้องกลับบ้าง เคนได้ยินก็ทำหน้ามุ่ย

"เออใช่! ชั้นมันก็เหมือนสิ่งของที่จะยกให้ใครตอนไหนก็ได้ทั้งนั้น" พูดจบก็หยิบเสื้อเชิ๊ตที่ดูสุภาพออกมาใส่

"โอ๋.....ไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย.....พี่ใหญ่ล้อเล่น....." เอามือโอบไหล่น้องชายแล้วเขย่าเบาๆ ก่อนจะจับตัวน้องหันหน้ามาหาเขาแล้วช่วยจับเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง

"ที่ไจ่ไจ๋มันซึมๆคงเพราะคิดมากเรื่องที่ชั้นบอกว่าอยากจะเรียนต่อ" เคนเล่าให้พี่ชายฟังในที่สุด เจอร์รี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย

"เรียนต่อหรอ?" ทวนคำนั้นก่อนจะยิ้มกว้าง

"นายอยากเรียนต่อจริงๆหรอ?" ถามย้ำน้องชายอีกครั้ง เคนพยักหน้ารับ

"เยี่ยมมาก! พี่รอจะได้ยินคำนี้มานานแล้ว!" เคนทำหน้างงๆเพราะไม่รู้ว่าทำไมพี่ชายถึงต้องดูตื่นเต้นขนาดนี้

"หมายความว่างัย?" ถามพี่ชายกลับไป

"ก็หมายความว่าชั้นเห็นด้วยและสนับสนุนให้นายเรียนต่องัยหละ รู้หรือเปล่าว่าชั้นดีใจมากเลยนะตอนนี้" เจอร์รี่ตอบพร้อมกับยิ้มร่าจนเคนงง

"ชั้นอยากเรียนต่อแล้วทำไมนายต้องดีใจด้วยหละ?" ย้อนถามพี่ชายต่ออีก

"อ้าว! ก็เด็กเกเรอย่างนายเอ่ยปากเองว่าจะเรียนต่อแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีหรอกหรอ?" คำตอบของพี่ชายทำเอาเคนหน้ามุ่ยลงอีกครั้ง

"แขวะได้ทุกทีเลยนะ" บ่นอุบออกมาเบาๆแล้วหันไปหวีผม

"แหม.....ล้อเล่นน่า.....แล้วนี่คิดว่าจะไปเรียนที่ไหน? เรียนด้านไหน? เตรียมตัวสอบเข้าหรือยังหละ?" ถามต่ออย่างเป็นการเป็นงาน เคนได้ยินก็หัวเราะออกมาขำๆ

"จะบ้าหรอ! ชั้นยังไม่คิดอะไรขาดนั้นหรอกต้องรอเก็บเงินซักก้อนนึงก่อน แล้วที่คิดจะเรียนก็คงเป็นแค่คอร์สทำอาหารเท่านั้นแหละ" เคนอธิบายให้พี่ชายฟัง

"ทำไมไม่เรียนต่อปริญญาโทเลยหละ เรียนทางด้านอาหารก็ได้ แล้วเรื่องเงินก็ไม่ต้องห่วงพี่ใหญ่ส่งเสียนายเอง" พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"ไปปรึกษาอะไรกับแวนเนสมาก่อนหรือเปล่าเนี่ย? เพราะไอ้นั่นมันก็บอกว่าจะส่งให้ชั้นเรียนต่อเหมือนกัน" เคนพูดยิ้มๆ

"เสี้ยวเทียน.....สำหรับเรื่องเรียนถ้านายต้องการก็แค่บอกมาทุกคนในบ้านสนับสนุนนายอยู่แล้ว" เจอร์รี่พูดคุยกับน้องอย่างเป็นการเป็นงาน

"เฮ้ย! อย่าเพิ่งถือเอาเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้น ชั้นยังไม่เรียนต่อในระยะเวลาอันใกล้นี้หรอก หรือถ้าจะเรียนชั้นก็จะรับผิดชอบตัวเองไม่รบกวนพวกนายแน่นอน" เคนพูดขัดขึ้นเมื่อเห็นว่าพี่ชายพูดจาจริงจัง

"ทำไมถึงดื้อแบบนี้? ชั้นบอกแล้วงัยว่าเรื่องเงินค่าเทอมนายไม่ต้องไปหาเลยเพราะชั้นจะออกให้ทั้งหมด" พูดกับน้องด้วยสีหน้าขึงขัง

"เออๆๆๆ แต่ชั้นยังไม่เรียนตอนนี้หรอก ทำงานก่อน" เคนรับปากพี่ชายไปอย่างงั้นเพราะขี้เกียจจะเถียงด้วย

"ไม่ต้องทำแล้ว ทำเรื่องลาออกไปเลย ไหนๆก็โดนพักงานแล้วไม่ใช่หรอเราก็ขอลาออกซะทีเดียว" เจอร์รี่แย้งขึ้นมาอีก

"จะบ้าหรอ! กว่าจะได้งานนี้ชั้นทุ่มเทแทบตายจะให้ลาออกง่ายๆเนี่ยนะ" เคนแหวใส่พี่ชาย

"ไม่คุยด้วยแล้วคุยทีไรจะให้ชั้นลาออกจากงานเรื่อยเลย" พูดจบก็รีบเดินออกจากห้องลงไปข้างล่างทันที ปล่อยให้พี่ชายที่กำลังจะเถียงได้แต่อ้าปากค้างเพราะน้องไม่อยู่แล้ว



- ที่บริษัท -

"เดี๋ยวถึงเวลาแล้วพ่อจะมาเรียกนะเสี้ยวเทียน" พ่อบอกเคนทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงานของลูกชายคนโต หลังจากพ่อออกไปแล้วเจอร์รี่ก็หันไปทางน้องชายทั้งสองคน

"เอาหละ.....ช่วงเช้านี้พี่จะให้พี่กลางสอนระบบงานเบื้องต้นให้นายนะไจ่ไจ๋" พูดกับน้องชายคนเล็ก

"ครับ" ไจ่ไจ๋พยักหน้ารับด้วยท่าทีซึมๆจนพี่ชายทั้งคู่ต้องลอบสบตากัน

"เดี๋ยวพี่มีประชุม คงเสร็จตอนเที่ยงๆแล้วจะมารับเราทั้งสองคนไปกินข้าว" บอกกล่าวกับน้องๆต่ออีก

"เราก็ค่อยๆสอนน้องหละ แล้วไจ่ไจ๋มีปัญหาอะไรก็ถามพี่กลางเขานะ" น้องเล็กเพียงแต่พยักหน้ารับเท่านั้น

"แล้วเราน่ะอย่าพาน้องเกเรเข้าใจมั๊ย?" หันมาทำหน้าเข้มกับเคนโดยเฉพาะ

"รู้แล้วน่า! สั่งจังเลย!" เคนบ่นอุบเบาๆแต่ก็มองไปทางน้องชายอย่างหนักใจ

"ผมขอเข้าห้องน้ำก่อนนะ" ไจ่ไจ๋พูดแทรกขึ้นมาก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำท่ามกลางสายตาของพี่ชายที่มองตามอย่างเป็นห่วง

"เห็นหรือยังว่าชั้นจะเรียนต่อมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ" เคนเอ่ยขึ้นเบาๆหลังจากน้องชายออกไปแล้ว

"เดี๋ยวน้องก็ทำใจได้เอง อย่าห่วงไปเลย" ว่าพลางตบไหล่น้องชายเบาๆ

"นี่พวกเอกสารเกี่ยวกับงานเบื้องต้น สอนน้องดีๆหละ ชั้นไปประชุมก่อน" หันไปหยิบเอกสารปึกใหญ่มาส่งให้น้องชาย เคนรับมาถือไว้พร้อมกับพยักหน้า

"มีอะไรก็ส่งข้อความเข้ามาแล้วกัน" พูดจบก็ออกจากห้องไปเช่นกัน หลังจากพี่ชายออกไปแล้วเคนก็ทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้ของพี่ชายก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆเพราะเป็นห่วงความรู้สึกของน้องเล็ก ผ่านไปครู่หนึ่งไจ่ไจ๋ก็กลับเข้ามา

"เป็นยังงัยบ้าง? พร้อมจะเรียนกับพี่หรือยัง?" เคนถามพร้อมกับยิ้มให้น้องชาย ไจ่ไจ๋ฝืนยิ้มตอบก่อนจะพยักหน้ารับ

"งั้นมานั่งนี่สิ" เคนเรียกให้น้องมานั่งลงข้างๆซึ่งไจ่ไจ๋ก็ทำตามแต่โดยดี

"อะ....สมุดกับปากกาเอาไว้จด" เคนส่งสมุดกับปากกาด้ามหนึ่งให้น้อง ไจ่ไจ๋รับมาแล้วพลิกสมุดเปิดขึ้นมา

"ก่อนอื่นพี่จะอธิบายโครงสร้างคร่าวๆให้ฟังก่อนแล้วกันนะ" เคนว่าพร้อมกับหยิบเอกสารขึ้นมาแผ่นหนึ่งก่อนจะเริ่มอธิบายให้น้องฟัง แต่ไจ่ไจ๋นั้นฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่เพราะกำลังคิดถึงแต่เรื่องที่พี่ชายบอกว่าจะไปเรียนต่อ

"ไจ่ไจ๋! นายฟังพี่อยู่หรือเปล่า?" เคนเอามือเคาะโต๊ะพร้อมกับเอ่ยถามน้องชาย ไจ่ไจ๋สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาทางพี่ชาย

"ขอโทษครับพี่กลาง ช่วยอธิบายอีกครั้งได้มั๊ย? ผมจดไม่ค่อยทัน" ว่าพร้อมกับเอ่ยขอโทษไปด้วย เคนมองหน้าน้องชายก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

"นี่ถ้าพี่ใหญ่เป็นคนสอนแล้วนายมานั่งเหม่อแบบนี้ได้โดนสะกิดด้วยไม้บรรทัดแน่" น้องเล็กได้ยินเช่นนั้นก็ก้มหน้านิ่ง

"เอาหละ.....ในเมื่อนายไม่มีอารมณ์เรียนพี่เองก็ไม่มีอารมณ์จะสอนเหมือนกัน" เคนว่าพร้อมกับเก็บเอกสารเข้าแฟ้มตามเดิม

"พี่กลางผมขอโทษครับ ผมจะตั้งใจฟังที่พี่สอน" ไจ่ไจ๋เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ

"แต่พี่ไม่อยากสอนแล้ว" เคนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ทำให้น้องชายได้แต่นิ่งเงียบ

"เอาแบบนี้.....เรามาคุยกันก่อนดีกว่า" เคนว่าพร้อมกับจับเก้าอี้ของน้องชายให้หันหน้ามาทางเขา

"เรื่องที่นายกำลังเก็บเอามาคิดมากอยู่น่ะพี่จะบอกว่านายเลิกกังวลไปได้เลย" ไจ่ไจ๋ได้ยินก็เงยหน้าสบตากับพี่ชาย

"พี่กลาง พี่อย่าเลิกล้มความตั้งใจเพราะผมเลย ผมรู้ว่าพี่อยากเรียนต่อผมเองก็อยากให้พี่เรียนต่อสูงๆเหมือนกัน" ไจ่ไจ๋พูดให้พี่ชายฟัง

"งั้นหรอ? แต่สีหน้านายตอนนี้มันไม่เหมือนกับคนที่สนับสนุนความคิดพี่เลยนี่นา" เคนย้อนคำน้อง

"ผมอยากให้พี่เรียนต่อแต่ไม่อยากให้พี่ไปไหนไกลๆจากผม แต่ไม่เป็นไรเพราะเดี๋ยวผมก็ทำใจได้เองเพราะวันนึงมันก็ต้องมาถึงไม่ว่าจะช้าหรือเร็วมันก็ต้องมาถึงซักวัน" ไจ่ไจ๋พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

"ไม่ใช่เฉพาะแค่พี่กลาง แต่พี่ใหญ่พี่รองก็ด้วย ซักวันพี่รองก็ต้องไปมีครอบครัวกับพี่กลอเรีย พี่ใหญ่เองก็ต้องได้แต่งงานกับผู้หญิงดีๆแล้วพวกพี่ทุกคนก็ต้องย้ายออก....." พูดมาถึงตรงนี้ไจ่ไจ๋ก็น้ำตาไหลอาบแก้ม

"ซักวันนึงนายเองก็ต้องมีครอบครัวของตัวเองเหมือนกัน ถึงเวลานั้นนายก็ต้องดูแลคนรักของนายดูแลลูกๆของนาย" เคนพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพร้อมกับเอามือเช็ดน้ำตาให้น้องชาย

"นายจะกลายเป็นหัวหน้าครอบครัวเป็นคนที่ต้องปกป้องดูแลคนอื่น นายจะเข้มแข็งและเป็นที่พึ่งของใครอีกหลายๆคนได้" ไจ่ไจ๋สะอื้นเมื่อได้ยินคำพูดของพี่ชาย

"แต่ต่อให้เวลานั้นมาถึงก็ใช่ว่าพี่ทุกคนจะทอดทิ้งนาย ถ้านายเหนื่อยล้าหรือต้องการกำลังใจนายก็เดินกลับมาหาพวกพี่ได้ทุกเมื่อ พี่ทุกคนอ้าแขนรับนายอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว" ฟังพี่ชายพูดจบไจ่ไจ๋ก็โผเข้ากอดเคนแน่น

"ผมไม่อยากให้เวลานั้นมาถึง ผมอยากให้เวลาหยุดอยู่แค่ตรงนี้ อยากให้เราอยู่ด้วยกันอย่างนี้ตลอดไปไม่อยากให้ใครจากไปไหนทั้งนั้น" เคนลูบหลังปลอบใจน้องชายอย่างอ่อนโยน

"นายก็รู้ว่าเราทำแบบนั้นไม่ได้เพราะโลกไม่ได้หยุดหมุนเวลาไม่ได้หยุดเดิน และก็ไม่มีใครสามารถทำแบบนั้นได้แม้แต่เทวดาเทพเจ้าทั้งหลายก็เถอะ" ไจ่ไจ๋ซุกหน้าลงที่อกพี่ชายแต่ก็นิ่งฟังเช่นกัน

"วันนี้อยู่ด้วยกันพรุ่งนี้จากกันมันเป็นเรื่องที่มนุษย์ทุกคนต้องพบเจอนะไจ่ไจ๋ นายเองก็โตแล้วต้องยอมรับความจริงในข้อนี้ได้ซักที" เคนพูดกับน้องตรงๆ

"ผมรู้.....เพียงแต่ยังไม่อยากให้มันมาถึงตอนนี้ก็เท่านั้นเอง" ไจ่ไจ๋ตอบพี่ชาย เคนยิ้มบางๆพร้อมกับลูบหลังน้องเบาๆ

"พี่ก็ยังไม่ยอมให้มันมาถึงตอนนี้หรอก" บอกกล่าวกับน้องด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน น้องเล็กได้ยินก็ผละตัวออกมาแล้วมองพี่ชายทั้งน้ำตา

"พี่กลางพูดจริงหรอ?" ถามย้ำพี่ชายอีกครั้ง

"อืม....เพราะพี่มาคิดดูแล้วไปเรียนคนเดียวก็เหงาเหมือนกัน งั้นรอให้นายเรียนจบก่อนแล้วเราค่อยเรียนต่อพร้อมกันดีมั๊ย?" เชยคางน้องขึ้นมาพร้อมกับถามความเห็น

"จริงนะพี่กลาง! พี่สัญญาแล้วนะว่าจะรอผม!" ไจ่ไจ๋พูดย้ำคำนั้นด้วยความดีใจ เคนยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ

"พี่สัญญา! แต่ว่านายต้องเรียนจบตามเกณฑ์นะ ไม่งั้นพี่คงหมดไฟที่จะเรียนแล้ว" พูดแหย่น้องชายยิ้มๆ

"ได้ครับพี่กลาง ผมสัญญาว่าอีกสองปีผมจะเรียนจบแน่นอน ดีไม่ดีผมจะลงซัมเมอร์ตั้งแต่เทอมนี้ไม่แน่อาจจะจบได้เร็วกว่านั้นก็ได้" ไจ่ไจ๋รับคำพี่ชายอย่างกระตือรือร้น

"ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก พี่ไม่อยากให้นายเครียดเกินไป แล้วอีกอย่างพี่ก็ต้องการเวลาเก็บเงินเหมือนกัน" เคนแย้งพร้อมกับพูดให้น้องฟัง

"แต่พี่รองก็บอกว่าจะส่งเสียให้พี่กลางเรียนต่อไม่ใช่หรอ?" ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายกลับอีกครั้ง

"ไม่เอาหรอก พี่โตแล้วมีงานทำแล้วด้วยทำไมต้องไปรบกวนคนอื่น" เคนส่ายหน้าปฏิเสธทันที

"พี่รองไม่ใช่คนอื่นนะครับ" ไจ่ไจ๋พูดเป็นเชิงเตือนพี่ชาย

"นั่นแหละ แต่พี่ไม่อยากเป็นภาระให้ใครอีกแล้ว" เคนว่าพร้อมกับขยี้หัวน้องชาย

"เลิกคุยเรื่องนี้ได้แล้วเจ้าตัวยุ่ง แล้วห้ามคิดมากอีกรู้มั๊ย?" พูดกับน้องด้วยน้ำเสียงดุเล็กน้อย น้องเล็กยิ้มก่อนจะเอาหัวซบที่ไหล่พี่ชาย

"โอเค ในเมื่อพี่พูดแบบนี้แล้วผมก็ไม่คิดอีกแล้วหละ งั้นเราไปเดินเล่นข้างล่างกันดีมั๊ย? แถวนี้มีของขายเยอะแยะเลยแถมยังมีขนมอร่อยๆเยอะอีกด้วย" เอ่ยชวนพี่ชายเสียงหวานจ๋อย จนเคนอดที่จะยิ้มกับอาการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของน้องชายไม่ได้

"เดี๋ยวพี่ใหญ่เขาออกมาแล้วไม่เจอเราสองคน ไอ้คนที่ซวยน่ะพี่คนนี้นะน้องรัก" แกล้งพูดขู่น้องชายทั้งที่เขาเองก็ตั้งใจชวนน้องไปเดินเล่นข้างล่างเช่นกัน

"แหม.....กว่าพี่ใหญ่จะประชุมเสร็จก็เกือบเที่ยงแล้วเรากลับมาก่อนแน่ๆ แล้วอีกอย่างนะให้ผมเรียนตอนนี้คงไม่รู้เรื่องหรอกต้องไปหาอะไรทำให้สมองปลอดโปร่งก่อน" เหตุผลของน้องทำให้เคนหัวเราะออกมาได้

"โอเค! แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นนายต้องรับผิดกับพี่ใหญ่คนเดียวเลยนะ พี่โดนมาหลายกระทงแล้วถ้าโดนข้อหาพานายหนีเที่ยวอีกทีนี้พี่ใหญ่เอาพี่ตายแน่แม้แต่พ่อแม่ก็อาจจะช่วยไม่ได้" เคนแกล้งแหย่น้องชายต่ออีก

"พี่กลางไม่ต้องห่วงผมจะไม่ยอมให้พี่ใหญ่แตะพี่ได้เลย!" น้องเล็กรับรองเสียงหนักแน่นจนเคนอดขำไม่ได้

"เอ้า! ในเมื่อนายรับปากแบบนี้แล้วงั้นเราก็ไปกัน" ว่าแล้วก็ยื่นมือไปจูงมือน้องแล้วพากันเดินออกไปอย่างร่าเริง



- เวลาต่อมา -

"คุยกันสนุกแบบนี้สงสัยคงเรียนรู้เรื่องหมดทุกอย่างแล้วมั้ง?" เสียงพี่ใหญ่ดังขึ้นในขณะที่เคนและไจ่ไจ๋กำลังคุยเรื่องราวต่างๆกันอย่างสนุกสนาน

"พี่ใหญ่เลิกประชุมแล้วหรอ?" ไจ่ไจ๋ลุกไปหาพี่ชายคนโตทันที เจอร์รี่ยิ้มแล้วโอบไหล่น้องชายก่อนจะเดินเข้ามานั่งกับน้องๆเขาเองก็โล่งใจที่น้องเล็กไม่มีแววกังวัลหรือเซื่องซึมให้เห็นอีก

"ว่างัยคุณครู? สอนอะไรนักเรียนไปบ้าง?" หันมาถามน้องชายคนกลาง เคนยิ้มแหยๆให้พี่ชายแต่ไม่ได้ตอบเพราะเขากับน้องก็เพิ่งขึ้นมาที่ห้องก่อนหน้าพี่ชายแป๊บเดียว

"ว่ายังงัย?" ถามย้ำน้องชายอีกครั้งแต่พอจะเดาได้ว่าน้องคงพากันออกไปข้างนอกเพราะไม่อย่างนั้นน้องเล็กคงไม่ดูร่าเริงขึ้นขนาดนี้

"ก็สอนเบื้องต้นทั่วๆไปน่ะ นี่ก็จะเที่ยงแล้วไปกินข้าวกันเถอะ" เคนตอบแบบเลี่ยงๆแล้วรีบตัดบทพี่ชายทันที

"นั่นสิครับ ผมหิวแล้วเนี่ย" ไจ่ไจ๋รีบเสริมขึ้นอีกแรง พี่ใหญ่ได้แต่ส่ายหน้าแต่ก็หันไปหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมา

"โอเค.....งั้นไปกินข้าวกัน....." ยอมตามน้องๆแต่หันมาทางน้องเล็ก

"ไจ่ไจ๋ เดี๋ยวนายลองไปดูซิว่าพ่อแม่อยู่ในห้องข้างๆหรือเปล่า? ถ้าอยู่เรียกไปกินข้าวด้วยกัน" จบคำพูดของพี่ชายไจ่ไจ๋ก็วิ่งออกไปทันที

"ทำยังงัยน่ะ?" เมื่อน้องออกไปแล้วเจอร์รี่ก็หันมาถามเคน

"หืม?" เคนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงย้อนถามเพราะไม่แน่ใจว่าพี่ชายพูดถึงเรื่องอะไร

"ก็เจ้าไจ๋น่ะ ทำไมจู่ๆถึงอารมณ์ดีขึ้นมาได้ เมื่อเช้าซึมอย่างกับแมวป่วย" ขยายความให้น้องชายฟังเคนได้ยินก็ยิ้มบางๆ

"ก็ไม่มีอะไรหรอก ชั้นแค่รับปากน้องว่าจะยังไม่เรียนต่อตอนนี้ รอให้น้องเรียนจบก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่ ดีไม่ดีอาจจะเรียนต่อพร้อมกับน้องเลย" เคนเล่าให้พี่ชายฟัง

"รอถึงตอนนั้นเดี๋ยวนายก็มีข้ออ้างต่างๆนานาที่จะไม่ยอมเรียนอีก ชั้นไม่อยากให้รออีกเลย" เจอร์รี่พูดเป็นเชิงบ่น

"เออน่า.....เดี๋ยวถึงตอนนั้นแล้วค่อยคิดอีกที" เคนบอกปัดเพราะขี้เกียจจะเถียงด้วย

"งั้นตอนนี้ไปเรียนคอร์สสั้นๆก่อนก็ได้" พี่ใหญ่เองก็ยังไม่ยอมจบง่ายๆ

"จะเอาเวลาที่ไหนไปเรียน? งานก็ต้องทำ" เคนว่าพร้อมกับส่ายหน้าไปมา

"ก็ลาออกสิ มาเรียนเป็นคอร์สไปก่อน เก่งเมื่อไหร่ค่อยหาทำเลเปิดร้านอาหาร" พี่ใหญ่วางแผนให้น้องเสร็จสรรพ เคนได้ยินก็นึกขำกับความเจ้ากี้เจ้าการของพี่ชาย

"พี่ใหญ่ครับ พี่คิดว่ามันทำง่ายแบบที่พูดจริงๆนะหรอ? เปิดร้านอาหารไม่ใช่ชั้นคนเดียวก็ทำได้นะครับ" พูดเป็นเชิงแขวะพี่ชายเล็กน้อย

"ก็ไม่เป็นไรหนิ เดี๋ยวพี่ใหญ่ช่วยนายเอง" เจอร์รี่ตอบง่ายๆ

"แล้วงานที่นี่หละครับพี่?" ย้อนถามพี่ชายต่ออีก

"ก็เดี๋ยวพ่อแม่ก็คงกลับมาอยู่ถาวรชั้นเองก็ถอนตัวได้แล้ว ถึงตอนนั้นนายก็คงเรียนจนฝีมือพัฒนาไปไกลแล้ว" ได้ยินเช่นนั้นเคนก็ทำหน้าปั้นยาก

"ไม่ดีหรอก นายเป็นลูกชายคนโตต้องสานต่อธุรกิจของครอบครัว พ่อแม่กลับมาก็ถึงเวลาต้องให้พวกเขาพักผ่อนแล้วอย่าต้องให้มาปวดหัวกับเรื่องงานอีกเลย" เคนหาเหตุผลมาแย้งกับพี่ชาย

"หนอย! แล้วมันเกี่ยวอะไรกับลูกชายคนโตด้วย? พวกนายไม่ใช่ลูกชายของพ่อแม่งั้นหรอ?" พี่ใหญ่ต่อว่าน้องชายเสียงห้วนๆ

"งั้นให้บริษัทอื่นมาเทคโอเวอร์ไปก็ได้" เคนพูดแบบติดตลกแต่พี่ชายกลับไม่ตลกด้วย

"บริษัทนี่พ่อกับแม่ช่วยกันก่อตั้งขึ้นมากับมือนายไม่คิดจะปกปักรักษาสิ่งที่บุพการีทำไว้ให้หรืองัย?" ย้อนถามน้องชายด้วยสีหน้าเข้มขึ้นเล็กน้อย

"พูดเล่นน่า......ไม่เห็นต้องดุเลย....." เคนบ่นอุบเบาๆแต่พี่ชายยังมองน้องด้วยสีหน้าดุๆ เคนเลยได้แต่ทำหน้าจ๋อยๆ ในขณะนั้นไจ่ไจ๋ก็เปิดประตูเข้ามาพอดี

"พ่อแม่มาแล้วครับ! ไปกันเลยมั๊ย?" ร้องเรียกพี่ชายทั้งคู่อย่างร่าเริง

"ไปสิ...." เจอร์รี่ตอบรับคำน้องแล้วเดินไปเข้ากลุ่มโดยมีเคนเดินตามหลัง

"เหนื่อยหรือเปล่าลูก?" แม่ถามเคนยิ้มๆ

"ไม่ครับ" เคนตอบพร้อมกับยิ้มกลับให้แม่ด้วย

"งั้นทำไมทำหน้าแบบนี้หละ?" แม่ถามต่อเพราะเห็นลูกชายทำหน้าจ๋อยๆ

"ก็พี่ใหญ่น่ะสิดุผมอีกแล้ว พูดเล่นก็ไม่ได้" เคนฟ้องแม่ทันที

"พี่กลางโดนพี่ใหญ่ดุหรอ? เรื่องอะไรครับ?" ไจ่ไจ๋ถามแทรกขึ้นมา

"ช่างฟ้องจังเลยนะ" เจอร์รี่ว่าพร้อมกับมองหน้าน้องชายคนกลาง

"เราก็เหลือเกิน....ดุน้องอยู่ได้.....เดี๋ยวต่อไปน้องไม่กล้าเข้าใกล้แล้วอย่ามาโอดครวญให้แม่ได้ยินเชียว" แม่หันมาต่อว่าลูกชายคนโต

"ไม่เข้าใกล้ได้ยิ่งดีผมจะได้ไม่มีเรื่องต้องปวดหัว" เจอร์รี่ว่ากระทบน้องชาย

"ชั้นก็ไม่เคยเข้าใกล้นายก่อนซักหน่อยมีแต่นายเดินเข้ามาหาเรื่องชั้นอยู่เรื่อย" เคนได้ทีเถียงพี่ชาย

"เดี๋ยวเถอะ! อย่ามาพูดมัวๆนะ! ชั้นหาเรื่องนายเมื่อไหร่? ถ้าหากนายไม่ก่อเรื่องก่อราวชั้นก็ไม่ยุ่งกับนายหรอก!" เถียงน้องชายกลับอย่างเอาเรื่อง

"แล้วใครใช้ให้มายุ่งหละชั้นทำอะไรก็รับผิดชอบเองได้ไม่เคยขอร้องให้นายเข้ามายุ่งซักหน่อย!" เคนเองก็ไม่ลดละเช่นกัน

"พ่อแม่ฟังมันพูดนะ ดูสิว่ามันพูดกับผมยังงัย?" เมื่อเถียงสู้น้องไม่ได้จึงหันไปหาพ่อกับแม่

"ก็เราไปแหย่น้องก่อนเองนี่นา" แม่พูดเข้าข้างเคนเต็มที่

"หา? ผมนี่นะเริ่มก่อน?" เจอร์รี่ครางออกมาอย่างอึ้งๆที่แม่สรุปว่าเขาเป็นฝ่ายผิด

"เออดี.....นั่นมันลูกชายคนโปรดหนิ ไม่อยากคุยด้วยแล้ว" พูดจบเจอร์รี่ก็เดินนำไปอย่างงอนๆ

"หึๆๆๆ" พ่อกับแม่หันไปหัวเราะกันเบาๆ

"ขี้งอนจริงๆเจ้าลูกคนนี้" แม่บ่นเบาๆแต่ก็รีบตามลูกชายไปด้วย

"เราก็ไปกันเถอะลูก" พ่อว่าแล้วก็โอบไหล่เคนกับไจ่ไจ๋คนละข้างแล้วเดินตามไปเช่นกัน จนมาถึงร้านอาหารเจอร์รี่ก็หยุดแล้วหันมาถามพ่อแม่

"พ่อแม่อยากกินอะไรครับ ร้านนี้มีพวกอาหารตามสั่งหรือว่าจะกินก๋วยเตี๋ยวก็ต้องเดินไปอีกหน่อย" ได้ยินคำถามนั้นแม่ก็หันไปถามเคนต่อ

"เสี้ยวเทียนอยากกินอะไรจ๊ะ?" ท่าทางเอาอกเอาใจของแม่ทำให้เจอร์รี่รู้สึกหมั่นไส้แต่ก็ทำไม่สนใจ

"ผมอะไรก็ได้ครับ ถามน้องดีกว่า" เคนตอบแล้วหันไปทางไจ่ไจ๋

"ได้ทุกอย่างเหมือนกัน" ไจ่ไจ๋ตอบดังนั้นพ่อจึงเป็นคนตัดสินแทน

"งั้นพ่อว่ากินอาหารตามสั่งร้านนี้ก็ดี เราสั่งกับข้าวมาซักสามสี่อย่างแล้วสั่งข้าวมากินด้วยกัน" จบคำพูดของพ่อทุกคนก็ทยอยเดินเข้าไปนั่งในร้าน

"พี่กลาง ร้านนี้สวยดีนะ" ไจ่ไจ๋หันไปคุยกับเคนหลังจากที่สั่งอาหารกันเรียบร้อยแล้ว

"อืม....อาหารเขาก็อร่อยนะ เมื่อก่อนที่พี่ทำงานอยู่นี่ก็มากินที่นี่ประจำ" เคนตอบรับคำน้องพร้อมกับเล่าให้ฟัง

"แต่ร้านก๋วยเตี๋ยวถัดไปจากนี้ก็ใช้ได้ ไว้ว่างๆพี่จะพาไปชิม" ไจ่ไจ๋ยิ้มรับคำนั้นก่อนยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม

"พ่อว่าถ้าลูกฝึกทำอาหารเก่งๆแล้วมาเปิดร้านย่านนี้ก็คงจะดีนะเสี้ยวเทียน" พ่อเปิดประเด็นชวนลูกชายคุย

"ไม่ไหวหรอกครับพ่อค่าเช่าแถวนี้แพงมากเลยผมเคยมาถามแล้ว" เคนส่ายหน้าทันที

"แหมพี่กลาง.....พ่อแม่ก็มีพี่ใหญ่พี่รองก็อยู่พี่ก็แค่กระแซะๆนิดนึงก็ได้แล้ว" ไจ่ไจ๋พูดแทรกขึ้นมาทันที

"ไม่เอาหรอก" เคนปฏิเสธน้องเบาๆ

"ทำไมหละลูก ถึงค่าเช่าจะแพงแต่ถ้าขายดีเราก็อยู่ได้ไม่ใช่หรอ?" แม่พูดด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน

"แล้วถ้ามันไม่ดีหละครับ?" เคนไม่ตอบแต่ย้อนถามแม่แทน

"ทำไมพี่กลางมองในแง่ร้ายจัง? ต้องขายดีอยู่แล้วน่า" ไจ่ไจ๋อดที่จะแทรกขึ้นมาไม่ได้

"มันก็ต้องคิดเผื่อในแง่ที่ร้ายที่สุดด้วยสิ ถ้าคิดแต่ในแง่ดีแล้วผลไม่ได้อย่างที่คิดไว้จะหาทางแก้ไขทันหรอ?" เคนพูดตอบโต้น้องชายอย่างเป็นหลักการ

"ที่พี่เขาพูดก็ถูกนะไจ่ไจ๋ เราน่ะคนทำธุรกิจเรื่องที่ได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ก็จำเป็นต้องคิดดักไว้ทุกด้านเพื่อที่ว่าหากเกิดปัญหาขึ้นมาเราจะได้ใช้แผนสำรองต่อไปได้" พ่อพูดสนับสนุนความคิดของเคน

"แล้วลูกว่างัยจ๊ะเจอร์รี่?" แม่ถามลูกชายคนโตบ้างเพราะเห็นเจอร์รี่นั่งเงียบอยู่คนเดียว

"ไม่มีความเห็นครับ มันอยากทำอะไรก็ทำไม่ต้องมาบอกให้ผมรู้หรอก" พูดจบก็หันไปค้อนใส่น้องชายคนกลาง

"ทำงอนเป็นเด็กๆไปได้" แม่บ่นพร้อมกับส่ายหน้าไปมาแล้วการสนทนาก็หยุดลงเมื่ออาหารได้เสริฟลงที่โต๊ะ

"อร่อยมั๊ยไจ่ไจ๋?" เคนถามน้องชายพร้อมกับตักกับข้าวใส่จานให้

"อร่อยครับ แต่ว่า....." ไจ่ไจ๋ตอบแต่ก็หยุดพูด

"แต่ว่าอะไร?" เคนถามน้องต่ออีก

"แต่ว่าสู้ฝีมือพี่กลางไม่ได้เลย" พูดจบก็ยิ้มหวานให้พี่ชาย เคนจึงเขกหัวน้องแก้เขินไปทีหนึ่งส่วนพ่อแม่ก็ได้แต่ยิ้มๆ

"เสี้ยวเทียนตักกับข้าวให้พี่ใหญ่ด้วยสิลูก" พ่อเอ่ยปากบอกเคนเพราะเห็นเจอร์รี่นั่งกินข้าวเงียบๆอยู่คนเดียว เคนได้ยินก็เหลียวมองพี่ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ

"พี่ใหญ่เขาก็มีมือนี่ครับพ่อ" เคนตอบเป็นเชิงปฏิเสธ

"ก็พี่เขานั่งไกลตักไม่ถึง" พ่อแย้งพร้อมกับพยักหน้าให้เคนอีกครั้ง

"แม่ก็นั่งตรงข้ามกับพี่ใหญ่ยังตักถึงเลยแล้วพี่ใหญ่มือยาวกว่าแม่ตั้งเยอะทำไมจะตักไม่ถึง" เคนเถียงกลับไปอีก

"พ่อตักให้แม่ต่างหาก แม่เขาก็ตักไม่ถึงหรอก" พ่อย้อนลูกชายด้วยเช่นกัน

"งั้นพ่อก็ตักให้พี่ใหญ่เอง....." เคนพูดยังไม่ทันจบเจอร์รี่ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

"ถ้าชั้นได้ยินนายเถียงพ่ออีกคำเดียวจะโดนตบปาก!" เจอร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างดุ

"ไม่เป็นไรหรอกเจอร์รี่น้องก็แค่พูดคุยกันปกติเอง" พ่อแก้ตัวแทนลูกชายคนกลาง ทำเอาเจอร์รี่เกิดอาการเซ็งเพราะพ่อเอาแต่เข้าข้างน้องจนไม่กล้าตำหนิเวลาที่เคนทำอะไรไม่ถูกต้อง

"ทอดมันนี่อร่อยดีจัง ผมว่าเราซื้อกลับบ้านไปฝากพี่รองด้วยชุดนึงดีกว่าเพราะวันนี้พี่รองก็ไม่ได้มากินกับพวกเรา" ไจ่ไจ๋เห็นว่าบรรยากาศบนโต๊ะเริ่มกร่อยลงจึงเอ่ยปากชวนคุยขึ้นมา

"ก็ดีนะจ๊ะ เพราะแม่ว่าแค่พี่รองเขาไม่ได้มากินข้าวด้วยวันนี้ก็คงงอนจะแย่แล้ว อย่างน้อยถ้าเราซื้ออะไรติดไม้ติดมือไปฝากบ้างก็คงดีใจแหละ" แม่รับช่วงต่อจากไจ่ไจ๋อย่างรู้กัน

"งั้นเดี๋ยวผมเดินไปสั่งให้นะครับ" เคนรับอาสาแล้วก็ขยับตัวลุกไปสั่ง

"ไม่เอาน่าลูก.....น้องก็แค่งอแงกับพ่อนิดหน่อยเท่านั้นเอง" พ่อพูดปลอบใจเจอร์รี่เพราะรู้ว่าลูกชายไม่ค่อยชอบใจนักที่น้องชายเถียงพ่อเมื่อซักครู่

"เฮ่อ! พ่อก็แก้ตัวแทนมันทุกที" เจอร์รี่ถอนหายใจยาวก่อนจะบ่นอุบออกมาแต่ไม่ได้พูดว่าอะไรต่อเพียงแต่ตักข้าวกินต่อเท่านั้น




 

Create Date : 30 มีนาคม 2552    
Last Update : 30 มีนาคม 2552 22:34:30 น.
Counter : 1038 Pageviews.  

Chapter 58

ตอนที่ 58

"มานี่เดี๋ยวนี้!" เจอร์รี่เอ่ยเรียกน้องชายคนกลางที่เพิ่งกลับเข้ามาแต่ทำท่าจะหมุนตัวกลับออกไปอีกเมื่อเห็นหน้าเขา ทำให้ไจ่ไจ๋กับแวนเนสที่นั่งหน้าจ๋อยๆอยู่ได้แต่หันไปสบตากันแม้อยากจะช่วยแต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังงัยเพราะเขาสองคนยังเอาตัวไม่รอดกันเลย

"แม่....." คนถูกเรียกวิ่งไปหาตัวช่วยที่เดินตามหลังมาทันที

"อย่าให้ชั้นต้องเดินเข้าไปหานะ!" ชี้หน้าน้องชายพร้อมกับพูดด้วยสีหน้าจริงจัง เคนนึกกลัวพี่ชายอยู่เหมือนกันแต่ก็เชื่อว่าพ่อแม่จะช่วยเขาได้

"อะไรกันเจอร์รี่ พ่อแม่เพิ่งกลับมาถึงเราก็หาเรื่องน้องเลยหรอ?" แม่เอ่ยปากพูดแทรกขึ้นมาก่อน

"แม่ครับ ผมไม่ได้หาเรื่องน้องเลยนะ แต่น้องมันหาเรื่องใส่ตัวเอง" เจอร์รี่หันไปตอบมารดา

"น้องก็ไม่ได้ไปเถลไถลที่ไหนนี่ลูก แล้วนี่พ่อเขาก็เป็นคนวานให้เสี้ยวเทียนพาไปซื้อของด้วย" แม่ยกเอาพ่อขึ้นมาเป็นข้ออ้าง

"ใช่ลูก พ่อให้เสี้ยวเทียนพาพ่อแม่แวะซื้อของก่อนกลับบ้านน่ะ อย่าว่าน้องเลย" พ่อที่เดินตามเข้ามาช่วยพูดอีกแรง

"พ่อแม่ครับ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าน้องออกไปไหนเพราะไม่ว่าน้องจะหนีไปเที่ยวหรือไปรับพ่อแม่เหตุผลที่ผมต้องลงโทษน้องก็เป็นเหตุผลเดียวกันนั่นก็คือน้องออกไปโดยไม่บอกผมก่อน" เจอร์รี่อธิบายให้บุพการีทั้งสองคนฟัง

"ถ้าบอกนายก็ไม่ให้ไป" เคนพูดแทรกขึ้นมา

"ในเมื่อรู้ดีขนาดนั้นแล้วทำไมถึงยังทำ?" เปลี่ยนสายตาไปทางน้องชาย

"แล้วมันผิดตรงไหน? ชั้นออกไปรับพ่อแม่นะ" เคนโอดครวญ

"นี่นายไม่เข้าใจที่ชั้นพูดหรอ? ชั้นบอกว่าเรื่องที่นายออกไปทำอะไรชั้นไม่สนใจแต่ที่ชั้นสนก็คือนายออกไปโดยที่ไม่บอกชั้น!" พี่ใหญ่โต้ตอบน้องด้วยน้ำเสียงเข้มงวด

"แต่ว่า....." เคนตั้งท่าจะแก้ตัวอีกแต่พอเห็นสายตาดุดันของพี่ชายที่มองมาก็ได้แต่กลืนคำพูดลงคอ

"ชั้นขอโทษ" เอ่ยขอโทษพี่ชายขึ้นมาเผื่อว่าพี่ชายจะอารมณ์เย็นลงบ้างแต่ผลกลับไม่เป็นแบบที่คิด

"ขอโทษอีกแล้วหรอ? นี่นายคิดว่าสิ่งที่นายทำลงไปมันแก้ไขด้วยวิธีนี้ได้ทุกครั้งหรืองัย?" สวนกลับคำน้องอย่างโมโห ความเงียบเกิดขึ้นมาชั่วครู่แล้วก็ถูกทำลายโดยเสียงของเคนอีกครั้ง

"ทำไมนายถึงชอบมองทุกอย่างที่ชั้นทำลงไปเป็นความผิดร้ายแรงนัก? ถ้าเปลี่ยนจากชั้นเป็นไจ่ไจ๋ที่ออกไปรับพ่อกับแม่นายจะเอาเรื่องน้องแบบที่กำลังทำกับชั้นอยู่หรือเปล่า?" เคนพูดเป็นเชิงตัดพ้อพี่ชายซึ่งคำพูดนั้นก็ทำเอาพี่ใหญ่ถึงกับสะอึก ส่วนไจ่ไจ๋นั้นรู้สึกขอบตาร้อนผ่าวด้วยความสงสารพี่ชายพร้อมกับนึกตำหนิตัวเองที่ไม่ออกไปกับพี่ชายด้วยเพราะไม่อย่างนั้นแล้วพี่ใหญ่อาจจะไม่โมโหแบบนี้ก็ได้ แวนเนสเองก็รู้สึกสงสารน้องเช่นกันแต่ไม่รู้จะทำยังงัย

"ชั้นเดาว่าถ้าเปลี่ยนจากชั้นเป็นไจ่ไจ๋นายคงจะเห็นเป็นความชอบมากกว่าความผิด" เคนพูดต่อด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความน้อยใจ

"เจอร์รี่.....แม่ว่า....." แม่เอ่ยปากเพื่อจะไกล่เกลี่ยแต่เคนกลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน

"ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ ผมทำผิดอย่างไม่น่าให้อภัยสมควรแล้วที่จะถูกลงโทษ" แม่เปลี่ยนสายตามามองที่ลูกชายคนกลางด้วยความสงสารจับใจ

"ชั้นยอมแล้ว จะลงโทษยังงัยก็ตามสบายเลย" พูดจบเคนก็ยืนนิ่งรอรับการลงทัณฑ์จากพี่ชาย ตอนนั้นสายตาของสมาชิกที่เหลืออยู่ทุกคนมองไปทางเจอร์รี่

"เฮ่อ!!!" เจอร์รี่ถอนหายใจออกมาแรงๆ

"เรื่องนี้ค่อยคุยกันวันหลัง" บอกกับน้องด้วยน้ำเสียงเรียบๆเขาเองก็ไม่อยากเอาผิดทั้งๆที่น้องกำลังรู้สึกน้อยใจแบบนี้เช่นกัน

"พ่อแม่ผมขอตัวนะครับ ปวดหัวเหลือเกิน" พูดจบเจอร์รี่ก็หันหลังเดินขึ้นห้องตัวเองไป หลังจากพี่ชายไปแล้วเคนก็เหลียวไปมองก่อนจะอมยิ้มออกมาเล็กน้อย ความจริงเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไรมากมายเพียงแต่รู้ดีว่าถ้าเขาทำแบบนี้แล้วพี่ชายจะต้องไม่กล้าทำอะไรแน่นอน

"เสี้ยวเทียน!" แวนเนสที่สังเกตเคนอยู่ตลอดเอ่ยเรียกชื่อน้องขึ้นมา เคนสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปทางคนเรียก

"ยืนอยู่ใกล้แค่นี้จะแหกปากทำไม?" ต่อว่าพี่ชายจบก็เดินไปนั่งที่โซฟาอย่างสบายใจ

"พี่กลาง....เมื่อกี้พี่แกล้งพูดใช่มั๊ย?" ไจ่ไจ๋เห็นท่าทางของพี่ชายก็เดาได้ทันที

"อืม...." เคนตอบพร้อมกับยักคิ้วให้น้องชาย แต่น้องกลับทำหน้างอใส่

"โอ๋ๆๆๆๆ....พี่ขอโทษที่พูดพาดพิงถึงนายอีกแล้ว แต่นายก็รู้หนิว่าถ้าพี่ไม่พูดพี่ใหญ่ก็ไม่เลิกหาเรื่องพี่ซักที" เห็นน้องทำหน้ามุ่ยเคนจึงรีบเดินไปกอดพร้อมกับเอ่ยขอโทษทันที

"พี่กลางอ่ะ ทำเอาผมแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว นิสัยไม่ดี!" ไจ่ไจ๋ต่อว่าพี่ชายแต่ก็ยอมให้กอดแต่โดยดี พ่อกับแม่ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ก็ถอนหายใจโล่งอกเช่นกัน

"พ่อแม่เห็นมั๊ยครับว่าเจ้านี่มันแสบขนาดไหน ทำให้เจอร์รี่ไปนอนเครียดได้อีกแล้ว" แวนเนสว่าพร้อมกับผงกหัวไปข้างบน

"อย่างมันไปนอนเครียด? ไปนอนคิดแผนจะจัดการกับชั้นมากกว่า" เคนสวนคำพูดของพี่ชาย

"ไม่เอาน่าลูก.....พี่ใหญ่เขาคงไม่คิดจะทำอะไรลูกหรอก" พ่อเอ่ยเป็นเชิงเตือนเคนกลายๆ แต่เคนกลับหันไปทำหน้ามุ่ยกับพ่อ

"พ่อเข้าข้างพี่ใหญ่ทุกที ต้องให้พี่เขาตีผมตายก่อนพ่อถึงจะเชื่อใช่มั๊ยว่าพี่ใหญ่น่ะโหดกับผมขนาดไหน" พูดจบก็ทำหน้างอนๆใส่พ่อ ทำให้คนที่เหลือได้แต่อมยิ้มกับความขี้งอนของเคน

"พ่อไม่ได้เข้าข้างพี่ใหญ่ซักหน่อย แต่พ่อว่าพี่ใหญ่เองก็เครียดเหมือนกันนะลูก" เคนยักไหล่เล็กน้อย

"เครียดมั่งก็ดี ผมจะได้พักหูบ้างไม่งั้นก็ต้องนั่งฟังเทศน์ทั้งวัน" แม่หันไปสบตากับพ่อก่อนจะยิ้มแล้วส่ายหน้า

"ไหนไจ่ไจ๋....มาหาแม่ซิ แล้วที่แขนน่ะเป็นยังงัยบ้าง?" เปลี่ยนเรื่องพูดโดยหันไปเรียกลูกชายคนเล็ก โดยไม่ต้องรอให้บอกซ้ำไจ่ไจ๋รีบโผเข้าไปกอดแม่ทันที

"ที่แขนไม่เป็นไรเท่าไหร่แล้ว ผมคิดถึงแม่มากๆเลย" อ้อนแม่เสียงอ่อนเสียงหวาน

"งั้นหรอ? แต่พี่กลางบอกว่าชวนลูกไปรับแม่ที่สนามบินแต่ลูกก็ไม่ไปนี่ แบบนี่หรอที่บอกว่าคิดถึง" พูดจบก็จูบหน้าผากลูกชายแรงๆ

"แหม....ผมก็อยากให้พ่อแม่อยู่กับพี่กลางนานๆงัย" กระซิบพูดกับแม่เบาๆเพื่อไม่ให้พี่ชายได้ยิน แม่จึงยิ้มกว้างแล้วเอามือขยี้หัวลูกชายอย่างเอ็นดู

"ช่างคิดนะเราน่ะ" ไจ่ไจ๋ไม่ตอบแต่รีบหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่

"เออใช่! พี่กลางครับ พี่ได้หอมแก้มพ่อแม่แทนผมหรือยัง?" หันไปถามพี่ชายคนกลางหน้าเข้มเล็กน้อย เคนได้ยินก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

"พ่อ....เดี๋ยวผมเอาของไปเก็บในครัวนะครับ" พูดจบเคนก็รีบหิ้วข้าวของที่ซื้อมาไปในครัวทันที

"ฮึ! พี่กลางนี่ใช้ไม่ได้เลย" ไจ่ไจ๋บ่นไล่หลังพี่ชาย

"เราน่ะไปว่าพี่เขาทำไมกัน?" พ่อว่าลูกชายคนเล็กกลายๆแต่สีหน้านั้นยิ้มแย้มยินดี

"ไม่ได้ว่าแต่ผมน่ะหอมแก้มพี่กลางเพื่อให้เขาไปหอมแก้มพ่อกับแม่แทนผมที่สนามบินแต่พี่กลางก็ไม่ยอมทำ" พูดจบก็ทำหน้ามุ่ยๆ

"งั้นลูกก็ทำเองสิ เอ้า! ตามสบายเลย" พ่อว่าแล้วก็เอียงแก้มให้ลูกชาย ไจ่ไจ๋รีบหอมแก้มพ่อทันที

"รักกันเข้าไปสามคน!" แวนเนสพูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงงอนๆที่พ่อแม่ไม่สนใจเขาเลย

"แหม....ลูกเราแต่ละคนขี้งอนใช่ย่อยเลยนะเนี่ย" แม่หันไปพูดกับพ่อยิ้มแล้วเดินเข้าไปกอดแวนเนส

"เจ้าตัวป่วนของแม่เป็นยังงัย? วันนี้เงียบผิดปกตินะเนี่ย" ว่าพร้อมกับเชยคางลูกชายขึ้นมา

"ผมยังมึนที่โดนลูกชายคนโตของแม่ด่าอยู่เลยเนี่ย" แวนเนสพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ

"ก็เราน่ะชอบร่วมกับน้องแกล้งพี่เขาด้วยนี่" แม่ต่อว่าลูกชายกลับ

"นี่ไม่ได้เรียกว่าแกล้งแต่เป็นการเซอร์ไพรส์ต่างหาก แต่ก็อย่างว่าแหละแก้ตัวอะไรไปผมก็ผิดอยู่ดี" พูดประโยคหลังจบแวนเนสก็ทำแก้มป่องเหมือนเด็ก

"ยังไม่มีใครว่าลูกเลยซักคน" พ่อเอ่ยพร้อมกับเอานิ้วจิ้มแก้มนิ่มๆของลูกชาย

"แล้วงานเราเป็นยังงัยบ้าง?" ถามไถ่ลูกชายต่อ

"ก็โอเคครับพ่อ สนุกดี" แวนเนสตอบแบบสรุปรวม

"เหนื่อยมั๊ย? เห็นว่าต้องเดินทางออกนอกเมืองบ่อยๆนี่" พ่อซักต่อ

"ครับ แต่ผมไม่เหนื่อยเท่าไหร่เพราะมีเสี่ยวจือคอยขับรถรับส่งตลอด ผมน่ะส่วนใหญ่ก็นั่งหลับ" ได้ยินเช่นนั้นพ่อกับแม่ก็หัวเราะ

"เสี้ยวเทียนตกลงวันนี้จะทำอะไรต้อนรับพ่อกับแม่หละ? คิดเมนูได้หรือยัง?" เมื่อเห็นเคนเดินกลับออกมาแม่ก็เปลี่ยนเรื่องถามลูกชายคนกลาง

"มีฉลองด้วยใช่หรือเปล่า?" แวนเนสถามแทรกขึ้นมาเพราะเห็นมีเครื่องดื่มที่เพิ่งซื้อมา

"ไอ้ขวดๆที่อยู่ในตู้เย็นอ่ะถ้าไอ้คนข้างบนมาเห็นมีหวังชั้นโดนด่าเละแน่ ไม่รู้จะมีใครช่วยพูดให้หรือเปล่า?" เคนบ่นแต่ไม่วายแอบพูดแขวะพ่อกับแม่กลายๆ

"โอเคๆๆๆ ไอ้ขวดๆที่เห็นน่ะพ่อจะบอกพี่ใหญ่ว่าพ่อเป็นคนหยิบมาเอง แบบนี้พอใจหรือเปล่า?" เห็นท่าทางงอนๆของลูกชายแล้วพ่อก็รีบพูดเอาใจขึ้นมาทันที

"แบบนี้ค่อยคุยกันได้หน่อย งั้นวันนี้พ่อแม่อยากกินอะไรครับ? เดี๋ยวผมทำให้ทุกอย่างเลย" คนขี้งอนเปลี่ยนอาการทันที

"หึๆๆๆ" พ่อแม่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเจ้าลูกชายคนนี้

"พี่กลาง.....พ่อแม่น่ะเขากินได้ทุกอย่างที่พี่ทำนั่นแหละ" ไจ่ไจ๋แกล้งพูดแทรกขึ้นมา

"แล้วนายหละ?" เคนแกล้งถามเจ้าน้องชายตัวแสบบ้าง

"ก็ได้ทุกอย่างแหละ แต่วันนี้ขอไก่ทอดกรอบๆด้วยนะ" ตอบคำถามพี่ชายก่อนจะพูดประโยคหลังด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ

"ฮึ! ได้ทีเชียวนะ" หันไปบีบจมูกน้องชายเบาๆอย่างหมั่นไส้

"ชั้นอยากกินปลาราดซอส" แวนเนสเอ่ยขึ้นมาบ้าง

"ใครถามพี่ไม่ทราบครับ?" เคนย้อนถามแวนเนสอย่างกวนๆ

"เออ! จำไว้เลยนะ.....ชั้นเนี่ยทำอะไรก็ไม่ได้ทำกลับต้องมานั่งฟังเทศน์แทนนายเป็นชั่วโมง รู้หรือเปล่าตอนนายออกไปเริงร่าข้างนอกชั้นกับน้องน่ะหูชากันขนาดไหน คุณพี่ท่านด่าไฟแลบเลย เพิ่งหยุดก่อนหน้านายกลับมาไม่กี่นาทีเอง" แวนเนสทวงบุญคุณเอากับน้อง

"เออๆๆๆ เดี๋ยวทำให้ก็ได้ ไม่ต้องร่ายยาวขนาดนี้หรอก" เคนรีบพูดตัดบทเมื่อเห็นพี่ชายหยุดเว้นวรรคหายใจ

"แต่พวกนายสองคนต้องช่วยชั้นทำเข้าใจมั๊ย?" ออกคำสั่งกับพี่น้องกลายๆ

"ครับ ช่วยอยู่แล้วหละ" ไจ่ไจ๋ตอบรับเสียงแข็งขัน

"งั้นก็ตามมา อ้อ! แวนเนส.....นายเอากระเป๋าพ่อแม่ขึ้นห้องไปก่อน พ่อแม่จะได้ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วนอนพักซักหน่อย เสร็จแล้วรีบลงมาช่วยชั้นด้วยหละ อย่าอู้!" เมื่อนึกขึ้นได้ก็หันไปสั่งแวนเนสอีกเสร็จแล้วก็โอบไหล่น้องชายพาเดินเข้าครัวไปด้วยกัน

"เออ! นี่ตกลงใครเป็นพี่เป็นน้องกันแน่เนี่ย สั่งจังเลย!" แวนเนสบ่นอุบแต่ก็เดินไปหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าของพ่อแม่ขึ้นไปข้างบน



- เวลาต่อมา -

"ไอ้พวกทะโมนไปไหนกันหมดครับ?" เจอร์รี่ที่เพิ่งตื่นลงมาเอ่ยถามพ่อแม่ที่นั่งดูโทรทัศน์กันอยู่

"ง่วนกันอยู่ในครัวจ๊ะ แล้วนี่หายปวดหัวหรือยัง?" แม่ย้อนถามลูกชายยิ้มๆ เจอร์รี่ยังไม่ตอบแต่มานั่งลงข้างๆแล้วเอาหัวซบลงที่ไหล่ของแม่

"ตราบใดที่เจ้าลูกชายจอมป่วนสามตัวของแม่มันไม่เกิดเป็นใบ้หรือหูหนวกตาบอดขึ้นมาผมคงต้องปวดหัวไปจนตายแหละครับ" พูดเป็นเชิงบ่นน้องๆ

"เราก็พูดเกินไป แม่ยังไม่เห็นว่าน้องจะป่วนลูกซักเท่าไหร่เลย มีแต่เห็นลูกนั่นแหละดุจนน้องๆหงอกันหมดแล้ว" แม่ต่อว่าลูกชายกลับแต่มืออุ่นก็ลูบไล้ใบหน้าลูกชายอย่างอ่อนโยน

"นี่ขนาดผมดุยังซ่าส์กันขนาดนี้แล้วถ้าลองปล่อยตามใจคงได้เสียคนกันบ้างแน่ๆ" ไม่วายพูดแขวะน้องๆอีก

"พ่อไม่คิดแบบนั้นนะลูก เพราะพ่อรู้ว่าลูกพ่อแต่ละคนน่ะรักดีกันทั้งนั้น ไอ้เรื่องไม่ถูกไม่ควรลูกพ่อไม่มีทางทำแน่นอน" พ่อแย้งขึ้นมาด้วยความมั่นใจ

"ครับ.....ลูกชายสุดที่รักของพ่อสามคนนั้นน่ะน่ารักเสมอแหละ" พูดเป็นเชิงประชดน้อยๆ พ่อหัวเราะเบาๆก่อนจะลุกมานั่งขนาบข้างลูกชาย

"พูดอย่างกับตัวเองไม่ใช่ลูกพ่ออย่างนั้นแหละ" ว่าพร้อมกับดึงหูลูกชายอย่างหมั่นไส้

"บางทีผมยังนึกเลยว่าพ่อแม่เก็บผมมาเลี้ยงหรือเปล่า? เพราะรู้สึกว่าอะไรๆผมก็จะไม่ค่อยเข้าพวกกับเจ้าตัวแสบได้เลย ไม่รู้มาเป็นพี่น้องกันได้ยังงัย?" พูดจบก็ส่ายหน้าอย่างระอากับความดื้อแพ่งของน้องชายทั้งหลาย

"ตายหละแม่.....ลูกรู้ความจริงแล้วสิ เราจะทำยังงัยดี?" พ่อได้ยินก็แกล้งแหย่ลูกชายต่อ

"นั่นสิ.....อุตส่าห์เก็บไว้เป็นความลับตั้งหลายปี รู้มาจากไหนเนี่ย?" แม่เลยแกล้งลูกชายด้วยอีกคน เจอร์รี่ได้ยินก็ทำหน้ามุ่ยใส่บุพการีทั้งสองคน

"ตกลงเรื่องจริงใช่มั๊ย? ไม่น่าหละพ่อแม่ถึงไม่ค่อยรักผมเหมือนกับไอ้เจ้าสามคนนั้นเลย" เจอร์รี่เองก็เลยผสมโรงเล่นกับพ่อแม่ด้วย

"ทำไมจะไม่รักหละ? ถึงเราจะเก็บลูกมาเลี้ยงแต่ก็รักเหมือนลูกแท้ๆนะ" พ่อแหย่ลูกชายอีก

"นั่นสิ แถมลูกน่ะยังได้อะไรต่อมิอะไรมากกว่าลูกชายแท้ๆของพ่อแม่อีก แบบนี้ยังจะเรียกว่าไม่รักอีกหรอ?" เจอร์รี่เริ่มทำหน้ามุ่ยเมื่อพ่อแม่ยังเล่นต่อ

"พ่อแม่อ่ะ พูดแบบนี้ผมเริ่มคิดแล้วนะ" พูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ

"โอ๋....คิดอะไรมากฮึ? ล้อเล่นนิดเดียวเอง" แม่ว่าพร้อมกับขยี้หัวลูกชายอย่างเอ็นดู

"ไหนๆก็ไหนๆแล้วแม่บอกความจริงลูกไปเถอะ อย่างน้อยตอนนี้ลูกก็โตแล้วคงยอมรับความจริงได้" พ่อยังเล่นไม่เลิก

"เลิกเล่นได้แล้วพ่อเดี๋ยวลูกงอนจนไม่ไว้ใจจะต้องโดนลากไปตรวจดีเอ็นเอแล้วจะยุ่ง" แม่หันไปต่อว่าพ่อ

"โอเคๆๆๆ เลิกเล่นก็ได้.....พ่อล้อเล่นนะลูกอย่าเอาไปคิดจนเครียดอีกหละ" พูดพร้อมกับโอบไหล่ลูกชายแล้วเขย่าเบาๆ

"ไม่คิดหรอกครับ แต่ถึงจะจริงผมก็ไม่ซีเรียสเพราะยังงัยก็ดีกว่าไม่มีคนเลี้ยง" เจอร์รี่พูดกับพ่อยิ้มๆเช่นกัน แล้วพ่อแม่ลูกสามคนก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

"เออนี่.....ตกลงลูกจะกักบริเวณน้องจนครบกำหนดจริงๆหรอ?" แล้วแม่ก็เปลี่ยนเรื่องถาม

"ทำไมครับ? ไหนแม่เคยบอกว่าเรื่องที่ผมตัดสินใจพ่อแม่จะไม่ก้าวก่ายงัยหละ?" เจอร์รี่แกล้งย้อนถามแม่เพราะรู้ดีว่ายังงัยซะแม่ก็อดที่จะเป็นปากเสียงแทนน้องชายไม่ได้

"ก็ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย เพียงแต่แม่เห็นว่าการกักบริเวณน้องแบบนี้มันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรมากมาย บางทีอาจจะเป็นการส่งเสริมให้น้องขี้เกียจด้วยนะเพราะวันๆคงเอาแต่นอนอย่างเดียว" แม่แก้ตัวเป็นพัลวัน เจอร์รี่ได้ยินก็หัวเราะ

"ครับๆๆๆ ผมเข้าใจเหตุผลแม่ แล้วเมื่อกี้ก็ไปนอนคิดดูแล้วผมก็คิดเหมือนแม่นั่นแหละ" ได้ยินลูกชายว่าดังนั้นพ่อแม่ก็หันไปเลิกคิ้วให้กันเพราะปกติแล้วนิสัยลูกชายมักจะพูดคำไหนคำนั้นไม่ค่อยผ่อนปรนง่ายๆ

"ลูกหมายความว่าลูกจะไม่ลงโทษน้องต่อแล้ว" พ่อพูดเป็นเชิงถาม

"อืม....ก็ไม่เชิง แต่กักบริเวณคงไม่ได้ผลเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นผมคิดว่าจะพาเจ้าเสี้ยวเทียนกับไจ่ไจ๋ไปทำงานที่บริษัทด้วย" เจอร์รี่ตอบก่อนจะอธิบายต่อ

"อย่างน้อยเสี้ยวเทียนคงช่วยแบ่งเบางานผมได้บ้าง ส่วนไจ่ไจ๋ผมว่าจะให้น้องลองศึกษางานดูเพราะอย่างน้อยก็บริษัทเราน้องน่าจะรู้งานบ้างถึงจบออกมาจะไม่ได้มาทำงานที่บริษัทก็ตาม พ่อแม่เห็นว่ายังงัยครับ?" พูดจบก็ถามความเห็นของบุพการีทั้งสองคน ความคิดของลูกชายนั้นทำให้พ่อและแม่ยิ้มออกมาอย่างพอใจ

"เยี่ยมมากลูก! พ่อเห็นด้วยกับความคิดของลูก" ว่าพร้อมกับตบไหล่ลูกชายเบาๆ

"แม่ก็เห็นด้วยจ๊ะ วิธีนี้น่าจะดีกว่าเพราะอย่างน้อยน้องก็อยู่ในสายตาลูกตลอด แบบนี้ลูกจะได้คุมน้องได้ง่ายหน่อย" ประโยคหลังพูดแบบขำๆ เจอร์รี่จึงทำจมูกย่นใส่

"แหงหละครับ เพราะขืนกักบริเวณอยู่บ้านพ่อแม่ก็คงทนลูกอ้อนของเจ้าพวกนั้นไม่ไหวจนต้องพาน้องร่อนออกไปข้างนอกตอนที่ผมไม่อยู่บ้านอย่างแน่นอน ใช่มั๊ยครับ?" ถามดักคอขึ้นมาอย่างรู้ทัน

"อืม....เจ้าเจอร์รี่นี่เป็นลูกชายที่รู้ใจพ่อแม่มากที่สุดเลยนะเนี่ย" พ่อหันไปชมลูกชายกับแม่

"หึๆๆๆ" แม่ไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่หัวเราะเบาๆเท่านั้น

"เอ่อ....พ่อแม่ครับ เจ้าเสี้ยวเทียนมันเป็นยังงัยบ้าง?" ถามถึงน้องชายอย่างนึกห่วงเพราะคิดว่าน้องน้อยใจเขาอยู่

"ก็ปกติดีนี่จ๊ะ" แม่ตอบยิ้มๆแต่ไม่ได้บอกว่าที่เคนพูดไปนั้นไม่ได้จริงจังอะไร

"จริงหรอแม่?" ถามย้ำอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

"จริง เมื่อกี้พ่อเข้าไปดูยังเห็นน้องทำกับข้าวไปหัวเราะไป สนุกสนานกันใหญ่ทั้งสามคนเลย" พ่อยืนยันด้วยอีกคน

"เสี้ยวเทียนมันก็เป็นแบบนี้ทุกที รู้สึกยังงัยไม่ค่อยจะพูดออกมาแต่ถ้าพูดก็ชอบประชดอยู่เรื่อย ผมไม่รู้จะจัดการยังงัยดีกับเจ้าเด็กดื้อคนนี้" เจอร์รี่บ่นให้พ่อแม่ฟัง

"ก็เราลำเอียงอย่างที่น้องว่าหรือเปล่าหละ?" แม่ย้อนถามลูกชาย เจอร์รี่เงียบไป

"ผมยอมรับเรื่องที่ผมอาจจะเข้มงวดกับเจ้าเสี้ยวเทียนมากกว่าเพื่อน แต่ที่ผมเป็นแบบนี้มันก็อยู่ที่ความประพฤติของน้องด้วย อย่างเจ้าแวนเนสเวลาผมเตือนอะไรน้องก็มักจะฟังแล้วทำตามเลยสามารถพูดคุยกันด้วยเหตุผลง่ายหน่อย หรืออย่างเจ้าไจ๋ถึงน้องจะดื้อบ้างแต่ไม่ใช่คนหัวรั้นเหมือนเสี้ยวเทียนเวลาผมบอกอะไรน้องก็เชื่อฟังไม่ต้องให้ย้ำแล้วย้ำอีกและอีกอย่างน้องมีอะไรก็มักไม่ค่อยกล้าปิดบังผมส่วนใหญ่จะบอกผมแทบทุกอย่าง" พ่อแม่ไม่ได้ตอบว่าอะไรเพียงแต่ฟังลูกชายพูดเท่านั้น

"แต่กับเจ้าเสี้ยวเทียนพูดดีๆด้วยมันก็เฉยบางทีดุแล้วก็ยังไม่เชื่อ ต้องให้ตีเอาเจ็บๆก่อนนั่นแหละถึงจะเพลาๆลงบ้างแต่ก็ได้แค่ชั่วครู่พอหายเจ็บเดี๋ยวมันก็ลืมแผลงฤทธิ์ขึ้นมาใหม่อีก ผมหละเหนื่อยกับเจ้านี่จริงๆ" พูดจบเจอร์รี่ก็ถอนหายใจยาว

"เสี้ยวเทียนไม่เหมือนแวนเนสกับไจ่ไจ๋ที่เวลาอยากจะแสดงออกก็สามารถทำได้โดยไม่เคอะเขิน พ่อว่า....บางทีที่น้องทำดื้อดึงกับลูกก็อาจจะเป็นการเรียกร้องความสนใจจากลูกวิธีหนึ่งก็ได้" พ่อพูดให้ลูกชายมองในอีกแง่หนึ่ง

"เฮ่อ! ขืนน้องมันเรียกร้องความสนใจด้วยวิธีนี้บ่อยๆซักวันคงโดนผมตีตายแน่" เจอร์รี่บ่นอุบพร้อมกับส่ายหน้าไปมา

"ลูกก็รู้พื้นฐานทางอารมณ์ของน้องนี่ว่าเป็นยังงัย? เรื่องนี้พ่อแม่เองก็มีส่วนผิดเหมือนกัน" แม่พูดกับลูกชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"ผมไม่ได้โทษพ่อกับแม่นะครับ....." เจอร์รี่รีบแย้งเพราะรู้ว่าตัวเองพูดสะกิดความรู้สึกของบุพการีเข้าให้อีกแล้ว

"แม่ไม่ได้ว่าลูกหรอกจ๊ะ แต่แม่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ" แม่ว่าพร้อมกับยิ้มบางๆให้ลูกชาย

"ใช่.....พ่อว่าลูกเองก็ทำดีที่สุดแล้ว เพราะถ้าให้พ่อกับแม่ทำหน้าที่นี้ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ดีเท่าลูกหรือเปล่า" พ่อพูดเสริมด้วยอีกคน

"ต้องดีกว่าสิครับ เพราะพ่อแม่คือคนที่ให้ชีวิตกับน้อง ผมว่าน้องต้องตระหนักถึงข้อนี้ตลอดเวลาอยู่แล้ว" พูดให้กำลังใจบุพการีทั้งสองคน

"ให้ชีวิตก็ส่วนนึงแต่ที่สำคัญก็คือความรักความอบอุ่นที่น้องได้รับด้วยจ๊ะ ซึ่งเรื่องนี้ต้องยกให้เป็นความดีความชอบของลูกโดยตรงเลย" แม่ว่าพร้อมกับลูบแก้มลูกชาย ในตอนนั้นแวนเนส เคนและไจ่ไจ๋ก็พากันเดินออกมาจากในครัวพอดี

"อ้าว! พ่อครัวใหญ่สามคนทำอาหารเสร็จแล้วหรอ?" แม่ทักลูกชายสามคนที่พากันเดินออกมาจากในครัว

"มาก็ดี....เสี้ยวเทียนกับไจ่ไจ๋ พี่ใหญ่เขามีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ" พ่อว่าพร้อมกับเกริ่นนำให้ ได้ยินดังนั้นสองพี่น้องก็หันไปสบตากัน

"เอ่อ....เรื่องอะไรครับ?" เคนถามพ่อเสียงเบา

"ถามพี่เขาดูเองสิ" พ่อไม่ตอบแต่พยักเพยิดให้เคนถามพี่ชายเอง เคนมองไปทางพี่ใหญ่แต่ไม่ได้เอ่ยปากถามเพราะรู้ว่าเดี๋ยวพี่ชายก็คงพูดเอง

"พี่ใหญ่จะคุยกับผมแล้วก็พี่กลางหรอ?" ไจ่ไจ๋จึงเป็นคนเอ่ยถามขึ้นมาก่อนจะเดินเข้าไปกอดคอพี่ชายอย่างอ้อนๆ

"ใช่" เจอร์รี่ตอบด้วยสีหน้าขรึมๆอย่างไว้ฟอร์ม

"เอ่อ....งั้น พ่อแม่ครับ เราสามคนไปในครัวกันดีกว่า ไปช่วยกันจัดโต๊ะเนอะ" แวนเนสเห็นดังนั้นจึงเอ่ยชวนพ่อแม่

"อืม....ก็ดีเหมือนกัน คุยเสร็จแล้วตามเข้าไปนะลูก" ว่าแล้วพ่อกับแม่ก็พากันตามแวนเนสเข้าไปในห้องครัว

"มานั่งใกล้ๆสิเสี้ยวเทียน" เรียกน้องชายคนกลางให้มานั่งลงที่โซฟาตัวเดียวกับเขา เคนจึงเดินไปนั่งข้างพี่ชาย

"เรื่องการลงโทษกักบริเวณน่ะ พี่ขอยกเลิก" เมื่อเห็นน้องๆพร้อมที่จะฟังแล้วเจอร์รี่ก็บอกกล่าวให้ฟัง ซึ่งเคนกับไจ่ไจ๋ก็ไม่ได้มีท่าทีแปลกใจเพราะรู้ว่าพ่อแม่ต้องพูดให้พวกเขาอยู่แล้ว

"ขอบคุณครับพี่ใหญ่! พี่ใหญ่ใจดีที่สุดในโลกเลย!" ไจ่ไจ๋โผกอดพี่ชายพร้อมกับเอ่ยปากชมยกใหญ่

"นี่.....ฟังให้จบก่อน....." พี่ใหญ่เอามือบีบจมูกน้องเล็กเบาๆ

"อ้าว! หมายความว่างัย? ยกเลิกการกักบริเวณแล้วยังมีอะไรอีก.....อย่าบอกนะว่าจะลงโทษอย่างอื่น" เคนย้อนถามอย่างพอจะรู้

"ก็ประมาณนั้นแหละ" พอได้ยินเช่นนั้นสองพี่น้องก็ชะงัก หุบยิ้มกันทันที

"พี่ใหญ่.....แค่อาทิตย์ที่ผ่านมาก็ถือว่ามากพอแล้วนะครับ ยังจะลงโทษอะไรเราอีก? พอเถอะนะ....." ไจ่ไจ๋หยอดลูกอ้อนทันที

"ไม่ได้! เพราะครั้งนี้พี่ถือว่าความผิดที่พวกนายทำไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย" เจอร์รี่ตีสีหน้าจริงจัง ไจ่ไจ๋ทำหน้าเจื่อนลง

"ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปนายสองคนต้องไปที่บริษัทกับพี่" พี่ใหญ่ประกาศ

"หา!? นายจะให้ชั้นไปทำงาน?" เคนรีบถามแทรกขึ้นมาทันที

"ใช่! มีปัญหาหรืองัย?" ย้อนถามน้องชายด้วยน้ำเสียงดุๆ

"ก็.....ชั้น....." เคนตั้งท่าจะแย้งแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา

"นี่เป็นคำสั่งไม่ใช่คำขอร้องให้นายไปช่วย" ย้ำคำเสียงหนักแน่น

"แต่พ่อแม่ก็กลับมาแล้วนี่ ทำไมถึงต้องเอาชั้นกับน้องไปด้วย?" เคนถามพี่ชายต่ออย่างไม่เข้าใจ

"อยู่ที่โน้นพ่อแม่ก็ต้องทำงานกลับมานายยังจะให้พ่อแม่ต้องมาทำงานอีกหรืองัย?" ย้อนถามน้องชายกลับด้วยน้ำเสียงขรึมๆ

"งั้นให้ชั้นเป็นคนพาพ่อกับแม่เที่ยวก็ได้" เคนรีบเสนอตัว

"ไม่สบายไปหน่อยหรืองัย?" ว่าพร้อมกับมองหน้าน้องชายด้วยสายตานิ่งๆ เคนทำหน้าเจื่อนลงแต่ไม่ได้ตอบว่าอะไร

"นายน่ะมีปัญหาหลายเรื่องแล้วนะ ชั้นขี้เกียจจะพูดจะบ่นอีกแล้ว เอาเป็นว่าระหว่างที่นายยังไม่ต้องกลับไปทำงานชั้นจะพานายไปที่บริษัทด้วยทุกวัน" พูดสรุปด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"ไปทำอะไร?" ถามพี่ชายต่ออีกด้วยสีหน้าไม่ค่อยชอบใจนัก

"ไปช่วยงานพี่ชาย ทำได้หรือเปล่า?" พี่ใหญ่พูดเน้นเสียง ทำให้เคนพูดอะไรไม่ออก

"ถ้าทำไม่ได้เดี๋ยวจะหาอย่างอื่นให้ทำ" เคนได้แต่ถอนหายใจเบาๆแต่ไม่แย้งอะไรออกมาอีก

"เอ่อพี่ใหญ่.....แล้วผมต้องไปทำอะไรหรอ?" ไจ่ไจ๋ถามขึ้นมาบ้าง

"สำหรับนายน่ะหรอ? ก็ไปเรียนรู้งานงัยหละ" ได้ยินเช่นนั้นไจ่ไจ๋ก็อึ้งๆไป

"ให้ผมไปเรียนรู้งาน? แต่ผมก็เคยบอกแล้วหนิว่าผมไม่ชอบงาน......" ไจ่ไจ๋ตั้งท่าจะแย้งแต่พี่ใหญ่พูดแทรกขึ้นมาก่อน

"พี่ไม่สนว่านายจะชอบหรือไม่ เพราะนี่เป็นบริษัทของเราทุกคนเพราะฉะนั้นทุกคนในครอบครัวจำเป็นต้องเรียนรู้ระบบงานของบริษัทแม้จะไม่ได้เข้ามาทำก็ตาม" ได้ยินเช่นนั้นไจ่ไจ๋ก็พูดอะไรไม่ออกจึงได้แต่หันไปมองหน้าเคน

"แล้วนายจะให้ใครสอนงานน้องหละ?" เคนถามพี่ชายขึ้นมาอีก เจอร์รี่ได้ยินก็หยุดคิด

"เรื่องนี้ชั้นจะดูตามความเหมาะสม อาจจะเป็นนายหรือบางทีชั้นอาจจะสอนเอง" ตอบคำถามนั้นจบก็ลุกขึ้น

"พี่จะพูดแค่นี้แหละ ไป.....ไปกินข้าวกันได้แล้ว....." พูดตัดบทแล้วเดินนำเข้าไปในครัวก่อน

"พี่กลาง ทำไมจู่ๆพี่ใหญ่ถึงเปลี่ยความคิดได้หละเนี่ย?" ไจ่ไจ๋หันไปพูดกับเคน

"ไม่รู้ดิ แต่เล่นเอาวิธีแบบนี้ทรมานกว่าอยู่บ้านอีก เพราะที่นั่นอยู่ในสายตาพี่ใหญ่ตลอดเลย" เคนตอบน้องด้วยสีหน้าแหยๆ

"โหย! พ่อแม่กลับมาทั้งทีแทนที่นึกว่าเราจะรอดแล้วนะ ที่ไหนได้โดนยิ่งกว่าเดิมอีก" ไจ่ไจ๋ได้ยินก็โอดครวญทันที

"เอาว่ะ! คิดในแง่ดีว่าอย่างน้อยเราก็ได้ออกจากบ้าน เผื่อเวลาพี่ใหญ่มีประชุมเราก็แอบหนีไปเดินเล่นแถวนั้นก็ได้" เคนปลอบใจน้องชายพร้อมกับตบไหล่เบาๆ

"อย่าเพิ่งคุยกันเลย ไปกินข้าวก่อนดีกว่า" ว่าแล้วเคนก็กอดคอน้องชายเดินตามพี่ชายเข้าไปในห้องครัวเพื่อกินข้าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา



- ห้องนอนไจ่ไจ๋ -

"จะนอนหรือยังไจ่ไจ๋?" แวนเนสกับเคนโผล่หน้าเข้ามาถามน้องชายที่นอนฟังเพลงอย่างสบายอารมณ์

"ยังครับพี่ เข้ามาสิ" ไจ่ไจ๋ตอบแล้วกดหยุดเพลงพร้อมกับเอาหูฟังออก

"จะมาเม้าท์อะไรให้ผมฟังเนี่ย?" ถามพี่ชายทั้งสองคนยิ้มๆเพราะถ้าหากพี่ชายพากันเข้ามาหาเขาแล้วไม่พ้นมีเรื่องสนุกๆมาพูดคุยให้เขาฟังเสมอ

"นี่! พี่ไม่ใช่คนช่างเม้าท์อะไรขนาดนั้นนะ ก็แค่อยากมานอนด้วย เราไม่ได้นอนด้วยกันตั้งหลายวันแล้ว" เคนบอกกล่าวกับน้องชายแล้วเดินมานั่งลงข้างๆ

"หรือว่านายไม่อยากให้พี่มานอนด้วย?" น้องเล็กรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที

"อยากสิครับ ผมน่ะคิดถึงพี่รองพี่กลางมากๆเลย พี่ใหญ่อ่ะใจร้ายปล่อยให้นอนคนเดียวไม่มีคนมาห่มผ้าให้ตั้งหลายคืน" พูดจบก็ทำหน้ามุ่ยๆ

"ทำไมจะไม่มี? พี่นี่แหละแอบเข้ามาหานายทุกคืนแล้วก็ห่มผ้าให้เองกับมือด้วย" แวนเนสพูดแทรกขึ้นมา

"จริงหรอ? แล้วทำไมไม่ปลุกผมหละ?" น้องเล็กถามพี่ชายต่อ

"ปลุกขึ้นมาให้นายงอแงใส่พี่หรอ? หืม?" แวนเนสว่าพร้อมกับบีบจมูกน้องชายอย่างเอ็นดู ไจ่ไจ๋ยิ้มแล้วขยับเข้าไปกอดแวนเนส

"ผมนอนคิดถึงพี่รองทุกคืนเลย" ทำปากหวานใส่พี่ชายทำให้แวนเนสยิ้มหน้าบาน ส่วนเคนได้แต่ส่ายหน้ากับความขี้อ้อนของน้องชาย

"พรุ่งนี้นายสองคนต้องไปบริษัทกับพี่ใหญ่ใช่มั๊ย?" แวนเนสเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง

"อืม.....น่าเบื่อชะมัด....." เคนตอบคำถามนั้นพร้อมกับตีหน้าเซ็งทันที

"หึๆๆๆ แบบนี้โดนกักบริเวณน่าจะดีกว่าจริงมั๊ย?" แวนเนสขำน้องชายคนกลาง

"แต่ไปที่บริษัทก็ดีนะ เพราะอย่างน้อยเราก็ได้ออกไปข้างนอกด้วย แล้วอย่างพี่ใหญ่น่ะเดี๋ยวทำงานยุ่งๆก็ไม่มีเวลามาจู้จี้กับเราสองคนหรอก" ไจ่ไจ๋คิดในแง่ดี

"น้อยไปสิ นายอย่าลืมนะว่าพ่อแม่ก็อยู่ แบบนี้น่ะพี่ใหญ่อาจจะโอนงานให้พ่อแม่ช่วยดูชั่วคราวแล้วมาสอนงานนายเอง ถ้าเป็นแบบนั้นหละตายแน่ไจ่ไจ๋" แวนเนสพูดขู่น้องชาย

"แหม....แค่พี่ใหญ่สอนงานไม่เห็นมีอะไรต้องกังวลเลย" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วเอนหัวลงไปพิงที่ไหล่ของเคน

"อีกอย่างพี่กลางก็อยู่ด้วย ผมไม่เห็นต้องกลัวเลย" เคนหัวเราะเบาๆพร้อมกับขยี้หัวน้องชายอย่างเอ็นดู

"นายไม่รู้อะไร พี่ใหญ่เวลาสอนงานอ่ะดุจะตาย ไม่เชื่อถามไอ้พี่กลางดูสิ" แวนเนสพูดขู่น้องชายอีก

"จริงหรอพี่กลาง? พี่ใหญ่ดุมากเลยหรอ?" เงยหน้าถามพี่ชาย เคนยิ้มบางๆก่อนจะพยักหน้ารับ

"หลอกกันแหงๆ ผมเห็นเวลาพี่ใหญ่ทำงานกับคนอื่นน่ะใจดีจะตายไม่เห็นจะดุใครเลย" ไจ่ไจ๋ยังไม่เชื่อที่พี่ชายสองคนพูด

"นั่นมันกับคนอื่นว่ะไอ้น้องรัก แต่กับน้องกับนุ่งพี่ใหญ่ของนายไม่มีละเว้นแน่" แวนเนสแหย่น้องต่ออีก

"นายก็ว่าแต่คนอื่นตัวเองก็ใช่ย่อยเหมือนกัน ตอนที่ชั้นเข้าไปทำใหม่ๆที่เจอร์รี่มันให้นายช่วยสอนงานชั้นนายก็ดุชั้นเหมือนกันแหละ" เคนพูดแทรกขึ้นมาบ้าง

"จริงหรอพี่กลาง? พี่รองดุคนอื่นเป็นด้วย?" ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ทำหน้าแปลกใจ

"น้องรัก.....เวลาทำงานพี่ก็จริงจังเหมือนกันนะไม่ได้ทำเป็นเล่นไปซะหมด แล้วที่พี่ดุมันก็เพราะว่าสอนไม่จำซักที" แวนเนสแก้ตัว

"ตอนนั้นพี่แทบอยากจะหนีไปหางานที่อื่นทำเลย ลำพังแค่พี่ใหญ่ก็เข้มงวดพออยู่แล้วยังมาเจอไอ้พี่รองร่วมด้วยช่วยกันอีก พี่น่ะแทบตายแหนะ....." เคนได้ทีนินทาพี่ชายสองคนให้น้องฟัง

"โห! แล้วนี่พี่กลางใช้เวลากี่เดือนถึงจะเป็นงานอ่ะ?" ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายต่ออีก

"ก็ประมาณครึ่งปีน่ะถึงจะทำได้โดยไม่ต้องมีใครคอยคุม" เคนตอบน้องชายแล้วยิ้มให้

"แต่นายน่ะหัวไวกว่าพี่เยอะคงเรียนรู้ได้เร็วกว่า ดีไม่ดีอาจใช้เวลาไม่กี่อาทิตย์ก็ได้" น้องเล็กยิ้มร่าเมื่อได้ยินคำชมนั้น

"เอ้า! จับมันไว้ด้วยนะเดี๋ยวจะลอยซะก่อน" แวนเนสพูดแซวน้อง ไจ่ไจ๋จึงหันไปค้อนใส่

"ไม่หรอกครับพี่กลาง ผมไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้คงไม่เก่งเหมือนพวกพี่หรอก" หันไปพูดกับเคนอย่างจริงใจ

"พี่น่ะไม่เก่งหรอก เรียนๆโดดๆจนเอาตัวรอดมาได้ จบมาแล้วก็ดิ้นรนหางานทางอื่นอยู่เนี่ย" พูดจบเคนก็หัวเราะเบาๆ

"ชั้นว่านะนายน่าจะตามพ่อแม่ไปอยู่ที่โน้นแล้วเรียนพวกคอร์สทำอาหารเพิ่มเติมกลับมาจะได้เปิดร้านเป็นของตัวเอง พี่ๆน้องๆจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเวลานายเดินทางไปทำงานไกลๆ" แวนเนสหันมาพูดคุยกับเคนด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน

"ไม่ได้หรอกพี่รอง ผมไม่ยอมให้พี่กลางไป" ไจ่ไจ๋รีบแย้งทันที

"ห่างกันไม่ได้เลยนะ หมั่นไส้ว่ะ!" แวนเนสผลักหัวน้องเล็กพร้อมกับต่อว่าไปด้วย

"อืม.....ความจริงชั้นก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ต้องรอเก็บเงินซักระยะก่อนเพราะอยู่ที่นั่นค่าครองชีพแพงมาก....." เคนเอ่ยขึ้นมาบ้าง

"อ้าวพี่กลาง! ใจคอจะทิ้งผมไปจริงๆหรอ?" ไจ่ไจ๋ประท้วงทันที

"ไม่ได้ทิ้ง แต่พี่ก็ต้องหาอะไรที่มันมีอนาคตทำบ้างสิ เราอาจจะห่างกันพักนึงแต่พอพี่กลับมาแล้วมีที่ทำงานทำเป็นหลักแหล่งแล้วนายจะไปหาพี่ตอนไหนก็ได้ทั้งนั้นแบบนั้นจะไม่ดีกว่าหรอ?" เคนว่าพร้อมกับเชยคางน้องขึ้นมา

"ก็ดี.....แต่เรียนที่บ้านเราก็ได้หนิไม่เห็นต้องไปไกลขนาดนั้นเลย" ไจ่ไจ๋ตอบด้วยสีหน้าจ๋อยๆ

"หึๆๆๆ ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอก เพราะพี่คงยังไม่ไปไหนในระยะเวลาอันใกล้นี้ต้องรอเก็บตังค์ก่อน" เคนหัวเราะน้องชายก่อนจะเอามือหยิกแก้มน้องอย่างเอ็นดู

"นายก็พูดเกินไป ถ้าอยากจะไปพ่อแม่คงไม่ปล่อยให้นายต้องไปผจญเวรผจณกรรมข้างนอกหรอก เรื่องบ้านช่องห้องหับหรือแม้แต่สถานที่เรียนเขาต้องมีให้นายพร้อมอยู่แล้ว" แวนเนสหันไปพูดกับน้องชายอย่างจริงจัง

"ชั้นไม่อยากรบกวนพ่อแม่ โตจนป่านนี้แล้วแทนที่จะดูแลพ่อแม่ยังจะต้องให้พวกเขามาส่งเสียให้เรียนต่ออีกหรอ ไม่เอาหรอก" เคนส่ายหน้าปฏิเสธ

"งั้นชั้นส่งนายเองก็ได้ ไปเรียนต่อปริญญาโทก็ดีนะ เรียนด้านที่นายอยากเรียนน่ะ" แวนเนสเสนอตัว เคนได้ยินก็เลิกคิ้ว

"โอโห! วันนี้มาแปลก.....ไหนดูซิตัวร้อนมั๊ย?" เคนแกล้งเอามือแตะหน้าผากพี่ชาย แต่โดนแวนเนสตีมือเข้าให้

"ทำเป็นเล่นอยู่ได้! ชั้นพูดจริงๆนะ" เอ็ดใส่น้องชายด้วยสีหน้ามุ่ยๆ

"ขอบคุณมากครับพี่รอง....." เคนว่าพร้อมกับก้มหัวคำนับพี่ชายครั้งหนึ่งอย่างติดทะเล้น จึงโดนพี่ชายเขกหัวแถมให้อีกที

"หึๆๆๆ" เคนหัวเราะเบาๆก่อนจะเอามือลูบหัวน้องชายที่เงียบไป

"เป็นอะไร?" ก้มหน้ามองน้องชายที่ซบหน้าอยู่ที่ไหล่เขาเงียบๆ

"พี่กลางอยากไปเรียนต่อจริงหรอ?" ถามพี่ชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง เคนได้ยินดังนั้นก็หันไปสบตากับแวนเนส

"สังคมสมัยนี้เรื่องการศึกษาก็สำคัญนะไจ่ไจ๋ ใครเรียนสูงๆก็มักจะมีโอกาสทางหน้าที่การงานที่ดีกว่า" แวนเนสเป็นคนพูดแทนเคน

"งั้นคนที่เขาเรียนไม่สูงก็หมายความว่าจะมีหน้าที่การงานที่ดีไม่ได้หรอ?" แย้งพี่ชายออกมาแล้วนิ่งไป

"แต่ผมไม่เถียงหรอก เพราะมันเป็นอนาคตของพี่ ผมควรจะสนับสนุนมากกว่า" ท่าทางซีเรียสของน้องชายทำเอาพี่ชายทั้งคู่หน้าเหวอ

"ไจ่ไจ๋.....ทำไมต้องซีเรียสด้วย? พี่ไม่ได้หมายความว่าพูดแล้วพี่ก็ต้องไปเรียนต่อตามที่พูดซักหน่อย......" เคนว่าพร้อมกับรั้งตัวน้องเข้ามากอด ในใจของไจ่ไจ๋ตอนนี้รู้สึกว่าพี่ชายแต่ละคนก็เริ่มวางแผนที่จะก้าวเดินสู่อนาคตของตัวเองและจะถอยห่างจากเขาออกไปเรื่อยๆ

"อืม....ผมไม่เป็นไรหรอก ง่วงแล้ว.....นอนกันดีกว่าครับ....." ปั้นยิ้มออกมาให้พี่ชายทั้งคู่แล้วขยับตัวไปนอนหนุนหมอน เคนจึงหันไปมองหน้าแวนเนส

"นอนเถอะ พรุ่งนี้พวกนายต้องตื่นเช้านี่" แวนเนสพยักหน้าให้เคนนอนกับน้อง เคนจึงล้มตัวนอนข้างๆน้องชาย

"ราตรีสวัสดิ์" แวนเนสก้มลงจูบเบาๆที่หน้าผากน้องชายคนเล็กพร้อมกับห่มผ้าให้

"ราตรีสวัสดิ์ครับพี่รอง" ไจ่ไจ๋พึมพำทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่

"นายก็หลับตานอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้มันก็คงลืม" แวนเนสพูดปลอบพร้อมกับขยี้หัวน้องชายเบาๆ เคนพยักหน้ารับก่อนจะพลิกตัวแล้วขยับตัวเข้าไปกอดน้องชายเอาไว้ แวนเนสมองน้องชายทั้งคู่อีกครู่หนึ่งก็ปิดไฟแล้วเดินออกจากห้องไปเงียบๆ




 

Create Date : 30 มีนาคม 2552    
Last Update : 30 มีนาคม 2552 22:33:31 น.
Counter : 1145 Pageviews.  

Chapter 57

ตอนที่ 57

"ทำเสร็จหรือยัง!? น้องหิว!" เจอร์รี่เดินเข้ามาพร้อมกับตวัดเสียงพูดกับเคน

"ยัง.....กำลังผสมแป้งเพิ่ม....." เคนตอบพร้อมกับขยายความให้ฟัง

"ชักช้าอยู่ได้! ทำให้มันเร็วๆหน่อย!" พูดเร่งน้องชายด้วยน้ำเสียงค่อนข้างห้วนเหมือนเดิม เคนได้ยินดังนั้นก็เริ่มรู้สึกเคืองขึ้นมาเหมือนกัน

"อยากเร็วก็ทำเอง! มีแค่สองมือทำอะไรหลายๆอย่างพร้อมกันไม่ได้!" เคนตวัดเสียงใส่พี่ชายกลับ

"ลองพูดใหม่อีกครั้งซิ!" เจอร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง เคนลอบถอนหายใจเบาๆแต่ไม่ได้พูดอะไร

"ปากกล้านักนะ" คราวนี้พี่ชายไม่พูดเปล่าเอื้อมมือจะหยิกต้นแขนน้องชายด้วย

"อย่านะ! โอ้ย!" เคนร้องห้ามแต่ก็ต้องร้องออกมาเพราะพี่ชายไม่ฟังเสียงห้ามของเขาเลย

"อย่าร้องให้ได้ยินนะ! ไม่งั้นชั้นจะบิดให้เนื้อหลุดเลย!" เจอร์รี่พูดขู่เพราะกลัวว่าถ้าเคนร้องแล้วไจ่ไจ๋จะได้ยินและเข้ามาเอาเรื่องเขา

"ปล่อยเถอะ....ชั้นเจ็บ....." เคนร้องครางออกมาเบาๆ แต่แทนที่พี่ชายจะปล่อยมือกลับหยิกลงไปแรงกว่าเดิมทำเอาเคนหน้าเหยยิ่งกว่าเดิม

"อย่ามาทำปากดีกับชั้น! ไม่งั้นจะเจ็บยิ่งกว่านี้!" พูดขู่น้องชายจบก็ปล่อยมือออก เคนน้ำตาซึมทั้งเจ็บทั้งแสบตรงบริเวณต้นแขนแต่ไม่กล้าร้องเพราะกลัวจะโดนหนักกว่านี้

"แล้วถ้ากล้าพูดจาแบบนี้กับชั้นอีก! ชั้นไม่เอานายไว้แน่!" พี่ใหญ่ชี้หน้าเจ้าน้องชายตัวดีอย่างเอาเรื่อง เคนก้มหน้านิ่งไม่พูดอะไรต่ออีกเพราะรู้ว่าพี่ชายไม่ได้แค่พูดขู่ให้กลัวเท่านั้น

"ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ! อย่าคิดว่าน้องออกหน้าแทนแล้วชั้นจะไม่กล้าทำอะไรนะ!" พูดต่อด้วยน้ำเสียงดุๆ

"ชั้นไม่กล้าแล้ว.....ขอโทษที่พูดจาไม่ดี....." เคนก้มหัวขอโทษพี่ชายเพื่อยุติเรื่องทั้งหมด

"ชั้นจะรีบทำแพนเค้กให้น้อง ขอเวลาอีกห้านาที" เคนพูดจบก็รีบก้มหน้าก้มตาคนแป้งในชามอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าหากยังทำชักช้าพี่ชายจะลงมือกับเขาอีก เห็นท่าทีรีบเร่งของน้องแล้วเจอร์รี่อึ้งไปเล็กน้อยเริ่มรู้ตัวว่าเขาใช้อารมณ์กับน้องอีกแล้ว

"มีอะไรให้ช่วยมั๊ยหละ?" ย้อนถามน้องกลับไปแต่น้ำเสียงยังฟังดูแข็งๆอย่างไว้ฟอร์ม เคนส่ายหน้าแทนคำตอบแต่ไม่ได้หันไปมองหน้าพี่ชายเลย

"เอ่อ...." พี่ใหญ่เกาหัวแก้เก้อก่อนจะขยับเข้ามายืนข้างๆน้องแล้วชะเง้อมองแพนเค้กในกะทะ

"อันนี้ใกล้จะสุกแล้วสิ" เปลี่ยนเรื่องคุยกับน้องหน้าตาเฉย เคนปรายตาไปทางพี่ชายอย่างไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์ของพี่ชายนักก่อนที่จะพยักหน้า

"ครับ" ตอบรับคำพี่ชายสั้นๆ

"งั้นชั้นเอาจานมาตักให้นะ" พูดจบก็ไปหยิบจานมา

"ขอบคุณครับ" เคนกล่าวขอบคุณพี่ชายสั้นๆเช่นเดิม เจอร์รี่ลอบมองหน้าน้องชายก่อนจะตักแพนเค้กอันที่สุกแล้วขึ้นมาใส่จานแล้ววางจานลงที่เคาเตอร์แต่ก่อนที่จะพูดอะไรไจ่ไจ่กับแวนเนสก็พากันเดินเข้ามาเสียก่อน

"หอมไปทั้งบ้านเลยครับพี่กลาง เสร็จแล้วใช่มั๊ยเนี่ย?" เมื่อเห็นหน้าน้องชายเคนก็ยิ้มให้อย่างอบอุ่น

"ในจานนั่นกินได้แล้ว นายอยากราดแยมก็ทำเอาเองนะ" เคนว่าพร้อมกับผงกหัวไปทางขวดแยมสตอเบอรี่

"แล้วของชั้นอ่ะ" แวนเนสเดินมาถามน้องบ้าง

"ของเก่ามันเย็นแล้วเดี๋ยวชั้นทำให้ใหม่แล้วกัน" เคนตอบพี่ชายโดยไม่ได้หันมามอง แวนเนสรู้สึกน้องชายดูท่าทางซึมๆไปก็หันไปทางพี่ชาย

"นายทำอะไรมันหรือเปล่า?" ขยับเข้าไปกระซิบถามพี่ชายเสียงห้วนๆ

"เปล่า.....ซักหน่อย....." เจอร์รี่ปฏิเสธแบบอึกๆอักๆ แต่แวนเนสกลับทำหน้างอใส่พี่ชาย

"อะไรเล่า! ก็ไม่ได้ทำอะไรเลย! ไม่เชื่อถามมันดูเองสิ!" แกล้งทำเป็นรำคาญแล้วเดินตามมานั่งกับน้องเล็ก

"มีเรื่องอะไรกันอีกครับพี่ใหญ่?" น้องเล็กเอ่ยถามพี่ชายขึ้นมาบ้าง

"ไม่มีหนิ กินเร็วเข้าไจ่ไจ๋ เดี๋ยวก็เย็นชืดหมดไม่อร่อยกันพอดี" เจอร์รี่รีบปฏิเสธแล้วเปลี่ยนเรื่องให้น้องรีบกินแต่ไจ่ไจ๋ยังไม่ยอมกินแต่กลับลุกขึ้นแล้วไปกอดเอวพี่ชายคนกลาง

"พี่กลาง.....ไหนบอกผมซิว่าพี่ใหญ่ทำอะไรพี่หรือเปล่า?" ไจ่ไจ๋เองพอจะรู้สึกได้ว่าเคนดูเงียบผิดปกติ

"อ้าวไจ่ไจ๋! ไหงถามอะไรหาเรื่องพี่แบบนี้หละ? พี่ไม่ได้ทำอะไรมันซักหน่อย" เจอร์รี่ได้ยินก็โวยวายขึ้นมา

"ไม่ทำหน่อยแต่ทำมากหละสิน้องมันถึงเซื่องซึมได้ขนาดนี้! นี่ถามจริงเถอะว่าทำให้น้องมันกลัวได้แล้วมันมีความสุขมากนักหรอ?" แวนเนสต่อว่าพี่ชายอย่างเดือดร้อนแทนน้อง
"โธ่โว้ย! ก็บอกไม่ได้ทำอะไรงัยเล่า! เชื่อกันบ้างสิวะ!" หันไปโวยวายใส่น้องชายคนรองด้วยอีกคน

"จะให้เชื่อหรอ? เห็นๆอยู่ว่าเสี้ยวเทียนมันดูหงอยๆจ๋อยๆแบบนี้เป็นปกติของมันหรืองัย?" แวนเนสเถียงกลับ

"พอเถอะๆๆๆ แวนเนส.....พี่ใหญ่ไม่ได้ทำอะไรชั้นเลย แล้วชั้นก็ไม่ได้เป็นอะไรด้วย แต่ถ้าหากพวกนายยังเซ้าซี้หาเรื่องกันแบบนี้อีกชั้นอาจจะเป็นไมเกรนได้ในไม่ช้านี่แหละ" แล้วเคนก็เป็นคนเอ่ยปากยุติศึกที่กำลังจะเกิดขึ้น ไจ่ไจ๋กับแวนเนสหันไปสบตากันอย่างไม่ค่อยเชื่อคำพูดที่เคนบอกว่าพี่ใหญ่ไม่ได้ทำอะไรเคน

"ไม่ได้ทำอะไรจริงอะ? ไหนยื่นแขนมาดูซิ" แวนเนสว่าพร้อมกับเอื้อมมือไปดึงแขนน้องชาย แต่เคนกลับปัดมือพี่ชายออกแล้วเอ็ดใส่

"อย่ายุ่งน่า! ไปนั่งเฉยๆเลยไป!" พูดจบก็หันกลับไปทำแพนเค้กต่อ

"นี่! ชั้นอุตส่าห์เป็นห่วงนะยังจะมาว่าอีก!" แวนเนสตัดพ้อน้องชายขึ้นมาแต่ก็เดินหน้ามุ่ยมานั่งลงที่โต๊ะกินข้าว

"ขอบคุณที่เป็นห่วง!" เคนหันกลับมาเอ่ยขอบคุณพี่ชายก่อนจะฉีกยิ้มให้อย่างเสียมิได้

"เออดี! วันหลังมีอะไรอย่ามาร้องให้ช่วยแล้วกัน" แวนเนสบ่นอุบหน้ามุ่ย

"ร้องให้ตายนายก็ไม่เคยช่วยได้ซักที" เคนตอกกลับพี่ชายก่อนจะตักแพนเค้กอีกชิ้นใส่จานแล้วเอามาวางให้พี่ชาย

"ถึงช่วยไม่ได้แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้เป็นคนลงมือทำให้นายเจ็บนะ" พูดจบก็ปรายตาไปที่พี่ใหญ่

"กินได้แล้วอย่าพูดมาก!" เคนรีบตัดบททันทีที่ได้ยินแวนเนสพูดจากระแนะกระแหนพี่ชายคนโตอีก

"พี่ใหญ่เห็นมั๊ยว่าพี่กลางน่ะปกป้องพี่ขนาดไหน?" ไจ่ไจ๋หันไปกระซิบต่อว่าพี่ชายคนโตด้วยอีกคน เจอร์รี่จึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ในตอนนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเคนจึงสบโอกาสเดินออกจากห้องครัวไปรับสาย

"สวัสดีครับ" เคนเอ่ยสวัสดีเมื่อยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา

"เสี้ยวเทียนหรอลูก?" น้ำเสียงอ่อนโยนที่เขาคุ้นเคยดังมาตามสายเคนยิ้มออกมาทันที

"พ่อ....ผมเองครับ...." เคนตอบรับด้วยความดีใจ

"พ่อทำอะไรอยู่ครับ? แล้วว่างหรอถึงได้โทรมาหรือว่าพ่อจะกลับมาครับ?" เคนถามบิดาชุดใหญ่แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะกลับมา

"อืม....ตอบคำถามไหนก่อนดีหละ? เอาเป็นว่าตอนนี้พ่อกับแม่อยู่สนามบินกำลังจะขึ้นเครื่อง" ได้ยินคำตอบดังนั้นเคนก็มีท่าทีดีใจอย่างเห็นได้ชัด

"จริงหรอ!? ผมดีใจจังที่พ่อกับแม่จะกลับมา ผมจะรอนะครับ มาถึงที่นี่เมื่อไหร่โทรมานะครับผมจะไปรับ อย่าลืมนะครับ" น้ำเสียงของลูกชายทำให้พ่อเป็นปลื้มอย่างมาก

"ได้ลูก ถึงแล้วพ่อจะโทรหา ว่าแต่โทรศัพท์มือถือของลูกติดต่อไม่ได้นะ" พ่อว่าแล้วก็พูดต่ออย่างนึกขึ้นได้

"อ้อ! โทรศัพท์ของผมโดนพี่ใหญ่ยึดไป" เคนรีบฟ้องทันที

"อ้าว! ทำไมหละลูก?" พ่อย้อนถามกลับมา แต่เคนกลับถอนใจดังเฮือก

"ไว้พ่อมาถึงแล้วผมค่อยเล่าให้ฟังนะครับ เรื่องมันยาวววว....." เคนตอบพร้อมกับลากเสียงเพื่อให้พ่อเชื่อว่ายาวจริง

"โอเค ไว้ค่อยคุยกันนะลูก เดี๋ยวถึงแล้วพ่อโทรหา" พ่อบอกลูกชายมาตามสาย

"ครับพ่อ แล้วเจอกันนะครับ" พูดจบเคนก็วางสายไปก่อนจะเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้งด้วยสีหน้าร่าเริงกว่าเดิม

"พี่มีอะไรจะบอก" เคนนั่งลงข้างน้องชายพร้อมกับกระซิบเบาๆ

"อะไรหรอพี่กลาง?" ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายกลับเบาๆเช่นกัน ในตอนนั้นพี่ชายทั้งสองคนก็มองเจ้าน้องชายที่ซุบซิบกันอย่างสงสัย

"ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปเราสองคนก็จะหลุดพ้นจากการลงโทษของพี่ใหญ่แล้ว ดีใจมั๊ย?" เคนกระซิบเบาเข้าไปอีกเมื่อเห็นพี่ชายมองอยู่

"จริงหรอพี่กลาง? ทำไมเป็นแบบนั้นหละ?" ไจ่ไจ๋ถามด้วยสีหน้าดีใจ

"เพราะว่า....." เคนเหลือบมองพี่ชายทั้งสองคนแล้วเอามือป้องปากกระซิบกับน้องอีกครั้ง

"พ่อแม่จะกลับมาแล้ว เมื่อกี้พ่อโทรมาบอกพี่" ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ยิ้มกว้างแล้วกอดคอพี่ชาย

"ไชโย! ดีใจจังเลย!" ท่าทางของน้องชายทั้งสองคนก็ทำเอาแวนเนสอดไม่ได้ที่จะถาม

"เฮ้ย!! มีความลับอะไรกันวะ? ทำไมต้องซุบซิบกันด้วย?" เคนกับไจ่ไจ๋มองหน้ากันยิ้มๆก่อนจะส่ายหน้าไปมา

"ไม่มีอะไร เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย อย่ารู้เลย" เคนตอบแล้วเดินไปชงกาแฟกินอย่างสบายอารมณ์ เจอร์รี่มองตามเจ้าน้องชายตัวแสบก่อนจะขยับเข้าไปนั่งลงข้างน้องเล็ก

"ไจ่ไจ๋ เมื่อกี้คุยอะไรกันหรอ?" พี่ใหญ่เลยมาถามเอากับน้องเล็ก ตอนนั้นเคนเอี้ยวตัวมาสบตากับน้องเล็กแล้วส่งสัญญาณไม่ให้น้องบอกพี่ชาย

"เปล่าหนิพี่ใหญ่ เหมือนที่พี่กลางบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผมแล้วก็พี่กลางโดยเฉพาะ" น้องเล็กตอบพี่ชายแล้วยิ้มให้เคน

"ไม่บอกให้พี่รู้หน่อยหรอ?" ถามน้องต่ออีกเพราะอยากรู้ว่าน้องๆพูดอะไรกัน

"รับรองว่าผมกับพี่กลางไม่ได้ไปก่อเรื่องอะไรมาหรอก" คำพูดของน้องทำเอาเคนหัวเราะออกมาได้

"ตลกมากนักหรืองัย?" พี่ใหญ่หันไปทำเสียงห้วนใส่น้อง เคนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วเอาช้อนคนกาแฟในถ้วย

"ถ้าให้ชั้นจับได้ว่านายชักนำน้องให้ไปทำอะไรแผลงๆอีก รู้ใช่มั๊ยว่าจะโดนอะไร?" พูดขู่น้องชายคนกลาง

"โดนฆ่าตายงัย เรื่องนี้ชั้นท่องจำขึ้นใจแล้ว" เคนตอบพี่ชายเป็นเชิงประชด

"เดี๋ยวเหอะ!" ทำหน้าดุใส่เมื่อน้องทำประชด แต่เคนไม่สนใจกลับมานั่งลงข้างน้องเล็กแล้วยิ้มให้

"บอกมั่งสิ" แวนเนสเดินมาดึงแขนเสื้อเคนพร้อมกับทำเสียงอ้อนๆ ทำให้เคนกับไจ่ไจ๋หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

"น้าาาา.....บอกพี่รองหน่อยน้า....." อ้อนน้องชายเต็มที่เพราะถ้าเขาไม่ได้รู้ว่าน้องมีความลับอะไรกันคงได้อกแตกตายแน่

"อืม....ไว้ตอนเย็น" เคนว่าพร้อมกับยักคิ้วให้พี่ชาย

"แน่นะ?" ถามย้อนน้องชายอีกครั้ง

"แน่สิ ไม่โกหก" เคนตอบรับ ได้ยินเช่นนั้นแวนเนสก็ยิ้มร่าแล้วแอบทำหน้าเยาะเย้ยพี่ชายให้ด้วย เจอร์รี่เห็นก็ทำเมินเหมือนไม่ได้ใส่ใจแต่จริงๆแล้วก็อยากรู้เช่นเดียวกัน

"ปิ๊นๆๆๆ!!!" เสียงแตรรถดังขึ้นแวนเนสก็รีบลุกทันที

"สงสัยเสี่ยวจือมารับแล้วพี่ไปก่อนนะเดี๋ยวเย็นนี้จะมาเอาคำตอบ ห้ามเบี้ยวนะ!" พูดจบแวนเนสก็ทำท่าจะวิ่งออกไปแต่พอได้ยินเสียงกระแอมของพี่ใหญ่เขาก็ชะงักก่อนจะเอ่ยปากลาพี่ชายอย่างเสียไม่ได้

"ไปนะครับพี่ใหญ่" พูดจบก็รีบเดินออกไปทันที เจอร์รี่จึงได้แต่มองตามแล้วส่ายหน้าไปมากับเจ้าน้องชายคนนี้

"พี่ใหญ่....แล้วพี่ไม่ไปทำงานหรอ?" ไจ่ไจ๋เห็นพี่ชายไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัวไปไหนก็เอ่ยถามขึ้นมา

"ไม่ไป! จะเฝ้าเด็กดื้อ!" ตอบน้องเล็กแต่สายตากลับมองไปที่น้องชายคนกลาง

"โอโห! ลงทุนหยุดงานด้วยสิ" ไจ่ไจ๋พูดแซวพี่ชายอีก

"เงียบเลยไป! แล้วนี่แขนน่ะหายเจ็บแล้วหรืองัย? ยกขึ้นปัดไปปัดมาอยู่ได้!" เอ็ดใส่น้องชายซะอย่างนั้น

"ไม่เจ็บแล้ว ไม่เห็นเป็นไรเลย" ไจ่ไจ๋ตอบเสียงใสแต่ตรงข้ามกับความเป็นจริงแต่ที่พูดเช่นนั้นเพราะกลัวเคนจะคิดมากอีก

"งั้นก็ดี! ไปล้างจานซะสิ!" พูดกับน้องเสียงห้วนเล็กน้อย

"เดี๋ยวพี่ล้างให้ไจ่ไจ๋" เคนรีบออกตัวทำแทนน้องชายทันที

"งานตัวเองไม่มีทำใช่มั๊ย? บ้านน่ะไม่ต้องกวาดถูอย่างงั้นหรอ?" พี่ใหญ่ถามแทรกขึ้นมาเสียงเข้มเล็กน้อย

"เดี๋ยวชั้นทำทั้งหมดนั่นแหละ น้องมันเจ็บแขนอยู่....." เคนบอกกับพี่ชายอย่างอ่อนใจ

"ไม่เป็นไรหรอกพี่กลาง แค่กวาดถูบ้านทั้งข้างบนข้างล่างพี่ก็เหนื่อยจะแย่แล้ว ล้างจานแค่นี้ให้ผมทำเองดีกว่า ไม่ได้ลำบากอะไรเลย" ไจ่ไจ๋ปฏิเสธขึ้นมาด้วยอีกคน

"แต่ว่า....." เคนตั้งท่าจะแย้งเพราะไม่อยากให้น้องขยับแขนมากด้วยรู้ดีว่าน้องยังเจ็บอยู่แต่ไม่ยอมพูด

"ไม่ต้องแต่หรอก เดี๋ยวผมทำเอง" พูดจบไจ่ไจ๋ก็รวบรวมจานบนโต๊ะไปที่ซิ้งค์ล้างจานอย่างคล่องแคล่ว

"นายก็ไปทำหน้าที่ตัวเองได้แล้ว" เจอร์รี่หันไปบอกกับเคนด้วยสีหน้าดุๆเช่นเดิม เคนมองน้องชายอย่างเป็นห่วงแต่ก็ต้องลุกออกไปเพื่อทำความสะอาดข้างบน เมื่อเคนออกไปแล้วเจอร์รี่ก็ลุกไปจับมือน้องเล็กที่กำลังจะลงมือล้างจานไว้

"ไปนั่งไป พี่ทำเอง" น้องเล็กได้ยินก็ทำหน้างงเล็กน้อย

"พี่บอกให้ไปนั่ง" พูดย้ำอีกครั้งหนึ่งเพราะไม่อยากให้น้องทำ

"ไม่เป็นไรหรอกพี่ใหญ่" ไจ่ไจ๋พูดอย่างเกรงใจพี่ชาย เขารู้ดีว่าสุดท้ายแล้วพี่ชายก็ไม่สามารถใจร้ายกับเขาได้ลงคอ

"ยังอีก! จะดื้อไปถึงไหน" ทำเสียงดุใส่น้องเล็กเข้าบ้าง

"ให้ผมช่วยแล้วกัน" ไจ่ไจ๋ดึงดันจะช่วยพี่ชายอีก

"ถ้าอยากจะช่วยก็ไปนั่งเฉยๆ ไม่งั้นก็ขึ้นห้องไปเลยไป!" ทำหน้าเข้มใส่น้องอีก ไจ่ไจ๋จึงทำหน้ามุ่ยใส่

"ไปก็ได้! ใจร้ายชะมัด! ขังน้องชายที่น่ารักขนาดนี้ได้ลงคอ!" ต่อว่าพี่ชายจบก็เดินออกไปทันที

"เฮ่อ! ลงโทษไปนอกจากจะไม่เข็ดหลาบแล้วยังต้องมากังวลว่ามันจะโกรธจะงอนจะน้อยใจอีกหรือเปล่า จะจัดการกับเจ้าเด็กดื้อคนนี้ยังงัยดีนะ" เจอร์รี่พึมพำกับตัวเองก่อนจะลงมือล้างจานที่อยู่ตรงหน้า



- วันต่อมา -

"ไจ่ไจ๋!!" เคนเคาะประตูเรียกน้องชาย

"พี่กลางหรอ? แป๊บนึงนะ" ไจ่ไจ๋วิ่งมาเปิดประตูให้พี่ชายโดยเร็ว

"เดี๋ยวพี่จะออกไปรับพ่อกับแม่....." เคนว่าแต่ยังไม่ทันได้พูดต่อน้องเล็กก็แทรกขึ้นมาทันที

"พ่อแม่ถึงแล้วหรอ?" ไจ่ไจ๋ถามกลับด้วยความดีใจ

"อืม....พ่อโทรมาบอกว่าลงเครื่องแล้ว รอให้พี่ไปรับอยู่" เคนตอบพร้อมกับขยี้หัวน้องชาย

"ไม่ไปด้วยกันจริงๆหรอ?" ถามย้ำน้องชายอีกครั้ง

"ไม่เอาอ่ะ ผมไม่ชอบที่ที่คนเยอะๆ" ไจ่ไจ๋ปฏิเสธเพราะเขาอยากให้โอกาสพ่อแม่กับเคนอยู่ด้วยกันตามลำพังบ้างเพื่อที่จะได้พูดคุยกัน

"งั้นพี่จะรีบไปรีบกลับ" ไจ่ไจ๋ยิ้มแล้วพยักหน้าให้พี่ชาย

"ไปเถอะครับ" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็หอมแก้มพี่ชายทั้งสองข้างฟอดใหญ่

"อันนี้ฝากไปหอมแก้มพ่อกับแม่ด้วยนะ แล้วพ่อแม่มาถึงเมื่อไหร่ผมจะถามว่าพี่ได้หอมแก้มพ่อกับแม่ให้ผมหรือเปล่า?" น้องเล็กพูดดักคอพี่ชาย

"ไอ้บ้าเอ้ย!" เคนต่อว่าน้องแล้วตัดบท

"พี่ไปหละเดี๋ยวพ่อแม่จะรอนาน" พูดจบก็หันหลังกลับไป

"ห้ามลืมหอมแก้มพ่อกับแม่ให้ผมนะ!" ไจ่ไจ๋ตะโกนไล่หลังแล้วอมยิ้มในขณะที่มองดูพี่ชายเดินลงบันไดไป หลังจากพี่ชายไปแล้วไจ่ไจ๋ก็เดินมาล้มตัวนอนที่เตียงแล้วงีบหลับไปได้ซักครู่ก็ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงอุ้งมืออุ่นแตะลงที่แก้มเขา

"พี่ใหญ่กลับมาแล้วหรอ?" ไจ่ไจ๋ทักพี่ชายทันที

"อืม....หลับเพลินเลยนะ" เจอร์รี่ตอบแล้วขยับตัวไปนั่งข้างน้องชาย ไจ่ไจ๋เอามือเกาหัวอย่างงงๆเพราะเพิ่งตื่นแต่พอนึกขึ้นได้ว่าเคนยังไม่กลับมาก็ทำหน้าเจื่อนๆ

"ทำไมวันนี้พี่ใหญ่กลับเร็วจัง" ถามพี่ชายต่ออีก

"พอดีวันนี้พี่แวะไปหาลูกค้าพอคุยธุระเสร็จก็เลยกลับบ้านเลยขี้เกียจแวะบริษัทอีก" เจอร์รี่ตอบน้องชาย

"สงสัยเจ้าพี่กลางของนายก็คงหลับปุ๋ยอยู่เหมือนกันน่ะสิ" เจอร์รี่แกล้งถามน้องอีกทั้งที่พอจะรู้ว่าเคนออกไปข้างนอกเพราะเขาไม่เห็นรถจอดอยู่ ได้ยินเช่นนั้นไจ่ไจ๋ก็ยิ้มแหยๆ

"อ้อ! ไม่รู้สิ ผมเพิ่งตื่นนี่นา" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็รีบคิดหาทางชวนพี่ชายคุยเพื่อไม่ให้พี่ชายไปดูเคนที่ห้อง เพราะตอนแรกพวกเขาคำนวณเวลากันไว้แล้วว่ายังงัยซะเคนก็ต้องไปรับพ่อแม่กลับมาถึงบ้านก่อนพี่ใหญ่แน่นอน เมื่อทุกสิ่งที่คาดการณ์ไว้ไม่เป็นไปตามนั้นไจ่ไจ๋จึงต้องแก้ไขสถานการณ์ก่อน

"วันนี้พี่ใหญ่ทำงานเหนื่อยมั๊ยครับ? แล้วกินข้าวกินปลามาบ้างหรือยัง?" ถามไถ่พี่ชายต่อ

"ก็เหนื่อยหละนะ แต่วันนี้อยากกินหมี่หวานว่าจะวานให้เจ้าพี่กลางทำให้ซักหน่อย" ได้ยินเช่นนั้นไจ่ไจ๋ก็ทำหน้าบอกไม่ถูก

"เป็นอะไรไป?" เมื่อเห็นน้องทำหน้าเช่นนั้นก็ถามออกไปอย่างจับผิด

"อ้อ! เปล่าหรอกครับ แต่ผมว่าตอนนี้พี่กลางอาจจะยังไม่ตื่นก็ได้ เนี่ยพี่ใหญ่.....ผมเหง๊าเหงา....เพราะอยู่แต่ในห้องคนเดียวทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งๆนอนๆ" น้องเล็กแกล้งบ่นให้พี่ชายฟัง

"แล้วหนังสือที่พี่ให้อ่านหละ?" เจอร์รี่ย้อนถามน้องด้วยสีหน้าเข้มขึ้นเล็กน้อย

"ก็.....ก็อ่าน.....บ้าง....." ตอบพี่ชายเสียงอ่อยๆ ทำให้พี่ชายถอนหายใจเฮือก

"เรานี่นะจริงๆเลย ทำไมถึงดื้อนัก" พี่ใหญ่เอาหน้าชนกับหน้าผากน้องชายพร้อมกับต่อว่าไปด้วย

"ก็พี่ใหญ่เอาอะไรมาให้อ่านก็ไม่รู้ ผมอ่านแล้วไม่เข้าใจ" น้องเล็กทำเสียงอ่อนอ่อยแต่เป็นเชิงอ้อนพี่ชาย เขารู้ดีว่าที่พี่ชายต่อว่าเขานั้นไม่ได้โกรธอะไรเพียงแต่บ่นเท่านั้น

"พี่ไม่อยากคุยกับเด็กดื้อ ไปบอกให้พี่กลางมันทำหมี่หวานให้กินดีกว่า" พูดจบก็ขยับตัวลุกขึ้น แต่ไจ่ไจ๋รีบดึงมือพี่ชายทันที

"พี่ใหญ่ครับ.....พักนี้ผมคิดถึงพี่มากๆเลย เราไม่ได้นอนคุยกันนานแล้ว พี่นอนคุยเล่นกับผมก่อนนะ.....นะๆๆๆๆ....." ทำเสียงออดอ้อนพี่ชายเต็มที่

"ให้พี่ใหญ่กินก่อนได้มั๊ยพี่ยังไม่ได้กินข้าวเลย" เจอร์รี่ต่อรอง

"หูยยย.....เห็นของกินสำคัญกว่าน้อง....." แกล้งโอดครวญต่อว่าพี่ชายต่ออีก

"แหม....ก็พี่หิวหนิ งั้นเอางี้เดี๋ยวพี่ไปใช้เจ้าพี่กลางก่อนแล้วจะเข้ามานอนคุยกับนายระหว่างรอหมี่หวาน" พูดจบก็ลุกขึ้นอีกครั้งแต่ไจ่ไจ๋ก็รีบดึงมือพี่ชายไว้อีก

"ไม่ต้องๆๆๆๆ ผมทำให้พี่กินดีกว่า" เจอร์รี่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว

"นายทำเป็นหรอ?" น้องเล็กได้ยินเช่นนั้นก็อึ้งๆไปเพราะเขาก็ทำไม่เป็นจริงๆ

"เป็น.....เป็นสิ! ก็แค่เอาเส้นบะหมี่ลวกแล้วเอาลงไปต้มกับน้ำเชื่อมแล้วก็เอาไข่ต้มใส่....." ไจ่ไจ๋พูดพล่ามไปเรื่อย

"พอๆๆๆ แค่ฟังวิธีการทำของนายก็ไม่เข้าเคล้าแล้วหละ" ว่าแล้วก็หมุนตัวเดินออกไปทันที ไจ่ไจ๋เห็นดังนั้นก็รีบวิ่งตามพี่ชายไปทันที

"พี่ใหญ่ครับพี่ใหญ่!" เจอร์รี่ถอนหายใจก่อนจะหันมาทางน้องเล็กอีกครั้ง

"มีอะไรอีกเจ้าตัวยุ่ง! หรือว่ามีอะไรจะสารภาพ?" ถามรุกน้องชายเพื่อรอดูว่าน้องจะบอกเขาหรือไม่ว่าเคนออกไปไหน ไจ่ไจ๋ยิ้มแหยๆก่อนจะคิดหาข้อแก้ตัว

"คือว่า.....คือว่าผม....." เมื่อเห็นน้องอึกอักเจอร์รี่ก็ส่ายหน้าก่อนจะเคาะประตูห้องเคน

"ผมว่าเราไปกินอะไรข้างนอกกันดีกว่า! ผมก็หิวเหมือนกัน!" ไจ่ไจ๋รีบพูดออกมาด้วยน้ำเสียงค่อนข้างดังจนเจอร์รี่มั่นใจว่าน้องเล็กต้องรู้เห็นกับเคนแน่นอน

"ไจ่ไจ๋ วันนี้นายเป็นอะไรไป ทำท่าทางมีพิรุธนะ" พูดกับน้องชายตรงๆ

"มีอะไร? ไม่มีหนิ ผมแค่อยากออกไปกินอะไรข้างนอกก็เท่านั้นเอง" ไจ่ไจ๋รีบแก้ตัว เจอร์รี่มองหน้าน้องชายครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า

"เอางั้นก็ได้" คำตอบของพี่ชายทำเอาน้องเล็กโล่งอกแต่ประโยคถัดมาก็ทำเอาไจ่ไจ๋ถึงกับพูดอะไรไม่ออก

"เคาะเรียกพี่กลางมันไปด้วยก็แล้วกัน" พูดจบพี่ใหญ่ก็เคาะประตูห้องเคนต่อ

"เสี้ยวเทียน!!! เสี้ยวเทียน!!" เมื่อไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวใดๆเจอร์รี่จึงหันมาทางไจ่ไจ๋

"พี่กลางมันทำอะไรอยู่?" ถามน้องเพราะค่อนข้างมั่นใจว่าไจ่ไจ๋ต้องรู้

"สงสัย.....สงสัยเข้าห้องน้ำอยู่" ไจ่ไจ๋ไม่รู้จะแก้ตัวยังงัยแล้วจึงพูดออกไปแบบนั้น

"งั้นหรอ?" ว่าแล้วเจอร์รี่ก็บิดประตูเปิดเข้าไปในห้องที่ว่างเปล่านั้น

"เสี้ยวเทียน!!" เรียกน้องชายย้ำอีกครั้งทั้งที่รู้ดีว่าน้องไม่อยู่ในห้องแน่นอน เขาเดินเข้าไปดูในห้องน้ำด้วยและแน่นอนว่าไม่พบน้องชายคนกลางเลย

"ไจ่ไจ๋!!!" คราวนี้เสียงพี่ใหญ่เข้มขึ้นตามลำดับจนคนฟังถึงกับสะดุ้ง

"ครับพี่ใหญ่" ตอบรับคำพี่ชายด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ

"ตอบพี่มาซิว่าพี่กลางมันไปไหน?" น้ำเสียงของพี่ใหญ่เข้มขึ้นตามลำดับ

"ไปรับพ่อกับแม่ที่สนามบิน" คำตอบนั้นทำให้พี่ใหญ่นิ่งไป

"ทำไมไม่บอกพี่?" ถามน้องกลับไปอีก

"ก็.....ก็.....อยากให้พี่ใหญ่เซอร์ไพรส์งัย" ไจ่ไจ๋ตอบด้วน้ำเสียงอ้อมแอ้มโดยไม่กล้าสบตาพี่ชายเลย

"อย่างนั้นน่ะหรอ? กล้ามากนะที่ออกไปโดยไม่บอกกล่าวพี่ซักคำ" พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ทำเอาคนฟังหนาวสะท้าน

"คือว่าผม.....ผมเป็นคนคิดที่อยากจะให้พี่รู้สึกแปลกใจตอนกลับมาบ้านแล้วเห็นพ่อกับแม่รออยู่ แต่ไม่นึกว่าวันนี้พี่ใหญ่จะกลับเร็ว" ไจ่ไจ๋รับผิดเสียเอง

"รู้ว่าพ่อแม่จะกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?" ถามน้องด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

"เมื่อวานครับ" ไจ่ไจ๋ไม่กล้าเงยหน้ามองพี่ชายเลย

"แต่ตั้งใจไม่บอกให้พี่รู้" เจอร์รี่ต่อให้น้องเสียเอง ไจ่ไจ๋ไม่ตอบเพียงแต่นิ่งเงียบเท่านั้น

"คงคิดกันหละสิว่าพวกนายสามารถเอาพ่อกับแม่มาเป็นข้อต่อรองกับพี่ได้?" น้องเล็กก้มหน้างุดไม่กล้าพูดอะไรเลย

"พี่ไม่เคยสอนให้นายพูดปดกับผู้ใหญ่แล้วก็ไม่เคยสอนให้นายคอยให้ท้ายคนทำผิดด้วย แต่ตอนนี้นายทำทุกสิ่งที่ตรงกันข้ามหมด!" เจอร์รี่ทำเสียงดุน้องจริงจัง ไจ่ไจ๋ก็ได้แต่ก้มหน้า

"ลงไปข้างล่าง เดี๋ยวเราต้องคุยกันยาว!" พูดจบก็เดินนำน้องชายลงไปที่ห้องนั่งเล่น ไจ่ไจ๋ถอนหายใจก่อนรีบเดินตามพี่ชายลงไปแต่เมื่อลงมาแล้วยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรแวนเนสก็กลับมาพอดี เมื่อเห็นพี่ชายนั่งหน้าเครียดเขาก็ทำหน้าเจื่อนๆแล้วมองไปทางน้องชายที่ทำหน้าจ๋อยๆ

"กลับมาแล้วครับ" เอ่ยปากทักทายพี่ชายขึ้นมา พี่ใหญ่พยักหน้ารับเล็กน้อย

"เป็นอะไรหรอ?" แวนเนสมานั่งลงข้างพี่ชายพร้อมกับถามต่อ

"นายรู้หรือเปล่าว่าวันนี้พ่อแม่กลับมาแล้ว?" เจอร์รี่ไม่ตอบแต่ย้อนถามน้องเสียเอง แวนเนสได้ยินเช่นนั้นก็อึ้งๆไปเหลือบตาไปทางน้องชายคนเล็กเพราะไม่นึกว่าพี่ชายจะซีเรียสเรื่องนี้

"เอ่อ....ก็.....รู้....." แวนเนสตอบเสียงแผ่ว

"สรุปว่ามีชั้นคนเดียวที่ไม่รู้เพราะไม่มีใครคิดจะบอก" แวนเนสเงียบเพราะรู้ว่าตอนนี้พี่ชายอารมณ์ไม่ดี ไจ่ไจ๋เองก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน

"แล้วรู้หรือเปล่าว่าเสี้ยวเทียนออกไปรับพ่อกับแม่?" ถามน้องชายต่ออีก แวนเนสผงกหัวเล็กน้อยแทนคำตอบ

"ดีมาก!" พี่ใหญ่ลงเสียงหนัก

"งั้นตอบชั้นมาอีกซักข้อซิ ว่าพวกนายเห็นชั้นเป็นอะไร?" คำพูดของพี่ชายทำเอาแวนเนสไม่อยากจะนั่งอยู่ตรงนี้อีกเลย

"ทำไมต้องซีเรียสขนาดนี้ด้วยหละ? พวกชั้นก็แค่อยากให้นาย....." แวนเนสตั้งท่าจะอธิบายแต่พูดยังไม่จบเจอร์รี่ก็พูดแทรกขึ้นมา

"อยากให้ชั้นเซอร์ไพรส์หรืออีกนัยนึงก็คืออยากแก้แค้นชั้นคืน" แวนเนสเงียบกริบเมื่อได้ยินเช่นนั้น

"สำหรับนายเองก็รู้อยู่เต็มอกว่าตอนนี้เสี้ยวเทียนกับไจ่ไจ๋อยู่ระหว่างการถูกลงโทษ แต่พอน้องจะทำอะไรนอกลู่นอกทางนายก็สนับสนุน ตอบชั้นมาซิว่าสิ่งที่นายทำมันถูกต้องหรือเปล่า?" ถามน้องด้วยน้ำเสียงค่อนข้างดุ ไจ่ไจ๋รีบก้มหัวเป็นเชิงขอโทษพี่ชายคนรองที่ทำให้ต้องเดือดร้อน

"ชั้นขอโทษ" แวนเนสไม่รู้จะทำยังงัยจึงเอ่ยปากขอโทษพี่ชายออกมาก่อนก่อนที่จะก้มหน้านิ่งงันเพราะพี่ชายจ้องหน้าเขาอยู่

"ชอบกันนักหรืองัยกับไอ้การที่ต้องถูกบ่นถูกด่าถูกลงโทษกันน่ะ!?" พูดด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้นตามลำดับ แวนเนสส่ายหน้าแทนคำตอบ

"แล้วนายหละไจ่ไจ๋ ชอบหรือเปล่า!?" หันมาถามน้องเล็กบ้าง ไจ่ไจ๋ก็รีบส่ายหน้าเช่นกัน

"ไม่ชอบแต่พูดอะไรก็ไม่เคยเชื่อฟัง! ไหนตอบให้พี่หายข้องใจหน่อยซิว่าจะให้พี่ทำยังงัย!?" พี่ใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างจนน้องชายทั้งคู่นึกอยากจะเป็นคนหูหนวกตาบอดขึ้นมาชั่วคราว

"พี่ใหญ่.....ผมขอโทษจริงๆที่ทำอะไรโดยไม่บอกพี่ก่อน ผมคิดว่าเรื่องการที่พี่กลางเขาออกไปรับพ่อกับแม่พี่ใหญ่ไม่น่าจะว่าอะไร แล้วอีกอย่างเราสามคนอยากให้พี่ใหญ่รู้สึกเซอร์ไพรส์ที่กลับมาจากทำงานแล้วเห็นพ่อกับแม่นั่งรอรับอยู่ที่บ้าน" ไจ่ไจ๋รวบรวมความกล้าก่อนจะอธิบายเหตุผลให้พี่ชายฟัง

"นายน่ะหรอเป็นตัวต้นคิด?" พี่ใหญ่ย้อนถามอย่างไม่เชื่อว่าน้องเล็กจะคิดแผนการนี้

"เอ่อ....ชั้นก็ช่วยคิดด้วย...." แวนเนสพูดแทรกขึ้นมา

"แต่พี่ไม่คิดว่างั้นนะ" พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแล้วมองหน้าน้องชายทั้งสองคนสลับกันไปมา ยังผลให้น้องชายทั้งคู่ก้มหน้าลงทันที

"ไม่ต้องบอกพี่ก็พอจะรู้ว่าไอ้ความคิดแบบนี้มันมาจากใคร" แวนเนสกับไจ่ไจ๋ได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่มองหน้ากันไปมา ไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยแก้ต่างให้เคนยังงัยดี

"กลับมาเมื่อไหร่ได้เห็นดีกันแน่!" พูดจบก็ทิ้งตัวนั่งที่โซฟาด้วยสีหน้าบึ้งตึง



- ที่สนามบิน -

"พ่อแม่ครับ!!" เคนร้องเรียกบุพการีทั้งสองคนอย่างดีใจก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหา

"มาแล้วหรอลูก?" แม่ทักกลับพร้อมกับอ้าแขนรอรับลูกชาย เคนสวมกอดแม่อย่างคิดถึง

"รอนานมั๊ยครับ?" เคนถามแม่ต่อ แม่ส่ายหน้าแล้วลูบแก้มลูกชายอย่างรักใคร่

"สบายดีมั๊ยครับแม่? เดินทางเหนื่อยหรือเปล่า? กินอะไรมาหรือยัง?" เคนถามต่ออีก

"หึๆๆๆ เห็นหน้าลูกแม่ก็หายเหนื่อยแล้ว" แม่ตอบยิ้มๆ

"อะฮึ่ม! ไม่เห็นทักพ่อบ้างเลยนะ" พ่อเอ่ยแทรกขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นลูกชายเอาแต่คุยกับแม่คนเดียว

"ทักสิครับ พ่อเป็นยังงัยบ้าง? งานยุ่งมากมั๊ยครับ?" เคนผละตัวออกจากแม่แล้วเดินมาจับมือพ่อบีบเบาๆ พ่อยิ้มแล้วดึงตัวลูกชายเข้ามากอด

"พ่อทนความคิดถึงพวกลูกๆไม่ได้หรอก ต่อให้งานยุ่งแค่ไหนก็ต้องรีบมาหา" เคนหัวเราะเบาๆกับคำหวานของพ่อ

"ตอนนี้ผมก็คิดถึงพ่อกับแม่มากที่สุดเลย กลับมาได้เวลาพอดี" พ่อและแม่ได้ยินดังนั้นก็หันไปมองหน้ากัน

"อยากเล่าให้พ่อแม่ฟังมั๊ยจ๊ะว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้างระหว่างที่พ่อแม่ไม่อยู่?" แม่ถามลูกชายคนกลาง

"เรื่องมันยาวครับ เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังระหว่างทางกลับบ้าน รีบไปกันเถอะครับเพราะถ้าพี่ใหญ่ถึงบ้านก่อนมีหวังผมโดนเล่นงานตายแน่" เคนว่าแล้วก็รีบหิ้วกระเป๋าของพ่อแม่มาถือแล้วพาบุพการีทั้งสองคนไปยังที่จอดรถ

"อืม...ไหนบอกพ่อหน่อยว่าลูกออกมารับพ่อกับแม่ทำไมพี่ใหญ่ต้องว่าลูกด้วย?" พ่อถามอย่างสงสัยหลังจากรถเคลื่อนตัวออกมาแล้ว

"ก็....ก่อนออกมาผมไม่ได้บอกพี่ใหญ่นี่ครับ แล้วตอนนี้ผมอยู่ระหว่างการถูกพี่ใหญ่ลงโทษกักบริเวณอยู่ด้วย ถ้ากลับไปถึงบ้านแล้วพ่อแม่บอกพี่ใหญ่นะครับว่าพ่อแม่นั่งแท๊กซี่กลับมาเอง" เคนตอบพร้อมกับอธิบายให้ฟัง

"แล้วทำไมลูกไม่บอกพี่ใหญ่ก่อนหละว่าลูกจะมารับพ่อกับแม่?" พ่อถามต่ออีก

"โถ....ถ้าบอกพี่ใหญ่ก็ไม่ให้ผมมาหรอก พี่เขาก็ต้องมารับพ่อกับแม่เองอยู่แล้ว และอีกอย่างผมอยากออกมาข้างนอกบ้างอยู่แต่ในบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วอึดอัดจะตายไป" เคนให้เหตุผลก่อนจะหันกลับไปยิ้มหวานกับบุพการีทั้งสองคน

"แต่ถ้าพี่ใหญ่ถึงบ้านก่อนเรา พ่อแม่ต้องช่วยผมนะครับ" ได้ยินเช่นนั้นพ่อและแม่ก็หันไปมองหน้ากันยิ้มๆ

"แต่แม่ว่าลูกเองก็ทำไม่ถูกนะที่ไม่ยอมบอกพี่ใหญ่เขาก่อน" ได้ยินเช่นนั้นเคนก็ยิ้มค้าง

"แม่ครับ....ผมอุตส่าห์ออกมารับนะ.....แม่จะปล่อยให้ผมโดนพี่ใหญ่ฆ่าตายต่อหน้าต่อตาเลยหรอ?" เคนโอดครวญด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ แม่หัวเราะออกมาอย่างขำๆกับลูกชายคนนี้

"พี่ใหญ่เขาโหดขนาดนั้นเชียวหรอลูก?" ว่าพร้อมกับเอื้อมมือมาลูบหัวลูกชายเบาๆ

"แหงสิครับ พี่ใหญ่อ่ะดุจะตายแถมมือหนักอีกต่างหาก โดนทำโทษแต่ละทีน่วมไปทั้งตัวเลย" เคนได้ทีรีบฟ้องเป็นการใหญ่

"ตายหละ เจ้าเจอร์รี่ตีน้องรุนแรงขนาดนี้เชียว ไม่ได้แล้วกลับไปต้องคุยกันหน่อย" แม่ได้ยินเช่นนั้นก็บ่นลูกชายคนโตออกมาทันที ส่วนเคนนั้นลอบยิ้มอย่างพอใจที่ยุแม่ได้

"ดีเลยครับ แม่ต้องคุยกับพี่ใหญ่จริงๆนะ" เคนรีบสนันสนุน

"คุยแน่นอนจ๊ะ" แม่รับปากลูกชายอย่างเอาใจ

"ไม่เอาน่า.....กลับมาทั้งทีเอาแต่ต่อว่าลูกเดี๋ยวลูกก็น้อยใจตายพอดี" พ่อพูดแทรกขึ้นมาเพราะรู้ว่าที่เคนพูดนั้นก็คงไม่จริงทั้งหมด เคนได้ยินเช่นนั้นก็หุบยิ้มทันทีเพราะฟังดูก็พอจะรู้ว่าพ่อเข้าข้างพี่ชาย

"พ่อครับ ผมก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้แม่ต่อว่าอะไรพี่ใหญ่รุนแรงซักหน่อยแค่ให้พูดเตือนพี่เขาเฉยๆ" เคนพูดด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด พ่อได้ยินก็ได้แต่ยิ้มๆ

"ถ้าพ่อคิดว่าผมพูดโกหก กลับไปก็คอยดูเองแล้วกัน" เคนพูดต่อด้วยสีหน้ามุ่ยๆ

"ยังงัยหละพ่อ ทำลูกงอนเลย" แม่หันไปต่อว่าพ่อซึ่งมีสีหน้ายิ้มๆดังเดิม

"อืม....นั่นสิ....พ่อจะทำยังงัยดีหละ?" พ่อเองก็เปรยๆขึ้นมาเช่นกัน เคนไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

"งั้นไปช้อปปิ้งกันหน่อยดีมั๊ย? ไปหาซื้อเครื่องดื่มดีๆฉลองการกลับบ้านของเราสองคนงัยแม่" พ่อแกล้งหันมาถามความเห็นแม่

"เอ.....ไม่รู้สิ เพราะเสี้ยวเทียนบอกอยากจะรีบกลับบ้านนะพ่อ" แม่แกล้งพูดขึ้นมาบ้าง

"ไม่รีบก็ได้ครับ เพราะไหนๆพ่อแม่กลับมาทั้งทีมันก็ต้องมีอะไรพิเศษหน่อย" เคนรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที

"หึๆๆๆ" พ่อกับแม่หันมาหัวเราะด้วยกัน

"งั้นตอนนี้พ่อตามใจคนขับ อยากพาพ่อแม่ไปไหนก็ได้ทั้งนั้น" พ่อพูดกับลูกชายจบก็ขยี้หัวเบาๆอย่างเอ็นดู เคนจึงค่อยยิ้มออกมาได้และหลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนจุดมุ่งหมายตามใจตัวเองทันที




 

Create Date : 30 มีนาคม 2552    
Last Update : 30 มีนาคม 2552 22:30:18 น.
Counter : 1043 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  
 
 

loving_zai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




[Add loving_zai's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com