Chapter 86

 ตอนที่ 86
"ยังหลับอยู่หรอเนี่ย"  เจอร์รี่กลับเข้ามาที่ห้องตัวเองอีกครั้งหลังจากไปนั่งจิบกาแฟอยู่เกือบสองชั่วโมงเพื่อปล่อยให้คนอื่นๆรวมทั้งเคนได้นอนพักผ่อน
"ขี้เซาจัง"  ต่อว่าน้องชายยิ้มๆแล้วเดินมาดูน้องใกล้ๆ 
"ไม่มีไข้แล้ว"  เอามือแตะลงที่หน้าผากน้องชายเพื่อตรวจดูว่าน้องยังมีไข้อยู่หรือเปล่า ในตอนนั้นเคนก็เริ่มขยับตัว
"เจ้าขี้เซา ตื่นแล้วหรอ?"  เจอร์รี่พูดแหย่น้องพร้อมกับยิ้มให้ เคนเอามือขยี้ตาด้วยความงัวเงีย
"อย่าขยี้ตาสิ ไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำก่อน"  พี่ใหญ่ดึงมือน้องไว้ไม่ให้ขยี้ตา
"กี่โมงแล้ว"  เคนถามพี่ชายเสียงอู้อี้
"ใกล้จะบ่ายโมง"  คำตอบนั้นทำให้เคนตาสว่างทันที
"ชั้นต้องรีบไปเข้างาน วันนี้ต้องเข้าสองกะด้วย"  เคนว่าแล้วก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าลวกๆ
"เสี้ยวเทียน!!"  พี่ใหญ่รีบคว้าตัวน้องไว้ก่อนที่จะทันได้วิ่งออกจากห้อง
"อะไรอีกเล่า! เดี๋ยวเข้างานไม่ทัน"  เคนตวัดเสียงใส่
"วันนี้อย่าเพิ่งทำงานเลยนะ พักผ่อนให้หายดีก่อน"  พูดกับน้องด้วยความเป็นห่วง
"นายอยากให้ชั้นตกงานจริงๆหรืองัย? แค่นี้ชั้นก็โดนหมายหัวไม่รู้กี่ดาวแล้ว"  เคนหันไปพูดใส่อารมณ์กับพี่ชาย
"ถ้าเพียงเพราะไม่สบายแล้วเขาจะไล่ออกนายก็น่าจะดีใจที่ออกมาจากบริษัทที่ใจแคบได้"  เจอร์รี่พูดเสียงจริงจัง
"บริษัทไม่ใจแคบหรอกแต่ชั้นเองนี่แหละที่ละอายแก่ใจเพราะทำงานให้เขาได้ไม่เต็มที่ทั้งที่เงินเดือนก็รับของเขาเต็ม"  เคนตวัดเสียงใส่แล้วล้มตัวนอนอย่างเซ็งๆเพราะรู้ดีว่าหากดึงดันไปทำงานคงได้ทะเลาะกับพี่ชายอีกแน่
"อย่าคิดมากสิ เวลาทำงานเราก็ทำให้เขาเต็มที่ไม่ใช่หรอ? แต่หากเกิดเรื่องสุดวิสัยขึ้นแบบนี้มันก็ช่วยไม่ได้"  พูดกับน้องเสียงอ่อนลง
"คิดถึงพี่รองกับน้องบ้างหรือเปล่า?"  แล้วก็เปลี่ยนเรื่องเอาเสียดื้อๆ เคนสบตากับพี่ชายแว๊บหนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ
"โทรไปหาดีมั๊ย?"  ถามลองเชิงน้องชาย 
"ไม่เอา"  เคนตอบแบบไม่ต้องคิด
"ทำไมหละ?"  ถามน้องกลับอย่างสงสัย
"ยิ่งได้คุยกันก็ยิ่งคิดถึง ไว้กลับไปบ้านแล้วค่อยคุยน่าจะดีกว่า"  เคนให้เหตุผลแล้วหลับตาลง
"แสดงว่าอยากเจอพี่รองกับน้องเหมือนกันน่ะสิ"  ถามซักไซร้น้องชายอีกแต่เคนไม่ตอบกลับพลิกตัวนอนหันหลังให้
"ถ้าได้เจอตอนนี้จะดีใจมั๊ย?"  ก้มหน้าลงมาถามน้องต่ออีก
"พูดไร้สาระอะไรอีกเนี่ย? จะให้ชั้นพักผ่อนไม่ใช่หรอ? แล้วนายไม่ยอมเงียบแบบนี้ชั้นจะนอนได้ยังงัย?"  เคนต่อว่าพี่ชายเข้าให้
"เพิ่งจะตื่นขึ้นมายังนอนหลับอีกหรอ?"  เคนไม่ตอบแต่ถอนหายใจเบาๆ
"พี่ใหญ่ถามนายซักเรื่องได้มั๊ย?"  หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเจอร์รี่ก็ตัดสินใจที่จะพูดเรื่องพ่อแม่กับน้อง
"อะไรหละ"  เคนย้อนถาม
"ตอนที่นายไปเที่ยวกับพ่อแม่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น"  เคนได้ยินก็อึ้งไปพักหนึ่ง
"นายก็รู้เรื่องแล้วไม่ใช่หรอ"  เคนย้อนถามพี่ชาย
"ก็รู้มาบ้างแต่พ่อแม่ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังละเอียดนัก"  เจอร์รี่ตอบน้องตามตรง
"อยากรู้รายละเอียดเพื่อที่จะได้หาเรื่องด่าชั้นใช่มั๊ย?"  เคนอดที่จะประชดพี่ชายไม่ได้
"ทำไมถึงพูดแบบนี้หละ?"  พี่ใหญ่เริ่มหน้าเครียดเมื่อได้ยินน้องว่าเช่นนั้น
"ช่างเถอะ เพราะยังงัยชั้นก็ผิดอยู่ดี"  เคนยักไหล่
"เรื่องที่ใครผิดมันไม่ใช่ประเด็น แต่นายควรรู้เอาไว้นะที่พ่อแม่เขาทำแบบนั้น....."  เจอร์รี่ยังพูดไม่ทันจบเคนก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
"เพราะว่าเขารักชั้น"  พี่ใหญ่นิ่งไปเมื่อน้องต่อคำนั้นขึ้นมา
"ชั้นฟังนายพูดแบบนี้มาเกือบยี่สิบปีแล้ว"  เคนพูดด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย
"ชั้นไม่ชอบให้ใครมาคิดแทนชั้น ทางที่ดีควรพูดกันตรงๆเลยจะดีกว่า"  พี่ใหญ่อ่อนใจกับความดื้อดึงของน้อง
"ที่พ่อแม่ทำแบบนั้นเพราะเขาไม่อยากทำให้นายโกรธอีก พวกเขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้นายพอใจไม่อยากให้นายสูญเสียสิ่งที่รักไปอีก"  เจอร์รี่แย้งคำพูดของน้องชาย
"คิดว่าทำแบบนี้ชั้นจะพอใจงั้นหรอ? งี่เง่าชะมัด! พวกเขาทำเพื่อจะให้ตัวเองสบายใจมากกว่า!"  เคนกระแทกเสียง
"เสี้ยวเทียน!!"  พี่ใหญ่ได้ยินน้องพูดเช่นนั้นก็เรียกชื่อน้องเสียงเข้ม 
"อย่านึกว่าชั้นมีเรื่องติดค้างนายอยู่แล้วชั้นจะไม่กล้าทำอะไรนายนะ!"  พูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ชั้นไม่คิดแบบนั้นหรอกเพราะรู้ดีว่าคงไม่มีอะไรที่นายไม่กล้าทำ"  เคนตอกกลับพี่ชายเป็นเชิงประชด
"รู้ก็ดี! เพราะฉะนั้นอย่าให้ชั้นได้ยินนายพูดกล่าวหาพ่อแม่อีกเด็ดขาด ชั้นจะเตือนแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น"  พี่ใหญ่ย้ำคำชัดเจน
"ชั้นไม่ได้กล่าวหาแต่มันเป็นความจริง พ่อแม่คิดเอาเองว่าชั้นทำใจไม่ได้ที่จะต้องเสียบ้านไปก็เลย....."  เคนหยุดพูดกระทันหันเพราะพี่ชายพูดแทรกขึ้นมาก่อน
"พ่อแม่ก็คือพ่อแม่ไม่ว่าเขาทำผิดยังงัยนายก็หนีความจริงข้อนี้ไม่ได้ แล้วนายก็ไม่มีสิทธิที่จะต่อว่าเขาเพราะถ้าไม่มีพวกเขาแม้แต่ชื่อของนายก็จะไม่มีปรากฏอยู่บนโลกใบนี้เลยด้วยซ้ำ"  เจอร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"และสิ่งที่นายควรจำใส่หัวเอาไว้ก็คือต่อให้วันนึงนายกลายเป็นคนที่ทั้งโลกรังเกียจมากที่สุด พ่อแม่ก็ยังจะรักนายจนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของพวกเขา"  พี่ใหญ่พูดเตือนสติน้องชาย ทำให้เคนนิ่งไปเช่นกัน
"ความจริงชั้นเองคงไม่ต้องพูดอะไรไปมากกว่านี้ก็ได้เพราะตอนที่พ่อวิ่งฝ่าเพลิงไฟเข้าไปช่วยนายออกมานั่นก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว"  แม้ไม่อยากพูดอะไรให้น้องสะเทือนใจอีกแต่ตอนนี้เจอร์รี่ก็เห็นว่ามันจำเป็นเพื่อที่จะให้น้องฉุกคิดได้
"จะไปไหน?"  ถามต่อเมื่อเห็นน้องลุกขึ้น
"กลับห้องพักของชั้น"  เคนตอบเสร็จแล้วก็เดินออกไปเงียบๆ เจอร์รี่ได้แต่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา

- ตอนเย็น -
"พี่รองคิดว่าหากว่าพี่กลางได้เห็นหน้าพวกเราจะอ้าปากค้างหรือเปล่า?"  ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายคนรองเสียงใส หลังจากที่กลับห้องไปพักผ่อนกันได้ซักพักไจ่ไจ๋ก็ชวนแวนเนสมาหาพ่อแม่ที่ห้องอีกครั้ง
"พี่ว่ามันคงทำหน้าแบบอึ้งๆ แล้วก็พูดเสียงห้วนๆว่า พวกนายมากันทำไม"  แวนเนสพูดเลียนแบบเสียงเคนเรียกเสียงหัวเราะจากพ่อแม่และน้องชายได้เป็นอย่างดี
"ชักอยากเจอแล้วสิ ไม่รู้ป่านนี้พี่กลางตื่นหรือยัง พี่ใหญ่ก็เงียบเลย"  น้องเล็กบ่นต่อแล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
"พี่เขาอาจจะนอนพักอยู่ก็ได้ แม่ว่าพวกเราออกไปเดินเล่นข้างนอกกันดีกว่า ไหนๆก็มาเที่ยวกันแล้ว"  แม่เอ่ยชวนทุกคน
"ดีครับ!"  แวนเนสกับไจ่ไจ๋ตอบรับพร้อมกัน
"ข้างบนเป็นโซนร้านอาหารครับ เราไปบนนั้นกันดีกว่า"  ไจ่ไจ๋พูดอย่างกระตือรือร้น
"งั้นผมไปตามพี่ใหญ่แล้วกัน ไปเจอกันข้างบนเลยนะ"  แวนเนสเสนอตัวแล้วลุกไปเคาะประตูห้องพี่ชายทันที
"เสี้ยวเทียนยังหลับอยู่หรอ?"  แวนเนสถามเมื่อพี่ชายมาเปิดประตูให้ เจอร์รี่ถอนหายใจเบาๆแล้วส่ายหน้า
"มันกลับห้องพักมันไปแล้ว"  ตอบด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ
"นายบอกมันไปแล้วหรอว่าพวกชั้นมา"  ถามพี่ชายต่ออีก
"เปล่า แต่พอดีมีมีเรื่องเถียงกันนิดหน่อย"  พูดจบก็ถอนหายใจ
"ยังไม่ดีกันอีกหรอ?"  แวนเนสเองก็พลอยมีสีหน้าไม่สบายใจไปด้วย
"ไม่เชิงหรอก น้องมันคุยกับชั้นก็จริงแต่ส่วนใหญ่จะประชดประชันมากกว่า ชั้นเองก็อ่อนใจจริงๆ"  พี่ใหญ่ตอบตามตรง
"พ่อแม่ให้มาชวนออกไปดูโน้นดูนี่บ้างน่ะ"  แล้วแวนเนสก็เปลี่ยนเรื่อง 
"อืม....เดี๋ยวชั้นขอไปหยิบกระเป๋าเงินก่อนนะ"  พูดจบเจอร์รี่ก็เดินหายเข้าไปในห้องโดยที่แวนเนสยังยืนรออยู่หน้าห้อง
"นายมาได้ยังงัย?"  เสียงที่ร้องทักทำให้แวนเนสหันขวับไปทางต้นเสียง แล้วก็เห็นว่าเป็นน้องชายคนกลางนั่นเอง
"เสี้ยวเทียน!"  แวนเนสตรงเข้าไปสวมกอดน้องอย่างคิดถึง
"เซอร์ไพรส์มั๊ยหละ?"  ถามน้องด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแต่เคนกลับหน้างอ
"เซอร์ไพรส์บ้าบออะไร! พวกนายเป็นบ้าอะไรกันเนี่ย? คิดจะมาก็มาอย่างนั้นหรอ?"  เคนแหวใส่พี่ชายชุดใหญ่ 
"จะโวยวายทำไมหละเสี้ยวเทียน? ที่ทุกคนมาอยู่ที่นี่ก็เพราะเขาเป็นห่วงนายทั้งนั้น"  พี่ใหญ่เป็นคนพูดเสียงเองเมื่อเห็นว่าแวนเนสยังอึ้งๆอยู่
"ทุกคน? นายอย่าบอกนะว่าพ่อแม่แล้วก็ไจ่ไจ๋ก็มาด้วยน่ะ?"  เคนหันไปทางพี่ใหญ่
"ใช่"  เจอร์รี่ตอบไปตามตรง
"โอ้ย! ชั้นอยากจะบ้า! ไม่มีอะไรทำกันแล้วหรืองัยถึงได้มายุ่งกับชั้นนักเนี่ย!"  เคนบ่นเป็นชุด
"นายจะโมโหทำไมเนี่ย? เห็นหน้าครอบครัวแล้วมันจะลงแดงตายหรืองัย?"  แวนเนสเอ็ดใส่น้องชายบ้าง
"ยังจะมีหน้ามาพูดอีก! ชั้นมาทำงานนะ! แล้วถ้าพวกนายอยู่ชั้นจะทำงานได้ยังงัย?"  เคนเถียงกลับ
"ไม่เป็นไรจ๊ะเสี้ยวเทียน ถ้าลูกลำบากใจงั้นเรากลับก็ได้"  เสียงแม่เอ่ยขึ้นมาจากทางด้านหลังโดยมีพ่อและไจ่ไจ๋เดินตามมาด้วย
"ทำไมมานี่หละไจ่ไจ๋?"  แวนเนสถามน้องเบาๆ
"ก็พ่อแม่บอกว่ามารอไปพร้อมกันดีกว่า"  ไจ่ไจ๋ตอบเสียงอ่อยๆ 
"ใช่ลูก พวกเราแค่อยากมาเห็นว่าลูกสบายดี ตอนนี้พ่อก็รู้แล้วว่าลูกไม่ได้เป็นอะไร งั้นพรุ่งนี้เราจะกลับบ้านกัน"  พ่อพูดพร้อมกับยิ้มให้ลูกชาย 
"ทำไมต้องกลับด้วย?"  ไจ่ไจ๋พูดขึ้นมาบ้าง
"เรามาเที่ยวมันก็เป็นสิทธิของเรา พี่กลางเขาเป็นใครที่จะมาห้ามไม่ให้พวกเราอยู่ที่นี่?"  ไจ่ไจ๋พูดพร้อมกับมองหน้าพี่ชายไปด้วย
"พี่กลางทำงานก็เรื่องของเขา แต่พวกเราห้าคนมาเที่ยวในฐานะนักท่องเที่ยวจะอยู่นานเท่าไหร่ใครก็ไม่มีสิทธิห้าม"  เคนมองหน้าน้องชายอึ้งๆ   
"ถ้าใครทนไม่ได้ก็กลับไปเองสิ! แต่ผมจะอยู่เที่ยวจนกว่าจะพอใจ!"  คำพูดของน้องเล็กทำเอาทุกคนนิ่งเงียบกันไปหมด
"นั่นสิ.....ใครจะกลับก็กลับไป ผมคนนึงหละที่ยังไม่กลับ นานๆทีถึงจะได้มาเที่ยวด้วยกันแบบนี้เรื่องอะไรจะกลับไปง่ายๆ"  แวนเนสพูดสนับสนุนคำพูดของน้องเล็ก
"ผมเห็นด้วยครับ กว่าเราจะได้มาเที่ยวกันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฉะนั้นผมก็ยังไม่กลับเหมือนกัน"  เจอร์รี่พูดเสริมอีกแรง
"แต่ว่า....."  แม่ตั้งท่าจะแย้งแต่พ่อกลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน
"ถ้าลูกสามคนยืนยันแบบนั้น งั้นพ่อก็ตามใจพวกลูกแล้วกันเพราะยังงัยพ่อแม่สองคนก็แพ้เสียงของลูกสามคนอยู่ดี"  คำพูดของพ่อทำให้ลูกชายทั้งสามคนยิ้มออกมาได้ยกเว้นเคนเท่านั้นที่ทำหน้างอ
"อยากอยู่ก็อยู่สิ! แล้วไม่ต้องมายุ่งกับชั้นแล้วกัน!"  เคนกระแทกเสียงแล้วหันหลังจะเดินกลับแต่เจอร์รี่ดึงแขนน้องไว้ก่อน
"เดี๋ยวสิ! แล้วนายมาที่ห้องชั้นทำไมกัน?"  ถามอย่างนึกขึ้นได้
"ยุ่ง!"  เคนปัดแขนพี่ชายออกแล้วเดินจากไปทันที สมาชิกที่เหลือมองหน้ากันไปมาก่อนจะประสานเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน    

- วันต่อมา -
"เสี้ยวเทียน! มาพอดีเลย.....ลูกค้าห้องนี้สั่งอาหารโดยระบุว่าให้นายเป็นคนทำ"  เพื่อนร่วมงานของเคนร้องบอกในขณะที่เคนเดินเข้ามาในครัว 
"แล้วยังกำชับว่าให้นายเป็นคนเอาขึ้นไปเสริฟด้วย สงสัยงานนี้ได้ติ๊บหนักแหงๆ"  พูดจบก็ตบไหล่เคนเบาๆ
"สั่งเยอะขนาดนี้เชียว? ทำไมเขาไม่ไปกินบุปเฟ่ต์เนี่ย?"  เคนมองรายการอาหารพร้อมกับบ่นเล็กน้อยแต่พอเห็นเลขห้องก็หน้ามุ่ยลงทันตาเห็น
"วุ่นวายชะมัด!"  บ่นต่อเบาๆแต่ก็ลงมือเตรียมอาหารให้ทันที
"ทุกทีไม่เห็นจะเคยบ่นลูกค้านี่ ทำไมวันนี้พอเห็นรายการอาหารแล้วถึงดูอารมณ์เสียขึ้นมาหละ?"  เพื่อนคนเดิมเอ่ยถาม
"ก็ลูกค้าห้องนี่น่ะเรื่องมากจะตาย"  เคนตอบในขณะที่ก้มหน้าก้มตาทำ
"ให้ชั้นช่วยแล้วกัน"  เสนอตัวที่จะช่วย
"ไม่ต้องหรอก ชั้นทำเองดีกว่า ขอบใจมาก"  เคนรีบร้องห้ามเพราะใจจริงแล้วเขาก็อยากทำอาหารให้ทุกคนในครอบครัวกิน
"เอางั้นหรอ? งั้นชั้นทำออเดอร์ห้องอื่นนะ"  พูดจบเพื่อนก็เดินไปทำอย่างอื่น
"ของทอดทั้งนั้น ต้องเป็นเจ้าไจ๋มันสั่งแหงๆ"  เคนดูรายการอาหารพร้อมกับบ่นไปด้วย
"เดี๋ยวก็ได้เจ็บคอกันพอดี"  บ่นน้องชายต่ออีก แต่ก็รีบทำอาหารทั้งหมดโดยเร็ว จนเมื่อผ่านไปครู่ใหญ่ก็ทำเสร็จ
"เดี๋ยวชั้นไปเสริฟอาหารก่อนนะ"  เคนร้องบอกเพื่อนร่วมงานเสร็จก็จัดการเอาอาหารทั้งหมดใส่รถเข็น
"ได้ติ๊บเยอะต้องเลี้ยงเพื่อนนะโว้ย!"  เสียงเพื่อนดังไล่หลังมาทำให้เคนได้แต่หัวเราะเบาๆ แล้วเดินไปที่ลิฟต์
"ก๊อกๆๆ!!!"  เมื่อมาถึงห้องพักของพี่ชายคนโตเคนก็เคาะประตูห้อง เพียงครู่เดียวประตูก็เปิดออกพร้อมกับเสียวเจี๊ยวจ๊าวภายในห้องที่ดังเล็ดลอดออกมา
"อาหารมาแล้ว!!"  ไจ่ไจ๋ร้องอย่างดีใจแล้วรีบเปิดประตูออกกว้าง
"อันนี้ของผมแหงๆ"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็รีบเปิดดูอาหารบนรถเข็นนั้นแต่แล้วก็ทำหน้าผิดหวัง
"ว้า....กุ้งเทมปุระมีแค่สองตัวเองหรอ? คราวที่แล้วมันมีตั้งสี่ตัวไม่ใช่หรอ?"  บ่นอุบเมื่อเห็นว่าอาหารไม่ได้เป็นดังคาด
"จะกินทำไมเยอะแยะ! ของทอดน่ะกินให้มันน้อยๆหน่อย!"  เคนเอ็ดน้องชายเข้าให้เพราะเขาเองไม่อยากให้น้องกินของทอดเยอะเกินไป
"คุณเชฟครับ....ผมสั่งอาหารมันก็เป็นหน้าที่ของคุณเชฟที่จะต้องทำให้ไม่ใช่หรอ? มาบ่นลูกค้าแบบนี้มันทำเกินหน้าที่ไปหรือเปล่า?"  น้องเล็กได้ทีต่อว่าพี่ชาย
"ในครัวเชฟมีหน้าที่ทำอาหารจริง แต่ตอนนี้ที่ยืนพูดกับนายอยู่เชฟคนนี้พูดในฐานะพี่ชายโว้ย!"  เคนเอ็ดใส่น้อง ทำให้สมาชิกคนอื่นถึงกับยิ้มออก ต่อให้เคนปั้นปึงกับทุกคนยังงัยแต่ใจจริงแล้วก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
"งั้นคุณพี่ชายอยู่กินข้าวด้วยกันนะ มื้อนี้พี่ใหญ่เลี้ยง"  น้องเล็กว่าพร้อมกับกอดแขนพี่ชาย
"ไม่ได้ พี่ต้องไปทำงานต่อ"  เคนส่ายหน้าแล้วยกอาหารทั้งหมดไปวางที่โต๊ะ
"เลิกงานกี่โมงลูก?"  แม่ถามลูกชายบ้าง
"ห้าทุ่มครับ"  เคนตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง
"งั้นเลิกงานแล้วมาคุยกันหน่อยเป็นงัย? หาไวน์มาซักขวดก็ดี"  แวนเนสเอ่ยชวน
"พรุ่งนี้ชั้นต้องทำงานอีก"  เคนตอบเป็นเชิงปฏิเสธ
"พรุ่งนี้ก็เรื่องของพรุ่งนี้สิ แต่วันนี้ต้องมานะ"  แวนเนสย้ำคำแบบไม่ให้น้องปฏิเสธ
"แวนเนส น้องไม่อยากมาก็อย่าบังคับน้องเลย"  แม่เตือนลูกชายคนรองเบาๆ
"ไม่ได้ พวกเรามาถึงนี่ทั้งทีเจ้าถิ่นอย่างมันจะไม่มาดูแลเลยหรืองัย?"  แวนเนสยังยืนกรานที่จะให้น้องมาหลังเลิกงาน
"ชั้นคิดดูก่อน ถ้าไม่เหนื่อยจะแวะมา"  เคนตอบแบ่งรับแบ่งสู้
"ไม่ต้องคิดหรอกพี่กลาง! ต้องมานะครับ"  ไจ่ไจ๋พูดเสริมอีกแรง เคนถอนหายใจเบาๆก่อนจะวางอาหารจานสุดท้ายลงบนโต๊ะ
"เรียบร้อยแล้ว"  เคนว่าแล้วพยักหน้าไปที่โต๊ะอาหาร 
"เท่าไหร่?"  เจอร์รี่เอ่ยถามพร้อมกับเปิดกระเป๋าเงินจะจ่ายให้น้อง
"ไม่ต้อง มื้อนี้ชั้นเลี้ยงเอง"  เคนตอบแล้วเหลือบตามองไปทางแวนเนส
"เดี๋ยวจะมีคนหาว่ามาถึงนี่ทั้งที่แต่เจ้าถิ่นไม่ดูแล"  ว่ากระทบพี่ชายจบก็เข็นรถเดินออกไป 
"ฮึ! ไอ้ลูกชายตัวดีของแม่นี่มันร้ายกาจจริงๆ"  แวนเนสว่าด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะ
"เราก็ชอบไปฝืนใจน้อง"  แม่ว่าแวนเนสอีกเพราะกลัวว่าเคนจะลำบากใจ
"ผมนี่นะฝืนใจมัน แม่เชื่อเถอะว่าคืนนี้เก้าในสิบมันต้องมาแล้วที่มาไม่ใช่เพราะมาแบบเสียไม่ได้แต่มันมาเพราะอยากมาเองต่างหาก"  แวนเนสพูดอย่างมั่นใจ
"ผมพนันข้างพี่รอง"  ไจ่ไจ๋ยกมือสนับสนุนพี่ชายคนรองเต็มที่
"น้อยๆหน่อยเถอะเรา หัดมาเล่นพนันกันตั้งแต่เมื่อไหร่?"  เจอร์รี่ว่าพร้อมกับเขกหัวน้องเบาๆ
"โธ่! แล้วพี่ใหญ่จะเล่นข้างไหนหละ?"  น้องเล็กหันไปกอดเอวพี่ชาย
"ไม่เล่น!"  บีบจมูกน้องชายอย่างหมั่นไส้ 
"หึๆๆๆ"  ไจ่ไจ๋หัวเราะแล้วปล่อยมือ 
"อาหารน่ากินจังเลย อยู่บ้านไม่เห็นพี่กลางจะจัดจานให้สวยแบบนี้เลย มากินกันเถอะครับ"  ไจ่ไจ๋ว่าก็ชักชวนให้คนอื่นๆมากินข้าว
"ถึงที่บ้านมันจะไม่จัดจานแบบนี้แต่พี่ก็เห็นว่านายก็ซัดเรียบไม่มีเหลือทุกทีแหละ"  แวนเนสแซวน้องชาย
"พี่รองว่าผมตะกละหรอ?"  น้องเล็กหันไปทำตาขวางใส่พี่ชาย
"อ๊ะ! นายพูดเองนะ"  แวนเนสยิ้มร่าเมื่อแหย่น้องได้สำเร็จ    
"ไปแหย่น้องอีกแล้ว"  พี่ใหญ่ดึงหูเจ้าน้องชายจอมกวนเข้าให้
"ชั้นแหย่มันที่ไหนหละ? มันพูดของมันเองชั้นยังไม่ทันว่าอะไรเลยซักคำ"  แวนเนสทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชาย
"เอาน่าๆๆๆ.....อย่าเถียงกันเลย พ่อหิวแล้ว"  พ่อรับห้ามทัพเมื่อเห็นว่าบรรดาลูกชายจะโต้เถียงกันต่อ
"ถ้าพี่กลางเปิดร้านอาหารเองนี่ท่าจะดีเนอะ"  แล้วไจ่ไจ๋ก็เปลี่ยนเรื่องคุย
"วันๆผมคงมีความสุขมาก"  พูดพร้อมกับรอยยิ้มเหมือนเด็กๆ
"ใช่....นายคงได้กลิ้งเป็นลูกบอลเพราะเดินเข้านอกออกในก็หยิบโน้นหยิบนี่เข้าปากตลอดเวลา"  แวนเนสอดปากที่จะแขวะน้องชายไม่ได้
"ว่าแต่ผม พี่รองก็ไม่น้อยไปกว่ากันหรอก ถ้าพี่รองไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิงผมว่าก็คงปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้อ้วนกว่าผมอีก"  ไจ่ไจ๋ตอกพี่ชายกลับ
"นายนี่จะไม่เถียงพี่ซักวันได้มั๊ย? พูดอะไรหน่อยเดียวก็เถียงฉอดๆ"  เมื่อสู้น้องไม่ได้แวนเนสจึงต่อว่าน้องเอาดื้อๆ
"อ้าวๆๆๆ ผมแค่พูดไปตามที่คิดเท่านั้นไม่ได้เถียงพี่รองเลยนะ"  น้องเล็กเองก็ไม่ยอมแพ้
"หยุดได้แล้วทั้งคู่นั่นแหละ! ถ้าขืนยังเถียงกันอีกพี่จะเก็บขึ้นให้หมดเลย"  พี่ใหญ่พูดขู่ แล้วก็ได้ผลเพราะทั้งแวนเนสกับไจ่ไจ๋ต่างพากันเงียบแล้วรีบตักอาหารกันยกใหญ่
"ตะกละไม่มีใครเกิน"  เจอร์รี่บ่นพึมพำกับเจ้าน้องชายตัวแสบทั้งคู่
"หึๆๆๆ"  พ่อกับแม่หัวเราะลูกชายคู่ปรับสองคนนี้
"ถ้าลูกเปิดร้านอาหารเองจริงก็คงดีนะพ่อ แบบนั้นลูกคงมีความสุข"  แม่หันไปคุยกับพ่อ
"นั่นสิ พ่อก็คิดอยู่ว่าอยากให้ทุนลูกซักก่อนไปหาที่ทางเปิดร้านเล็กๆ"  เจอร์รี่ชะงักไปกับสิ่งที่พ่อแม่คุยกัน เพราะเขารู้ดีว่าหากน้องชายรู้คงไม่พอใจอีก
"พ่อแม่ครับ เรื่องนี้อย่าไปยุ่งกับน้องเลย หากว่าเสี้ยวเทียนอยากเปิดร้านอาหารผมว่าน้องคงขวนขวายเองได้พวกเราคอยสนับสนุนเขาอย่างเดียวก็พอ หากน้องต้องการความช่วยเหลือให้น้องเอ่ยปากเองจะดีกว่า"  พูดเตือนพ่อแม่กลายๆเพราะรู้ดีว่าน้องชายไม่ยินยอมให้พ่อแม่ลงทุนให้แน่นอน
"นั่นสิ เราก็ชอบคิดแทนลูกไปซะทุกอย่างนะ"  แม่ได้ยินก็ฉุกคิดถึงคำพูดของเคนขึ้นมาได้
"แม่ครับ ถ้าพี่กลางไม่เอาผมเอาเองก็ได้แล้วเดี๋ยวผมจ้างพี่กลางมาเป็นเชฟเอง"  เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มกร่อยไจ่ไจ๋ก็แกล้งพูดติดตลกขึ้นมา
"อย่างนายจะมีปัญญาจัดการร้านอาหาร? จัดห้องนอนตัวเองให้เป็นระเบียบก่อนเถอะน้องเอ้ย....."  แวนเนสได้ทีว่ากระทบน้องเล็กอีก
"แล้วอีกอย่างถ้าไอ้พี่กลางมันมาเป็นลูกจ้างนายคงตลกพิลึกเพราะวันๆเจ้าของร้านคงโดนคุณเชฟใหญ่ด่ายับ"  ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ยกมือเงื้อง้าใส่พี่ชายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
"พี่รองนี่ชอบกวนน้ำให้ขุ่นอยู่เรื่อย!"  สุดท้ายก็ได้แต่ต่อว่าพี่ชายหน้ามุ่ย ทำให้พ่อแม่หัวเราะออกมาได้ในที่สุด

- ตอนกลางคืน -
"พี่กลางมาจริงๆด้วย!"  ไจ่ไจ๋ร้องอย่างดีใจหลังจากที่ได้ยินเสียงเคาะประตู
"มาช้าแบบนี้ต้องโดนปรับให้ดื่มสองแก้วรวดนะโว้ย"  แวนเนสว่าแต่ก็หันไปยิ้มให้น้องชาย
"ได้"  เคนรับปากแล้วยิ้มบางๆพร้อมกับยกขวดไวน์ขึ้นมา
"ชั้นเอามาสมทบอีกขวด"  พูดจบก็เดินมาร่วมวง
"ดีมาก!"  แวนเนสว่าแล้วก็รับขวดไวน์มาจากน้อง
"เฮ้ย! อย่าให้น้องดื่มเยอะ"  เมื่อเห็นว่าแวนเนสเล่นเทไวน์ซะเกือบเต็มแก้วพี่ใหญ่ก็ร้องห้ามทันที
"ไหนตกลงกันแล้วงัยว่าวันนี้นายจะไม่บ่นจู้จี้"  แวนเนสหรี่ตามองพี่ชาย
"ก็....."  พี่ใหญ่ถึงกับเถียงไม่ออกเพราะเขาได้รับปากกับน้องจริงๆ
"แค่วันเดียวเอง แล้วอีกอย่างพรุ่งนี้เสี้ยวเทียนมันก็เข้างานตอนหกโมงเย็น ต่อให้เมาหัวทิ่มก็คงลุกไปทำงานได้แหละ"  แวนเนสอ้างเหตุผลต่อ
"นั่นสิลูก น้องทำงานมาเหนื่อยๆเราก็อย่าบ่นมากเลย"  พ่อสมทบด้วยอีกคน เคนจึงเปลี่ยนสายตาไปทางพ่อ
"วันนี้ไม่เมาไม่เลิกนะครับ"  เคนเอ่ยปากขึ้นมาก่อน ทำให้สมาชิกคนอื่นเกิดอาการงงเล็กน้อย
"เราไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้บ่อยนักเพราะฉะนั้นวันนี้ผมจะยอมสละเวลาพักผ่อนเพื่อที่จะมาดื่มกับทุกคน"  คำพูดของเคนทำให้ทุกคนถึงกับยิ้มออก
"ได้เลยครับพี่กลาง ถึงไหนถึงกัน"  ไจ่ไจ๋ตอบรับเสียงใส
"น้อยๆหน่อยเถอะไอ้ตัวดี ตราบใดที่นายยังไม่บรรลุนิติภาวะก็อย่าหวังว่าจะได้ดื่มจนเมาเลย"  เคนหันไปทำหน้าเข้มใส่น้องชาย
"อ้าวๆๆๆ!! มีการแบ่งระดับความแก่กันด้วยหรอ? แบบนี้ก็แย่สิ"  ไจ่ไจ๋ทำหน้าผิดหวัง
"ไอ้นี่พูดจาไม่น่าฟังเลย! แบ่งระดับความแก่อะไร? เขาเรียกว่าแบ่งระดับความมีวุฒิภาวะต่างหาก"  แวนเนสต่อว่าน้องเล็กทันที
"อ้อ! อย่างพี่รองนี่มีวุฒิภาวะมากงั้นสิ?"  น้องเล็กทำเสียงสูงเหมือนจะแขวะ
"แหงหละว่าไม่มี"  แวนเนสตอบหน้าตาเฉยเรียกเสียงหัวเราะจากสมาชิกคนอื่นได้ดี
"ลูกสองคนนี้เอาแต่ว่ากระทบกันไปมาอยู่ได้ ไม่เบื่อบ้างหรืองัย?"  แม่ต่อว่าลูกชายทั้งสองคน
"แล้วลูกไม่เหนื่อยหรือจ๊ะเสี้ยวเทียน?"  แล้วก็หันมาถามลูกชายคนกลางบ้าง
"ไม่หรอกครับ ผมชินแล้ว บางทีก่อนเลิกงานยังทำกับแกล้มเพื่อเอาไปสังสรรกับเพื่อนๆที่เป็นเชฟด้วยกันเลย"  เคนตอบแล้วรับแก้วไวน์มาจากแวนเนส
"ดื่มครับ"  เคนยกแก้วขึ้นมาแล้วหันไปทางบุพการีทั้งสองคน พ่อและแม่ยิ้มรับแล้วรีบดื่มกับลูกชายทันที ในขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันสนุกเจอร์รี่กลับนั่งเงียบไม่เอ่ยปากอะไรเลย
"เสี้ยวเทียน"  แวนเนสเอาศอกกระทุ้งแขนน้องชาย
"มีอะไร?"  เคนหันไปถาม แวนเนสจึงบุบใบ้ไปทางพี่ชายคนโต เคนมองตามแล้วหยิบผักรองจานปาไปทางเจอร์รี่ที่นั่งเหม่ออยู่
"คงไม่ได้มานั่งห่วงงานหรอกนะ"  เมื่อพี่ชายมองมาเคนก็พูดเปรยๆ 
"เปล่าหรอก"  เจอร์รี่ส่ายหน้าปฏิเสธ
"งั้นทำไมไม่คุยอะไรบ้างหละครับพี่ใหญ่?"  ไจ่ไจ๋ถามแทรกขึ้นมาบ้าง เจอร์รี่ไม่ได้ตอบคำถามนั้นเพียงแต่ยกแก้วขึ้นดื่ม
"เรื่องอาเหลียนไปถึงไหนแล้วครับ?"  เคนถามลอยๆขึ้นมาแบบไม่ได้เจาะจง
"แจ้งความแล้ว"  เจอร์รี่เป็นคนตอบ 
"ส่วนคนที่ทำโปรเจ็คร่วมกับนายก็สารภาพว่าได้รับเงินก้อนนึงจากอาเหลียนโดยแลกเปลี่ยนว่าพวกเขาต้องพูดใส่ความนาย"  เจอร์รี่ตอบคำถามนั้นด้วยสีหน้าเครียดๆ
"ชั้นเลยให้พักงานไว้ก่อน แล้วค่อยพิจารณากันอีกทีว่าจะดำเนินการต่อยังงัยดี"  จบคำตอบนั้นเคนก็มีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ
"จะไล่พวกเขาออกหรอ?"  เคนถามพี่ชายกลับแล้วเปลี่ยนสายตาไปทางพ่อด้วย
"ลูกเห็นว่ายังงัยหละ?"  พ่อย้อนถาม เคนเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบ
"ผมเองก็ไม่อยากก้าวก่ายเรื่องในบริษัทอีก แต่บอกตรงๆว่าผมไม่สบายใจที่เป็นต้นเหตุให้เพื่อนของผมถูกไล่ออกจากงาน"  คำตอบนั้นทำให้ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมา
"พี่กลางครับ คนที่ใส่ร้ายพี่แบบนั้นยังจะเรียกว่าเพื่อนอีกหรอ? แล้วอีกอย่างตัวต้นเหตุไม่ใช่พี่แต่เป็นเพราะความโลภของพวกเขาต่างหาก"  น้องเล็กแย้งอย่างไม่เข้าใจพี่ชายนัก
"ความโลภ? พี่ไม่อยากตัดสินว่าที่พวกเขาทำแบบนั้นเพราะความโลภหรอกนะ"  เคนพูดเสียงเรียบ
"บางทีเขาอาจจะมีความจำเป็นเรื่องเงินก็ได้ถึงต้องยอมทำเรื่องแบบนี้"  คำพูดของเคนทำให้ทุกคนต่างนิ่งเงียบ
"พวกเขาคงคิดว่าเสียเพื่อนไปซักคนเพื่อแลกกับฐานะความเป็นอยู่ของตัวเองมันคงเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า"  พ่อและแม่ถึงกับสะอึกกับสิ่งที่ลูกชายพูดออกมา
"มันแล้วแต่คนคิดน่ะ พวกเขาไม่ผิดหรอก"  พูดจบเคนก็ยกแก้วขึ้นดื่ม
"ต่อให้เราไม่ไล่พวกเขาออกแล้วนายคิดว่าเขาจะยังกล้าทำงานต่ออีกหรอ?"  แวนเนสถามน้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ไม่รู้สิ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้โอกาสพวกเขาอีกครั้ง"  เคนตอบเสียงแผ่วลง
"ถ้าลองมาคิดในอีกด้านนึง บางทีสิ่งที่พวกเขาทำนั้นเราเองก็อาจจะมีส่วนผิดด้วยก็ได้"  เคนว่าแล้วก็หันไปสบตากับพี่ชายคนโต
"สิ่งที่เราคิดว่าทำถูกต้องแล้วบางทีมันอาจจะไม่ใช่การกระทำที่ถูกใจคนอื่นก็ได้จริงมั๊ย?"  เจอร์รี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
"สิ่งที่ถูกต้องไม่ใช่สิ่งที่ถูกใจเสมอนั่นแหละ ชั้นไม่เข้าใจว่านายกำลังจะพูดอะไร"  มองหน้าน้องชายอย่างต้องการคำตอบ
"ก็เพราะมันเป็นแบบที่นายว่าเพราะฉะนั้นบางคนถึงเลือกสิ่งที่ถูกใจแทนที่จะเลือกสิ่งที่ถูกต้องงัย"  เคนตอบ
"อาเหลียนเขาเลือกสิ่งที่ถูกต้องมาตลอด"  เคนพูดต่อ
"แต่เมื่อสุดท้ายเขารู้ว่าสิ่งที่ถูกต้องนั้นไม่ได้ทำให้เขามีความสุขเลยเขาถึงต้องเปลี่ยนมาทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพื่อตอบแทนความต้องการของตัวเอง"  พ่อได้ยินเช่นนั้นก็มองหน้าเคนตรงๆ
"ลูกคงไม่ขอให้พ่อยอมความกับอาเหลียนหรอกนะ"  พ่อพูดออกมาตามตรงเพราะรู้สึกเหมือนเคนจะไม่อยากให้เอาเรื่องใคร
"พ่อคงยอมไม่ได้หรอกเพราะสิ่งที่เขาทำกับลูกมันร้ายแรงมาก"  พูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"พ่อครับ พ่อรักผมมากใช่มั๊ย?"  เคนถามพ่อกลับ
"แน่นอนสิ พ่อรักลูกมาก"  พ่อตอบแบบไม่ต้องคิด
"เพราะฉะนั้นไม่ว่าวิธีไหนพ่อก็จะทำเพื่อปกป้องผม?"  ถามต่ออีก พ่อไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้ารับ
"อาเหลียนก็ทำแบบนี้เพื่อลูกสาวของเขาเหมือนกัน"  เคนพูดแล้วมองหน้าพ่อ
"ผมคิดว่าถ้าอาเหลียนอยู่ตัวคนเดียวไม่มีภาระที่บ้าน เขาต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อบริษัทเรามากที่สุด"  คำพูดนั้นทำให้ทุกคนในครอบครัวอึ้งไป
"ถึงแม้ว่าลูกสาวของอาเหลียนจะไม่อยู่แล้วแต่ความเป็นพ่อของอาเหลียนก็ยังคงอยู่ เขาคิดว่าเป็นเพราะตัวเองไม่รวยถึงไม่สามารถรักษาชีวิตของลูกสาวไว้ได้เขาถึงไม่สนใจความถูกต้องอีกต่อไป"  เคนถอนหายใจเบาๆก่อนจะพูดต่อ
"ที่อาเหลียนพูดมาก็ถูก เขาช่วยให้เรามีทุกอย่างแต่เขากลับไม่เหลืออะไรเลย ผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่าแบบนี้ใครจะไปรับได้"  บรรยากาศในห้องตกอยู่ในความเงียบพักใหญ่
"ถ้าเขาบอกพ่อก็ต้องช่วยเขาอยู่แล้ว แต่เขากลับไม่พูดอะไรเลย"  พ่อพึมพำเบาๆ
"ตอนลูกสาวเขาป่วย พ่อเองก็รู้ข่าวแต่ไม่คิดว่าจะร้ายแรง"  พ่อมีสีหน้าเศร้าลง
"พ่อครับ สิ่งที่ผมขออาจจะทำให้พ่อลำบากใจแต่ถ้าเป็นไปได้ผมไม่อยากให้พ่อเอาเรื่องอาเหลียนรวมถึงทุกคนที่มีส่วนในครั้งนี้ด้วย"  เคนพูดกับพ่อตรงๆ
"เสี้ยวเทียน เรื่องมันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกนะ ว่ากันไปตามกฎหมายจะดีกว่า"  เจอร์รี่แย้ง
"นั่นสิครับพี่กลาง บริษัทเราก็เสียหายมากนะที่อาเหลียนเขาทำแบบนี้ แล้วจะปล่อยไปเฉยๆหรอ?"  ไจ่ไจ๋พูดเสริมพี่ใหญ่
"ถ้าอย่างนั้นขอถามหน่อย ถ้าหากว่าชั้นเป็นคนทำเรื่องนี้จริงๆนายจะปล่อยให้เป็นกระบวนการของกฎหมายหรือเปล่า?"  เคนถามพี่ใหญ่กลับ
"เสี้ยวเทียน!"  เจอร์รี่เรียกชื่อน้องอย่างไม่ค่อยจะพอใจนัก
"มันไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ๆ พี่กลางไม่ใช่คนแบบนั้น"  น้องเล็กร้องแทรกทันที
"นายอย่ามั่นใจในตัวพี่นักเลย เพราะพี่เองยังไม่ไว้ใจตัวเองเลยว่าวันนึงจะทำเรื่องอะไรที่ไม่เหมาะสมหรือเปล่า"  เคนพูดกับน้องน้ำเสียงจริงจัง
"มันไม่เหมือนกันนะเสี้ยวเทียน นายเป็นคนในครอบครัวต่อให้ผิดยังงัยทุกคนก็ไม่มีวันส่งนายเข้าคุกได้หรอก"  แวนเนสที่เงียบอยู่นานพูดขึ้นมาบ้าง
"แต่ถ้าชั้นทำผิดกับคนอื่นแล้วเขาจะเอาเรื่องชั้นให้ถึงที่สุดหละ?"  เคนถามต่อ
"พวกเราก็ต้องช่วยนายอยู่ดี"  แวนเนสตอบแบบไม่ต้องคิด
"ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าพวกนายจะเลือกทำในสิ่งที่ถูกใจมากกว่าสิ่งที่ถูกต้องน่ะสิ"  คำพูดของเคนทำให้ทุกคนอึ้งไปอีกรอบ
"ชั้นก็แค่ไม่อยากสร้างศัตรูให้บริษัท อย่างน้อยการให้โอกาสก็ยังดีกว่าการทำลายเป็นไหนๆ"  พูดจบก็ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด   




Create Date : 17 มิถุนายน 2557
Last Update : 17 พฤษภาคม 2558 19:56:01 น. 0 comments
Counter : 919 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

loving_zai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




[Add loving_zai's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com