Chapter 106




ตอนที่ 106

"เฮ่อ!"  เคนถอนหายใจเสียงดัง หลังจากที่หมดแรงจะทะเลาะกับพี่ชายคนโตแล้ว
"งัย? หมดแรงจะเถียงแล้วหรอ?"  เจอร์รี่ถามน้องชายแบบขำๆ เพราะตั้งแต่ที่โดนแวนเนสเยาะเย้ยเคนก็เอาแต่นั่งบ่นเป็นหมีกินผึ้งและหาเรื่องมาต่อว่าเขาสารพัด
"เงียบไปเลย!"  เคนแหวใส่พี่ชายเสียงห้วนแล้วหันหลังหนีไปทางอื่น
"ไปหากาแฟดื่มกันมั๊ย?"  เมื่อเห็นน้องหมดอารมณ์จะพูดอะไรแล้วพี่ใหญ่เลยขอสงบศึกโดยจะพาน้องไปหาอะไรกิน
"ไม่เอา กินไม่ลง"  เคนตอบแล้วหันกลับมาทางพี่ชาย
"เจอร์รี่.....ถ้าวันนี้พี่ชิงชิงไม่ไปเจอน้อง มันจะเกิดอะไรขึ้น?"  คำถามนั้นทำให้เจอร์รี่พลอยอึ้งไปด้วย
"ถ้าวันนี้น้องเป็นอะไรไปชั้นไม่รู้เลยว่าจะให้อภัยตัวเองได้หรือเปล่า"  เคนพูดต่อด้วยสีหน้าซึมลง
"ชั้นน่าจะอยู่กับน้อง ชั้นน่าจะอยู่เป็นเพื่อนน้อง"  เคนพึมพำ
"ไม่เอาน่า.....ไม่ใช่ความผิดของนายซักหน่อย"  พี่ใหญ่โอบไหล่น้องพร้อมกับพูดปลอบ
"อย่างน้อยตอนนี้น้องก็ไม่เป็นอะไรแล้ว นั่นต่างหากที่สำคัญที่สุด"  พี่ใหญ่ว่าแล้วลูบหัวน้องเบาๆ เคนเอนหัวซบลงที่ไหล่ของพี่ชาย
"น้องจะโกรธชั้นมั๊ย?"  เอ่ยถามพี่ชายอีก
"น้องจะโกรธนายเรื่องอะไรหละ?"  เจอร์รี่ย้อนถาม 
"ก็เพราะชั้นบอกกับน้องว่าหากต้องการก็ให้น้องเรียกชั้นได้ตลอดเวลา แต่พอเวลาที่น้องเรียกชั้นกลับไม่อยู่"  เคนพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล
"น้องต้องเข้าใจแน่ อย่าคิดมากสิ"  เจอร์รี่พยายามปลอบน้อง
"คนที่ต้องกังวลมากกว่ามันต้องเป็นชั้นต่างหาก น้องโกรธชั้นแน่ๆ"  พูดถึงตัวเองบ้าง
"น้องไม่โกรธนายหรอก เพราะน้องรู้ตัวว่าทำผิด และนายเองก็ไม่ได้ทำอะไร"  เคนว่าก่อนจะมองหน้าพี่ชาย
"หรือว่าทำ?"  ย้อนถามอย่างเคลือบแคลงสงสัย
"เปล่านะ! ชั้นไม่ได้ทำอะไรน้องเลย แต่น้องมันประชดชั้นเองต่างหาก"  เจอร์รี่ร้องบอก
"ยังงัย?"  เคนถามต่อ
"ชั้นดุน้องเรื่องที่มันแกล้งพี่ชิงชิง ไจ่ไจ๋มันก็เลยกินข้าวต้มชามนั้นประชดชั้น"  เจอร์รี่เล่าให้ฟัง
"ไม่น่าหละ....ถึงได้ท้องเสียรุนแรงแบบนี้ แล้วทำไมนายไม่ห้าม?"  ถามซักพี่ชายอีก
"ถ้าไม่ห้ามแล้วชามมันจะตกแตกกระจายแบบนั้นหรอ?"  พี่ใหญ่ตอบเป็นเชิงย้อนถาม เคนได้ยินก็ถอนหายใจยาว
"ชั้นขอโทษนะที่เมื่อเช้าพูดจาไม่ดีกับนาย"  เคนเอ่ยขอโทษพี่ชายเพราะเขาเข้าใจว่าเจอร์รี่คงทำโทษอะไรน้องแน่
"ช่างเถอะ ชั้นรู้ว่านายพูดออกมาเพราะกำลังเป็นห่วงไจ่ไจ๋"  พี่ใหญ่ว่าพร้อมยิ้มบางๆ ให้น้องชาย
"นายโกรธน้องมั๊ย?"  เคนถามพี่ชายต่ออีก
"ตอนแรกน่ะโกรธมากเลย เพราะไจ่ไจ๋มันไม่ใช่เด็กๆแล้ว น่าจะมีความยั้งคิดอะไรบ้าง แต่พอมาคิดอีกทีโกรธไปก็เท่านั้น เพราะสิ่งต่างๆมันก็คงเรียกกลับคืนมาไม่ได้"  พี่ใหญ่ว่า
"ชั้นขอโทษแทนน้องด้วย น้องคงไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องเป็นแบบนี้เหมือนกัน"  เคนออกตัวแทนน้องชาย
"ทำไมนายต้องไปขอโทษแทนมันด้วย? หรือว่านายรู้เห็นเป็นใจกับน้อง?"  ประโยคหลังพี่ใหญ่พูดเหมือนจะจับผิด
"เปล่าซักหน่อย!! ชั้นไม่รู้เรื่องเลยว่าไจ่ไจ๋มันจะแกล้งพี่ชิงชิงอีก ถ้ารู้แบบนั้นชั้นไม่ยอมให้มันทำแน่"  เคนรีบปฏิเสธทันที
"งั้นทำไมถึงต้องขอโทษแทน?"  เจอร์รี่ถามรุกต่อ
"เพราะน้องคงไม่กล้าพูดกับนายตรงๆ"  เคนตอบ
"พี่ใหญ่สอนน้องทุกคนให้กล้าทำกล้ารับ แล้วพี่ก็เชื่อว่าน้องของพี่ทุกคนเข้าใจในสิ่งที่พี่สอนและจะปฏิบัติตาม"  พี่ใหญ่พูดอย่างมั่นใจ
"แต่อาจจะต้องใช้เวลาซักหน่อย นายก็รู้ว่าไจ่ไจ๋น่ะกว่าจะคิดทบทวนอะไรเองได้ต้องปล่อยไปซักพักก่อน"  เคนพูดอย่างเข้าอกเข้าใจน้อง
"จะตอนไหนก็ช่าง ไม่มีคำว่าสายเกินไปหรอก"  เจอร์รี่ว่าแล้วก็ตบไหล่น้องชายเบาๆ
"น้องชายของเราสองคนน่ารักจะตายไป"  จบคำพูดของพี่ใหญ่สองพี่น้องก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
"หัวเราะกันมีความสุขจริงนะ แบบนี้ไม่ต้องเข้าไปเยี่ยมน้องก็คงไม่เป็นไรมั้ง"  เสียงพูดแขวะนั้นทำให้เจอร์รี่กับเคนหันไปทางต้นเสียงพร้อมกัน
"น้องเป็นยังงัยบ้างแวนเนส?"  สองพี่น้องประสานเสียงถามออกมาพร้อมกัน
"แย่ว่ะ กินอะไรไม่ได้เลยและก็อาเจียนอยู่ตลอดเวลา"  แวนเนสแกล้งตีหน้าเศร้าตอบ
"ชั้นทนเห็นน้องเป็นแบบนั้นไม่ได้เลยต้องหนีออกมาก่อน"  ได้ยินเช่นนั้นเจอร์รี่กับเคนก็มีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที
"แต่ไหนหมอบอกว่าน้องปลอดภัยแล้วงัย ชั้นจะเข้าไปดูน้อง!!"  เคนโวยวายและทำท่าจะเปิดประตูแต่แวนเนสรีบขวางไว้
"พี่ชิงชิงสั่งว่าห้ามให้นายสองคนเข้าไป"  แวนเนสว่า
"ชั้นไม่สน!!"  เคนเอ็ดตะโรใส่แล้วดึงพี่ชายให้พ้นทาง
"เฮ้ยๆๆๆ!!! ใจเย็นๆ! เมื่อกี้ชั้นพูดเล่น! น้องไม่ได้เป็นอะไรแล้ว"  แวนเนสต้องรีบบอกเพราะกลัวน้องจะแผลงฤทธิ์
"นายนี่น่ะเล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง! ชั้นกับเสี้ยวเทียนเป็นห่วงน้องมากขนาดไหนนายเองก็น่าจะรู้ดี"  เจอร์รี่เลยดุแวนเนสเข้าให้
"แหม.....ก็แค่ล้อเล่น....."  แวนเนสว่าพลางยิ้มแหยๆ
"ปากไม่ดี!"  เคนต่อว่าพี่ชายและเปิดประตูห้องพักของไจ่ไจ๋เดินเข้าไป
"ใครให้เข้ามา?"  พี่ชิงชิงถามเสียงเข้มเล็กน้อย
"แวนเนสบอกว่าพี่ชิงชิงอนุญาตให้ผมกับพี่ใหญ่เข้ามาได้แล้ว"  เคนตอบหน้าตาเฉย
"เฮ้ย! ผมไม่ได้พูดนะ!"  แวนเนสโวยวาย
"นายอย่ามาพูดมั่วๆนะ"  ก่อนจะหันไปต่อว่าน้องชายด้วย
"ชั้นพูดมั่วที่ไหน? พี่ใหญ่ก็ได้ยิน ใช่มั๊ยครับพี่ใหญ่?"  เคนหันไปขอเสียงสนับสนุน
"ใช่ครับพี่ชิงชิง แวนเนสบอกว่าพี่ชิงชิงอนุญาตให้ผมกับเสี้ยวเทียนเข้ามาดูน้องได้แล้ว"  เจอร์รี่เองก็เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับน้องชายคนกลาง  
"ผมเปล่าพูดจริงๆนะ"  แวนเนสโอดครวญ ในขณะที่ไจ่ไจ๋ที่นอนมองบรรดาพี่ชายตัวป่วนอยู่ก็ได้แต่ยิ้มๆ เขารู้ดีว่าพี่ชายทั้งสามคนเป็นห่วงเขามากขนาดไหน
"พี่ไม่สงสัยเลยว่าทำไมพวกเธอถึงได้เป็นพี่น้องกันได้"  พี่ชิงชิงพูดเป็นเชิงบ่น
"ทำไมหละครับ?"  แวนเนสย้อนถามงงๆ
"ก็เพราะพวกเธอน่ะดื้อเหมือนกันหมดทั้งสี่คนเลยน่ะสิ"  พี่ชิงชิงเฉลย ทำเอาสี่พี่น้องได้แต่ทำหน้าแหยๆ
"ในเมื่อพี่พูดอะไรพวกเธอก็ไม่ฟัง งั้น.....พี่กลับดีกว่า"  พี่ชิงชิงว่าพร้อมกับขยับตัวลุกขึ้น
"พี่ชิงชิง! ไหนพี่บอกว่าพี่จะอยู่ดูแลผมงัย?"  ไจ่ไจ๋ท้วงติงทันที
"เธอมีตัวป่วนอยู่ตั้งสามคนแล้วอยากได้อะไรก็บอกพวกเขาแล้วกัน"  พี่ชิงชิงว่าก่อนจะเดินเข้าไป
"พี่ชายของเธอเป็นห่วงเธอมากนะ"  ไจ่ไจ๋เพียงแต่ยิ้มตอบ
"พรุ่งนี้พี่จะมาเยี่ยมใหม่ พักผ่อนเยอะๆหละ มีอะไรก็โทรมาหาพี่ได้ตลอด"  พูดจบพี่ชิงชิงก็บีบมือไจ่ไจ๋เบาๆ
"ขอบคุณพี่ชิงชิงมากนะครับ ถ้าวันนี้ไม่ได้พี่ช่วยเหลือไว้ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมจะยังมีลมหายใจอยู่อีกมั๊ย"  ประโยคหลังไจ่ไจ๋จงใจพูดดังๆ ซึ่งทำเอาบรรดาพี่ชายหน้าสลดไปตามๆกัน
"พูดจาเหลวไหล! เธอไม่มีทางเป็นอะไรแน่ๆ"  พี่ชิงชิงดุเข้าให้ก่อนจะเลื่อนมือไปขยี้หัวไจ่ไจ๋เบาๆ
"อย่าดื้อให้มากนักหละ เชื่อฟังพี่ๆเขานะ"  ไจ่ไจ๋พยักหน้ารับแล้วยอมปล่อยมือพี่ชิงชิง
"ผมเดินไปส่งครับ"  เจอร์รี่ว่าเมื่อเห็นว่าพี่ชิงชิงจะกลับ
"ไม่ต้องหรอก อยู่กับน้องนี่แหละ พี่ไปเองได้"  พี่ชิงชิงปฏิเสธแล้วร่ำราสี่พี่น้องอีกครั้งก่อนจะขอตัวกลับไปเพราะอยากให้พี่น้องได้อยู่กันตามลำพัง
"ไจ่ไจ๋ นายเป็นยังงัยบ้าง? พี่เป็นห่วงนายมากเลยรู้มั๊ย?"  หลังจากที่พี่ชิงชิงออกไปแล้วเคนก็รีบเข้าไปสอบถามอาการน้องชาย
"ผมไม่เป็นไรแล้ว พี่กลางไม่ต้องห่วงหรอก"  ไจ่ไจ๋ว่าพร้อมกับเอนตัวเข้าไปซบกับอกพี่ชาย
"พี่ขอโทษนายจริงๆ พี่น่าจะอยู่กับนายตลอดเวลา"  เคนว่าพร้อมกับตำหนิตัวเอง
"ผมไม่เป็นไรแล้วจริงๆ พี่กลางอย่ากังวลไปเลยนะครับ"  ไจ่ไจ๋พูดปลอบเพราะรู้ว่าเคนต้องโทษตัวเองอยู่ในใจแน่ๆ
"ขอบใจมากนะที่ไม่โกรธพี่ทั้งที่....."  เคนตั้งท่าจะโทษตัวเองอีกแต่ถูกน้องเล็กเอามือปิดปากไม่ให้พูดต่อ
"พี่กลางครับ ถ้าพูดถึงเรื่องนี้อีกผมจะโกรธจริงๆนะ"  เมื่อโดนขู่เช่นนี้เคนจึงปิดปากเงียบทันที ทำให้พี่ชายอีกสองคนหันไปหัวเราะกันอย่างขำๆเพราะน้องเล็กกำหราบเคนได้อยู่หมัดเลยทีเดียว
"ขำอะไรกัน!"  เคนแหวใส่พี่ชายทั้งสองคนเข้าให้ก่อนจะจับดูตามเนื้อตามตัวน้องชาย
"นายซูบลงไปถนัดตาเลย หิวมั๊ย? เดี๋ยวพี่ไปซื้ออะไรให้กิน"  เคนว่าพร้อมกับถามน้องชาย
"ก็คนมันท้องเสียก็ต้องซูบลงอยู่แล้ว น้องมันไม่เหี่ยวไปมากกว่านี้หรอก ขุนแป๊บเดียวก็กลับมาเหมือนเดิมแล้ว"  แวนเนสพูดแทรกพร้อมกับส่ายหน้ากับความเป็นห่วงเป็นใยเกินเหตุของเคน
"ไม่ได้! น้องป่วยอยู่ต้องให้กินของบำรุงเยอะ พอหายแล้วร่างกายจะได้แข็งแรง"  เคนว่าพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิด
"พี่ไปหาซื้อพวกเครื่องดื่มบำรุงร่างกายมาให้ดื่มดีกว่า นายรอพี่แป๊บนึงนะ"  ว่าแล้วเคนก็ทำท่าจะเดินออกไปแต่เจอร์รี่กลับดึงตัวน้องไว้ก่อน
"ไม่ต้องวุ่นวายให้มากเลยเสี้ยวเทียน นายไม่เห็นป้ายหรอว่าเขาให้น้องกินแต่อาหารอ่อนๆ"  เจอร์รี่ว่าพร้อมกับชี้ให้ดูป้ายที่หัวเตียงของน้องชาย
"ทำไมหละ? แค่เครื่องดื่มบำรุงมันเป็นอาหารหนักตรงไหน?"  เคนเถียงอย่างไม่ยอมแพ้
"ไอ้นี่หนิ! ทำไมพูดจาอะไรไม่รู้เรื่องนะ!"  เมื่อเห็นว่าน้องยืนกรานความคิดของตัวเองพี่ใหญ่เลยเอ็ดเข้าให้จริงๆ
"พี่กลางครับ"  ไจ่ไจ๋เห็นท่าไม่ดีเลยรีบเรียกพี่ชายคนกลาง
"ว่างัยไจ่ไจ๋?"  เคนถามน้องชายแต่สีหน้าดูหงุดหงิดเต็มที่เพราะโดนพี่ชายทั้งสองคนขัดคออยู่ตลอด
"ไม่ต้องไปซื้ออะไรมาให้ผมหรอกครับ ตอนนี้ผมกินอะไรไม่ลงจริงๆ แค่จิบน้ำเกลือแร่บ่อยๆผมก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว"  เมื่อน้องเล็กว่าดังนั้นเคนจึงไม่ดึงดันอีกต่อไป เขาเดินกลับมาหาน้องและทรุดตัวนั่งลงบนเตียงของน้องชาย
"อยากได้อะไรก็บอกนะ พี่จะไปหามาให้"  เคนว่าพร้อมกับลูบหัวน้องอย่างรักใคร่
"อยากได้สาวสวยๆซักสิบคน ไปหามาให้ได้มั๊ย?"  แวนเนสแกล้งถามแหย่
"หุบปากไปเลย!! เวลาอย่างนี้ยังมีหน้ามาเล่นอีก!"  เคนเอ็ดใส่แวนเนสแล้วก้มลงมองไจ่ไจ๋ที่ซุกหน้าลงที่อกเขาพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
"หัวเราะอะไร? เดี๋ยวก็ปวดท้องอีกหรอก"  ต่อว่าน้องเล็กเข้าให้ด้วย
"เปล่า....แต่ผมคิดว่าที่พี่รองบอกมันก็น่าจะดีนะ"  พูดจบไจ่ไจ๋ก็โดนกำปั้นของเคนทุบลงกลางหัว
"ทะเล้นนักนะ! ถ้าพี่หามาให้ได้จริงๆ งั้น.....หลิงหลิงพี่ขอนะ"  เคนแกล้งแหย่น้องชายบ้าง ซึ่งคราวนี้เขาก็ได้กำปั้นทุบกลับคืนมาทันที
"อย่ามายุ่งกับแฟนผมเด็ดขาด! ขอเตือนไว้ก่อน! ไม่อย่างนั้น....."  ไจ่ไจ๋พูดไม่จบประโยคแต่ชี้หน้าพี่ชายอย่างคาดโทษ
"จะทำไม? พี่เสียสละให้นายมาตลอดทั้งชีวิตแล้วนายจะเสียสละให้พี่ชายแค่นี้ไม่ได้หรอ?"  เคนแกล้งถามน้องต่ออีก
"ไม่คุยกับพี่กลางแล้ว! ไปให้พ้นๆเลย!"  น้องเล็กได้ยินเช่นนั้นก็นอนหันหลังให้ทันที
"นั่น! ทำน้องมันงอนอีกจนได้ เวลาแบบนี้ยังจะมีหน้ามาเล่นอีก!"  แวนเนสได้ทีแขวะเคนกลับ
"หุบปาก! นาย....."  เคนต่อว่าแวนเนสกลับแต่ยังไม่ทันได้พูดต่อก็ต้องหยุดพูดกะทันหันเพราะเห็นพี่ใหญ่ยกมะเหงกมาทางเขา
"เดี๋ยวเถอะ! อย่าเกเรให้มากนักนะ!"  เจอร์รี่ดุน้องชายคนกลางเสียงเข้ม เคนทำหน้างอก่อนจะเดินไปกระแทกตัวนั่งลงที่โซฟาข้างเตียง
"โอ๋....โกรธหรอ?"  แวนเนสเห็นดังนั้นจึงแกล้งทำเสียงเป็นเชิงเย้าแหย่
"นายก็อย่าไปแหย่มันน่า!"  เจอร์รี่ปรามแวนเนสอีกคนเพราะรู้ว่าตอนนี้เคนอารมณ์ไม่อยู่กับร่องกับรอยหากไปยั่วมากๆก็มีแต่จะอารมณ์เสีย
"ดุมากหรอเจ้าตัวนี้น่ะ? ไหนดูซิจะกัดชั้นจนนิ้วขาดได้มั๊ยหนอ?"  พูดจบก็เอานิ้วจิ้มไปที่ปากเคนเบาๆ
"เสี้ยวเทียน!!"  พี่ใหญ่เรียกน้องเสียงเข้มเมื่อเห็นเคนยกขาขึ้นมาทำท่าจะถีบแวนเนส
"ทำไมต้องว่าแต่ชั้นคนเดียว"  เคนทำด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
"ก็ว่าทั้งคู่นั่นแหละ แต่นายน่ะชักจะมากเกินไปแล้วนะ พี่รองเขาแค่ล้อเล่นก็ทำอารมณ์เสียไม่เลิก"  พี่ใหญ่ต่อว่าเคนอีก
"ใครไปมีอารมณ์เล่นกับมันไม่ทราบ?"  เคนเริ่มโวยใส่พี่ใหญ่อีกคน
"แล้วใครเล่นกับนายหละครับ?"  แวนเนสถามแทรกขึ้นมา
"ไอ้บ้า! ทำไมนายชอบกวนประสาทนักวะ!"  เคนแหวใส่ ไจ่ไจ๋ที่นอนอยู่บนเตียงคนป่วยมองดูพี่ชายทะเลาะกันตาปริบๆ 
"แค่นี้ต้องด่าหรอ! ชั้นน่ะเป็นพี่นายนะโว้ย!"  แวนเนสไม่พูดเปล่าแต่ประเคนกำปั้นลงที่หัวน้องชายด้วย
"โอ๊ย! มันเจ็บนะ! เป็นพี่แล้วงัย? ไม่ได้เป็นคนคลอดชั้นออกมาซักหน่อย"  เคนโวยวายยกใหญ่
"หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ! ถ้าจะทะเลาะกันก็ออกไปข้างนอก!"  เจอร์รี่แทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"น้องมันไม่สบายอยู่ต้องการพักผ่อนแล้วพวกนายยังจะมาเอ็ดตะโรใส่กันอยู่ได้ ไม่อยากให้น้องหายป่วยหรืองัย!"  พูดจบก็มองหน้าน้องชายตัวดีทั้งคู่ด้วยสายตาดุๆ
"นายสองคนพากันกลับบ้านไปเลย คืนนี้ชั้นเฝ้าน้องเอง"  พูดจบก็โบกมือไล่น้องชายสองคนให้ด้วย
"ได้งัยเล่า! ถามความเห็นน้องซักคำหรือยังว่าอยากให้นายเฝ้าหรือเปล่า?"  เคนรีบแย้งทันทีเพราะตัวเขาเองก็อยากอยู่ดูแลน้องชายเช่นกัน
"อยากอยู่แล้ว ใช่หรือเปล่าไจ่ไจ๋?"  หันกลับมาถามน้องชายคนเล็กที่นั่งทำหน้าเมื่อย
"ความจริงผมอยู่คนเดียวก็ได้ พวกพี่กลับไปพักผ่อนที่บ้านเถอะครับ"  ไจ่ไจ๋ตอบ
"ไม่ได้!!"  พี่ชายทั้งสามคนประสานเสียงปฏิเสธขึ้นมาพร้อมกัน
"จะอยู่คนเดียวได้ยังงัย เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะทำยังงัย"  เคนเอ่ยขึ้นมาก่อน
"นั่นสิ ตอนนี้ร่างกายของนายก็ไม่ได้เป็นปกติดีซักหน่อย เดินเหินเองก็คงไม่สะดวก ให้พวกพี่อยู่เฝ้าน่ะดีแล้ว"  แวนเนสพูดเสริมอีกแรง ในขณะที่น้องเล็กได้แต่อมยิ้ม
"ให้พี่อยู่เฝ้านายเถอะ พี่สัญญาว่าจะไม่รบกวนนายเลย เผื่อนายอยากได้อะไรกลางดึกพี่จะได้ช่วยได้"  เจอร์รี่ว่าพร้อมกับนั่งลงบนเตียงกับน้อง
"พี่ครับ ตอนนี้ผมอยู่โรงพยาบาลนะ พวกพี่พูดเหมือนกับว่าผมถูกเอาไปทิ้งกลางป่ายังงัยอย่างงั้น"  น้องเล็กต่อว่าพี่ชายทั้งสามพลางส่ายหน้าไปมากับความเป็นห่วงเป็นใยจนเกินเหตุของพี่ชายตัวดีทั้งสามคน
"นั่นแหละ จะอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ถ้าพี่ไม่ได้เห็นกับตาว่านายสบายดีพี่ก็ไม่วางใจง่ายๆหรอก"  เจอร์รี่ว่าและสรุปเองในที่สุด
"คืนนี้พี่ใหญ่จะอยู่เฝ้านายเอง ไม่ต้องห่วงนะ อยากได้อะไรก็เรียกไม่ต้องเกรงใจพี่"  คำพูดของพี่ใหญ่ยังผลให้เคนทำหน้าไม่พอใจ
"ชั้นก็จะเฝ้าน้องเหมือนกัน"  พูดจบก็นั่งลงอีกฟากของเตียงแล้วโอบไหล่น้องเล็กเอาไว้
"อยากได้อะไรก็บอก พี่จะหามาให้ทุกอย่าง"  พูดโอ๋น้องต่ออีก
"พูดจาไม่รู้เรื่องอีกแล้วนะ! ชั้นบอกว่าชั้นจะเฝ้าน้องเอง"  พี่ใหญ่ทำหน้าเข้มใส่น้องชายคนกลาง
"ก็เรื่องของนาย ชั้นก็อยู่ของชั้นนายก็อยู่ของนายไปสิ"  เคนทำท่าไม่สนใจ
"ถ้าพวกนายสองคนอยู่ได้ ชั้นก็อยู่ด้วย"  แวนเนสว่าขึ้นมาบ้าง ทำเอาพี่ใหญ่ถึงกับกุมขมับ
"นายสองคนตามชั้นออกมาข้างนอกซิ ชั้นมีอะไรจะพูดด้วย"  เจอร์รี่เอ่ยในที่สุดพร้อมกับกวักมือเรียกแวนเนสกับเคน
"ไม่เอา"  สองพี่น้องปฏิเสธโดยพร้อมเพรียงเพราะกลัวพี่ชายจะเรียกออกไปดุ
"อย่าให้พูดซ้ำ"  คราวนี้เจอร์รี่ปรับสีหน้าให้ดูจริงจังมากกว่าเดิม แวนเนสกับเคนมองหน้ากันไปมาก่อนจะพยักหน้าให้กัน
"ชั้นพาน้องกลับบ้านก็ได้ นายเฝ้าไจ่ไจ๋ไปแล้วกัน"  แวนเนสว่าพร้อมกับดึงมือเคนไว้
"พี่สองคนกลับก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมอีก"  ไจ่ไจ๋พยักหน้ารับรู้ด้วยรอยยิ้ม
"รีบๆไปกันเลย!"  เจอร์รี่รีบไล่ส่ง 
"พี่เป็นห่วงนายมากนะไจ่ไจ๋ แต่นายก็เห็นว่ามีคนใจแคบบางคนมันไม่ยอมให้พี่อยู่ดูแลนาย"  เคนอดที่จะพูดประชดพี่ชายไม่ได้
"ไอ้น้องคนนี้! ว่าชั้นใจแคบหรอ? เดี๋ยวเถอะ!"  เจอร์รี่ร้อนตัวขึ้นมาทันที
"ไม่ได้เอ่ยชื่อเลยซักคำ ร้อนตัวทำไมหละ"  เคนย้อนเข้าให้ ซึ่งคราวนี้พี่ใหญ่เงื้อนมือขึ้นโดยอัตโนมัติ เคนเองก็ถอยฉากทันทีเช่นกัน
"พี่ใหญ่ครับ.....ผมขอน้ำหน่อย"  ไจ่ไจ๋เห็นท่าไม่ดีจึงร้องขอน้ำเป็นการสงบศึกของพี่ชายไปในตัว 
"หิวน้ำหรอ? พี่เทให้นะ"  เคนได้ยินก็รีบกุลีกุจอไปเทน้ำใส่แก้วให้น้องชาย
"น้องเรียกชั้นไม่ได้เรียกนาย! เอามานี่!"  พูดจบก็ดึงแก้วน้ำในมือน้องชายคนกลางไปเสียดื้อๆ
"ไอ้บ้า!!"  เคนแหวใส่พี่ชายแล้วหันไปคว้าเหยือกน้ำที่เพิ่งวางลงไปขึ้นมาอีกครั้ง
"เฮ้ย!!!"  แวนเนสร้องอุทานก่อนจะรีบปราดเข้าไปดึงเหยือกน้ำจากมือน้องได้ก่อนที่พี่ใหญ่จะได้อาบน้ำโดยไม่รู้ตัว
"จะทำอะไร!"  เจอร์รี่ทำเสียงเข้มพร้อมกับจ้องหน้าน้องชายจอมเกเรอย่างเอาเรื่อง
"เปล่า.....น้องมันไม่ได้ทำอะไร"  แวนเนสรีบแก้ตัวแทนน้องชายทันที
"แค่เหยือกน้ำมันจะหลุดมือชั้นเลยรีบเข้ามารับไว้เท่านั้นเอง"  ออกหน้าแทนน้องต่ออีก
"นายไม่ต้องมาแก้ตัวแทนมันเลย! นึกว่าชั้นไม่เห็นหรืองัย!"  เอ็ดใส่แวนเนสด้วยอีกคน
"หยุดเถียงกันซักทีเถอะครับ ผมรู้สึกเวียนหัวอีกแล้ว"  ไจ่ไจ๋ร้องขอให้พี่ชายคู่กัดลดวาราศอกกันบ้าง เคนมองหน้าพี่ชายคนโตอย่างไม่พอใจก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปนอกห้อง
"ชั้นตามน้องไปนะ"  แวนเนสว่าแล้วก็รีบเดินตามเคนไปติดๆ
"อย่าโมโหไปเลย เจอร์รี่มันก็ดีๆร้ายๆแบบนี้แหละ นายเองก็กวนอารมณ์มันไม่น้อยนะ"  เมื่อเดินตามน้องมาทันแล้วแวนเนสก็เอ่ยปากพูดแบบกลางๆไม่เข้าข้างใครมากเกินไป
"ชั้นไม่ชอบที่มันมาทำแบบนี้! จู่ๆก็แย่งแก้วน้ำไปจากมือแบบนี้มันถูกต้องแล้วหรืองัย?"  เคนย้อนถามอย่างหงุดหงิด
"โธ่....จะใครเทน้ำให้น้องกินน้องมันก็ดีใจเหมือนกันนั่นแหละ"  แวนเนสพยายามพูดปลอบ
"ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ใครจะทำให้น้องดีใจ แต่ที่เจอร์รี่มันทำน่ะไม่ถูกต้อง!"  เคนพูดเสียงแข็ง
"ถ้าลองชั้นทำแบบนั้นกับมันบ้าง ได้โดนมันฟาดมือหักไปแล้ว"  พูดจบก็หันกลับมาทางแวนเนสอย่างหงุดหงิดไม่หาย
"ใช่.....ถ้าชั้นไม่ห้ามตอนที่นายจะเอาน้ำสาดใส่มัน นายคงไม่โดนแค่มันฟาดมือหักอย่างเดียวแน่ แต่จะโดนมันหวดยับจนต้องนอนหยอดน้ำเกลือที่นี่ด้วยน่ะสิ"  แวนเนสประชดเข้าให้บ้าง
"นึกว่ากลัวหรืองัย! มันไม่ได้มีมือคนเดียวซักหน่อย"  เคนเถียงข้างๆคูๆแต่ในใจก็แอบโล่งอกที่แวนเนสห้ามเขาไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นสภาพเขาตอนนี้คงไม่ต่างอะไรจากที่แวนเนสว่า
"ทำพูดดีไปเถอะ ระวังเจอร์รี่ตามมาได้ยินเข้า คราวนี้แหละตัวใครตัวมัน"  แวนเนสว่าพลางส่ายหน้าไปมาให้กับความดื้อรั้นของน้อง
"ไม่กลัว! ลองมาตีชั้นสิจะชกให้หน้าหงายเลย!"  เคนทำปากเก่ง  
"นี่ชั้นยังเห็นแก่น้องนะ ถ้าไม่อย่างนั้นชั้นไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆแบบนี้แน่!"  แวนเนสได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับทำหน้าอ่อนใจ
"ชั้นถามหน่อยว่าทะเลาะกันไปแล้วได้อะไรขึ้นมา?"  แวนเนสถามน้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ชั้นไม่ได้อยากทะเลาะกับมัน"  เคนเถียง
"งั้นต้องการอะไรหละ?"  แวนเนสเองก็เริ่มจะเวียนหัวขึ้นมาบ้างเช่นกัน
"ชั้นต้องการคำขอโทษ!"  เคนพูดเสียงหนักแน่น
"คอยดูนะถ้ามันไม่ขอโทษชั้นเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วหละก็.....ชั้นจะไม่พูดกับมันอีก!"  พูดจบเคนก็เตะก้อนหินอย่างหงุดหงิด
"งั้นถ้าชั้นขอโทษแล้วจะคุยกันดีๆได้หรือเปล่า?"  เสียงพี่ใหญ่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำเอาเคนถึงกับสะดุ้งโหยง
"ว่างัย?"  พี่ใหญ่ถามย้ำแล้วก้าวเข้ามาหา ในขณะที่เคนก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ
"ยังงัยหละคราวนี้? พี่ใหญ่เขามาขอโทษแล้วงัย"  แวนเนสได้ทีสำทับน้องชายที่ทำเป็นปากเก่งตั้งแต่แรก
"ชั้นยังไม่ได้ยิน!"  เคนกระแทกเสียงและยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็โดนเจอร์รี่ดึงหูเข้าให้
"โอ้ยยยย!!!"  เคนร้องลากเสียงยาวด้วยความเจ็บระคนตกใจ โดยแวนเนสได้แต่ยืนมองสงสารก็สงสารแต่ก็แอบสมน้ำหน้าด้วยเช่นกัน
"ชั้นขอโทษ!!! ได้ยินหรือยัง!!!"  เจอร์รี่พูดเสียงดังแต่ยังดึงหูน้องไม่ยอมปล่อย
"ปล่อย!!!"  เคนร้องพลางพยายามดึงมือพี่ชายออก
"อ๋อ! ยังไม่ได้ยินใช่มั๊ย? งั้นฟังใหม่นะ....."  คราวนี้เจอร์รี่ไม่พูดเปล่าแต่กลับบิดหูน้องแรงขึ้นอีก
"ชั้นขอโทษ!!!"  เจอร์รี่พูดชัดถ้อยชัดคำอีกครั้ง
"โอ้ยยยยย! ได้ยินแล้วววว!"  เคนร้องบอก พี่ใหญ่จึงยอมปล่อยมือในที่สุดซึ่งเล่นเอาเคนเจ็บจนน้ำตาแทบร่วง
"นายก็ไม่น่าไปทำมันเลย"  แวนเนสต่อว่าพี่ชายเบาๆ เมื่อเห็นว่าน้องคงเจ็บไม่น้อย
"ไม่ดึงให้หูขาดก็บุญแล้ว!"  เจอร์รี่ว่าแล้วหันกลับไปมองเจ้าน้องชายจอมเกเร
"ลับหลังชั้นพูดจาแบบนี้นี่เอง งั้นชั้นคงต้องลงโทษซะบ้างแล้ว!"  พูดด้วยน้ำเสียงดุๆ
"แวนเนส.....กลับบ้านกัน....."  เคนหันไปพูดกับพี่ชายคนรองเบาๆแล้วดึงมือพี่ชายเดินหนีทันที 
"แวนเนส!! นายกลับไปเฝ้าไจ่ไจ๋ไป"  พี่ใหญ่ออกคำสั่ง
"เอ่อ....."  แวนเนสหันกลับมาทางพี่ชายด้วยสีหน้าแหยๆ
"ไปสิ!"  พี่ใหญ่ย้ำอีกครั้ง
"แวนเนส"  เคนดึงแขนพี่ชายไว้ไม่ยอมให้ไป
"เจอร์รี่....."  แวนเนสตั้งท่าจะช่วยน้องแต่พอเห็นสีหน้าเอาจริงของพี่ชายแล้วก็ไม่กล้าพูดต่อ จึงจับมือเคนออกแล้วตบไหล่น้องชายเบาๆก่อนจะเดินไปหาน้องเล็กที่ห้องพัก
"มายืนใกล้ๆ!"  เมื่อแวนเนสไปแล้วเจอร์รี่ก็ออกคำสั่งกับน้องชายคนกลาง เคนสูดลมหายใจเข้ายาวๆก่อนจะเดินเข้าไปหาพี่ชายแต่โดยดี เขาหมดคำแก้ตัวใดๆเพราะพี่ชายคงมาทันได้ยินทุกอย่างที่เขาพูดอย่างแน่นอน
"ทำไมเราถึงคุยกันดีๆไม่ได้ซักที"  พี่ใหญ่เสียงอ่อนลง อันที่จริงเขาไม่อยากทะเลาะกับน้องเลย
"แล้วนายนึกว่าชั้นชอบถูกตะคอกใส่อย่างงั้นหรอ?"  เคนย้อนถามพี่ชายเช่นกัน
"ชั้นตะคอกใส่นายงั้นหรอ?"  ย้อนถามน้องกลับไปบ้าง
"ยังมีหน้ามาถามอีก"  เคนพึมพำแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น เจอร์รี่ถอนหายใจยาวแล้วดึงมือน้องไปนั่งลงที่โต๊ะม้าหินที่สนาม
"นั่งลง ชั้นมีเรื่องจะคุยด้วย"  เคนนั่งลงตามแรงกดที่ไหล่ของพี่ชาย 
"เอาหละ เรื่องที่ชั้นแย่งแก้วน้ำจากนายเมื่อกี้ชั้นขอโทษ"  พี่ใหญ่ยอมเอ่ยปากขอโทษเพื่อสงบศึกก่อน
"ชั้นได้ยินแล้ว"  เคนบอกเสียงเรียบ
"งั้นก็ดี"  พูดจบก็สบตากับน้อง
"จะคุยอะไรก็ว่ามา เสร็จแล้วชั้นจะได้ไปตามแวนเนสกลับบ้าน จะได้ไม่ต้องอยู่วุ่นวายและนายจะได้ดูแลน้องได้เต็มที่"  เคนไม่วายแอบประชดพี่ชายเล็กน้อย
"เสี้ยวเทียน ที่ชั้นไม่ให้นายกับแวนเนสเฝ้าน้องในวันนี้เพราะชั้นมีเรื่องที่ต้องคุยกับไจ่ไจ๋"  เจอร์รี่อธิบาย
"มีความลับอะไรกันนักหนา ชั้นกับแวนเนสถึงรู้ไม่ได้"  เคนย้อนถามอย่างไม่เข้าใจ
"มันไม่ได้เป็นความลับหรอก แต่พี่ใหญ่อยากจะสอนน้องให้เห็นว่าการกระทำที่ไม่รู้จักคิดของน้องน่ะสุดท้ายแล้วผลที่ออกมามันก็เป็นตัวเองที่เดือดร้อน"  พี่ใหญ่ตอบ
"แล้วไม่ต้องถามนะว่าทำไมแค่สอนน้องนายสองคนถึงอยู่ฟังไม่ได้อีก เหตุผลก็คือถ้านายสองคนอยู่พวกนายก็ต้องหาข้อแก้ตัวแทนน้องอยู่ดี"  เคนไม่เถียงเพราะแน่นอนว่าเขาคงไม่อาจมองหน้าจ๋อยๆของน้องชายที่โดนพี่ชายอบรมในขณะที่ป่วยโดยไม่ยื่นมือเข้าช่วยได้อย่างแน่นอน
"ให้น้องหายก่อนก็ได้หนิ ไม่เห็นต้องซ้ำเติมตอนที่น้องยังป่วยอยู่เลย"  เคนไม่วายช่วยน้องอยู่ดี
"นั่นงัย แค่นี้นายยังอดที่จะช่วยมันไม่ได้เลย"  เจอร์รี่ว่าเป็นเชิงตำหนิ
"โอเคๆ แต่นายอย่าด่ามันมากนะ"  เคนเถียงไม่ได้เลยตัดบทแต่ไม่วายกำชับพี่ชายไปด้วย
"ชั้นไม่ด่ามันหรอก และชั้นเชื่อว่าน้องมันคงยอมรับฟังในสิ่งที่ชั้นสอนแต่โดยดีเพราะไม่มีใครดื้อได้เท่ากับคนตรงหน้าชั้นอีกแล้วหละ"  เจอร์รี่ตอบรับแต่ยังแอบแขวะน้องไปด้วยในตัว
"ว่ากระทบชั้นทุกที"  เคนบ่นพึมพำ
"แต่พรุ่งนี้ต้องให้ชั้นเฝ้าน้องนะ"  ต่อรองกับพี่ชายอีก
"ได้...."  พี่ใหญ่ตอบพร้อมกับหยิกแก้มน้องอย่างหมั่นไส้
"เดี๋ยวชั้นจะกลับไปดูน้องและเรียกแวนเนสมาหานาย แล้วเราสองคนน่ะตรงกลับบ้านกันเลยนะห้ามเถลไถลที่ไหนอีก"  สั่งกำชับเสียงดุเล็กน้อย
"ได้! ชั้นกับแวนเนสจะตรงกลับบ้านทันที และเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาเที่ยวกันต่อ"  เคนแกล้งพูดแหย่
"อยากลองดีกับชั้นก็เอาสิ! หลังจากแวนเนสมันก้าวออกจากห้องพักฟื้นของไจ่ไจ๋แล้วอีกครึ่งชั่วโมงให้หลังชั้นจะโทรกลับไปเช็คที่บ้าน หากพวกนายยังไม่กลับถึงบ้านตอนนั้นหละก็เตรียมตัวโดนไม้เรียวกันได้เลย"  เจอร์รี่พูดขู่ เคนทำหน้าเมื่อยก่อนจะโบกมือไล่พี่ชาย
"นายรีบไปเรียกแวนเนสมาเถอะ ชั้นกลัวกลับบ้านไม่ทันจะแย่แล้ว"  เคนว่าเป็นเชิงประชด 
"ฮึ!"  เจอร์รี่ผลักหัวน้องแล้วหมุนตัวกลับไปตามแวนเนสออกมาเพื่อน้องชายทั้งคู่จะได้กลับบ้านกันซักที

- ที่บ้าน -
"แวนเนส ช่วงนี้นายมีวันว่างติดกันซักสามสี่วันหรือเปล่า?" เคนหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับเอ่ยถามพี่ชาย
"จะชวนไปไหน?" แวนเนสไม่ตอบแต่ย้อนถามอย่างพอจะเดาได้ว่าน้องต้องชวนไปไหนอย่างแน่นอน
"อีกไม่นานชั้นต้องกลับไปทำงานอีกแล้ว อยากไปเที่ยวพักผ่อนด้วยกันอีกซักครั้ง" เคนตอบไปตามตรง
"อืม....งั้นเพื่อน้องชายสุดที่รัก พี่รองคนนี้ต้องเคลียร์ตัวเองให้ว่างได้อยู่แล้ว" แวนเนสทำปากหวาน
"จะอ้วก! อย่ามาทำเหมือนเป็นคนดีนักเลย" เคนต่อว่าเข้าให้
"อ้าว....ไอ้น้องบ้า! ชั้นพูดดีก็มาหาว่าชั้นแกล้งทำเป็นคนดี" แวนเนสโวยวายก่อนจะพูดต่ออย่างงอนๆ
"ดีหละ งั้นอยากไปไหนก็ไปกันเองแล้วกันชั้นไม่ว่างไปด้วยแล้ว" พูดจบก็นั่งหันหลังให้ทันที เคนเห็นท่าทีของพี่ชายก็หัวเราะร่วน
"ไอ้บ้า! ทำงอนเป็นเด็กไปได้ นายน่ะอายุปาไปตั้งเท่าไหร่แล้ว ไม่รู้จักโตซักที" เคนพูดอย่างขำๆ 
"โอ๋ๆๆๆ.....ชั้นไม่ว่าแล้ว อย่างอนเลยนะ" ไม่พูดเปล่าแต่เอามือขยี้หัวพี่ชายไปด้วย
"เฮ้ยๆๆๆ!!! ชักจะลามปามใหญ่แล้ว! เดี๋ยวจะโดน!" แวนเนสเอะอะขึ้นมาทันที
"ขอโทษ" เคนเอ่ยเพื่อที่จะได้ไม่ต้องต่อความกันอีก แวนเนสค้อนขวับเข้าให้แต่ก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
"ทำไมกับชั้นถึงพูดขอโทษได้ไม่ยาก แต่กับเจอร์รี่เนี่ยต้องเอาคีมมาง้างถึงจะยอมพูดออกมาได้หละ?" เอ่ยถามน้องต่อ
"พูดมาก! งั้นชั้นไม่ขอโทษแล้ว นายพูดขอโทษคืนชั้นเดี๋ยวนี้เลย" เคนว่าพร้อมกับทำหน้าตาขึงขัง
"นายนี่มันจริงๆเลยนะ!" แวนเนสชี้หน้าน้องชายอย่างไม่รู้จะต่อว่ายังงัยดี
"ก็นายอยากกวนชั้นก่อนหนิ" เคนตวัดเสียงอย่างไม่สบอารมณ์ แวนเนสหมั่นไส้จึงผลักหัวน้องเข้าให้
"ใครกวนใครก่อนกันแน่ เดี๋ยวเถอะ!" เมื่อเห็นแวนเนสตั้งท่าจะบ่นต่อเคนเลยถามเข้าเรื่องอีกครั้ง
"ตกลงนายว่างใช่มั๊ย? ชั้นจะไปได้หาโปรแกรมและก็ที่พัก" ถามพร้อมกับเดินไปหยิบหนังสือท่องเที่ยวมาถือไว้ในมือ
"ไม่ไปทะเลแล้วนะ มันดำ" แวนเนสดักคอน้องขึ้นมาก่อน เคนทำหน้าหงุดหงิดเมื่อโดนขัดขึ้นมาเสียก่อน
"งั้นนายจะไปไหน?" ถามพี่ชายกลับไปเสียงแข็ง
"ไปเดินป่ากันดีกว่า ตั้งแคมป์ค้างคืนในป่าท่าจะสนุก" แวนเนสออกความเห็น
"สนุกตรงไหน? เหนื่อยจะตาย" เคนแย้งพร้อมกับทำหน้าเบ้
"สนุกดิวะ! นายน่ะอ้วนจะตายอยู่แล้วไปเดินออกกำลังกายเยอะๆหน่อย" แวนเนสแขวะน้องไปด้วยในตัว
"ว่าชั้นอ้วนหรอ!!" เคนแหวใส่แล้วทำท่าจะเอาเรื่อง
"แล้วตัวเองน่ะผอมนักหรืองัย หน้าแป้นพอๆกับชั้นนั่นแหละ!" เคนเถียงข้างๆคูๆ ทำให้พี่ชายได้แต่หัวเราะ
"ยอมรับแล้วสินะว่าตัวเองหน้าแป้น" แวนเนสพูดพลางหัวเราะ
"ไอ้บ้า!!!" เคนตวาดแว๊ดใส่แล้วกำหมัดขึ้น แต่เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นขัดจังหวะพอดี
"เดี๋ยวค่อยทะเลาะกันต่อนะ" แวนเนสพูดยิ้มๆแล้วเดินไปรับโทรศัพท์ โดยมีเคนมองตามพร้อมกับค้อนใส่หลายตลบ
"ครับผม" แวนเนสว่าเมื่อรับโทรศัพท์ขึ้นมา
"ถึงได้ซักพักแล้ว นายโทรมาก็ดีชั้นมีเรื่องจะฟ้อง" แวนเนสพูดต่อเมื่อเห็นว่าเป็นพี่ชายคนโตโทรมา
"เจ้าน้องชายตัวดีของนายมันงอแง เนี่ย.....มันกำหมัดจะชกชั้นด้วย" แวนเนสฟ้องพี่ชาย
"ชั้นยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ! ไอ้บ้า! ชอบพูดโกหก!!" เคนแหวขึ้นมาอีกครั้ง
"นายได้ยินหรือยัง ดูมันนะ.....พอห่างมือห่างเท้านายเท่านั้นแหละออกฤทธิ์ทันทีเลย" แวนเนสยังแกล้งฟ้องพี่ชายต่อ
"โอ้ย!! มันชกชั้น!!" พูดยังไม่ทันจบประโยคดีเคนก็ประเคนกำปั้นลงที่ไหล่พี่ชาย ทำให้แวนเนสโวยวาย
"อยากมีเรื่องนักหนิ!" เคนสำทับ
"มาเลยเสี้ยวเทียน พี่ใหญ่จะคุยด้วย" แวนเนสยื่นหูโทรศัพท์ไปทางน้องชาย
"ไม่คุย!!" เคนกระแทกเสียงใส่
"นายได้ยินมั๊ย? มันบอกว่าไม่คุย" แวนเนสฟ้องพี่ชายต่อ
"เสี้ยวเทียน พี่ใหญ่ถามว่าอยากโดนตีใช่มั๊ย?" แวนเนสหันมาถามน้องแทนพี่ชาย
"ไม่เคยกลัว! แน่จริงก็มาตีเลย!" เคนพูดเสียงดังเพื่อให้พี่ชายคนโตได้ยินด้วยเพราะรู้ว่าถึงยังงัยพี่ใหญ่ก็ไม่กล้าทิ้งน้องเล็กมาเพื่อเอาเรื่องเขาอย่างแน่นอน
"อ๋อ! ได้ๆๆๆ ชั้นจัดการให้ แค่นี้นะ" แวนเนสพูดคุยกับพี่ชายทิ้งท้ายก่อนจะวางสายไป
"มานี่เลยเสี้ยวเทียน! พี่ใหญ่บอกให้ชั้นตีนายแทน แล้วถ้าเขากลับมานายจะโดนตีซ้ำอีก" พูดพร้อมกับดึงแขนน้องเข้ามาใกล้ๆ
"กล้าหรอ!!?" เคนถามอย่างท้าทาย
"แล้วนึกว่าชั้นไม่กล้าหรอ!?" แวนเนสไม่ถามเปล่าแต่ตวัดมือตามลงมาด้วยทำเอาเคนถึงกับสะดุ้งเฮือกก่อนจะหันไปจ้องหน้าพี่ชายด้วยความไม่พอใจ
"ยังจะมามองหน้าอีก! อยากโดนอีกทีใช่มั๊ย?" แวนเนสทำเสียงดุ
"ถ้านายตีชั้นอีก ชั้นชกนายกลับแน่!" เคนตวัดเสียงใส่พี่ชาย
"เจอร์รี่มันเก็บไม้เรียวไว้ที่ไหนนะ?" แวนเนสแกล้งพึมพำดังๆพร้อมกับทำท่ามองหา
"ไม่ต้องมาขู่เลย!! ชั้นไม่กลัวหรอก!" เคนแหวใส่พี่ชายอีกครั้งแต่พอจบคำก็รีบหมุนตัวหนีขึ้นห้องนอนส่วนตัวของตัวเองทันที
"เฮอะ! ไม่กลัวแล้วหนีทำไมวะ?" แวนเนสว่าตามไล่หลังพร้อมกับอมยิ้มแบบขำๆ




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2560    
Last Update : 11 กรกฎาคม 2560 22:52:05 น.
Counter : 4421 Pageviews.  

Chapter 105



ตอนที่ 105


"โอ้ย!....ทำไมถึงปวดท้องแบบนี้....."  ไจ่ไจ๋นอนขดตัวเอามือกุมท้องพร้อมกับร้องครางกับตัวเอง หลังจากที่เขาหมกตัวอยู่ในห้องได้พักใหญ่ๆก็เริ่มรู้สึกปวดท้องและมีอาการท้องเสียร่วมด้วย ไจ่ไจ๋ไอติดต่อกันแล้วก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาอีกจนต้องวิ่งไปอาเจียนในห้องน้ำ พอออกมาได้ไม่ทันไรก็ปวดท้องจนต้องวิ่งกลับเข้าไปในห้องน้ำอีก ไจ่ไจ๋วิ่งเข้าวิ่งออกจากห้องน้ำจนแทบจะหมดแรงและรู้สึกเพลียมาก
"พี่กลาง"  ไจ่ไจ๋ครางเรียกเคนเพราะนึกว่าเคนจะอยู่ข้างล่างแต่เสียงของเขาเบาจะแทบจะเป็นเสียงกระซิบ 
"พี่กลาง....ช่วยผมด้วย....."  ไจ่ไจ๋ร้องเรียกพี่ชายเสียงแผ่ว เขาอยากได้น้ำเกลือแร่มาดื่มซักแก้วบางทีอาการอาจจะดีขึ้น
"โทรศัพท์...."  เมื่อเห็นว่าเขาคงไม่สามารถเดินไปเรียกพี่ชายได้เองไจ่ไจ๋จึงมองหาโทรศัพท์ก่อนจะขยับร่างที่แทบไม่มีแรงจะเคลื่อนไหวออกจากห้องน้ำจนได้ และในตอนนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคนเดินขึ้นบันไดมา ไจ่ไจ๋มั่นใจว่าเป็นเคนแน่นอนจึงพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเรียกพี่ชาย
"พี่กลาง! ช่วยผมด้วย!"  จบคำไจ่ไจ๋ก็ปวดท้องอย่างรุนแรงจนต้องนอนลงที่พื้นและเอามือกุมท้องไว้ บานประตูถูกเปิดออกทันทีแต่คนที่ถลาเข้ามาหานั้นกลับไม่ใช่พี่ชายคนที่เขาร้องเรียก
"ไจ่ไจ๋!! เธอเป็นอะไรไป!!"  พี่ชิงชิงคุกเข่าและรั้งร่างไจ่ไจ๋ที่นอนขดตัวอย่างทรมานขึ้นมา หลังจากที่เธอออกไปเปิดโรงแรมนอนแล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้คืนกุญแจบ้านให้กับเคนจึงนั่งรถย้อนกลับมาเพื่อเอากุญแจมาคืนแต่นั่งรออยู่ข้างล่างได้พักหนึ่งก็ไม่พบใครทั้งยังได้ยินเสียงกดชักโครกดังขึ้นอย่างถี่ๆจึงรู้สึกเอะใจเลยถือวิสาสะเดินขึ้นมาดู 
"ทำไมตัวเย็นแบบนี้ ได้ยินพี่หรือเปล่า?"  พี่ชิงชิงพยายามตบแก้มไจ่ไจ๋เพราะดูเหมือนไจ่ไจ๋จะเบลอจนไม่มีสติแล้ว
"รอเดี๋ยวนะ! พี่จะเรียกรถพยาบาล!"  พี่ชิงชิงรีบกดโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลทันที จากนั้นก็ลงไปชงน้ำเกลือมาให้ไจ่ไจ๋ดื่ม
"พี่...."  ไจ่ไจ๋แทบไม่รู้เลยว่าใครที่มาดูแลเขาอยู่ในตอนนี้
"แข็งใจหน่อยนะ พี่ไม่ยอมให้เธอเป็นอะไรแน่"  พี่ชิงชิงกอดไจ่ไจ๋ไว้แนบอกตอนนี้เธอรู้สึกกลัวและตกใจที่เห็นไจ่ไจ๋เป็นแบบนี้ เพียงครู่เดียวรถพยาบาลก็มาถึง
"คนป่วยอยู่ข้างบนค่ะ รีบหน่อยนะคะ ดูเหมือนเขาเกือบไม่ได้สติแล้ว"  เธอละล่ำละลักบอกเจ้าหน้าที่แล้ววิ่งนำขึ้นมาพาตัวไจ่ไจ๋ไปโรงพยาบาล  
"เขามีอาการอะไรก่อนหน้านี้ครับ"  ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็มาถึงโรงพยาบาลหมอรีบซักถามอาการจากพี่ชิงชิงทันที
"น่าจะท้องเสียค่ะ"  พี่ชิงชิงตอบ
"แล้วคุณเป็นอะไรกับคนไข้ครับ?"  หมอถามอีก
"เป็น...."  พี่ชิงชิงลังเลก่อนที่จะตอบ
"เป็นพี่สาวค่ะ"  เธอตอบเพราะกลัวว่าหากเธอไม่บอกไปเช่นนี้การรักษาอาจจะไม่ราบรื่น
"งั้นเดี๋ยวช่วยไปกรอกรายละเอียดคนไข้ทางเคาน์เตอร์ด้านโน้นก่อนนะครับ ส่วนตรงนี้ไม่ต้องห่วง หมอดูแลเอง"  คุณหมอพูดจบก็เดินเร็วๆตามเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ส่วนพี่ชิงชิงก็เดินไปรับแบบฟอร์มมาถือไว้ แน่นอนว่ารายละเอียดเกี่ยวกับวันเดือนปีเกิดและประวัติการแพ้ยาเธอไม่รู้เลย ดังนั้นเธอจึงกดโทรศัพท์ไปหาเจอร์รี่
"เจอร์รี่....พี่เองนะ"  เมื่อฝ่ายตรงข้ามรับสายเธอก็พยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ
"ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน"  พี่ชิงชิงถาม
"นอกเมือง ผมขับรถออกมาเรื่อยๆ"  เสียงเจอร์รี่ตอบกลับมาอย่างเนือยๆ
"งั้นเธอฟังพี่นะ....พี่อยากรู้ว่าวันเดือนปีเกิดของไจ่ไจ๋และอยากรู้ว่าเขาเคยมีประวัติแพ้ยาอะไรมาก่อนหรือเปล่า"  พี่ชิงชิงถามไปตรงๆ ทำให้คู่สนทนานิ่งเงียบไป
"เกิดอะไรขึ้นครับพี่ชิงชิง"  คราวนี้น้ำเสียงฝ่ายตรงข้ามสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด
"ไม่ต้องตกใจ ไจ่ไจ๋เขาท้องเสียพี่เลยพามาโรงพยาบาล....."  เธอบอกชื่อโรงพยาบาลไป
"เขาให้พี่กรอกประวัติของไจ่ไจ๋"  พูดกับเจอร์รี่ต่อ เสียงเจอร์รี่ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วและทิ้งท้ายก่อนจะตัดสาย
"ผมจะไปเดี๋ยวนี้!"  จบคำพูดนั้นสายก็ถูกตัดไปทันที พี่ชิงชิงกรอกประวัติไจ่ไจ๋ตามที่เจอร์รี่บอกและนำกลับไปยื่นให้พยาบาลที่เคาน์เตอร์ จากนั้นก็นั่งรออยู่ครู่หนึ่งคุณหมอก็เดินออกมา
"คุณหมอคะ....น้องชายชั้น....."  พี่ชิงชิงปราดเข้าไปถาม
"ปลอดภัยแล้วครับ"  คุณหมอตอบพร้อมกับยิ้มให้ก่อนจะอธิบายอาการของไจ่ไจ๋ให้ฟัง
"เขามีอาการท้องเสียอย่างรุนแรงจนทำให้ร่างกายขาดน้ำ ตอนมาถึงชีพจรเต้นอ่อนมาก ตอนนี้หมอให้น้ำเกลือและให้ยาไปแล้วเขาจะค่อยๆดีขึ้น นอนซักสองสามคืนก็หายดีแล้ว ไม่มีอะไรน่าห่วงครับ"  คุณหมอพูดจบพี่ชิงชิงก็ก้มหัวให้และเอ่ยขอบคุณ เธอรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ในตอนนั้นไจ่ไจ๋ก็ถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉินเพื่อที่จะไปพักฟื้นต่อที่ห้องพักผู้ป่วย
"ไม่เป็นอะไรแล้วนะไจ่ไจ๋"  พี่ชิงชิงรีบเดินไปหาพร้อมกับเอามือลูบหัวไจ่ไจ๋ด้วยความเป็นห่วง ไจ่ไจ๋นิ่งอึ้งไปเมื่อเห็นแววตาที่อ่อนโยนของพี่ชิงชิง 
"ดีจังที่เธอปลอดภัย"  พูดจบพี่ชิงชิงก็มีน้ำตาไหลอาบแก้ม แน่นอนว่าครั้งหนึ่งเธอเคยเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้แต่ผิดกันตรงที่ครั้งนั้นร่างน้องชายของเธอที่ถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉินนั้นมีผ้าคลุมอยู่ทั้งตัวรวมทั้งที่ใบหน้าด้วย 
"พี่ชายเธอนี่แย่กันจริงๆ หายตัวออกจากบ้านกันไปหมด เดี๋ยวถ้าเจอพี่จะดุให้หนักๆทั้งสามคนเลย"  พี่ชิงชิงพูดต่อพลางสะอื้นเบาๆ ไจ่ไจ๋เลื่อนมือไปบีบมือพี่ชิงชิงเบาๆ แต่เขาเหนื่อยเกินกว่าที่จะพูดอะไรออกมาได้ 
"ไม่เป็นไรนะ พี่จะอยู่กับเธอที่นี่ ไม่ต้องกลัว....."  พี่ชิงชิงว่าแล้วจับมือไจ่ไจ๋ไว้ตลอดจนมาถึงห้องพักคนป่วย 
"เดี๋ยวพี่ชงน้ำเกลือแร่ให้นะ จิบบ่อยๆแล้วกันจะได้ไม่เพลียมาก"  เมื่ออยู่กันตามลำพังแล้วพี่ชิงชิงก็หันไปชงน้ำเกลือแร่ให้ไจ่ไจ๋ดื่ม
"ขอบคุณครับ"  ไจ่ไจ๋พูดเสียงแหบแห้งแล้วรับมาดื่ม
"อยากได้อะไรอีกมั๊ย?"  พี่ชิงชิงถามต่อพร้อมกับมองไจ่ไจ๋ด้วยความเป็นห่วง 
"ผมอยากอาเจียน"  ไจ่ไจ๋พูดจบก็ทำท่าจะลงจากเตียงแต่พี่ชิงชิงรีบยกมือห้ามและหยิบกระโถนมารองให้ ไจ่ไจ๋ชะงักไปแต่ในที่สุดก็อาเจียนออกมาโดยมีพี่ชิงชิงคอยลูบหลังให้
"เดี๋ยวผมเรียกพยาบาลให้มาจัดการ"  ไจ่ไจ๋พูดเสียงแผ่วเมื่อเห็นพี่ชิงชิงผูกปากถุงในกระโถนที่เขาเพิ่งอาเจียนลงไป
"ไม่ต้อง เธอนอนพักไปเถอะ"  พูดจบก็จัดการเก็บล้างอย่างเต็มใจ ไจ่ไจ๋ล้มตัวนอนลงที่เตียงแต่สายตายังจับจ้องอยู่ที่แผ่นหลังของพี่ชิงชิง เขาเริ่มรู้สึกผิดที่มองพี่ชิงชิงในทางไม่ดีก่อนหน้านี้
"ดีขึ้นมั๊ยไจ่ไจ๋? หิวข้าวหรือเปล่า? อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั๊ย?"  พี่ชิงชิงเดินกลับมาพร้อมกับเอ่ยถามไจ่ไจ๋อีก แต่คำตอบที่ได้รับคิดการส่ายหน้าของคนถูกถาม
"อีกเดี๋ยวพี่ชายของเธอคงมาถึง ระหว่างนี้ให้พี่อยู่เป็นเพื่อนแล้วกันนะ"  พูดจบก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียง ไจ่ไจ๋ไม่ได้ตอบเพียงแต่หลับตาลงด้วยความอ่อนเพลียทั้งที่ในใจนั้นมีอะไรหลายอย่างอยากพูดกับพี่ชิงชิง
"ง่วงก็หลับไปซะ ตื่นมาก็หายแล้วหละ"  เสียงพี่ชิงชิงพูดเบาลงและเมื่อจบประโยคนั้นไจ่ไจ๋ก็รู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นๆลูบไล้ใบหน้าเขาอย่างอ่อนโยน ดังนั้นเขาจึงเอามือมาจับฝ่ามือนั้นไว้ก่อนจะผล็อยหลับไปในที่สุด จนเมื่อเวลาผ่านมาได้ซักครู่ใหญ่ๆประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของชายหนุ่มตัวโตๆสามคนพากันวิ่งถลาเข้ามา
"พี่ชิงชิง!! ไจ่ไจ๋เป็นยังงัยบ้างครับ!!"  สามเสียงประสานถามขึ้นพร้อมกับทำให้พี่ชิงชิงต้องจุ๊ปากเตือนบรรดาสามหนุ่มอย่างรวดเร็ว 
"จุ๊ๆๆ อย่าเสียงดังกันสิ! น้องหลับอยู่"  จบคำนั้นบรรดาพี่ชายทั้งสามคนก็กรูกันมายืนล้อมที่เตียงคนป่วย และสิ่งที่สะดุดตาชายหนุ่มทั้งสามคนมากที่สุดก็คือภาพที่น้องชายของพวกเขานอนกุมมือพี่ชิงชิงอยู่
"อ๊ะ!"  แวนเนสร้องอุทานออกมาคนแรกแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแต่หันไปทางพี่น้องอีกสองคนที่มีท่าทีแปลกใจไม่ต่างจากกัน
"มาถึงก็ดีแล้ว รอให้ไจ่ไจ๋ตื่นก่อนพี่จะทำโทษพวกเธอสามคน"  พี่ชิงชิงว่าพร้อมกับทำเสียงดุสามหนุ่ม
"มีอย่างที่ไหน ปล่อยให้น้องอยู่บ้านคนเดียวแบบนี้"  คนถูกต่อว่าต่างพากันทำหน้าสลด
"เพราะนายนั่นแหละเสี้ยวเทียน จู่ๆทิ้งน้องไว้คนเดียวได้ยังงัย"  แล้วแวนเนสก็หันไปโทษเคน
"เรื่องอะไรมาโทษชั้นหละ? ก็คนมันเครียดเลยออกไปเดินเล่นเท่านั้นเอง"  เคนเถียงกลับพร้อมกับทำหน้ามุ่ยใส่แล้วหันไปกล่าวโทษพี่ชายคนโตแทน
"เพราะนายนั่นแหละ ที่ทำให้น้องมันเครียดจนต้องมานอนโรงบาลแบบนี้!"  เจอร์รี่ถลึงตาใส่น้องก่อนจะเถียงกลับ
"น้องมันมานอนเพราะท้องเสียไม่ได้เครียดซักหน่อย อย่ามากล่าวหากันมั่วๆสิ!"  เจอร์รี่ทำเสียงแข็ง
"ไม่ต้องเถียงกันเลย เพราะนายสองคนนั่นแหละ! ไม่ได้เรื่อง!"  แวนเนสสำทับ
"นายด้วยแหละ!"  เจอร์รี่กับเคนตอกกลับพร้อมกัน 
"โอ้ย!! หนวกหู!"  เสียงไจ่ไจ๋ร้องขึ้นมาทำให้การโต้เถียงยุติลงโดยพลัน
"ไจ่ไจ๋! เป็นยังงัยบ้าง? ปวดท้องอยู่มั๊ย? ไม่สบายตรงไหน? อยากกินอะไรมั๊ย? หิวข้าวหรือเปล่า? กินน้ำหน่อยมั๊ย?"  บรรดาพี่ชายทั้งสามคนต่างแย่งกันถามน้องชายคนเล็กกันเสียงเซ็งแซดจนน้องเล็กต้องเอาหน้าซุกหมอน
"ผมอยากอยู่เงียบๆ! พี่ชิงชิงช่วยผมหน่อย!"  ไจ่ไจ๋ร้องบอก ทำเอาพี่ชายทั้งสามคนอ้าปากค้าง
"ไจ่ไจ๋.....อย่างอนไปเลยนะพี่ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งให้นายอยู่คนเดียวแต่...."  เคนตั้งท่าจะพูดแต่น้องเล็กแทรกขึ้นมาก่อน
"พี่ชิงชิงครับ บอกคนอื่นไปว่าผมมีพี่ดูแลคนเดียวก็พอแล้ว อย่ามาวุ่นวายกันให้มากเรื่อง"  คำพูดของน้องเล็กทำเอาบรรดาพี่ชายต่างมองหน้ากันเลิ่กลัก
"โอเค...พวกเธอสามคนได้ยินกันแล้วใช่มั๊ย? น้องต้องการอยู่เงียบๆ เพราะฉะนั้น....."  พี่ชิงชิงว่าพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ประตู
"แต่ไจ่ไจ๋....พี่เป็นห่วงนายมากนะ ถ้าหนวกหูพี่จะไม่พูดอะไรเลยแต่ให้พี่คอยดูแลนายด้วยคนเถอะนะ"  แวนเนสร้องขอให้น้องชายยอมให้เขาอยู่ด้วย
"นั่นสิ พี่สัญญาจะไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวเลย พี่จะนั่งใกล้ๆนายตลอดเวลาเลยด้วย จะไม่ไปไหนอีกแล้ว"  เคนพูดต่อ
"ใช่ๆๆ พี่ขอโทษเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น แต่พี่ขออยู่เฝ้านายที่นี่เถอะ"  เจอร์รี่พูดต่อจากเคนทันที
"รู้เหมือนกันหรอว่าตัวเองทำผิด"  เคนได้ทีแขวะพี่ชายเพราะตอนแรกดูเหมือนพี่ชายจะโมโหน้องเล็กจนไม่อยากเห็นหน้า
"อะไรเล่า! อย่าหาเรื่องได้มั๊ย!?"  พี่ใหญ่ทำเสียงแข็ง
"โอ๊ยยย!!!!"  เสียงไจ่ไจ๋ร้องขึ้นมาอีกด้วยความรำคาญ ทำให้เคนที่กำลังจะอ้าปากต่อว่าพี่ใหญ่อีกถึงกับหุบปากสนิท
"พวกเธอสามคนทำไมเข้าใจอะไรยากกันจัง! น้องบอกว่าอยากอยู่เงียบๆยังจะมาเซ้าซี้เขาอีก ไป!! ออกไปกันได้แล้ว! และเดี๋ยวพี่จะออกไปจัดการพวกเธอด้วย!"  พี่ชิงชิงทำเสียงดุขึ้นมาบ้าง ทำเอาสามหนุ่มต่างทำหน้าสลดและเดินเรียงแถวกันออกจากห้องไปแต่โดยดี
"ขอบคุณพี่ชิงชิงครับ"  หลังจากพี่ชายทั้งสามคนออกไปแล้วไจ่ไจ๋ก็เอ่ยขึ้นมา พี่ชิงชิงยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงพร้อมกับเอามือแตะตามตัวไจ่ไจ๋
"ตัวไม่เย็นเหมือนตอนแรกแล้ว จิบน้ำเกลือแร่ซักหน่อยนะ"  พูดจบก็หันไปหยิบแก้วน้ำเกลือแร่มาให้ไจ่ไจ๋ดื่ม 
"ขอบคุณครับ"  หลังจากดื่มแล้วไจ่ไจ๋ก็เอ่ยขอบคุณ แล้วทั้งคู่ก็เงียบ
"เอ่อ...."  ไจ่ไจ๋ทำลายความเงียบ พี่ชิงชิงหันกลับมาอย่างใส่ใจ
"อยากได้อะไรอีก? เช็ดตัวหน่อยดีมั๊ย?"  คำถามนั้นทำให้ไจ่ไจ๋รู้สึกซาบซึ้งในความห่วงใยของพี่ชิงชิง แต่เขากลับส่ายหน้าเล็กน้อย
"ทำไมพี่ชิงชิงถึงไปเจอผมได้?"  ไจ่ไจ๋ตั้งคำถาม 
"พี่ขอโทษด้วยนะที่ถือวิสาสะเข้าไปในบ้านเธอแบบนั้น"  พี่ชิงชิงว่าพร้อมกับช่วยไจ่ไจ๋ห่มผ้า
"พอดีพี่ออกไปแล้วแต่นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้คืนกุญแจบ้านให้พวกเธอเลยนั่งรถย้อนเอากลับมาให้"  พี่ชิงชิงกล่าว
"พี่ร้องเรียกพี่ชายเธออยู่นานแต่ไม่เห็นมีใครมาเปิดประตู เลยนึกว่าเกิดอะไรขึ้นเลยเดินเข้าไปดูแล้วพี่ก็ได้ยินเสียงคนใช้ห้องน้ำแบบถี่ๆ เลยผิดสังเกตก็เลยไปเจอเธอนอนอยู่ที่พื้น"  ไจ่ไจ๋นิ่งฟังในสิ่งที่พี่ชิงชิงเล่า
"พี่ตกใจมากเพราะตอนนั้นดูเหมือนเธอแทบจะไม่ได้สติแล้ว เลยโทรเรียกรถพยาบาลมารับ โชคดีที่มันยังไม่สายเกินไป"  พี่ชิงชิงพูดจบก็มีน้ำตาคลอเบ้า ไจ่ไจ๋เอื้อมมือไปบีบมือพี่ชิงชิงเบาๆ
"ขอโทษที่ทำให้ตกใจ ผม...."  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วจะพูดต่อแต่ก็ต้องตกใจเพราะพี่ชิงชิงร้องไห้ออกมาเสียเฉยๆ
"พี่ชิงชิงครับ!"  ไจ่ไจ๋พยุงตัวลุกขึ้น 
"พี่ไม่เป็นอะไรหรอก เธอไม่ต้องลุกนะ"  พี่ชิงชิงกดไหล่ไจ่ไจ๋ให้นอนลงตามเดิมก่อนจะหันหลังไปจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง เพราะเมื่อคิดไปถึงตอนที่พาไจ่ไจ๋มาโรงพยาบาลแล้วก็อดที่จะหวนนึกถึงตอนที่น้องชายแท้ๆของเธอเจ็บป่วยไม่ได้ เนื่องจากสถานการณ์ตอนนั้นกับตอนนี้คล้ายๆกัน แต่ไจ่ไจ๋โชคดีกว่าน้องชายของเธอมาก ในระหว่างนั้นไจ่ไจ๋ก็พยายามลุกขึ้นนั่งจนได้ เขามองแผ่นหลังที่สั่นสะท้านของพี่ชิงชิงแม้จะไม่เข้าใจว่าพี่ชิงชิงเป็นอะไรแต่ไจ่ไจ๋ก็เอื้อมมือข้างหนึ่งไปบีบไหล่พี่ชิงชิงเบาๆ
"ลุกขึ้นมาทำไม? พี่บอกอะไรทำไมไม่เชื่อฟัง!"  พี่ชิงชิงหันมาดุแต่ดวงตาทั้งสองข้างแดงกล่ำ
"ผมไม่รู้ว่าพี่เป็นอะไร แต่ถ้าหากเรื่องที่ทำให้พี่ร้องไห้มีสาเหตุมาจากผม ผมก็ต้องขอโทษพี่ด้วย"  ไจ่ไจ๋พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"เด็กโง่! เธอไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อยจะมาขอโทษพี่ทำไม"  พี่ชิงชิงว่าแล้วปาดน้ำตาที่แก้มก่อนจะหันไปจัดหมอนให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้วผลักไหล่ไจ่ไจ๋ให้นอนลงตามเดิม
"พี่แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง พี่ไม่เป็นไรแล้ว หายแล้วหละ"  พูดจบก็ยิ้มให้เพื่อยืนยันว่าเธอไม่เป็นอะไรแล้ว ไจ่ไจ๋มองพี่ชิงชิงเงียบๆ เขารู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่เคยมองพี่ชิงชิงในแง่ร้ายซ้ำยังคิดจะรังแกพี่ชิงชิงอีก
"พี่ชิงชิงมีธุระที่ไหนหรือเปล่าครับ?"  ไจ่ไจ๋เอ่ยถาม
"ไม่มีหรอก"  พี่ชิงชิงตอบ
"แต่เมื่อเช้าพี่บอกว่าจะไปหาหมอฟัน"  ไจ่ไจ๋แย้ง ทำเอาพี่ชิงชิงหัวเราะออกมาได้
"เด็กโง่เอ้ย! เธอเชื่อเหมือนที่พี่พูดจริงๆหรอ?"  พี่ชิงชิงว่าพร้อมกับส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย
"ไม่หรอกครับ ผมรู้ว่ามันเป็นแค่ข้ออ้างที่พี่ต้องการจะให้เรื่องนั้นจบลงแบบเงียบๆ"  ไจ่ไจ๋พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ทำไมพี่ถึงไม่บอกพี่ใหญ่ไปตรงๆหละครับว่าผมเป็นคนแกล้งพี่"  แล้วก็ถามพี่ชิงชิงต่ออีก
"พี่ไม่ชอบให้ใครทะเลาะกันหรอกนะ"  พี่ชิงชิงตอบยิ้มๆ 
"ผมขอโทษครับ"  ไจ่ไจ๋พูดออกมาจากความรู้สึกที่แท้จริง พี่ชิงชิงเอามือลูบหัวไจ่ไจ๋อย่างเอ็นดู
"พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษเธอ"  พี่ชิงชิงแย้งและให้เหตุผล
"พี่พอจะรู้ตั้งแต่วันแรกที่มาอาศัยนอนที่บ้านเธอแล้วว่าเธอกับเสี้ยวเทียนไม่ค่อยชอบหน้าพี่ แต่พี่ก็หลอกตัวเองว่าพี่คงคิดมากไปเอง"  พี่ชิงชิงเล่าด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายขึ้น
"ถ้าพี่ยอมไปพักที่อื่นซะตั้งแต่ทีแรกเธอคงไม่เป็นแบบนี้"  จบคำพี่ชิงชิง ไจ่ไจ๋ก็รีบส่ายหน้า
"แต่ผมกลับขอบคุณอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้พี่ไม่ออกไปพักที่อื่นตั้งแต่ตอนแรก เพราะไม่อย่างนั้นเราคงไม่ได้มาคุยกันแบบนี้"  ไจ่ไจ์รีบแย้งและสารภาพตามตรง
"ผมยอมรับนะครับว่าตอนแรกที่พี่เข้ามาพักที่บ้านผมกับพี่กลางรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย เพราะนอกจากแม่แล้วไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่จะเข้ามาร่วมชายคาเดียวกันกับพวกเราเลย"  ไจ่ไจ๋เว้นวรรคแล้วพูดต่อ
"ผมเองก็มีนิสัยเสียหลายอย่าง....โดยเฉพาะเรื่องที่ชอบอิจฉาเวลาที่เห็นพี่ชายของผมไปสนิทกับคนอื่น....."  ประโยคหลังไจ่ไจ๋พูดเสียงแผ่วลง แต่ทำให้พี่ชิงชิงหัวเราะออกมาได้ 
"เธอนี่นะ! อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วยังจะหวงพี่ชายเป็นเด็กๆอีกหรืองัย"  พี่ชิงชิงต่อว่าไจ่ไจ๋แต่ไม่ได้ซีเรียสอะไร
"นั่นแหละครับนิสัยที่แก้ไม่หายของผม"  ไจ่ไจ๋พูดเขินๆ
"งั้นก็เพราะว่าเจอร์รี่กับแวนเนสคอยมาพูดคุยกับพี่อยู่บ่อยๆเลยทำให้เธอกับเสี้ยวเทียนไม่พอใจใช่มั๊ย?"  พี่ชิงชิงย้อนถาม
"สำหรับผมก็ประมาณนั้นแหละครับ แต่พี่กลางนี่คงเป็นเรื่องแมวน่ะครับ รายนั้นเขารักเหมือนลูกเลย"  ไจ่ไจ๋ตอบพร้อมกับพูดถึงเคนแบบติดตลก
"พี่ก็ว่าแล้ว เพราะหลังจากที่เจอร์รี่เรียกเสี้ยวเทียนเข้าไปในครัวพอกลับออกมาเสี้ยวเทียนก็ดูจะมีท่าทีเปลี่ยนไป"  พี่ชิงชิงว่าและอธิบายต่อ
"พี่แพ้ขนแมวจริงๆ บางครั้งแพ้จนหน้าบวมน้ำตาไหลพรากเลย แต่เธอกับเสี้ยวเทียนคงคิดว่าพี่แกล้งสินะ"  พี่ชิงชิงพูดต่อยิ้มๆ
"เอ่อ....ครับ...."  ไจ่ไจ๋ตอบแบบไม่เต็มคำนักเพราะกลัวว่าพี่ชิงชิงจะคิดมากที่เขากับเคนมองพี่ชิงชิงในแง่ร้ายตั้งแต่แรกเจอเลยทีเดียว
"พี่ไม่แปลกใจหรอกที่พวกเธอจะไม่ค่อยชอบพี่เพราะพี่เองก็รู้ตัวว่าพี่น่ะเป็นคนตรงๆ คิดอะไรก็พูดออกมาเลย"  พี่ชิงชิงว่าแต่สีหน้ายังคงมีรอยยิ้ม
"โดยเฉพาะเด็กที่โดนพี่ชายโอ๋มากๆอย่างเธอ เวลาโดนวิจารณ์หรือโดนเตือนแบบตรงๆคงทำใจให้ยอมรับได้ยากอยู่ใช่มั๊ย?"  ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะเอ่ยเป็นเชิงแย้ง
"ความจริงเรื่องโดนด่านี่พี่ชายของผมทั้งสามคนก็ไม่ค่อยเกรงใจเหมือนกันแหละครับ ด่าผมทีก็อึ้งไปได้เหมือนกัน"  ไจ่ไจ๋พูดติดตลก
"แต่ต่อให้พวกเขาดุด่าเธอยังงัยสุดท้ายแล้วพวกเขาก็โอ๋เธออยู่ดีใช่หรือเปล่า?"  พี่ชิงชิงว่าทำเอาไจ่ไจ๋ได้แต่ยิ้มแหยๆ 
"ความจริงพี่เองก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากพวกเธอเหมือนกันนะ"  คำพูดนั้นทำให้ไจ่ไจ๋เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
"พี่เคยเชื่อมั่นว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย เพราะฉะนั้นไม่ว่ากับใครแล้วพี่จะไม่มีทางเสแสร้งแกล้งทำหากเขาผิดก็ว่าตรงๆ หากเขาทำถูกก็ชื่นชม"  พี่ชิงชิงพูดต่อ
"โลกของพี่มันมีแค่สีขาวกับสีดำ ไม่มีสีเทาที่กล้ำกึ่งระหว่างกัน"  ไจ่ไจ๋นิ่งฟังในสิ่งที่พี่ชิงชิงพูด
"แต่เมื่อได้เห็นพวกเธอแล้ว พี่ถึงคิดได้ว่าคนที่อยู่ในโลกสีดำแม้ได้รับคำตำหนิซ้ำๆก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะก้าวข้ามมาอยู่ในโลกสีขาวได้ และก็เช่นเดียวกันคนที่อยู่ในโลกสีขาวแม้จะได้รับคำชมเชยก็ใช่ว่าเขาจะไม่สามารถก้าวข้ามมาอยู่ในโลกสีดำได้"  พี่ชิงชิงพูดอย่างเป็นการเป็นงาน
"เพราะฉะนั้นก่อนที่คนในโลกสีขาวและสีดำจะก้าวข้ามไปถึงกันได้นั้นมันต้องมีสีเทาตรงกลางเพื่อเป็นทางเชื่อมต่อระหว่างกันอยู่ด้วย"  ไจ่ไจ๋มองพี่ชิงชิงตาแป๋วด้วยความรู้สึกทึ่งในกระบวนการคิดของผู้หญิงคนนี้
"พี่ชิงชิงกำลังจะบอกว่าคนในบ้านผมเป็นคนในโลกสีเทาหรอครับ?"  ไจ่ไจ๋ย้อนถาม พี่ชิงชิงยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบ
"ไม่เฉพาะแต่คนในบ้านเธอ แต่เป็นคนทุกคนในโลกนี้ทั้งหมดที่อยู่ในโลกสีเทา"  ไจ่ไจ๋ทำหน้าไม่เข้าใจเมื่อได้ยินคำตอบนั้น
"เพราะตอนนี้พี่รู้แล้วว่าคนที่ดีก็ใช่ว่าจะไม่มีด้านที่ไม่ดีและคนที่ไม่ดีก็ใช่ว่าจะไม่มีด้านที่ดี เพราะฉะนั้นเมื่อทั้งด้านดีและไม่ดีมารวมอยู่ด้วยกันมันย่อมจะเกิดสมดุลให้คนเรามารวมอยู่ในโลกสีเทา หรือก็คือโลกใบนี้ที่พวกเราอยู่ร่วมกันงัยหละ"  พี่ชิงชิงสรุป
"โอ้โห้!! พี่ชิงชิงเรียบจบทางด้นปรัชญาชีวิตมาหรือเปล่าครับเนี่ย? พูดได้เฉียบคมจริงๆ ขนาดคนที่เข้าใจอะไรยากอย่างผมยังรู้เลยว่าพี่ต้องการจะสื่ออะไร"  ไจ่ไจ๋พูดติดตลกเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศจริงจังนั้น และก็ได้ผลเพราะพี่ชิงชิงหัวเราะออกมาในที่สุด
"เธอนี่เก่งเรื่องออกนอกเรื่องซะจริงๆเลย!"  ต่อว่าไจ่ไจ๋ออกมาแต่ไม่ได้จริงจังนัก
"พี่ว่าเธอพักผ่อนให้มากๆดีกว่า ยังมีเวลาคุยกันอีกเยอะ เดี๋ยวพี่จะออกไปจัดการพี่ชายของเธอสามคนซักหน่อย"  พี่ชิงชิงตัดบท
"ดุให้มากๆหน่อยนะครับ ทำให้หงอกันไปเลย"  ไจ่ไจ๋กำชับแบบขำๆแล้วก็ยอมหลับตาลงแต่โดยดี
"รับรองว่าเธอจะได้นอนหลับอย่างสงบๆโดยปราศจากเสียงเอะอะของพวกพี่ชายตัวดีแน่"  พี่ชิงชิงพูดจบก็จัดแจงให้ไจ่ไจ๋ได้นอนพักผ่อนในท่าที่สบาย จากนั้นก็เปิดประตูออกไปเงียบๆ

- บริเวณหน้าห้องพักของไจ่ไจ๋ -
"เพราะนายนั่นแหละ! เลยทำให้น้องงอนจนไม่ยอมให้พวกเราเข้าใกล้เลย!"  หลังจากโดนไล่ออกมาข้างนอกแล้วเคนก็เปิดฉากต่อว่าพี่ชายคนโตปาวๆ
"ยังจะมีหน้ามาพูดอีกหรอ!? คนที่สมควรโดนน้องโกรธมากที่สุดควรจะเป็นนายมากกว่าเพราะนายเป็นคนเดียวที่ไม่มีธุระที่ไหนซึ่งสมควรจะอยู่บ้านดูแลน้องมากที่สุด และที่สำคัญชั้นก็สั่งแล้วว่าให้ดูน้องให้ดีๆ!"  แวนเนสต่อว่าเคนแทนพี่ใหญ่
"แล้วนายมันดีนักหรืองัย? เอาแต่สั่งคนอื่นแต่ตัวเองกลับเห็นงานดีกว่าน้อง!"  เคนเถียงคอเป็นเอ็น
"เดี๋ยวยันโคร้มไปโน้นเลย! ไอ้ตอนชั้นบอกว่าจะไปทำงานนายเองไม่ใช่หรอที่บอกว่าให้ไปเถอะเพราะถึงอยู่น้องมันก็ไม่ยอมเยี่ยมหน้าลงมาหา และก็เป็นเพราะชั้นอุตส่าห์ไว้ใจนายคิดว่านายจะดูแลน้องได้ดีนี่หว่า! ถ้ารู้ว่านายจะหนีเที่ยวในเวลาที่น้องมันเสียใจอยู่แล้วหละก็ชั้นทิ้งทุกอย่างเพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนน้องได้อยู่แล้ว!"  แวนเนสเองก็ไม่ยอมแพ้
"ชั้นไม่ได้หนีเที่ยว!! แค่รู้สึกเครียดเลยไปเดินเล่นคลายเครียด!!"  เคนแก้ตัวเสียงแข็ง
"แล้วเจอร์รี่ที่เป็นคู่กรณีกับน้องแท้ๆแต่กลับหนีไปไหนก็ไม่รู้! ทำไมนายไม่ว่ามันบ้างหละ!"  เคนเถียงแวนเนสไม่ได้เลยหันไปโทษพี่ชายคนโตอีก
"แล้วนายคิดว่าถ้าชั้นอยู่น้องมันจะยอมให้ชั้นเยี่ยมหน้าเข้าไปหาอย่างงั้นหรอ?"  เจอร์รี่เถียงเคนออกมาบ้าง
"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ! แต่การที่นายก่อปัญหาไว้แล้วกลับหนีไปเฉยๆมันเป็นนิสัยของคนไร้ความรับผิดชอบ!"  เคนตอกกลับ
"เสี้ยวเทียน!!!"  เสียงเข้มๆของพี่ชายทั้งสองคนดังขึ้นพร้อมกันเพราะเห็นว่าน้องหงุดหงิดจนไม่มีเหตุผลแล้ว
"ระวังคำพูดหน่อยนะ! อย่าให้มันมากเกินไป!"  เจอร์รี่ดุน้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ชั้นพูดอะไรผิดตรงไหน! ถ้าไม่ใช่เพราะนายทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่และหายหัวไปมันจะเกิดเรื่องแบบนี้หรอ!?"  เคนยังไม่ยอมหยุดและต่อว่าพี่ชายอีก
"เฮ้ย!! เจอร์รี่! ใจเย็นๆ!"  แวนเนสรีบห้ามทัพเมื่อเห็นพี่ชายตรงเข้าจะเล่นงานน้องชาย 
"เมื่อกี้ชั้นเตือนมันแล้ว!"  เจอร์รี่ว่าแล้วผลักแวนเนสให้พ้นทาง
"เสี้ยวเทียน! ขอโทษพี่ใหญ่เร็ว!"  เมื่อเห็นว่าห้ามพี่ชายไม่ได้แวนเนสจึงสั่งให้เคนขอโทษพี่ชายแทน
"ทำไมต้องขอโทษ! ชั้นพูดเรื่องจริง!"  เคนเองก็ไม่ยอมเช่นกัน
"อยากเจ็บตัวหรืองัย! ขอโทษให้เรื่องจบๆไปเถอะน่า!"  แวนเนสต่อว่าน้องชายอย่างเอือมระอา
"ต่อให้ขอโทษเรื่องก็ไม่จบ!"  เจอร์รี่แหวขึ้นมาเสียงแข็ง
"ต่อให้เรื่องจบก็ไม่ขอโทษ!"  เคนขึ้นเสียงขึ้นมาบ้าง แต่เมื่อเห็นพี่ใหญ่เดินตรงดิ่งเข้ามาก็ถอยหลังกรูดทันที ในเวลานั้นพี่ชิงชิงก็เปิดประตูออกมาระงับศึกได้ทันที
"มีเรื่องอะไรกันอีก!"  พี่ชิงชิงทำเสียงดุใส่เจอร์รี่และเคน
"เจอร์รี่มันหาเรื่องผมครับพี่ชิงชิง"  เคนรีบเอ่ยปากฟ้องแล้วหลบฉากไปด้านหลังพี่ชิงชิงทันที
"พูดให้มันดีๆนะ! ใครหาเรื่องใครกันแน่!"  เจอร์รี่ชี้หน้าน้องชายพร้อมกับแหวใส่
"หยุดทั้งคู่เลย!"  พี่ชิงชิงดุคู่กรณีทั้งคู่
"ที่นี่มันโรงพยาบาลนะไม่ใช่ที่บ้าน ถึงจะได้มายืนทะเลาะกันเป็นเด็กแบบนี้!"  แม้จะมีสีหน้าสลดลงแต่ทั้งเจอร์รี่และเคนยังไม่วายถลึงตาใส่กัน
"เรื่องที่พวกเธอสามคนไม่อยู่บ้านกับน้องในวันนี้พี่จะลงโทษโดยการห้ามไม่ให้เข้าเยี่ยมน้อง"  คำพูดของพี่ชิงชิงทำเอาสามหนุ่มอ้าปากค้าง
"หาาา???"  เสียงครางนั้นทำให้พี่ชิงชิงแอบอมยิ้ม
"อันนี้พวกเธอจะมาว่าพี่ใจร้ายไม่ได้เพราะเป็นไจ่ไจ๋ต่างหากที่ไม่ต้องการให้พวกเธอเข้าไปวุ่นวายในห้องพักฟื้น และนั่นจะเป็นผลดีกับน้องชายของพวกเธอมากที่สุดเพราะเป็นทางเดียวที่ไจ่ไจ๋จะได้หลับอย่างสนิทได้"  คำอธิบายนั้นทำให้พี่ชายทั้งสามคนมองหน้ากันไปมา
"แต่พี่ชิงชิงครับ เวลาไจ่ไจ๋ป่วยเขาจะรู้สึกอุ่นใจมากกว่าถ้ามีผมอยู่ข้างๆเขานะครับ"  เคนพยายามตะล่อมพี่ชิงชิง
"ผมต่างหากครับพี่ชิงชิง เวลาป่วยไจ่ไจ๋ชอบให้ผมนอนใกล้ๆและเล่าเรื่องตลกๆให้ฟัง"  แวนเนสรีบแย้งขึ้นมาทันที
"ต้องเป็นผมสิครับพี่ชิงชิง ไม่ว่าครั้งไหนที่ไจ่ไจ๋ป่วยเขาชอบให้ผมจับมือเขาไว้และก็ลูบตามแขนขาให้ ถ้าผมทำแบบนั้นแล้วเขาจะรู้สึกดีและก็หลับได้สนิท"  เจอร์รี่รีบออกตัวบ้าง
"น้องชอบอยู่กับชั้นมากที่สุด นายน่ะเป็นคู่กรณีน้องไม่อยากเห็นหน้านายหรอก"  เคนรีบเถียงทันที
"หุบปากเสียๆของนายไปเลยนะ! ก่อนที่ชั้นจะทนไม่ไหว"  พี่ใหญ่พูดเสียงห้วน
"ยังไม่หยุดกันอีก!"  พี่ชิงชิงมีสีหน้าเอือมระอากับพี่น้องคู่นี้
"ก็มันจริงนี่ครับพี่ชิงชิง ไจ่ไจ๋เขาต้องอยากเจอผมมากที่สุด พี่ชิงชิงให้ผมลองเข้าไปหาเขาดูสิ"  เคนยังไม่วายหันไปอ้อนวอนพี่ชิงชิง
"แน่ใจได้ยังงัยว่าน้องอยากเจอนายที่สุด?"  เจอร์รี่รีบถามแทรกขึ้นมาทันที
"แน่ใจสิ เพราะน้องไว้ใจชั้นที่สุด"  เคนตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
"หนีน้องไปเที่ยวยังจะให้มันไว้ใจนายได้อีกหรอ?"  พี่ใหญ่แขวะน้องเข้าให้บ้าง
"ชั้นไม่ได้หนีเที่ยว!! นายต่างหากหละที่หนีเที่ยว!!"  เคนเอ็ดตะโรใส่
"แวนเนส!!"  เสียงพี่ชิงชิงเรียกแวนเนสดังๆ
"ครับ"  แวนเนสตอบรับ
"พี่เปลี่ยนใจแล้ว พี่คิดว่าเธอเข้าไปหาไจ่ไจ๋กับพี่ดีกว่า"  พี่ชิงชิงว่าแล้วดึงมือแวนเนสมายืนข้างๆ เธอเห็นว่าแวนเนสเป็นคนเดียวที่ไม่พูดไม่เถียงอะไรกับพี่น้องเลย
"เพราะพี่เห็นว่าเธอเป็นคนที่รู้จักกาลเทศะมากที่สุดในตอนนี้"  คำพูดของพี่ชิงชิงทำให้แวนเนสยิ้มออก 
"ส่วนเธอสองคนเลิกทะเลาะกันเมื่อไหร่ พี่จะพิจารณาอีกที"  พูดจบก็จูงมือแวนเนสเดินเข้าห้องพักฟื้นของไจ่ไจ๋ไปทันที
"พี่ชิงชิงครับ! เราไม่ทะเลาะกันแล้ว ให้เราเข้าไปด้วยเถอะ!"  เคนร้องบอกพร้อมกับเคาะประตู
"ใช่ครับพี่ชิงชิง! เราสองคนรักกันจะตายไป! ให้พวกเราเข้าไปหาไจ่ไจ๋เถอะนะครับ"  เจอร์รี่ขอร้องด้วยอีกแรง ซึ่งในระหว่างที่สองพี่น้องร้องขอให้เปิดประตูเพื่อให้พวกเขาเข้าเยี่ยมน้องด้วย บานประตูก็ถูกเปิดออกโดยแวนเนส
"พี่ชิงชิงฝากบอกว่าหากพวกนายสองคนไม่หุบปาก วันนี้จะไม่อนุญาตให้พวกนายเข้ามาดูน้องเลย"  แวนเนสกล่าวและเว้นวรรคเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
"และที่สำคัญ....น้องไม่อยากเจอพวกนายสองคนว่ะ! เสียใจด้วยนะ!"  ไม่วายแอบพูดเยาะเย้ยทิ้งท้ายไว้แล้วปิดล็อกประตูทันที
"ไอ้ๆๆๆๆ.....!!!"   เจอร์รี่กับเคนได้แต่คาดโทษแวนเนสเอาไว้ และสุดท้ายก็หันมาทะเลาะกันเองอีกจนได้




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2560    
Last Update : 11 กรกฎาคม 2560 22:51:44 น.
Counter : 1003 Pageviews.  

Chapter 104





ตอนที่ 104

"เชิญครับ!"  เจอร์รี่ร้องบอกเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง เขากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือจึงไม่ได้หันไปมองว่าใครเป็นผู้มาเยือน จนเมื่อมีสิ่งหนึ่งวางลงมาตรงหน้าเขาจึงค่อยเงยหน้าขึ้นมองคนที่เข้ามาหาเขา
"นายบอกเองว่าหากชั้นคิดได้ค่อยเอามาให้นาย"  เคนเอ่ยปากกับพี่ชาย เจอร์รี่จึงเอาที่คั่นหนังสือคั่นหน้าที่อ่านค้างไว้แล้วหมุนเก้าอี้หันมาทางน้องชาย
"หายไปไหนมา?"  เจอร์รี่ถามน้อง 
"ก็ไปเรื่อยๆ"  เคนตอบแบบไม่เจาะจงสถานที่
"ที่นายบอกว่าคิดได้คงไม่ได้เป็นเพราะอยากจะทำให้เรื่องมันจบๆไปหรอกนะ"  เจอร์รี่แกล้งถามดักคอน้อง
"ชั้นเป็นคนแบบนั้นหรอ?"  เคนย้อนถามพี่ชายเสียงกะตุกเล็กน้อย
"อืม....ถ้าไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ดีแล้ว"  พูดจบก็ลุกขึ้นยืนแล้วหยิบไม้เรียวที่น้องชายวางไว้บนโต๊ะให้น้องถือไว้เหมือนเดิม
"ชั้นให้นายตัดสินใจอีกครั้งว่าอยากจะเอาไม้เรียวนั้นมาให้ชั้นจริงหรือเปล่า แต่บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าชั้นรับมาแล้วจะไม่ให้เปลี่ยนใจอีก"  พี่ใหญ่ถามย้ำอีกครั้ง เคนมองหน้าพี่ชายแว๊บหนึ่งแล้วยื่นไม้เรียวให้พี่ชายแทนคำตอบ
"พี่ใหญ่ตีหนักเลยนะ"  เจอร์รี่ขู่น้องอีก คราวนี้เคนเริ่มหวั่นๆขึ้นเหมือนกัน
"ตีหนักขนาดไหน?"  ถามพี่ชายกลับไป ทำให้พี่ใหญ่แอบยิ้มขำๆ
"จะให้สาธิตให้ดูก่อนมั๊ยหละ?"  เจอร์รี่ย้อนถาม เคนส่ายหน้าแบบไม่ต้องคิด
"แล้วตกลงจะเอายังงัย? ยังจะอยากให้ชั้นรับไม้เรียวมาอีกหรือเปล่า?"  ถามย้ำน้องชายอีกครั้ง ทำเอาเคนนิ่งไป
"ชั้นไม่ว่าหรอกนะหากนายจะเดินกลับออกไปแล้วหักไม้เรียวอันนี้ทิ้งไปซะ เพราะยังงัยชั้นก็ให้นายเป็นคนตัดสินเกี่ยวกับการกระทำของตัวเองอยู่แล้ว"  เจอร์รี่พูดเปิดทางให้น้อง เคนมีสีหน้าลังเล แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจเด็ดขาดยื่นไม้เรียวไปให้พี่ชาย
"รับไปเถอะ ชั้นไม่เปลี่ยนใจ"  เจอร์รี่ยิ้มอย่างพอใจแล้วรับไม้เรียวจากน้องมาถือไว้ในมือ เคนสูดลมหายใจเข้ายาวๆแล้วหมุนตัวหันหลังพร้อมกับเอามือกอดอกเพื่อรับโทษจากพี่ชาย 
"เอาซักกี่ทีดี?"  แกล้งถามน้องชายขึ้นมาอีก 
"แล้วแต่พี่ใหญ่เถอะ"  เคนตอบโดยไม่หันกลับมามองพี่ชาย
"อืม....งั้นหนึ่งโหล....คิดว่าเหมาะสมมั๊ย?"  คำถามของพี่ชายทำเอาเคนถึงกับสะดุ้ง
"หนึ่งโหล? มันไม่โหดไปหน่อยหรอ?"  ครวญครางเสียงอ่อยๆ
"โหดไป? งั้นสองโหลแล้วกัน"  เคนกลืนน้ำลายเอื๊อกเมื่อได้ยินเขาหันกลับมาทางพี่ชาย
"หรือว่ายังงัย? มันน้อยไปหรือเปล่า?"  เจอร์รี่แกล้งถามน้องชายอีก
"ชั้นไม่ได้ไปฆ่าใครตายนะ! นักโทษในคุกเขายังไม่เฆี่ยนกันขนาดนี้เลย!"  เคนต่อว่าพี่ชายหน้ามุ่ย
"งั้นให้โอกาสเป็นครั้งสุดท้าย จะเปลี่ยนใจมั๊ย?"  เจอร์รี่แกล้งถามน้องอีก เคนเงยหน้ามองพี่ชายอย่างเคืองๆ
"ชั้นไม่ใช่คนโลเลอย่างนายนะถึงจะได้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา!"  ตอกกลับพี่ชายเข้าให้ 
"เออดี! งั้นไม่มีโอกาสสำหรับนายแล้ว"  เจอร์รี่พูดจบก็เงื้อไม้เรียวในมือขึ้นสุดแขน
"เดี๋ยว!!"  เคนเห็นเช่นนั้นก็ร้องห้าม 
"อะไรอีก!"  พี่ใหญ่ทำเสียงดุ
"ชั้นขอไปนอนที่เตียงดีกว่า นายจะได้เก็บศพง่ายหน่อย"  เคนพูดจบก็เดินไปนอนคว่ำหน้าบนเตียง พี่ใหญ่ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ เขาวางไม้เรียวในมือลงบนโต๊ะแล้วเดินตามไปนั่งลงข้างน้อง แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะตีน้องแต่แรกอยู่แล้ว เพราะการที่น้องเดินเข้ามายอมรับผิดกับเขาเช่นนี้ก็เป็นเรื่องที่เขาพอใจที่สุดแล้ว
"หนึ่งทีสำหรับเด็กดื้อ"  พี่ใหญ่ว่าพร้อมกับเอามือตีก้นน้องชายเบาๆ
"อีกหนึ่งทีสำหรับเด็กช่างประชด"  พี่ใหญ่ตีซ้ำลงไปอีกที
"และอีกหนึ่งทีสำหรับเด็กเกเร"  ตีเสร็จก็ผลักตัวน้องเบาๆ
"ยังไม่รีบลุกขึ้นมาคุยกับพี่ใหญ่อีกหรอ"  แกล้งพูดด้วยน้ำเสียงดุๆ เคนจึงขยับตัวแล้วลุกขึ้นมานั่ง เขาเองก็ไม่เข้าใจพี่ชายเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ลงโทษเขาอย่างที่พูดไว้
"ไม่ตีชั้นแล้วหรอ?"  เคนถามพี่ชายแบบไม่เต็มเสียงนัก
"นายกล้าเดินเข้ามาหาชั้นแบบนี้แล้วคิดว่าชั้นจะตีนายได้ลงคอหรืองัย?"  เจอร์รี่ตอบแบบเป็นการย้อนถามน้อง เคนสบตากับพี่ชายแล้วก้มหน้าลง
"พี่ใหญ่เชื่อมาตลอดว่าน้องชายของพี่คนนี้ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองมากพอที่จะกล้ายอมรับกับความผิดพลาดที่ตัวเองได้ทำ และวันนี้การกระทำของนายก็เป็นเครื่องยืนยันว่าพี่คนนี้ไม่ได้คิดผิดเลยแม้แต่น้อย"  พูดจบก็ยิ้มให้น้องชายอย่างอ่อนโยน
"นายอาจจะรำคาญที่ชั้นคอยแต่จะจู้จี้กับเรื่องคำพูดคำจาของนาย แต่ชั้นจะบอกนายไว้อย่างนะว่าคำพูดน่ะสามารถทำร้ายคนให้เจ็บปวดได้มากกว่าการกระทำซะอีก คำพูดบางอย่างอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคนหนึ่งแต่อาจจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับอีกคนก็ได้ เพราะฉะนั้นต่อไปการที่จะพูดอะไรออกไปขอให้คิดให้ดีๆก่อน เพราะว่าหากนายพูดออกไปแล้วมันจะไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้อีกเลย"  เจอร์รี่สอนน้องด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
"ชั้นจะจำไว้" เคนบอกกับพี่ชายแล้วยิ้มเล็กน้อย 
"ดีมาก"  เจอร์รี่ว่าพร้อมกับขยี้หัวน้องชายเบาๆ
"เออนี่....ช่วยอะไรชั้นหน่อยสิ"  เคนว่าพร้อมกับเกาะแขนพี่ชาย
"จะให้ช่วยอะไร?"  เจอร์รี่ย้อนถาม
"คือว่า...."  เคนอึกอักเพราะรู้ว่าหากพูดไปพี่ชายคงปฏิเสธอย่างแน่นอน
"อะไรหละ? พูดมาสิ"  เจอร์รี่เร่งเมื่อเห็นน้องลังเล
"นายช่วยขอโทษพี่ชิงชิงแทนชั้นทีสิ"  เคนว่าพร้อมกับมองหน้าพี่ชายตาละห้อย 
"เรานี่วอนโดนไม้เรียวซะจริงๆเลยนะ! ทำอะไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบเองสิ!"  ได้ยินเช่นนั้นเจอร์รี่ก็ดุน้องยกใหญ่ 
"ช่วยแค่นี้ไม่ได้หรืองัยเล่า! ชั้นไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังงัยดีนี่นา"  เคนยังตื๊อพี่ชายอีก 
"เสี้ยวเทียน....สมมติว่ามีใครคนนึงทำให้นายโกรธมากแต่ใครคนนั้นกลับให้คนอีกคนนึงมาขอโทษนายแทน นายคิดว่านายจะหายโกรธหรือโกรธมากกว่าเดิม?"  พี่ใหญ่พยายามสอนน้องอย่างใจเย็น
"ใครขอโทษก็เหมือนกันแหละน่า!"  เคนตอบทั้งที่คำตอบในใจของเขามันเป็นอย่างหลัง พี่ใหญ่เลยซัดแขนน้องเข้าให้อย่างเหลืออด
"โอ้ย! ก็นายถามความเห็นชั้นไม่ใช่หรอ? แล้วทำไมพอตอบไม่ถูกใจก็ตีหละ?"  เคนเอามือลูบแขนตัวเองพร้อมกับบ่นอุบ
"ชั้นจะไม่ตีนายเลยหากว่าคำตอบที่นายพูดออกมามันตรงกับสิ่งที่อยู่ในใจนาย"  คำพูดของพี่ชายทำเอาเคนก้มหน้าหลบตาพี่ชายทันที
"เลือกเอาว่าจะยอมเสียฟอร์มแล้วเข้าไปขอโทษพี่ชิงชิงหรือจะยอมทนกับความรู้สึกที่ติดค้างอยู่ในใจไปตลอด"  พี่ใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ชั้น....."  เคนอ้าปากจะพูดแต่พี่ใหญ่ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
"นายไม่ต้องบอกชั้นว่านายตัดสินใจยังงัย แค่ทำในสิ่งที่นายเห็นว่าควรทำก็พอ"  พูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนลง เคนถอนหายใจเบาๆก่อนจะพยักหน้ารับ
"งั้นชั้นไปนอนก่อนนะ"  เคนบอกพี่ชายแล้วหันกลับมาอีกครั้ง
"แล้วก็ขอบคุณที่ไม่ลงโทษชั้น"  พี่ใหญ่ได้ยินก็ยิ้มให้น้องชาย
"ไหนมากู๊ดไนท์กับพี่ใหญ่ก่อนซิ!"  เจอร์รี่เรียกน้องไว้ก่อนที่น้องจะลุกขึ้น 
"โหย.....ชั้นโตแล้วนะ....."  เคนร้องครางอย่างอิดออด
"โตแล้วกู๊ดไนท์กับพี่ใหญ่ไม่ได้หรอ?"  เจอร์รี่จึงแกล้งทำหน้าผิดหวัง เคนหน้ามุ่ยลงเล็กน้อยแต่ก็ยื่นหน้าไปหอมแก้มพี่ชายเบาๆ
"หึๆๆๆ"  พี่ใหญ่หัวเราะเบาๆแล้วจูบหน้าผากน้องคืนไป
"ฝันดีนะไอ้ตัวแสบ!"  พูดจบก็ตีก้นน้องเบาๆ
"ครับ"  เคนตอบรับแล้วยิ้มให้พี่ชายก่อนจะเดินออกไป เจอร์รี่มองจนน้องปิดประตูดังเดิมแล้วก็ถอนหายใจโล่งอก       
"จบไปอีกเรื่อง เฮ่อ!"  บ่นพึมพำเบาๆแล้วเดินไปหยิบหนังสือมาอ่านต่ออย่างสบายอารมณ์

- ตอนเช้า -
"เอ๊ะ! นี่พี่ตาฝาดหรือเปล่า?"  เจอร์รี่ขยี้ตาตัวเองเมื่อเห็นว่าน้องชายคนกลางกับน้องชายคนเล็กลงมาเข้าครัวแต่เช้า
"บ่นอะไรแต่เช้าครับพี่ใหญ่"  ไจ่ไจ๋หันมาพูดแขวะพี่ชาย
"นึกเฮี้ยนอะไรขึ้นมาถึงได้ตื่นลงมาทำกับข้าวกันตอนนี้น่ะ?"  ถามน้องๆอย่างประหลาดใจ
"ก็ไอ้ตัวนี้มันบ่นอยากกินข้าวต้มรวมมิตรน่ะสิ เลยลากชั้นไปตลาดตั้งแต่ไก่โห่ แล้วก็เลยเป็นอย่างที่เห็น"  เคนเล่าให้พี่ชายฟังพร้อมกับเอาช้อนคนข้าวต้มในหม้อ
"ซื้อกินง่ายกว่ามั๊ย?"  เจอร์รี่ว่าพร้อมกับหัวเราะเบาๆ เพราะเจ้าน้องเล็กของเขาตะกละได้ทุกเวลาจริงๆ
"ซื้อทำไม? ทำเองอร่อยกว่า เยอะกว่า แล้วก็ถูกกว่าด้วย นายคิดดูนะบ้านเราตอนนี้มีห้าคน....."  เคนสาธยายยืดยาวแต่ยังพูดไม่ทันจบพี่ใหญ่ก็ตัดบท
"ครับๆๆๆ ทำเอาดีกว่าอยู่แล้ว ไม่เถียงด้วยหละ เดี๋ยวพี่ขึ้นไปอาบน้ำแล้วจะปลุกเจ้าพี่รองลงมากิน"  พูดจบก็หมุนตัวเดินกลับขึ้นไปบนห้อง
"ห้าคน? พี่กลางบอกว่าพวกเรามีห้าคน?"  เมื่อพี่ใหญ่ออกไปแล้วไจ่ไจ๋ก็หันมาทางเคนอย่างเอาเรื่อง
"อ้าว....ก็ตอนนี้บ้านเรามีห้าคนจริงๆนี่หว่า"  เคนตอบโดยไม่หันหน้ามามองน้องชาย จนเมื่อน้องเงียบไปเขาจึงค่อยฉุกคิดได้
"ไจ่ไจ๋"  เคนเรียกน้องแล้วตั้งท่าจะพูดแต่ไจ่ไจ๋แทรกขึ้นมาก่อน
"เขาเป็นพวกเราตั้งแต่เมื่อไหร่?"  น้องเล็กถามหน้าขึง 
"เฮ่อ!"  เคนถอนหายใจเมื่อเห็นว่าน้องคงอาละวาดอีกแน่
"พี่ถอนคำพูด ตกลงมั๊ย?"  ไจ่ไจ๋มองพี่ชายอย่างไม่เข้าใจก่อนตอบเสียงแข็ง
"ไม่ตกลง!"  น้ำเสียงของน้องทำเอาเคนเริ่มฉุน
"เมื่อวานที่โดนตีไม่เข็ดใช่มั๊ย?"  เคนทำเสียงดุ 
"พี่กลางอย่าออกนอกเรื่อง!"  ไจ่ไจ๋ตอกกลับเสียงดุดันไม่แพ้กัน
"เอาหละๆๆๆ งั้นพี่จะบอกนายตามตรงว่าหลังจากที่พี่ได้คุยกับพี่ชิงชิงเมื่อวานนี้แล้วมันทำให้พี่รู้ว่ามีอีกหลายเรื่องที่เราไม่เคยรู้เกี่ยวกับตัวพี่ชิงชิงและพี่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจกลั่นแกล้งอะไรพวกเราเลย พี่เขาก็นิสัยตรงไปตรงมาแบบนั้นเอง"  เคนบอกกับน้องไปตรงๆ
"เขาพูดแค่นั้นพี่กลางก็เชื่อ?"  ไจ่ไจ๋ย้อนถามพี่ชายเสียงแข็ง
"คำพูดคนอาจจะโกหกได้แต่แววตาคนมันโกหกไม่ได้หรอก"  เคนบอกน้องชาย
"พี่กลางแน่ใจขนาดนั้นเชียว?"  น้องเล็กทำเสียงเหมือนเยาะเย้ย 
"แล้วนายจะเอายังงัย!?"  เคนพยายามระงับอารมณ์เพราะคนสุดท้ายที่เขาอยากจะมีเรื่องด้วยก็คือน้องชายคนนี้
"พี่กลางรู้ตัวหรือเปล่าว่าตอนนี้พี่กลางเปลี่ยนไป"  ไจ่ไจ๋เสียงอ่อนลงเล็กน้อยแต่ก็ยังฟังดูกระด้างอยู่ดี
"เปลี่ยนยังงัย?"  เคนย้อนถาม
"พี่กลางกำลังเข้าข้างพี่ชิงชิงทั้งที่....."  ไจ่ไจ๋ยังพูดไม่ทันจบเคนก็แทรกขึ้นมาก่อน
"ถ้าจะพูดเรื่องนี้อีกพี่คงต้องขอตัว เพราะต่อให้พูดยังงัยนายก็ไม่พยายามที่จะเข้าใจอยู่ดี!"  พูดจบเคนก็หันกลับไปปิดเตาแก๊สอย่างหงุดหงิด
"เข้าใจ? พี่ชิงชิงหลอกล่อพี่ท่าไหนกันพี่ถึงได้เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้!"  คำพูดของน้องเล็กทำเอาเคนฉุกกึก
"จะตบปากตัวเองมั๊ย?"  เคนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแต่แฝงความจริงจัง ไจ่ไจ๋หน้าเสียแต่ยังคงทำนิ่งเฉย
"ดี! ในเมื่อนายดูถูกพี่ขนาดนี้เราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก!"  พูดจบเคนก็เดินหนีออกไปทันที ทิ้งให้ไจ่ไจ๋มองตามน้ำตาร่วงเพราะเขาไม่ได้ตั้งใจจะต่อว่าพี่ชายเพียงแต่รู้สึกโมโหที่พี่ชายเปลี่ยนท่าทีไปเข้าข้างพี่ชิงชิงทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าเขาพูดอะไรพี่ชายก็เออออตามทุกครั้ง
"พี่ชิงชิง! ผมเกลียดพี่!"  ไจ่ไจ๋พูดเสียงลอดไรฟันด้วยความแค้นเคืองที่พี่ชิงชิงเป็นต้นเหตุให้เขาทะเลาะกับพี่ชาย ไจ่ไจ๋พยายามนั่งสงบสติอารมณ์เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตของพี่ชายอีกสองคน จนผ่านมาครู่ใหญ่พี่ชายทั้งสามคนก็กลับมาลงมาพร้อมหน้าพร้อมตา โดยมีพี่ชิงชิงตามลงมาด้วย
"เห็นเจอร์รี่บอกว่าวันนี้เธอเข้าครัวเองเลยหรอไจ่ไจ๋?"  พี่ชิงชิงเอ่ยทักทายไจ่ไจ๋ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไจ่ไจ๋เองก็แกล้งปั้นหน้ายิ้มตอบอย่างแนบเนียน
"ครับ พอดีวันนี้มหาลัยหยุดให้อ่านหนังสือ ผมนึกอยากกินข้าวต้มรวมมิตรเลยชวนพี่กลางไปตลาดแต่เช้า มีแต่ของสดๆทั้งนั้นเลย"  คำตอบของไจ่ไจ๋ทำเอาเคนแปลกใจไม่น้อยเพราะทั้งสีหน้าและท่าทางของน้องชายไม่มีวี่แววว่าจะโกรธเคืองอะไรกับใครเลยซักนิด
"ตื่นเช้าก็ดีแบบนี้แหละ เพราะของดีมีไว้สำหรับคนไม่เกียจคร้าน"  พี่ชิงชิงเองก็รู้สึกดีใจที่ไจ่ไจ๋มีท่าทีเป็นมิตรมากกว่าเดิม
"นั่งกันสิครับ ผมจะตักข้าวให้"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็เดินไปหยิบชาม เคนลุกขึ้นจะไปช่วยน้องแต่ไจ่ไจ๋ร้องห้ามก่อน
"ไม่ต้องหรอกครับพี่กลาง! วันนี้ผมทำพี่เหนื่อยมากแล้ว นั่งรอเฉยๆเถอะ"  แม้จะพยายามทำตัวให้ปกติแต่ไจ่ไจ๋ก็บังคับตัวเองให้ไม่พูดประชดพี่ชายไม่ได้ซะทีเดียว
"เอางั้นก็ได้"  เคนรับปากอย่างงงๆแล้วเดินกลับมานั่งลงที่โต๊ะ โดยที่ไจ่ไจ๋ตักข้าวต้มมาเสริฟให้ทุกคน จนเมื่อทุกคนเริ่มลงมือกินพี่ชิงชิงก็มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะรสชาติข้าวต้มในชามของเธอมันทั้งเปรี้ยวและทั้งหวานจัดจนกินไม่ได้ 
"พี่ชิงชิง"  เคนสังเกตเห็นท่าทางของพี่ชิงชิงจึงเอ่ยปากเรียก พี่ชิงชิงกลืนข้าวต้มลงคอก่อนจะรีบยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม เลยพลอยทำเอาคนอื่นหยุดมือไปด้วย
"ไม่อร่อยหรอครับ?"  ไจ่ไจ๋ถามขึ้นมาพร้อมกับยิ้มเยาะที่มุมปาก เพียงแค่นี้พี่ชิงชิงก็รู้ได้ทันทีว่านี่เป็นฝีมือของใครแต่ด้วยความไม่อยากมีเรื่องเธอจึงไม่พูดออกมา
"เปล่าหรอก แต่พี่นึกขึ้นได้ว่าวันนี้พี่มีนัดหมอฟันเอาไว้ คงกินต่อไม่ได้แล้วหละ"  พูดจบก็ยกชามข้าวต้มจะไปเททิ้งแต่แวนเนสร้องห้ามก่อน
"ไม่ต้องหรอกครับพี่ชิงชิง วางไว้เถอะเดี๋ยวพวกผมจัดการเอง"  แวนเนสก็พลอยเชื่อคำพูดนั้นไปด้วย
"ไม่เป็นไรพี่เก็บให้ดีกว่า"  พี่ชิงชิงว่าแล้วก็ยกชามนั้นจะไปเททิ้งแต่แวนเนสก็ร้องห้ามอีก
"อย่าทิ้งนะพี่ชิงชิง! เดี๋ยวผมกินต่อเอง!"  คำพูดของแวนเนสทำให้ไจ่ไจ๋สะดุ้งเล็กน้อย เพราะเขาคาดเดาไว้แล้วว่าหากพี่ชิงชิงรู้ว่าเขาเป็นคนแกล้งคงจะทำนิ่งเฉยเช่นนี้ หรือหากพี่ชิงชิงโวยวายจริงเขาก็พร้อมที่จะอาละวาดกลับเช่นกัน
"ในหม้อมีอีกเยอะแยะ พี่รองจะไปกินต่อจากคนอื่นทำไม"  ไจ่ไจ๋ตวัดเสียง
"กินต่อที่ไหน พี่ชิงชิงตักกินแค่คำเดียวเอง เสียดายของ"  แวนเนสว่าแล้วก็ยกชามข้าวต้มในมือของพี่ชิงชิงมาวางข้างตัว 
"ผมอุตส่าห์ตั้งใจทำให้พี่ชิงชิง น่าเสียดายที่พี่กินไม่หมด"  ไจ่ไจ๋แกล้งทำหน้าผิดหวังแต่ในใจลึกๆก็สะใจที่แกล้งพี่ชิงชิงได้สำเร็จ
"คิดดูอีกทีไหนๆไจ่ไจ๋ก็อุตส่าห์ตักให้พี่แล้ว งั้นพี่กินเสร็จก่อนแล้วค่อยไปก็ได้ สายหน่อยคงไม่เป็นไร"  พูดจบพี่ชิงชิงก็ยกชามข้าวต้มถ้วยเดิมมาวางแล้วตักเข้าปากด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ทำเอาคนก่อเรื่องถึงกับอึ้ง ในขณะที่สามหนุ่มที่เหลือก็ได้แต่ทำหน้างงๆ
"ไม่ต้องกินแล้ว!"  ในที่สุดไจ่ไจ๋ก็เอ่ยปากแล้วเดินไปดึงช้อนในมือของพี่ชิงชิงออก เขาไม่รู้ว่าที่พี่ชิงชิงทำแบบนี้เป็นเพราะต้องการเล่นงานเขาทางอ้อมหรือเป็นเพราะอยากจะช่วยเขาจริงๆกันแน่ 
"อะไรน่ะไจ่ไจ๋! ทำไมถึงเสียมารยาทแบบนี้!"  แวนเนสเอ็ดน้องชายแล้วเอากระดาษทิชชู่เช็ดแขนพี่ชิงชิงที่เลอะน้ำข้าวต้มเพราะไจ่ไจ๋แย่งช้อนออกไป
"เธอมีน้ำใจกับพี่โดยตักข้าวให้พี่กินแล้วพี่จะไม่รับน้ำใจจากเธอได้ยังงัย"  พี่ชิงชิงว่าพร้อมกับสบตากับไจ่ไจ๋ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"ไม่ต้องออกนอกเรื่องหรอก! บอกพี่ชายผมไปสิว่าข้าวต้มชามนี้มันเป็นอะไร!"  ไจ่ไจ๋กระแทกเสียง เพียงเท่านั้นเคนก็รู้ทันทีว่าน้องได้ทำอะไรลงไป
"ไจ่ไจ๋! ทำไมถึงทำแบบนี้!"  เคนทำเสียงดุน้องด้วยความไม่พอใจ
"ผมทำในสิ่งที่ผมรู้สึกว่าอยากจะทำ!"  ไจ่ไจ๋เถียงกลับเสียงแข็ง
"เงียบเดี๋ยวนี้! ทั้งคู่เลย!"  เจอร์รี่ที่เงียบอยู่นานออกคำสั่งเสียงเด็ดขาดแล้วลุกขึ้นยืน
"นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น!"  ถามน้องชายด้วยน้ำเสียงดุดัน จนไจ่ไจ๋นึกกลัว
"เจอร์รี่....ใจเย็นๆเถอะ เรื่องเล็กน้อยเอง"  พี่ชิงชิงปราม
"พี่ชิงชิงครับ ผมขอโทษที่ต้องเสียมารยาทกับพี่ แต่ไจ่ไจ๋เป็นน้องผมและผมอยากจัดการเรื่องนี้กับเขาเพียงลำพัง"  เจอร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดก่อนจะหันไปทางน้องชายอีกสองคน
"แวนเนส เสี้ยวเทียน พวกนายสองคนก็ออกไปก่อน"  แวนเนสกับเคนมีท่าทางเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาไม่อยากปล่อยให้น้องเล็กอยู่ตามลำพังกับพี่ชายที่กำลังโกรธมากเช่นนี้ 
"เจอร์รี่....."  แวนเนสอ้าปากจะพูดแต่กลับโดนพี่ชายตวาดกลับมา
"ไม่ได้ยินที่ชั้นพูดหรืองัย!"  แวนเนสกับเคนสะดุ้งไปตามๆกัน แต่คนที่สะดุ้งมากกว่าใครเห็นจะเป็นไจ่ไจ๋
"พาพี่ชิงชิงออกไปด้วย"  จบคำพูดนั้นเคนกับแวนเนสก็ลอบสบตากัน
"อย่าทำอะไรรุนแรงกับน้องนะ เธอน่าจะรู้ดีว่าหากเธอทำแบบนั้นแล้วคนที่เจ็บที่สุดจะเป็นใคร"  พี่ชิงชิงไม่แย้งอะไรเพียงแต่พูดเตือนสติเจอร์รี่และพยักหน้าให้แวนเนสกับเคนออกมาด้วย
"ทำแบบนี้ทำไม"  เมื่ออยู่กันตามลำพังแล้วเจอร์รี่ก็เอ่ยถามน้องเล็กด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไจ่ไจ๋ลอบมองหน้าพี่ชายก่อนจะก้มหน้านิ่งไม่ตอบ
"จะพูดมั๊ย?"  พี่ใหญ่ถามย้ำแต่ไจไจ๋ก็ยังคงนิ่งเงียบ ตอนนี้เขารู้สึกน้อยใจที่พี่ชายทำเรื่องเล็กน้อยให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งที่เรื่องดังกล่าวมันไม่ได้เป็นอันตรายกับพี่ชิงชิงเลย
"นายรู้มั๊ยว่าพี่ชิงชิงเขาเป็นคนยังงัย"  เจอร์รี่ถามแต่ไม่รอคำตอบจากน้อง
"เมื่อกี้หากเขาบอกว่าจะกินข้าวต้มชามนี้ให้หมด เขาก็จะทำ"  เจอร์รี่พูดต่อโดยมองน้องชายด้วยสายตาเย็นชา
"นายคิดว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังงัย"  พูดจบก็จ้องหน้าน้องชายอย่างต้องการคำตอบ
"ดูท่าพี่ใหญ่จะรู้ใจเขาดีมากเลยนะ"  น้องเล็กประชด
"เขามีสิทธิเลือกอยู่แล้วว่าจะกินหรือไม่ ซึ่งผมคิดว่าเขาเลือกอย่างหลัง เพราะเมื่อกี้ก็เห็นแล้วว่าเขาทำแบบนั้นเพื่อให้ทุกคนรับรู้เพื่อจะให้ทุกคนต่อว่าผมและเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องกินข้าวต้มที่ผมอุตส่าห์มีแก่ใจทำเผื่อคนนอกอย่างเขา"  พูดจบก็จ้องหน้าพี่ชายด้วยแววตาดื้อรั้น
"พี่ไม่คิดเลยนะว่านายจะเป็นคนแบบนี้ไปได้"  พี่ใหญ่ว่าพร้อมกับเบือนหน้าหนีไปทางอื่นด้วยความผิดหวัง
"ผมเลวมากงั้นหรอ?"  ไจ่ไจ๋โพล้งถามออกมาด้วยความน้อยใจระคนเสียใจที่พี่ชายต่อว่าเขา
"ไจ่ไจ๋!!"  พี่ใหญ่เองก็ตกใจที่น้องพูดออกมาแบบนั้น
"พี่ใหญ่ทำเหมือนกับผมไปทำเรื่องผิดกฎหมายมาอย่างนั้นแหละ"  ไจ่ไจ๋พูดต่อด้วยความโมโห เจอร์รี่เองก็โมโหแต่พยายามที่จะไม่ตอบโต้เพราะรู้ว่าตอนนี้ต่อให้เขาพูดอะไรออกไปน้องเล็กก็คงไม่ฟังอีกแล้ว
"ได้! ในเมื่อพี่ใหญ่มั่นใจในตัวพี่ชิงชิงนัก ผมก็จะทำให้พี่ใหญ่ดูบ้างว่าผมเองก็พูดจริงทำจริงเหมือนกัน!"  พูดจบไจ่ไจ๋ก็ยกชามข้าวต้มเจ้าปัญหามาวางตรงหน้า
"ในเมื่อผมเป็นคนทำมันขึ้นมาผมก็จะกินมันเอง!"  พูดจบก็ตักข้าวต้มในชามกินอย่างรวดเร็ว ทำให้พี่ใหญ่นิ่งอึ้งอย่างคาดไม่ถึง
"พอได้แล้ว!!"  เมื่อได้สติเจอร์รี่ก็ร้องห้ามเสียงดังแต่ไจ่ไจ๋กลับตักข้าวต้มในชามกินไม่ยอมหยุด จนเจอร์รี่ต้องเดินเข้ามาแล้วเอ่ยห้ามอีก
"หยุดได้แล้วไจ่ไจ๋!!"  พี่ใหญ่แทบจะตะโกนใส่แต่เมื่อเห็นน้องไม่ยอมหยุดกินเขาก็เอามือปัดชามข้าวต้มตกลงพื้นแตกกระจาย
"เพล้ง!!"  สองคนพี่น้องต่างตกอยู่ในความเงียบ และไม่นานแวนเนสกับเคนก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาพร้อมกับพี่ชิงชิง
"เกิดอะไรขึ้น?"  แวนเนสเอ่ยถามเมื่อเห็นสภาพตรงหน้า ในตอนนั้นเองไจ่ไจ๋ก็วิ่งสวนออกไปแล้วตรงขึ้นไปบนห้องนอนทันที 
"นายทำอะไรน้อง!?"  เคนปราดเข้าไปบีบแขนพี่ชายพร้อมกับร้องถาม เจอร์รี่ปัดมือเคนออกแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
"เจอร์รี่!! นายทำอะไรลงไป!"  เคนยังไม่ยอมแพ้เดินมาตรงหน้าพี่ชายแล้วถามเสียงเครียด 
"โธ่โว้ย!! พูดสิวะ!!"  เคนตวาดใส่แล้วเขย่าตัวพี่ชายแรงๆ 
"ปล่อย!"  เจอร์รี่พูดคำเดียวสั้นๆแล้วจ้องหน้าน้องชายคนกลางที่กำลังหงุดหงิดใส่เขา 
"เสี้ยวเทียน.....ใจเย็นๆก่อน นายไปดูไจ่ไจ๋ดีกว่า"  แวนเนสเห็นว่าพี่ชายเองก็มีอารมณ์ฉุนเฉียวไม่น้อยเลยไม่อยากให้ใครต้องปะทะกันอีก เคนชี้หน้าเจอร์รี่พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ถ้านายทำอะไรน้องแม้แต่นิดเดียว ชั้นจะไม่ปล่อยนายแน่"  พูดจบก็หันหลังกลับแล้วตามน้องเล็กไปทันที
"เจอร์รี่.....พี่ว่าเธอไปนั่งให้อารมณ์เย็นลงกว่านี้เถอะ"  พี่ชิงชิงเดินไปแตะแขนเจอร์รี่พร้อมกับเอ่ยเบาๆ 
"ผมอยากออกไปข้างนอก"  เจอร์รี่พูดจบก็หยิบกุญแจรถแล้วขับรถออกไปทันที ทิ้งให้พี่ชิงชิงกับแวนเนสมองหน้ากันไปมา
"แย่ชะมัด! ผมไม่น่าปล่อยให้เจอร์รี่อยู่กับไจ่ไจ๋ตามลำพังเลย"  แวนเนสว่าพร้อมกับเอามือทุบโต๊ะเบาๆ พี่ชิงชิงนิ่งไปครู่หนึ่งแต่ไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่เดินไปเก็บซากชามที่แตกกระจายตรงพื้นเงียบๆ 

- ห้องนอนไจ่ไจ๋ -
"ไจ่ไจ๋....พี่ใหญ่ทำอะไรนายหรือเปล่า? บอกพี่สิ....พี่จะจัดการมันเอง"  เคนเดินมาลูบหัวน้องชายที่นอนสะอื้นอยู่บนเตียง ซึ่งไจ่ไจ๋เองก็ได้แต่ส่ายหน้า เหตุการณ์เมื่อซักครู่นี้ทำให้เขากลัวและตกใจมาก แม้การแสดงออกของพี่ใหญ่จะคล้ายว่าเป็นห่วงเขาแต่การปัดข้าวของตกแตกเช่นนั้นไม่ใช่นิสัยของพี่ชายเลยซักนิดนั่นจึงทำให้ไจ่ไจ๋ทั้งกลัวทั้งตกใจ 
"หันหน้ามาให้พี่ดูหน่อยได้มั๊ย? นายเป็นอะไรหรือเปล่า?"  เมื่อน้องยิ่งไม่พูดเคนก็ยิ่งเป็นห่วง เขาพยายามผลักตัวให้น้องหันหน้ามาหาเขาแต่น้องชายกลับเอาผ้าห่มปิดหน้าแล้วร้องไห้ดังขึ้นกว่าเดิม  ถึงเคนจะรู้อยู่เต็มอกว่าน้องเล็กของเขาทำผิดแต่การที่พี่ชายใส่อารมณ์หรือลงโทษน้องชายเช่นนี้เขาไม่เห็นด้วยเลยซักนิด
"ไจ่ไจ๋ พี่ขอโทษ....พี่น่าจะอยู่กับนาย....."  ยิ่งน้องเอาแต่เงียบเคนเองก็เริ่มอยากจะร้องไห้ตามไปด้วย
"ผมไม่เป็นไร พี่กลางออกไปก่อนได้มั๊ย?"  ไจ่ไจ๋เอ่ยขึ้นในที่สุด แต่คำพูดเช่นนี้เป็นสิ่งที่เคนไม่อยากได้ยินเลย เขาอยากให้น้องชายโผเข้ามาหาอ้อมกอดของเขาและรับฟังคำปลอบโยนของเขาที่พร้อมจะมีให้เสมอมากกว่า
"แต่ไจ่ไจ๋...."  เคนตั้งท่าจะแย้งแต่ไจ่ไจ๋แทรกขึ้นมาก่อน
"ขอร้องเถอะ ผมอยากอยู่คนเดียว"  จบประโยคนั้นเคนก็ไม่มีอะไรที่จะคัดค้านได้อีก บางทีการที่น้องอยู่คนเดียวอาจจะทำให้อะไรๆดีขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้
"โอเค...พี่จะออกไปก่อน แต่ถ้านายต้องการก็เรียกพี่ได้ตลอดนะ"  เคนว่าแล้วก็ยอมจำใจเดินออกจากห้องนอนของน้อง 
"น้องเป็นยังงัย?"  ทันทีที่เคนเดินลงมาแวนเนสก็ปราดเข้ามาถามทันที
"เอาแต่ร้องไห้แล้วก็ไม่ยอมบอกอะไรเลยซักอย่าง อีกทั้งยังบอกว่าอยากอยู่คนเดียว"  เคนตอบแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆบ้าน
"เจอร์รี่มันออกไปไหนไม่รู้ ส่วนพี่ชิงชิงไปเก็บของ"  แวนเนสตอบก่อนที่น้องจะทันได้ถาม
"เก็บของ?"  เคนทวนคำเป็นเชิงถาม
"อืม....พี่เขาจะไปแล้ว"  แวนเนสพูดจบก็ถอนหายใจ
"ไม่นึกว่าเรื่องจะลงเอยแบบนี้"  เคนเอามือกุมขมับก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา
"แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน พี่ชิงชิงไม่อยู่แล้วเรื่องทุกอย่างอาจจะดีขึ้นก็ได้"  เคนพูดเบาๆแล้วหลับตาลง
"เดี๋ยวชั้นต้องไปทำงาน"  แวนเนสเอ่ยขึ้นมาทั้งที่ไม่อยากไปไหนเพราะห่วงน้อง
"ไปเถอะ ถึงอยู่ก็คงไม่ได้ทำอะไร ไจ่ไจ๋คงไม่ยอมโผล่หน้าลงมาภายในวันนี้แน่"  เคนลืมตาแล้วพยักหน้าให้พี่ชาย
"ถ้ามีอะไรจะโทรหา"  แวนเนสยิ้มให้น้องแล้วตบไหล่เบาๆ
"นายก็ไม่ต้องคิดมาก ไจ่ไจ๋ไม่เป็นอะไรหรอก"  พูดจบก็เดินออกจากบ้านไปทันที เคนมองตามร่างพี่ชายจนลับตาแล้วก็ได้แต่นั่งถอดถอนใจคนเดียว
"เสี้ยวเทียน"  เสียงพี่ชิงชิงเรียกเบาๆ
"พี่ชิงชิง"  เคนลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นยืนพี่ชิงชิงวางกระเป๋าลงข้างตัว
"พี่ขอโทษพวกเธอด้วยที่เป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องวันนี้ขึ้นมา"  พี่ชิงชิงพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ
"ไม่หรอกครับ ผมต่างหากที่ต้องขอโทษพี่ชิงชิงแทนน้อง เขายังเด็กเลยขาดความยั้งคิดไปบ้าง"  เคนพูดจบก็ก้มหัวให้พี่ชิงชิง
"ไม่หรอก บางทีที่เธอพูดอาจจะถูก....คนที่มีชีวิตครอบครัวที่ล้มเหลวแบบพี่ย่อมไม่เข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวเดียวกันได้หรอก"  พี่ชิงชิงว่าแล้วยิ้มเฝื่อนๆ
"พี่ชิงชิง!"  เคนร้องครางแล้วรีบพูดต่อ
"ตอนนั้นที่ผมพูดไปก็เพราะไม่รู้จักคิดให้ดีซะก่อน ผมอยากจะขอโทษพี่ชิงชิงที่พูดจาไม่น่าฟังแบบนั้นกับพี่"  พูดจบเคนก็ก้มหัวให้พี่ชิงชิงอีก 
"พี่รับคำขอโทษจากเธอก็แล้วกัน"  พี่ชิงชิงรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อยเพราะอย่างน้อยเธอก็รู้ว่าเคนพูดมันออกมาจากใจจริง
"พี่ไปก่อนนะ ฝากลาเจอร์รี่ แวนเนสและก็ไจ่ไจ๋แทนพี่ด้วย"  พูดจบพี่ชิงชิงก็หยิบกระเป๋าที่วางอยู่ขึ้นมา
"พี่จะไปไหนครับ? เรื่องบ้านยังไม่เรียบร้อยไม่ใช่หรอ"  เคนถาม
"ไม่เป็นไร คนเช่าเขาสัญญาว่าจะออกสิ้นเดือนแน่ๆ ช่วงนี้พี่ไปหาเช่าโรงแรมนอนได้ไม่ยากหรอก"  พี่ชิงชิงยิ้มให้เคน
"ขอโทษด้วยนะครับ ทั้งที่พ่อแม่เป็นคนชวนพี่มาอยู่ที่นี่แต่มันกลับทำให้พี่ได้ความรู้สึกแย่ๆกลับไป"  เคนพูดด้วยความจริงใจ
"ไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียวหรอก ช่วงที่พี่อยู่ที่นี่พี่เองก็รู้สึกดีที่ได้เห็นความผูกพันระหว่างพี่น้องของพวกเธอ แม้บางครั้งจะเถียงกันจะทะเลาะกันแต่สุดท้ายพวกเธอก็ยังรักกันดีอยู่ เห็นแบบนี้แล้วพี่เองก็อดที่จะคิดถึงน้องชายของพี่ไม่ได้ ถ้าตอนนี้เขายังอยู่พี่คงได้ทำหน้าที่พี่ที่ดีให้เขาแน่ๆ"  เคนได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าสลดลง
"ผมเชื่อว่าเขารับรู้ถึงความรักที่พี่มีให้เขาได้แน่ครับ ให้ผมเรียกแท็กซี่ให้นะ"  พูดจบเคนก็เดินไปดึงกระเป๋าจากพี่ชิงชิงมาถือให้แล้วเดินนำออกไปก่อน
"ขอบใจมากเสี้ยวเทียน หวังว่าคงมีโอกาสได้พบกันอีก"  พี่ชิงชิงเปิดกระจกรถเอ่ยลาเคนหลังจากที่ขึ้นไปนั่งเรียบร้อยแล้ว
"แล้วเจอกันใหม่ครับ"  เคนว่าพร้อมกับโบกมือให้พี่ชิงชิง เขายืนมองจนรถหายลับตาไปจึงค่อยเหลียวกลับไปมองยังตัวบ้าน
"ไจ่ไจ๋คงไม่ยอมลงมาแน่"  เคนพูดกับตัวเองแล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู
"ไปเดินเล่นซักพักคงไม่เป็นไร"  พูดจบก็หันไปปิดประตูบ้านแล้วเดินเรื่อยเปื่อยไปตามทาง ตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยใจจึงตัดสินใจว่าจะไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆบ้านให้รู้สึกผ่อนคลายบ้างเพื่อที่กลับมาจะได้รับมือกับปัญหาต่างๆที่รออยู่ให้ดีขึ้นมากกว่าเดิม





 

Create Date : 20 เมษายน 2560    
Last Update : 20 เมษายน 2560 19:58:17 น.
Counter : 5937 Pageviews.  

Chapter 103





ตอนที่ 103

"อะฮึ่ม!"  เจอร์รี่ส่งเสียงกระแอมดังๆเมื่อเห็นว่าเจ้าน้องชายคนเล็กของเขาเพิ่งกลับมาถึงบ้านแต่ทำท่าจะเดินเลยเขาไปโดยไม่ทักทาย ไจ่ไจ๋เองก็รู้ว่าพี่ชายต้องการให้เขาทักแต่เนื่องด้วยเมื่อเช้าเขาได้ก่อวีรกรรมไว้ก่อนออกจากบ้านจึงทำให้เขาคิดว่าแกล้งทำเป็นไม่สนใจแล้วหนีขึ้นห้องนอนน่าจะดีกว่า
"ไจ่ไจ๋!!"  เมื่อเห็นว่าน้องไม่สนใจเจอร์รี่จึงเอ่ยเรียกเสียงเข้มเล็กน้อย 
"อ้าว! พี่ใหญ่....ขอโทษทีผมไม่ทันเห็น...."  เมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้เจ้าน้องเล็กก็เริ่มใช้เล่ห์เหลี่ยม แต่ดูเหมือนพี่ชายจะไม่หลงกลง่ายๆ
"มานี่ซิไอ้ตัวแสบ"  พี่ใหญ่กระดิกนิ้วเรียกเจ้าน้องชายสุดที่รัก ไจ่ไจ๋จึงต้องหมุนตัวกลับมาอย่างขัดไม่ได้ 
"วันนี้พี่ใหญ่กลับบ้านเร็วจังเลยเนอะ"  ทำน้ำเสียงสดใสทักพี่ชายพร้อมกับหอมแก้มฟอดใหญ่
"ไม่ต้องมาอ้อน"  เจอร์รี่ทำเสียงดุ ส่วนไจ่ไจ๋ได้แต่ตีหน้าซื่อ
"ผมอ้อนซะทีไหนก็พี่ใหญ่เรียกผมมาเองนี่ครับ"  พูดจบก็ถือโอกาสนั่งตักพี่ชายเอาดื้อๆ
"เราเนี่ยนะ....."  เมื่อเจ้าน้องเล็กมาไม้นี้เจอร์รี่ก็อดที่จะหลุดยิ้มออกมาไม่ได้ เขากอดรัดเจ้าน้องชายตัวแสบเอาไว้แล้วหอมแก้มน้องกลับแรงๆ
"อื้ม! ทำข้อสอบได้มั๊ยวันนี้?"  เขาถามน้องแต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้จึงเปลี่ยนคำถามใหม่
"ไม่ใช่สิ พี่ต้องถามว่าวันนี้เราเข้าสอบทันเวลาหรือเปล่าต่างหาก"  ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ย่นจมูกแล้ววาดแขนข้างหนึ่งกอดคอพี่ชายโดยที่ยังไม่ยอมลุกจากตักของพี่ชาย
"ระดับไจ่ไจ๋ซะอย่างมีหรือที่จะซิ่งรถไปไม่ทัน"  พูดอวดตัวเองยังไม่ทันขาดคำก็โดนพี่ชายหยิกเข้าที่บั้นเอว
"โอ้ย!!!"  ร้องลั่นพร้อมกับรีบเด้งตัวลุกจากตักของพี่ชายทันที
"เดี๋ยวจะตีให้ขาหักเชียว!"  เจอร์รี่ชี้หน้าน้องพร้อมกับพูดขู่ ไจ่ไจ๋ยิ้มแหยๆให้พี่ชาย
"พูดเล่นน่าพี่ใหญ่.....เวลาเช้าๆรถเยอะจะตายใครจะไปกล้าซิ่ง"  ไจ่ไจ๋แก้ตัว
"แต่ถ้าเป็นตอนถนนโล่งๆก็ว่าไปอย่าง"  ไม่วายแอบพึมพำกับตัวเองเบาๆอีกด้วย
"ว่าอะไรนะ!"  พี่ใหญ่ถามย้ำเพราะได้ยินไม่ชัด
"เปล่า!"  ไจ่ไจ๋ปฏิเสธเสียงสูงแล้วมานั่งลงข้างๆพร้อมกับกอดแขนพี่ชายอย่างประจบ
"ผมรู้ว่าพี่ใหญ่เป็นห่วงผมมากเพราะฉะนั้นผมไม่มีทางทำให้พี่ใหญ่ต้องเป็นกังวลหรอก"  เจอร์รี่เอามือเขกหัวน้องเบาๆอย่างไม่อยากจะเชื่อ
"น่าเชื่อตายหละ! อย่างเราน่ะหรอจะไม่มีทางทำให้พี่กังวล รู้มั๊ยทุกวันนี้พี่กังวลเรื่องอะไรเกี่ยวกับนายบ้าง ไหนจะเรื่อง......"  เมื่อเห็นว่าพี่ชายเริ่มตั้งท่าจะบ่นไจ่ไจ๋จึงเอามือปิดปากพี่ชายเสียก่อนที่พี่ชายจะทันได้พูดจบ
"ผมเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ หิวข้าวจังเลย มีอะไรให้กินมั๊ยครับ?"  เปลี่ยนเรื่องถามพี่ชายเอาดื้อๆ
"มี! แต่พอกินเสร็จแล้วมาให้พี่ชำระความกับเรื่องเมื่อเช้าหน่อยนะ"  ไจ่ไจ๋ได้ยินก็หน้าเจื่อนลงทันตาเห็นเพราะอุตส่าห์หลอกล่อพี่ชายให้นอกเรื่องมาตั้งนานนึกว่าพี่ชายจะลืมไปแล้ว แต่ที่ไหนได้กลับจำได้แม่นซะอีก
"แล้วพี่กลางหละ?"  เปลี่ยนไปถามถึงพี่ชายคนโปรด เจอร์รี่ชักสีหน้าเล็กน้อยก่อนจะผงกหัวไปทางบันไดแทนคำตอบ
"ไปชวนพี่กลางลงมากินขนมดีกว่า"  ไจ่ไจ๋พูดจบก็แจ้นไปหาพี่ชายสุดที่รักทันที ปล่อยให้พี่ใหญ่ได้แต่เบ้ปากใส่ลับหลัง
"พี่กลางครับ!!! ผมกลับมาแล้ว! ลงไปกินขนมกัน!"  ไจ่ไจ๋เคาะประตูร้องเรียกพี่ชายอย่างร่าเริง
"เอะอะเสียงดังไปได้!"  ซักพักประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงบ่นของเจ้าของห้อง
"ไปกินขนมกัน"  ไจ่ไจ๋ยิ้มแฉ่งพร้อมกับชักชวนพี่ชาย 
"พี่ยังไม่อยากกิน"  เคนตอบแล้วมีท่าทีชั่งใจก่อนจะบอกให้น้องเข้ามาคุยกับเขาก่อน
"เข้ามาคุยกันก่อน"  น้องเล็กเห็นท่าทางของพี่ชายก็แปลกใจแต่ก็เดินเข้าไปในห้องนอนของพี่ชายแต่โดนดี
"วันนี้ทำข้อสอบได้มั๊ย?"  เคนเริ่มต้นถามน้องชาย
"ก็โอเคครับ"  ไจ่ไจ๋ตอบแบบสบายๆ เคนจึงยิ้มออกมาได้
"จะได้เห็นตัว A บนรายงานผลการเรียนของนายมั๊ยเนี่ย?"  เคนแกล้งแซวน้อง
"โหย....แค่ B ก็ดีใจแล้วหละครับ อันที่จริงวันนี้ทำข้อสอบได้นะแต่ทำไม่ทันไปข้อนึง หายไปเป็นสิบคะแนนเลย"  น้องเล็กบอกพี่ชายตามตรง
"อ้าว! ไปไม่ทันหรอ?"  เคนอุทาน
"ทันแต่ว่าเข้าห้องสอบได้ในนาทีสุดท้ายพอดี ก้าวเข้าห้องปุ๊บเสียงอ๊อดหมดเวลาเข้าห้องสอบก็ดังพอดี"  น้องเล็กตอบพลางทำหน้าแหยๆ 
"ไม่ได้บอกพี่ใหญ่เรื่องนี้ใช่มั๊ย?"  เคนย้อนถามน้อง
"บอกก็ตายน่ะสิ เมื่อกี้กลับมาถึงก็โดนบ่นเลยหนีมาหาพี่กลางดีกว่า"  ไจ่ไจ๋ตอบพร้อมกับย่นจมูก 
"มันบ่นนายเรื่องอะไร?"  เคนย้อนถาม
"ก็เรื่องเมื่อเช้าที่ผมตื่นสายนั่นแหละ"  ไจ่ไจ๋ตอบแล้วเลิกคิ้วเล็กน้อย
"ว่าแต่ทำไมวันนี้พี่กลางถึงได้หมกตัวอยู่ในห้องหละ?"  ถามพี่ชายต่ออย่างแปลกใจเล็กน้อยเพราะปกติหากเคนอยู่บ้าน ในช่วงเวลาเช่นนี้น่าจะอยู่ข้างล่างทำโน้นทำนี่มากกว่าที่จะมานั่งๆนอนๆอยู่ในห้องเฉยๆ
"เบื่อหน้าคน"  เคนตอบพร้อมกับยักไหล่
"ใครครับ? พี่ชิงชิงใช่เปล่า?"  เจ้าน้องเล็กถามพร้อมกับเดาคำตอบ
"เปล่า! เบื่อไอ้พี่ใหญ่ต่างหาก เมื่อเช้าหลังจากนายออกไปเกิดอะไรขึ้นอีกรู้หรือเปล่า?"  เคนว่าแล้วก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้น้องชายฟัง
"พี่กลางไม่ต้องห่วง ยังงัยผมก็อยู่ข้างพี่"  ไจ่ไจ๋พูดเสียงหนักแน่นหลังจากที่ได้ยินพี่ชายเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าให้ฟัง 
"ขอบใจมาก"  เคนเอ่ยขอบคุณน้องชายแต่ในใจลึกๆก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่
"พี่รองก็เปลี่ยนข้างไปซะได้นะ! นี่ผมว่าพี่กลางยังไว้หน้าพี่ชิงชิงมากนะเนี่ย หากผมอยู่ด้วยจะพูดให้พี่ชิงชิงรีบเก็บของออกจากบ้านไปไม่ทันเลยเชียว"  ไจ่ไจ๋ยังบ่นกระปอดกระแปดต่อไปอีก
"แต่...."  เคนยังมีท่าทีลังเลแล้วมองไปที่ไม้เรียวที่เขาถือติดมือกลับมาวางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือในห้องด้วยพลางคิดว่าหากพี่ชายตีเขาไปให้จบๆเรื่องไปซะตั้งแต่เมื่อเช้าป่านนี้เขาคงนอนหลับสบายไปแล้ว ไม่ต้องมานั่งตรึกตรองกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปเช่นนี้
"พี่ใหญ่ก็แปลกคน! น้องตัวเองมีไม่เคยเข้าข้าง! เอาแต่หาเรื่องอยู่ได้ ผู้ใหญ่เขายังพูดจาไม่ไว้หน้าเราเลยแล้วทำไมยังต้องคอยเกรงอกเกรงใจอยู่ได้ บ้านก็บ้านเราแท้ๆเลย!"  ไจ่ไจ๋ยังบ่นไม่หยุดโดยที่เคนไม่ได้สนใจฟังนัก
"ไม่ไปอ่านหนังสือหรืองัย? ยังมีสอบอีกไม่ใช่หรอ?"  เคนเปลี่ยนเรื่องถามน้องชาย
"มีครับ แต่ไม่อ่านแล้วหละ อ่านมากๆเดี๋ยวโง่!"  เจ้าน้องเล็กตอบหน้าตาเฉย ทำให้เคนหัวเราะออกมาได้
"มีด้วยหรอวะอ่านหนังสือมากๆแล้วโง่!"  เขาย้อยนถามน้องพลางหัวเราะไปด้วย
"อ้าว.....ถ้าคนเรามัวแต่เรียนรู้ทฤษฎีโดยไม่เคยปฏิบัติแล้วมันจะเกิดประโยชน์อะไรหละครับ? ลงมือปฏิบัติไม่ได้มันก็โง่นั่นแหละ!"  น้องเล็กตอบเหมือนจะดีแต่สุดท้ายก็ฟังดูแปร่งๆ 
"เออพี่กลาง แล้วนี่พี่ชิงชิงยังมีหน้าอยู่ต่ออีกหรอเนี่ย? เป็นผมนะไปถึงไหนต่อไหนแล้ว"  น้องเล็กถามต่อแต่ไม่วายแอบจิกกัดบุคคลที่พาดพิงถึงด้วย
"ไม่รู้สิ"  เคนตอบสั้นๆพร้อมกับยักไหล่
"ยังอยู่แน่ๆเพราะกลับมาผมยังเห็นรองเท้าของพี่ชิงชิงถอดอยู่หน้าบ้านเลย เฮ่อ! โทรไปเลียบๆเคียงๆให้แม่ฟังดีกว่าว่าคนของแม่น่ะทำพวกเราป่วนกันขนาดไหน"  ไจ่ไจ๋ยังไม่ยอมหยุดบ่น 
"นายว่าพี่พูดแรงเกินไปมั๊ย?"  เคนไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่น้องบ่นมากนักแต่เขากลับถามความเห็นของน้องชาย
"ไม่หรอกพี่กลาง พี่ชิงชิงเองก็ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนอะไรไม่ใช่หรอ? อย่าคิดมากเลย"  น้องเล็กตอบพร้อมกับปลอบใจพี่ชาย เคนสบตากับน้องแล้วถอนหายใจเบาๆก่อนจะพยักหน้า
"นั่นสิ จะคิดมากทำไม"  เคนว่าแล้วก็กอดคอน้องชาย
"ลงไปหาอะไรกินกันดีกว่า พี่ก็รู้สึกหิวเหมือนกัน"  พูดจบสองพี่น้องก็พากันเดินลงไปยังชั้นล่างของบ้าน

- เวลาอาหารเย็น -
"มีใครรู้สึกเหมือนชั้นมั๊ยว่ากับข้าวมื้อนี้มันจืดชืดผิดปกติ"  แวนเนสเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ได้กับบรรยากาศเงียบเหงาบนโต๊ะอาหารทั้งที่พี่น้องทุกคนก็อยู่กันครบแต่กลับไม่มีใครพูดคุยอะไรกันเลย
"เอาน้ำปลาหรือซีอิ๊วมาปรุงรสเพิ่มมั๊ยครับ?"  ไจ่ไจ๋เงยหน้าถามพี่ชายซื่อๆเพราะนึกว่าพี่ชายตำหนิเรื่องรสชาติของอาหารจริงๆ
"เฮ่อ!"  แวนเนสถึงกับถอนใจเฮือกกับความซื่อบื้อของน้องชายคนเล็ก
"บ่นแล้วก็ไม่เอามาปรุงใหม่แล้วจะถอนหายใจทำไม"  ไจ่ไจ๋บ่นอุบอิบกับตัวเองเมื่อเห็นท่าทางของพี่ชายแต่ก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานของตัวเองต่อ แวนเนสทำหน้าเซ็งๆก่อนมองไปทางเจอร์รี่กับเคนที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ
"ชั้นอิ่มแล้ว"  แวนเนสเอ่ยขึ้นแล้วรวบช้อนส้อม คราวนี้เจอร์รี่จึงเงยหน้าขึ้นมาสบตากับน้อง
"กินให้หมด"  พี่ใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงดุๆ 
"กินไม่ลง"  แวนเนสตวัดเสียงเล็กน้อย
"กินไม่ลงก็ต้องกิน!"  พูดย้ำอีกครั้งแล้วมองน้องชายด้วยสายตาบังคับ แวนเนสถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ก่อนจะตักข้าวเข้าปากอย่างไม่เต็มใจ ในตอนนั้นเคนก็ตักข้าวคำสุดท้ายใส่ปากแล้วกลืนลงคอก่อนจะดื่มน้ำตาม
"เดี๋ยวชั้นจะออกไปข้างนอก นัดกับอันโดไว้"  เคนเอ่ยขึ้นลอยๆโดยไม่ได้เจาะจงว่าจะพูดกับใคร
"อ้าวพี่กลาง! จะหนีผมไปเที่ยวอีกแล้วหรอ?"  ไจ่ไจ๋โอดครวญขึ้นมาคนแรก
"หนีที่ไหนเล่า! ถ้าหนีไม่มานั่งบอกอยู่นี่หรอก"  เคนว่าแล้วก็เหลือบตาไปทางพี่ใหญ่ที่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะสนใจเขาซักเท่าไหร่
"นัดกันที่ไหน?"  แวนเนสถามแทรกขึ้นมา
"ชั้นจะไปหามันที่บ้านแล้วคงออกไปที่ไหนกันซักแห่ง"  เคนตอบแล้วลุกเอาจานไปเก็บ
"คงกลับดึกหรือไม่แน่อาจจะไม่กลับเลย"  พูดจบก็เดินออกไปทันทีโดยไม่รอให้ใครได้พูดอะไรต่ออีก
"เชื่อมั๊ยว่าลองมันพูดแบบนี้แล้วมันต้องไม่กลับแหงๆ"  แวนเนสถามลอยๆเพื่อทำลายบรรยากาศอีกครั้ง
"แหงอยู่แล้ว ใครจะอยากอยู่บ้านที่มีบรรยากาศไม่ดีแบบนี้หละ?"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ลุกเอาจานไปเก็บแล้วเดินออกไปด้วยอีกคน
"อ้าว! เป็นงั้นไป"  แวนเนสบ่นอุบพร้อมกับมองตามหลังน้องชาย และเมื่อหันกลับมาก็เห็นพี่ชายจ้องเขาอยู่
"ทำไมวันนี้นายเงียบจัง"  แวนเนสถามพี่ชาย
"ขี้เกียจพูด"  เจอร์รี่ตอบห้วนๆ แวนเนสกรอกตาไปมาอย่างเซ็งๆ
"ไหนนายบอกจะปล่อยให้น้องตัดสินใจกับการกระทำของตัวเองงัย แล้วทำไมต้องทำเฉยกับมันด้วย"  แวนเนสถามเข้าเรื่องเพราะรู้ว่าที่พี่ชายเงียบไปนั้นเพราะยังติดไม่พอใจเคนเรื่องเมื่อเช้านี้อยู่
"แล้วจะให้ชั้นทำงัย? ยิ้มร่าแล้วบอกว่าสิ่งที่มันกำลังทำอยู่ถูกต้องแล้วน่ะหรอ?"  เจอร์รี่ย้อนถามอย่างมีอารมณ์เล็กน้อย
"ไม่ใช่.....แต่นายก็ไม่เห็นจะต้องทำปั้นปึงกับมันแบบนี้นี่น่า คนที่อยู่ตรงกลางลำบากใจนะ"  แวนเนสโอดครวญ
"แล้วนายเห็นว่าไอ้น้องชายตัวดีของนายมันจะสำนึกอะไรขึ้นมาบ้างมั๊ย? วันนี้ชั้นหยุดงานอยู่บ้านทั้งวันยังไม่เห็นมันเยี่ยมหน้าลงมาคุยอะไรกับชั้นบ้างเลย"  เจอร์รี่กระแทกเสียงใส่แวนเนส
"นายก็เป็นซะอย่างงี้แล้วมันจะกล้าเข้ามาหานายมั๊ยหละ?"  แวนเนสพูดอย่างอ่อนอกอ่อนใจกับความแข็งข้อของพี่ชายและน้องชายทั้งคู่
"เชื่อชั้นเถอะว่าเสี้ยวเทียนมันกำลังคิดทบทวนถึงสิ่งที่มันได้ทำลงไปอยู่แน่ๆ น้องมันไม่ใช่คนไม่รู้จักคิดและถ้าหากมันคิดว่ามันทำผิดจริงชั้นว่ามันกล้าที่จะเดินเข้าไปเอ่ยคำขอโทษกับพี่ชิงชิงอยู่แล้ว"  พูดปกป้องน้องชาย
"ชั้นจะคอยดูไอ้น้องชายคนดีของนาย!"  เจอร์รี่เบ้ปากทั้งที่ใจจริงเขาก็เชื่ออย่างที่แวนเนสพูด
"ว่าแต่นายไปเอาวิธีนี้มาจากไหน?"  แวนเนสเปลี่ยนเรื่องถามพี่ชาย
"วิธีอะไร?"  พี่ใหญ่ทำหน้างงๆ
"ก็ไอ้ที่ให้มันเก็บไม้เรียวไว้ หากคิดได้เมื่อไหร่ค่อยเอามาให้นายงัย"  แวนเนสตอบแล้วรอฟังคำอธิบายจากพี่ชาย
"ไม่ได้เอามาจากไหนหรอก ชั้นคิดขึ้นมาเอง มีปัญหาอะไร?"  เจอร์รี่ตอบเป็นเชิงหาเรื่องน้อง
"เปล่า!!"  แวนเนสตอบเสียงสูง
"แค่อยากรู้ว่านายไม่กลัวว่ามันจะเอาไปหักทิ้งหมดหรอ?"  ถามพี่ชายอย่างติดตลก
"ไม่กลัวหรอก เพราะวันนี้ชั้นว่างๆเลยนั่งเหลาไม้เรียวไว้อีกเป็นโหล มันหักทิ้งได้ก็หักไปชั้นมีเตรียมไว้อีกหลายอัน"  พี่ใหญ่ตอบแล้วเปลี่ยนสายตาไปที่ข้าวในจานของน้องชาย
"ยังคิดอยู่เลยว่าใครจะเป็นผู้โชคดีได้ฉลองไม้เรียวอันใหม่ ซึ่งตอนนี้ชั้นเริ่มเห็นลางๆแล้วว่าใครจะโดนก่อนเพื่อน"  พูดจบก็ชี้ไปที่จานข้าวน้องที่ยังพร่องลงไปไม่ถึงครึ่ง  
"ชั้นกินหมดอยู่แล้วน่า"  แวนเนสรีบบอกแล้วตักข้าวกินต่ออย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากเป็นผู้โชคดีในการฉลองไม้เรียวอันใหม่ของพี่ชาย 

- เวลาต่อมา -
"ยังไม่นอนอีกหรอ?"  เสียงทักนั้นทำให้เจอร์รี่ที่ยืนชะเง้อคอมองรถแท๊กซี่ที่ขับผ่านไปสะดุ้งเล็กน้อย เขามองไปทางต้นเสียงก่อนจะส่งยิ้มให้
"พี่ชิงชิงเองหรอ? ผมตกใจหมด"  เจอร์รี่ตอบแล้วหมุนตัวหันมาทางคู่สนทนาที่นั่งอยู่ที่ชิงช้า
"แล้วพี่ชิงชิงหละครับทำไมยังไม่นอน?"  ถามกลับไปบ้าง พี่ชิงชิงยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับส่ายหน้า
"พี่ยังไม่ง่วงน่ะ"  เธอตอบแล้วเอียงคอเล็กน้อย
"เธอมารอเสี้ยวเทียนอยู่ใช่มั๊ย?"  ถามออกไปตรงๆ
"เปล่าซักหน่อย ทำไมผมต้องมารอเจ้าเด็กเกเรคนนั้นด้วย"  เจอร์รี่ปฏิเสธทั้งที่จริงๆแล้วเขามารอเคนตามที่พี่ชิงชิงว่านั่นแหละ
"ที่ต้องมารอเพราะเธอเป็นห่วงความรู้สึกของน้องน่ะสิ"  พี่ชิงชิงให้คำตอบ ทำเอาเจอร์รี่ต้องเกาหัวแก้เก้อ
"พี่รู้นะว่าเธอรักน้องมาก เมื่อรักมากเธอเลยคาดหวังจะให้เขาเป็นในแบบที่เธอต้องการโดยเธออาจจะลืมไปว่าน้องๆก็มีเหตุผลของตัวเองในการกระทำสิ่งต่างๆก็ได้"  พี่ชิงชิงพูดเป็นเชิงเตือนสติ
"ผมถามจริงๆนะครับว่าพี่โกรธเสี้ยวเทียนหรือเปล่าที่เขาพูดแบบนั้นกับพี่?"  เจอร์รี่มีท่าทีอึกอักเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจถามตรงๆ
"ถ้าพี่บอกว่าไม่โกรธเธอจะเชื่อมั๊ย?"  พี่ชิงชิงย้อนถาม เจอร์รี่จึงได้แต่เงียบ
"พี่อยากจะตำหนิที่เธอตีเสี้ยวเทียนซะขนาดนั้น"  แล้วพี่ชิงชิงก็ต่อว่าเจอร์รี่ออกมาตรงๆ
"แต่ที่ผมตีเขาก็เพราะว่าเขาพูดจาไม่เหมาะสมกับพี่นะครับ"  เจอร์รี่แก้ตัว
"เหมาะหรือเปล่าเธอเอาอะไรตัดสิน?"  พี่ชิงชิงย้อนถามกลับมาอีก ทำเอาเจอร์รี่อึ้งไป
"เธอน่าจะยอมรับได้แล้วนะว่าน้องชายของเธอสามคนโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ไอ้เรื่องเอะอะก็ดุเอะอะก็ตีเนี่ยพี่ว่ามันไม่เหมาะเท่าไหร่แล้วนะ"  พี่ชิงชิงพูดเตือนออกมาตรงๆ
"ปีนี้เสี้ยวเทียนอายุเท่าไหร่แล้ว"  เจอร์รี่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามนั้น
"ยี่สิบหกครับ"  เขาตอบแต่ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเข้าใจ
"คนอายุยี่สิบหกกับการลงโทษด้วยไม้เรียว เธอว่ามันไม่ตลกไปหน่อยหรอ?"  เจอร์รี่อึ้งไปกับคำถามนั้น
"อันที่จริงพี่ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องภายในครอบครัวของเธอ แต่พี่อยากเตือนเพื่อให้เธอลองคิดทบทวนดูอีกครั้ง"  พี่ชิงชิงพูดต่อแล้วสบตากับเจอร์รี่
"หากเธอไม่ยอมให้น้องโต น้องก็จะไม่ยอมโตเหมือนกัน"  พูดจบก็บีบไหล่เจอร์รี่เบาๆ 
"ถ้าเสี้ยวเทียนกลับมาพี่อยากให้เธอพูดจากับน้องดีๆ อย่าไปต่อว่าต่อขานอะไรเขาอีก แล้วที่สำคัญอย่าไปบังคับให้เขาทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำ"  เจอร์รี่มองหน้าพี่ชิงชิงก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
"ผมรับปากว่าจะไม่บังคับเขาอีก"  เจอร์รี่ตอบรับ 
"งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ"  พูดจบก็หมุนตัวเดินเข้าบ้านไป พี่ชิงชิงมองตามเจอร์รี่แล้วถอนหายใจออกมาเช่นกัน ต่อมาอีกครู่ใหญ่ๆ เคนก็กลับมาถึงบ้าน
"กลับมาแล้วหรอ?"  พี่ชิงชิงเอ่ยทักเมื่อเห็นเคนทำท่าจะเดินเลยเข้าไปในบ้าน เคนได้ยินก็ชะงักก่อนจะพยักหน้ารับ
"พรุ่งนี้เช้าพี่จะไปแล้วนะ"  พี่ชิงชิงพูดต่อ เคนได้ยินดังนั้นก็หมุนตัวกลับมาแล้วนั่งลงที่ชิงช้าข้างๆพี่ชิงชิง
"พักที่นี่ต่อจนกว่าบ้านพี่จะเรียบร้อยเถอะครับ เพราะมันก็เหลืออีกไม่กี่วันเอง"  เคนพูดด้วยความจริงใจ วันนี้เขาออกไปข้างนอกพร้อมกับคิดทบทวนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็รู้สึกได้ว่าตัวเองก็อารมณ์ร้อนเกินไปจริงๆ 
"ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่อยากทำให้พวกเธอต้องลำบากใจ"  พี่ชิงชิงว่าพร้อมกับยิ้มให้เคน
"ขอโทษทีที่ทำให้เธอต้องเจ็บตัว พี่ต่อว่าพี่ใหญ่ของเธอไปเรียบร้อยแล้ว"  พูดจบก็เงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยท่าทีผ่อนคลาย เคนเหลือบตามองพี่ชิงชิงแล้วเปลี่ยนสายตามองไปบนท้องฟ้าเช่นกัน
"คืนนี้พระจันทร์สวยดีนะ"  พี่ชิงชิงชวนคุย
"อืม...."  เคนตอบรับในลำคอ
"ทุกครั้งที่พี่ไม่สบายใจพี่จะออกมานั่งมองท้องฟ้า"  พี่ชิงชิงว่าโดยไม่ได้หันมามองคู่สนทนา แต่เคนอดไม่ได้ที่จะต้องละสายตามามองคนพูด
"ตอนพี่อายุได้สิบขวบพ่อแม่ของพี่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมกัน พี่กับน้องชายเลยต้องไปอยู่กับป้าที่เป็นพี่สาวของแม่"  พี่ชิงชิงเล่าเรื่องของตัวเองให้เคนฟัง
"ป้าของพี่เป็นสาวโสดไม่ได้แต่งงานและไม่ชอบเด็ก เวลาพี่กับน้องชายทำอะไรไม่ถูกใจมักจะโดนดุโดนตีอยู่บ่อยๆ"  เล่ามาถึงตรงนี้พี่ชิงชิงก็เงียบไป
"ผมไม่รู้ว่าพี่ชิงชิงก็มีน้องชายด้วย"  เคนว่าคล้ายจะถาม
"ไม่มีใครรู้หรอก เพราะพี่ไม่เคยบอกใคร"  พี่ชิงชิงพูดยิ้มๆ 
"และที่ไม่บอกก็เพราะว่าตอนนี้พี่ไม่มีเขาแล้ว"  เคนได้ยินก็อึ้งไปเพราะพอจะเดาความหมายนั้นได้
"ก็อย่างที่บอกว่าป้าของพี่ไม่ชอบเด็กและการที่พี่กับน้องชายต้องไปอาศัยเขาอยู่ก็เหมือนกับเป็นภาระให้เขา น้องชายพี่เป็นเด็กที่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงนัก เวลาป่วยไข้ป้าพี่ก็เลยไม่สนใจปล่อยให้พี่ดูแลน้องเองตามมีตามเกิด....."  พี่ชิงชิงพูดมาถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
"พี่เองก็ไม่รู้ว่าน้องชายจะเป็นโรคร้ายแรง เวลาเจ็บป่วยก็ได้แต่ไปหาซื้อยาถูกๆตามร้านขายยามาให้กิน จนเมื่ออาการทรุดหนักเลยขอร้องให้ป้าช่วยพาน้องไปโรงพยาบาล แต่พอไปถึงก็ไม่ทันการแล้ว"  เคนได้ยินเช่นนี้ก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก เขาไม่รู้เลยว่าภายใต้บุคคลิกที่มั่นใจในตัวเองอย่างพี่ชิงชิงจะเคยผ่านเรื่องราวที่เจ็บปวดมาในอดีต
"หมอบอกว่าน้องชายพี่เป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาว หากมาตรวจตั้งแต่เริ่มมีอาการก็จะมีหนทางรักษาได้ ตอนนั้นพี่โกรธทั้งตัวเองโกรธทั้งป้าที่ไม่เคยฉุกคิดเลยว่าน้องชายจะเป็นโรคร้ายแรงแบบนี้ หลังจากน้องตายไปพี่ก็ทะเลากับป้าจนสุดท้ายก็ต้องย้ายออกมาจากบ้านป้าและหางานทำเพื่อเลี้ยงตัวเอง"  พี่ชิงชิงเล่ามาถึงตรงนี้ก็เปลี่ยนสายตามาทางเคน
"ตอนนั้นที่ออกมาจากบ้านป้าพี่อายุประมาณสิบห้าสิบหก ก็ต้องทำงานสารพัดอย่างเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด และก็นับว่าโชคดีที่วันนึงพี่ได้เจอกับพ่อแม่ของเธอ...."  เคนสบตากับพี่ชิงชิงแต่ไม่ได้พูดอะไร
"ตอนนั้นพี่ทำงานที่ร้านอาหาร พ่อแม่เธอมากินข้าวที่ร้านพอดี วันนั้นพี่ทำงานผิดพลาดหลายอย่างเพราะไม่ค่อยได้พักผ่อนจนโดนเจ้าของร้านดุด่าแบบไม่ไว้หน้าแล้วก็ไล่พี่ออกทันที บอกตามตรงว่าตอนนั้นพี่เคว้งไปหมดเพราะงานที่ร้านนั้นเขาให้ที่อยู่ที่กินพร้อม มันก็เท่ากับว่าพี่ไม่มีที่ไปเลย"  เคนนิ่งอึ้งเมื่อได้รับรู้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่ชิงชิง
"ตอนที่พี่เก็บของแล้วเดินออกมาแม่ของเธอก็เดินเข้ามาหาพี่แล้วถามพี่ว่าอยากได้งานหรือเปล่า ตอนนั้นมันเป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกเลยจริงๆ พี่จำได้ว่าพี่ร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่อายแล้วขอบคุณแม่ของเธอเป็นร้อยครั้ง และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พี่มาเป็นพี่เลี้ยงของเจอร์รี่กับแวนเนส"  พี่ชิงชิงยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
"ตอนแรกพี่เกร็งมากเพราะบ้านเธอค่อนข้างมีฐานะน่าจะเลี้ยงลูกแบบตามใจ พี่กังวลสารพัดจนคิดว่าตัวเองคงทำงานนี้ไม่ได้แน่ แต่หลังจากคุยกันแล้วพ่อแม่เธอบอกกับพี่ว่าพวกเขาให้อำนาจพี่เต็มที่ในการเลี้ยงดูเจอร์รี่กับแวนเนส หากทำผิดก็ให้พี่ทำโทษได้เลย"  พี่ชิงชิงเล่าต่อ
"แต่ก็นับเป็นโชคดีของพี่อีกเพราะทั้งเจอร์รี่กับแวนเนสก็ดูจะเกรงใจพี่พอสมควร เลยไม่ทำให้พี่หนักใจเท่าไหร่"  พอเล่าจบชิงชิงก็เงียบไป
"งั้นทำไมพี่ถึงไปแต่งงานแล้วอยู่ที่เมืองนอกได้หละครับ"  เคนที่ปกติแล้วไม่ค่อยอยากเสวนากับพี่ชิงชิงเท่าไหร่นักแต่เมื่อได้รู้ปูมหลังของพี่ชิงชิงแล้วก็อดที่จะถามไม่ได้
"ในระหว่างที่พี่เป็นพี่เลี้ยงของพี่ชายเธอพี่ก็เรียนภาคค่ำไปด้วย พอเรียนจบแล้วพี่ก็เลยสอบชิงทุนไปเรียนต่อแล้วก็ได้ทุนไปเรียนต่อในที่สุด"  พี่ชิงชิงตอบอย่างไม่ปิดบัง
"โห! พี่ชิงชิงเก่งจังเลย"  เคนชมออกมาจากใจจริง
"ไม่หรอก ต้องขอบคุณพ่อแม่เธอด้วยที่พวกเขาเองก็สนับสนุนพี่ทุกอย่าง อันที่จริงพี่ไม่ใช่คนเรียนเก่งแต่พี่แค่อยากรู้ในสิ่งที่พี่ไม่เคยรู้ การเรียนเลยไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อสำหรับพี่แต่มันเป็นการเปิดให้ตัวเองได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน"  เคนรับฟังสิ่งที่พี่ชิงชิงพูดอย่างทึ่งๆ
"แต่ตอนที่ไปเรียนต่อมันก็ไม่ใช่ว่าจะสบายหรอกนะ เพราะพี่ต้องทำงานไปด้วย ไปอยู่ที่โน้นพี่ก็ต้องทำงานสารพัดอย่างเหมือนกัน แต่ระหว่างนั้นพี่ก็เอาเงินฝากเขาบัญชีของที่นี่ทุกเดือน จนพี่เรียนจบก็กลับมาที่นี่แล้วใช้เงินเก็บนั้นซื้อบ้านไว้เป็นที่ซุกหัวนอน"  พี่ชิงชิงเล่าต่ออีก
"ตอนอยู่ที่โน้นพี่ก็ได้เจอกับสามีที่เพิ่งเลิกกันไป ตอนเริ่มคบกันเขาดีกับพี่ทุกอย่างทำให้พี่รู้สึกมีความสุขมาก จนเมื่อเขาขอแต่งงานพี่เลยรับปากอย่างไม่ลังเล เพราะตลอดชีวิตของพี่ก็ต้องสู้ด้วยตัวเองมาตลอด การที่มีคนมาปกป้องดูแลและให้ความอบอุ่นนั้นเป็นเรื่องที่พี่โหยหามาทั้งชีวิตเลย"  เล่ามาถึงตรงนี้สีหน้าของพี่ชิงชิงก็หมองลง
"หลังจากแต่งงานกันพี่ก็มีความสุขดี แต่พอมาระยะหลังเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปทำให้พี่เป็นทุกข์มาก พี่เลยสืบหาสาเหตุที่ทำให้เขาห่างเหินจนในที่สุดพี่ก็จับได้ว่าเขามีคนอื่น ตอนนั้นพี่ขอเลิกกับเขา แต่เขาไม่ยอมและทำร้ายร่างกายพี่ ตอนนั้นพี่มืดมนไปหมดถึงกับเคยไปแจ้งความเรื่องที่ถูกทำร้ายร่างกายแต่ตำรวจของที่โน้นก็ไม่ค่อยสนใจกับคนเอเชียอย่างเราเท่าไหร่ ทำให้พี่ต้องหนีออกมาและย้ายไปอยู่เมืองอื่น"  เคนได้ยินเช่นนี้ก็อึ้งไปเลย เขารู้สึกผิดกับพี่ชิงชิงเป็นอย่างมากที่เคยดูถูกพี่ชิงชิงไว้ว่าที่ต้องเลิกกับสามีก็เป็นเพราะนิสัยที่แข็งกร้าวของพี่ชิงชิงเอง
"ช่วงนั้นพี่เปลี่ยนที่ทำงานเป็นว่าเล่น ทำแต่ละที่ไม่ถึงเดือนก็ออกเพราะสภาพจิตใจของพี่ย่ำแย่มากจริงๆ แต่ในที่สุดพี่ก็คิดได้และลุกขึ้นสู้อีกครั้งนึง พี่เดินทางกลับไปฟ้องร้องอดีตสามีของพี่ฐานที่เขาทำร้ายร่างกายและเรียกค่าเสียหายจำนวนนึง และก็นับว่าพี่ยังโชคดีเพราะสุดท้ายศาลก็ตัดสินให้พี่ชนะคดี"  พี่ชิงชิงพูดจบก็ยิ้มให้เคน
"แต่ไม่ใช่ว่าผลออกมาอย่างนั้นจะทำให้พี่สะใจหรอกนะ ในใจของพี่ก็ยังรู้สึกเจ็บและก็ยังรักเขาอยู่ เพราะผู้หญิงน่ะร้อยทั้งร้อยที่ตกลงแต่งงานกับผู้ชายหากไม่ได้มีความรักให้หมดหัวใจก็คงไม่ยอมแต่งงานด้วยหรอก และพี่ก็เชื่อว่าคงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่แต่งงานแล้วอยากจะหย่าหรอก โดยเฉพาะกับพี่ที่แทบไม่เคยสัมผัสกับคำว่าครอบครัวแล้วมันทรมานจนบรรยายไม่ถูกเลย"  พูดจบพี่ชิงชิงก็ถอนหายใจยาว
"พี่กลาง!"  เสียงไจ่ไจ๋ดังแทรกขึ้นมาทำให้การสนทนาของพี่ชิงชิงและเคนเป็นอันต้องชะงักไป
"อยู่ใกล้แค่นี้จะตะโกนทำไม!"  เคนเอ็ดน้องชายแล้วลุกเดินเข้าไปหา
"ตอนผมโทรหาพี่พี่บอกผมว่าถึงหน้าปากซอยบ้านแล้ว ผมก็รอตั้งนานยังไม่เห็นพี่กลับมาซักทีก็เป็นห่วงน่ะสิ!"  ไจ่ไจ๋แหวใส่อย่างหงุดหงิดแล้วมองเลยไปทางพี่ชิงชิง
"เออๆๆๆ ขอโทษที....."  เคนได้ยินดังนั้นก็ขอโทษน้องเป็นเชิงตัดบทไม่ให้น้องบ่นต่อ 
"ไปๆๆๆ เข้าบ้านก่อนดีกว่า"  แล้วเคนก็ดุนหลังน้องชายให้เข้าไปในบ้าน แต่ก็หันมามองทางพี่ชิงชิงด้วย 
"พี่อยากนั่งตรงนี้ต่ออีกซักหน่อย"  พี่ชิงชิงบอกแล้วยิ้มพลางพยักหน้าให้เคนเข้าบ้านไปก่อน ดังนั้นเคนจึงเดินตามน้องชายเข้าบ้าน
"พี่กลางเป็นอะไรน่ะ!"  เมื่อเข้ามาในบ้านได้ไจ่ไจ๋ก็โวยใส่พี่ชายทันที
"อะไรของนายวะ!"  เคนเอ็ดใส่น้องกลับไป
"ก็จู่ๆทำไมถึงไปนั่งคุยกับพี่ชิงชิง! เขาเป็นศัตรูของเรานะ!"  ไจ่ไจ๋บอกพร้อมกับเต้นยิกๆ
"จะบ้าหรอ! ทำเป็นเด็กเล็กๆไปได้! ศัตรูอะไรที่ไหนกัน!"  เคนเอ็ดใส่น้องเล็กอีกครั้ง
"เมื่อเช้าพี่รองก็เปลี่ยนข้างไปคนนึงแล้ว มาตอนนี้พี่กลางก็เป็นไปอีกคน พี่ชิงชิงคนนี้ชักจะไม่ธรรมดาแล้วมั้งเนี่ย!"  ไจ่ไจ๋เริ่มหงุดหงิด
"ไจ่ไจ๋.....เราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วหละ พี่ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า นายเองก็น่าจะไปสงบสติอารมณ์ซะบ้าง"  พูดจบเคนทำท่าจะเดินขึ้นห้องไป
"พี่กลาง! ตลอดมาผมก็เข้าข้างพี่ทุกอย่าง ไม่นึกเลยว่าพี่จะตอบแทนผมแบบนี้!"  ไจ่ไจ๋พูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง
"นายบ้าไปแล้วหรอไจ่ไจ๋! มีเหตุผลหน่อยได้มั๊ย?"  เคนต่อว่าน้องชายอย่างเอือมระอา
"แล้วพี่กลางบอกเหตุผลมาหน่อยซิว่าทำไมถึงต้องไปนั่งขลุกกับพี่ชิงชิงแบบนั้น! โดนวางยาไปอีกคนแล้วหรืองัย!"  น้องเล็กโมโหจนพาลใส่พี่ชายเอาเสียดื้อๆ
"ไจ่ไจ๋! ชักจะเกเรใหญ่แล้วนะ! อยากโดนตีหรืองัย!"  เคนทำเสียงดุใส่น้อง
"ก็เอาสิ! พี่จะตีผมเพราะผู้หญิงคนนั้นก็เอาเลย! ให้มันรู้กันไปว่าพี่ชายแท้ๆของผมเห็นผู้หญิงดีกว่าน้อง!"  ไจ่ไจ๋พูดจบก็มองหน้าพี่ชายอย่างท้าทาย เคนมองหน้าเจ้าน้องชายจอมเกเรแล้วเดินเข้าไปหาก่อนจะจับน้องหันหลังแล้วใช้มือตีก้นน้องไปสองทีเป็นการสั่งสอน
"พี่กลาง!"  ไจ่ไจ๋ร้องครางอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ชายจะตีเขาจริงๆ แม้จะไม่ได้เจ็บอะไรมากมายแต่กลับทำให้ไจ่ไจ๋ถึงกับน้ำตาร่วงด้วยความน้อยใจพี่ชาย
"วันนี้นายเกเรกับพี่มากเลยนะไจ่ไจ๋ ถ้าไม่อยากให้พี่โกรธก็อย่าทำแบบนี้อีก"  เคนต่อว่าน้องชายแต่ก็อดที่จะใจอ่อนไม่ได้เมื่อเห็นน้ำตาของน้องชาย
"ผมรอพี่มาทั้งวัน แต่พอกลับมาพี่กลางก็เอาแต่ดุผม"  น้องเล็กว่าพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้น เคนถอนหายใจแล้วดึงน้องมากอด
"แล้วพี่ดุนายเพราะอะไร?"  เคนถามพร้อมกับเอามือเช็ดน้ำตาให้น้อง
"เพราะนายไม่ยอมฟังอะไรเลยใช่มั๊ย? เป็นอะไรน่ะ? ทำไมวันนี้ถึงดูหงุดหงิดจัง?"  เคนก้มหน้าถามน้องต่อแต่ไจ่ไจ๋ไม่ตอบกลับกอดแล้วซุกหน้าลงกับอกพี่ชาย
"เฮ่อ! ก็เพราะเรามันดื้อแบบนี้พี่ถึงต้องตีเอาบ้างน่ะสิ เงียบได้แล้ว....."  เคนว่าพร้อมกับลูบหลังให้น้องชายไปด้วย
"พรุ่งนี้มีสอบอีกมั๊ย?"  เคนถามน้องด้วยน้ำเสียงอ่อนลง 
"พรุ่งนี้ไม่มี มีวันมะรืน"  ไจ่ไจ๋ตอบ
"งั้นไปอ่านหนังสือเถอะ คืนนี้คงอ่านได้ดึกหน่อยเพราะพรุ่งนี้ไม่ได้ไปไหน"  เคนว่าก่อนจะพูดเอาใจน้องอีก
"แล้วสอบเสร็จเมื่อไหร่พี่จะพาไปเที่ยว"  พูดจบเคนก็เอามือตบแก้มน้องเบาๆ
"จริงนะพี่กลาง"  ไจ่ไจ๋ได้ยินเช่นนั้นก็หูผึ่งรีบถามย้ำพี่ชายทั้งที่น้ำตายังไม่ทันจะแห้งดี 
"อืม....พี่เคยหลอกนายหรอ?"  เคนตอบพร้อมกับย้อนถาม ซึ่งไจ่ไจ๋ก็ส่ายหน้าแทนคำตอบ เคนยิ้มเล็กน้อยแล้วหอมแก้มเจ้าน้องชายตัวแสบด้วยด้วยความหมั่นไส้ ไจ่ไจ๋เอามือโอบรอบลำคอพี่ชายอย่างประจบ
"พี่กลางรักผมมั๊ย?"  ถามพี่ชายกลับไป
"จะรักดีหรือเปล่าน้อ?"  เคนแกล้งรำพันออกมา
"ต้องรักสิ"  ไจ่ไจ๋โอดครวญ ทำให้เคนหัวเราะออกมาได้ 
"ในเมื่อนายเองก็รู้ดีอยู่แล้วจะมาถามทำไมอีก"  เคนว่าพร้อมกับบีบจมูกน้องไปด้วย
"ผมแค่อยากฟังเพื่อความแน่ใจ"  ตอบพร้อมกับจ้องหน้าพี่ชาย
"เออ! รักก็รัก!"  เคนว่าแล้วก็ส่ายหน้ายิ้มๆกับความไม่รู้จักโตของน้องชาย
"ไม่เอาแล้ว พี่เหนียวตัวมากเลยอยากอาบน้ำจะแย่"  ว่าพร้อมกับจับมือเจ้าน้องชายตัวดีที่นัวเนียเขาอยู่ออก
"นายก็ไปอ่านหนังสือได้แล้ว"  ไจ่ไจ๋ไม่ตอบว่าอะไรยอมปล่อยให้พี่ชายลุกไปแต่โดยดี
"เดี๋ยวผมส่งเมลสรุปย่อเรื่องที่จะสอบไปให้เพื่อนก่อนแล้วจะขึ้นไปอ่านหนังสือต่อ"  ไจ่ไจ๋บอกกับพี่ชาย
"อืม....แล้วอย่าแชทเพลินนะ"  เคนว่าพร้อมกับเดินมาขยี้หัวน้องก่อนจะเดินขึ้นห้องตัวเองไป
"ฮึ! มาอยู่ไม่กี่วันทำเอาคนอื่นป่วนไปได้ซะขนาดนี้! เดี๋ยวคอยดูเถอะ!"  หลังจากเคนออกไปแล้วไจ่ไจ๋ก็พึมพำออกมาเบาๆพร้อมกับคิดแผนการบางอย่างได้ในหัว




 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2560    
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2560 21:13:37 น.
Counter : 2761 Pageviews.  

Chapter 102





 ตอนที่ 102

"กลับมาซะมืดเลย"  ไจ่ไจ๋วิ่งออกมารับพี่ชายสองคนที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านพร้อมกับเอ่ยปากบ่น
"พี่ใหญ่พาไปดูไนท์ซาฟารีมา"  เคนเล่าให้น้องชายฟัง   
"ไม่ชวน!"  ไจ่ไจ๋ว่าพร้อมกับทำหน้ามุ่ย
"ไว้วันหลังจะพาไป"  เจอร์รี่ว่าพร้อมกับขยี้หัวน้องเล็ก
"วันไหน?"  ไจ่ไจ๋ถามรุกพี่ชายอีก
"อะไรอีกเนี่ย? จะหาเรื่องพี่หรืองัย?"  เจอร์รี่ว่าพร้อมกับส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
"ก็ตอบมาสิว่าจะพาไปวันไหน?"  น้องเล็กหน้างอหนักกว่าเก่า
"ก็บอกว่าวันหลัง รอให้พี่ว่างก่อน"  พี่ใหญ่ตอบแล้วเดินหนีไปนั่งลงที่โซฟาในบ้าน 
"ทำไมจะพาผมไปถึงต้องรอให้ว่าง? ทีเวลาพาพี่กลางไปยังลางานไปได้เลย"  น้องเล็กเริ่มรวน
"มีเหตุผลหน่อยนะไจ่ไจ๋ วันนี้เหตุผลสำคัญที่พี่หยุดงานเพราะจะพาพี่กลางมันไปหาหมอ แต่เรื่องเที่ยวนี่..."  เจอร์รี่เองก็ไม่รู้จะอธิบายยังงัยเลยหันไปขอความช่วยเหลือจากเคน
"พี่ขอให้พี่ใหญ่พาไปเอง นายจะหงุดหงิดอะไรเนี่ย? เอ้า! ซื้อมาฝาก"  เคนเอ่ยปากแทนพี่ชายพร้อมกับทำหน้าเอือมระอาน้องชายแต่ก็ส่งถุงอาหารที่ซื้อมาส่งให้น้องชาย ไจ่ไจ๋ทำหน้ามุ่ยแต่ก็รับไปเปิดดู
"อิ่มไปตั้งนานแล้ว!"  บ่นอุบอิบต่อแล้ววางถุงนั้นลงบนโต๊ะ
"มันฟาดงวงฟาดงามาได้ซักพักแล้ว เห็นบ่นว่าวันนี้มีแต่เรื่องขัดใจทั้งนั้น"  แวนเนสพูดขึ้นยิ้มๆเพราะรู้ว่าเหตุผลที่น้องชายเริ่มเกเรเพราะติดไม่พอใจที่แผนการที่วางไว้เป็นอันต้องล้มเลิก
"อ้อ!"  เคนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีเลยหัวเราะออกมาด้วย
"เอาน่า! อย่าหงุดหงิดไปเลย เชื่อพี่เถอะว่าวันพระไม่ได้มีหนเดียวหรอก"  เคนว่าพร้อมกับโยกหัวน้องเบาๆ
"พูดง่ายหนิ! ตัวเองได้เที่ยวสมใจแล้วแต่ผมกับพี่รองอุตส่าห์รอมาทั้งวันเพื่อหวังจะได้....."  ก่อนที่เจ้าน้องเล็กจะทันได้หลุดปากถึงแผนการชั่วร้ายของพวกเขาออกมาเคนก็รีบเอามืออุดปากน้องได้ทัน ซึ่งท่าทางของน้องทำให้เจอร์รี่ผิดสังเกตทันที
"มีอะไรกัน?"  ถามออกมาด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย คราวนี้เจ้าน้องเล็กที่กำลังเกเรกลับกลายเป็นเทวดาตัวน้อยทันที
"ไม่มีอะไรครับ ผมบ่นไปเรื่อยแหละ ก็อ่านหนังสือมันเครียดนี่น่า"  ไจ่ไจ๋ว่าเสียงอ่อนลงแล้วรับมานั่งกระแซะพี่ชายคนโตเป็นการประจบ
"เมื่อกี้ก็ปวดหัวตุ๊บๆ กินยาก็ยังไม่หาย"  พูดจบก็เอาหัวซบลงที่ไหล่พี่ชายอย่างรู้งาน เจอร์รี่เหล่มองเจ้าน้องชายตัวดีก่อนจะเอามือผลักหัวน้องขึ้น
"อย่านอกเรื่อง เมื่อกี้พี่ได้ยินว่านายกับเจ้าพี่รองรอที่จะทำอะไรกัน?"  พี่ใหญ่ไม่เชื่อว่าเจ้าน้องชายตัวแสบจะไม่มีอะไรอย่างที่ปากว่า
"แล้วนายทำไมต้องปิดปากไม่ให้น้องพูดต่อ?"  เปลี่ยนสายตามาที่เคนที่ได้แต่ทำหน้าแหยๆ 
"คือ....."  เคนอ้ำอึ้งเพราะยังนึกข้อแก้ตัวไม่ออก ในตอนนั้นแวนเนสจึงเอ่ยขึ้นมา
"ไหนๆแผนการมันก็ล่มแล้วงั้นบอกพี่ใหญ่ไปก็ไม่เป็นไรหรอก"  คำพูดของแวนเนสทำเอาน้องชายทั้งสองคนหันขวับมามองพร้อมกัน
"ได้งัยเล่า!"  ไจ่ไจ๋ทำเสียงดุพี่ชายเบาๆ เพราะหากสารภาพออกไปเขาคงโดนดุมากที่สุดเนื่องจากเป็นตัวต้นคิด
"เอาเถอะ! พี่ใหญ่ต้องเข้าใจอยู่แล้ว พี่บอกแต่แรกแล้วว่าไม่เห็นต้องทำลับๆล่อๆกันขนาดนี้เลย กะอีกแค่นายอยากจะดูหนังโป๊เนี่ย!"  คำพูดของแวนเนสทำเอาเคนกับไจ่ไจ๋อ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง อันที่จริงหากแวนเนสพูดความจริงน้องชายทั้งคู่คงไม่ตะลึงขนาดนี้ แต่คนที่อึ้งมากที่สุดเห็นจะเป็นผู้อาวุโสที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งหมด
"อะไรนะ?"  เจอร์รี่ถามย้ำเพราะนึกว่าตัวเองหูฝาด
"ชั้นจะเล่าให้ฟังก็ได้ เรื่องของเรื่องก็คือเจ้าเสี้ยวเทียนมันได้หนังโป๊มาใหม่ แล้วเจ้าไจ่ไจ๋มันก็อยากรู้อยากเห็นเลยขอดูบ้าง แต่ครั้นจะให้นายรู้ก็คงโดนด่ากันเปิดเปิง มันเลยวางแผนว่าไหนๆวันนี้นายต้องพาเสี้ยวเทียนมันไปหาหมออยู่แล้วก็ให้เสี้ยวเทียนอ้อนขอให้นายพาไปโน้นไปนี่ต่อ เพื่อที่จะได้มีทางสะดวกในการดูสิ่งล่อแหลม"  คำอธิบายของแวนเนสทำให้น้องชายสองคนพูดอะไรไม่ออก 
"เสี้ยวเทียน!!"  เสียงเรียกของพี่ใหญ่ทำเอาเคนสะดุ้งโหยง
"เฮ้ย!!! ไม่ใช่นะ!!"  เคนรีบปฏิเสธให้วุ่น แต่พอเห็นแวนเนสขยิบตาให้เออออก็ต้องถอนหายใจดังเฮือก
"ความจริงที่ไม่ใช่เพราะว่าหนังมันไม่ใหม่แล้ว มันเก่าแล้วหละ"  เคยยอมรับมุขพี่ชายเพราะคิดดูแล้วอย่างนี้เพียงแค่โดนด่าแต่หากบอกความจริงไปว่าวางแผนจะแกล้งพี่ชิงชิงกันมีหวังได้เจ็บตัวกันถ้วนหน้า
"ผมก็แค่อยากรู้ แต่ยังไม่ทันดูเลยนะเพราะพวกพี่กลับมากันก่อน"  ไจ่ไจ๋พูดแทรกขึ้นมาบ้าง ซึ่งตอนนี้กลายเป็นพี่ใหญ่ที่เป็นฝ่ายกระดากเสียเอง
"ไอ้เรื่องแบบนี้มันดีนักหรืองัย! ดูไปแล้วมันทำให้ชีวิตดีขึ้นหรอ?"  เอ็ดตะโรใส่เจ้าน้องชายทั้งสองคน
"มันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์นี่หว่า ให้มันดูในบ้านดีกว่าไปดูกับคนอื่นนะโว้ย"  แวนเนสพูดกับพี่ชายแล้วบอกให้พี่ชายอย่าคิดมาก
"ช่างมันเถอะ แค่นี้เอง"  เจอร์รี่หันมาจ้องหน้าแวนเนส
"นายน่ะตัวดี! น้องมันคิดจะทำอะไรไม่ดีไม่งามหละไม่เคยห้าม ซ้ำยังส่งเสริมอย่างออกนอกหน้าอีก!!"  แวนเนสทำหน้าแหยๆ 
"เอาเถอะน่า! บ่นไปก็เท่านั้น ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วไปนอนตากแอร์ให้สบายดีกว่าไป...."  ว่าแล้วแวนเนสก็จัดการดุนหลังพี่ชายให้ขึ้นไปข้างบน 
"อย่าให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกหละ ไม่งั้น....."  พี่ใหญ่ไม่พูดต่อเพียงแต่ชี้หน้าน้องๆแล้วขึ้นไปชั้นบนตามแรงดันของน้องชายคนรอง
"นี่แหนะ! ไอ้เรื่องชั่วๆหละโยนให้ชั้นเลยนะ!"  เมื่อเจอร์รี่หายลับตาไปแล้วเคนก็เดินไปตบหัวแวนเนสอย่างหมั่นไส้
"โอ้ย! อะไรเล่า! นี่ชั้นอุตส่าห์ช่วยนะโว้ย!"  แวนเนสเอามือลูบหัวพลางโวยวาย
"ช่วยตายหละ! พี่รองทำผมเสียภาพพจน์หมดเลย!"  ไจ่ไจ๋โวยใส่บ้าง
"หึๆๆๆ นายยังมีอะไรต้องเสียอีกหรอไอ้ตัวดี?"  แวนเนสขำกับคำพูดของน้อง
"เอาน่า! ดีกว่ามันรู้ว่าพวกเราวางแผนที่จะ...."  แวนเนสไม่พูดต่อจนจบแต่เป็นอันเข้าใจตรงกัน ในขณะที่สามพี่น้องคุยกันอยู่นั้นพี่ใหญ่ก็เดินกลับลงมาโดยที่เจ้าตัวแสบทั้งสามคนไม่ทันได้สังเกต
"พอพี่ไม่อยู่หละร่าเริงกันทีเดียวเชียวนะ!"  เจอร์รี่แกล้งพูดแทรกขึ้นมาเล่นเอาจอมวางแผนทั้งสามคนสะดุ้งไปตามๆกัน
"ละ....ลงมาทำไมอีก?....."  แวนเนสถามเสียงตะกุกตะกัก
"ทำไม? เห็นพวกนายคุยกันสนุกก็อยากมาคุยด้วยน่ะสิ"  ว่าพลางมองเจ้าน้องชายทั้งสามคนเรียงตัว
"เมื่อกี้เหมือนได้ยินว่าพวกเราสามคนวางแผนอะไรกันนะ?"  เจอร์รี่ถามแบบคาดคั้นกลายๆ
"เปล่า! ไม่มีอะไรหนิ!"  แวนเนสปฏิเสธเป็นพัลวันซึ่งเคนกับไจ่ไจ๋ก็พยักหน้าหงึกๆตามไปด้วย
"แน่ใจหรอ?"  ถามย้ำอีกครั้งทั้งที่แน่ใจแล้วว่าเจ้าน้องชายสุดที่รักทั้งสามคนของเขาคงมีแผนไม่ชอบมาพากลเป็นแน่
"เอ๊ะ! นึกได้ว่านัดให้เพื่อนโทรมาตอนสามทุ่ม ผมขอตัวขึ้นห้องก่อนนะครับ"  ไจ่ไจ๋เห็นท่าไม่ดีเลยรีบหาทางเอาตัวรอดเสียก่อน
"งั้นเดี๋ยวคืนนี้พี่ไปนอนกับนายแล้วกันนะ"  พี่ใหญ่พูดพร้อมกับยิ้มเย็นๆ เล่นเอาเจ้าน้องเล็กขนลุกซู่อย่างไม่มีสาเหตุ
"ไม่ดีหรอกครับพี่ใหญ่"  ไจ่ไจ๋แก้สถานการณ์ด้วยการเดินเข้าไปกอดแขนพี่ชาย
"ทำไมหละ? ทุกทีเห็นเราอ้อนให้พี่ไปนอนด้วย"  เจอร์รี่ถามกลับ
"ก็คืนนี้ผมต้องอ่านหนังสือดึกนี่น่า พรุ่งนี้ผมมีสอบแล้วนะครับ"  พูดจบก็เอาหัวซบไหล่พี่ชายอย่างรู้งาน 
"อ้อ! มันก็จริง...."  เจอร์รี่ทำทีคล้อยตามแล้วยิ้มให้น้องอีกครั้ง
"งั้นก็รีบไปอ่านหนังสือเถอะ เทอมนี้พี่อยากเห็นตัว A เยอะๆ"  ว่าพลางเอามือขยี้หัวน้องด้วยความหมั่นไส้แกมเอ็นดู
"อื้ม!! ผมจะพยายามครับ!"  น้องเล็กหอมแก้มพี่ชายฟอดใหญ่ก่อนจะส่งสายตาให้พี่ชายอีกสองคนหาตัวรอดกันเอาเองแล้วรีบกลับขึ้นห้องนอนทันที
"แวนเนสน้องรัก วันนี้พี่ใหญ่ไปนอนห้องนายแล้วกันนะ"  เมื่อน้องเล็กรอดตัวไปแล้วเจอร์รี่ก็หันมาทางแวนเนส
"ไม่ได้! คืนนี้ชั้นต้องใช้สมาธิในการอ่านบทละครที่เสนอเข้ามาให้จบเพราะโดนบริษัทเร่งมาแล้ว"  แวนเนสที่เตรียมหาข้ออ้างไว้ก่อนแล้วตอบอย่างคล่องแคล่ว
"งั้นชั้นนอนเฉยๆไม่รบกวนก็ได้"  พี่ใหญ่ต่อรอง
"ไม่ดีหรอก ชั้นเห็นนายอยู่ด้วยไม่วายต้องคุยกันอยู่ดี"  แวนเนสตอบแล้วขยับเข้าไปบีบนวดแขนให้พี่ชายอย่างประจบประแจง
"นายน่ะต้องพักผ่อนให้เพียงรู้เปล่า เพราะฉะนั้นนอนที่ห้องพ่อแม่แหละดีแล้วจะได้ไม่มีใครกวน"  พี่ใหญ่ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เขาพอจะเดาออกว่าที่บรรดาน้องชายทั้งหลายไม่อยากให้เขาไปนอนด้วยเพราะกลัวจะเผยพิรุธมาให้เขาเห็น
"ว่าแล้วชั้นไปนอน เอ้ย! ไปอ่านบทก่อนนะ ฝันดีหละ!"  พูดจบก็วิ่งหายวับไปภายในพริบตา เคนมองตามพี่น้องสองคนที่หนีเอาตัวรอดกันไปได้ง่ายๆด้วยความรู้สึกนึกเคืองอยู่ไม่น้อย
"ไม่มีอะไรแล้วชั้นก็ไปนอนดีกว่า"  เคนพูดเร็วๆแล้วลุกขึ้นทันที เจอร์รี่จึงลุกขึ้นตามด้วย
"งั้นชั้นไปนอนกับนายแล้วกัน คืนนี้นายคงไม่ต้องศึกษาเมนูอาหารหรอกมั้ง?"  พี่ใหญ่ว่าพร้อมกับพูดดักคอไว้ด้วย ทำเอาเคนหน้าเจื่อนลงทันตาเห็น
"ทำไมวันนี้นายถึงทำตัวขาดความอบอุ่นนักนะ? ปกติก็นอนคนเดียวได้แต่ไหงวันนี้ถึงจะมาขอนอนกับคนนั้นคนนี้"  เคนแกล้งต่อว่าพี่ชายกลบเกลื่อน
"ชั้นจะไปนอนกับน้องเพื่อพูดคุยกันบ้างไม่ได้หรืองัย?"  เจอร์รี่ถามกลับพร้อมกับหรี่ตาคล้ายกำลังจับพิรุธเจ้าน้องชายตัวดี
"ชั้นไม่มีเรื่องอะไรจะคุยด้วยหรอก เหนื่อยจะตาย แล้วหมอบอกว่าชั้นต้องพักผ่อนมากๆด้วย ถ้าขืนนายมานอนคุยด้วยก็ไม่ได้พักผ่อนกันพอดี"  พูดจบเคนก็ไม่รอฟังคำตอบโต้ของพี่ชายอีก เขารีบลุกก้าวยาวๆวิ่งขึ้นบันไดไปทันที
"ทำตัวน่าสงสัยกันจริงๆ เฮ่อ! เจ้าเด็กสามคนนี้มันอายุเท่าไหร่กันแล้วนะ?"  พี่ใหญ่บ่นอุบพลางส่ายหน้าไปมาอย่างอย่างเอือมระอา

- ตอนเช้า -
"ไจ่ไจ๋หละ?"  เจอร์รี่เอ่ยถามน้องชายสองคนที่นั่งคุยกันอยู่บนโต๊ะอาหารเช้า
"ยังไม่ตื่นมั้ง"  เคนตอบพี่ชาย
"อะไรนะ!? วันนี้น้องมันมีสอบไม่ใช่หรอ?"  เจอร์รี่อุทาน
"อ้าวหรอ? ไม่เห็นรู้เลย"  เคนทำหน้าเหลอ
"รีบขึ้นไปปลุกน้องเดี๋ยวนี้เลย! เดี๋ยวไปสอบไม่ทันพอดี!"  พี่ใหญ่สั่งให้เคนรีบไปปลุกน้องเล็ก 
"แล้วห้ามเล่นกันนะ"  ตะโกนบอกน้องไล่หลัง ก่อนจะส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา
"วันนี้ไจ่ไจ๋สอบหรอ?"  แวนเนสถามพี่ชายขึ้นมาบ้าง
"ก็ใช่น่ะสิ! ดูซิ....ป่านนี้ยังนอนไม่ตื่นเลย"  เจอร์รี่ตอบแล้วไม่วายบ่นต่ออีก
"ไม่รู้ทำไมถึงชอบทำอะไรในนาทีสุดท้ายอยู่เรื่อย เมื่อคืนชั้นเข้านอนตอนเที่ยงคืนกว่าเดินผ่านห้องเจ้าไจ๋เห็นว่ายังเปิดไฟอยู่เลยเข้าไปดู มันบอกว่ายังอ่านหนังสือไม่จบเลย เฮ่อ! ชั้นหละเบื่อเจ้าเด็กคนนี้จริงๆ"  เจอร์รี่บ่นต่ออีกยืดยาวส่วนแวนเนสได้แต่ยิ้มๆ
"แล้วนายน่ะ....."  เจอร์รี่ยังพูดไม่ทันจบแวนเนสก็ร้องแทรกขึ้นมาก่อน
"เฮ้ย!! วันนี้ชั้นตื่นเองนะ ไม่ต้องมาหาเรื่องบ่นเลย"  เมื่อได้ยินน้องดักคอพี่ใหญ่จึงเอื้อมมือไปผลักหัวน้องชาย
"ร้อนตัวทำไม! ชั้นยังพูดไม่ทันจบเลย!"  แวนเนสหัวเราะเบาๆแต่โดนพี่ใหญ่ค้อนใส่เข้าให้ก่อนจะหันไปมองรอบๆ
"พี่ชิงชิงไปไหน?"  ถามหาเอากับน้องอีก
"ไม่รู้ ทำไมนายถึงต้องใส่ใจนัก"  แวนเนสตอบพร้อมกับถามเป็นเชิงจิกกัด
"เขาเป็นแขกของบ้านเราทำไมชั้นถึงจะใส่ใจไม่ได้?"  ย้อนถามน้องอย่างหาเรื่อง
"เปล่า!"  แวนเนสปฏิเสธเสียงสูง ในตอนนั้นพี่ชิงชิงก็เดินกลับเข้ามาพอดี
"เหมือนได้ยินมีใครนินทาพี่อยู่"  เธอส่งเสียงทักหนุ่มๆอย่างอารมณ์ดี
"ไม่ได้นินทาครับ แค่ถามถึงเฉยๆ"  เจอร์รี่หันไปยิ้ม
"ไปออกกำลังกายมาหรือครับ?"  เมื่อเห็นว่าพี่ชิงชิงอยู่ในชุดวอร์มก็เอ่ยปากถาม
"ใช่.....แถวนี้อากาศดีนะ ว่างๆพวกเธอก็น่าจะออกไปวิ่งกันบ้าง"  เธอว่าแล้วก็เอาผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนบ่าเช็ดหน้าเช็ดตา
"บ้านนี้หากไม่มีความจำเป็นก็ไม่มีใครอยากตื่นเช้าหรอกครับ"  เจอร์รี่ว่ากระทบน้อง
"แม้แต่มีความจำเป็นยังไม่ค่อยอยากจะตื่นเลย ดูอย่างเจ้าไจ๋สิครับ วันนี้มีสอบแต่ยังนอนไม่ตื่นเลย"  เจอร์รี่ได้ทีนินทาน้องเล็กให้พี่ชิงชิงฟัง
"แต่ผมไปออกกำลังกายที่ฟิสเนตประจำนะครับ"  แวนเนสแย้งขึ้นมา
"ออกกำลังกายในฟิสเนตมันก็ดี แต่พี่ว่าหากเราได้สูดอากาศบริสุทธิ์ไปด้วยมันน่าจะดีกว่านะ ว่างๆลองไปวิ่งกับพี่ก็ได้"  พี่ชิงชิงแย้งพร้อมกับชักชวน
"ผมไม่มีเวลา"  แวนเนสปฏิเสธกลายๆ 
"แต่ผมว่ามันก็ดีนะครับ พรุ่งนี้เช้าพี่ชิงชิงรอผมด้วยแล้วกัน"  เจอร์รี่เห็นดีด้วยกับคำพูดนั้นจึงออกตัวขอไปด้วย แวนเนสมองพี่ชายอย่างหมั่นไส้ที่เออออกับพี่ชิงชิงทุกอย่างก่อนจะพูดแทรกเปลี่ยนเรื่อง      
"ทำไมเสี้ยวเทียนมันไปปลุกไจ่ไจ๋นานจัง สงสัยเจ้าตัวดีคงงอแงไม่ยอมลุกไปสอบแหงๆ"  เปรยขึ้นมาเพื่อเรียกความสนใจจากพี่ชาย แล้วก็ได้ผลเพราะเจอร์รี่หันมามอง
"นั่นสิ งั้นชั้นไปดูพวกมันหน่อยดีกว่า"  เจอร์รี่พูดจบก็เดินไปดูเจ้าน้องชายตัวดี
"พี่ชิงชิงกินข้าวกันครับ"  แวนเนสเอ่ยชวนพร้อมกับเชื้อเชิญให้พี่ชิงชิงกินข้าวเช้าด้วยกัน

- ที่ห้องนอนไจ่ไจ๋ -
"ไจ่ไจ๋! ตื่นได้แล้วโว้ย!"  เคนร้องเรียกเจ้าน้องเล็กจอมขี้เซาที่นอนคลุมโปงอยู่บนเตียง
"วันนี้มีสอบไม่ใช่หรอ? เดี๋ยวก็เข้าสอบไม่ทันหรอก!"  พูดพลางเขย่าตัวอย่างแรงๆ
"โอ้ย! รู้แล้วน่า!"  ไจ่ไจ๋ตอบรับอย่างรำคาญ
"รู้แล้วก็ลุกสิ!"  เคนเอ็ดน้องแล้วฉุดแขนเจ้าน้องชายตัวดีขึ้นมาด้วย
"พี่กลาง!! เดี๋ยวตกเตียง!!"  ไจ่ไจ๋ร้องอุทานแล้วยังไม่ทันขาดคำก็ร่วงมานอนแหมะอยู่ที่พื้นด้วยแรงลากของเคน
"ฮ่าๆๆๆ!!!!"  เคนหัวเราะร่าเมื่อแกล้งน้องได้ 
"พี่กลาง!!!!"  ไจ่ไจ๋เรียกพี่ชายอย่างเคืองๆก่อนจะพยุงตัวขึ้นยืนแล้วหันไปคว้าหมอนบนเตียงมาเขวี้ยงใส่พี่ชาย
"โอ้ย!"  เคนร้องเมื่อหมอนมาปะทะกับใบหน้าเขาเต็มๆ
"ไจ่ไจ๋! ไอ้เด็กบ้า!"  เคนชี้หน้าน้องชายพร้อมกับร้องด่า
"สมน้ำหน้า!"  ไจ่ไจ๋สำทับแล้วแลบลิ้นใส่พี่ชายให้ด้วย เคนเลยหันไปคว้าหมอนอีกใบมาบ้าง 
"ตายซะเถอะ!!"  เคนว่าแล้วก็เขวี้ยงหมอนไปทางน้องชายสุดแรง แต่ในตอนนั้นประตูถูกเปิดออกและคนที่เปิดก็ถูกหมอนที่ลอยออกจากมือเคนกระทบเข้าใบหน้าอย่างจัง 
"เฮ้ย!"  เคนกับไจ่ไจ๋ร้องอุทานขึ้นมาพร้อมกัน ส่วนคนที่รับเคราะห์แทนเจ้าน้องเล็กก็ดูเหมือนจะงงในตอนแรกแต่เมื่อได้สติก็ตวัดสายตาคมกริบไปยังเจ้าตัวปัญหาทั้งสองคน
"ขอโทษ"  เคนเอ่ยปากเสียงแผ่วสีหน้าสลดลงทันตาเห็น เพราะรู้ว่าตอนนี้สายตาของคนที่จ้องมานั้นมีแววโมโหมากขนาดไหน
"พี่กลางไม่ได้ตั้งใจนะครับพี่ใหญ่...."  ไจ่ไจ๋ออกโรงปกป้องพี่ชายแต่พูดไม่ทันจบประโยคดีเสียงเข้มๆของพี่ชายคนโตก็แทรกขึ้นมาก่อน
"ไจ่ไจ๋!! ถ้าภายในสิบนาทีนี้พี่ยังไม่เห็นนายที่โต๊ะกินข้าวแล้วหละก็.....โดนแน่!"  จบคำพูดประโยคนั้นไจ่ไจ๋ก็คว้าผ้าเช็ดตัววิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำโดยไม่รีรอ เมื่อจัดการกับเจ้าน้องเล็กเสร็จแล้วพี่ใหญ่ก็เปลี่ยนสายตาไปทางน้องชายอีกคน
"ชั้นขอโทษ"  เคนขอโทษพี่ชายอีกครั้ง พี่ใหญ่โยนหมอนกลับไปไว้บนเตียงแล้วก้าวยาวๆไปหาน้องชาย 
"ขอโทษครับพี่ใหญ่! ชั้นไม่ได้ตั้งใจจริงๆ! ให้สาบานก็ได้!"  เคนร้องบอกพลางถอยหลังหนีพี่ชายไปด้วย เพราะดูท่าแล้วเขาต้องโดนเล่นงานแน่
"ไม่ต้องหนี! มานี่!"  พี่ใหญ่ชี้หน้าน้องชายพร้อมกับสั่งเสียงเข้ม
"ก็ชั้นบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ จู่ๆนายก็พรวดพราดเข้ามาใครจะไปทันเห็นเล่า!"  เคนพยายามแก้ตัว 
"อย่าหาเรื่องได้มั๊ย? ชั้นก็ขอโทษไปแล้วจะเอาอะไรอีก"  เคนเริ่มหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าพี่ชายคงไม่เลิกราหากไม่ได้เล่นงานเขากลับ
"ชั้นสั่งให้มาทำอะไร"  พี่ใหญ่ถามเสียงนิ่งๆ เคนเงียบเพราะไม่รู้ว่าพี่ชายจะมาไม้ไหน
"ชั้นสั่งให้นายทำอะไร"  ถามย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้นตามลำดับ
"ปลุกน้อง"  เคนตอบห้วนๆ
"แล้วยังงัยอีก"  ถามต่อเสียงดุ ทำเอาเคนหน้าเจื่อนลงทันที 
"ตอบมา!"  เสียงของพี่ชายทำเอาเคนสะดุ้ง
"ห้ามเล่นกัน"  ตอบคำถามนั้นจบก็รู้ชะตากรรมของตัวเองทันที
"แล้วทำตามคำสั่งของชั้นหรือเปล่า?"  พี่ใหญ่ถามพร้อมจ้องหน้าน้องชาย
"แต่ไจ่ไจ๋มันเริ่มก่อนนะ ชั้นก็ปลุกมันดีๆแล้ว....."  เคนตั้งท่าจะแก้ตัวแต่พี่ใหญ่ก็แทรกขึ้นมาก่อน
"ไม่ต้องไปโทษน้อง! ตัวเองเป็นพี่หากไม่ยอมผสมโรงไปกับน้องซะอย่างน้องมันจะกล้าหรอ!"  เจอร์รี่ดุเคน
"เอะอะอะไรกันครับเนี่ย?"  ไจ่ไจ่ได้ยินเสียงเจอร์รี่โวยวายก็โผล่หน้าออกมาถามทั้งที่หัวยังเปียกโชก
"เหลืออีกห้านาที!"  พี่ใหญ่พูดเสียงดุโดยไม่หันไปมองน้องเล็ก ไจ่ไจ๋จึงรีบผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำทันที 
"เรื่องแค่นี้ทำไมต้องทำเป็นเรื่องใหญ่ด้วย?" เคนเอ่ยปากอย่างเอือมระอากับความเข้มงวดของพี่ชายและก่อนที่พี่ชายคนโตจะทันได้อ้าปากโต้ตอบไจ่ไจ๋ก็ออกมาพอดี
"ผมอาบน้ำเสร็จแล้วครับพี่ใหญ่! ขอพื้นที่ในการแต่งตัวด้วย"  ไจ่ไจ๋ออกมาช่วยชีวิตเคนได้ทันเวลา
"งั้นพี่ออกไปข้างนอกก่อนนะ"  เคนว่าแล้วก็วิ่งแจ้นออกจากห้องน้องชายทันทีเพราะรอเวลาที่พี่ชายเผลออยู่แล้ว
"เดี๋ยววันนี้ตอนเย็นเรามีเรื่องต้องเคลียร์กันยาว"  พี่ใหญ่พูดกับน้องเล็กทิ้งท้ายแล้วหมุนตัวออกไปเช่นกัน 
"เฮ่อ! ยังไม่สายมากซักหน่อย เหยียบคันเร่งปรื๊ดเดียวก็ถึงแล้ว ซีเรียสไปได้"  ไจ่ไจ๋บ่นอุบอิบกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะรีบแต่งตัวแล้วลงไปที่โต๊ะกินข้าวอย่างรวดเร็ว
"งัย! นอนเพลินเลยสิเรา!"  แวนเนสเอ่ยทักน้องชายคนเล็กที่วิ่งตึงตังลงมา
"เปล่าซักหน่อย"  ไจ่ไจ๋ปฏิเสธเบาๆ แล้วนั่งลงที่โต๊ะ
"ไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุกหรอไจ่ไจ๋?"  พี่ชิงชิงเอ่ยถาม
"เปล่าครับ"  ไจ่ไจ๋ตอบแบบไม่ใส่ใจนัก
"เธอน่าจะลองตั้งนาฬิกาปลุกเองบ้างนะ จะรอให้พี่ชายคอยตามปลุกทุกวันแบบนี้มันไม่ไหวหรอก หากเธอเอาแต่พึ่งพาคนอื่นมากเกินไปเกิดวันนึงต้องอยู่คนเดียวขึ้นมาจะทำยังงัย"  พี่ชิงชิงพูดเหมือนสั่งสอนตามประสาแต่ทำเอาไจ่ไจ๋ฉุนกึก
"ไม่มีทางที่พี่ชายผมทั้งสามคนจะทิ้งให้ผมอยู่คนเดียวหรอก! แล้วอีกอย่างคนเราต้องพึ่งพากันและกันคงไม่มีใครในโลกที่สามารถทำอะไรเองได้ทุกอย่างหรอก"  พูดจบก็รวบช้อนส้อมทั้งที่ยังไม่ทันลงมือกินข้าวเลย
"ผมขอตัว! เดี๋ยวไปสอบไม่ทัน!"  พูดจบก็ลุกออกไปทันที ท่ามกลางสีหน้าอึ้งๆของพี่ชายทั้งสามคนและพี่ชิงชิง
"พี่พูดด้วยความหวังดี ทำไมไจ่ไจ๋ต้องโกรธด้วย"  หลังจากที่น้องเล็กปึงปังออกไปพี่ชิงชิงก็เอ่ยปากขึ้นมาคนแรก
"คงหงุดหงิดที่โดนเร่งน่ะครับ แล้วก็คงกลัวไปสอบไม่ทันจริงๆนั่นแหละ"  แวนเนสแก้ตัวแทนน้องชาย 
"ผมขอโทษพี่ชิงชิงแทนน้องด้วยนะครับ"  เจอร์รี่เอ่ยปากขอโทษแทนน้องชาย
"เธอไม่ต้องขอโทษแทนน้องหรอก"  พี่ชิงชิงส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะถอนหายใจเบาๆแล้วพูดต่อ
"พี่ว่าส่วนนึงที่ไจ่ไจ๋เขาเป็นแบบนี้เป็นเพราะพวกเธอตามใจน้องมากเกินไป พี่ไม่ได้อยากจะว่าหรอกนะ แต่หากพวกเธอยังคอยประคบประหงมเขาแบบนี้ต่อไป ในอนาคตหากไม่มีพวกเธอคอยช่วยเหลือเขาจะอยู่ได้ด้วยตัวเองลำบากนะ"  พี่ชิงชิงพูดออกมาตามตรง
"พวกเราสามคนไม่มีวันทิ้งเขาแน่นอนครับ ต่อให้พวกเราแต่งงานไปหรือแยกไปมีครอบครัว หากว่าเขาอยากไปอยู่ด้วยพวกเราก็ยินดีอยู่แล้ว"  เคนเถียงขึ้นมาเสียงแข็ง
"เธอแน่ใจเรื่องในอนาคตถึงขนาดนั้นเชียวหรือ"  พี่ชิงชิงย้อนถามเสียงเรียบ เคนตวัดสายตาขึ้นมามองพี่ชิงชิงด้วยความไม่พอใจ
"ผมมั่นใจว่าครอบครัวของผมทุกคนให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวมากกว่าสิ่งอื่น คนที่มีชีวิตครอบครัวที่ล้มเหลวอย่างพี่คงไม่เข้าใจ"  เคนตอกกลับพร้อมกับเหยียดริมฝีปากเล็กน้อย
"เสี้ยวเทียน!!!"  พี่ชายทั้งสองคนร้องเรียกชื่อน้องออกมาพร้อมกัน ถึงจะรู้ว่าเคนเป็นคนปากไวแต่ไม่คิดว่าน้องจะกล้าพูดถึงขนาดนี้ ส่วนพี่ชิงชิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็สะอึกจนพูดไม่ออก 
"มากเกินไปแล้วนะเสี้ยวเทียน! ขอโทษพี่ชิงชิงเดี๋ยวนี้!"  เจอร์รี่ออกคำสั่งเสียงเข้ม แต่เคนทำเฉย
"เสี้ยวเทียน!!"  เจอร์รี่เสียงเข้มขึ้นตามลำดับ เคนมองหน้าพี่ชายด้วยท่าทีฮึดฮัดแล้วลุกขึ้นจะเดินออกจากโต๊ะอาหาร
"นั่งลง!"  พี่ใหญ่สั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด เคนเม้มปากแต่ยังไม่ยอมนั่งลง แวนเนสเห็นท่าไม่ดีจึงลุกมาหาน้อง
"เสี้ยวเทียน นั่งลงแล้วขอโทษพี่ชิงชิงซะ"  พูดกับน้องเบาๆ แล้วเอามือกดไหล่ให้น้องนั่งลง แต่เคนปัดมือแวนเนสออกแล้วเดินกระแทกส้นปึงๆออกไปจนได้ ทำเอาพี่ใหญ่โมโหจนเลือดขึ้นหน้าเขาลุกตามน้องชายออกไปติดๆ
"เจอร์รี่!"  แวนเนสที่พยายามจะรั้งพี่ชายไว้แต่ไม่ได้ผล เขาหันมาทางพี่ชิงชิงเป็นเชิงขอร้อง
"ช่วยห้ามเจอร์รี่หน่อยนะครับ ไม่งั้นเสี้ยวเทียนตายแน่"  แวนเนสร้องขอให้พี่ชิงชิงช่วย ยังไม่ทันขาดคำทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงเอะอะ พี่ชิงชิงรีบลุกเดินตามออกไปทันที
"ฤทธิ์มากนักใช่มั๊ย!?"  เจอร์รี่ที่ตามเคนออกมาติดๆกระชากแขนน้องอย่างแรง ทำเอาเคนเซถลาจนเกือบล้ม
"ทำไม!! เขาเป็นอะไรกับนายคนอื่นถึงแตะต้องไม่ได้!! เดือดร้อนอะไรนักหนา!!"  เคนขึ้นเสียงกับพี่ชาย
"หุบปาก!!"  พี่ใหญ่ตวาดใส่แล้วบีบแขนน้อง
"ปล่อย!!!"  เคนโวยวายแล้วสะบัดแขนแรงๆเพื่อให้พี่ชายปล่อยมือ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับแย่กว่าเดิมเพราะนอกจากแรงบีบจะมากขึ้นแล้วฝ่ามืออีกข้างของพี่ใหญ่ก็ฟาดลงมาตามเนื้อตามตัวเขาแบบไม่นับ เคนทั้งปัดป้องทั้งดิ้นรนแต่ยิ่งโดนพี่ชายตีหนักมือขึ้นไปอีก 
"เฮ้ย!!! พอแล้วเจอร์รี่!!!"  แวนเนสที่วิ่งตามออกมาร้องห้ามเสียงหลงพร้อมกับเข้าไปห้าม
"ชั้นบอกให้หยุดงัยเล่า!!"  แวนเนสตวาดใส่พี่ชายแล้วดึงตัวน้องออกมาได้ แต่เจอร์รี่ที่กำลังโมโหจัดยังเดินไปดึงตัวน้องแล้วลากมาตีต่ออีก 
"หยุดนะเจอร์รี่!!"  พี่ชิงชิงแผดเสียงร้องห้าม 
"พี่บอกให้หยุด!!"  คราวนี้พี่ชิงชิงเดินเข้าไปผลักเจอร์รี่อย่างแรง 
"เสี้ยวเทียน เป็นยังงัยบ้าง?"  แวนเนสรีบก้าวไปหาน้องชายที่ยืนหายใจหอบถี่อยู่ ตามแขนทั้งสองข้างเป็นรอยแดงเต็มไปหมด
"เข้ามาห้ามทำไม? ผมอยากจะโดนเขาตีตายมากกว่า"  เคนเค้นเสียงพูดกับพี่ชิงชิง เขานึกโทษพี่ชิงชิงที่เป็นต้นเหตุให้เขาโดนพี่ชายลงโทษ
"ถ้าจะหวังคำขอบคุณผมไม่มีให้ เพราะผมไม่ได้ร้องขอให้ช่วย"  พูดจบก็มองหญิงสาวด้วยแววตาแข็งกร้าว
"เสี้ยวเทียน!"  แวนเนสท้วงติงน้องอย่างไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่นัก 
"เฮ้ย!! จะทำอะไรมันอีก!!"  แวนเนสร้องด้วยความตกใจที่จู่ๆพี่ชายก็เดินตรงเข้ามาทางเคน
"ในเมื่อมันบอกว่าอยากจะโดนตีตาย! ชั้นก็จะสงเคราะห์ให้!"  พูดจบก็เงื้อมือขึ้นจะตี 
"แล้วทำให้ได้อย่างที่พูดนะ! ถ้าชั้นไม่ตายก็ไม่ต้องหยุด!"  เคนพูดท้าทายพี่ชายออกไปเพราะตอนนี้เขาเองก็กำลังโกรธมากจริงๆ ซึ่งคำพูดของเขาก็ไปสะกิดอารมณ์ที่กำลังเดือดดาลของพี่ชายให้พุ่งพล่านด้วยเช่นกัน 
"หยุดเดี๋ยวนี้นะเจอร์รี่!!!!!" พี่ชิงชิงตรงเข้าไปกันเจอร์รี่ไว้ก่อนที่จะทันได้ตีน้องอีก
"บ้าไปแล้วหรืองัย! นี่มันน้องเธอนะ!!"  พี่ชิงชิงตะโกนใส่หน้าทำให้สติของเจอร์รี่เริ่มกลับมา เขาพยายามระงับความโมโหอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปจ้องหน้าเจ้าน้องชายจอมเกเรอีกครั้ง 
"จะขอโทษพี่ชิงชิงมั๊ย?"  พี่ใหญ่เค้นเสียงถามน้องอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่เคนจะได้ตอบพี่ชิงชิงก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
"พี่ไม่ต้องการคำขอโทษ"  พี่ชิงชิงปฏิเสธเสียงเครียด 
"แต่เขาต้องขอโทษ"  เจอร์รี่เองก็มีท่าทีซีเรียสไม่น้อย
"พี่บอกว่าพี่ไม่ต้องการ!"  พี่ชิงชิงทำเสียงแข็งใส่เจอร์รี่เข้าให้บ้าง
"พี่ชิงชิง"  เจอร์รี่มองอดีตพี่เลี้ยงอย่างไม่เข้าใจ 
"พี่ไม่ต้องการคำขอโทษที่มาจากการถูกบีบบังคับ เพราะถ้ามันเป็นอย่างนั้นก็เท่ากับว่ามันไม่มีความหมายสู้ไม่ต้องพูดมันออกมาเลยดีกว่า"  พี่ชิงชิงว่าแล้วหันไปทางเคน
"ถ้าเธอไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองทำผิดก็ไม่ต้องขอโทษ"  เคนได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งไปเช่นกัน ตอนแรกเขานึกว่าพี่ชิงชิงจะโวยวายและสนับสนุนให้พี่ใหญ่ทำโทษเขา แต่เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็ทำให้เคนรู้สึกผิดอยู่ลึกๆเพราะเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองพูดแรงเกินไป 
"ได้! งั้นผมจะไม่บังคับให้เขาขอโทษพี่ชิงชิง"  เจอร์รี่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่อยากต่อความ เมื่อพูดจบก็เปลี่ยนสายตาไปที่น้องชายคนกลาง
"ไปหยิบไม้เรียวมา!"  ออกคำสั่งกับเคนด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ จนแวนเนสรู้สึกหนาวแทนเพราะดูท่าแล้วคราวนี้เคนต้องโดนพี่ใหญ่ตีหนักแน่ 
"เจอร์รี่! อย่าทำแบบนี้"  พี่ชิงชิงเอ่ยเตือนเสียงเรียบ แต่เจอร์รี่ไม่ได้สนใจกลับใช้สายตาบังคับให้น้องชายทำตาม เคนเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหยิบไม้เรียวมายื่นให้พี่ชายแต่โดยดี   
"เก็บไว้"  พี่ใหญ่ไม่รับแต่กลับบอกให้น้องชายถือไว้เอง เคนทำหน้าไม่เข้าใจแต่ก็ถือเอาไว้ แวนเนสเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าพี่ชายจะทำอะไร
"เก็บไว้.....แล้วเมื่อไหร่ถ้านายได้รู้สึกว่าตัวเองได้ทำผิดต่อพี่ชิงชิงจริง ถึงตอนนั้นค่อยเอามาให้ชั้น"  พูดจบก็หันไปทางพี่ชิงชิง
"แบบนี้คงไม่ถือว่าผมบังคับน้องแล้วนะครับ"  พี่ชิงชิงไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่ถอนหายใจเบาๆ ส่วนแวนเนสก็หันไปสบตาเคนที่ยืนทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่อย่างนั้น




 

Create Date : 24 มกราคม 2560    
Last Update : 24 มกราคม 2560 22:37:04 น.
Counter : 2655 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  
 
 

loving_zai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




[Add loving_zai's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com