Chapter 68

ตอนที่ 68

"พี่กลาง.....พี่กลางครับ....." ไจ่ไจ๋ร้องเรียกเมื่อเห็นพี่ชายกลับเข้าบ้านมาอีกครั้ง

"พีพี! ถางถาง!" อุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นเจ้าแมวน้องทั้งสองอยู่ในตระกร้าที่พี่ชายหิ้วเข้ามาด้วย เจอร์รี่เองก็มองน้องชายอย่างแปลกใจเช่นกัน

"พี่ไปเจอพวกมันได้ยังงัย?" ไจ่ไจ๋สอบถามพี่ชายต่อ แต่เคนกลับมองน้องชายด้วยท่าทางเย็นชา

"ผม....ผมขอโทษครับ...." เมื่อเห็นสายตาของพี่ชายไจ่ไจ๋ก็รู้สึกกลัวจับใจและพอจะเดาออกได้ว่าพี่ชายรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เคนเม้มปากก่อนจะเดินผ่านไปอย่างไม่สนใจคำพูดของน้องชาย ในตอนนั้นเจอร์รี่ก็ลุกขึ้นไปขวางหน้าเคน

"เดี๋ยว! คุยกันก่อนได้มั๊ย?" พูดเป็นเชิงขอร้องเพราะเขาเองก็อยากจะเคลียร์เรื่องนี้ให้จบโดยเร็ว

"ไม่! ชั้นไม่อยากเห็นหน้าพวกนายสองคน" พูดจบก็หิ้วตระกร้าที่มีเจ้าแมวน้อยทั้งสองตัวส่งเสียงร้องอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวขึ้นห้องส่วนตัวไปทันที ไจ่ไจ๋ได้ยินเข้าดังนั้นก็ถึงกับน้ำตาร่วง

"พี่ใหญ่ครับ....พี่กลางคงโกรธมากแน่ๆ" พูดจบไจ่ไจ๋ก็ร้องไห้ออกมาอีก ในตอนนั้นแวนเนสก็เดินตามเข้าเป็นจังหวะเดียวกันกับเสียงโทรศัพท์มือถือของเจอร์รี่ดังขึ้น

"สวัสดีครับ" เจอร์รี่รับสายแล้วพูดทักทายเมื่อได้ยินเสียงฝ่ายคู่สนทนาเจอร์รี่ก็มีสีหน้าขรึมลงก่อนจะรับฟังคำอธิบายนั้นอย่างตั้งใจ

"เข้าใจแล้วครับ ขอโทษอีกครั้งที่ทำให้เดือดร้อน แล้วก็ขอบคุณมากสำหรับการช่วยเหลือ" หลังจากรับฟังลำดับเรื่องราวทั้งหมดจากเจ้าหน้าที่ของคลีนิกรับฝากสัตว์เลี้ยงจนจบแล้วเจอร์รี่ก็เอ่ยคำขอโทษออกมาก่อนจะวางสาย

"ไจ่ไจ๋....วันนี้อย่าเพิ่งไปเซ้าซี้อะไรพี่กลาง แล้วนายก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก ขึ้นห้องไปได้แล้ว" พูดกับน้องเล็กด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

"แต่ว่าพี่กลาง....." ไจ่ไจ๋พูดเสียงสั่นเครือ

"รอไว้อารมณ์เขาเย็นลงกว่านี้แล้วค่อยหาทางไปขอโทษอีกที" พูดจบก็เช็ดน้ำตาให้น้องแล้วพยักหน้าให้ น้องเล็กไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่หมุนตัวขึ้นห้องไปแต่โดยดี

"ชั้นซาบซึ้งกับความเป็นพี่ชายของนายจริงๆ กับน้องคนนึงจ้องแต่หาทางจะแก้แค้นแต่กับน้องชายอีกคนนึงกลับปกป้องอย่างไม่มีข้อแม้" แวนเนสเอ่ยปากขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่เมื่อเห็นพี่ชายยังโอ๋น้องเล็กอย่างเช่นทุกครั้ง

"ระวังคำพูดหน่อยนะแวนเนส" เจอร์รี่หน้าขรึมลงดังเดิม

"สิ่งที่ชั้นพูดมันเป็นเรื่องโกหกอย่างนั้นหรอ?" แวนเนสย้อนคำพี่ชายอย่างเหลือทน

"ชั้นรู้อะไรมากกว่าที่นายคิดซะอีก! ชั้นรู้ตั้งแต่วันที่พวกนายวางแผนกันทำเรื่องบ้าๆนี่ด้วยซ้ำ!" แวนเนสเสียงแข็งขึ้นตามลำดับ พี่ใหญ่ได้ยินก็อึ้งไปครู่หนึ่ง

"นายก็เลยทำเรื่องบ้าๆแบบนี้โต้ตอบกลับมา? รู้หรือเปล่าว่าวันนี้นายก่อเรื่องยุ่งขนาดไหน?" พูดกับน้องชายด้วยน้ำเสียงค่อนข้างซีเรียส

"นายไม่มีสิทธิมาต่อว่าชั้น! ถ้าพวกนายไม่คิดแผนแก้แค้นอะไรบ้าๆนั่นเรื่องวันนี้มันก็คงไม่เกิดขึ้น!" แวนเนสขึ้นเสียงกับพี่ชายบ้าง

"ชั้นไม่คิดเลยว่าพวกนายสองคนจะใจร้ายกับเสี้ยวเทียนได้ถึงขนาดนี้!" เจอร์รี่นิ่งอึ้งไปเพราะเขาไม่สามารถหาข้อแก้ตัวใดๆได้เลย แม้ว่าเขาเองจะไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเรื่องขึ้นแต่พูดไปก็คงไม่มีเหตุผลพอ

"นายเป็นพี่ชายแบบไหนกัน? สนองความต้องการของน้องชายคนโปรดทุกอย่างแม้กระทั่งการทำร้ายจิตใจของน้องชายอีกคนนายก็สามารถทำได้หน้าตาเฉย!" ทุกคำพูดของน้องทำเอาพี่ใหญ่จุกจนพูดไม่ออก

"รู้หรือเปล่าว่าตอนนี้สภาพจิตใจของเสี้ยวเทียนมันแย่ขนาดไหน?" แวนเนสพูดออกมาด้วยอารมณ์ที่สะกดไว้ไม่อยู่

"แล้วนายคิดว่าชั้นสะใจหรอที่เห็นน้องมันเป็นแบบนั้น?" เจอร์รี่ย้อนถามด้วยสีหน้าเจ็บปวด

"ใครจะรู้? ลึกๆแล้วนายอาจจะรู้สึกแบบนั้นก็ได้" แวนเนสตอกกลับทันควัน ทุกคำพูดของน้องตอนนี้สะกิดความรู้สึกของพี่ใหญ่ยิ่งนัก

"นายจะเชื่อยังงัยชั้นก็ห้ามไม่ได้อยู่แล้ว" พูดจบเจอร์รี่ก็หันหลังให้น้องเพราะรู้สึกเหมือนดวงตาของเขาเริ่มเปียกชื้น แวนเนสนิ่งไปเมื่อเห็นท่าทางของพี่ชายจากนั้นเขาก็เดินขึ้นบันไดไปเงียบๆโดยไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย จนเมื่อขึ้นมาถึงข้างบนเขาก็เห็นน้องชายคนเล็กยืนอยู่หน้าห้องเคนด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

"พี่รอง.....ช่วยผมที....." เมื่อเห็นหน้าแวนเนสน้องเล็กก็เอ่ยปากขอร้อง

"พี่กลางเขาไม่ยอมพูดกับผมเลยซักคำ ผมแค่อยากขอโทษ" ไจ่ไจ๋พูดต่อพร้อมกับหยดน้ำตาที่ซึมออกมาอีก

"สิ่งที่นายทำวันนี้กับคำว่าขอโทษมันทดแทนกันไม่ได้หรอก อย่าพยายามอีกเลย" แวนเนสพูดกับน้องด้วยสีหน้าเฉยชาก่อนจะเคาะประตูห้องเคน

"เสี้ยวเทียน! ชั้นเอง" เพียงครู่เดียวบานประตูก็ถูกเปิดออก

"ให้ชั้นเข้าไปนะ" แวนเนสว่าแล้วก็แทรกตัวเข้าไปในห้องเคนก่อนจะปิดประตูลงโดยไม่สนใจน้องชายคนเล็กที่ยืนเคว้งคว้างอยู่ด้านนอก

"เอาพวกมันมานอนบนเตียงแบบนี้ไม่เป็นไรหรอ?" แวนเนสถามเคนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนผิดกับเมื่อกี้เป็นคนละคน

"ไม่เป็นไรหรอก ชั้นอยากจะขอโทษพวกมันที่ชั้นดูแลพวกมันได้ไม่ดีพอ" เคนตอบแล้วลูบตัวเจ้าแมวน้อยของเขาอย่างรักใคร่

"พวกมันไม่โทษนายหรอก" แวนเนสพูดปลอบใจแล้วตบไหล่น้องเบาๆ

"แวนเนส ช่วงนี้นายงานยุ่งมั๊ย?" จู่ๆเคนก็ถามพี่ชายขึ้นมา

"ไม่หรอก ช่วงนี้ยังไม่มีงาน มีอีกทีก็ต้นเดือนหน้าเลย" แวนเนสตอบก่อนจะย้อนถามน้อง

"ทำไม? จะชวนพี่รองไปเที่ยวไหนหละ?" เคนยิ้มบางๆให้พี่ชาย

"ก็กะว่าจะชวนไปพักผ่อนไกลๆซักพัก ตอนนี้ชั้นรู้สึกแย่จัง" เคนบอกพี่ชายตรงๆ

"ได้สิ ว่าแต่นายอยากไปไหนหละ?" แวนเนสตอบรับแบบไม่ต้องคิด

"ชั้นเองก็ยังไม่รู้ อยากไปมันเรื่อยๆค่ำไหนนอนนั่น ไม่ต้องมีจุดหมาย" พูดจบก็ถอนหายใจ

"น่าสนุกดีนะ" แวนเนสทำเสียงร่าเริง

"งั้นเราต้องเอาเต็นท์ เอาถุงนอน เอาเสบียงไปเยอะๆ" เคนหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อได้ยินพี่ชายว่าเช่นนั้น

"นี่นายกะจะไปบุกน้ำลุยไฟที่ไหนกัน?" แซวพี่ชายอย่างขำๆ

"อ้าว! ก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อนสิ เผื่อว่าเราเดินทางไปเรื่อยๆแล้วหลงทิศหลงทางจะได้ไม่อดตายงัย" แวนเนสพูดยิ้มๆ

"ใครจะรู้ถ้าเราหลงทางเราอาจจะไปเจอบ้านขนมปังในป่าก็ได้" เคนพูดเล่นกับพี่ชาย

"อืม.....ถ้าแบบนั้นชั้นต้องเอากล้องไปด้วยเผื่อเราสองคนโดนแม่มดจับกินตำรวจจะได้ออกหมายจับยายแม่มดได้" แวนเนสได้ทีพูดผสมโรงกับน้องชาย

"ไม่หรอก ถ้าเจอแม่มดชั้นจะจีบมาเป็นแฟนแล้วขอให้สอนเวทย์มนต์ให้ชั้นบ้าง" เคนแย้งคำของพี่ชาย แวนเนสแกล้งทำตาโต

"เอางั้นเลยหรอ? ถ้าอย่างนั้น.....ชั้นว่านะเวทย์มนต์แรกที่นายสามารถทำได้โดยที่ยายแม่มดไม่มีทางขัดขืนนั่นก็คือการเสกเด็กเข้าท้องยายแม่มดแหงๆ ฮ่าๆๆๆ!!!" พูดจบแวนเนสก็หัวเราะร่า

"ไอ้บ้า! คิดแต่เรื่องอะไรแบบนี้ทุกที!" เคนแหวใส่ก่อนจะผลักหัวพี่ชายอย่างหมั่นไส้

"อ้าว! หรือจะเถียงว่าไม่จริง?" แวนเนสยังคงแซวน้องชายต่อ เคนค้อนใส่ก่อนจะขยับเข้าไปลูบตัวเจ้าถางถางเล่น

"ถ้ามีเวทย์มนต์จริงๆนายอยากจะเสกอะไรหละ?" เงียบไปพักหนึ่งแวนเนสก็ถามน้องต่ออีก

"เสกให้ตัวเองหายไป" เคนตอบด้วยสีหน้าเศร้าลง คำตอบนั้นทำเอาแวนเนสสะอึก

"โง่จริง! เรื่องอะไรจะเสกให้ตัวเองหายไปหละ นายต้องเสกให้คนทั้งโลกหายไปให้หมดน่ะถึงจะดี คิดดูสิถ้าทั้งโลกมีนายคนเดียวไม่ว่าจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น เดินเข้าร้านขายของหยิบอะไรออกมาโดยไม่ต้องจ่ายเงิน เข้าไปในห้างจะเล่นอะไรก็ไม่มีพนักงานมาป้วนเปี้ยนกวนใจ แถมบนถนนจะแก้ผ้าเดินก็ไม่มีใครว่าอีกต่างหาก" แวนเนสยังพยายามทำเสียงร่าเริง ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะเคนยิ้มออกมาได้

"ติ๊งต๊อง!" ผลักหัวพี่ชายพร้อมกับต่อว่าอีกครั้ง

"ฮึ! แต่นายก็เห็นด้วยใช่มั๊ย?" แวนเนสพูดอย่างรู้ทันน้องชาย แล้วสองพี่น้องก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน



- วันรุ่งขึ้น -

"ชั้นไปหากลอเรียนะ ไว้บ่ายๆค่อยเจอกัน" เคนตื่นขึ้นมาก็พบกระดาษโน๊ตมีลายมือแวนเนสเขียนทิ้งไว้ให้เขาอยู่ที่หัวเตียง

"ฮึ! แล้วบอกจะไปเที่ยวด้วยกัน หนีไปหาแฟนซะนั่น" เคนบ่นอุบก่อนส่ายหน้าไปมาแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวพาดบ่าเดินเข้าไปอาบน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จเคนก็นั่งเอ้อระเหยรอเวลาให้สายหน่อยจึงค่อยลงไปข้างล่างเพราะเขากะว่าพี่ชายคนโตคงชวนน้องชายออกจากบ้านไปด้วยกันแล้ว อันที่จริงเขาเองก็ไม่ได้โกรธอะไรมากมายเพียงแต่ยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้ากับพี่น้องทั้งสองในตอนนี้เท่านั้นเพราะเขายังรู้สึกเจ็บกับการที่พี่น้องเอาความรู้สึกของเขามาล้อเล่น

"เสี้ยวเทียน ตื่นแล้วหรอ?" ทันทีที่เขาเดินลงบันไดขั้นสุดท้ายเสียงพี่ชายคนโตก็เอ่ยทักทาย เคนชะงักไปก่อนจะเหลือบไปมองนาฬิกาเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

"เช้านี้ชั้นทำโจ๊กไว้ให้ กินซักหน่อยสิ" พูดต่อพร้อมกับส่งยิ้มให้น้องชาย เคนเบือนหน้าหนีไปอีกทางก่อนจะหมุนตัวกลับจะขึ้นห้องแต่ก็โดนพี่ชายดึงตัวไว้ก่อน

"คุยกันหน่อยได้หรือเปล่า? ชั้นอยากจะขอโทษนายแล้วก็อยากอธิบายเรื่องทั้งหมด" พูดขอร้องน้องชาย

"ปล่อย!" เคนทำเสียงแข็งใส่พี่ชาย

"ไม่คุยก็ได้ แต่นายไปกินโจ๊กก่อนนะ หรือนายอยากกินอย่างอื่นก็บอกชั้นจะไปซื้อให้" เจอร์รี่พูดกับน้องอย่างนุ่มนวล

"ชั้นต้องการอย่างเดียว" เคนมองพี่ชายด้วยสายตาเย็นชา

"อย่ามายุ่งกับชั้น!" เจอร์รี่หน้าเศร้าลงเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว

"ชั้นไม่อยากเห็นหน้านาย!" พูดจบก็หมุนตัวกลับขึ้นห้องปล่อยให้พี่ชายได้แต่ยืนนิ่งกับคำพูดทิ้งท้ายนั้น เจอร์รี่ไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่เพราะมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงน้องเล็ก

"พี่ใหญ่ครับ พี่กลางลงมาหรือยัง? นี่....ผมซื้อของโปรดพี่กลางมาด้วย" ไจ่ไจ๋ว่าพร้อมกับยกถุงอาหารที่เขาเพิ่งไปซื้อมาให้พี่ชายดู เจอร์รี่ยิ้มบางๆแล้วตบไหล่น้องชายเบาๆ

"ไจ่ไจ๋.....พี่ว่าวันนี้เราอย่าพยายามเลย ปล่อยให้พี่กลางเขาสงบสติอารมณ์ต่ออีกหน่อยดีกว่า" บอกน้องชายเป็นนัยๆ

"พี่เจอพี่กลางแล้วหรอ?" ไจ่ไจ๋ย้อนถามอย่างพอจะรู้ เจอร์รี่พยักหน้ารับอย่างไม่ปิดบัง

"พี่กลางยังโกรธใช่มั๊ย?" พี่ใหญ่ได้แต่พยักหน้าซ้ำอีกแทนคำตอบ

"แย่จัง" น้องเล็กคอตกอย่างผิดหวังเพราะเขานึกว่าข้ามคืนมาเคนน่าจะปริปากพูดอะไรบ้างแม้เป็นการด่าว่าเขาก็ยังดี

"พี่รองหละครับ?" หันไปถามหาพี่ชายอีกคนแทน

"พี่เห็นออกไปข้างนอกแต่เช้าแล้ว" เจอร์รี่ตอบแล้วจูงมือน้องเล็กมานั่งที่โซฟา

"ทำงานหรอ?" ไจ่ไจ๋ถามต่อ แต่พี่ชายส่ายหน้า

"ไม่หรอก เพราะเสี่ยวจือไม่ได้มารับ" พูดจบก็ถอนหายใจ

"แต่พี่ก็ไม่รู้ว่าไปไหนเพราะพี่ถามแล้วเขาไม่ตอบ" น้องเล็กหน้าเศร้าลงยิ่งกว่าเดิม

"ผมให้พี่ใหญ่ต้องเดือดร้อนด้วย พี่รองก็พลอยโกรธพี่ใหญ่ไปด้วย" พูดเสียงสั่นเครือคล้ายจะร้องไห้ พี่ใหญ่เอามือลูบหัวน้องชาย

"ไม่หรอก พี่เองก็ผิดด้วยไม่ใช่นายคนเดียวซักหน่อย" เจอร์รี่ปลอบโยนน้องชาย

"ถ้าไม่ใช่เพราะความเห็นแก่ตัวและเอาแต่ใจของผมเรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น ผมนี่แย่ที่สุด" แล้วน้องเล็กก็ร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่ได้

"นายเองก็ทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คึกคะนองไปตามอารมณ์เท่านั้น เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้จำไว้เป็นบทเรียนแล้วกัน" โน้มหัวน้องชายมาซบที่ไหล่ตัวเอง

"เป็นบทเรียนราคาแพงที่ผมจะจำมันไปตลอดชีวิตเลย......" ไจ่ไจ๋พูดเป็นเสียงสะอื้น

"จะจำไว้ว่าครั้งนึงผมเคยทำร้ายจิตใจพี่ชายตัวเองขนาดไหน" พี่ใหญ่มองน้องชายอย่างสงสารแต่ก็ไม่รู้ว่าจะปลอบยังงัยเพราะตอนนี้เขาเองก็รู้สึกแย่ไม่แพ้กัน ลำพังเพียงรับมือกับอารมณ์ของน้องชายคนกลางคนเดียวก็ถือเป็นงานใหญ่แล้วแต่นี่น้องชายคนรองก็กลับทำตัวต่อต้านเขาอย่างเห็นได้ชัดด้วยยิ่งทำให้เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเต็มที

"ไม่เอาน่าไจ่ไจ๋" เมื่อน้องชายยังคงร้องไห้อยู่เจอร์รี่ก็เปลี่ยนโทนเสียงให้ฟังดูสบายขึ้น

"แทนที่เราจะมานั่งกังวลว่าเมื่อไหร่พี่กลางเขาจะยอมพูดคุยกับเราทำไมเราถึงไม่มานั่งหาวิธีง้อพี่กลางกันหละ?" พูดเหมือนชวนให้น้องคิดอย่างอื่นนอกจากเอาแต่โทาตัวเอง ไจ่ไจ๋ได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มนิ่งแล้วค่อนข้างเห็นด้วยกับพี่ชาย

"นั่นสินะ.....ทำไมผมโง่แบบนี้นะ" น้องเล็กว่าพร้อมกับเอามือเช็ดหน้าเช็ดตาตัวเอง

"พี่กลางเขาชอบกินอะไรนะพี่ใหญ่?" แล้วก็เอ่ยถามพี่ชายออกมาอีก

"เอ....พี่ว่าเขาก็ชอบทุกอย่างนะไม่เคยเห็นเขาเลือกกินซักที" เจอร์รี่ตอบคำถามนั้น

"งั้นหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นเรื่องอาหารคงต้องผ่านไปก่อนเพราะไม่ว่าอะไรพี่กลางก็รู้สึกเหมือนๆกัน" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ทำหน้าครุ่นคิดอีก

"แล้วพี่กลางเขาชอบสะสมอะไร?" ไจ่ไจ๋ตั้งคำถามกับพี่ชายต่อ

"อืม....สงสัยคงจะเป็นไขมันหละมั้ง?" พี่ใหญ่ตอบแบบติดตลกเพื่อทำให้บรรยากาศดีขึ้น

"หึๆๆๆ นี่ถ้าพี่กลางมาได้ยินรับรองได้เลยว่าพี่เขาต้องหน้าคว่ำแหงๆ" น้องเล็กว่าพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

"พี่ว่าเวลาเจ้าพี่กลางทำหน้างอหน้ามันคล้ายๆหมีเลยเนอะ" พี่ใหญ่พูดต่อยิ้มๆ ทำให้น้องเล็กหัวเราะออกมาอีก

"พี่ใหญ่รู้มั๊ยเวลาที่พี่กลางโกรธผมชอบให้พี่เขาด่ามากกว่า เพราะถ้าพี่เขาเงียบผมกลัวว่าพี่เขาจะคิดทำในสิ่งที่ผมกลัว" พี่ใหญ่ถอนหายใจก่อนจะโอบไหล่น้องชาย

"พี่ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน" พูดพึมพำออกมาเบาๆ จากนั้นบรรยากาศก็มีแต่ความเงียบ



- เวลาต่อมา -

"เสี้ยวเทียน! ชั้นกลับมาแล้ว!" แวนเนสโผล่หน้าเข้ามาทักทายเคนอย่างร่าเริง

"มีความสุขเหลือเกินนะ" เคนพูดแขวะพี่ชาย

"แน่นอน คนมีแฟนแล้วได้เจอหน้าแฟนทำไมจะไม่มีความสุขหละ" แวนเนสตอบรับหน้าตาเฉย

"เป็นอะไร? ทำหน้าอย่างกับถ่ายไม่ออกอย่างนั้นแหละ" เมื่อเห็นน้องไม่ขำด้วยก็เอ่ยถามออกมาอีก

"ทำไมวันนี้พวกมันสองคนถึงได้อยู่บ้าน?" เคนถามกลับไป

"อ้าว! ชั้นจะไปรู้มันหรอ? ไม่ได้คุยอะไรกับพวกมันด้วย" แวนเนสตอบแบบไม่ต้องคิด

"สงสัยก็คงอยากง้อนายหละมั้ง?" แล้วก็พูดตามความอย่างที่เห็น

"ชั้นไม่มีอารมณ์ไปนั่งให้พวกมันง้อหรอก! แล้วนายน่ะบอกว่าจะไปเที่ยวกับชั้นยังไม่เตรียมตัวอีก!" หันมาพาลเอากับแวนเนสแทน

"อะไรวะ? คนเค้าอุตส่าห์ไปซื้อเสบียงมาให้ยังจะมาว่าอีก" แวนเนสบ่นอุบ

"ทำไมไม่รอไปซื้อด้วยกันหละ?" เคนตวัดเสียงใส่พี่ชายอีก

"ก็ไหนๆชั้นก็ออกไปข้างนอกแล้วก็เลยซื้อมาทีเดียว เอ้าๆๆๆ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเดี๋ยวแวะซื้ออีกครั้งก็ได้" แวนเนสยอมตามใจน้อง

"ไม่เอาแล้ว! กว่าจะเตรียมของเสร็จก็เย็นพอดี คืนนี้คงไม่ได้ไปไหนไกลจากแถวนี้แหงๆ" เคนยังทำหน้างอเหมือนเดิม

"วันนี้ไม่ทันไปพรุ่งนี้ก็ได้ แล้วคืนนี้เรามาดื่มกัน ชั้นซื้อเบียร์มาเยอะเลย" แวนเนสว่าแล้วก็สังเกตสีหน้าของน้องชายเพราะเขารู้ดีว่าน้องต้องยอมตามนั้นแน่นอน

"แล้วเอาไปแช่เย็นหรือยังหละ? รู้เปล่าว่าวันนี้ชั้นยังไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน" เคนพูดเสียงอ่อนลง

"อ้าว! แล้วทำไมไม่กินหละ?" แวนเนสย้อนถามพลางส่ายหน้าแล้วยื่นถุงขนมที่เขาถือติดมือขึ้นมาให้น้อง

"ก็ชั้นไม่อยากลงไปข้างล่าง" เคนตอบแล้วรับถุงขนมมาแกะกิน

"นี่นายเหม็นขี้หน้าพวกมันสองคนมากเลยหรอ?" แวนเนสถามด้วยน้ำเสียงกึ่งจริงกึ่งเล่น

"เปล่า.....แต่ยังไม่อยากเห็นหน้าพวกมันตอนนี้" เคนตอบแล้วกลืนขนมลงคอ แวนเนสมองน้องชายอย่างเข้าใจก่อนจะพยักหน้า

"ก็ดี บางทีไม่เห็นหน้ากันนานๆอาจจะคิดถึงกันบ้างก็ได้" เคนไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่หยิบขนมกินต่อเท่านั้น

"งั้นเดี๋ยวชั้นลงไปหาอะไรขึ้นมาให้กินแล้วกัน จะเอาอะไรอีกหรือเปล่า?" แวนเนสบริการน้องชายเต็มที่

"เอากับแกล้มแล้วก็เบียร์ขึ้นมาก็พอ" เคนตอบหน้าตาเฉย

"เดี๋ยวก็ซัดให้ซักเปรี้ยงหรอก! ข้าวปลาไม่กินถามหาแต่เบียร์!" ทำท่าเงื้อนง้าใส่น้องชาย

"ก็นายซื้อมาแต่เบียร์ไม่ใช่หรอ?" เคนว่าพลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แวนเนสเลยอึ้งไปเล็กน้อยเพราะที่น้องพูดก็จริง

"รออยู่นี่แหละ! เดี๋ยวชั้นจัดการเอง" ว่าแล้วก็ส่ายหน้าก่อนจะเปิดประตูเดินออกไป เคนมองตามพี่ชายยิ้มๆก่อนจะเอนตัวนอนเล่นบนเตียง เพียงครู่เดียวประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง

"ทำไมมาเร็วจัง" เคนเอ่ยออกไปโดยไม่ได้หันไปมอง จนเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบจึงค่อยเหลียวไปมอง

"พี่กลางครับ" ไจ่ไจ๋เรียกพี่ชายเบาๆก่อนจะเดินเข้ามาหา

"ออกไป!" เคนทำเสียงห้วน

"ผมรู้ว่าพี่ยังโกรธ ผมแค่อยากจะขอโทษ" น้องเล็กพยายามขอโทษพี่ชาย

"ผมคิดจะเอาเจ้าพีพีกับถางถางไปซ่อนจริงแต่ก็จะเปลี่ยนใจตอน....." ไจ่ไจ๋ยังพูดไม่จบเคนก็พูดย้ำอีกครั้ง

"บอกให้ออกไป!" เคนทำเสียงเข้มขึ้นตามลำดับ แต่ไจ่ไจ๋ไม่ได้ขยับ

"ผมยินดีทำทุกอย่างเพื่อให้พี่หายโกรธ จะให้ผมบุกน้ำลุยไฟผมก็จะทำ" น้ำเสียงที่พูดเริ่มสั่นเพราะเขากลัวท่าทางเย็นชายของพี่ชาย

"จะให้เชื่อหรอ? แค่บอกให้ออกไปนายยังไม่ทำเลย" เคนว่าพร้อมกับจ้องหน้าน้องชายตาเขม็ง ไจ่ไจ๋ได้ยินเช่นนั้นก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เขาไม่อยากให้พี่ชายทำตัวห่างเหินกับเขาแบบนี้เลย เขาอยากให้พี่ชายด่าว่าเขาหรือตีเขาก็ยังดีกว่าการทำตัวเฉยชาเช่นนี้

"พี่กลางครับ....." ไจ่ไจ๋ครางเบาๆ เคนเม้มปากก่อนจะลุกขึ้นมาฉุดแขนน้องชายแล้วผลักไสออกจากห้องเพราะน้ำตาของน้องทำให้เขายิ่งเจ็บ

"นายมันถูกตามใจจนเคยตัว! ทำอะไรไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของคนอื่น! เอาตัวเองเป็นใหญ่! เอาแต่ความพอใจของตัวเองเป็นหลัก!" เคนด่าว่าน้องชายเสียงดัง

"แล้วอย่าคิดนะว่าแค่คำว่าขอโทษมันก็ลบล้างทุกอย่างได้หมด! มันเรียกความรู้สึกที่เสียไปกลับคืนมาไม่ได้หรอก!" คำพูดนั้นทำให้ไจ่ไจ๋ร้องไห้โฮด้วยความตกใจ

"ไปให้พ้น!" ตะคอกใส่หน้าน้องชายซ้ำอีก

"พี่กลาง! พี่จะด่าผมยังงัยก็ได้แต่ขออย่างเดียวอย่าเกลียดผมเลย....." ไจ่ไจ๋ยื้อยุดแขนพี่ชายพร้อมกับอ้อนวอนขอร้อง

"ปล่อย!" เคนสะบัดมือน้องชายออกอย่างแรง น้องเล็กมองพี่ชายด้วยสายตาเจ็บปวด

"แล้วอย่ามาให้ชั้นเห็นหน้าอีก!" ชี้หน้าน้องชายก่อนจะเค้นคำพูดออกมาอย่างยากลำบาก เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องทำร้ายทั้งตัวเองและน้องชายขนาดนี้ พูดจบเคนก็หมุนตัวกลับเข้าห้องแต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองร่างน้องชายที่หมุนตัวกลับเพื่อจะเดินลงบันไดไปเช่นกัน เขาถอนหายใจก่อนจะเอามือลูบหน้าตัวเองแต่แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อยินเสียงโครมครามดังไล่หลังตามมา เขารีบเดินออกมานอกห้องแล้วก็ได้เห็นร่างน้องชายพลัดตกบันไดลงไปฟุบอยู่ด้านล่าง

"ไจ่ไจ๋!!!!" เคนร้องเรียกน้องชายแล้ววิ่งถลาเข้าไปหาร่างของน้อง โดยที่เจอร์รี่และแวนเนสก็วิ่งหน้าตื่นมาพร้อมๆกัน

"ไจ่ไจ๋! นายอย่าเป็นอะไรนะ! ไจ่ไจ๋! ลืมตามองพี่สิ!" เคนประคองร่างน้องชายแล้วตบที่แก้มเบาๆ

"เกิดอะไรขึ้นเสี้ยวเทียน?" เจอร์รี่ละล่ำละลักถามด้วยท่าทางตกใจไม่แพ้กัน

"น้องตกบันไดแล้วก็นิ่งไป ชั้นเรียกเท่าไหร่น้องก็ไม่ตอบ" เคนตอบแล้วเขย่าตัวน้องชายแต่ร่างนั้นยังคงหลับตานิ่งไม่ตอบสนอง

"ชั้นจะเอารถออก! เราต้องพาน้องไปโรงพยาบาล!" แวนเนสว่าแล้วก็รีบวิ่งไปหยิบกุญแจรถ

"นายสองคนพาน้องออกมาเร็ว!" ตะโกนบอกกล่าวกับพี่น้องทั้งสองคนก่อนจะวิ่งหายออกไปสตาร์ทรถ

"ชั้นอุ้มน้องเอง" เคนพูดเสียงสั่นน้ำตานองหน้าแล้วพยายามจะอุ้มร่างน้องขึ้นมาแต่ตัวเขากลับไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่เลย

"ชั้นเอง" เจอร์รี่เห็นดังนั้นก็เสนอตัว แต่เคนยังคงส่ายหน้าแล้วพยายามอุ้มน้องอีกครั้งแต่เขาก็ทำไม่ได้

"เสี้ยวเทียน ให้ชั้นอุ้มน้องเอง น้องต้องรีบไปหาหมอนะ" เจอร์รี่พูดอย่างพยายามระงับสติอารมณ์ก่อนจะช้อนร่างน้องเล็กขึ้นมาแล้วรีบพาออกไปขึ้นรถ

"ชั้นโทรเรียกรถพยาบาลแล้ว อาจจะเจอกันระหว่างทางแบบนั้นน่าจะดีกว่า" แวนเนสบอกกับพี่ชายด้วยสีหน้ามีแวววิตกกังวลไม่น้อยไปกว่ากันแต่เขาก็ยังคงควบคุมตัวเองได้

"ดีแล้ว!" เจอร์รี่ว่าแล้วก็รีบขึ้นรถก่อนจะตะโกนเรียกเคน

"เสี้ยวเทียน! ขึ้นรถเร็วเข้า!" เรียกน้องชายอีกคนที่วิ่งตามมา เคนขยับขึ้นไปนั่งบนรถแล้วประคองร่างน้องชายไว้ในอ้อมกอด แวนเนสเองก็รีบเปิดไฟฉุกเฉินและออกรถทันที

"ไจ่ไจ๋....พี่ขอโทษ.....นายอย่าทำแบบนี้สิ....." เคนร้องไห้เรียกน้องชายซ้ำไปซ้ำมาตลอดทาง พี่ชายทั้งสองคนเองก็พูดอะไรไม่ออกเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเร็วมากจนไม่อยากเชื่อว่าเป็นความจริง

"รถพยาบาลมาตรงนั้นใช่หรือเปล่า?" เจอร์รี่ชี้ให้แวนเนสดู ตอนนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเมื่อรับสายก็รู้ว่าเป็นรถพยาบาลที่แวนเนสเรียกมารับน้องชายจริงๆ เขาจึงหักพวงมาลัยเข้าข้างทางแล้ววิ่งไปติดต่ออย่างไม่รอช้า

"คนเจ็บอยู่ไหนครับ?" เจ้าหน้าที่ถาม เจอร์รี่รีบนำพาเจ้าหน้าที่ไปรับตัวน้องชายคนเล็กอย่างเร่งด่วน

"ชั้นจะไปกับน้อง" เคนเดินตามไปที่รถพยาบาลเขายังช็อคไม่หายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พี่ใหญ่เห็นเช่นนั้นก็ดึงตัวน้องไว้ก่อนจะหันไปสั่งแวนเนส

"แวนเนส! นายไปกับรถพยาบาลนะเดี๋ยวชั้นกับเสี้ยวเทียนจะตามไป" จบคำนั้นแวนเนสก็โดดขึ้นรถพยาบาลแล้วรถก็ออกตัวไปอย่างรวดเร็ว

"รอด้วย! ชั้นจะไปกับน้อง!" เคนร้องตะโกนทั้งน้ำตาแต่ก็โดนพี่ใหญ่ฉุดรั้งตัวไว้

"พี่จะพานายไปหาน้อง ขึ้นรถไปกับพี่" พี่ใหญ่พยายามผลักให้น้องเข้าไปนั่งในรถแต่เคนกลับขัดขืน

"ชั้นจะไปกับน้อง!" เอะอะใส่พี่ชายแล้วสะบัดมือออก

"เสี้ยวเทียน!!!" พี่ใหญ่ทำเสียงเข้มแล้วจับไหล่ทั้งสองข้างของน้องชายบีบแน่น

"ควบคุมตัวเองหน่อย! ตอนนี้น้องถึงมือหมอแล้วน้องปลอดภัยแล้ว นายต้องขึ้นรถถ้าอยากรีบไปหาน้อง!" เคนมองหน้าพี่ชายไม่ชัดเพราะน้ำตากลบหมด

"น้องไม่เป็นไรจริงๆนะ?" ถามย้ำพี่ชายอีกครั้ง

"จริงสิ ขึ้นรถนะ" เจอร์รี่ตอบเสียงอ่อนลงแล้วพาน้องขึ้นรถจากนั้นก็ขับไปที่โรงพยาบาลอย่างรีบเร่ง



- ที่โรงพยาบาล -

"ว่างัยบ้างแวนเนส?" ทันทีที่วิ่งเข้ามาเจอร์รี่ก็ถามไถ่เอากับแวนเนสทันที

"อยู่ในห้องฉุกเฉิน" แวนเนสตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าเขาเองก็เบลอๆเหมือนกัน

"น้องเป็นอะไรมากมั๊ย? น้องรู้สึกตัวหรือยัง? ชั้นเข้าไปดูน้องได้หรือเปล่า?" เคนถามต่อออกมาเป็นชุด

"ให้หมอตรวจน้องก่อนนะ เดี๋ยวคุณหมอก็ออกมาบอกเราเอง" แวนเนสตอบคำถามนั้นอย่างนุ่มนวล

"ชั้น....." เคนอ้าปากจะพูดต่อแต่ก็โดนพี่ใหญ่ดึงตัวเข้าไปกอดคำพูดนั้นจึงถูกเปลี่ยนเป็นเสียงร้องไห้แทน

"น้องไม่เป็นไรหรอกเสี้ยวเทียน ไม่ต้องกลัวนะ" พูดปลอบโยนเพราะรู้ว่าเคนนั้นได้รับความกระทบกระเทือนมากที่สุด เพราะเป็นคนเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

"นั่นสิ นายอย่าร้องไห้เลย เดี๋ยวไจ่ไจ๋มันมาเห็นเข้าหละโดนหัวเราะเยาะแน่" แวนเนสพยายามทำเสียงร่าเริงแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลนักเพราะสีหน้าของเขาเองก็ดูแย่ไม่แพ้กันเลย

"ชั้นเป็นคน....ชั้นเป็นคนทำให้น้อง....." เคนเริ่มโทษตัวเองที่ผลักไสน้องออกมา

"เงียบ! อย่าพูดอะไรแบบนั้น" พี่ใหญ่กดหัวน้องชายมาซบที่ไหล่เขาตามเดิมเขาไม่อยากได้ยินน้องพูดโทษตัวเองด้วยกลัวว่าสภาพจิตใจของน้องจะแย่ไปกว่านี้ ในตอนนั้นเองประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกเปิดออกแวนเนสเป็นคนแรกที่ถลาเข้าไปหาคนที่เดินออกมา

"คุณหมอครับ น้องชายผม?" หมอวัยกลางคนยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

"น้องชายคุณปลอดภัยครับ เราตรวจเช็คร่างกายอย่างระเอียดแล้วอวัยวะส่วนที่สำคัญๆไม่ได้รับความกระทบกระเทือนเลย มีแค่รอยฟกช้ำที่แขนนิดหน่อย และตอนนี้เขาฟื้นแล้วครับ" คำตอบของหมอทำให้สามคนพี่น้องต่างพากันโล่งอก

"เดี๋ยวหมอให้ย้ายไปห้องพักผู้ป่วยนะครับ ญาติไปรอเยี่ยมที่ห้องได้เลยเดี๋ยวให้คุณพยาบาลพาไป" ว่าแล้วก็พยักหน้าให้พยาบาลสาวที่เดินตามออกมา

"เชิญทางนี้ค่ะ" พยาบาลคนนั้นพูดกับสามพี่น้องแล้วเดินนำไปที่ลิฟท์

"เห็นมั๊ย? พี่บอกแล้วว่าน้องไม่เป็นไร" เจอร์รี่พูดกับเคนเบาๆพร้อมกับเช็ดน้ำตาให้น้องชาย ในตอนนั้นนางพยาบาลสาวก็มองสองพี่น้องยิ้มๆ

"เขาห่วงน้องน่ะครับ ร้องไห้มาตลอดทางเลย" เจอร์รี่พูดต่อยิ้มๆคล้ายจะแซวน้องไปด้วย เคนได้ยินก็เริ่มรู้สึกอายจึงซบหน้าลงที่ไหล่พี่ชายเพื่อจะได้ไม่ต้องสบตากับพยาบาลสาว

"เป็นธรรมดาค่ะ ถ้าญาติเห็นคนป่วยหมดสติไปก็มักจะตกใจ" เธอตอบรับคำนั้นยิ้มๆเช่นกัน ในตอนนั้นลิฟท์ก็หยุดพอดี

"เชิญค่ะ" เธอผายมือให้สามพี่น้องเดินออกมาก่อนแล้วจึงขยับขึ้นไปเดินนำ แล้วหยุดที่ห้องพักคนป่วยที่ไจ่ไจ๋อยู่

"เดี๋ยวอีกซักครู่ชั้นจะเอาเสื้อผ้ามาให้คนป่วยเปลี่ยนนะคะ เพราะคุณหมอบอกให้นอนดูอาการซักคืน ขอตัวค่ะ" พูดจบเธอเปิดประตูให้สามพี่น้องแล้วเดินจากไป

"ไจ่ไจ๋! นายเป็นยังงัยบ้าง?" เคนถลาเข้าไปหาน้องเป็นคนแรก ไจ่ไจ๋มองเคนด้วยสีหน้าแปลกใจ

"บอกพี่ซิว่าเจ็บตรงไหนบ้าง? มีแผลตรงไหนอีกหรือเปล่า?" จับตามเนื้อตามตัวของน้องขึ้นมาดู

"งัย? เล่นเอาอึ้งไปเลยสิ" แวนเนสที่เดินตามเข้ามาพูดกับน้องเล็กยิ้มๆเช่นกัน

"ท่าจะมึนอยู่นะเนี่ย ไหนจำได้หรือเปล่าว่าตัวเองชื่ออะไร?" พี่ใหญ่พูดหยอกน้องชายด้วยอีกคน

"ทำไมนายถึงไม่พูดอะไรเลยหละ? นายยังโกรธพี่ใช่มั๊ยไจ่ไจ๋? โกรธที่พี่ต่อว่านายแบบนั้น....." เคนพูดต่อด้วยแววตากังวล ไจ่ไจ๋มองพี่ชายสามคนไปมาด้วยสายตางงๆก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

"พวกคุณเป็นใคร?" จบคำถามนั้นพี่ชายทั้งสามคนต่างนิ่งเงียบ

"นี่! อย่ามาอำให้ยากหน่อยเลย! ป่วยทีไรหาเรื่องอ้อนแบบแปลกๆทุกที" แวนเนสต่อว่าน้องเข้าให้

"ผมไม่ได้อำ แต่ผมไม่ทราบจริงๆว่าพวกคุณเป็นใคร? แล้วทำไมผมถึงมาอยู่ที่โรงบาลนี้ได้" คราวนี้พี่ชายทั้งสามคนต่างหันไปมองหน้ากันไปมา

"ไจ่ไจ๋....ถ้านายอยากเอาคืนที่พี่มีส่วนทำให้นายตกบันไดพี่ยินดีทำทุกอย่างนะ แต่อย่าใช้วิธีนี้" เคนเริ่มทำสีหน้าจริงจังเพราะนึกว่าน้องยังคงล้อเล่นกับพวกเขา

"คุณพูดเรื่องอะไรกัน? ผมไม่รู้เรื่องเลย" ไจ่ไจ๋ส่ายหน้าก่อนจะหลับตาลง

"ไจ่ไจ๋ นายจำไม่ได้จริงๆหรอว่าเกิดอะไรขึ้น?" พี่ใหญ่ถามขึ้นมาบ้าง ไจ่ไจ๋ส่ายหน้าแทนคำตอบ

"มันจะเป็นไปได้ยังงัย!? นายจำไม่ได้ได้ยังงัยกัน?" เคนเขย่าตัวน้องชาย แต่ไจ่ไจ๋ปัดมือพี่ชายออก

"พวกคุณช่วยออกไปได้หรือเปล่า? ผมอยากพักผ่อน" ไจ่ไจ๋ทำเสียงดังขึ้นตามลำดับ เล่นเอาพี่ชายทั้งสามคนอึ้งไปตามๆกัน

"ชั้นจะไปถามหมอ" เคนว่าแล้วก็ผลุนผลันออกไปทันที

"เสี้ยวเทียน!" เจอร์รี่เรียกน้องไว้แต่ไม่ทันแล้วเพราะเคนวิ่งหายไปทันที

"ชั้นไปกับมันนะ" เจอร์รี่ว่าแล้วก็รีบตามน้องชายออกไปเพราะกลัวว่าน้องจะอาละวาดอีก เหลือแต่แวนเนสที่ยังยืนนิ่งอยู่ในห้อง

"ไจ่ไจ๋ พี่สัญญาว่าจะไม่บอกเจ้าสองคนนั่น นายบอกพี่มาเถอะว่านายกำลังอำพวกพี่ใช่มั๊ย?" แวนเนสพยายามเอาคำตอบที่ต้องการกับน้องอีก

"ผมบอกแล้วงัยว่าผมไม่รู้จักพวกคุณ! แล้วผมก็จำไม่ได้เลยว่าผมเคยมีพี่ชายตั้งแต่เมื่อไหร่!" คำตอบโต้นั้นทำให้แวนเนสมึนงง ตอนแรกเขาไม่เชื่ออย่างแน่นอนว่าน้องจะจำพวกเขาไม่ได้จริงๆแต่ตอนนี้ทั้งสีหน้าท่าทางและคำพูดของน้องชายทำให้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้ว

"แล้วนายจำได้หรือเปล่าว่าตัวเองเป็นใคร?" แวนเนสถามต่อ

"ผมชื่อไจ่ไจ๋ พ่อแม่ผมทำงานอยู่อเมริกา แฟนผมชื่อหลิงหลิงแล้วผมก็มีพี่สาวที่สนิทกันชื่อกลอเรีย เธอเปิดร้านขายหนังสืออยู่โดยมีรุ่นพี่ของผมชื่อมี่เฟิงเป็นคนช่วยงานในร้าน นี่คือสิ่งที่ผมรู้มาตลอด แต่เรื่องที่ผมมีพี่ชายถึงสามคนนั้นมันไม่มีอยู่ในความทรงจำผมเลยเพราะตั้งแต่ผมจำความได้ผมก็รู้ว่าพ่อแม่มีผมเป็นลูกชายคนเดียว" คำตอบยาวๆนั้นทำให้แวนเนสพูดอะไรต่อไม่ออก เพราะถ้านี่เป็นเรื่องจริงก็ถือว่าแปลกมากเพราะน้องจำทุกอย่างได้หมดยกเว้นพวกเขาสามคน ในตอนนั้นเจอร์รี่กับเคนก็กลับเข้ามาพร้อมกับคุณหมอ

"คุณไจ่ไจ๋ครับ คุณบอกว่าคุณไม่รู้จักพวกเขาสามคนนี่?" คุณหมอเดินเข้ามาที่เตียงคนป่วยก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"ใช่ครับ ผมจำได้ว่าไม่เคยรู้จักพวกเขาทั้งสามคน" คำตอบนั้นทำให้หมอเองถึงกับขมวดคิ้ว

"คุณหมอครับ.....เป็นไปได้หรือเปล่าว่าน้องชายผมความจำเสื่อม?" เคนถามขึ้นด้วยสีหน้าร้อนรน

"แต่เท่าที่ผมตรวจร่างกายดูแล้วก็ปกติทุกอย่าง" คุณหมอแย้งก่อนจะทำหน้าครุ่นคิด

"งั้นผมจะลองดูผลเอกซ์เรย์สมองให้ละเอียดอีกครั้ง แต่ตอนนี้ให้คนป่วยพักผ่อนก่อนเถอะครับ" พูดจบก็ส่งสายตาเป็นเชิงขอให้พี่น้องทั้งสามคนตามเขาออกมาเพื่อพูดคุยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นนอกห้อง

"ตกลงแล้วน้องผมเป็นอะไรกันแน่ครับ?" เคนถามทันทีที่ประตูถูกปิดลง หมอทำหน้าลำบากใจก่อนจะส่ายหน้า

"ผมเองก็ยังสรุปไม่ได้ จะว่าความจำเสื่อมก็ไม่น่าใช่เพราะสมองของเขาไม่ได้รับความกระทบกระเทือนเลย" หมอตอบด้วยสีหน้าขรึมลง

"เอาเป็นว่าผมจะส่งประวัติคนไข้ไปให้หมอที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านช่วยวิเคราะห์นะครับ แต่ตอนนี้ขอให้พวกคุณอย่าเพิ่งไปกดดันคนไข้ปล่อยให้เขาพักผ่อนเต็มที่ก่อน แล้วได้ผลยังงัยจะมาแจ้งให้ทราบทันที" พูดจบคุณหมอก็ขอตัว ทิ้งให้สามพี่น้องได้แต่มองหน้ากันไปมา

"เป็นไปได้ยังงัย? เรื่องแบบนี้มันมีแต่ในละครเท่านั้นแหละ" เคนครวญคราง

"ชั้นว่าไจ่ไจ๋ต้องแกล้งแน่ๆ น้องคงโกรธที่ชั้นพูดจาไม่ดีใส่แถมยังทำเป็นไม่สนใจอีก น้องเลยแกล้งเล่นละครตบตาเพื่อให้ชั้นใจหายเล่น" เคนยังคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ดี

"ไม่หรอกเสี้ยวเทียน ชั้นไม่คิดว่าน้องจะแกล้ง" แวนเนสแย้งขึ้นด้วยสีหน้าค่อนข้างจริงจัง

"นายแน่ใจได้ยังงัย? อย่างเจ้านี่มัน.....มันชอบอำพวกเราอยู่แล้ว....." เคนพยายามหาเหตุผลเพื่อจะลบล้างความจริงในข้อที่น้องจำพวกเขาไม่ได้

"ชั้นไม่มีเหตุผลมาอธิบายให้นายฟังได้หรอก ชั้นรู้แต่ว่าบางอย่างมันบอกว่าน้องจำพวกเราไม่ได้เลยจริงๆ" แวนเนสตอบแล้วนิ่งไป

"เมื่อกี้ตอนที่พวกนายออกไปตามหมอไจ่ไจ๋บอกกับชั้นว่าน้องรู้ว่าพ่อแม่ทำงานอยู่เมืองนอก มีแฟนชื่อหลิงหลิง น้องจำได้แม้กระทั่งกลอเรียกับมี่เฟิง....แต่....." แวนเนสเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

"แต่พวกเราสามคนเหมือนถูกลบไปจากความทรงจำของน้องเพราะน้องยืนยันว่าน้องเป็นลูกชายคนเดียวเท่านั้น" คำพูดของแวนเนสทำให้ทั้งเจอร์รี่และเคนอึ้งไป

"ไม่จริง! น้องจำทุกคนได้หมดแล้วจะจำพวกเราไม่ได้ได้ยังงัยกัน? น้องต้องหลอกเราแน่ๆ!" เคนแย้งขึ้นเสียงแข็ง

"แต่มันเป็นเรื่องจริงนะเสี้ยวเทียน ชั้นมองตาเวลาที่น้องพูดชั้นรู้ว่าน้องไม่ได้โกหก" แวนเนสเถียงกลับไปด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

"นายเชื่อหรอเจอร์รี่? นายเชื่อที่น้องบอกเราหรอ?" เคนหันไปถามพี่ชายคนโตบ้าง เขาอยากให้ใครซักคนมีความคิดเช่นเดียวกับเขาในตอนนี้

"พี่ว่าบางที...." เจอร์รี่เปิดปากพูดอย่างยากลำบาก

"น้องอาจต้องการลืมพวกเราจริงๆก็ได้" เคนได้ยินก็มองหน้าพี่ชายอย่างต้องการคำอธิบาย

"น้องรักพวกเรามาก หากน้องมีเรื่องผิดใจกับพวกเราน้องก็ทุกข์มากเหมือนกัน เพราะฉะนั้นหากน้องลืมได้ว่าน้องรักพวกเรามากขนาดไหนบางทีน้องอาจจะไม่ต้องทุกข์อีกต่อไปก็ได้" คำพูดของพี่ใหญ่ทำให้เคนถึงกับน้ำตาซึม

"แต่เราอย่ากังวลไปเลย เพราะยังงัยน้องก็ไม่ได้จากพวกเราไปไหน ต่อให้น้องลืมได้จริงแต่พี่เชื่อว่าเศษเสี้ยวของความทรงจำตั้งเกือบยี่สิบปีมันต้องหลงเหลืออยู่บ้าง" พูดปลอบใจน้องชายทั้งสองคน

"ความทรงจำของน้องไม่มีพวกเราอยู่มันก็เหมือนกับน้องตายจากเราไปแล้วนั่นแหละ" เคนแย้งก่อนจะเดินหนีไปทางอื่น แวนเนสขยับจะตามแต่พี่ใหญ่ดึงตัวไว้ก่อน

"ปล่อยไปเถอะ ให้น้องไปสงบสติอารมณ์เงียบๆดีกว่า" แวนเนสไม่ได้ขัดขืนเพียงแต่มองตามเคนอย่างเป็นห่วง

"นายว่า....." แวนเนสอ้าปากจะถามพี่ชายแต่พี่ใหญ่ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

"หมอที่นี่เก่ง ยังงัยเขาก็ต้องหาสาเหตุให้เราได้แน่นอน แล้วชั้นเชื่อว่ายังงัยไจ่ไจ๋ก็ต้องกลับมาเป็นน้องชายที่น่ารักของพวกเราอีกครั้ง" แวนเนสพยักหน้ารับก่อนจะโผเข้าไปกอดพี่ชาย แม้รู้ว่าพี่ชายเพียงแค่พูดปลอบขวัญแต่เขาก็ยังรู้สึกอุ่นใจเมื่อได้ยินน้ำเสียงปลอบโยนของพี่ชาย



Create Date : 30 มีนาคม 2552
Last Update : 30 มีนาคม 2552 23:02:25 น. 0 comments
Counter : 1167 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

loving_zai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




[Add loving_zai's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com