Chapter 71

ตอนที่ 71


"ชั้นไปอาบน้ำก่อนนะ เหนียวตัวเหลือเกิน"  หลังจากดับเครื่องรถยนต์เรียบร้อยแล้วแวนเนสก็บออกล่าวกับพี่ชายก่อนจะเปิดประตูลง

"อ้าวเฮ้ย!! ใจคอจะให้ชั้นแบกมันลงไปคนเดียวหรอ? มาช่วยกันก่อน!"  เจอร์รี่ตะโกนเรียกน้องชายคนรอง

"ก็นายเป็นคนทำให้มันหลับเป็นตายแบบนี้เองนี่ ก็จัดการเองสิ"  ไม่วายพูดกวนพี่ชาย

"งั้นก็ปล่อยมันนอนตรงนี้แหละ"  ว่าแล้วเจอร์รี่ก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจบ้าง

"จะบ้าหรอ! เดี๋ยวมันก็โดนยุงกัดตายพอดี"  แวนเนสเป็นฝ่ายโวยบ้าง

"ก็ชั้นไม่มีปัญญาแบกมันขึ้นไปนอนได้หนิ"  เจอร์รี่พูดเเสียงห้วนๆ

"ช่วยก็ได้วะ"  ว่าแล้วแวนเนสก็เปิดประตูกว้างแล้วมองไปยังร่างน้องชายคนกลางที่นอนหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องรู้ราว

"น่าจับไปขายจริงๆเลยว่ะ หุ่นแบบนี้ท่าทางจะราคาดี"  แวนเนสว่าพร้อมกับหัวเราะขำๆ ทำให้เจอร์รี่พลอยหัวเราะไปด้วย

"ใครจะเอามันฮึ? ดื้อก็เท่านั้นแถมเถียงคำไม่ตกฟากอีกไปอยู่กับคนอื่นใครเขาจะทนมันได้?"  พูดจบก็ส่ายหน้าแล้วสอดแขนเข้าไปยกใต้แขนทั้งสองข้างของน้องชาย

"นายยกขามันแล้วกัน ถ้าไม่ไหวก็ไปโยนทิ้งแถวๆโซฟาก่อน"  ว่าแล้วพี่ใหญ่ก็นับหนึ่งถึงสามแล้วพี่ชายทั้งคู่ก็ช่วยกันแบกน้องชายเข้าไปในบ้านจนได้แต่ก็เล่นเอาปาดเหงื่อไปตามๆกัน

"ต้องจับมันลดความอ้วนลงบ้างนะเนี่ย ไม่ไหว.....โครตหนักเลย....."  แวนเนสบ่นอุบพร้อมกับสะบัดแขนตัวเองทั้งสองข้างไปด้วย

"หึๆๆๆ"  เจอร์รี่หัวเราะพร้อมกับส่ายหน้าก่อนจะมองเจ้าน้องชายจอมดื้อที่ตอนนี้นอนหลับสนิทอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอีก

"ว่าแต่.....มันจะตื่นขึ้นมาแน่นะ? หมอคงไม่ได้ให้ยาปริมาณมากไปหรอกใช่มั๊ย?"  แล้วแวนเนสก็นึกกังวลขึ้นมาเฉยๆ

"ไม่หรอกน่า! นายก็คิดอะไรบ้าๆ! ชั้นถามหมอละเอียดแล้วหมอก็ยืนยันว่าถ้ากินปริมาณเท่านี้ไม่เป็นอะไร"  ได้ยินน้องพูดเช่นนั้นเจอร์รี่เองก็พลอยกังวลไปด้วย ความจริงเขาเข้าไปปรึกษาหมอมาได้ซักสองสามวันแล้วแต่ยังไม่กล้าให้น้องกินยาเพราะกลัวจะเป็นอันตราย แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังนี้เขาก็เลยตัดสินใจเด็ดขาดให้น้องกินยานอนหลับไปเพราะไม่อย่างนั้นแล้วนอกจากสภาพร่างกายน้องจะย่ำแย่ลงเพราะไม่ได้พักผ่อนแล้วสภาพจิตใจก็จะแย่ตามเพราะมัวแต่คิดกังวลเรื่องน้องเล็กด้วย

"แต่น้องมันมีโรคประจำตัวนะ"  แวนเนสแย้งอีก

"เรื่องนั้นชั้นก็ถามแล้วเหมือนกัน ไม่มีอะไรหรอก"  เจอร์รี่ตอบทันควัน

"เออๆๆๆ ไม่มีอะไรก็ดี"  แวนเนสยอมจำนนเพราะไม่อยากทำให้ตัวเองกับพี่ชายต้องกังวลมากกว่านี้อีก

"ว่าแต่เรื่องนี้เราจะไม่บอกพ่อแม่จริงๆหรอ? มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะ"  แล้วก็ปรึกษาพี่ชายขึ้นมาอีก

"พ่อแม่เพิ่งกลับไปไม่นานเอง ชั้นไม่อยากให้พ่อแม่ต้องเป็นกังวล"  เจอร์รี่ให้เหตุผลแล้วถอนหายใจ

"แต่รอดูสถาการณ์อีกซักอาทิตย์นึงก่อนถ้าไม่มีอะไรดีขึ้นจริงๆชั้นจะโทรไปบอกพ่อแม่"  พี่ใหญ่พูดด้วยสีหน้าขรึมลง แวนเนสพยักหน้าก่อนจะตัดบท       

"ช่วยกันพาน้องขึ้นไปนอนข้างบนเถอะ ข้างล่างยุงเยอะ"  พี่ใหญ่พยักหน้าก่อนจะพูดเสริม

"เอามันไปนอนที่ห้องชั้นแล้วกัน ชั้นจะได้ดูมันสะดวกหน่อย"  ว่าแล้วทั้งคู่ก็ช่วยกันอุ้มเคนขึ้นไปนอนบนห้องนอนของเจอร์รี่

"จะนอนด้วยกันมั๊ยหละ?"  เจอร์รี่ถามน้องชายคนรองที่นั่งมองเคนอยู่ เขารู้ว่าแวนเนสเองก็ห่วงเคนไม่น้อย

"อืม แต่ชั้นไปอาบน้ำที่ห้องก่อนแล้วกัน"  พูดจบก็ลุกเดินกลับห้องตัวเอง หลังจากแวนเนสกลับไปแล้วเจอร์รี่ก็หยิบผ้าขนหนูเดินเข้าไปชุบน้ำในห้องน้ำมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้น้องชาย

"พี่ขอโทษนะเสี้ยวเทียนที่ทำแบบนี้ แต่พี่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว พี่เห็นนายกินไม่ได้นอนไม่หลับพี่เองก็ไม่สบายใจ"  พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพร้อมกับเช็ดตัวให้เพื่อให้น้องสบายตัว

"เจ้าเด็กคนนี้....จะทำให้พี่ต้องห่วงไปถึงไหน....."  หลังจากเช็ดตัวให้น้องเสร็จแล้วเจอร์รี่ก็หยิกแก้มน้องด้วยความหมั่นไส้ปนเอ็นดูก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำบ้าง ผ่านไปครู่หนึ่งเจอร์รี่ก็อาบน้ำเสร็จและเป็นเวลาเดียวกับที่แวนเนสเดินเข้ามาพอดี

"อาบน้ำเสร็จแล้วหรอ?"  แวนเนสทักพี่ชายที่นั่งเช็ดหัวอยู่ปลายเตียง

"อืม....ง่วงหรือยังหละเรา?"  ถามน้องชายกลับไปบ้าง แวนเนสไม่ตอบแต่เดินมานั่งลงข้างพี่ชาย

"ทำไมบ้านเราถึงได้เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้เป็นประจำเลย?"  ตั้งคำถามนั้นกับพี่ชายก่อนจะพูดต่อ

"แล้วแต่ละเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วๆไปเขาจะพบเจอได้ง่ายด้วยสิ ซวยชะมัดเลย....."  เจอร์รี่ยิ้มแล้วลุกเดินเอาผ้าเช็ดตัวไปแขวนก่อนจะหันมาพูดกับน้อง

"แต่พี่ใหญ่ว่าครอบครัวเราโชคดีมากกว่านะ"  แวนเนสเงยหน้ามองพี่ชายอย่างไม่ค่อยเข้าใจ

"โชคดียังงัย? เรื่องที่พวกเรากำลังเจออยู่นี่มันดีนักหรอ?"  พี่ใหญ่ยังไม่ตอบแต่เดินมานั่งลงตามเดิมแล้วโน้มหัวน้องชายมาซบที่ไหล่ตัวเอง

"แล้วนายตอบพี่ซิว่าทุกครั้งที่ครอบครัวเราเกิดเรื่องสุดท้ายแล้วเรื่องนั้นคลี่คลายไปในทางบวกหรือทางลบ?"  แวนเนสได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งไป

"มันก็จริง.....แต่ถ้าเลือกได้เรื่องแบบนี้ไม่ต้องเกิดขึ้นน่าจะดีกว่า"  แล้วแวนเนสก็เอ่ยตอบพี่ชาย

"บางทีเบื้องบนท่านอาจจะอยากพิสูจน์ว่าครอบครัวเราเนี่ยจะเข้มแข็งกันขนาดไหนเลยประทานปัญหายุ่งๆมาให้พวกเราช่วยกันแก้ไขได้ไม่เว้นแต่ละวันหละมั้ง?"  เมื่อเห็นน้องดูซึมๆไปเจอร์รี่ก็พูดสร้างบรรยากาศ

"เบื้องบนท่านลำเอียงจัง บ้านอื่นไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย"  แวนเนสแอบต่อว่าความคิดของพี่ชาย

"นายรู้ได้ยังงัย? ครอบครัวอื่นอาจจะเจอเรื่องที่คาดไม่ถึงมากกว่าเราก็ได้"  เจอร์รี่ว่าแล้วก็ก้มมองดูน้องชาย

"ชั้นนึกว่าหากไจ่ไจ๋เป็นอะไรไปนายน่าจะเป็นคนที่มีอาการย่ำแย่มากที่สุดนะเนี่ย แต่ตอนนี้ดูท่าทางนายจะเป็นคนเดียวที่ดูจะรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ได้และก็ควบคุมตัวเองได้ดีที่สุดด้วย"  ได้ยินเช่นนั้นเจอร์รี่ก็ยิ้มแล้วยกมือขึ้นตบหัวน้องชายเบาๆ

"จะวกเข้าเรื่องที่ว่าเพราะชั้นรักน้องมากกว่าพวกนายอีกหรือเปล่าชั้นถึงควรจะต้องมีอาการแย่ที่สุด"  แวนเนสเงยหน้ามองพี่ชายก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ

"ชั้นไม่สนใจแล้วหละว่าใครจะรักใครมากกว่า แค่รู้ว่าชั้นรักทุกคนมากแค่ไหนก็พอแล้ว"  คำตอบของน้องทำให้เจอร์รี่เลิกคิ้ว

"ไม่นึกเลยว่าจะได้ยินนายพูดแบบนี้ พูดจาเหมือนผู้หลักผู้ใหญ่กับเขาก็เป็นนี่นา"  พูดแซวน้องชายยิ้มๆ

"น้อยๆหน่อย ชั้นอ่อนกว่านายแค่ปีเดียวเอง ชอบว่าชั้นทำอะไรเหมือนเด็กอยู่เรื่อย"  แวนเนสต่อว่าพี่ชายหน้ามุ่ย

"ปีเดียวที่ไหน? เกือบสองปีต่างหาก พี่เกิดต้นปีส่วนนายเกิดปลายปีโน้นมันจะแค่ปีเดียวได้ยังงัย?"  เถียงน้องกลับไปด้วยสีหน้ายิ้มๆ

"คุยกับนายแล้วปวดหัวชะมัด! นอนดีกว่า"  แวนเนสว่าแล้วก็ขยับตัวไปบนเตียงแล้วล้มตัวนอนลงข้างๆน้องชายคนกลาง พี่ใหญ่ยิ้มพลางมองตามน้องแล้วส่ายหน้าไปมาก่อนจะขยับตัวขึ้นไปบนเตียงบ้าง

"เดี๋ยวนี้ไม่ยอมมากู๊ดไนท์คิสกับพี่ใหญ่เลยนะ"  พูดทวงน้องชายขึ้นมาลอยๆ

"มีแต่เด็กเท่านั้นแหละที่จะกู๊ดไนท์คิสก่อนนอน คนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วไม่ทำกันหรอก"  แวนเนสว่าพร้อมกับหลับตาลงทำให้พี่ชายหัวเราะออกมาได้

"โตจะตายแล้วเราน่ะ!"  พูดจบก็เอามือตีก้นน้องเบาๆอย่างหมั่นไส้ก่อนที่จะหยิบผ้าห่มมาห่มให้น้องชายทั้งคู่แล้วเดินไปปิดไฟดวงใหญ่

"ไม่ได้นอนด้วยกันสามคนแบบนี้มานานแล้วเนอะ"  เงียบไปครู่หนึ่งแวนเนสก็เอ่ยขึ้นมาอีก

"นั่นสิ เมื่อก่อนเราสามคนชอบนอนคุยกันเป็นประจำ แต่คืนนี้คงมีแต่เราสองคนที่จะคุยกันแหละนะ"  ประโยคหลังพูดด้วยน้ำเสียงขำๆ

"แหงสิ  เพราะไอ้ตัวแสบนี่มันหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องอะไรอีกแล้ว"  แวนเนสไม่พูดเปล่าแต่เอื้อมมือไปหยิกแก้มน้องชายที่นอนอยู่ตรงกลางระหว่างเขากับพี่ชายด้วย

"ชั้นว่านะ.....ถ้าเมื่อก่อนเสี้ยวเทียนไม่ต้องไปอยู่กับอาเจียงตอนนี้มันคงเป็นน้องชายคนโปรดของนายแหงๆ"  เจอร์รี่ได้ยินก็พลิกตัวนอนตะแคงหันมาทางน้องชาย

"ทำไมถึงคิดแบบนั้นหละ?"  ย้อนถามน้องชายกลับไป

"นายจำไม่ได้หรอว่าตอนเด็กๆไอ้หมอนี่มันขี้อ้อนขนาดไหน?"  แวนเนสตอบเป็นเชิงย้อนถามพี่ชาย

"หึๆๆๆ ก็จริงแหละ.....ชั้นว่ามันอ้อนมากกว่าไจ่ไจ๋อีก จำได้ว่ามันชอบเดินมากอดมานัวเนียชั้นทั้งวันเลย เรียกพี่ใหญ่อย่างโน้นพี่ใหญ่อย่างนี้ เห็นมันอ้อนทีไรก็ใจอ่อนทุกที"  พี่ใหญ่ว่าพลางหัวเราะเบาๆ

"ไม่นึกเลยนะว่าเรื่องบางเรื่องกลับทำให้คนเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือไปได้ แม้ว่าตอนนี้มันจะเข้าใจพ่อกับแม่มากขึ้นแต่ชั้นว่ามันก็ยังไม่ลืมความเจ็บปวดในตอนนั้นได้ง่ายๆแน่"  แวนเนสว่าพลางเอามือลูบหัวน้องไปด้วย

"ยิ่งมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก เสี้ยวเทียนมันก็เอาแต่โทษตัวเอง ไม่รู้ว่าตอนนี้แผลในใจของมันจะมีมากขึ้นเท่าไหร่แล้ว"  แวนเนสพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ตอนนี้เขาเป็นห่วงเคนมาก    

"ชั้นน่ะรักมันมากนะ บางทีก็อยากกอดมันอยากบอกมันให้รู้ว่าชั้นรักมันเป็นห่วงมันมากขนาดไหนแต่คงเพราะสนิทกันเกินไปเลยทำให้รู้สึกเขินๆหากจะแสดงออกแบบนั้น"  พี่ใหญ่ยิ้มบางๆเมื่อได้ยินสิ่งที่แวนเนสบอก

"ชั้นว่าน้องมันก็รู้แหละ เรื่องบางอย่างไม่จำเป็นต้องพูดหรอก แค่มองตากันก็เข้าใจแล้วหละ"  พี่ใหญ่ว่าแล้วเอื้อมมือข้ามตัวน้องชายคนกลางไปบีบจมูกแวนเนสเบาๆบ้าง

"อย่างนายกับชั้นงัย ถึงชั้นไม่บอกกับนายทุกวันว่าชั้นรักนายมากแค่ไหนแต่นายเองก็รู้ดีไม่ใช่หรอ?"  แวนเนสยิ้มให้พี่ชายแล้วพยักหน้า

"นอนได้แล้ว"  แล้วพี่ใหญ่ก็พูดตัดบท

"โอเค...."  แวนเนสรับคำแต่กลับลุกขึ้นมานั่ง

"โอเคแล้วก็นอนสิ  ลุกขึ้นมาทำไมอีกหละ?"  พี่ใหญ่ถามต่องงๆ

"กู๊ดไนท์คิส"  แวนเนสว่าพร้อมกับชี้ที่แก้มตัวเอง พี่ใหญ่ได้ยินก็หัวเราะออกมาอีกก่อนจะขยับตัวลุกขึ้น

"ไหนบอกว่ามีแต่เด็กๆไม่ใช่หรอที่ต้องกู๊ดไนท์คิสก่อนนอน?"  ถามแหย่น้องกลับไป แต่แวนเนสไม่ตอบขยับเข้าไปหอมแก้มพี่ชายทั้งสองข้าง

"กู๊ดไนท์ครับพี่ใหญ่"  ว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอน ทำให้พี่ชายได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆแล้วโน้มตัวลงจูบเบาๆที่หน้าผากน้องชายคืนให้

"กู๊ดไนท์ครับ"  พูดจบก็จัดการห่มผ้าให้น้องอีกครั้งก่อนจะล้มตัวลงนอนบ้าง

- ตอนเช้า -

"ตื่นเร็วกว่าที่คิดอีก"  เจอร์รี่เอ่ยทักทายเคนที่เพิ่งงัวเงียตื่นขึ้นมา เคนมองพี่ชายงงๆก่อนจะหันไปอีกข้างนึงก็เห็นแวนเนสนอนอยู่ด้วย

"นอนต่ออีกหน่อยเถอะ"  พูดต่อพร้อมกับลูบหัวน้องเบาๆ เคนไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่นอนนิ่งๆอยู่ครู่หนึ่ง

"ทำไมชั้นถึงมาอยู่นี่หละ?"  แล้วก็เอ่ยถามพี่ชายออกมา

"นายเดินละเมอมาขอนอนกับพี่ใหญ่งัย"  เจอร์รี่ตอบเป็นเชิงล้อเล่นกับน้อง

"จริงหรอ?"  เคนพึมพำแต่นึกไม่ออกเลยว่าเขากลับมาบ้านได้ยังงัย

"หึๆๆๆ"  เจอร์รี่หัวเราะเบาๆก่อนจะส่ายหน้าไปมา

"เรื่องนั้นช่างมันเถอะ หลับตาแล้วนอนต่ออีกหน่อย"  ว่าพร้อมกับขยับตัวเข้ามากอดน้อง เคนหลับตาลงอย่างว่าง่ายแต่ก็เริ่มนึกขึ้นได้ว่าเขาจะไปส่งไจ่ไจ๋กลับคอนโดแต่ทำไมตัวเองกลับมานอนอยู่ที่ห้องของพี่ชายได้

"เจอร์รี่!"  แล้วเคนก็ผละตัวออกจากอ้อมกอดของพี่ชายพร้อมกับเรียกพี่ชายเสียงหลงพลอยทำเอาแวนเนสที่กำลังหลับสบายสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วย

"อะไรกัน?"  แวนเนสถามขึ้นด้วยน้ำเสียงงัวเงียแต่พอเห็นเคนลุกขึ้นมานั่งแล้วก็ยิ้มให้

"ตื่นแล้วหรอไอ้แสบ!"  เคนไม่ได้สนใจคำทักทายของพี่ชายแต่มองหน้าพี่ใหญ่อย่างขึงขัง

"ทำไมชั้นถึงมานอนอยู่นี่ได้? ชั้นจำได้ว่าเราจะไปส่งไจ่ไจ๋ที่คอนโดแล้วทำไม?......"  เคนพยายามนึกแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก

"เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า? ไจ่ไจ๋อยู่ไหน?"  ถามพี่ชายทั้งสองคนอย่างคาดคั้น ทำให้พี่ชายทั้งคู่ลอบสบตากัน

"น้องก็อยู่ที่คอนโดของกลอเรียนั่นแหละ แล้วนายจะซีเรียสทำไมเนี่ย?"  แวนเนสเป็นคนตอบคำถามนั้นก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นมานั่งบ้าง

"แล้วทำไมชั้นถึงจำไม่ได้? ชั้นจำไม่ได้เลยว่าได้ไปส่งน้องถึงคอนโด"  เคนเริ่มโวยวายก่อนจะคิดได้ว่าตอนที่เขารู้สึกตัวครั้งสุดท้ายตอนที่รถขับออกมาจากปั๊มน้ำมันได้ครู่เดียวเท่านั้น

"เราแวะปั๊ม.....และก็...."  เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เขาก็หันไปมองหน้าพี่ใหญ่ตาเขม็ง

"ชั้นดื่มโกโก้ร้อนที่นายซื้อมาให้ ต่อจากนั้นชั้นก็จำอะไรไม่ได้เลยจนกระทั่งตื่นมาเมื่อกี้"  เจอร์รี่ทำหน้าแหยๆเมื่อโดนน้องชายสอบสวนเข้าให้บ้าง

"นายใส่อะไรลงไปในนั้นหรือเปล่า? ชั้นรู้สึกว่ารสชาติมันแปลกๆแต่นายก็ยังบังคับให้ชั้นกินจนหมด"  เจอร์รี่หันไปมองแวนเนสอย่างขอความช่วยเหลือแต่แวนเนสกลับยักไหล่แล้วส่ายหน้าเป็นเชิงบอกปัด

"เจอร์รี่!! นายใส่อะไรลงไปในนั้น?"  เคนถามพี่ชายเสียงเข้มท่าทางเอาจริง ทำให้พี่ใหญ่ถอนหายใจเฮือกก่อนจะยอมบอกความจริงกับน้อง

"ยานอนหลับ"  เคนได้ยินก็อึ้งพูดอะไรไม่ออก

"พี่ใหญ่เขาไม่ได้หวังร้ายอะไรกับนายเลยนะเสี้ยวเทียน แต่พี่เขาเห็นนายไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนมาตั้งหลายวันกลัวว่าร่างกายนายจะรับไม่ไหวแล้วล้มป่วยไปอีกคน พี่เขาก็เลยไปปรึกษาหมอแล้วหมอก็เลยจัดยามาให้นาย พี่ใหญ่ก็ไม่ได้อยากใช้วิธีนี้หรอกแต่นายอยากดื้อไม่ยอมนอนเองหนิ"  แวนเนสช่วยพูดให้พี่ชาย

"ชั้นไม่นอนแล้วมันเดือนร้อนอะไรกับพวกนายด้วย!"  เคนแหวใส่พี่ชายกลับไปอย่างหงุดหงิดที่พี่ชายทำกับเขาแบบนี้

"เดือดร้อนอะไร? ชั้นสองคนต้องผุดลุกผุดนั่งคอยเฝ้านายทั้งวันทั้งคืนว่านายจะไปไหนนายจะเป็นอะไรหรือเปล่านายจะคิดมากจนเตลิดไปถึงไหนต่อไหนมั๊ย? นี่งัยความเดือนร้อนของชั้นสองคนน่ะ!"  พี่ใหญ่ตอกกลับไปบ้างทำให้เคนเงียบไป

"ใครใช้ให้มายุ่งหละ"  พูดเสียงแผ่วลงกว่าเดิมเริ่มคิดได้ว่าที่พี่ชายทำไปก็เพราะเป็นห่วงเขาจริงๆ

"สงสัยต้องให้กินไม้เรียวเป็นอาหารเช้าแล้วมั้ง? ตื่นมายังไม่ทันไรก็อาละวาดใส่คนโน้นคนนี้ไม่เลือกไม่ได้ดูเลยว่าตัวเองทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงขนาดไหน!"  พี่ใหญ่ยังดุน้องต่อ เคนไม่ได้เถียงอะไรออกมาแต่มีสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย

"เฮ่อ!! ชั้นว่าเมื่อวานนายน่าจะใส่ยาลงไปซักสองกำมือมันจะได้หลับไปทั้งปีเลย"  แวนเนสพูดซ้ำเติมน้อง เคนเหลือบตามองพี่ชายคนรองด้วยสีหน้ามุ่ยๆ

"ปากดี!"  ต่อว่าพี่ชายแบบไม่ออกเสียงเพราะกลัวพี่ใหญ่ได้ยิน

"ว่าอะไรพี่รอง?"  เจอร์รี่ถามเสียงเข้มเพราะรู้ว่าเคนต่อว่าแวนเนส

"เปล่า....."  ปฏิเสธทันที

"มันว่าชั้นปากดี"  แวนเนสตอบคำถามนั้นซะเอง เคนหันควับไปมองคนช่างฟ้องซึ่งแวนเนสก็ได้แต่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

"จะขอโทษมั๊ย?"  เมื่อได้ยินดังนั้นพี่ใหญ่ก็หันมาถามเคนเสียงเข้ม

"ทำไมต้องขอโทษ?"  เคนสวนกลับคำพูดของพี่ชายทันที

"ทีนายแอบเอายานอนหลับให้ชั้นกินนายยังไม่ขอโทษเลย"  ไม่วายพูดย้อนพี่ชายให้ด้วย ทำเอาพี่ใหญ่ถึงกับพูดอะไรไม่ออกส่วนแวนเนสแอบยิ้มกับความร้ายกาจของน้อง

"ถ้าอยากให้ชั้นขอโทษแวนเนสนายก็ต้องขอโทษชั้นก่อน ถ้าพี่ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องแล้วน้องจะทำตามได้ยังงัย?"  ได้ทีพูดข่มพี่ชายต่ออีก

"ได้! ชั้นขอโทษที่เป็นห่วงกลัวนายจะล้มป่วยเอาง่ายๆเลยต้องแอบเอายานอนหลับให้นายกินทั้งที่รู้ว่ามันเป็นความหวังดีที่นายไม่ต้องการ"  พูดขอโทษน้องอย่างประชดประชัน

"รู้แล้วยังทำอีก"  เคนว่าพี่ชาย

"ครั้งนี้ชั้นจะยกโทษให้ซักครั้งแต่ถ้ายังทำแบบนี้อีกชั้นเอาเรื่องนายแน่"  พูดข่มพี่ชายต่ออีกทำเอาเจอร์รี่ถึงกับอ้าปากค้าง

"ฮ่าๆๆๆ!!!"  แล้วแวนเนสก็กลั้นหัวเราะไม่อยู่กับการถกเถียงกันของพี่น้องคู่นี้ 

"ขำมากนักหรืองัย!? ก็เพราะนายมันเป็นแบบนี้น้องมันถึงไม่เคยเห็นหัวนายน่ะ!"  เมื่อทำอะไรเคนไม่ได้เจอร์รี่จึงหันมาพาลเอากับแวนเนส

"อ้าว! เกี่ยวอะไรกับชั้นวะ?"  แวนเนสหยุดหัวเราะก่อนจะบ่นอย่างงงๆ

"ทำไมจะไม่เกี่ยว น้องมันว่าก็ปล่อยให้มันว่าปาวๆโดยไม่เตือนไม่ว่าอะไรมันซักคำแบบนี้สิน้องมันถึงได้ลามปามไปถึงหัวแล้ว!"  แวนเนสเอามือเกาหัวแกรกๆก่อนจะถลึงตาใส่เคนที่กลายเป็นฝ่ายหัวเราะบ้าง

"ตลกมากใช่มั๊ย!?"  พี่ใหญ่หันมาทำตาขวางใส่เคนอีก 

"ทำไม? หัวเราะแล้วผิดกฎหมายหรอ?"  เคนย้อนถามพี่ชายอย่างกวนอารมณ์

"ไม่ผิดกฎหมาย แต่ขัดหูขัดตาชั้น"  พี่ใหญ่ตอบด้วยสีหน้าโหดๆ ทำเอาคนปากกล้าเริ่มหวั่นๆ

"บ้านเราปกครองแบบเผด็จการนายคงรู้นะว่าถ้าชั้นบอกว่าไม่นั่นก็คือกฎที่นายต้องทำตาม ถ้าไม่ทำตามก็ต้องโดนลงโทษ"  เคนหันไปค้อนใส่แวนเนสที่ได้แต่ยิ้มเยาะเย้ยเขา

"ชั้นจะกลับห้องไปอาบน้ำ"  เคนเปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉยพร้อมกับขยับตัวจะลุกขึ้น

"เดี๋ยว! คิดว่าจะได้ออกไปง่ายๆหรอ?"  เจอร์รี่แกล้งดึงตัวน้องชายไว้ ความจริงเขาก็แกล้งเก๊กหน้าดุไปอย่างนั้นเอง

"ไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อคืนตัวเหนียวมากเลย"  เคนตีหน้าซื่อพูดกับพี่ชายต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเล่นเอาแวนเนสหัวเราะก๊ากกับความเจ้าเล่ห์ของน้องชาย ขนาดเจอร์รี่เองยังเกือบหลุดยิ้มออกมา

"นายได้ไปอาบน้ำแน่แต่ต้องโดนทำโทษก่อน นึกว่าจะหนีไปง่ายๆหรอ?"  พูดย้อนคำน้องกลับไป

"พี่ใหญ่....."  เคนรีบเปลี่ยนแผนหันมากอดเอวพี่ชายแทน

"ชั้นปวดหัวจัง"  แกล้งทำเป็นอ้อนพี่ชายแต่เจอร์รี่ไม่หลงกล

"ปวดหัวก็ต้องถูกทำโทษ"  พูดยืนกรานคำเดิม

"ไม่ถูก ปวดหัวก็ต้องนอนถึงจะหาย"  แก้คำพูดของพี่ชายเหมือนเด็กซนๆคนหนึ่ง

"ยังนอนไม่ได้ ยังงัยก็ต้องถูกทำโทษก่อน"  เมื่อพี่ชายไม่ยอมเคนก็ทำหน้ามุ่ย

"มาให้พี่ใหญ่ตีซะดีๆ"  พูดด้วยน้ำเสียงดุๆแต่แววตาอ่อนโยน 

"ตีทีเดียวนะ"  พูดต่อรองกับพี่ชายอีก

"ไม่ได้ วันนี้เราดื้อมากพี่ใหญ่ต้องตีหลายๆที ไม่งั้นเราก็ไม่เข็ด"  ส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับแกล้งทำเสียงเข้ม เมื่อพี่ชายยืนกรานดังนี้เคนจึงหันไปหาแวนเนสแทน

"แวนเนส....."  ไม่พูดเปล่าแต่ขยับตัวเข้าไปกอดพี่ชาย

"นายเคยสัญญาว่าจะไม่ยอมให้พี่ใหญ่แตะต้องชั้นได้นี่....."  พูดทวงคำสัญญากับพี่ชาย

"เอ....ชั้นเคยสัญญาแบบนั้นหรอ?"  แวนเนสแกล้งทำเสียงแปลกใจเหมือนกับไม่เคยได้ยินมาก่อน พี่ใหญ่อดที่จะยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีของเจ้าน้องชายจอมดื้อที่ตอนนี้ดูเหมือนเด็กเล็กๆที่กำลังอ้อนผู้ใหญ่

"เคยสิ"  เคนย้ำคำหนักแน่น แวนเนสยิ้มๆแล้วเอามือขยี้หัวน้องชายอย่างเอ็นดู

"ก็ได้ๆๆๆ ชั้นจะคุยกับพี่ใหญ่ให้แต่หลังจากที....."  แวนเนสไม่พูดต่อแต่เอามือชี้ที่แก้มตัวเอง เคนชะงักไปก่อนจะทำท่าอิดออด

"ถ้าไม่ยอมชั้นก็ไม่พูดให้เหมือนกัน"  แล้วแวนเนสก็ทำท่าไม่สนใจ เคนจึงจำใจต้องหอมแก้มพี่ชาย

"ข้างนี้ด้วย"  แวนเนสได้ทีแกล้งน้องใหญ่ 

"ข้างนี้แล้วพอนะ"  เคนย้ำคำก่อนจะหอมแก้มพี่ชายอีกข้างหนึ่ง พี่ใหญ่มองน้องชายทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม

"ตกลงนายยกโทษให้มันเถอะนะ"  แวนเนสหันไปพูดกับพี่ชาย เจอร์รี่ไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่ยักคิ้วให้ แวนเนสจึงจูงมือน้องกลับมานั่งบนเตียง

"ไหนมานี่ซิ พี่รองอยากคุยกับเราหน่อย"  เคนไม่ได้ขัดขืนแต่เดินไปตามแรงจูงของพี่ชาย

"รู้หรือเปล่าว่าหลายวันมานี่นายทำให้พี่สองคนเป็นห่วงมาก"  ปรับน้ำเสียงให้ดูเป็นการเป็นงานขึ้นก่อนจะเหลือบมองพี่ชายแว๊บหนึ่งซึ่งเจอร์รี่ก็พยักหน้าแล้วเดินมานั่งกับน้องด้วย

"เป็นห่วงชั้นทำไม? คนที่เราควรห่วงคือไจ่ไจ๋นะ"  เคนแย้งคำพี่ชายขึ้นมา
"น้องน่ะไม่เห็นมีอะไรน่าเป็นห่วงเลย จริงอยู่ว่าตอนนี้น้องอาจจะจำพวกเราไม่ได้แต่น้องก็ยังใช้ชีวิตอย่างปกติสุข น้องกินได้นอนหลับแถมยังพยายามทำความรู้จักกับพวกเราให้มากขึ้นอีกด้วย แบบนี้ชั้นเชื่อว่าไม่นานน้องก็ต้องจำได้แล้วกลับมาเป็นน้องเล็กของเราตามเดิม"  เคนเงียบเมื่อได้ยินเช่นนั้น

"แต่นายน่ะอาการหนักกว่าน้องอีก เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องนายนอนรวมกันได้ไม่ถึงสิบชั่วโมงเลย แถมอาหารการกินถ้าไม่บังคับนายก็ไม่กิน แล้วแบบนี้นายจะให้ชั้นสองคนนั่งมองนายทรมานตัวเองเฉยๆได้หรอ?"  แวนเนสว่าพร้อมกับมองหน้าน้องไปด้วย

"ชั้นไม่ได้ทรมานตัวเอง แต่มันไม่อยากกินไม่อยากนอนก็เท่านั้นเอง"  เคนแก้ตัวเสียงอ่อยๆ

"ร่างกายของนายมีเลือดมีเนื้อยังงัยซะมันก็ต้องการอาหารเพื่อไปหล่อเลี้ยงให้ตัวเองดำรงอยู่ได้ ต่อให้นายไม่อยากกินไม่อยากนอนก็ใช่ร่างกายของนายจะไม่ต้องการกินไม่ต้องการนอนด้วยนี่"  แวนเนสแย้งก่อนจะถอนหายใจ

"ชั้นก็ได้งีบบ้างแล้วก็กินไปบ้างเหมือนกัน"  เถียงพี่ชายขึ้นมาอีก

"อย่าเถียง"  แวนเนสว่าพร้อมกับมองน้องชายด้วยสายตานิ่งๆทำให้เคนเริ่มกลัวเพราะปกติแวนเนสไม่ค่อยดุเขาจริงจังนัก

"เวลาพูดอะไรให้เชื่อฟังกันบ้าง โตแล้วนะไม่ใช่เด็กๆ ถ้าคิดจะเถียงก็ให้มันมีเหตุผลหน่อย"  เจอร์รี่เลิกคิ้วเมื่อเห็นแวนเนสจริงจังกับน้องชาย

"สิ่งที่ชั้นกับเจอร์รี่ทำลงไปน่ะจริงอยู่ว่ามันอาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่ชั้นกล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่าทั้งหมดที่ทำก็เพราะรักนายทั้งนั้น"  คำพูดและน้ำเสียงของแวนเนสทำให้น้องชายถึงกับน้ำตาซึม เคนเอามือปาดน้ำตาก่อนจะหันไปกอดพี่ใหญ่แล้วซบหน้าลงที่อกพี่ชาย

"เฮ่อ!"  แวนเนสถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้าไปมา

"พอเถอะ"  เจอร์รี่ปรามแวนเนสแบบไม่ออกเสียงเมื่อเห็นแวนเนสอ้าปากจะพูดอะไรออกมาอีกเพราะรู้สึกได้ว่าเคนกำลังจะร้องไห้อยู่แล้ว

"ไม่ต้องร้อง.....โอ๋ๆๆๆ นิ่งซะนะ....."  พี่ใหญ่พูดปลอบน้องชายคนกลางพร้อมกับลูบหัวน้องไปด้วย

"เวลาชั้นจริงจังนายก็เอาแต่โอ๋มันตลอด"  แวนเนสต่อว่าพี่ใหญ่เข้าให้บ้าง เจอร์รี่ยิ้มแก้เก้อแต่ไม่ได้เถียงอะไร

"แล้วนี่ร้องไห้จริงหรอ? ชั้นยังไม่ได้ด่าอะไรซักคำเลยนะ"  พูดต่อพร้อมกับเอามือผลักหัวน้องชายที่ยังซุกหน้าอยู่กับอกของพี่ใหญ่

"พี่ว่าน้องไม่ได้ร้องไห้เพราะเสียใจที่โดนนายดุหรอกแต่พี่ว่าน้องร้องไห้เพราะซึ้งใจมากกว่าที่นายบอกรักน้องซึ่งหน้าแบบนี้"  เจอร์รี่พูดยิ้มๆแล้วก้มหน้าลงมองหน้าเคน

"จริงมั๊ยครับ?" เจอร์รี่แกล้งทำเสียงล้อเลียน จึงโดนน้องชายเอามือทุบเข้าให้    

"ฤทธิ์มากจังนะเราน่ะ"  เจอร์รี่ต่อว่าน้องชายก่อนจะกอดรัดน้องชายแน่นขึ้น

"หึๆๆๆ"  แวนเนสขำเจ้าน้องชายคนนี้ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวน้อง

"ซึ้งขนาดนั้นเชียว?"  พูดแหย่น้องชายบ้าง เคนปัดมือพี่ชายออกแต่ไม่ตอบว่าอะไร

"เฮอะ! ไม่อยากให้ยุ่งงั้นชั้นไม่ยุ่งก็ได้ ไปหาไจ่ไจ๋ดีกว่า"  พูดจบก็ขยับตัวจะลุกไปแต่เคนรีบดึงแขนพี่ชายเอาไว้

"ชั้นไปด้วย! ให้ชั้นไปด้วยนะ!"  รีบร้องขอพี่ชายโดยทันที แวนเนสหันไปสบตากับพี่ชายยิ้มๆ

"ให้ไปดีหรือเปล่าน้า?"  แวนเนสแกล้งทำเป็นคิด

"ให้ชั้นไปนะ....นะๆๆๆ...."  เคนอ้อนวอนอีกแต่เมื่อเห็นแวนเนสไม่ยอมตอบว่าอะไรก็หันไปทางพี่ใหญ่บ้าง

"พี่ใหญ่ครับ....."  พูดเพียงแค่นี้เจอร์รี่ก็ใจอ่อนไม่ต้องรอให้น้องต้องตื๊ออีก

"อยากไปก็ไปอาบน้ำสิครับ ถ้าช้าพี่ใหญ่กับพี่รองไม่รอนะ"  ไม่ต้องรอให้พี่ชายต้องพูดซ้ำเคนวิ่งแจ้นออกไปที่ห้องตัวเองเพื่ออาบน้ำทันที

"น้องเราคนนี้อายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย?"  หลังจากเคนวิ่งออกไปแล้วเจอร์รี่ก็หันไปพูดกับแวนเนสยิ้มๆ

"แหม.....นายก็ชอบที่มันเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรอ?"  แวนเนสกระเซ้าพี่ชายกลับไป

"ถ้ามันเป็นแบบนี้ได้ตลอดรับรองว่าชั้นเลิกใช้ไม้เรียวเด็ดขาดเลย"  เจอร์รี่ก็ตอบด้วยน้ำเสียงขำๆเช่นกัน

"ว่าแต่จะไปหาไจ่ไจ๋อีกหรอ?"  แล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุยกับน้อง

"อืม....ทำไมหรอ?"  แวนเนสตอบพร้อมกับย้อนถามพี่ชายต่อ

"ชั้นว่านะเราอย่าไปเซ้าซี้น้องมากเลย ตอนนี้น้องยังจำเราไม่ได้หากเราไปยุ่งวุ่นวายกับน้องบ่อยๆน้องจะเบื่อเอาน่ะสิ"  เมื่อได้ยินที่พี่ชายพูดแวนเนสก็ค่อนข้างเห็นด้วย

"ถ้าน้องติดต่อเรามาเองแบบนั้นน่าจะดีกว่านะ เพราะอย่างน้อยถ้าน้องติดต่อมาเมื่อไหร่ก็เท่ากับว่าน้องคงอยากจะเจอเรา"  เจอร์รี่ให้เหตุผลต่อ

"ก็จริงแหละนะ เพราะถ้าน้องอยากเจอเราน้องก็ต้องเป็นฝ่ายมาหาเราแล้วแบบนั้นบางทีน้องจะยอมมาที่บ้านแล้วความจำน้องก็ฟื้นกลับคืนมางัย"  แวนเนสคล้อยตามความเห็นของพี่ชาย 

"แต่ว่าเมื่อกี้เราบอกเสี้ยวเทียนว่าจะไปหาน้อง แล้วถ้าไม่ไปมันจะอาละวาดอีกมั๊ยนั่น?"  พูดพาดพิงถึงน้องชายอีกคนนึงที่ดีใจเป็นลิงโลดที่จะได้ไปหาไจ่ไจ๋

"ก็ยังไม่ต้องบอกสิว่าเราเปลี่ยนแผนแล้ว พามันออกจากบ้านแล้วหาที่เที่ยวกันดีกว่า ไหนๆวันนี้ก็วันหยุด"  พี่ใหญ่ว่าก่อนจะพูดเสริม

"ถ้ากลัวมันอาละวาดเดี๋ยวชั้นเอายานอนหลับไปด้วย"  เจอร์รี่พูดยิ้มๆ 

"ทางที่ดีติดไม้เรียวไปอีกซักอันก็ดีนะ"  แวนเนสเสริมคำพูดพี่ชายเมื่อพูดจบคำนั้นเสียงหัวเราะก็ดังประสานกันขึ้นมาทันที

- บนรถ -

"นายโทรบอกไจ่ไจ๋หรือยัง? ถามน้องหรือเปล่าว่าอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั๊ย? หรือว่าน้องจะเอาอะไรหรือเปล่า?"  เคนขยับตัวมาเกาะที่เบาะของคนขับก่อนจะเอ่ยถามแวนเนส

"เอ่อ...."  แวนเนสไม่รู้จะตอบยังงัยจึงหันไปมองพี่ใหญ่ที่นั่งคู่กับเขาแทน

"ยุ่งอะไรแบบนี้หละเรา? น้องมันหากินเองได้น่า"  เจอร์รี่พูดกลบเกลื่อน 

"ได้ยังงัยหละ? นายก็รู้ว่าไจ่ไจ๋มันไม่ค่อยใส่ใจเรื่องอาหารการกินนักหากน้องขี้เกียจเดี๋ยวก็กินแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วแบบนั้นจะได้สารอาหารอะไร"  เคนแย้งขึ้นมาเป็นชุดก่อนจะทำหน้ามุ่ยอย่างไม่ค่อยจะพอใจพี่ชายนัก

"เดี๋ยวแวะตลาดก่อนนะแวนเนส ชั้นจะซื้อของไปทำกับข้าวให้น้อง ว่าจะซื้อเยอะหน่อยเพราะจะได้ทำเก็บไว้ให้น้องอุ่นกินเผื่อหิวขึ้นมาจะได้ไม่ต้องออกไปหาอะไรให้ยุ่งยาก"  เคนยังคงสั่งพี่ชายต่อ 

"เอางัย?"  แวนเนสไม่ตอบแต่ถามพี่ชายแทนซึ่งที่ถามนั้นก็หมายความถึงว่าพี่ชายจะเปลี่ยนใจไปหาน้องเล็กตามเดิมหรือไม่

"ไม่"  เจอร์รี่ตอบง่ายๆสั้นๆ 

"หมายความว่างัย?"  เคนถามพี่ชายเสียงค่อนข้างห้วนเพราะรู้สึกแปลกๆที่พี่ชายไม่สนใจว่าสิ่งที่เขากำลังทำนั้นก็เพื่อน้องเล็กทั้งนั้น

"ก็หมายความว่าวันนี้เราจะไม่ไปหาน้องน่ะสิ"  เจอร์รี่ตอบหน้าตาเฉย

"ทำไมถึงไม่ไป? ก็ไหนพวกนายบอกว่าวันนี้เราจะไปหาน้องแล้วทำไมจู่ๆถึงจะไม่ไป? พวกนายเป็นบ้าอะไรกันเนี่ย!"  เคนโวยวายขึ้นมาดังคาด

"เงียบเดี๋ยวนี้นะ!"  เจอร์รี่ทำเสียงเข้มก่อนจะหันมามองน้องชายจอมโวยวายด้วยสีหน้าดุๆ

"ชั้นทำงานทุกวันเหนื่อยจะแย่อยู่แล้วแถมยังต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้อีก ตอนนี้สมองของชั้นมันทำงานหนักจนแทบจะรับไม่ไหวแล้ว ชั้นเลยอยากไปหาที่ผ่อนคลายแล้วยุติปัญหาทุกอย่างเอาไว้ซักพักนึงก่อน แค่นี้มีเหตุผลพอมั๊ย?"  อธิบายเหตุผลให้น้องชายฟัง

"นายทำงานคนเดียวหรืองัย? ชั้นเองก็ไปกับนายด้วยทุกวันแล้วตั้งแต่เกิดเรื่อง......"  เคนเถียงพี่ชายฉอดๆแต่ยังไม่ทันเถียงจบพี่ใหญ่ก็แทรกขึ้นมาก่อน

"ก็เพราะแบบนี้งัยชั้นถึงอยากให้นายหยุดทำให้ตัวเองวุ่นวายหรือฟุ้นซ่านบ้าง! ปล่อยวางเรื่องกังวลใจทุกอย่างไว้ตรงนี้แล้วไปเที่ยวกันให้สนุกก่อนได้มั๊ย? ส่วนเรื่องอื่นกลับมาแล้วเราค่อยว่ากันอีกที โอเคมั๊ย?"  พี่ใหญ่พูดอธิบายต่ออย่างอ่อนใจ

"แต่ชั้นไม่อยากเที่ยว! ชั้นอยากไปหาน้อง!"  พูดจบก็กระแทกตัวพิงเบาะรถอย่างขัดใจ

"อยากโดนจับกรอกยานอนหลับมั๊ยเสี้ยวเทียน?"  แวนเนสเอ่ยขึ้นมาหลังจากเงียบมานาน คำพูดนั้นทำให้เคนนิ่งไป

"ให้มันน้อยๆหน่อย"  ดุน้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง 

"ตั้งแต่เช้าแล้วนะ ถ้าลองมีปัญหาอีกครั้งเดียวชั้นจะไม่เตือนแล้ว"  เมื่อเห็นแวนเนสเป็นแบบนี้เคนก็ไม่กล้าแม้แต่จะเถียงจึงได้แต่นั่งเงียบๆ ผ่านไปพักหนึ่งเจอร์รี่ก็สะกิดแวนเนสให้ดูเจ้าน้องชายจอมเกเรที่ตอนนี้นั่งสัปหงกหัวเอนไปมาอยู่ด้านหลัง

"นายปราบมันได้ดีกว่าชั้นอีก"  เอ่ยชมแวนเนสจากใจจริง

"ไม่เท่าไหร่หรอก"  แวนเนสหันไปยักคิ้วให้พี่ชาย

"กับนายน่ะดุมันบ่อยจนมันไม่ค่อยจะกลัวแล้ว แต่ชั้นเนี่ยนานทีปีหนจะด่ามันจริงๆจังๆซักทีมันก็เลยเป็นแบบที่เห็นแหละ"  แวนเนสอธิบายเหมือนเข้าใจน้องดี

"เก่งจะแย่แล้ว"  พี่ใหญ่พูดแขวะน้องแต่สีหน้ายังคงยิ้มๆ

"แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ต่อไปนายรับหน้าที่ด่ามันแทนชั้นแล้วกันส่วนชั้นจะเป็นฝ่ายโอ๋มันเองเผื่อมันจะรักชั้นขึ้นมาบ้าง"  ได้ยินพี่ชายพูดเช่นนี้แวนเนสก็เหลือบตามองพี่ชาย

"นายคิดว่ามันไม่รักนายหรอ?"  ย้อนถามพี่ชายกลับไป

"ก็คงรักบ้างแหละ แต่คงไม่มากเท่ากับที่มันรักนายหรอกเพราะมีอะไรก็เห็นมันวิ่งหาแต่นายเพราะนายใจดีกับมันนักนี่"  แม้จะพูดเหมือนเป็นเรื่องตลกแต่แวนเนสก็จับความรู้สึกของพี่ชายได้

"น้อยใจเป็นเหมือนกันหรอ?"  แซวพี่ชายยิ้มๆ

"ไม่ต้องมาแซว!"  เจอร์รี่ไม่ตอบรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธ

"ชั้นไม่คิดอะไรหรอก น้องจะรักใครมากกว่าชั้นก็ไม่ใส่ใจนักหรอก แค่ชั้นได้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอแล้ว"  พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"ไม่ใช่แค่เสี้ยวเทียนนะ นายกับไจ่ไจ๋ก็เหมือนกัน เพราะอนาคตนายต้องมีคนที่นายรักจนหมดหัวใจ ถึงตอนนั้นพี่เองก็อาจจะเป็นคนที่พวกนายคิดถึงเป็นบางเวลาแต่พี่ก็ไม่เสียใจหรอกเพราะพี่ถือว่าได้ส่งนายจนถึงจุดหมายปลายทางกันหมดแล้ว"  แวนเนสยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของพี่ชาย

"ว่าไปนั่น! ต่อให้ชั้นมีคนรักหรือมีครอบครัว นายก็ยังเป็นคนที่ชั้นต้องคิดถึงอยู่เสมอแหละ....."  เจอร์รี่ได้ยินก็หันไปมองน้องชาย

"ชั้นรู้จักนายมาตลอดทั้งชีวิต และชั้นก็เชื่อว่าหากท้ายที่สุดแล้วชั้นอยากจะกลับไปหาใครบางคน.....คนๆนั้นก็คือนายนั่นแหละ"  แวนเนสพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"ให้มันแน่เถอะไอ้ลูกลิง"  พี่ใหญ่เอามือขยี้หัวน้องชายอย่างเอ็นดู

"ว่าแต่เราจะไปไหนกัน?"  แล้วแวนเนสก็เปลี่ยนเรื่องถาม

"นายอยากไปไหนหละ?"  ถามน้องชายกลับไป

"ชั้นก็ไม่รู้ ตอนนี้ไม่มีไอเดียเลย"  แวนเนสคิดไม่ออก

"งั้นก็ไปที่ที่ไอ้เด็กงอแงมันอยากไปแล้วกัน"  ว่าพร้อมกับพยักเพยิดไปทางด้านหลังรถ

"ฮึ! ไอ้บ้านี่ก็ชอบแต่ทะเล สงสัยชาติก่อนจะเกิดเป็นปลาโลมา"  แวนเนสว่าพร้อมกับหัวเราะไปด้วย

"พะยูนมากกว่า"  เจอร์รี่เถียง แล้วสองพี่น้องก็พากันหัวเราะ ส่วนบุคคลที่ถูกพาดพิงถึงนั้นก็ยังคงสัปหงกอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอยู่ดี




 

Create Date : 17 มิถุนายน 2557    
Last Update : 13 กรกฎาคม 2557 12:00:38 น.
Counter : 959 Pageviews.  

Chapter 70

ตอนที่ 70

"ทำไมไม่ตักกิน?" เจอร์รี่ถามเคนที่นั่งเขี่ยอาหารอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินพี่ชายว่าเคนก็ตักข้าวเปล่าเข้าปาก ทำให้แวนเนสกับไจ่ไจ๋พลอยหยุดมือไปด้วย หลังจากปิดร้านแล้วกลอเรียกับมี่เฟิงก็ตัดสินใจปฏิเสธไม่มากินข้าวกับสี่พี่น้องด้วยเพราะอยากให้พี่น้องได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ในตอนแรกไจ่ไจ๋มีท่าทีอิดออดแต่เมื่อโดนแวนเนสคะยั้นคะยอก็เลยยอมมาด้วย

"ถึงกับข้าวมันจะไม่อร่อยเท่าฝีมือนายแต่มานั่งกินข้าวเปล่าแบบนี้มันเสียมารยาทนะโว้ย เดี๋ยวเจ้าของร้านมาเห็นหละใจเสียแย่เลย" แวนเนสแกล้งพูดแบบติดตลก

"เปล่าหรอก แค่รู้สึกตื้อๆน่ะ" เคนกลืนข้าวลงคอก่อนจะพูดออกมาเบาๆ ไจ่ไจ๋มองไปทางเคนอย่างพอจะรู้ว่าสาเหตุที่เคนหงอยๆไปนั้นเป็นเพราะเขาเนื่องจากตั้งแต่ที่ไปซื้อของกินรองท้องด้วยกันแล้วกลับมาถึงที่ร้านเคนก็เงียบมาจนถึงตอนนี้

"เฮ่อ!" เจอร์รี่ถอนหายใจพลางส่ายหน้าก่อนจะตักกับข้าวใส่จานให้เคน

"กินเข้าไป" พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ตั้งแต่เกิดเรื่องมาเคนก็แทบกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะมัวกังวลแต่ว่าเมื่อไหร่น้องเล็กจะความจำกลับคืนมาเท่านั้น

"พวกนายตามสบายเถอะ" เคนว่าแล้วก็เอื้อมมือจะไปหยิบแก้วน้ำแต่เจอร์รี่คว้าแก้วน้ำของน้องตัดหน้าเสียก่อน

"กินข้าวให้หมด!" พูดด้วยน้ำเสียงบังคับ เคนตวัดสายตามองพี่ชาย

"เดี๋ยวนี้!!" น้ำเสียงเข้มงวดกว่าเก่า เคนนั่งก้มหน้าแต่ไม่ยอมตักข้าวกินและไม่มีแก่ใจจะต่อล้อต่อเถียงกับพี่ชายด้วย

"ลุกขึ้นแล้วตามชั้นมา!" พูดจบก็ดึงตัวน้องชายให้ยืนขึ้น ท่ามกลางสายตาของน้องชายอีกสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย

"พวกนายกินกันไปก่อน เดี๋ยวมา" พูดกับน้องอีกสองคนด้วยน้ำเสียงอ่อนลงก่อนจะลากตัวน้องชายคนกลางออกไปจากโต๊ะ

"ทำไมคุณเจอร์รี่เขาดุจัง?" ไจ่ไจ๋ถามขึ้นมาเสียงแผ่วรู้สึกเป็นห่วงเคนขึ้นมาตะหงิดๆ แวนเนสมองไจ่ไจ๋ก่อนจะยิ้มแหยๆ

"เป็นปกติของคู่นี้เขาแหละ อย่าห่วงเลย" แม้จะพูดแบบนั้นแต่สีหน้าของแวนเนสก็ฉายแววเป็นห่วง

"แล้วคุณ....ไม่ตามไปหรอ?" ไจ่ไจ๋ถามต่อ

"พี่ใหญ่เขากำลังโกรธนายก็เห็น" แวนเนสว่าแต่ก็ลังเลว่าจะตามไปดีหรือเปล่า

"แล้วคุณเสี้ยวเทียนเขาไม่เป็นไรหรอ?" ไจ่ไจ๋ถามต่ออีก

"อย่างมากก็ไม่ถึงตายหรอก" แวนเนสตอบก่อนจะถอนหายใจ

"พวกเรากินข้าวกันต่อดีกว่า เดี๋ยวกลับมาก็รู้เอง" ว่าแล้วก็ชวนให้ลงมือกินข้าวกันต่อ

"คุณยังกินลงอีกหรืองัย? สองคนนั่นคงมีเรื่องกันแน่" ไจ่ไจ๋ตอบก่อนจะพูดเป็นเชิงบ่น

"คุณเจอร์รี่ก็ทำเป็นเรื่องใหญ่โตไปได้กะอีแค่น้องไม่กินข้าวถึงกับต้องเรียกออกไปนอกรอบเลยหรอ?" แวนเนสเกาหัวแกรกๆเมื่อได้ยินคนพูดของไจ่ไจ๋

"แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าคุณเจอร์รี่เขาจะทำอะไรคุณเสี้ยวเทียน?" หันไปถามแวนเนสต่ออีก

"ก็รอดูสิ" แวนเนสตอบก่อนจะเสริมว่า

"เมื่อกี้ไม่โดนบีบปากแล้วยัดข้าวเข้าไปก็นับว่าบุญแล้ว" ไจ่ไจ๋ทำหน้าอึ้งๆเมื่อได้ยินเช่นนั้น

"โหดขนาดนั้นเชียวหรอ?" ครางออกมาเบาๆในใจนึกสยองแทนเคน

"แต่คุณเสี้ยวเทียนเขาก็ตัวโตนี่ น่าจะสู้ได้" ไจ่ไจ๋ยังพูดต่อ

"ไจ่ไจ๋....ถ้าเป็นพี่ใหญ่น่ะพวกเราไม่มีใครกล้าหือด้วยหรอกเพราะจะมีแต่เจ็บตัว" แวนเนสตอบพร้อมกับฉีกยิ้มให้น้อง ในตอนนั้นเจอร์รี่กับเคนก็เดินกลับมาพอดี

"นั่งลงแล้วกินให้หมดจาน! ไม่งั้นหละน่าดู!" พูดขู่น้องชายคนกลางก่อนจะทำหน้าอ่อนใจแล้วทรุดตัวนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวเอง เคนนั่งมองจานข้าวตรงหน้าอย่างท้อแท้เพราะเขาไม่มีความรู้สึกอยากอาหารเลย

"แขนคุณไปโดนอะไรมาน่ะ?" ไจ่ไจ๋ถามพร้อมกับชี้ไปที่แขนของเคน

"โดนฝ่ามืออรหันต์" แวนเนสเป็นคนตอบคำถามนั้นแทนแบบติดตลก

"โอโห.....โดนขนาดนี้เลย......" ไจ่ไจ๋ทำหน้าแหยๆ

"โดนไปกี่ทีหละ?" แวนเนสถามน้องยิ้มๆ เคนส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยไม่ได้ตอบว่าอะไร

"ไม่ได้นับหรือนับไม่ทัน?" ถามแหย่น้องชายต่อแต่แล้วก็ต้องยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแก้เก้อเพราะสายตาพี่ใหญ่จ้องเขาเขม็ง ไจ่ไจ๋มองคนโน้นทีคนนี้ทีเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมแวนเนสกับเคนถึงได้กลัวพี่ชายกันนัก

"เสี้ยวเทียน! ที่โดนไปเมื่อกี้ยังไม่เข็ดใช่มั๊ย!?" เมื่อเห็นน้องยังนั่งเฉยก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงดุๆ เคนลอบถอนหายใจก่อนจะหยิบช้อนแล้วตักข้าวเข้าปากเพราะกลัวจะโดนพี่ชายเล่นงานอีก

"คุณเจอร์รี่ ทำไมคุณถึงบังคับน้องคุณนัก? เขาจะกินข้าวหรือเปล่ามันก็เป็นเรื่องของเขาสิ" ไจ่ไจ๋อดรนทนไม่ได้จึงต่อว่าเจอร์รี่ออกมา

"นายจะไปรู้อะไรไจ่ไจ๋? พี่กลางน่ะมันแทบไม่ได้กินข้าวเลยตั้งแต่วันเกิดเรื่องแล้วถ้าขืนพี่ยังตามใจมันแบบนี้อีกมันจะตายเอาง่ายๆน่ะสิ!" เจอร์รี่พูดอย่างหงุดหงิด ไจ่ไจ๋ได้ฟังก็อึ้งไปเพราะไม่รู้เรื่องที่เจอร์รี่พูดนั้นจริงๆ

"เจอร์รี่ น้องไม่รู้เรื่องนี่" แวนเนสเอ่ยขึ้นคล้ายจะเตือนสติพี่ชาย พี่ใหญ่ถอนหายใจก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น

"ผมขอโทษที่ต่อว่าคุณ แต่ผมไม่อยากเห็นพวกคุณเป็นเดือดเป็นร้อนกันเพราะผม" ไจ่ไจ๋พูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ

"คุณเสี้ยวเทียน คุณก็ต้องกินข้าวให้ครบทุกมื้อสิ ถ้าขืนคุณยังกินไม่ได้นอนไม่หลับแบบนี้ผมเองก็รู้สึกผิด" เคนได้ยินเช่นนั้นก็รีบส่ายหน้า

"อย่าคิดแบบนั้นนะไจ่ไจ๋ พี่ไม่ได้โทษนายเลย นายไม่ได้เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ ต่อไปพี่จะกินข้าวให้ครบทุกมื้อจะนอนให้หลับทุกวัน แบบนี้แล้วนายอย่ากังวลไปเลยนะ" เคนรีบบอกกล่าวกับน้องชาย ไจ่ไจ๋นิ่งอึ้งเพราะไม่นึกว่าเขาจะมีอิทธิพลกับเคนมากขนาดนี้

"พี่จะกินข้าวแล้วนะ นายเองก็ต้องกินด้วยสิ" เคนว่าแล้วก็ตักกับข้าวให้น้องชายก่อนะจะตักข้าวในจานของตัวเองกิน ท่าทางของน้องชายทำให้พี่ชายอีกสองคนต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพราะรู้ดีว่าตอนนี้เคนเจ็บปวดขนาดไหน

"โอเค....งั้นคุณลองกินทอดมันกุ้งอันนี้นะ เมื่อกี้ผมกินไปหลายชิ้นแล้ว อร่อยมากเลย" แล้วไจ่ไจ๋ก็ตักกับข้าวใส่จานให้เคน

"อันนี้ที่คุณเจอร์รี่ตักให้คุณน่ะมันไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ใช่มั๊ยคุณถึงไม่ยอมกิน? งั้น.....ผมกินอันนี้แทนคุณเองส่วนคุณก็ต้องกินอันนี้.....แล้วก็อันนี้ด้วย....." ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ตักกับข้าวที่อยู่ในจานของเคนมาไว้ในจานของตัวเองแล้วตักกับข้าวอย่างอื่นใส่จานเคนอีก

"อืม....ขอบใจมากนะ" เคนว่าแล้วก็เริ่มรู้สึกอยากอาหารเพราะอย่างน้อยเขาก็รู้สึกอุ่นใจเมื่อน้องชายคอยเอาใจเขาอยู่

"คุณสองคนก็กินด้วยสิครับ" ไจ่ไจ๋เรียกให้เจอร์รี่กับแวนเนสงมือด้วยเพราะเขาอยากทำให้บรรยากาศระหว่างพี่น้องทั้งหมดดีขึ้น

"อ้อ! กินสิ อะ....นายกินนี่ดูสิเจอร์รี่....." แวนเนสว่าแล้วก็ตักกับข้าวให้พี่ชายบ้าง

"ขอบใจมาก" เจอร์รี่พูดกับน้องก่อนจะตักข้าวกินบ้าง

"อันนี้ที่ไจ่ไจ๋ตักให้อร่อยจริงๆ นายชิมดูนะ" เคนตักทอดมันกุ้งให้พี่ชายคนโตราวกับไม่ได้มีเรื่องอะไรกันมาก่อน ทำให้พี่ใหญ่ถึงกับหัวเราะออกมาได้

"นายนี่นะ....บทจะดื้อก็ดื้อซะน่าตี แต่แป๊บๆก็เปลี่ยนอารมณ์ซะได้" ว่าพร้อมกับโยกหัวน้องเบาๆอย่างเอ็นดู

"ขอบใจมาก ไหนพี่ลองชิมดูซิ...." ว่าแล้วพี่ใหญ่ก็ใช้ส้อมจิ้มทอดมันกุ้งขึ้นมากิน ไจ่ไจ๋มองสามพี่น้องไปมาเขารู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูกแต่ที่แน่ๆก็คือความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นเป็นไปในทางที่ดีกว่าเดิม



- ที่บ้าน -

"ผมว่าผมกลับไปคอนโดพี่กลอเรียดีกว่า" เมื่อรถยนต์จอดลงที่หน้าบ้านไจ่ไจ๋ก็เอ่ยออกมาอย่างไม่แน่ใจ ตอนแรกที่ทั้งสามคนชวนเขาให้มาค้างที่บ้านในคืนนี้เขาเองก็ปฏิเสธไปหลายครั้งแล้ว แต่พอโดนตื๊อหนักเข้าก็ใจอ่อนจึงตกปากรับคำแต่พอมาตอนนี้เขากลับรู้สึกกลัวขึ้นมาเฉยๆ

"อ้าว! ก็ไหนบอกว่าจะมาค้างที่บ้านงัย? ทำไมเปลี่ยนใจอีกหละ?" เคนโอดครวญเพราะอยากให้น้องกลับบ้าน

"ก็....ผมว่า...." ไจ่ไจ๋อ้ำอึ้งไม่รู้จะให้เหตุผลยังงัยดี

"แล้วแต่นะ งั้นเดี๋ยวให้พี่รองไปส่งแล้วกัน" เจอร์รี่พูดตัดบทขึ้นมาอย่างง่ายดาย เขาไม่อยากบังคับเพราะน้องยังไม่พร้อม

"ไม่ได้นะ!" เคนขัดขึ้นมาทันที

"ทำไมหละ? ไหนๆก็มาถึงนี่แล้วทำไมต้องกลับไปที่คอนโดอีก?" เคนเริ่มโวยวายขึ้นมาอีก

"เอ๊ะ! พูดจาให้รู้เรื่องนะเสี้ยวเทียน!" พี่ใหญ่ทำเสียงดุ

"ไป....ลงรถแล้วเข้าบ้านได้แล้ว ให้พี่รองไปส่งน้อง" พูดจบก็ลงจากรถแล้วเดินอ้อมจะมาลากตัวน้องชายคนกลางลงจากรถ

"ไม่เอา! ชั้นจะไปด้วย!" เคนขืนตัวไว้เหมือนเด็กดื้อ

"อย่ามางอแงนะ! ลงมาเดี๋ยวนี้!" เจอร์รี่ว่าพร้อมกับดึงตัวน้องให้ลงมาแต่เคนก็ยังขืนตัวไว้พร้อมกับเกาะเบาะหน้ารถไว้แน่น

"จะเอาไม้เรียวมั๊ย!?" พี่ใหญ่เล่นบทโหดเมื่อน้องยังดื้อดึง

"ไม่เอา!!!!" เคนร้องตอบเสียงหลงแต่ยังไม่ยอมลงจากรถ

"ไม่เอาก็ลงมาดีๆ!" พูดอย่างเหนื่อยใจก่อนจะเอื้อมมือไปหาน้องเพื่อดึงตัวลงมา

"ไม่เอา! ชั้นจะไปกับน้อง!" เคนยังร้องโวยวายต่อ

"เสี้ยวเทียน.....ทำไมงอแงแบบนี้? เดี๋ยวก็โดนพี่ใหญ่ตีเอาอีกหรอก ลงไปดีๆแล้วอาบน้ำนอนได้แล้วไป" แวนเนสเองก็อ่อนใจกับความดื้อแพ่งของน้องชาย

"คุณเสี้ยวเทียน ให้ผมกลับไปคอนโดเถอะ แล้วไว้โอกาสหน้าผมจะมาเที่ยวบ้านพวกคุณจริงๆ" ไจ่ไจ๋ช่วยพูดตะล่อมอีกแรง

"ทำไมนายต้องหาทางบ่ายเบี่ยงอยู่เรื่อย พี่สงสัยจริงๆนะว่านายแกล้งทำเป็นจำพวกพี่ไม่ได้หรือเปล่า? นายต้องแก้แค้นพี่ขนาดนี้เชียวหรอ?" เคนรัวใส่น้องเป็นชุด

"เหลวไหลใหญ่แล้วเสี้ยวเทียน!" แวนเนสทำเสียงดุจริงจัง ในตอนนั้นพี่ใหญ่ก็กลับขึ้นมาบนรถด้วย

"เฮ่อ! งั้นก็ไปส่งไจ่ไจ๋กันหมดนี่แหละ" พูดตัดบทเพราะเห็นว่ายังงัยเคนก็ไม่ยอมแน่จึงต้องยอมโอนอ่อนผ่อนตามน้อง

"ถ้าเป็นแบบนี้ผมว่าผมกลับแท๊กซี่ดีกว่า พวกคุณเข้าบ้านกันเถอะ" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ทำท่าจะลงจากรถ

"ไม่ได้! มันมืดแล้วอันตรายออก" เคนรีบค้านคำน้องขึ้นมาทันที

"โธ่คุณ! ทำอย่างกับว่าผมเป็นเด็กสามขวบไปได้ เรื่องกลับบ้านเองแค่นี้ไม่มีปัญหาหรอก" ไจ่ไจ๋ร้องครางก่อนจะอธิบายให้ฟัง

"ไม่ได้! นายจะให้พี่ไว้ใจได้ยังงัยว่านายจะปลอดภัย? เพียงแค่นายจำพี่ไม่ได้แค่นี้มันก็เกินที่พี่จะรับได้อยู่แล้ว และถ้าหากนายเป็นอะไรไปอีกพี่จะอยู่ยังงัย?" เคนพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไจ่ไจ๋จึงได้แต่อ้ำอึ้ง

"ให้พวกพี่ไปส่งเถอะ แค่นี้เองไม่ได้ลำบากอะไร" เจอร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพร้อมกับส่งสายตาขอร้องไม่ให้ไจ่ไจ๋ปฏิเสธเพราะกลัวเคนจะงอแงไปมากกว่านี้

"เอางั้นก็ได้ครับ" ไจ่ไจ๋เองก็ไม่รู้จะทำยังงัยจึงต้องยอมตามนั้น เมื่อไม่มีการโต้เถียงอะไรอีกแล้วแวนเนสก็ขับรถออไปเพื่อพาไจ่ไจ๋ไปส่ง

"ไจ่ไจ๋ งั้นคืนนี้พี่นอนค้างกับนายที่คอนโดได้หรือเปล่า?" เมื่อรถออกตัวมาได้ซักพักแล้วเคนก็ขยับตัวไปเกาะเบาะข้างคนขับที่ไจ่ไจ๋นั่งอยู่แล้วเอ่ยถามขึ้นมา

"เอ่อ....คือว่า...." ไจ่ไจ๋ทำสีหน้าลำบากใจเพราะจะตอบรับก็ขัดใจตัวเองแต่ครั้นจะปฏิเสธก็กลัวเคนจะโวยวายขึ้นมาอีก

"ไม่ได้ นายจะไปรบกวนน้องทำไม?" พี่ใหญ่เลยเป็นคนตอบคำถามนั้นแทน

"ชั้นขอน้องไม่ได้ขอนาย" เคนหันมาเถียงด้วยสีหน้าบึ้งตึง

"พูดจาให้มันระวังหน่อยนะ!" พี่ใหญ่ทำหน้าดุน้อง แต่เคนไม่สนหันกลับมาเซ้าซี้น้องชายต่ออีก

"นะไจ่ไจ๋.....คืนนี้ให้พี่ค้างด้วยคน รับรองว่าพี่ไม่นอนกรนหรอก" ไจ่ไจ๋ยิ้มเฝื่อนๆพลางหาทางปฏิเสธเพราะในบรรดาสามคนนี้เขารู้สึกระแวงเคนมากกว่าใครเพื่อน

"วันนี้คงไม่สะดวกหรอกครับ เพราะห้องนั้นก็เป็นของพี่กลอเรีย แล้วอีกอย่างพอผมเข้าไปอยู่ห้องก็ค่อนข้างรกด้วย" ไจ่ไจ๋พยายามปฏิเสธด้วยสีหน้าเป็นปกติ

"ไว้ผมจัดเก็บห้องเรียบร้อยค่อยให้พวกคุณเข้าไปเยี่ยมแล้วกัน" พูดจบก็แอบถอนหายใจเบาๆ

"ไม่เห็นจะเป็นไรเลย นายเป็นน้องพี่เรื่องห้องรกแค่นี้ไม่เห็นต้องอายเลยหนิ ดีเสียอีกพี่จะได้เข้าไปช่วยเก็บงัย" เคนยังเซ้าซี้น้องชายไม่เลิกจนแวนเนสเริ่มรำคาญ

"เสี้ยวเทียน! ทุกทีก็ฉลาดเป็นกรดแต่ทำไมวันนี้ถึงได้ทำตัวโง่นักนะ! ไม่รู้หรืองัยว่าน้องมันอึดอัดจะตายอยู่แล้วเพราะโดนนายเซ้าซี้อยู่เนี่ย!" คำพูดของแวนเนสทำให้เคนเริ่มโมโห

"ตัวเองฉลาดนักหนิ! ก็เพราะใครหละที่มันยุให้น้องไปอยู่ที่คอนโดของกลอเรียน่ะ? ถ้าไม่ใช่เพราะนายป่านนี้น้องอาจจะจำได้แล้วก็ได้!" แวนเนสเม้มปากอย่างเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาเหมือนกันเพราะเขารู้สึกว่าวันนี้เคนดื้อมากกว่าทุกครั้ง

"เจอร์รี่! ฝากซักทีเถอะว่ะ! ชั้นชักจนทนไม่ไหวแล้วนี่ถ้าไม่ติดว่าขับรถอยู่จะ....." ไม่ต้องรอจนแวนเนสพูดจบฝ่ามือหนักๆของพี่ใหญ่ก็กระทบลงที่ร่างน้องชายคนกลางทันที นั่นทำให้ภายในรถตกอยู่ในความเงียบชั่วคราว

"เรื่องอะไรมาตีชั้น!!!" เคนตะคอกใส่หน้าพี่ชายทั้งเจ็บทั้งโมโห พี่ใหญ่ฟาดซ้ำลงไปอีกทีแทนคำตอบ เล่นเอาแวนเนสกับไจ่ไจ๋พลอยสะดุ้งไปด้วย

"นายมันไม่มีเหตุผล!! ชอบใช้อำนาจ!! ชอบใช้กำลัง!!" เคนต่อว่าพี่ชายอีกพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้ม

"ชักจะก้าวร้าวใหญ่แล้ว! กล้าพูดจากับชั้นแบบนี้หรอ!!?" คราวนี้พี่ใหญ่ตวัดมือลงไปเต็มแรง เคนปล่อยโฮเสียงดังลั่นรถทั้งเจ็บทั้งโมโหที่โต้ตอบอะไรพี่ชายไม่ได้เลย แวนเนสเริ่มหน้าเสียเพราะตอนแรกเขาเพียงคิดแค่ว่าอยากให้พี่ชายตีเจ้าน้องดื้อคนนี้แบบเจ็บๆซักทีจะได้สงบเสงี่ยมลงบ้างเท่านั้น

"พอแล้วเจอร์รี่!" แวนเนสรีบเอ่ยปากห้ามเมื่อเห็นพี่ชายขยับมือจะตีน้องอีก เมื่อได้ยินแวนเนสร้องเตือนพี่ใหญ่ก็ชะงักไป

"จอดรถ!!" เคนเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังสะอื้นไม่หาย

"ไม่เอาน่าเสี้ยวเทียน" แวนเนสทำเสียงอ่อนใจเมื่อน้องชายเริ่มแข็งข้อขึ้นมาจริงๆ

"ชั้นบอกให้จอดรถ! ไม่งั้นชั้นจะเปิดประตูแล้วโดดลงมันตรงนี้แหละ!" เคนร้องโวยวายขึ้นมาอีก

"อย่าบ้าให้มากนักนะ! อยากตายหรืองัย!" พี่ใหญ่ตวาดใส่น้องชาย ไจ่ไจ๋เองก็เริ่มหน้าเสียเพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้พี่น้องทะเลาะกัน

"เออ! ชั้นอยากจะตายไปให้พ้นๆ!! ไม่อยากอยู่อีกแล้ว!!" ตะคอกใส่พี่ชายกลับ ทำให้แวนเนสต้องรีบเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมันทันทีเพราะถ้าขืนปล่อยให้สองพี่น้องนั่งปะทะกันอีกมีหวังได้ตีกันตายแน่ รถยังจอดไม่ทันสนิทดีเจอร์รี่ก็เปิดประตูลงจากรถไปทันที

"เฮ้ย!!! นายจะไปไหน!?" แวนเนสร้องเสียงหลงก่อนจะหันมาทางไจ่ไจ๋

"พี่ฝากพี่กลางก่อนนะ!" พูดจบก็วิ่งตามพี่ชายลงไปปล่อยให้ไจ่ไจ๋ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ แล้วหันกลับมามองเคนใบหน้ายังมีคราบน้ำตาให้เห็นอยู่ เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วไจ่ไจ๋ก็รู้สึกผิดเพราะเขาไม่น่ามากับชายหนุ่มสามคนนี้แต่แรกเลย ไม่อย่างนั้นเรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น

"คุณเสี้ยวเทียน....." ไจ่ไจ๋ร้องครางชื่อเคนออกมาเบาๆ ทำให้เคนที่ยังสะอื้นไม่หายเหลือบตาขึ้นมามอง

"ผมขอโทษที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณกับพี่ชายทะเลาะกัน" เอ่ยพูดออกมาจากใจจริง

"ไม่ใช่เพราะนายหรอก เขาไม่ชอบหน้าพี่อยู่แล้วถ้ามีโอกาสเขาก็หาเรื่องพี่ตลอดแหละ" เคนพูดตัดพ้อพี่ชายให้น้องฟัง

"แต่ผมว่าเขารักคุณมากนะครับ เท่าที่ผมเห็นเขาคอยห่วงใยเอาใจใส่คุณดีออก" แย้งขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเพื่อไม่ให้รู้สึกว่าเขากำลังพูดจาเข้าข้างเจอร์รี่

"ผมไม่รู้หรอกนะว่าผมเป็นน้องชายของพวกคุณจริงหรือเปล่า? แต่ในมุมมองของผมตอนนี้ในฐานะคนนอกผมบอกได้อย่างไม่ลังเลเลยว่าผมชื่นชมในความรักระหว่างพี่น้องของพวกคุณมาก คุณเองก็ควรถนอมเอาไว้นะ" เคนนิ่งเมื่อได้ยินน้องชายพูดเช่นนั้น

"ตอนที่ผมนอนอยู่โรงบาล พวกคุณก็คอยไปเฝ้าผมตลอด แม้ตอนแรกผมจะอึดอัดแต่มันก็รู้สึกดีอยู่ลึกๆที่มีคนคอยอยู่ใกล้ๆ ผมเห็นเวลาที่คุณเผลอหลับคุณเจอร์รี่เขาก็เดินมาดูคุณลูบหัวคุณถอดเสื้อนอกของเขามาห่มให้คุณ สายตาที่เขามองคุณมันมีความรักอยู่เต็มเปี่ยม" ไจ่ไจ๋เปิดใจพูดกับเคนไปตรงๆ

"ตอนนั้นผมเองก็อยากจะทำใจเชื่อให้ได้ว่าคนที่ผมเห็นอยู่ตรงนั้นน่าจะเป็นพี่ชายของผมเหมือนกัน" เคนสบตากับน้องผ่านกระจกมองหลังรถ

"พี่ต้องทำยังงัยนายถึงจะเชื่อว่านายน่ะมีสายเลือดเดียวกับพวกพี่?" คำถามนั้นทำให้ไจ่ไจ๋เป็นฝ่ายนิ่งไปบ้าง

"ถ้านายอยากให้พ่อแม่มายืนยัน พี่ก็ยินดี" เคนพูดต่อไปอีก

"ไม่ ผมอยากพิสูจน์เองมากกว่า เพราะถ้าเราเป็นพี่น้องกันจริงผมว่ามันต้องมีความทรงจำเล็กๆน้อยๆหลงเหลืออยู่บ้าง ยังงัยผมจะพยายามหาความทรงจำนั้นให้ได้" ไจ่ไจ๋พูดจบก็ยิ้มให้เคน

"แต่ระหว่างนี้คุณสัญญากับผมได้มั๊ยว่าคุณจะไม่ทะเลาะกับพี่ชายคุณเพราะเรื่องของผมอีก เพราะถ้าเป็นแบบนี้ผมจะรู้สึกแย่มากที่เป็นต้นเหตุให้ครอบครัวของคุณแตกแยก" ไจ่ไจ๋ตั้งเงื่อนไขกับเคน

"ไจ่ไจ๋ ทำไมนายพูดแบบนี้หละ? นายไม่ได้ทำอะไรเลยนะ เรื่องทั้งหมดเพราะพี่ทั้งนั้น" เคนรีบค้านคำน้องทันที

"พี่สัญญามาว่าต่อไปนี้จะเชื่อฟังพี่ใหญ่ นายก็อย่าคิดมากเลยนะ แล้วถ้านายยังไม่พร้อมที่จะกลับบ้านพี่ก็จะไม่เร่งรัดนายอีกแล้ว ไว้นายอยากมาเมื่อไหร่ก็โทรมาบอกแล้วกัน พี่จะได้เตรียมอาหารอร่อยๆไว้ให้" แล้วก็พูดรับปากน้องต่ออีกเพราะเขาไม่อยากให้น้องต้องมาพลอยเครียดกับเรื่องของเขาอีก

"ขอบคุณครับคุณเสี้ยวเทียน ขอบคุณที่เข้าใจผม" ไจ่ไจ๋ค่อยสบายใจเมื่อได้ยินเคนรับปากอย่างหนักแน่น

"แล้วนี่คุณเจอร์รี่กับคุณแวนเนสเขาไปไหนกัน?" ถามต่อพร้อมกับหันไปมองหน้าเคน ซึ่งเคนเองก็ไม่รู้เช่นกัน



- ร้านมินิมาร์ทในปั๊ม -

"เจ็บมือชะมัด!" เจอร์รี่สะบัดมือตัวเองไปมาพร้อมกับบ่นอุบเบาๆ มือข้างที่เขาเพิ่งจะจัดการทำโทษเจ้าน้องชายจอมงอแงไปเมื่อกี้แดงไปหมด

"เจอร์รี่!!" แวนเนสที่วิ่งตามลงมาจากรถร้องเรียกพี่ชายก่อนจะวิ่งตามหลังมา เจอร์รี่ถอนหายใจแต่ไม่ได้หันกลับไปเพราะพอจะรู้ดีว่าน้องชายคงมาต่อว่าเขาแน่

"นาย....." เมื่อเห็นพี่ชายนิ่งเฉยแวนเนสก็เริ่มกลัวเนื่องจากรู้ดีว่าตอนนี้พี่ชายอารมณ์เสียมาก

"ตามลงมาทำไม?" ทำเสียงดุกับน้องไว้ก่อนเพื่อกันน้องต่อว่าเขา เล่นเอาแวนเนสตอบไม่ถูก

"ชั้นก็แค่.....ตามลงมาดู......" แวนเนสตอบเสียงแผ่ว เจอร์รี่ไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่เดินเข้าไปในร้านมินิมาร์ท แวนเนสมองตามอย่าลังเลว่าจะตามเข้าไปดีหรือไม่

"หงุดหงิดอะไรนักหนาวะเนี่ย!" บ่นกับตัวเองแล้วตัดสินใจตามเข้าไป

"มาหาอะไรดื่มหรอ?" แวนเนสเอ่ยถามเมื่อเห็นพี่ชายถือแก้วที่ดึงออกมาไปกดน้ำร้อน เจอร์รี่ไม่ตอบแต่จัดการฉีกซองโกโก้แล้วเทใส่แก้วนั้นก่อนที่จะล้วงมือลงไปในกระเป๋าแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมา แวนเนสเห็นก็ขมวดคิ้ว

"นายใส่อะไรลงไปหรอ?" ถามพี่ชายต่ออีก เจอร์รี่ยังคงไม่ตอบแต่ใช้ช้อนพลาสติกที่หยิบมาคนในแก้ว

"นายดื่มโกโก้ด้วยหรอ? ทุกทีเห็นดื่มแต่กาแฟ" พยายามถามพี่ชายอีก

"เปล่า เอาไปให้ไอ้เด็กเจ้าปัญหาของนายนั่นแหละ" ตอบคำถามนั้นด้วยน้ำเสียงห้วนๆ

"ให้เจ้าเสี้ยวเทียนหรอ? แล้วตกลงนายใส่อะไรลงไปด้วยหละ?" ถามต่ออย่างกล้าๆกลัวๆ

"ก็มันบ่นอยากตายนักไม่ใช่หรอ? ชั้นก็ช่วงสงเคราะห์ให้งัย!" พูดจบก็ทำท่าจะเดินไปจ่ายเงินแต่แวนเนสรีบดึงพี่ชายไว้ก่อน

"นายหมายความว่าอะไร? ที่นายใส่ลงไปนั่น....." แวนเนสทำหน้าตื่นตกใจจนเจอร์รี่นึกขำแต่ก็ยังตีหน้าขรึม

"ใส่ยาพิษให้มันกินงัย! จะได้ตายๆไปซะ! ชั้นเองก็จะได้ไม่ต้องมาทนปวดหัวกับมันอีก!" คำพูดของพี่ใหญ่ทำเอาแวนเนสอ้าปากค้าง

"นาย....นาย....." แวนเนสชี้หน้าพี่ชายพูดอะไรไม่ออกเพราะนึกว่าพี่ชายพูดจริง

"นายเรียนจบปริญญามาได้ยังงัยกัน! เรื่องแค่นี้ยังเชื่ออีกหรืองัย!" พูดจบก็เอานิ้วดีดหน้าผากน้องชายก่อนจะส่ายหน้าแล้วเดินไปที่เคาเตอร์จ่ายเงิน ปล่อยให้แวนเนสได้แต่ยืนทำหน้างงๆกับคำพูดของพี่ชาย

"แล้วตกลงนายไม่ได้ใส่ยาพิษให้มันกินใช่มั๊ย? ถ้าไม่ใช่แล้วมันคืออะไรหละ?" แวนเนสยังวิ่งตามมาถามเซ้าซี้

"ยานอนหลับ" เจอร์รี่ตอบอย่างอ่อนใจกับความใสซื่อของเจ้าน้องชายคนนี้

"ทำไมต้องให้น้องมันกินยานอนหลับด้วยหละ? ถ้ามันเกินขนาดน้องอาจะถึงตายก็ได้นะ อย่าทำแบบนี้เลยนะมันอันตราย" แวนเนสพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล

"นายคิดว่าชั้นจะใจคอโหดเหี้ยมฆ่าน้องชายที่ตัวเองประคบประหงมมาแต่เล็กแต่น้อยได้ลงคอจริงๆหรอ?" หันกลับมาถามน้องอย่างเอาเรื่อง

"เปล่า....ชั้นไม่คิดแบบนั้น....แต่...." แวนเนสพูดต่อไม่ออกเมื่อเห็นสีหน้าซีเรียสของพี่ชาย

"มันไม่ตายหรอก! เมื่อวานชั้นเข้าไปปรึกษาหมอมาว่าไอ้น้องดื้อมันไม่ยอมนอนมาหลายวันแล้วกลัวมันจะตายเพราะร่างกายมันไม่ได้พักผ่อน แถมให้กินอะไรก็ไม่ค่อยจะยอมกินต้องให้คอยนั่งบังคับอยู่ตลอดขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปอีกซักสองสามวันได้ทำศพให้มันแน่" เจอร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงเหมือนว่าไม่สนใจนักแต่ในใจจริงๆแล้วเขาห่วงน้องคนนี้แทบตาย ห่วงมากกว่าไจ่ไจ๋ด้วยซ้ำไป

"หมอเขาก็เลยจัดยานอนหลับมาให้ ถ้ามันกินแล้วตายก็ถือว่าเป็นกรรมของมันแหละ!" พูดจบเดินลิ่วๆไปที่รถ ปล่อยให้แวนเนสได้แต่ยืนเกาหัวแกรกๆเพราะคาดเดาอารมณ์พี่ชายไม่ถูกแล้วก็รีบสาวเท้าตามพี่ชายไปด้วย

"ไปไหนมาหรอ?" เมื่อเปิดประตูรถเคนก็ถามพี่ชายด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทำให้เจอร์รี่ทำหน้างงๆ แล้วมองไปทางไจ่ไจ๋ที่ยิ้มให้เขาอยู่

"ไปซื้อนี่มาให้นายนั่นแหละ" พูดจบก็ยื่นถ้วยโกโก้ร้อนให้น้อง นึกแปลกใจที่เจ้าน้องชายตัวแสบไม่ทำสีหน้าบึ้งตึงใส่เขา ในตอนนั้นแวนเนสก็เดินมาถึงพอดี

"ชั้นไม่กินโกโก้" เคนปฏิเสธพร้อมกับส่ายหน้า

"กินเข้าไปอย่างเรื่องมาก!" เจอร์รี่ทำเสียงดุ เคนรับมาก่อนจะหันไปทางไจ่ไจ๋

"ไจ่ไจ๋.....นายชอบโกโก้ร้อนไม่ใช่หรอ? งั้นนายเอาไปแล้วกัน" ว่าแล้วก็ทำท่าจะยื่นถ้วยในมือให้น้องชายต่อ

"เฮ้ย!!!" เจอร์รี่กับแวนเนสร้องอุทานขึ้นมาพร้อมกัน

"ทำไมหรอ?" หันกลับมาทางพี่ชายทั้งสองคนอย่างงงๆ

"ชั้นซื้อมาให้นายยังจะเอาไปให้คนอื่นอีก! เดี๋ยวโดน!" เคนเริ่มหน้าบึ้งเพราะไม่รู้ว่าทำไมเรื่องแค่นี้พี่ชายต้องดุเพราะพี่ชายก็รู้ดีว่าน้องเล็กชอบเครื่องดื่มนี้อยู่แล้ว

"คุณเสี้ยวเทียนครับ คุณยังไม่รู้อีกหรืองัยว่าโกโก้ถ้วยนี้พี่ชายคุณเขาตั้งใจจะใช้มันขอโทษคุณน่ะ" ไจ่ไจ๋พูดแทรกขึ้นมาก่อนจะมีการโต้เถียงกันอีก

"ขอโทษหรอ? ตีชั้นเกือบตายแล้วเอาของมาง้อแค่นี้ก็หายหรืองัย?....." เมื่อได้ยินน้องว่าเช่นนั้นเคนก็รู้สึกดีอยู่ลึกๆแต่ไม่วายแอบบ่น แต่พี่ชายอีกสองคนนั้นโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

"ยังจะมาบ่นอีก! จะกินมั๊ย!?" เจอร์รี่แกล้งเอ็ดใส่น้องอีก เคนค้อนใส่พี่ชายก่อนจะยกถ้วยโกโก้ขึ้นดื่ม

"ระวังร้อนนะ" เอ่ยปากเตือนน้องอย่างอดห่วงไม่ได้ ท่าทางของเจอร์รี่ทำให้ไจ่ไจ๋เผลอยิ้มออกมาอย่างชื่นชม ตอนแรกเขาเองก็รู้สึกว่าเจอร์รี่นั้นเข้มงวดเกินเหตุจนเหมือนไม่ค่อยมีเหตุผลกับน้องแต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทั้งหมดที่เจอร์รี่ทำก็เพราะรักน้องทั้งนั้น

"ทำไมรสชาติมันแปลกๆ? มันขมๆอ่ะ" เคนดื่มไปได้นิดหน่อยก็บ่นพร้อมกับยื่นแก้วไปตรงหน้าพี่ใหญ่

"ขมอะไรกันเล่า! ทำไมถึงเรื่องมากขนาดนี้!" ทำเอ็ดน้องกลบเกลือนเพราะกลัวน้องจะรู้ว่าเขาแอบใส่ยานอนหลับลงไปในนั้น แวนเนสเองก็พลอยลุ้นไปด้วย

"นายลองชิมดูสิ มันแปลกจริงๆนะ" เคนยังยืนกรานหนักแน่น

"พี่ใหญ่เขาไม่ได้ใส่น้ำตาลให้มันก็เลยขมหน่อยหละมั้ง? นายก็กินๆเข้าไปให้หมดเถอะน่าจะได้ไปส่งน้องซักที!" แวนเนสให้เหตุผลแล้วตัดบทเพื่อไม่ให้น้องถามซอกแซกต่อ

"ไม่เอาแล้ว มันขม" เคนส่ายหน้า

"เสี้ยวเทียน! ชั้นจะนับหนึ่งถึงสามถ้ากินไม่หมดโดนหนักกว่าเมื่อกี้แน่" พูดจบก็หันซ้ายหันขวาแล้วหันไปทางแวนเนส

"นายไปหักกิ่งไม้ใหญ่ๆอันนั้นมาให้ชั้นหน่อย" พูดขู่น้องไปอย่างนั้นเพราะรู้ว่าเคนไม่กล้างอแงกับเขาอีกแน่

"อย่าเอามานะ.....ชั้นจะกินให้หมดเดี๋ยวนี้แหละ" แล้วก็จริงเพราะเคนรีบยกถ้วยในมือขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ไจ่ไจ๋มองสามพี่น้องยิ้มๆเขาเองก็นึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมทั้งเจอร์รี่และแวนเนสถึงอยากให้เคนดื่มโกโก้ถ้วยนั้นให้หมดนักแต่ก็ยังไม่กล้าถาม

"ก็แค่นี้แหละ!" เมื่อน้องดื่มหมดแล้วเจอร์รี่ก็รับถ้วยเปล่าไปทิ้งถังขยะแล้วกลับขึ้นมาบนรถ

"ไป....นายจะได้กลับไปพักผ่อนซักที" แวนเนสขึ้นไปประจำที่คนขับแล้วพูดกับไจ่ไจ๋ด้วยอารมณ์ที่ร่าเริงกว่าเดิม จนเมื่อรถเคลื่อนตัวออกมาได้ครู่หนึ่งเคนก็เริ่มหาวหวอดๆ

"ง่วงก็นอนลงมา" พี่ใหญ่ว่าพร้อมกับตบที่ตักตัวเองเพื่อให้น้องนอนลงมา

"ไม่เป็นไร ไม่ได้ง่วงหรอก" เคนตอบแต่ก็อ้าปากหาวอีก แวนเนสแอบอมยิ้มก่อนจะสบตาพี่ชายผ่านกระจกมองด้านหลังรถ

"ดื้ออะไรแบบนี้ก็ไม่รู้! นั่งหาวหวอดๆแบบนี้ยังจะมาบอกว่าไม่ง่วงอีก" บ่นน้องด้วยสีหน้าระอาแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรเพราะรู้ดีว่าเคนงอแงได้อีกไม่นานแน่

"ก็ไม่ง่วงจริงๆหนิ" เคนพูดพึมพำปฏิเสธแต่ก็แปลกใจที่ตัวเองรู้สึกง่วงนอนขึ้นมาโดยฉับพลัน ไจ่ไจ๋เหลียวกลับมามองเคนอีกครั้งแต่ก็เห็นเจอร์รี่ขยิบตาให้ เขายิ้มงงๆแต่ก็พอจะรู้แล้วว่าสาเหตุที่เคนเป็นแบบนี้เพราะเจอร์รี่เป็นคนทำแน่นอน ผ่านไปอีกครู่หนึ่งเคนก็หลับไปโดยที่ไม่รู้ตัว

"เฮ่อ!! หมดฤทธิ์ได้ซักที!" พี่ใหญ่ถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะอ้าแขนโอบร่างน้องชายที่เอนตัวเข้ามาหาเขา

"รู้งี้ใช้วิธีนี้ตั้งแต่แรกปราบมันซะก็ดี อื้ม!! ไอ้เด็กดื้อเอ้ย...." พี่ใหญ่บ่นพร้อมกับต่อว่าน้องแต่ก็ทั้งกอดทั้งหอมแก้มน้องด้วย หลายวันมานี้เคนทำให้เขากังวลใจไม่น้อย

"ขอโทษนะครับ โกโก้ร้อนถ้วยเมื่อกี้ที่คุณสองคนเร่งเร้าให้คุณเสี้ยวเทียนดื่มมันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?" แล้วไจ่ไจ๋ก็ถามในสิ่งที่สงสัยมานาน

"ยานอนหลับงัยหละ" แวนเนสตอบพร้อมกับยักคิ้วให้

"หา!!?? พวกคุณถึงกับต้องวางยาน้องคุณเชียวหรอ?" ไจ่ไจ๋อึ้งๆไปเมื่อได้ยินทั้งที่พอจะเดาได้แต่แรกแล้ว

"ก็มันเป็นวิธีเดียวที่มันจะยอมหลับยอมนอนซะบ้างน่ะสิ พี่เองก็ไม่ได้อยากทำหรอกเพราะยาพวกนี้มันก็อันตรายเหมือนกัน" เจอร์รี่ตอบคำถามนั้นก่อนจะอธิบายเพิ่ม

"แต่ไม่ต้องห่วงหรอกเพราะนี่พี่ไปปรึกษาหมอมาแล้ว และที่ให้มันกินก็ในปริมาณที่หมอสั่ง ไม่น่าจะอันตรายอะไร" ไจ่ไจ๋ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าหงึกๆ

"คุณเสี้ยวเทียนเขาไม่ค่อยนอนหรอ?" ถามต่อไปอีก

"ปกติหลับเป็นตายแต่ตอนนี้ก็เพราะมันกังวลเรื่องที่นายจำพวกพี่ไม่ได้นั่นแหละถึงไม่ยอมนอนเลย" แวนเนสตอบคำถามนั้นแทน

"หรอ? ผมขอโทษนะ....." ยิ่งได้รู้ว่าสาเหตุที่เคนเป็นอย่างนี้ก็เพราะเขาทั้งนั้นไจ่ไจ๋ก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น

"อย่าคิดมากเลยไจ่ไจ๋ ไอ้พี่กลางของนายมันอึดอยู่แล้ว ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก เวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมันก็จะโหวกเหวกโวยวายควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่พักนึง แต่พอผ่านมาได้ซักระยะนึงเดี๋ยวมันก็คิดได้เอง" เจอร์รี่เอ่ยปากปลอบใจน้องชาย

"ถ้าวันนี้ผมยอมนอนค้างที่บ้านพวกคุณแต่แรกก็อาจจะไม่เกิดเรื่องวันนี้" ไจ่ไจ๋ยังคงเชื่อว่าเป็นความผิดของเขาอยู่ดี

"พูดอะไรแบบนั้น เรื่องนี้นายไม่ได้ผิดอะไรซักหน่อย พี่ซะอีกที่ต้องขอโทษนายเพราะพี่ดูแลนายไม่ดีนายถึงตกบันไดจนเกิดเรื่อง" เจอร์รี่แย้งคำน้อง

"เอาหละๆ นี่ไม่ใช่เวลามานั่งเถียงกันว่าเป็นความผิดของใคร พวกเราต้องช่วยกันฟื้นความจำของไจ่ไจ๋ให้ได้ก่อนนี่สิสำคัญที่สุด" แวนเนสพูดตัดบทขึ้นมาเมื่อเห็นว่าพี่น้องเอาแต่โทษตัวเองกันหมด

"อืม.....นั่นสินะ" เจอร์รี่เห็นด้วยพร้อมกับพยักหน้า

"ผมเห็นใจพวกคุณจริงๆ งั้นเอาเป็นว่าตอนนี้ผมจะให้ความร่วมมือกับพวกคุณอย่างเต็มที่ในการที่จะฟื้นความจำของผมกลับมา ถ้าพวกคุณอยากให้ผมทำอะไรก็บอกแล้วกันผมจะพยายามอย่างเต็มที่เลย" ไจ่ไจ๋รับคำหนักแน่น ตอนนี้เขาเริ่มเปิดใจยอมรับได้บ้างแล้วว่าตัวเองอาจจะเป็นสมาชิกในบ้านหลังนี้

"ขอบใจมากนะไจ่ไจ๋ ได้ยินนายพูดแบบนี้แล้วพวกพี่เองก็สบายใจ" ไจ่ไจ๋ไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่ยิ้มอย่างจริงใจเท่านั้น






 

Create Date : 30 มีนาคม 2552    
Last Update : 30 มีนาคม 2552 23:05:20 น.
Counter : 1327 Pageviews.  

Chapter 69

ตอนที่ 69

"ผมบอกพวกคุณตามตรงว่าเรื่องแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นได้ หากคนเราเจอเรื่องที่ทำร้ายจิตใจมากๆสมองอาจสั่งให้ปิดกั้นความทรงจำไปช่วงหนึ่ง อาจเรียกง่ายๆว่าความจำเสื่อมชั่วคราว ซึ่งความทรงจำในส่วนนี้จะค่อยๆกลับมาหากว่าผู้ป่วยได้กลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติเหมือนที่ผ่านมา" คำอธิบายนั้นทำให้สามหนุ่มต่างหันไปมองหน้ากัน

"แต่น้องผมเขาเลือกที่จะปิดกั้นความทรงจำเกี่ยวกับพี่ชายทั้งสามคนแบบนี้มันเป็นไปได้หรือครับ?" แวนเนสถามหมอต่อ

"เป็นไปได้ทั้งนั้น ผมศึกษาทางด้านนี้มานานหลายปีพบว่ามีผู้ป่วยบางคนไม่มีความทรงจำช่วงชีวิตในวัยเด็ก พอไปสืบดูถึงได้รู้ว่าชีวิตช่วงนั้นของเขามันค่อนข้างเลวร้าย" คำตอบนั้นทำให้สามพี่น้องนิ่งอึ้งกันไปอีกครั้ง

"หมายถึงว่าการที่คนป่วยมีความทรงจำที่หายไปช่วงหนึ่งมักจะเกิดจากการเจอเรื่องที่ร้ายแรงหรือครับ?" เคนถามหมอต่อบ้าง

"ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนั้นครับ" หมอตอบก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนโยน

"แต่ก็ไม่ทั้งหมดเพราะบางทีก็เกิดจากการที่สมองประมวลผลไม่สมบูรณ์ เหมือนกับคอมพิวเตอร์ที่บางทีก็ error ขึ้นมาเฉยๆ แต่พอ reset แล้วก็กลับมาใช้ได้ตามปกติ" ความเงียบเข้าครอบคลุมอีกครั้ง

"ถ้าอย่างนั้นผมพาน้องกลับบ้านแล้วใช้ชีวิตตามปกติ บางทีความทรงจำน้องอาจจะกลับมาใช่มั๊ยครับ?" แล้วเจอร์รี่ก็เป็นคนทำลายความเงียบขึ้นมา

"ขั้นแรกผมก็แนะนำเช่นนั้นครับ มีคนป่วยส่วนมากเมื่อได้กลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติแล้วความจำก็กลับคืนมา บางทีอาจจะใช้เวลาแค่ไม่กี่วัน หรือบางทีอาจจะเป็นอาทิตย์เป็นเดือนหรือเป็นปีก็มี" คำตอบนั้นแม้จะไม่ยืนยันว่าจะได้ผลแต่ก็ทำให้คนฟังพอมีความหวังขึ้นมาบ้าง

"ขอบคุณคุณหมอมากครับ พวกเราจะพยายามทำตามคำแนะนำของคุณหมอ" เจอร์รี่ว่าพร้อมกับก้มหัวให้

"ยินดีครับ" หมอก้มหัวพร้อมกับรับคำเช่นกัน

"หมอขอตัวก่อนนะครับ" พูดจบก็ยิ้มให้แล้วเดินออกไป

"อย่ากังวลกันไปเลย พี่ว่ายังงัยซะน้องก็ต้องกลับมาจำพวกเราได้" เจอร์รี่พูดให้กำลังใจน้องชายทั้งสองคน

"แย่ชะมัด! ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้!" เคนสถบกับตัวเองเบาๆ

"การที่เราจะดึงความทรงจำของน้องกลับมาได้ ก่อนอื่นพวกเราต้องมีความหวังและมีกำลังใจที่ดีกันก่อนนะ ถ้ามัวแต่ตื่นตกใจหรือฟูมฟายสุดท้ายจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่" พูดเตือนน้องชายต่ออีก

"หรือถ้าพวกนายสองคนยังไม่พร้อมเราก็ให้น้องอยู่โรงพยาบาลต่ออีกซักสองสามวันก็ได้ เมื่อพวกนายพร้อมเมื่อไหร่เราค่อยพาน้องกลับบ้าน" จบคำพูดของพี่ใหญ่ทั้งแวนเนสและเคนก็ส่ายหน้าพร้อมกัน

"ชั้นอยากให้น้องกลับบ้านเผื่อความจำน้องจะกลับมาเมื่อได้เห็นสิ่งของต่างๆในบ้านเรา" แวนเนสให้เหตุผลซึ่งเคนเองก็พยักหน้าสนับสนุนเหตุผลของพี่ชาย

"ถ้าอย่างนั้นพวกเราต้องทำอะไรซักอย่างให้พี่มั่นใจก่อนว่าเราสองคนพร้อมที่จะพาน้องกลับบ้านจริงๆ" พี่ใหญ่ตั้งเงื่อนไข

"จะให้เราทำอะไร?" เคนถามต่อทันควัน

"ยิ้ม" ตอบสั้นๆง่ายๆแต่หากว่าคนฟังทำได้ไม่ง่ายเลย

"ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย" เคนพึมพำเบาๆ

"นี่เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องโดยตรงเลยหละ เราลองคิดดูซิว่าหากน้องเห็นหน้าตาเศร้าหมองหรือกังวลใจของพวกเราแล้วน้องมันจะเป็นยังงัย? มันคงอยากหนีห่างไปไกลๆน่ะสิ" พี่ใหญ่พูดเองตอบเองเสร็จสรรพ ซึ่งก็ทำให้น้องชายทั้งสองคนคล้อยตาม

"ก็จริงของนายนะ!" แวนเนสว่าแล้วก็ฝืนยิ้มออกมาจนได้

"ดีมาก" เจอร์รี่เอ่ยชมก่อนจะหันไปทางน้องชายคนกลาง เคนถอนหายใจก่อนจะฉีกยิ้มแบบเสียไม่ได้

"เอ้า! ก็ถือว่ายังดีกว่ามีสีหน้าอมทุกข์ ไป.....เราเข้าไปหาน้องกัน" พูดจบก็ชวนน้องชายทั้งคู่ไปหาน้องเล็กในห้องพักผู้ป่วย

"ตื่นนานแล้วหรอไจ่ไจ๋?" เมื่อเปิดประตูเข้ามาเจอร์รี่ก็ทักทายน้องเล็กด้วยน้ำเสียงร่าเริง

"พวกคุณยังอยู่กันอีกหรอ? ไม่ทำการทำงานกันหรืองัย?" คำพูดนั้นฟังดูเหมือนจะรำคาญเล็กน้อย

"นายนอนอยู่โรงบาลจะให้พวกพี่มีแก่ใจไปทำงานได้ยังงัยหละ?" ตอบพร้อมกับยิ้มให้น้องเล็ก

"หิวมั๊ย? อยากกินอะไรหรือเปล่า?" ไจ่ไจ๋ส่ายหน้าแทนคำตอบ

"พวกคุณไม่ต้องห่วงผมหรอก แฟนผมกำลังจะมา ถ้าไม่เป็นการลำบากนักผมอยาก....." ไจ่ไจ๋ยังพูดไม่ทันจบเจอร์รี่ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

"พวกพี่สามคนจะอยู่เป็นเพื่อนนายจนกว่าแฟนนายจะมาถึง แต่ถ้าแฟนนายมาเมื่อไหร่พวกพี่จะปล่อยให้นายได้อยู่กับแฟนตามลำพัง" คำพูดต่อรองนั้นทำให้ไจ่ไจ๋เงียบไปอีก

"ผมมีพี่ชายจริงๆหรอ? ทำไมผมถึงจำพวกคุณไม่ได้เลย" พึมพำออกมาเบาๆ

"หมอบอกว่ากรณีแบบนี้เกิดขึ้นได้ หากคนเราเจอเรื่องที่ทำร้ายจิตใจมากๆสมองอาจสั่งให้ปิดกั้นความทรงจำไปช่วงหนึ่ง" เคนอธิบายให้น้องฟังเหมือนที่หมอพูดกับเขา

"หมายความว่างัย? หมายความว่าก่อนที่ผมจะตกบันไดผมโดนใครทำร้ายจิตใจมางั้นหรอ?" ไจ่ไจ๋ย้อนถามด้วยสีหน้าไม่ค่อยเชื่อ

"ก่อนนายตกบันไดเราทะเลาะกัน" เคนตอบคำถามนั้นด้วยสีหน้าขรึมลง

"พี่ต่อว่านาย.....พี่ว่านายแล้วก็....." เคนเริ่มน้ำตาซึมเมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น ไจ่ไจ๋ทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าโศกของคนที่อ้างว่าเป็นพี่ชายเขา

"ทั้งที่นายพยายามจะ......" เคนพูดเสียงขาดเป็นห้วงๆ จนพี่ใหญ่ทนดูไม่ได้เลยเดินเข้าไปหาน้อง

"เสี้ยวเทียนมาหาพี่ใหญ่มา....." เคนน้ำตาร่วงก่อนจะซบหน้าลงที่ไหล่พี่ชาย ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งโกรธตัวเองที่เป็นคนผลักไสน้องชายออกมาจนเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้น ไจ่ไจ๋มองดูเจอร์รี่กับเคนด้วยสีหน้าอึ้งๆ

"ออกไปข้างนอกกับพี่ใหญ่นะ" เจอร์รี่กระซิบเบาๆกับเคนก่อนจะหันมาทางแวนเนส

"เดี๋ยวชั้นมา" พูดจบก็โอบไหล่น้องพาเดินกึ่งบังคับออกจากห้องไปเพื่อให้ไปสงบสติอารมณ์

"ขอโทษนะครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจ" หลังจากเจอร์รี่กับเคนพากันออกไปแล้วไจ่ไจ๋ก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"นายไม่เข้าใจอะไร? ถามพี่ได้นะ" แวนเนสรีบออกตัว ไจ่ไจ๋มองหน้าแวนเนสแบบสังเกตจริงจังก่อนจะมีความรู้สึกคุ้นเคยกับสายตาของคนตรงหน้าเขามั่นใจว่าเขาต้องเคยเจอกับแวนเนสมาก่อนแต่ไม่รู้ว่าที่ไหน

"คุณ...." ไจ่ไจ๋ว่าพร้อมกับทำท่าลังเล ตอนนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองเป็นใครกันแน่

"เป็นอะไรหรือเปล่า?" แวนเนสถามต่ออย่างเป็นห่วง

"ผมรู้สึกคุนหน้าคุณ" ไจ่ไจ๋ตอบเสียงแผ่ว แต่ทำให้คนฟังยิ้มอย่างดีใจ

"นายจำพี่ได้แล้วใช่มั๊ย? นายจำพี่รองได้แล้วใช่หรือเปล่า?" ย้อนถามน้องกลับไปด้วยสีหน้ายิ้มระรื่น

"ไม่ ผมจำคุณไม่ได้ ผมแค่รู้สึกคุ้นหน้าคุณก็เท่านั้นเอง บางทีผมอาจจะเคยเจอคุณตามสถานที่อื่นๆมาก่อน" คำอธิบายนั้นทำให้แวนเนสหน้าเจื่อนลง

"เอาเถอะ บางทีนายอาจจะเคยเห็นหน้าพี่ตามทีวีก็ได้" แวนเนสสรุปให้ก่อนจะลอบถอนหายใจออกมา

"คุณเป็นดาราหรอ?" ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายกลับไปอีก แวนเนสเพียงแต่พยักหน้าแทนคำตอบ

"สงสัยเพราะอย่างนี้ผมถึงรู้สึกคุ้นหน้าคุณ" ไจ่ไจ๋เองก็ค่อยโล่งอกเพราะเขาเองก็ไม่อยากปักใจเชื่อว่าตัวเองความจำเสื่อมถึงขนาดลืมพี่ชายทั้งสามคนไปได้

"เรื่องนั้นช่างมันเถอะ แต่เมื่อกี้นายบอกว่ามีเรื่องไม่เข้าใจ....." แวนเนสเปลี่ยนเรื่องคุย แม้น้องจะยังจำเขาไม่ได้แต่อย่างน้อยได้พูดคุยกันแบบนี้ก็นับว่าดีแล้ว

"อ๋อใช่! คือผมเห็นเขาสองคน....." ไจ่ไจ๋เกริ่นนำพร้อมกับชี้ไปทางประตู

"ทำไมคนตัวใหญ่ๆนั้นถึงได้ดูเศร้าโศกนัก? ผมขอโทษที่ถามละลาบละล้วงแต่ผมแค่ไม่เข้าใจเท่านั้นเองเพราะถ้าเป็นอย่างที่เขาบอกว่าเขาทะเลาะกับน้องชายแต่ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องร้ายแรงตรงไหน เพราะพี่น้องทะเลาะกันน่ะเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว" แวนเนสยังไม่ตอบในทันทีแต่ขยับตัวขึ้นไปนั่งบนเตียงกับน้องซึ่งไจ่ไจ๋เองก็ยินดีขยับตัวเพื่อเว้นที่ให้

"นายจำพวกพี่ไม่ได้เลยจริงๆ" แวนเนสพึมพำเบาๆ เขามั่นใจแล้วว่าน้องชายจำพวกเขาไม่ได้เลยเพราะจากท่าทางการพูดและสำเนียงนั้นมันเป็นทางการแตกต่างจากน้องเล็กของเขาโดยสิ้นเชิง

"คนที่นายว่านั้นชื่อเสี้ยวเทียน เขาเป็นพี่ชายคนที่สามของนาย" แวนเนสสบตากับไจ่ไจ๋ก่อนจะอธิบายให้ฟัง

"นายกับพี่กลางน่ะสนิทกันมากที่สุดแต่ก็มีเรื่องให้ทะเลาะกันมากที่สุดเหมือนกัน เพราะว่านิสัยของพี่กลางค่อนข้างโผงผางส่วนนายจะค่อนข้างอ่อนไหวง่าย เวลาที่พี่กลางเขาพูดอะไรแบบไม่คิดก็จะทำให้นายเสียใจมาก" ไจ่ไจ๋นิ่งฟังในสิ่งที่แวนเนสพูด

"ส่วนอีกคนที่นายได้ยินว่าเสี้ยวเทียนเรียกว่าพี่ใหญ่เขาชื่อเจอร์รี่ เป็นพี่ชายคนโตของพวกเราสามคน พี่ใหญ่เขาจะโอ๋นายมากเป็นพิเศษเพราะนายชอบเข้าไปอ้อนเขาตามประสาของน้องชายคนเล็ก" แวนเนสเล่าให้น้องฟังต่อไป

"ก่อนที่นายตกบันไดพี่เองก็ไม่รู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พี่ได้ยินเสียงนายกับพี่กลางเอะอะกันอยู่พักนึงก่อนจะได้ยินเสียงโครมครามตามมา พอวิ่งไปดูถึงได้รู้ว่านายตกบันได" ไจ่ไจ๋เบนสายตาไปทางอื่นก่อนจะถอนหายใจ

"ถึงอย่างนั้นก็เถอะผมก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงดูเศร้าขนาดนั้น" พึมพำออกมาเบาๆ

"เพราะเขารักนายมากงัย ถึงพี่กลางเขาจะดูเป็นคนแข็งๆไม่อ่อนโยนเท่าไหร่แต่จริงๆแล้วเขารักและห่วงนายมาก พอมาเกิดเรื่องแบบนี้เขาก็รับไม่ได้เอาแต่โทษตัวเองตลอด" แวนเนสตอบน้องออกไปตามตรง

"ผมเห็นใจพวกคุณนะ แต่ผมคงช่วยอะไรไม่ได้เพราะผมไม่คิดว่าตัวเองจะมีพี่ชายถึงสามคนจริงๆ" พูดจบไจ่ไจ๋ก็ขยับตัวจะลงจากเตียง

"จะไปไหน?" แวนเนสรีบลุกตามน้อง

"ผมจะไปเดินเล่น ฆ่าเวลารอแฟนผมมา" พูดจบไจ่ไจ๋ก็เดินออกจากห้องไปอีกคนทิ้งให้แวนเนสได้แต่ถอนหายใจเฮือกๆอย่างไม่รู้จะทำยังงัยดี



- เวลาต่อมา -

"แวนเนสคะ" กลอเรียเรียกคนรักที่เดินกลับไปกลับมาเป็นรอบที่กี่ร้อยแล้วไม่รู้

"ครับ?" แวนเนสรับคำก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าหญิงคนรัก

"คุณเดินจนชั้นปวดหัวหมดแล้วค่ะ" ต่อว่าแวนเนสกลายๆก่อนจะขยับตัวแล้วเอามือตบตรงที่ว่างข้างๆเป็นเชิงบอกให้แวนเนสนั่งลงข้างๆ

"จะเอายังงัยดี? ผมอยากพาน้องกลับบ้านแต่น้องกลับไม่ยอมกลับไปอยู่กับพวกผมซะอีก" หลังจากนั่งลงแล้วแวนเนสก็ปรึกษากลอเรียอีก

"ชั้นยังทำใจเชื่อไม่ได้เลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้" กลอเรียเองก็ไม่รู้จะทำยังงัย วันนี้หลังจากได้รับโทรศัพท์จากแวนเนสแล้วเธอก็รีบบึ่งมาโรงพยาบาลทันที และหลังจากพูดคุยกับไจ่ไจ๋แล้วเธอก็เชื่อว่าความจำของไจ่ไจ๋นั้นคงหายไปอย่างแน่นอน

"คุณลองคุยกับไจ่ไจ๋อีกครั้งได้หรือเปล่า? ผมแค่อยากให้น้องกลับบ้านเผื่อว่าเห็นอะไรที่คุ้นเคยแล้วความจำน้องอาจกลับมา" แวนเนสพูดเป็นเชิงขอร้อง

"แวนเนสคะ คุณเองก็ต้องเข้าใจไจ่ไจ๋ด้วยนะคะ ลำพังเพียงแค่เขาจำพวกคุณไม่ได้ชั้นว่าเขาเองก็ค่อนข้างสับสนมากแล้ว ดังนั้นการที่จะพาเขากลับบ้านเพื่อไปใช้ชีวิตอยู่กับพวกคุณซึ่งในตอนนี้ก็เหมือนกับคนแปลกหน้าสำหรับเขาแล้วคิดดูว่าน้องคุณจะเครียดมากกว่าคุณขนาดไหน?" คำเตือนของคนรักทำให้แวนเนสนิ่งไป เขาเองก็ไม่ทันคิดถึงความจริงในข้อนี้เพราะมัวแต่หาทางจะทำให้ความจำน้องกลับคืนมาเท่านั้น

"เท่าที่ชั้นพูดคุยกับไจ่ไจ๋มานั้นชั้นรู้สึกว่าเขาเองก็เริ่มเชื่อแล้วค่ะว่าเขามีพวกคุณสามคนเป็นพี่ชายจริงๆ" กลอเรียว่าแล้วก็บีบมือคนรักเบาๆ

"คุณให้เวลาเขาหน่อยนะคะ บางทีถ้าเขามีเวลาคิดมากกว่านี้เขาอาจจะยอมตามพวกคุณกลับไปอยู่บ้านก็ได้ แต่ตอนนี้ไม่ว่าเขาอยากจะไปไหนไปอยู่กับใครคุณตามใจเขาไปก่อนเถอะค่ะ" แม้จะรู้ว่าที่กลอเรียพูดนั้นก็เพราะความหวังดีแต่แวนเนสก็ไม่อาจปล่อยให้น้องที่มีความจำเสื่อมไปเที่ยวค้างกับใครต่อใครได้เพียงลำพัง

"กลอเรียครับ แต่ไหนแต่ไรมานอกจากไปกับทางโรงเรียนหรือมหาลัยแล้วพวกผมไม่เคยปล่อยให้น้องไปนอนค้างอ้างแรมที่ไหนโดยไม่จำเป็นเลย เรื่องนี้ต่อให้ผมยอมแต่เจ้าสองคนนั้นก็คงไม่ยอมแน่" กลอเรียถอนหายใจเบาๆ เธอเองก็เข้าใจในข้อนี้

"ถ้าอย่างนั้นให้ไจ่ไจ๋มาพักที่คอนโดชั้นก็ได้ค่ะ แล้วชั้นจะไปนอนค้างกับมี่เฟิง แบบนี้คงไม่มีปัญหาอะไรเพราะเขาจะอยู่ในสายตาชั้นตลอด" แล้วเธอก็หาทางออกให้

"จะดีหรอ? ผมเกรงใจคุณจังเลย" แวนเนสมีทีท่าลังเล

"ยังจะเกรงใจอะไรกันอีกคะ? พูดเหมือนเป็นคนไม่รู้จักมักคุ้นไปได้" แวนเนสโดนหญิงสาวต่อว่าเข้าให้ แม้เขากำลังเครียดๆกับเรื่องของน้องชายแต่คำพูดประโยคนี้ของกลอเรียก็ทำให้แวนเนสยิ้มออกมาได้

"ผมโชคดีจังที่คุณยอมอยู่เคียงข้างผมเสมอ" ว่าพร้อมกับจับมือหญิงสาวขึ้นมาจูบเบาๆ

"เพราะฉะนั้นอย่าทำให้ชั้นเสียใจนะคะ" หญิงสาวพูดหยอกกลับไปเพราะต้องการช่วยทำให้คนรักรู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง

"แน่นอนครับ ถ้าผมทำผิดต่อคุณแม้แต่เสี้ยวนึงของความคิด ผมขอให้ตัวเองมีอันเป็นไป....." แวนเนสยังพูดไม่ทันจบประโยคดีกลอเรียก็เอานิ้วแตะที่ริมฝีปากเขา

"อย่าพูดแบบนี้สิคะ ชั้นเชื่อมั่นในตัวคุณเสมอ ไม่จำเป็นต้องสาบานหรอกค่ะ" แวนเนสยิ้มบางๆก่อนจะจูบเบาๆที่หน้าผากเธอ

"ขอบคุณครับ ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง" หญิงสาวยิ้มรับก่อนจะพูดชวนแวนเนสไปหาเจอร์รี่กับเคน

"เราไปหาเจอร์รี่กับเสี้ยวเทียนกันเถอะค่ะ จะได้บอกเขาด้วยว่าให้ไจ่ไจ๋ไปอยู่ที่คอนโดชั้นก่อน แบบนี้ไม่น่ามีปัญหาอะไร" แวนเนสพยักหน้าแล้วกุมมือคนรักพาเดินไปหาพี่ชายกับน้องชายที่นั่งอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วย

"หลับหรอ?" แวนเนสถามเจอร์รี่โดยไม่ออกเสียงเมื่อเห็นพี่ชายนั่งลูบหัวเคนที่นอนหนุนตักอยู่ ซึ่งพี่ใหญ่ก็พยักหน้าแทนคำตอบก่อนจะขยายความ

"กว่าจะหลับได้ก็โดนชั้นซัดเข้าไปหลายเพี๊ยะเลย ไม่งั้นก็ยังคร่ำครวญไม่เลิก" พูดจบก็ยิ้มให้กลอเรียแบบเครียดๆ

"ตีมันอีกแล้วหรอ? นายก็อย่าไปทำมันเลยน้องมันเสียใจอยู่" แวนเนสเอ่ยเตือนพี่ชาย

"ก็ไม่ได้อยากทำหรอก แต่มันเล่นโวยวายแบบไม่เกรงใจชาวบ้านเนี่ยก็ไม่ไหวเหมือนกัน" ว่าพลางลูบหัวคนที่ตัวเองกำลังพูดถึงอยู่ เขาเองก็สงสารน้องมากเพราะรู้ว่าตอนนี้เคนยังทำใจยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้

"ตกลงไจ่ไจ๋ยังงัยก็ไม่ยอมกลับบ้านกับพวกเราใช่มั๊ย?" แล้วแวนเนสก็เริ่มเข้าเรื่อง

"อืม....เห็นบอกว่าออกจากโรงบาลแล้วจะไปนอนบ้านเพื่อน" ตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

"ไม่รู้นายจะว่ายังงัยแต่ชั้นกับกลอเรียปรึกษากันว่าจะให้น้องไปพักที่คอนโดของกลอเรียก่อนซักพัก รอจนน้องเปิดใจยอมรับพวกเราได้แล้วค่อยว่ากันอีกที" แวนเนสบอกกล่าวให้พี่ชายฟัง

"ได้ยังงัยกัน? แล้วกลอเรียจะไปอยู่ไหน? ทำไมถึงต้องไปรบกวนกลอเรียขนาดนี้?" เจอร์รี่ดุน้อง

"อันนี้ชั้นเป็นคนคิดเองค่ะ เพราะชั้นรู้ว่ายังงัยพวกคุณก็คงเป็นห่วงไจ่ไจ๋ไม่น้อยหากว่าเขาจะออกไปพักกับเพื่อนๆคนอื่นๆ ยังงัยให้ไจ่ไจ๋พักที่คอนโดชั้นก่อนแล้วชั้นจะไปค้างกับมี่เฟิงแบบนี้น่าจะดีกว่าเพราะชั้นเองก็จะคอยช่วยดูแลเขาให้ด้วย อย่างน้อยไจ่ไจ๋เขาก็จำชั้นได้พูดอะไรไปคงพอจะเชื่ออยู่บ้าง" กลอเรียออกตัวแทนคนรัก

"ไม่ได้หรอกครับ ลำบากคุณแย่เลย" เจอร์รี่ยังคงไม่เห็นด้วยเพราะเกรงใจหญิงสาวเป็นอย่างมาก

"ไหนคุณบอกว่าเห็นชั้นเป็นเหมือนน้องสาวงัยคะ? เรื่องแค่นี้ยังต้องเกรงใจอะไรกันอีก? และอีกอย่างคอนโดชั้นน่ะปกติชั้นก็ไม่ค่อยได้นอนที่นั่นหรอกเพราะชั้นจะไปนอนค้างห้องของมี่เฟิงอยู่บ่อยๆด้วย" ได้ยินเช่นนี้เจอร์รี่ก็รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของหญิงสาวมาก

"ขอบคุณมากนะครับ ลำบากคุณแล้ว" เอ่ยด้วยสีหน้าที่ดูดีขึ้นกว่าเดิม กลอเรียยิ้มรับให้อย่างจริงใจ

"ไม่ลำบากเลยค่ะ" พูดจบก็หันไปยิ้มให้แวนเนสที่เดินเข้ามากุมมือเธอไว้

"ให้ชั้นเข้าไปคุยเรื่องนี้กับไจ่ไจ๋นะคะ" ว่าแล้วเธอก็ขอตัวเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย เป็นเวลาเดียวกับที่หลิงเอ๋อเดินออกมาพอดี

"อ้าว! ไจ่ไจ๋หลับหรอจ๊ะ?" กลอเรียถามสาวรุ่นน้อง

"ยังค่ะ แต่หนูต้องรีบกลับบ้านน่ะค่ะเลยขอตัวก่อน" พูดจบก็มองไปทางพี่ชายทั้งสามคนของแฟน

"ไม่ว่าหนูจะพูดยังงัยพี่ไจ่ไจ๋ก็ยังไม่เชื่อว่าพวกพี่เป็นพี่ชายแท้ๆของเขา หนูขอโทษด้วยนะคะที่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย" ว่าแล้วเธอก็ก้มหัวให้สามพี่น้อง

"หลิงหลิง ทำไมหนูพูดแบบนี้หละ? พวกพี่เข้าใจดีว่าเรื่องนี้มันยากเกินกว่าเขาจะทำใจยอมรับได้ เอาเป็นว่าแค่หนูยอมมาอยู่เป็นเพื่อนเขาบ้างแค่นี้พวกพี่ก็ขอบคุณหนูมากแล้ว" แวนเนสว่าพร้อมกับบีบไหล่เด็กสาวเบาๆ

"หนูจะแวะมาหาเขาบ่อยๆค่ะ" เธอรับคำแล้วยิ้มตอบ

"พี่ขอบใจมากนะที่มา" เจอร์รี่เอ่ยขึ้นบ้างแต่ไม่ได้ลุกขึ้นมาคุยเพราะเคนนอนหนุนตักเขาอยู่

"ไม่เป็นไรค่ะ เพราะหนูก็ห่วงพี่ไจ่ไจ๋อยู่แล้ว" เธอตอบก่อนจะตัดบท

"งั้นหนูกลับก่อนนะคะ" ได้ยินเช่นนั้นกลอเรียก็หันไปทางแวนเนส

"แวนเนสคะ ไปส่งน้องสิ" พูดกับคนรักเบาๆ

"ครับ ไป....พี่ไปส่งเอง" ว่าแล้วก็พยักหน้ากับแฟนสาวของน้องเล็ก

"ไม่ต้องหรอกค่ะ พวกพี่อยู่เป็นเพื่อนพี่ไจ่ไจ๋ที่นี่เถอะ หนูกลับเองได้" เธอปฏิเสธพร้อมกับส่ายหน้า

"ให้พี่แวนเนสไปส่งดีกว่าจ๊ะ ยังงัยพี่เขาก็ว่างอยู่แล้ว" กลอเรียคะยั้นคะยอด้วยไม่อยากให้เด็กสาวต้องกลับบ้านคนเดียวเพราะฟ้าเริ่มมืดแล้ว

"นั่นสิ ให้พี่แวนเนสไปส่งเถอะใกล้ค่ำแล้วมันอันตราย" เจอร์รี่พูดเสริมด้วยอีกคน

"ถ้างั้นก็ต้องรบกวนพี่แวนเนสด้วยนะคะ" เธอตอบรับอย่างค่อนข้างเกรงใจ

"พูดอะไรแบบนี้ ไป.....เดี๋ยวถึงบ้านมืดแล้วพ่อแม่จะเป็นห่วงเอา" ว่าแล้วก็พยักหน้ากับเด็กสาวก่อนจะพาเดินจากไป

"ชั้นไปหาไจ่ไจ๋นะคะ" กลอเรียหันกลับมาพูดกับเจอร์รี่หลังจากที่แวนเนสพาหลิงเอ๋อไปส่งแล้ว

"ครับ ฝากด้วยแล้วกัน" เจอร์รี่ตอบรับพร้อมกับพยักหน้า เมื่อกลอเรียหายเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยได้พักหนึ่งเคนก็เริ่มขยับตัว

"น้องหละ?" เอ่ยถามหาไจ่ไจ๋ขึ้นมาทันที

"ก็อยู่ในห้องนั่นแหละ" ตอบพร้อมกับเอามือลูบหน้าลูบตาให้น้องชาย

"ชั้นจะเข้าไปหาน้อง" เคนว่าแล้วก็ขยับตัวจะลุกแต่พี่ใหญ่ดึงมือไว้ก่อน

"อย่าเพิ่งเข้าไป ตอนนี้กลอเรียกำลังคุยกับไจ่ไจ๋อยู่" เคนได้ยินก็ชะงักไปก่อนจะยอมนั่งลงตามเดิม

"พี่กับพี่รองปรึกษากันแล้วว่าจะให้ไจ่ไจ๋ไปพักที่คอนโดของกลอเรียซักพัก" เคนได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว

"ทำไมต้องให้ไปพักที่คอนโดของกลอเรียด้วย? น้องควรจะกลับบ้านเพื่อที่ว่า....." เคนตั้งท่าจะแย้งแต่พี่ชายก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

"แล้วน้องมันยอมกลับบ้านกับพวกเรามั๊ยหละ? นายก็เห็นว่าน้องมันยืนกรานหนักแน่นขนาดไหนที่จะไม่ยอมกลับไปกับพวกเราน่ะ" เคนนิ่งไปครู่หนึ่ง

"ถ้าน้องไม่ยอมเราก็ต้องบังคับ เรื่องอะไรจะให้น้องไปอยู่กับคนอื่นแล้วแบบนี้เมื่อไหร่ความจำน้องจะกลับบมาซักทีหละ?" เริ่มโวยวายออกมาอีกครั้ง

"ยิ่งบังคับน้องมันก็ยิ่งมองพวกเราในแง่ร้าย ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปสิ เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนมากนะ คิดถึงจิตใจน้องบ้างสิ" เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

"ก็เพราะคิดถึงจิตใจของมันงัยชั้นถึงได้จะพาน้องกลับบ้าน พวกนายสติยังดีอยู่หรือเปล่าถึงได้จะให้น้องไปอยู่กับคนอื่น!" เคนทำเสียงดังขึ้นมาตามลำดับ

"อย่ามาใช้น้ำเสียงแบบนี้กับพี่นะ! แล้วก็ระวังคำพูดคำจาด้วย!" เจอร์รี่ดุน้องด้วยสีหน้าจริงจัง เคนมองหน้าพี่ชายอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าโต้ตอบ

"ก่อนจะพูดหรือจะทำอะไรน่ะคิดให้มันดีๆซะก่อน! อย่าเอาแต่ใจให้มันมากนัก!" พูดด้วยน้ำเสียงดุๆดังเดิม

"แต่ว่า....." เคนเสียงอ่อยลง

"พี่เองก็อยากให้น้องจำพวกเราได้เร็วๆเหมือนนายนั่นแหละ แต่ตอนนี้เราต้องยอมรับกันนะว่าสำหรับน้องแล้วพวกเราเป็นเหมือนคนแปลกหน้า การที่ต้องไปอาศัยอยู่กับคนแปลกหน้าน่ะมันน่าอึดอัดใจมากขนาดไหนนายรู้ดีไม่ใช่หรอ?" แม้ไม่อยากพูดสะกิดความรู้สึกน้องแต่เขาต้องการให้น้องยอมรับความจริงเสียที แล้วก็ได้ผลเพราะเคนนิ่งเงียบไป

"อย่างน้อยให้น้องค่อยๆทำความรู้จักกับพวกเราไปทีละนิดก่อนแล้วค่อยพาน้องไปที่บ้านมันก็ยังไม่สายไปหรอก" เคนยอมจำนนต่อเหตุผลของพี่ชาย

"แล้วมันจะใช้เวลานานมั๊ย?" ย้อนถามพี่ชายกลับไป เจอร์รี่ลูบหัวน้องอย่างอ่อนโยน

"พี่ตอบนายไม่ได้เหมือนกัน แต่พี่เชื่อว่าในที่สุดเราก็จะได้น้องชายของเราคืนมา" เคนไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่ซบหน้าลงที่ไหล่พี่ชายด้วยความรู้สึกปวดร้าว



- วันต่อมา -

"สวัสดีครับ" เสียงทักทายนั้นทำให้แวนเนสขมวดคิ้วแปลกใจเพราะไม่นึกว่าจะมาเจอไจ่ไจ๋ที่ร้านนี้

"อ้าว! คุณนั่นเอง" ไจ่ไจ๋ยิ้มให้แวนเนสอย่างเป็นมิตรกว่าในสองสามวันแรก

"ทำไมวันนี้มาอยู่นี่ได้?" แวนเนสทักน้องชายกลับไป

"ผมอยู่ที่ห้องมันเบื่อๆไม่มีอะไรทำเลยมาช่วยพี่กลอเรียที่นี่ดีกว่า" ไจ่ไจ๋ตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง หลังออกจากโรงพยาบาลมาแล้วไจ่ไจ๋ก็เริ่มทำใจยอมรับชายหนุ่มแปลกหน้าทั้งสามคนได้มากขึ้นโดยเฉพาะกับแวนเนสที่สามารถพูดคุยกันได้อย่างสนุกสนาน

"คุณเลิกงานแล้วหรอ?" ไจ่ไจ๋ถามแวนเนสต่ออีก

"อืม.....กะจะมาชวนกลอเรียไปกินข้าว แต่นายก็อยู่ด้วย งั้น.....เดี๋ยวไปด้วยกันดีกว่านะ" แวนเนสพูดแบบสบายๆเพื่อให้น้องคุ้นเคยกับเขามากกว่าเดิม

"ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอ" ไจ่ไจ๋ตอบยิ้มๆก่อนจะจัดหนังสือที่ชั้นต่อ

"ไม่เป็นไร เพราะพี่จะชวนมี่เฟิงไปด้วย หรือนายจะชวนหลิงหลิงไปด้วยก็ได้นะ" แวนเนสบอกต่ออย่างใจดี

"วันนี้แฟนผมไม่ว่างหรอก" ตอบกลับมาโดยไม่ได้หันมามองคู่สนทนา

"ว่าแต่จะกินอะไรกันหละ?" แวนเนสหัวเราะเบาๆก่อนจะส่ายหน้า

"ให้นายเลือกงัย" คำตอบนั้นทำให้ไจ่ไจ๋หันกลับมามองคนพูด

"คุณจะพาแฟนไปเดทแต่กลับให้ผมเลือกอาหารหรอ? แบบนี้คุณจะเดทกับผมหรือว่ากับพี่กลอเรียกันแน่?" ถามเป็นเชิงกระเซ้าแวนเนส

"ควงไปทั้งคู่เลยงัย" แวนเนสเองก็พลอยผสมโรงกับน้องชายด้วย

"ตกลงไปนะ เดี๋ยวจะได้โทรไปถามพี่ใหญ่กับพี่กลางด้วยว่าจะไปมั๊ย" พูดจบก็ไม่รอคำตอบรีบหยิบโทรศัพท์มือถือว่ากดเบอร์โทรศัพท์ของพี่ชายทันที

"ผมยังไม่ทันรับปากเลย" ไจ่ไจ๋พึมพำเบาๆแต่อันที่จริงแล้วเขาก็ไม่นึกจะปฏิเสธ

"เจ้าสองคนนั่นโอเค บอกว่ากำลังจะออกจากบริษัทเดี๋ยวคงมาถึง" หลังจากพูดคุยกับพี่ชายแล้วแวนเนสก็หันมารายงานให้ไจ่ไจ๋รู้

"หรอ?" ไจ่ไจ๋ไม่รู้จะพูดอะไรจึงเพียงแต่ตอบรับสั้นๆ

"เดี๋ยวพี่ไปหากลอเรียก่อนนะ" แล้วแวนเนสก็ตัดบทก่อนจะเดินเข้าไปหากลอเรียที่กำลังง่วนอยู่หลังร้าน ปล่อยให้ไจ่ไจ๋จัดชั้นหนังสือต่อไป

"วันนี้ไจ่ไจ๋เขาร่าเริงนะคะ" กลอเรียชวนคนรักคุย

"ครับ ยังแปลกใจเลยที่มาเจอเขาที่นี่" แวนเนสรับคำก่อนจะพูดต่อ

"ค่ะ เมื่อเช้าเขาร้องงอแงจะตามมาให้ได้เห็นบ่นว่าอยู่คนเดียวแล้วเหงา ชั้นสงสารเลยพามาด้วยแต่ก็โดนใช้งานไปหลายยกเหมือนกัน" พูดจบเธอก็หัวเราะเสียงใส

"มีอะไรก็ให้เขาช่วยน่ะดีแล้วคุณจะได้ไม่เหนื่อยมาก" แวนเนสไม่ได้ว่าอะไรแต่สนับสนุนเสียอีก

"เออ....วันนี้เห็นมี่เฟิงเขาลองตะล่อมถามไจ่ไจ๋ถึงเรื่องที่เขาสองคนเคยขับรถชนกันน่ะค่ะ มี่เฟิงถามไจ่ไจ๋ว่าตอนนั้นใครมาเคลียร์เรื่องให้" แวนเนสได้ยินดังนั้นก็มีท่าทีสนใจขึ้นมาทันที

"แล้วไจ่ไจ๋ตอบว่างัยครับ?" ถามต่ออย่างรวดเร็ว

"เขาบอกว่าเป็นเพื่อนรุ่นพี่แถวบ้านสามคนค่ะ" คำตอบนั้นทำให้แวนเนสไม่รู้จะยิ้มหรือจะร้องไห้ดี

"ชั้นว่าเป็นเรื่องที่ดีนะคะเพราะอย่างน้อยเขาก็ยังจำได้ลางๆ" กลอเรียพูดปลอบใจเมื่อเห็นคนรักทำหน้าเหยๆ

"ครับ" แวนเนสได้แต่รับคำแบบขอไปที

"แต่มี่เฟิงก็ไม่ได้เซ้าซี้เขานะคะ แถมยังชวนคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้อีกตั้งเยอะ เห็นนั่งหัวเราะกันอยู่สองคน" กลอเรียเล่าต่อ

"อืม....แบบนั้นก็ดีเพราะผมว่าลึกๆแล้วเขาเองก็คงยังสับสนอยู่ไม่น้อยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น" แวนเนสว่าแล้วก็ถอนหายใจ

"คุณทำอะไรอยู่? ให้ผมช่วยแล้วกัน" ว่าแล้วแวนเนสก็นั่งลงช่วยกลอเรียทำงานที่ค้างอยู่ จนเมื่อผ่านไปครู่หนึ่งไจ่ไจ๋ก็โผล่หน้าเข้ามา

"คุณแวนเนส พี่ชายกับน้องชายคุณมาแล้วครับ" คำบอกกล่าวนั้นเป็นประโยคที่ไม่คุ้นเอาซะเลยโดยเฉพาะเมื่อได้ยินจากปากของน้องเล็ก

"อ้อ! งั้นให้พวกเขามารอกันข้างในสิ" แวนเนสตอบ ผ่านไปเพียงครู่เดียวเจอร์รี่กับเคนก็พากันเดินเข้ามา

"กินอะไรรองท้องก่อนมั๊ย? เดี๋ยวผมไปซื้อให้" ไจ่ไจ๋เอ่ยถามทำตัวราวกับเป็นเจ้าบ้านที่ดี

"เอ่อ.....ไม่ต้องหรอกไจ่ไจ๋ พวกพี่ไม่หิวเท่าไหร่" เจอร์รี่ตอบพร้อมกับยิ้มให้ เขารู้สึกเศร้าเล็กน้อยเพราะทุกครั้งที่น้องเจอหน้าเขามักจะเข้ามากอดมาอ้อนเสมอ

"แต่ผมหิวนี่นา.....แล้วอีกอย่างผมยังไม่ได้เก็บร้านเลย" ไจ่ไจ๋แย้งขึ้นหน้าละห้อย

"งั้นพี่ไปซื้อกับนายแล้วกันนะ" เคนรีบเสนอตัวทันที ไจ่ไจ๋มองคนพูดอย่างลังเลก่อนจะเหลือบตาไปทางกลอเรียอย่างขอความเห็น

"ไปกับเสี้ยวเทียนเถอะจ๊ะ เดี๋ยวตรงนี้มีคนช่วยอีกตั้งสามคน" กลอเรียว่าพร้อมกับพยักหน้าให้

"งั้นก็ได้ เดี๋ยวผมรีบกลับมาช่วยนะ!" ว่าแล้วก็หันไปสบตากับเคน

"ไป....จะเดินไปหรือจะเอารถไปดีหละ?" เคนถามไจ่ไจ๋เพราะกลัวน้องจะเดินแล้วเหนื่อย

"เดินไปก็ได้ครับ แค่นี้เอง" ไจ่ไจ๋ตอบแล้วเดินนำออกไปก่อน เคนเหลียวกลับมามองพี่น้องก่อนจะเดินตามน้องออกไป

"ไก่ทอดมั๊ย?" เคนถามขึ้นเมื่อเดินมาถึงร้านขายไก่ทอด

"คุณรู้ได้ยังงัยว่าผมชอบกินไก่ทอด?" ไจ่ไจ๋ย้อนถามอย่างแปลกใจ

"เพราะพี่เป็นพี่นายงัยหละ" เคนตอบยิ้มๆก่อนจะหันไปสั่งไก่ทอดของโปรดน้องชายอย่างคุ้นเคย

"ทุกครั้งที่พวกพี่สามคนไปข้างนอกแล้วเจอไก่ทอดของโปรดนายก็อดกันไม่ได้ที่จะต้องซื้อติดมือกลับไปฝากนายที่บ้าน" เคนพูดให้น้องฟัง

"ผมชอบไก่ทอดก็จริงแต่ไม่ถึงขนาดต้องได้กินทุกวันหรอก" ไจ่ไจ๋แย้งขึ้นมา

"พี่รู้ เพราะพวกพี่เองก็ไม่ให้นายกินติดกันทุกวันหรอก" เคนว่าแล้วก็ควักเงินจ่ายก่อนจะรับถุงไก่ทอดมาส่งให้น้อง

"เดี๋ยวกลับไปที่ร้านแล้วผมจ่ายคืนให้นะ" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็หยิบน่องไก่ขึ้นมากัดกินเพราะเริ่มหิวแล้ว เคนมองท่าทางของน้องชายก่อนจะยิ้มอย่างเอ็นดู

"ไม่ต้องหรอก อันนี้พี่เลี้ยงนายเอง" เคนว่าแล้วก็เอื้อมมือไปจะขยี้หัวน้องแต่ไจ่ไจ๋กลับเอียงหัวหลบ

"ผมไม่ชอบให้ใครเล่นหัว" พูดเสียงห้วนเล็กน้อย ทำให้เคนหน้าเจื่อนลง

"ขอโทษทีพี่ลืมตัวไปหน่อย" เคนยิ้มเก้อก่อนจะตัดบท

"เดี๋ยวแวะซื้อขนมปังร้านข้างหน้าไปฝากคนอื่นๆดีกว่า" ว่าแล้วก็เป็นฝ่ายออกเดินนำหน้าน้องชายด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก




 

Create Date : 30 มีนาคม 2552    
Last Update : 30 มีนาคม 2552 23:03:55 น.
Counter : 955 Pageviews.  

Chapter 68

ตอนที่ 68

"พี่กลาง.....พี่กลางครับ....." ไจ่ไจ๋ร้องเรียกเมื่อเห็นพี่ชายกลับเข้าบ้านมาอีกครั้ง

"พีพี! ถางถาง!" อุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นเจ้าแมวน้องทั้งสองอยู่ในตระกร้าที่พี่ชายหิ้วเข้ามาด้วย เจอร์รี่เองก็มองน้องชายอย่างแปลกใจเช่นกัน

"พี่ไปเจอพวกมันได้ยังงัย?" ไจ่ไจ๋สอบถามพี่ชายต่อ แต่เคนกลับมองน้องชายด้วยท่าทางเย็นชา

"ผม....ผมขอโทษครับ...." เมื่อเห็นสายตาของพี่ชายไจ่ไจ๋ก็รู้สึกกลัวจับใจและพอจะเดาออกได้ว่าพี่ชายรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เคนเม้มปากก่อนจะเดินผ่านไปอย่างไม่สนใจคำพูดของน้องชาย ในตอนนั้นเจอร์รี่ก็ลุกขึ้นไปขวางหน้าเคน

"เดี๋ยว! คุยกันก่อนได้มั๊ย?" พูดเป็นเชิงขอร้องเพราะเขาเองก็อยากจะเคลียร์เรื่องนี้ให้จบโดยเร็ว

"ไม่! ชั้นไม่อยากเห็นหน้าพวกนายสองคน" พูดจบก็หิ้วตระกร้าที่มีเจ้าแมวน้อยทั้งสองตัวส่งเสียงร้องอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวขึ้นห้องส่วนตัวไปทันที ไจ่ไจ๋ได้ยินเข้าดังนั้นก็ถึงกับน้ำตาร่วง

"พี่ใหญ่ครับ....พี่กลางคงโกรธมากแน่ๆ" พูดจบไจ่ไจ๋ก็ร้องไห้ออกมาอีก ในตอนนั้นแวนเนสก็เดินตามเข้าเป็นจังหวะเดียวกันกับเสียงโทรศัพท์มือถือของเจอร์รี่ดังขึ้น

"สวัสดีครับ" เจอร์รี่รับสายแล้วพูดทักทายเมื่อได้ยินเสียงฝ่ายคู่สนทนาเจอร์รี่ก็มีสีหน้าขรึมลงก่อนจะรับฟังคำอธิบายนั้นอย่างตั้งใจ

"เข้าใจแล้วครับ ขอโทษอีกครั้งที่ทำให้เดือดร้อน แล้วก็ขอบคุณมากสำหรับการช่วยเหลือ" หลังจากรับฟังลำดับเรื่องราวทั้งหมดจากเจ้าหน้าที่ของคลีนิกรับฝากสัตว์เลี้ยงจนจบแล้วเจอร์รี่ก็เอ่ยคำขอโทษออกมาก่อนจะวางสาย

"ไจ่ไจ๋....วันนี้อย่าเพิ่งไปเซ้าซี้อะไรพี่กลาง แล้วนายก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก ขึ้นห้องไปได้แล้ว" พูดกับน้องเล็กด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

"แต่ว่าพี่กลาง....." ไจ่ไจ๋พูดเสียงสั่นเครือ

"รอไว้อารมณ์เขาเย็นลงกว่านี้แล้วค่อยหาทางไปขอโทษอีกที" พูดจบก็เช็ดน้ำตาให้น้องแล้วพยักหน้าให้ น้องเล็กไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่หมุนตัวขึ้นห้องไปแต่โดยดี

"ชั้นซาบซึ้งกับความเป็นพี่ชายของนายจริงๆ กับน้องคนนึงจ้องแต่หาทางจะแก้แค้นแต่กับน้องชายอีกคนนึงกลับปกป้องอย่างไม่มีข้อแม้" แวนเนสเอ่ยปากขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่เมื่อเห็นพี่ชายยังโอ๋น้องเล็กอย่างเช่นทุกครั้ง

"ระวังคำพูดหน่อยนะแวนเนส" เจอร์รี่หน้าขรึมลงดังเดิม

"สิ่งที่ชั้นพูดมันเป็นเรื่องโกหกอย่างนั้นหรอ?" แวนเนสย้อนคำพี่ชายอย่างเหลือทน

"ชั้นรู้อะไรมากกว่าที่นายคิดซะอีก! ชั้นรู้ตั้งแต่วันที่พวกนายวางแผนกันทำเรื่องบ้าๆนี่ด้วยซ้ำ!" แวนเนสเสียงแข็งขึ้นตามลำดับ พี่ใหญ่ได้ยินก็อึ้งไปครู่หนึ่ง

"นายก็เลยทำเรื่องบ้าๆแบบนี้โต้ตอบกลับมา? รู้หรือเปล่าว่าวันนี้นายก่อเรื่องยุ่งขนาดไหน?" พูดกับน้องชายด้วยน้ำเสียงค่อนข้างซีเรียส

"นายไม่มีสิทธิมาต่อว่าชั้น! ถ้าพวกนายไม่คิดแผนแก้แค้นอะไรบ้าๆนั่นเรื่องวันนี้มันก็คงไม่เกิดขึ้น!" แวนเนสขึ้นเสียงกับพี่ชายบ้าง

"ชั้นไม่คิดเลยว่าพวกนายสองคนจะใจร้ายกับเสี้ยวเทียนได้ถึงขนาดนี้!" เจอร์รี่นิ่งอึ้งไปเพราะเขาไม่สามารถหาข้อแก้ตัวใดๆได้เลย แม้ว่าเขาเองจะไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเรื่องขึ้นแต่พูดไปก็คงไม่มีเหตุผลพอ

"นายเป็นพี่ชายแบบไหนกัน? สนองความต้องการของน้องชายคนโปรดทุกอย่างแม้กระทั่งการทำร้ายจิตใจของน้องชายอีกคนนายก็สามารถทำได้หน้าตาเฉย!" ทุกคำพูดของน้องทำเอาพี่ใหญ่จุกจนพูดไม่ออก

"รู้หรือเปล่าว่าตอนนี้สภาพจิตใจของเสี้ยวเทียนมันแย่ขนาดไหน?" แวนเนสพูดออกมาด้วยอารมณ์ที่สะกดไว้ไม่อยู่

"แล้วนายคิดว่าชั้นสะใจหรอที่เห็นน้องมันเป็นแบบนั้น?" เจอร์รี่ย้อนถามด้วยสีหน้าเจ็บปวด

"ใครจะรู้? ลึกๆแล้วนายอาจจะรู้สึกแบบนั้นก็ได้" แวนเนสตอกกลับทันควัน ทุกคำพูดของน้องตอนนี้สะกิดความรู้สึกของพี่ใหญ่ยิ่งนัก

"นายจะเชื่อยังงัยชั้นก็ห้ามไม่ได้อยู่แล้ว" พูดจบเจอร์รี่ก็หันหลังให้น้องเพราะรู้สึกเหมือนดวงตาของเขาเริ่มเปียกชื้น แวนเนสนิ่งไปเมื่อเห็นท่าทางของพี่ชายจากนั้นเขาก็เดินขึ้นบันไดไปเงียบๆโดยไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย จนเมื่อขึ้นมาถึงข้างบนเขาก็เห็นน้องชายคนเล็กยืนอยู่หน้าห้องเคนด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

"พี่รอง.....ช่วยผมที....." เมื่อเห็นหน้าแวนเนสน้องเล็กก็เอ่ยปากขอร้อง

"พี่กลางเขาไม่ยอมพูดกับผมเลยซักคำ ผมแค่อยากขอโทษ" ไจ่ไจ๋พูดต่อพร้อมกับหยดน้ำตาที่ซึมออกมาอีก

"สิ่งที่นายทำวันนี้กับคำว่าขอโทษมันทดแทนกันไม่ได้หรอก อย่าพยายามอีกเลย" แวนเนสพูดกับน้องด้วยสีหน้าเฉยชาก่อนจะเคาะประตูห้องเคน

"เสี้ยวเทียน! ชั้นเอง" เพียงครู่เดียวบานประตูก็ถูกเปิดออก

"ให้ชั้นเข้าไปนะ" แวนเนสว่าแล้วก็แทรกตัวเข้าไปในห้องเคนก่อนจะปิดประตูลงโดยไม่สนใจน้องชายคนเล็กที่ยืนเคว้งคว้างอยู่ด้านนอก

"เอาพวกมันมานอนบนเตียงแบบนี้ไม่เป็นไรหรอ?" แวนเนสถามเคนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนผิดกับเมื่อกี้เป็นคนละคน

"ไม่เป็นไรหรอก ชั้นอยากจะขอโทษพวกมันที่ชั้นดูแลพวกมันได้ไม่ดีพอ" เคนตอบแล้วลูบตัวเจ้าแมวน้อยของเขาอย่างรักใคร่

"พวกมันไม่โทษนายหรอก" แวนเนสพูดปลอบใจแล้วตบไหล่น้องเบาๆ

"แวนเนส ช่วงนี้นายงานยุ่งมั๊ย?" จู่ๆเคนก็ถามพี่ชายขึ้นมา

"ไม่หรอก ช่วงนี้ยังไม่มีงาน มีอีกทีก็ต้นเดือนหน้าเลย" แวนเนสตอบก่อนจะย้อนถามน้อง

"ทำไม? จะชวนพี่รองไปเที่ยวไหนหละ?" เคนยิ้มบางๆให้พี่ชาย

"ก็กะว่าจะชวนไปพักผ่อนไกลๆซักพัก ตอนนี้ชั้นรู้สึกแย่จัง" เคนบอกพี่ชายตรงๆ

"ได้สิ ว่าแต่นายอยากไปไหนหละ?" แวนเนสตอบรับแบบไม่ต้องคิด

"ชั้นเองก็ยังไม่รู้ อยากไปมันเรื่อยๆค่ำไหนนอนนั่น ไม่ต้องมีจุดหมาย" พูดจบก็ถอนหายใจ

"น่าสนุกดีนะ" แวนเนสทำเสียงร่าเริง

"งั้นเราต้องเอาเต็นท์ เอาถุงนอน เอาเสบียงไปเยอะๆ" เคนหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อได้ยินพี่ชายว่าเช่นนั้น

"นี่นายกะจะไปบุกน้ำลุยไฟที่ไหนกัน?" แซวพี่ชายอย่างขำๆ

"อ้าว! ก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อนสิ เผื่อว่าเราเดินทางไปเรื่อยๆแล้วหลงทิศหลงทางจะได้ไม่อดตายงัย" แวนเนสพูดยิ้มๆ

"ใครจะรู้ถ้าเราหลงทางเราอาจจะไปเจอบ้านขนมปังในป่าก็ได้" เคนพูดเล่นกับพี่ชาย

"อืม.....ถ้าแบบนั้นชั้นต้องเอากล้องไปด้วยเผื่อเราสองคนโดนแม่มดจับกินตำรวจจะได้ออกหมายจับยายแม่มดได้" แวนเนสได้ทีพูดผสมโรงกับน้องชาย

"ไม่หรอก ถ้าเจอแม่มดชั้นจะจีบมาเป็นแฟนแล้วขอให้สอนเวทย์มนต์ให้ชั้นบ้าง" เคนแย้งคำของพี่ชาย แวนเนสแกล้งทำตาโต

"เอางั้นเลยหรอ? ถ้าอย่างนั้น.....ชั้นว่านะเวทย์มนต์แรกที่นายสามารถทำได้โดยที่ยายแม่มดไม่มีทางขัดขืนนั่นก็คือการเสกเด็กเข้าท้องยายแม่มดแหงๆ ฮ่าๆๆๆ!!!" พูดจบแวนเนสก็หัวเราะร่า

"ไอ้บ้า! คิดแต่เรื่องอะไรแบบนี้ทุกที!" เคนแหวใส่ก่อนจะผลักหัวพี่ชายอย่างหมั่นไส้

"อ้าว! หรือจะเถียงว่าไม่จริง?" แวนเนสยังคงแซวน้องชายต่อ เคนค้อนใส่ก่อนจะขยับเข้าไปลูบตัวเจ้าถางถางเล่น

"ถ้ามีเวทย์มนต์จริงๆนายอยากจะเสกอะไรหละ?" เงียบไปพักหนึ่งแวนเนสก็ถามน้องต่ออีก

"เสกให้ตัวเองหายไป" เคนตอบด้วยสีหน้าเศร้าลง คำตอบนั้นทำเอาแวนเนสสะอึก

"โง่จริง! เรื่องอะไรจะเสกให้ตัวเองหายไปหละ นายต้องเสกให้คนทั้งโลกหายไปให้หมดน่ะถึงจะดี คิดดูสิถ้าทั้งโลกมีนายคนเดียวไม่ว่าจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น เดินเข้าร้านขายของหยิบอะไรออกมาโดยไม่ต้องจ่ายเงิน เข้าไปในห้างจะเล่นอะไรก็ไม่มีพนักงานมาป้วนเปี้ยนกวนใจ แถมบนถนนจะแก้ผ้าเดินก็ไม่มีใครว่าอีกต่างหาก" แวนเนสยังพยายามทำเสียงร่าเริง ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะเคนยิ้มออกมาได้

"ติ๊งต๊อง!" ผลักหัวพี่ชายพร้อมกับต่อว่าอีกครั้ง

"ฮึ! แต่นายก็เห็นด้วยใช่มั๊ย?" แวนเนสพูดอย่างรู้ทันน้องชาย แล้วสองพี่น้องก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน



- วันรุ่งขึ้น -

"ชั้นไปหากลอเรียนะ ไว้บ่ายๆค่อยเจอกัน" เคนตื่นขึ้นมาก็พบกระดาษโน๊ตมีลายมือแวนเนสเขียนทิ้งไว้ให้เขาอยู่ที่หัวเตียง

"ฮึ! แล้วบอกจะไปเที่ยวด้วยกัน หนีไปหาแฟนซะนั่น" เคนบ่นอุบก่อนส่ายหน้าไปมาแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวพาดบ่าเดินเข้าไปอาบน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จเคนก็นั่งเอ้อระเหยรอเวลาให้สายหน่อยจึงค่อยลงไปข้างล่างเพราะเขากะว่าพี่ชายคนโตคงชวนน้องชายออกจากบ้านไปด้วยกันแล้ว อันที่จริงเขาเองก็ไม่ได้โกรธอะไรมากมายเพียงแต่ยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้ากับพี่น้องทั้งสองในตอนนี้เท่านั้นเพราะเขายังรู้สึกเจ็บกับการที่พี่น้องเอาความรู้สึกของเขามาล้อเล่น

"เสี้ยวเทียน ตื่นแล้วหรอ?" ทันทีที่เขาเดินลงบันไดขั้นสุดท้ายเสียงพี่ชายคนโตก็เอ่ยทักทาย เคนชะงักไปก่อนจะเหลือบไปมองนาฬิกาเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

"เช้านี้ชั้นทำโจ๊กไว้ให้ กินซักหน่อยสิ" พูดต่อพร้อมกับส่งยิ้มให้น้องชาย เคนเบือนหน้าหนีไปอีกทางก่อนจะหมุนตัวกลับจะขึ้นห้องแต่ก็โดนพี่ชายดึงตัวไว้ก่อน

"คุยกันหน่อยได้หรือเปล่า? ชั้นอยากจะขอโทษนายแล้วก็อยากอธิบายเรื่องทั้งหมด" พูดขอร้องน้องชาย

"ปล่อย!" เคนทำเสียงแข็งใส่พี่ชาย

"ไม่คุยก็ได้ แต่นายไปกินโจ๊กก่อนนะ หรือนายอยากกินอย่างอื่นก็บอกชั้นจะไปซื้อให้" เจอร์รี่พูดกับน้องอย่างนุ่มนวล

"ชั้นต้องการอย่างเดียว" เคนมองพี่ชายด้วยสายตาเย็นชา

"อย่ามายุ่งกับชั้น!" เจอร์รี่หน้าเศร้าลงเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว

"ชั้นไม่อยากเห็นหน้านาย!" พูดจบก็หมุนตัวกลับขึ้นห้องปล่อยให้พี่ชายได้แต่ยืนนิ่งกับคำพูดทิ้งท้ายนั้น เจอร์รี่ไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่เพราะมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงน้องเล็ก

"พี่ใหญ่ครับ พี่กลางลงมาหรือยัง? นี่....ผมซื้อของโปรดพี่กลางมาด้วย" ไจ่ไจ๋ว่าพร้อมกับยกถุงอาหารที่เขาเพิ่งไปซื้อมาให้พี่ชายดู เจอร์รี่ยิ้มบางๆแล้วตบไหล่น้องชายเบาๆ

"ไจ่ไจ๋.....พี่ว่าวันนี้เราอย่าพยายามเลย ปล่อยให้พี่กลางเขาสงบสติอารมณ์ต่ออีกหน่อยดีกว่า" บอกน้องชายเป็นนัยๆ

"พี่เจอพี่กลางแล้วหรอ?" ไจ่ไจ๋ย้อนถามอย่างพอจะรู้ เจอร์รี่พยักหน้ารับอย่างไม่ปิดบัง

"พี่กลางยังโกรธใช่มั๊ย?" พี่ใหญ่ได้แต่พยักหน้าซ้ำอีกแทนคำตอบ

"แย่จัง" น้องเล็กคอตกอย่างผิดหวังเพราะเขานึกว่าข้ามคืนมาเคนน่าจะปริปากพูดอะไรบ้างแม้เป็นการด่าว่าเขาก็ยังดี

"พี่รองหละครับ?" หันไปถามหาพี่ชายอีกคนแทน

"พี่เห็นออกไปข้างนอกแต่เช้าแล้ว" เจอร์รี่ตอบแล้วจูงมือน้องเล็กมานั่งที่โซฟา

"ทำงานหรอ?" ไจ่ไจ๋ถามต่อ แต่พี่ชายส่ายหน้า

"ไม่หรอก เพราะเสี่ยวจือไม่ได้มารับ" พูดจบก็ถอนหายใจ

"แต่พี่ก็ไม่รู้ว่าไปไหนเพราะพี่ถามแล้วเขาไม่ตอบ" น้องเล็กหน้าเศร้าลงยิ่งกว่าเดิม

"ผมให้พี่ใหญ่ต้องเดือดร้อนด้วย พี่รองก็พลอยโกรธพี่ใหญ่ไปด้วย" พูดเสียงสั่นเครือคล้ายจะร้องไห้ พี่ใหญ่เอามือลูบหัวน้องชาย

"ไม่หรอก พี่เองก็ผิดด้วยไม่ใช่นายคนเดียวซักหน่อย" เจอร์รี่ปลอบโยนน้องชาย

"ถ้าไม่ใช่เพราะความเห็นแก่ตัวและเอาแต่ใจของผมเรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น ผมนี่แย่ที่สุด" แล้วน้องเล็กก็ร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่ได้

"นายเองก็ทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คึกคะนองไปตามอารมณ์เท่านั้น เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้จำไว้เป็นบทเรียนแล้วกัน" โน้มหัวน้องชายมาซบที่ไหล่ตัวเอง

"เป็นบทเรียนราคาแพงที่ผมจะจำมันไปตลอดชีวิตเลย......" ไจ่ไจ๋พูดเป็นเสียงสะอื้น

"จะจำไว้ว่าครั้งนึงผมเคยทำร้ายจิตใจพี่ชายตัวเองขนาดไหน" พี่ใหญ่มองน้องชายอย่างสงสารแต่ก็ไม่รู้ว่าจะปลอบยังงัยเพราะตอนนี้เขาเองก็รู้สึกแย่ไม่แพ้กัน ลำพังเพียงรับมือกับอารมณ์ของน้องชายคนกลางคนเดียวก็ถือเป็นงานใหญ่แล้วแต่นี่น้องชายคนรองก็กลับทำตัวต่อต้านเขาอย่างเห็นได้ชัดด้วยยิ่งทำให้เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเต็มที

"ไม่เอาน่าไจ่ไจ๋" เมื่อน้องชายยังคงร้องไห้อยู่เจอร์รี่ก็เปลี่ยนโทนเสียงให้ฟังดูสบายขึ้น

"แทนที่เราจะมานั่งกังวลว่าเมื่อไหร่พี่กลางเขาจะยอมพูดคุยกับเราทำไมเราถึงไม่มานั่งหาวิธีง้อพี่กลางกันหละ?" พูดเหมือนชวนให้น้องคิดอย่างอื่นนอกจากเอาแต่โทาตัวเอง ไจ่ไจ๋ได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มนิ่งแล้วค่อนข้างเห็นด้วยกับพี่ชาย

"นั่นสินะ.....ทำไมผมโง่แบบนี้นะ" น้องเล็กว่าพร้อมกับเอามือเช็ดหน้าเช็ดตาตัวเอง

"พี่กลางเขาชอบกินอะไรนะพี่ใหญ่?" แล้วก็เอ่ยถามพี่ชายออกมาอีก

"เอ....พี่ว่าเขาก็ชอบทุกอย่างนะไม่เคยเห็นเขาเลือกกินซักที" เจอร์รี่ตอบคำถามนั้น

"งั้นหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นเรื่องอาหารคงต้องผ่านไปก่อนเพราะไม่ว่าอะไรพี่กลางก็รู้สึกเหมือนๆกัน" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ทำหน้าครุ่นคิดอีก

"แล้วพี่กลางเขาชอบสะสมอะไร?" ไจ่ไจ๋ตั้งคำถามกับพี่ชายต่อ

"อืม....สงสัยคงจะเป็นไขมันหละมั้ง?" พี่ใหญ่ตอบแบบติดตลกเพื่อทำให้บรรยากาศดีขึ้น

"หึๆๆๆ นี่ถ้าพี่กลางมาได้ยินรับรองได้เลยว่าพี่เขาต้องหน้าคว่ำแหงๆ" น้องเล็กว่าพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

"พี่ว่าเวลาเจ้าพี่กลางทำหน้างอหน้ามันคล้ายๆหมีเลยเนอะ" พี่ใหญ่พูดต่อยิ้มๆ ทำให้น้องเล็กหัวเราะออกมาอีก

"พี่ใหญ่รู้มั๊ยเวลาที่พี่กลางโกรธผมชอบให้พี่เขาด่ามากกว่า เพราะถ้าพี่เขาเงียบผมกลัวว่าพี่เขาจะคิดทำในสิ่งที่ผมกลัว" พี่ใหญ่ถอนหายใจก่อนจะโอบไหล่น้องชาย

"พี่ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน" พูดพึมพำออกมาเบาๆ จากนั้นบรรยากาศก็มีแต่ความเงียบ



- เวลาต่อมา -

"เสี้ยวเทียน! ชั้นกลับมาแล้ว!" แวนเนสโผล่หน้าเข้ามาทักทายเคนอย่างร่าเริง

"มีความสุขเหลือเกินนะ" เคนพูดแขวะพี่ชาย

"แน่นอน คนมีแฟนแล้วได้เจอหน้าแฟนทำไมจะไม่มีความสุขหละ" แวนเนสตอบรับหน้าตาเฉย

"เป็นอะไร? ทำหน้าอย่างกับถ่ายไม่ออกอย่างนั้นแหละ" เมื่อเห็นน้องไม่ขำด้วยก็เอ่ยถามออกมาอีก

"ทำไมวันนี้พวกมันสองคนถึงได้อยู่บ้าน?" เคนถามกลับไป

"อ้าว! ชั้นจะไปรู้มันหรอ? ไม่ได้คุยอะไรกับพวกมันด้วย" แวนเนสตอบแบบไม่ต้องคิด

"สงสัยก็คงอยากง้อนายหละมั้ง?" แล้วก็พูดตามความอย่างที่เห็น

"ชั้นไม่มีอารมณ์ไปนั่งให้พวกมันง้อหรอก! แล้วนายน่ะบอกว่าจะไปเที่ยวกับชั้นยังไม่เตรียมตัวอีก!" หันมาพาลเอากับแวนเนสแทน

"อะไรวะ? คนเค้าอุตส่าห์ไปซื้อเสบียงมาให้ยังจะมาว่าอีก" แวนเนสบ่นอุบ

"ทำไมไม่รอไปซื้อด้วยกันหละ?" เคนตวัดเสียงใส่พี่ชายอีก

"ก็ไหนๆชั้นก็ออกไปข้างนอกแล้วก็เลยซื้อมาทีเดียว เอ้าๆๆๆ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเดี๋ยวแวะซื้ออีกครั้งก็ได้" แวนเนสยอมตามใจน้อง

"ไม่เอาแล้ว! กว่าจะเตรียมของเสร็จก็เย็นพอดี คืนนี้คงไม่ได้ไปไหนไกลจากแถวนี้แหงๆ" เคนยังทำหน้างอเหมือนเดิม

"วันนี้ไม่ทันไปพรุ่งนี้ก็ได้ แล้วคืนนี้เรามาดื่มกัน ชั้นซื้อเบียร์มาเยอะเลย" แวนเนสว่าแล้วก็สังเกตสีหน้าของน้องชายเพราะเขารู้ดีว่าน้องต้องยอมตามนั้นแน่นอน

"แล้วเอาไปแช่เย็นหรือยังหละ? รู้เปล่าว่าวันนี้ชั้นยังไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน" เคนพูดเสียงอ่อนลง

"อ้าว! แล้วทำไมไม่กินหละ?" แวนเนสย้อนถามพลางส่ายหน้าแล้วยื่นถุงขนมที่เขาถือติดมือขึ้นมาให้น้อง

"ก็ชั้นไม่อยากลงไปข้างล่าง" เคนตอบแล้วรับถุงขนมมาแกะกิน

"นี่นายเหม็นขี้หน้าพวกมันสองคนมากเลยหรอ?" แวนเนสถามด้วยน้ำเสียงกึ่งจริงกึ่งเล่น

"เปล่า.....แต่ยังไม่อยากเห็นหน้าพวกมันตอนนี้" เคนตอบแล้วกลืนขนมลงคอ แวนเนสมองน้องชายอย่างเข้าใจก่อนจะพยักหน้า

"ก็ดี บางทีไม่เห็นหน้ากันนานๆอาจจะคิดถึงกันบ้างก็ได้" เคนไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่หยิบขนมกินต่อเท่านั้น

"งั้นเดี๋ยวชั้นลงไปหาอะไรขึ้นมาให้กินแล้วกัน จะเอาอะไรอีกหรือเปล่า?" แวนเนสบริการน้องชายเต็มที่

"เอากับแกล้มแล้วก็เบียร์ขึ้นมาก็พอ" เคนตอบหน้าตาเฉย

"เดี๋ยวก็ซัดให้ซักเปรี้ยงหรอก! ข้าวปลาไม่กินถามหาแต่เบียร์!" ทำท่าเงื้อนง้าใส่น้องชาย

"ก็นายซื้อมาแต่เบียร์ไม่ใช่หรอ?" เคนว่าพลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แวนเนสเลยอึ้งไปเล็กน้อยเพราะที่น้องพูดก็จริง

"รออยู่นี่แหละ! เดี๋ยวชั้นจัดการเอง" ว่าแล้วก็ส่ายหน้าก่อนจะเปิดประตูเดินออกไป เคนมองตามพี่ชายยิ้มๆก่อนจะเอนตัวนอนเล่นบนเตียง เพียงครู่เดียวประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง

"ทำไมมาเร็วจัง" เคนเอ่ยออกไปโดยไม่ได้หันไปมอง จนเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบจึงค่อยเหลียวไปมอง

"พี่กลางครับ" ไจ่ไจ๋เรียกพี่ชายเบาๆก่อนจะเดินเข้ามาหา

"ออกไป!" เคนทำเสียงห้วน

"ผมรู้ว่าพี่ยังโกรธ ผมแค่อยากจะขอโทษ" น้องเล็กพยายามขอโทษพี่ชาย

"ผมคิดจะเอาเจ้าพีพีกับถางถางไปซ่อนจริงแต่ก็จะเปลี่ยนใจตอน....." ไจ่ไจ๋ยังพูดไม่จบเคนก็พูดย้ำอีกครั้ง

"บอกให้ออกไป!" เคนทำเสียงเข้มขึ้นตามลำดับ แต่ไจ่ไจ๋ไม่ได้ขยับ

"ผมยินดีทำทุกอย่างเพื่อให้พี่หายโกรธ จะให้ผมบุกน้ำลุยไฟผมก็จะทำ" น้ำเสียงที่พูดเริ่มสั่นเพราะเขากลัวท่าทางเย็นชายของพี่ชาย

"จะให้เชื่อหรอ? แค่บอกให้ออกไปนายยังไม่ทำเลย" เคนว่าพร้อมกับจ้องหน้าน้องชายตาเขม็ง ไจ่ไจ๋ได้ยินเช่นนั้นก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เขาไม่อยากให้พี่ชายทำตัวห่างเหินกับเขาแบบนี้เลย เขาอยากให้พี่ชายด่าว่าเขาหรือตีเขาก็ยังดีกว่าการทำตัวเฉยชาเช่นนี้

"พี่กลางครับ....." ไจ่ไจ๋ครางเบาๆ เคนเม้มปากก่อนจะลุกขึ้นมาฉุดแขนน้องชายแล้วผลักไสออกจากห้องเพราะน้ำตาของน้องทำให้เขายิ่งเจ็บ

"นายมันถูกตามใจจนเคยตัว! ทำอะไรไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของคนอื่น! เอาตัวเองเป็นใหญ่! เอาแต่ความพอใจของตัวเองเป็นหลัก!" เคนด่าว่าน้องชายเสียงดัง

"แล้วอย่าคิดนะว่าแค่คำว่าขอโทษมันก็ลบล้างทุกอย่างได้หมด! มันเรียกความรู้สึกที่เสียไปกลับคืนมาไม่ได้หรอก!" คำพูดนั้นทำให้ไจ่ไจ๋ร้องไห้โฮด้วยความตกใจ

"ไปให้พ้น!" ตะคอกใส่หน้าน้องชายซ้ำอีก

"พี่กลาง! พี่จะด่าผมยังงัยก็ได้แต่ขออย่างเดียวอย่าเกลียดผมเลย....." ไจ่ไจ๋ยื้อยุดแขนพี่ชายพร้อมกับอ้อนวอนขอร้อง

"ปล่อย!" เคนสะบัดมือน้องชายออกอย่างแรง น้องเล็กมองพี่ชายด้วยสายตาเจ็บปวด

"แล้วอย่ามาให้ชั้นเห็นหน้าอีก!" ชี้หน้าน้องชายก่อนจะเค้นคำพูดออกมาอย่างยากลำบาก เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องทำร้ายทั้งตัวเองและน้องชายขนาดนี้ พูดจบเคนก็หมุนตัวกลับเข้าห้องแต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองร่างน้องชายที่หมุนตัวกลับเพื่อจะเดินลงบันไดไปเช่นกัน เขาถอนหายใจก่อนจะเอามือลูบหน้าตัวเองแต่แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อยินเสียงโครมครามดังไล่หลังตามมา เขารีบเดินออกมานอกห้องแล้วก็ได้เห็นร่างน้องชายพลัดตกบันไดลงไปฟุบอยู่ด้านล่าง

"ไจ่ไจ๋!!!!" เคนร้องเรียกน้องชายแล้ววิ่งถลาเข้าไปหาร่างของน้อง โดยที่เจอร์รี่และแวนเนสก็วิ่งหน้าตื่นมาพร้อมๆกัน

"ไจ่ไจ๋! นายอย่าเป็นอะไรนะ! ไจ่ไจ๋! ลืมตามองพี่สิ!" เคนประคองร่างน้องชายแล้วตบที่แก้มเบาๆ

"เกิดอะไรขึ้นเสี้ยวเทียน?" เจอร์รี่ละล่ำละลักถามด้วยท่าทางตกใจไม่แพ้กัน

"น้องตกบันไดแล้วก็นิ่งไป ชั้นเรียกเท่าไหร่น้องก็ไม่ตอบ" เคนตอบแล้วเขย่าตัวน้องชายแต่ร่างนั้นยังคงหลับตานิ่งไม่ตอบสนอง

"ชั้นจะเอารถออก! เราต้องพาน้องไปโรงพยาบาล!" แวนเนสว่าแล้วก็รีบวิ่งไปหยิบกุญแจรถ

"นายสองคนพาน้องออกมาเร็ว!" ตะโกนบอกกล่าวกับพี่น้องทั้งสองคนก่อนจะวิ่งหายออกไปสตาร์ทรถ

"ชั้นอุ้มน้องเอง" เคนพูดเสียงสั่นน้ำตานองหน้าแล้วพยายามจะอุ้มร่างน้องขึ้นมาแต่ตัวเขากลับไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่เลย

"ชั้นเอง" เจอร์รี่เห็นดังนั้นก็เสนอตัว แต่เคนยังคงส่ายหน้าแล้วพยายามอุ้มน้องอีกครั้งแต่เขาก็ทำไม่ได้

"เสี้ยวเทียน ให้ชั้นอุ้มน้องเอง น้องต้องรีบไปหาหมอนะ" เจอร์รี่พูดอย่างพยายามระงับสติอารมณ์ก่อนจะช้อนร่างน้องเล็กขึ้นมาแล้วรีบพาออกไปขึ้นรถ

"ชั้นโทรเรียกรถพยาบาลแล้ว อาจจะเจอกันระหว่างทางแบบนั้นน่าจะดีกว่า" แวนเนสบอกกับพี่ชายด้วยสีหน้ามีแวววิตกกังวลไม่น้อยไปกว่ากันแต่เขาก็ยังคงควบคุมตัวเองได้

"ดีแล้ว!" เจอร์รี่ว่าแล้วก็รีบขึ้นรถก่อนจะตะโกนเรียกเคน

"เสี้ยวเทียน! ขึ้นรถเร็วเข้า!" เรียกน้องชายอีกคนที่วิ่งตามมา เคนขยับขึ้นไปนั่งบนรถแล้วประคองร่างน้องชายไว้ในอ้อมกอด แวนเนสเองก็รีบเปิดไฟฉุกเฉินและออกรถทันที

"ไจ่ไจ๋....พี่ขอโทษ.....นายอย่าทำแบบนี้สิ....." เคนร้องไห้เรียกน้องชายซ้ำไปซ้ำมาตลอดทาง พี่ชายทั้งสองคนเองก็พูดอะไรไม่ออกเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเร็วมากจนไม่อยากเชื่อว่าเป็นความจริง

"รถพยาบาลมาตรงนั้นใช่หรือเปล่า?" เจอร์รี่ชี้ให้แวนเนสดู ตอนนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเมื่อรับสายก็รู้ว่าเป็นรถพยาบาลที่แวนเนสเรียกมารับน้องชายจริงๆ เขาจึงหักพวงมาลัยเข้าข้างทางแล้ววิ่งไปติดต่ออย่างไม่รอช้า

"คนเจ็บอยู่ไหนครับ?" เจ้าหน้าที่ถาม เจอร์รี่รีบนำพาเจ้าหน้าที่ไปรับตัวน้องชายคนเล็กอย่างเร่งด่วน

"ชั้นจะไปกับน้อง" เคนเดินตามไปที่รถพยาบาลเขายังช็อคไม่หายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พี่ใหญ่เห็นเช่นนั้นก็ดึงตัวน้องไว้ก่อนจะหันไปสั่งแวนเนส

"แวนเนส! นายไปกับรถพยาบาลนะเดี๋ยวชั้นกับเสี้ยวเทียนจะตามไป" จบคำนั้นแวนเนสก็โดดขึ้นรถพยาบาลแล้วรถก็ออกตัวไปอย่างรวดเร็ว

"รอด้วย! ชั้นจะไปกับน้อง!" เคนร้องตะโกนทั้งน้ำตาแต่ก็โดนพี่ใหญ่ฉุดรั้งตัวไว้

"พี่จะพานายไปหาน้อง ขึ้นรถไปกับพี่" พี่ใหญ่พยายามผลักให้น้องเข้าไปนั่งในรถแต่เคนกลับขัดขืน

"ชั้นจะไปกับน้อง!" เอะอะใส่พี่ชายแล้วสะบัดมือออก

"เสี้ยวเทียน!!!" พี่ใหญ่ทำเสียงเข้มแล้วจับไหล่ทั้งสองข้างของน้องชายบีบแน่น

"ควบคุมตัวเองหน่อย! ตอนนี้น้องถึงมือหมอแล้วน้องปลอดภัยแล้ว นายต้องขึ้นรถถ้าอยากรีบไปหาน้อง!" เคนมองหน้าพี่ชายไม่ชัดเพราะน้ำตากลบหมด

"น้องไม่เป็นไรจริงๆนะ?" ถามย้ำพี่ชายอีกครั้ง

"จริงสิ ขึ้นรถนะ" เจอร์รี่ตอบเสียงอ่อนลงแล้วพาน้องขึ้นรถจากนั้นก็ขับไปที่โรงพยาบาลอย่างรีบเร่ง



- ที่โรงพยาบาล -

"ว่างัยบ้างแวนเนส?" ทันทีที่วิ่งเข้ามาเจอร์รี่ก็ถามไถ่เอากับแวนเนสทันที

"อยู่ในห้องฉุกเฉิน" แวนเนสตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าเขาเองก็เบลอๆเหมือนกัน

"น้องเป็นอะไรมากมั๊ย? น้องรู้สึกตัวหรือยัง? ชั้นเข้าไปดูน้องได้หรือเปล่า?" เคนถามต่อออกมาเป็นชุด

"ให้หมอตรวจน้องก่อนนะ เดี๋ยวคุณหมอก็ออกมาบอกเราเอง" แวนเนสตอบคำถามนั้นอย่างนุ่มนวล

"ชั้น....." เคนอ้าปากจะพูดต่อแต่ก็โดนพี่ใหญ่ดึงตัวเข้าไปกอดคำพูดนั้นจึงถูกเปลี่ยนเป็นเสียงร้องไห้แทน

"น้องไม่เป็นไรหรอกเสี้ยวเทียน ไม่ต้องกลัวนะ" พูดปลอบโยนเพราะรู้ว่าเคนนั้นได้รับความกระทบกระเทือนมากที่สุด เพราะเป็นคนเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

"นั่นสิ นายอย่าร้องไห้เลย เดี๋ยวไจ่ไจ๋มันมาเห็นเข้าหละโดนหัวเราะเยาะแน่" แวนเนสพยายามทำเสียงร่าเริงแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลนักเพราะสีหน้าของเขาเองก็ดูแย่ไม่แพ้กันเลย

"ชั้นเป็นคน....ชั้นเป็นคนทำให้น้อง....." เคนเริ่มโทษตัวเองที่ผลักไสน้องออกมา

"เงียบ! อย่าพูดอะไรแบบนั้น" พี่ใหญ่กดหัวน้องชายมาซบที่ไหล่เขาตามเดิมเขาไม่อยากได้ยินน้องพูดโทษตัวเองด้วยกลัวว่าสภาพจิตใจของน้องจะแย่ไปกว่านี้ ในตอนนั้นเองประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกเปิดออกแวนเนสเป็นคนแรกที่ถลาเข้าไปหาคนที่เดินออกมา

"คุณหมอครับ น้องชายผม?" หมอวัยกลางคนยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

"น้องชายคุณปลอดภัยครับ เราตรวจเช็คร่างกายอย่างระเอียดแล้วอวัยวะส่วนที่สำคัญๆไม่ได้รับความกระทบกระเทือนเลย มีแค่รอยฟกช้ำที่แขนนิดหน่อย และตอนนี้เขาฟื้นแล้วครับ" คำตอบของหมอทำให้สามคนพี่น้องต่างพากันโล่งอก

"เดี๋ยวหมอให้ย้ายไปห้องพักผู้ป่วยนะครับ ญาติไปรอเยี่ยมที่ห้องได้เลยเดี๋ยวให้คุณพยาบาลพาไป" ว่าแล้วก็พยักหน้าให้พยาบาลสาวที่เดินตามออกมา

"เชิญทางนี้ค่ะ" พยาบาลคนนั้นพูดกับสามพี่น้องแล้วเดินนำไปที่ลิฟท์

"เห็นมั๊ย? พี่บอกแล้วว่าน้องไม่เป็นไร" เจอร์รี่พูดกับเคนเบาๆพร้อมกับเช็ดน้ำตาให้น้องชาย ในตอนนั้นนางพยาบาลสาวก็มองสองพี่น้องยิ้มๆ

"เขาห่วงน้องน่ะครับ ร้องไห้มาตลอดทางเลย" เจอร์รี่พูดต่อยิ้มๆคล้ายจะแซวน้องไปด้วย เคนได้ยินก็เริ่มรู้สึกอายจึงซบหน้าลงที่ไหล่พี่ชายเพื่อจะได้ไม่ต้องสบตากับพยาบาลสาว

"เป็นธรรมดาค่ะ ถ้าญาติเห็นคนป่วยหมดสติไปก็มักจะตกใจ" เธอตอบรับคำนั้นยิ้มๆเช่นกัน ในตอนนั้นลิฟท์ก็หยุดพอดี

"เชิญค่ะ" เธอผายมือให้สามพี่น้องเดินออกมาก่อนแล้วจึงขยับขึ้นไปเดินนำ แล้วหยุดที่ห้องพักคนป่วยที่ไจ่ไจ๋อยู่

"เดี๋ยวอีกซักครู่ชั้นจะเอาเสื้อผ้ามาให้คนป่วยเปลี่ยนนะคะ เพราะคุณหมอบอกให้นอนดูอาการซักคืน ขอตัวค่ะ" พูดจบเธอเปิดประตูให้สามพี่น้องแล้วเดินจากไป

"ไจ่ไจ๋! นายเป็นยังงัยบ้าง?" เคนถลาเข้าไปหาน้องเป็นคนแรก ไจ่ไจ๋มองเคนด้วยสีหน้าแปลกใจ

"บอกพี่ซิว่าเจ็บตรงไหนบ้าง? มีแผลตรงไหนอีกหรือเปล่า?" จับตามเนื้อตามตัวของน้องขึ้นมาดู

"งัย? เล่นเอาอึ้งไปเลยสิ" แวนเนสที่เดินตามเข้ามาพูดกับน้องเล็กยิ้มๆเช่นกัน

"ท่าจะมึนอยู่นะเนี่ย ไหนจำได้หรือเปล่าว่าตัวเองชื่ออะไร?" พี่ใหญ่พูดหยอกน้องชายด้วยอีกคน

"ทำไมนายถึงไม่พูดอะไรเลยหละ? นายยังโกรธพี่ใช่มั๊ยไจ่ไจ๋? โกรธที่พี่ต่อว่านายแบบนั้น....." เคนพูดต่อด้วยแววตากังวล ไจ่ไจ๋มองพี่ชายสามคนไปมาด้วยสายตางงๆก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

"พวกคุณเป็นใคร?" จบคำถามนั้นพี่ชายทั้งสามคนต่างนิ่งเงียบ

"นี่! อย่ามาอำให้ยากหน่อยเลย! ป่วยทีไรหาเรื่องอ้อนแบบแปลกๆทุกที" แวนเนสต่อว่าน้องเข้าให้

"ผมไม่ได้อำ แต่ผมไม่ทราบจริงๆว่าพวกคุณเป็นใคร? แล้วทำไมผมถึงมาอยู่ที่โรงบาลนี้ได้" คราวนี้พี่ชายทั้งสามคนต่างหันไปมองหน้ากันไปมา

"ไจ่ไจ๋....ถ้านายอยากเอาคืนที่พี่มีส่วนทำให้นายตกบันไดพี่ยินดีทำทุกอย่างนะ แต่อย่าใช้วิธีนี้" เคนเริ่มทำสีหน้าจริงจังเพราะนึกว่าน้องยังคงล้อเล่นกับพวกเขา

"คุณพูดเรื่องอะไรกัน? ผมไม่รู้เรื่องเลย" ไจ่ไจ๋ส่ายหน้าก่อนจะหลับตาลง

"ไจ่ไจ๋ นายจำไม่ได้จริงๆหรอว่าเกิดอะไรขึ้น?" พี่ใหญ่ถามขึ้นมาบ้าง ไจ่ไจ๋ส่ายหน้าแทนคำตอบ

"มันจะเป็นไปได้ยังงัย!? นายจำไม่ได้ได้ยังงัยกัน?" เคนเขย่าตัวน้องชาย แต่ไจ่ไจ๋ปัดมือพี่ชายออก

"พวกคุณช่วยออกไปได้หรือเปล่า? ผมอยากพักผ่อน" ไจ่ไจ๋ทำเสียงดังขึ้นตามลำดับ เล่นเอาพี่ชายทั้งสามคนอึ้งไปตามๆกัน

"ชั้นจะไปถามหมอ" เคนว่าแล้วก็ผลุนผลันออกไปทันที

"เสี้ยวเทียน!" เจอร์รี่เรียกน้องไว้แต่ไม่ทันแล้วเพราะเคนวิ่งหายไปทันที

"ชั้นไปกับมันนะ" เจอร์รี่ว่าแล้วก็รีบตามน้องชายออกไปเพราะกลัวว่าน้องจะอาละวาดอีก เหลือแต่แวนเนสที่ยังยืนนิ่งอยู่ในห้อง

"ไจ่ไจ๋ พี่สัญญาว่าจะไม่บอกเจ้าสองคนนั่น นายบอกพี่มาเถอะว่านายกำลังอำพวกพี่ใช่มั๊ย?" แวนเนสพยายามเอาคำตอบที่ต้องการกับน้องอีก

"ผมบอกแล้วงัยว่าผมไม่รู้จักพวกคุณ! แล้วผมก็จำไม่ได้เลยว่าผมเคยมีพี่ชายตั้งแต่เมื่อไหร่!" คำตอบโต้นั้นทำให้แวนเนสมึนงง ตอนแรกเขาไม่เชื่ออย่างแน่นอนว่าน้องจะจำพวกเขาไม่ได้จริงๆแต่ตอนนี้ทั้งสีหน้าท่าทางและคำพูดของน้องชายทำให้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้ว

"แล้วนายจำได้หรือเปล่าว่าตัวเองเป็นใคร?" แวนเนสถามต่อ

"ผมชื่อไจ่ไจ๋ พ่อแม่ผมทำงานอยู่อเมริกา แฟนผมชื่อหลิงหลิงแล้วผมก็มีพี่สาวที่สนิทกันชื่อกลอเรีย เธอเปิดร้านขายหนังสืออยู่โดยมีรุ่นพี่ของผมชื่อมี่เฟิงเป็นคนช่วยงานในร้าน นี่คือสิ่งที่ผมรู้มาตลอด แต่เรื่องที่ผมมีพี่ชายถึงสามคนนั้นมันไม่มีอยู่ในความทรงจำผมเลยเพราะตั้งแต่ผมจำความได้ผมก็รู้ว่าพ่อแม่มีผมเป็นลูกชายคนเดียว" คำตอบยาวๆนั้นทำให้แวนเนสพูดอะไรต่อไม่ออก เพราะถ้านี่เป็นเรื่องจริงก็ถือว่าแปลกมากเพราะน้องจำทุกอย่างได้หมดยกเว้นพวกเขาสามคน ในตอนนั้นเจอร์รี่กับเคนก็กลับเข้ามาพร้อมกับคุณหมอ

"คุณไจ่ไจ๋ครับ คุณบอกว่าคุณไม่รู้จักพวกเขาสามคนนี่?" คุณหมอเดินเข้ามาที่เตียงคนป่วยก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"ใช่ครับ ผมจำได้ว่าไม่เคยรู้จักพวกเขาทั้งสามคน" คำตอบนั้นทำให้หมอเองถึงกับขมวดคิ้ว

"คุณหมอครับ.....เป็นไปได้หรือเปล่าว่าน้องชายผมความจำเสื่อม?" เคนถามขึ้นด้วยสีหน้าร้อนรน

"แต่เท่าที่ผมตรวจร่างกายดูแล้วก็ปกติทุกอย่าง" คุณหมอแย้งก่อนจะทำหน้าครุ่นคิด

"งั้นผมจะลองดูผลเอกซ์เรย์สมองให้ละเอียดอีกครั้ง แต่ตอนนี้ให้คนป่วยพักผ่อนก่อนเถอะครับ" พูดจบก็ส่งสายตาเป็นเชิงขอให้พี่น้องทั้งสามคนตามเขาออกมาเพื่อพูดคุยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นนอกห้อง

"ตกลงแล้วน้องผมเป็นอะไรกันแน่ครับ?" เคนถามทันทีที่ประตูถูกปิดลง หมอทำหน้าลำบากใจก่อนจะส่ายหน้า

"ผมเองก็ยังสรุปไม่ได้ จะว่าความจำเสื่อมก็ไม่น่าใช่เพราะสมองของเขาไม่ได้รับความกระทบกระเทือนเลย" หมอตอบด้วยสีหน้าขรึมลง

"เอาเป็นว่าผมจะส่งประวัติคนไข้ไปให้หมอที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านช่วยวิเคราะห์นะครับ แต่ตอนนี้ขอให้พวกคุณอย่าเพิ่งไปกดดันคนไข้ปล่อยให้เขาพักผ่อนเต็มที่ก่อน แล้วได้ผลยังงัยจะมาแจ้งให้ทราบทันที" พูดจบคุณหมอก็ขอตัว ทิ้งให้สามพี่น้องได้แต่มองหน้ากันไปมา

"เป็นไปได้ยังงัย? เรื่องแบบนี้มันมีแต่ในละครเท่านั้นแหละ" เคนครวญคราง

"ชั้นว่าไจ่ไจ๋ต้องแกล้งแน่ๆ น้องคงโกรธที่ชั้นพูดจาไม่ดีใส่แถมยังทำเป็นไม่สนใจอีก น้องเลยแกล้งเล่นละครตบตาเพื่อให้ชั้นใจหายเล่น" เคนยังคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ดี

"ไม่หรอกเสี้ยวเทียน ชั้นไม่คิดว่าน้องจะแกล้ง" แวนเนสแย้งขึ้นด้วยสีหน้าค่อนข้างจริงจัง

"นายแน่ใจได้ยังงัย? อย่างเจ้านี่มัน.....มันชอบอำพวกเราอยู่แล้ว....." เคนพยายามหาเหตุผลเพื่อจะลบล้างความจริงในข้อที่น้องจำพวกเขาไม่ได้

"ชั้นไม่มีเหตุผลมาอธิบายให้นายฟังได้หรอก ชั้นรู้แต่ว่าบางอย่างมันบอกว่าน้องจำพวกเราไม่ได้เลยจริงๆ" แวนเนสตอบแล้วนิ่งไป

"เมื่อกี้ตอนที่พวกนายออกไปตามหมอไจ่ไจ๋บอกกับชั้นว่าน้องรู้ว่าพ่อแม่ทำงานอยู่เมืองนอก มีแฟนชื่อหลิงหลิง น้องจำได้แม้กระทั่งกลอเรียกับมี่เฟิง....แต่....." แวนเนสเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

"แต่พวกเราสามคนเหมือนถูกลบไปจากความทรงจำของน้องเพราะน้องยืนยันว่าน้องเป็นลูกชายคนเดียวเท่านั้น" คำพูดของแวนเนสทำให้ทั้งเจอร์รี่และเคนอึ้งไป

"ไม่จริง! น้องจำทุกคนได้หมดแล้วจะจำพวกเราไม่ได้ได้ยังงัยกัน? น้องต้องหลอกเราแน่ๆ!" เคนแย้งขึ้นเสียงแข็ง

"แต่มันเป็นเรื่องจริงนะเสี้ยวเทียน ชั้นมองตาเวลาที่น้องพูดชั้นรู้ว่าน้องไม่ได้โกหก" แวนเนสเถียงกลับไปด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

"นายเชื่อหรอเจอร์รี่? นายเชื่อที่น้องบอกเราหรอ?" เคนหันไปถามพี่ชายคนโตบ้าง เขาอยากให้ใครซักคนมีความคิดเช่นเดียวกับเขาในตอนนี้

"พี่ว่าบางที...." เจอร์รี่เปิดปากพูดอย่างยากลำบาก

"น้องอาจต้องการลืมพวกเราจริงๆก็ได้" เคนได้ยินก็มองหน้าพี่ชายอย่างต้องการคำอธิบาย

"น้องรักพวกเรามาก หากน้องมีเรื่องผิดใจกับพวกเราน้องก็ทุกข์มากเหมือนกัน เพราะฉะนั้นหากน้องลืมได้ว่าน้องรักพวกเรามากขนาดไหนบางทีน้องอาจจะไม่ต้องทุกข์อีกต่อไปก็ได้" คำพูดของพี่ใหญ่ทำให้เคนถึงกับน้ำตาซึม

"แต่เราอย่ากังวลไปเลย เพราะยังงัยน้องก็ไม่ได้จากพวกเราไปไหน ต่อให้น้องลืมได้จริงแต่พี่เชื่อว่าเศษเสี้ยวของความทรงจำตั้งเกือบยี่สิบปีมันต้องหลงเหลืออยู่บ้าง" พูดปลอบใจน้องชายทั้งสองคน

"ความทรงจำของน้องไม่มีพวกเราอยู่มันก็เหมือนกับน้องตายจากเราไปแล้วนั่นแหละ" เคนแย้งก่อนจะเดินหนีไปทางอื่น แวนเนสขยับจะตามแต่พี่ใหญ่ดึงตัวไว้ก่อน

"ปล่อยไปเถอะ ให้น้องไปสงบสติอารมณ์เงียบๆดีกว่า" แวนเนสไม่ได้ขัดขืนเพียงแต่มองตามเคนอย่างเป็นห่วง

"นายว่า....." แวนเนสอ้าปากจะถามพี่ชายแต่พี่ใหญ่ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

"หมอที่นี่เก่ง ยังงัยเขาก็ต้องหาสาเหตุให้เราได้แน่นอน แล้วชั้นเชื่อว่ายังงัยไจ่ไจ๋ก็ต้องกลับมาเป็นน้องชายที่น่ารักของพวกเราอีกครั้ง" แวนเนสพยักหน้ารับก่อนจะโผเข้าไปกอดพี่ชาย แม้รู้ว่าพี่ชายเพียงแค่พูดปลอบขวัญแต่เขาก็ยังรู้สึกอุ่นใจเมื่อได้ยินน้ำเสียงปลอบโยนของพี่ชาย




 

Create Date : 30 มีนาคม 2552    
Last Update : 30 มีนาคม 2552 23:02:25 น.
Counter : 1171 Pageviews.  

Chapter 67

ตอนที่ 67

"ไจ่ไจ๋.....ดูนี่ว่าพี่ซื้ออะไรมาฝาก" เคนเอ่ยทักทายน้องชายที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่คนเดียว ไจ่ไจ๋ได้ยินก็หันมาแล้วทำตาวาวอย่างดีใจเพราะพี่ชายซื้อขนมเจ้าโปรดมาให้

"ขอบคุณพี่กลางมากครับ พี่เนี่ยรู้ใจผมที่สุดเลย" ว่าแล้วก็วิ่งไปรับถุงขนมมาจากมือพี่ชายแล้วแกะกินทันที

"ไอ้ตะกละ!" เคนต่อว่าน้องชายแบบไม่จริงจังนักก่อนจะนั่งลงข้างๆน้องชาย

"งัยหละ? หนีพี่ไปกินข้าวกับแฟนไม่บอกกล่าวกันเลยซักคำ" แล้วก็ว่าน้องต่ออีก

"ก็.....แหมมมม.....เรื่องแบบนี้ช้าได้ยังงัย? ก็.....ก็ฝากพี่ใหญ่บอกให้แล้วงัยหละ" น้องเล็กทำเสียงอ้อมแอ้มเพราะต้องพูดโกหก มาตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่เขาได้กระทำลงไปเพื่อแก้แค้นพี่ชายนั้นมันดูงี่เง่าสิ้นดี เพราะพี่ชายคนนี้ไม่ว่าจะยังงัยก็รักและเป็นห่วงเขาเสมอ มีแต่เขาเสียอีกที่หาเรื่องพี่ชายได้ตลอด

"พี่ว่าอย่าเพิ่งคุยกันเลย เสี้ยวเทียนไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวก่อนไป" เจอร์รี่พูดแทรกเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาพร้อมกับพยักหน้าให้น้องชายคนกลางทำตามคำที่เขาพูด

"ชั้นว่าชั้นไปดูในตู้เย็นก่อนดีกว่ามีอะไรพอจะทำอาหารเย็นได้หรือเปล่า ทำเสร็จแล้วค่อยไปอาบน้ำก็ได้" เคนว่าแล้วก็ทำท่าจะขยับตัวลุกขึ้น

"ไม่ต้องหรอก พี่ว่าวันนี้เราไปซื้ออะไรมากินง่ายๆดีกว่า ไม่ต้องทำหรอก นายเองก็เหนื่อยมากแล้ว" เจอร์รี่แย้งอีก

"งั้นผมออกไปซื้อให้ดีกว่า พวกพี่อยากจะกินอะไรครับ?" ไจ่ไจ๋รับอาสาขึ้นมาทันที

"ไม่รู้ว่ะ นึกไม่ออก เอางี้.....พี่ไปด้วยแล้วกัน....." เคนตอบแล้วลุกขึ้นยืน

"เอ่อ.....ไม่ต้องหรอก พี่ไปอาบน้ำให้สบายตัวแล้วรอกินอาหารอร่อยๆอยู่ที่บ้านนี่แหละ เดี๋ยวผมไปเอง" ไจ่ไจ๋รีบปฏิเสธเพราะเขาตั้งใจจะออกไปรับเจ้าพีพีกับถางถางกลับมาบ้านก่อนที่พี่ชายจะสังเกตว่าเจ้าแมวน้อยสองตัวมันหายไป

"ไปอาบน้ำเถอะเสี้ยวเทียน ให้น้องมันจัดการแหละดีแล้ว" เจอร์รี่เสริมด้วยอีกคน ดังนั้นเคนจึงยักไหล่แล้วหมุนตัวจะเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำแต่แล้วก็หันกลับมาอย่างนึกขึ้นได้

"ไจ่ไจ๋! พี่ฝากซื้ออาหารเม็ดมาให้เจ้าพีพีกับถางถางด้วยนะ รู้สึกว่าใกล้หมดแล้ว" ได้ยินเช่นนั้นน้องเล็กก็สะดุ้งโหยงจนเคนทำหน้างง

"ทำไมต้องทำท่าตกใจขนาดนั้นด้วย?" ถามน้องชายกลับไปอีก

"เปล่าาาา....ผมตกใจที่จู่ๆพี่ก็หันมาพูดเสียงดัง โอเคๆๆๆ เดี๋ยวผมซื้อมาให้" ว่าแล้วไจ่ไจ๋ก็คว้ากระเป๋าเงินและโทรศัพท์มือถือผลุนผลันออกจากบ้านไปทันที

"ไอ้นี่....ทำท่าทางแปลกๆ" เคนบ่นพึมพำก่อนจะส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยแล้วเดินขึ้นห้องไป เมื่อเห็นเคนเดินขึ้นห้องไปแล้วเจอร์รี่ก็หยิบโทรศัพท์มือถือแล้วโทรหาน้องชายคนเล็ก

"พี่กลางหาเจ้าพีพีกับถางถางหรอพี่ใหญ่?" ทันทีที่ฝ่ายตรงข้ามรับสายเจอร์รี่ก็ได้ยินคำถามที่รีบร้อน

"เปล่าหรอก แต่ไจ่ไจ๋พี่ว่า....." เจอร์รี่ตั้งใจจะบอกให้ไจ่ไจ๋รับเจ้าพีพีกับถางถางกลับมาเพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาขึ้นแต่พูดยังไม่ทันจบไจ่ไจ๋ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

"ผมจะไปรับเจ้าพีพีกับถางถางแล้วเอาไปไว้ที่บ้านก่อนแล้วค่อยออกมาซื้อกับข้าวอีกที" ได้ยินเช่นนั้นเจอร์รี่ก็ค่อยโล่งใจที่น้องเล็กเปลี่ยนใจได้เช่นนี้

"ดีแล้ว งั้นรีบมาหละ พี่จะออกไปรอรับเจ้าพีพีกับถางถางหน้าบ้านเพราะถ้านายเอารถเข้าบ้านเดี๋ยวพี่กลางมันได้ยินแล้วจะสงสัย" เจอร์รี่ให้ความช่วยเหลือน้องชายอย่างเต็มที่

"โอเคครับ เดี๋ยวใกล้จะถึงแล้วผมโทรหาอีกที แค่นี้ก่อนนะ" จบคำนั้นสัญญาณก็ตัดไป เจอร์รี่ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกก่อนจะเดินมาทรุดตัวนั่งดูโทรทัศน์เพื่อรอน้องชายโทรมาอีกครั้ง ผ่านไปครู่หนึ่งเสียงโทรศัพท์เขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง

"รับมาแล้วใช่มั๊ย?" เจอร์รี่กดรับสายก่อนจะพูดออกไป

"พี่ใหญ่.....เกิดเรื่องแล้วหละ...." น้องเล็กตอบกลับมาเสียงแผ่ว

"เกิดอะไรขึ้นไจ่ไจ๋? นายเป็นอะไรหรือเปล่า?" เจอร์รี่ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจเพราะนึกไปว่าน้องเกิดอุบัติเหตุ

"เปล่าครับ ผมไม่เป็นไรแต่เจ้าพีพีกับถางถางนี่สิ" คำตอบของน้องทำเอาเจอร์รี่เกิดอาการมึนงงไปชั่วขณะ

"ผมมารับที่คลินิกแต่ผมทำใบรับเจ้าพีพีกับถางถางหายไป แล้วตอนนี้ทางคลินิกก็แจ้งว่ามีคนมารับพวกมันไปแล้วเมื่อช่วงสายๆ พี่ใหญ่.....ผมจะทำยังงัยดี?" น้ำเสียงของน้องเล็กแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว

"อะไรนะ! เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังงัยกัน?" เจอร์รี่ถามน้องชายกลับไป

"ผมก็ไม่รู้ ผมถามทางร้านแล้วว่าคนที่มารับไปมีลักษณะเป็นยังงัยแต่พนักงานในร้านก็บอกได้แค่ว่าเป็นผู้ชายสวมแว่นตาเลยเห็นหน้าไม่ชัดแล้วที่สำคัญเขาก็มีใบมารับอย่างถูกต้องด้วย แต่ทางร้านบอกว่าจะพยายามช่วยตามอีกแรงนึงเพราะว่าก่อนจะรับสัตว์เลี้ยงออกไปต้องมีลายเซ็นของคนมารับด้วย ตอนนี้พนักงานที่ร้านกำลังเช็คลายเซ็นให้อยู่" เสียงของน้องเล็กมีแววกังวลใจอย่างแจ่มชัด

"งั้นเดี๋ยวพี่ออกไปหา แค่นี้ก่อนแล้วกัน" ว่าแล้วเจอร์รี่ก็ตัดบทแล้ววางสายทันที เมื่อกี้เพิ่งโล่งใจไปหยกๆแต่จู่ๆดันมาเกิดเรื่องไม่คาดคิดเช่นนี้ขึ้นมาอีก เขาเริ่มรู้สึกปวดตึบๆที่ขมับขึ้นมาโดยฉับพลัน

"เจอร์รี่! จะไปไหนหรอ?" ก่อนที่เขาจะก้าวขาออกจากประตูเสียงน้องชายคนกลางก็ร้องถามขัดขึ้นมาก่อน

"เอ่อ....ชั้นจะไปหาไจ่ไจ๋น่ะ" เจอร์รี่ตอบด้วยสีหน้าไม่สู้จะดีนัก

"น้องเป็นอะไรหรอ?" เคนเลยพลอยตกใจไปด้วย

"อ้อ! เปล่าหรอก แต่ไจ่ไจ๋มัน.....มันเอาเงินไปไม่พอชั้นเลยต้องเอาไปให้" เจอร์รี่นึกหาข้ออ้างได้ทัน

"อ้าวหรอ? นายก็ทำหน้าซะอย่างกับว่ามันโดนโขมยของอย่างนั้นแหละ" เคนต่อว่าพี่ชายพร้อมกับส่ายหน้า

"เอางี้....เดี๋ยวชั้นเอาไปให้มันเองดีกว่า นายจะได้ไปอาบน้ำอาบท่าบ้าง" แล้วเคนก็อาสาทำแทนพี่ชายเอง

"ไม่ต้อง! ชั้นไปเอง" เจอร์รี่รีบปฏิเสธ

"งั้นชั้นไปด้วย" เคนว่าแล้วก็สาวเท้าเดินไปหาพี่ชาย พี่ใหญ่เริ่มทำหน้าลำบากใจ

"นายจะไปทำไม? พักผ่อนอยู่บ้านแหละดีแล้ว" เจอร์รี่พูดกับน้องอย่างหวังดี

"ก็ชั้นอยากไปเดินหาอะไรกินเหมือนกันหนิ" เคนทำท่าดื้อดึง

"ไม่ต้องไปหรอกเดี๋ยวพี่รองกลับมาแล้วไม่เจอใคร พี่ไปแป๊บเดียว" พี่ใหญ่อ่อนโยนกับน้องสุดๆ

"รอพี่รองอยู่บ้านนะเสี้ยวเทียน เป็นเด็กดีว่าง่ายๆเดี๋ยวพี่ใหญ่ซื้อของกินอร่อยๆมาให้" เคนเบ้ปากใส่พี่ชายก่อนจะต่อว่าออกมา

"จะแอบพาไจ่ไจ๋มันไปกินของโปรดมันหละสิถึงไม่ยอมให้ไปด้วย โธ่! ไม่ง้อก็ได้....." พูดจบก็เดินไปนั่งที่โซฟา

"พี่ไปนะ" เจอร์รี่ไม่ต่อความให้ยืดยาวเพราะตอนนี้น้องเล็กกำลังรอเขาอยู่อย่างกระวนกระวาย

"เออเดี๋ยว! นายเห็นเจ้าพีพีกับถางถางหรือเปล่า? ชั้นไม่เห็นมันเลยตั้งแต่กลับมา ข้างบนก็ไม่มี" พี่ใหญ่ได้ยินก็ถึงกับสะดุ้ง

"เอ่อ....มะ.....ไม่เห็น....." เจอร์รี่ตอบแบบตะกุกตะกักจนเคนรู้สึกผิดสังเกต

"นี่! ทำไมต้องทำท่าอย่างกับมีความลับอะไรแบบนั้น? หรือว่านาย....." เคนยังพูดไม่ทันจบเจอร์รี่ก็แกล้งทำเสียงดุน้องขึ้นมาก่อน

"เรานี่ยังงัยนะ! ว่างมากนักหรอถึงได้มาจับผิดคนโน้นคนนี้ วันนี้กับอาเหลียนก็หลายครั้งแล้วนะพี่ยังไม่ได้ทำโทษเลย!" ประโยคสุดท้ายที่พี่ชายพูดทำให้เคนหุบปากเงียบสนิท พี่ชายก็สังเกตเขาอยู่เหมือนกันและรู้ว่าเขาเองก็รู้สึกสงสัยอะไรหลายๆอย่างในตัวอาเหลียน

"เรื่องนี้ไว้เราค่อยคุยกัน" พูดจบเจอร์รี่ก็รีบออกจากบ้านไปทันที เคนมองตามพี่ชายก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆเขาเองก็อยากจะบอกเล่าความสงสัยในตัวอาเหลียนให้พี่ชายฟังอยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังงัยดี

"เอาวะ.....ยังงัยคืนนี้ก็ต้องบอกเพราะถ้ามีอะไรผิดปกติอย่างที่คิดจริงๆจะได้ป้องกันได้ทัน" เคนพูดกับตัวเองอย่างตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว

"แต่ว่าเจ้าพีพีกับถางถางหายไปไหนนะ?" แล้วก็กลับมาพึมพำหาเจ้าแมวน้องทั้งสองตัวอีกก่อนจะเริ่มต้นเดินหาในบ้านอีกครั้งหนึ่ง



- ที่คลีนิกรับฝากสัตว์ -

"พี่ใหญ่ครับ!" ไจ่ไจ๋วิ่งมาหาทันทีที่พี่ชายเปิดประตูเข้ามา

"ว่ายังงัยบ้าง?" เจอร์รี่ถามความคืบหน้ากับน้องทันที

"แย่มาก....." ไจ่ไจ๋ตอบเสียงแผ่ว เจอร์รี่ขมวดคิ้ว

"หมายความว่ายังงัย?" ถามน้องกลับไปอย่างต้องการคำตอบ

"ก็ลายเซ็นของคนที่มารับน่ะมันเหมือนกับลายเซ็นของผมเลย ตอนนี้ถามอะไรไปก็ไม่ได้ความแล้ว" น้องเล็กตอบอย่างหมดแรง นี่ถ้าพี่ชายคนกลางรู้เรื่องคงโกรธเขามากแน่

"ลายเซ็นเหมือนนาย? เป็นไปได้ยังงัย? แล้วทำไม....." เจอร์รี่เองก็พูดอะไรไม่ออกเมื่อได้ยินสิ่งที่น้องชายรายงานให้ฟัง

"ขอโทษนะครับ แล้วทางร้านมีมาตรการยังงัยที่จะพิสูจน์ได้ว่าคนที่มารับสัตว์เลี้ยงเป็นเจ้าของตัวจริง?" เจอร์รี่เดินเข้าไปแถมพนักงานอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย

"เราก็ดูจากใบรับที่ทางเราออกให้แล้วก็ให้เซ็นรับก่อนจะนำสัตว์เลี้ยงออกจากร้านไปน่ะครับ" เจ้าหน้าที่คนที่ถูกถามตอบ

"แค่นี้เองน่ะหรอ? ผมว่ามันน่าจะมีวิธีตรวจสอบที่ดีกว่านี้สิ อย่างเช่นกล้องวงจรปิดอะไรแบบนั้น" เจ้าหน้าที่ภายในร้านต่างทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อได้ยินเช่นนั้น

"ผมเสียใจจริงๆที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นซึ่งทางร้านก็พยายามช่วยตามหาตัวคนที่มารับสัตว์เลี้ยงของคุณไปอยู่ บอกตามตรงว่าเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลย แล้วเรื่องกล้องวงจรปิดทางร้านเราก็มีติดไว้ในสถานที่ดูแลสัตว์เท่านั้นครับ ทางหน้าร้านที่รับสัตว์เลี้ยงกลับไปไม่มีกล้องติดอยู่เลย ขอโทษจริงๆครับ" คำอธิบายนั้นทำให้เจอร์รี่เริ่มเย็นลง ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนช่างวีนแต่เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เขาตกใจจนระงับอารมณ์ไม่อยู่

"ผมขอโทษครับ ผมแค่กังวลมากเกินไป" เจอร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง

"แมวสองตัวนั้นเป็นของน้องชายอีกคนของผม เขารักพวกมันมากและถ้าได้รู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเขาต้องเสียใจมากแน่ๆ" พนักงานแสดงความเห็นใจเมื่อได้ยินเพราะพวกเขาก็ทำงานคลุกคลีกับเจ้าสัตว์เลี้ยงพวกนี้ย่อมเข้าใจความรู้สึกผูกพันกันกับพวกมันได้ดี

"ตอนนี้ผมพยายามติดต่อพนักงานคนที่เป็นคนส่งมอบแมวของคุณให้กับคนที่มารับอยู่ พอดีเธอทำงานกะเช้าและกลับบ้านไปตอนเที่ยงโทรศัพท์ของเธอยังติดต่อไม่ได้คงเพราะยังพักผ่อนอยู่ แต่ถ้าได้เรื่องเมื่อไหร่ทางเราจะสอบถามรายละเอียดจากเธออีกครั้งหนึ่ง น่าจะได้เบาะแสบ้าง" คำพูดและน้ำเสียงที่แสดงถึงความรับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เจอร์รี่รู้สึกพอใจมากขึ้น

"งั้นรบกวนด้วยนะครับ ถ้าได้เรื่องเมื่อไหร่ติดต่อผมได้ตลอดเวลา" เจอร์รี่ว่าแล้วก็หยิบนามบัตรของตัวเองให้กับเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว

"แล้วก็ขอโทษอีกครั้งที่เมื่อกี้เสียมารยาทไปหน่อย" ก้มหัวให้เจ้าหน้าที่คนนั้นอีกครั้งหนึ่ง

"ไม่เป็นไรครับ เราเองก็ต้องขอโทษคุณเป็นอย่างสูงที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่รับรองครับว่าเราจะช่วยตามหาแมวของคุณกลับคืนมาให้ได้" เมื่อได้ยินคำรับรองหนักแน่นเช่นนั้นแล้วเจอร์รี่ก็ค่อยวางใจ

"งั้น.....ผมขอตัวก่อนนะครับ" พูดจบก็หันไปพยักหน้ากับไจ่ไจ๋แล้วพากันเดินออกจากร้าน

"พี่กลางต้องฆ่าผมแน่ๆ" ไจ่ไจ๋ครางด้วยสีหน้าเหมือนคนกำลังร้องไห้

"เฮ่อ!" เจอร์รี่ไม่ได้ปลอบใจน้องตรงกันข้ามเขาอยากจะดุซ้ำอีกต่างหาก

"ผมจะทำยังงัยดี? จะบอกพี่กลางยังงัย?" เมื่อเห็นสีหน้าแสดงความกลัดกลุ้มของน้องเล็กแล้วเจอร์รี่ก็ดุไม่ลง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นก็ใช่ว่าน้องต้องการให้เป็นแบบนี้

"ถ้ามันถามเราก็ต้องบอก อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด" พี่ใหญ่พูดแล้วถอนหายใจยาว

"พี่ใหญ่บอกไปนะว่าพี่ไม่รู้เรื่อง ถ้าพี่กลางเขาจะด่าว่าหรืออยากจะตีผมก็ไม่ต้องห้ามเพราะคราวนี้ผมผิดจริงๆ" ไจ่ไจ๋รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำอย่างเต็มใจ

"กลับบ้านก่อนเถอะแล้วค่อยว่ากันอีกที" เจอร์รี่ว่าแล้วก็ดุนหลังให้น้องชายเดินนำไปก่อน จนเมื่อกลับมาถึงบ้านเคนก็วิ่งออกมารับถึงหน้าบ้าน

"เจ้าพีพีกับถางถางมันหายไปจริงๆนะ ชั้นหามันจนทั่วทั้งบ้านแล้วก็ไม่เจอ" สิ่งที่ออกมาจากปากเคนนั้นทำให้พี่น้องทั้งคู่พูดอะไรไม่ออก

"ไจ่ไจ๋ ตอนนายกลับมาบ้านนายเห็นพวกมันบ้างมั๊ย?" ถามน้องชายคนเล็ก

"ผม....." ไจ่ไจ๋พูดไม่ออกตอบไม่ถูก

"ไม่เห็นเลยหรอ? เมื่อเช้าพี่ก็ยังเห็นพวกมันนอนอยู่เลย ก่อนนายจะออกจากบ้านได้ปิดประตูสนิทหรือเปล่า? พี่กลัวว่าจะพวกมันจะออกไปข้างนอกแล้วโดนแมวใหญ่กัดหรือโดนรถชนน่ะ" น้ำเสียงของเคนบ่งบอกถึงความร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง

"พี่กลาง ผมขอโทษ....." ไจ่ไจ๋อดทนต่อไปไม่ไหวเขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พอพูดจบก็ร้องไห้ออกมา

"นายร้องไห้ทำไม? อย่าบอกนะว่า......" เคนเองก็เริ่มหน้าเสียเพราะรู้สึกได้ว่าคงมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเจ้าพีพีกับถางถางแน่นอน

"เสี้ยวเทียน เข้าบ้านก่อน" เจอร์รี่ตัดบทแล้วโอบไหล่น้องชายทั้งคู่

"ไม่! เกิดอะไรขึ้น? บอกชั้นสิว่าเจ้าพีพีกับถางถางมันหายไปไหน?" เคนปัดมือพี่ชายออกพร้อมกับตั้งคำถามทั้งน้ำตา

"ถ้าไม่เข้าบ้านพี่จะไม่บอกอะไรทั้งนั้น" เจอร์รี่ยื่นคำขาด

"ไป.....ไจ่ไจ๋.....เข้าบ้าน....." ว่าแล้วพี่ใหญ่ก็โอบไหล่น้องชายคนเล็กพาเข้าไปในบ้าน เคนมองตามพี่น้องทั้งสองคนแล้วทรุดนั่งคุกเข่าตรงนั้นเขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาได้สูญเสียสัตว์เลี้ยงแสนรักของเขาไปแล้ว ในตอนนั้นเองก็มีเสียงรถยนต์มาจอดตรงประตูบ้านแล้วแวนเนสก็เดินลงมาจากรถ

"ไอ้น้องรัก! มานั่งทำอะไรตรงนี้? อย่าบอกนะว่าโดนไล่ออกมาอีกแล้วน่ะ" เอ่ยทักทายน้องชายอย่างอารมณ์ดีแต่พอเห็นสีหน้าของน้องชายที่เงยขึ้นมามองเขาก็ตกใจ

"เสี้ยวเทียน! นายเป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้น?" สอบถามน้องชายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

"พีพีกับถางถาง....." คำตอบของน้องทำให้แวนเนสอึ้งไปก่อนจะขยับเข้าไปโอบกอดน้องไว้

"ชั้นกลับมาพวกมันก็ไม่อยู่แล้ว ชั้นถามเจอร์รี่กับไจ่ไจ๋พวกมันสองคนก็ทำท่าแปลกๆ" เคนเล่าพลางสะอึกสะอื้นเพราะเป็นห่วงแมวน้อยทั้งสองตัว ในตอนนั้นเองเจอร์รี่ก็เดินกลับออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นแวนเนสเขาก็ได้แต่ถอนใจ

"เสี้ยวเทียน" เจอร์รี่เรียกน้องชายคนกลางแต่เคนไม่ได้สนใจจะหันไปตามคำเรียกเพราะเขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะรับฟังอะไรได้แล้ว

"นายอย่าเพิ่งพูด ชั้นจัดการเอง" แวนเนสบอกกล่าวกับพี่ชายแล้วหันกลับมาทางน้องชาย

"ไม่ต้องร้องไห้ เดี๋ยวพี่รองพาไปข้างนอกดีมั๊ย?" เคนส่ายหน้าแทนคำตอบ

"ไปเถอะ เผื่อเราจะเจอพวกมันอยู่ข้างนอกจะได้รับมันกลับมางัยหละ" แม้จะรู้ว่าเป็นเพียงคำพูดปลอบโยนแต่เคนก็รู้สึกมีความหวังเมื่อได้ยินเช่นนั้น

"เราจะหาพวกมันเจอใช่มั๊ย?" ย้อนถามพี่ชายกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

"เจอสิ เจ้าโง่เอ้ย....." แวนเนสตอบพลางเอามือเช็ดน้ำตาให้น้อง

"ชั้นจัดการเอง ไม่ต้องห่วง" หันกลับไปพูดกับพี่ชายคนโตจบก็กอดคอน้องชายแล้วพากันเดินออกจากบ้านไปปล่อยให้เจอร์รี่ได้แต่มองตามด้วยความกังวล



- ที่ร้านอาหาร -

"หาอะไรกินกันก่อนนะ" แวนเนสว่าแล้วก็กดไหล่ให้น้องชายนั่งลงเพื่อจะได้กินมื้อเย็น

"ชั้นไม่อยากกิน แวนเนส.....เราเดินมากันตั้งนานแล้วแต่ยังไม่เห็นวี่แววของเจ้าพีพีกับถางถางเลย ถ้ามันออกมาเดินเล่นข้างนอกเราน่าจะเจอมันบ้าง" เคนพูดกับพี่ชายด้วยสีหน้าไม่สบายใจ

"ไม่ต้องคิดมาก กินข้าวก่อนแล้วค่อยว่ากัน" แวนเนสตัดบทด้วยการหันไปสั่งอาหารสองสามอย่าง ส่วนเคนได้แต่นั่งเงียบ

"เสี้ยวเทียน ชั้นมีอะไรจะบอก" เงียบไปครู่ใหญ่แวนเนสก็ทำลายความเงียบขึ้นมา เคนจึงเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพี่ชายเป็นเชิงถาม

"ชั้นเองก็ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้หรอกนะ แต่เผอิญว่าชั้นไปได้ยินเจอร์รี่กับไจ่ไจ๋มันคุยกันเมื่อไม่กี่วันก่อน" เคนได้ยินก็ทำหน้าสงสัย

"ชั้นเองก็ไม่นึกว่าพวกมันจะทำกันจริงๆ แต่พอมาวันนี้แล้วชั้นเองก็พูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน" พูดจบแวนเนสก็ถอนหายใจก่อนจะเล่าต่อ

"ช่วงตอนที่พ่อแม่กลับมานั้นน่ะ ทั้งพ่อและแม่เอาใจนายมาก พวกมันสองคนก็เลยโดนพ่อแม่ตำหนิเอาหลายครั้งเวลาที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจนายเท่าไหร่" เคนอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินเพราะไม่นึกว่าเรื่องเล็กน้อยเพียงแค่นี้จะสร้างความขุ่นเคืองให้กับพี่ชายและน้องชายจริงๆ

"วันสุดท้ายที่พ่อแม่จะกลับไป ตอนที่พวกมันอยู่ด้วยกันในห้องชั้นได้ยินพวกมันคุยกันว่าหลังจากพ่อแม่กลับไปจะหาทางเอาคืนกับนาย" แวนเนสหยุดพูดแล้วมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย

"ชั้นได้ยินพวกมันปรึกษากันว่าจะเอาเจ้าพีพีกบถางถางไปซ่อนเพื่อจะแกล้งให้นายกระวนกระวายใจเล่นซักวัน" คำบอกเล่าของพี่ชายทำเอาเคนพูดอะไรไม่ออก

"ไม่นึกว่ามันจะทำแบบนั้นกันจริงๆ" แวนเนสคล้ายจะพึมพำกับตัวเอง ส่วนเคนนั้นน้ำตาซึมออกมาอีกรอบไม่นึกว่าพี่น้องจะทำร้ายจิตใจเขาได้ถึงขนาดนี้

"ชั้นเองก็ผิดที่ไม่ได้บอกนายแต่แรก" แวนเนสว่าแล้วก็บีบมือน้องชายเบาๆ

"ไม่เป็นไรหรอกแวนเนส ขอบคุณมากนะที่บอกให้ชั้นรู้" เคนว่าแล้วก็ขยับตัวลุกขึ้น

"จะไปไหน?" แวนเนสถามแล้วลุกตามน้องด้วย

"ชั้นจะกลับไปขอโทษพวกมันสองคน แล้วขอร้องให้คืนเจ้าพีพีกับถางถางให้ชั้น" เคนตอบด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

"เสร็จแล้วชั้นจะพาพวกมันออกไปหาที่อยู่ใหม่" แวนเนสถึงกับสะอึกกับคำพูดนั้น

"ชั้นเป็นตัวปัญหามาแต่ไหนแต่ไร จนถึงวันนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่" พูดจบเคนก็จับมือพี่ชายออก

"ไม่มีชั้นพวกนายน่าจะมีความสุขกว่า" แวนเนสคว้ามือน้องชายไว้ก่อนที่เคนจะทันได้เดินไปไหน

"เสี้ยวเทียน! ชั้นมีอีกเรื่องจะบอกนาย" เคนเหลียวกลับมามองพี่ชาย เขาไม่อยากรับฟังอะไรอีกเพราะเพียงสิ่งที่ได้ยินเมื่อซักครู่ก็ทำให้เขารู้สึกชาไปทั้งตัวแล้ว

"ขอโทษนะแวนเนส วันนี้ชั้นเหนื่อยมากแล้ว" เคนว่าแล้วจะดึงมือพี่ชายออกอีกแต่แวนเนสกลับบีบมือน้องชายแน่น

"แต่นายต้องฟังเพราะมีชั้นคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าเจ้าพีพีกับถางถางมันอยู่ที่ไหน" เคนสบตากับพี่ชายตรงๆแล้วนิ่งไป ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงตามเดิม

"ก่อนอื่นชั้นต้องขอโทษจริงๆ เพราะเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นวันนี้ชั้นเองก็มีส่วนด้วยเหมือนกัน" แวนเนสเริ่มเล่าให้น้องฟังอีกครั้งนึง

"ชั้นรู้มาว่าวันนี้หลังจากนายกับเจอร์รี่ออกไปบริษัทแล้วไจ่ไจ๋จะเอาเจ้าพีพีกับถางถางไปฝากไว้ที่คลีนิกเพื่อแกล้งนายตามแผน" เคนถอนหายใจเมื่อได้ยินเขาเองก็บอกไม่ถูกว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกอย่างไร

"ชั้นก็เลยแกล้งออกไปทำงานตามปกติซึ่งที่จริงแล้ววันนี้ชั้นไม่มีงานต้องทำ" แวนเนสหยุดพูดเพราะพนักงานเอาอาหารมาเสริฟพอดี จนเมื่ออาหารทุกอย่างมาวางตรงหน้าแล้วสองพี่น้องก็ยังไม่มีใครแตะมื้อเย็นตรงหน้าเลย

"ชั้นเลยแกล้งบอกไจ่ไจ๋ว่าจะเดินไปรอเสี่ยวจือแถวสนามเด็กเล่นและก็ออกจากบ้านไปอยู่แถวๆนั้น จนเห็นไจ่ไจ๋มันขับรถผ่านไปแล้วชั้นก็เลยเรียกแท๊กซี่ตามมันไป แต่ตอนมันเดินออกมาจากคลีนิกมันดันทำใบรับเจ้าพีพีกับถางถางหล่นไว้ชั้นก็เก็บขึ้นมา" แวนเนสหยุดเว้นวรรคนิดหน่อย

"ตอนแรกชั้นกะว่าจะเอาไปคืนมันแล้วบังคับให้มันยุติแผนบ้าๆนั่น แต่พอคิดอีกทีชั้นน่าจะตลบแผนมันเพื่อเอาคืนให้นายบ้าง ชั้นเลยเอาใบนั้นไปรับเจ้าพีพีกับถางถางซะเอง แล้วทางร้านก็ให้ชั้นเซ็นรับด้วยชั้นเลยเซ็นชื่อเจ้าไจ่ไจ๋ไปเพราะลายเซ็นมันชั้นปลอมได้ไม่ยาก" เมื่อพี่ชายเล่ามาถึงตรงนี้เคนก็เริ่มขมวดคิ้ว

"นายทำแบบนี้แล้วถ้าไจ่ไจ๋มันไปรับเจ้าพีพีกับถางถางแล้วไม่เจอแบบนี้ที่ร้านไม่เดือดร้อนหรอ?" เคนย้อนถามพี่ชายกลับไป

"ตอนนั้นชั้นเองก็ไม่ทันคิดแต่ตอนนี้ก็เริ่มคิดได้แล้วเหมือนกัน" แวนเนสพูดเสียงอ่อยๆ

"แล้วนายเอามันสองตัวไปไว้ไหน?" เคนถามพี่ชายต่ออีก

"เอาไปไว้ที่ร้านน่ะสิ โดนกลอเรียต่อว่าซะหูชาเลยเขาหาว่าชั้นเล่นอะไรไม่คิด แต่ชั้นไม่ได้เล่นนะแค่อยากจะเอาคืนให้นายเท่านั้นเอง" เห็นสีหน้าจ๋อยๆกับน้ำเสียงอ่อยๆของพี่ชายแล้วเคนก็โกรธไม่ลงเพราะรู้ดีว่าในบรรดาพี่น้องสามคนแวนเนสเป็นคนเดียวที่มักเข้าข้างเขาและให้ความช่วยเหลือเสมอ

"นายทำที่คลีนิกเขาลำบากนะเนี่ย ไม่รู้ว่าไจ่ไจ๋กับเจอร์รี่ไปโวยวายอะไรหรือเปล่า" เคนว่าแล้วก็ถอนหายใจ

"อืม....ชั้นรู้....." แวนเนสพูดเสียงแผ่ว

"นายโทรไปบอกไจ่ไจ๋สิ เล่าเรื่องทั้งหมดให้น้องฟัง" เคนแนะนำ

"ความจริงชั้นยังไม่อยากบอกพวกมันเลย อยากจะทำให้พวกมันสองคนสำนึกเสียบ้างว่าการที่เล่นกับความรู้สึกของคนอื่นมันจะได้รับผลยังงัยบ้าง" แวนเนสแย้งขึ้นก่อนจะคิดอะไรได้ในตอนนั้น

"เอาอย่างนี้ดีกว่า ชั้นว่าเราเอาเจ้าพีพีกับถางถางกลับไปที่คลีนิกก่อนแล้วชั้นจะจัดการเรื่องต่อจากนั้นเอง" เคนมองหน้าพี่ชายก่อนจะถอนหายใจอย่างไม่รู้จะเอายังงัย

"พวกมันสองตัวคงตกใจตายแน่ที่จู่ๆก็หิ้วมันไปโน้นมานี่ แมวน่ะถ้าปล่อยให้เครียดมากๆจะพลอยป่วยเอาง่ายๆนะ" เคนพูดเป็นเชิงบ่นแต่ไม่ได้แย้งอะไรอีก

"เอาน่า.....อย่างน้อยพอมันได้เจอหน้าพ่อมันแล้วก็คงจะดีใจแหละ กินข้าวก่อนแล้วเดี๋ยวเราไปหากลอเรียที่ร้านกัน" แวนเนสพูดจบก็ตัดบทโดยการตักกับข้าวใส่จานให้น้องชาย จนเมื่อกินข้าวกันเสร็จแล้วทั้งสองคนก็นั่งแท๊กซี่ไปหากลอเรียที่ร้าน

"สวัสดีครับที่รัก" แวนเนสทักทายคนรักเสียงหวาน

"คุณนี่!" กลอเรียทำเสียงดุแวนเนสก่อนจะมองเลยไปทางเคน

"สวัสดีค่ะเสี้ยวเทียน วันนี้แวนเนสคงทำคุณตกใจแย่" เคนยิ้มรับคำนั้นก่อนจะส่ายหน้า

"ผมน่ะไม่เท่าไหร่หรอกแต่เจ้าสองตัวนั่นคงตกใจกันน่าดู" พูดจบก็หยุดยืนตรงหน้าหญิงสาว

"พวกมันป่วนคุณบ้างหรือเปล่า?" ย้อนถามหญิงสาวกลับไป

"ไม่หรอกค่ะ เจ้าพีพีกับถางถางน่ารักมาก ชั้นยังบอกกับแวนเนสอยู่เลยว่าถ้าเจ้าสองตัวนี้มีลูกชั้นจะขอมาเลี้ยงซักสองตัว" เคนหัวเราะเบาๆก่อนจะขอตัวเข้าไปหาเจ้าแมวน้อยทั้งสองตัว

"มี่เฟิงไปไหนหละครับกลอเรีย?" แวนเนสถามหาผู้ช่วยอีกคน

"ไปเดินซื้อขนมน่ะค่ะเห็นบอกว่าหิว" กลอเรียตอบ

"อ้าว.....พวกคุณยังไม่ได้กินข้าวอีกหรอ? เห็นมั๊ย? ผมบอกแล้วว่าจะพาไปกินก่อนก็ไม่ยอมไล่ผมกลับบ้านเฉยเลย" แวนเนสทำเสียงงอนๆ

"ก็ชั้นอยากจะให้คุณไปเคลียร์เรื่องยุ่งๆที่คุณก่อขึ้นมาให้จบก่อนน่ะสิคะถึงไม่ได้รั้งคุณไว้ แล้วเป็นยังงัยคะ? ทะเลาะกันอีกหรือเปล่า?" ถามคนรักอย่างเป็นห่วง

"ยิ่งกว่าที่คาดอีกครับ กลับบ้านไปเจ้าเสี้ยวเทียนนั่งน้ำตาหยดแหมะๆอยู่หน้าบ้าน ส่วนเจอร์รี่มันก็หน้าเครียดเชียว เจ้าไจ๋ยังไม่เจอหน้าแต่คาดว่าอาการหนักพอดู" แวนเนสเล่าให้คนรักฟัง กลอเรียจึงได้แต่ส่ายหน้า

"เห็นมั๊ยคะ? ชั้นบอกแล้วว่าอย่าทำแบบนี้ก็ไม่เชื่อ แล้วนี่จะทำยังงัยกันต่อ?" แม้จะบ่นแต่เธอก็เป็นห่วงแวนเนส

"ผมก็จะเอาเจ้าพีพีกับถางถางกลับไปที่คลีนิกแหละครับ แล้วเดี๋ยวจะอธิบายให้ทางร้านฟัง แต่ตอนนี้ปล่อยให้พ่อลูกเขาอยู่ด้วยกันก่อน" พูดจบก็ผงกหัวไปทางหลังร้านที่มีเสียงเจ้าพีพีกับถางถางร้องแว่วออกมา

"รีบไปนะคะแวนเนส อย่าปล่อยให้เรื่องยืดเยื้อกว่านี้ ไม่งั้นเรื่องจะบานปลายได้ง่ายๆ" กลอเรียเตือนคนรัก

"ครับ งั้นผมไปดูน้องก่อน" แวนเนสรับคำแล้วลุกไปดูน้องชายที่หลังร้าน

"งัย? ยิ้มออกแล้วสิ" เดินไปกอดคอน้องชายที่นั่งกอดเจ้าแมวน้อยทั้งสองตัวไม่ห่าง

"มันได้กินอะไรบ้างหรือยัง?" เคนเงยหน้าถามพี่ชาย แวนเนสยิ้มก่อนจะเดินไปหยิบถุงอาหารสำเร็จรูปสำหรับแมวมาวางตรงหน้า

"ชั้นเพิ่งซื้อให้พวกมันหลังจากรับมาได้ไม่นาน แป๊บเดียวกินกันเกือบครึ่งถุงแล้วเนี่ย" อธิบายเป็นเชิงแขวะเจ้าจอมตะกละสองตัวไปด้วย

"ทำไมซื้อยี่ห้อนี้หละ? พวกมันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่" เคนต่อว่าพี่ชายแต่ก็ไม่จริงจังนัก

"รู้ได้ยังงัยว่าพวกมันไม่ชอบ?" แวนเนสถามน้องกลับไป

"ก็มันไม่อร่อย กลิ่นไม่หอมเหมือนยี่ห้อประจำ" เคนเถียงพี่ชายแล้วกอดเจ้าถางถางที่เอาตัวถูไถเขา

"เคยกินหรืองัยถึงได้รู้ว่ามันไม่อร่อย?" ถามน้องด้วยทีท่าขำๆ

"ชั้นกับพวกมันสื่อถึงกันได้" เคนตวัดเสียงพูด

"โอโห! ความสามารถพิเศษที่ไม่มีใครเหมือน" แวนเนสว่าพร้อมกับหัวเราะไปด้วยจึงโดนน้องชายค้อนใส่เข้าให้

"นายโกรธพวกมันสองคนมั๊ย?" หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งแวนเนสก็ถามน้องอย่างเป็นการเป็นงาน

"โกรธมาก" เคนตอบแบบไม่ต้องหยุดคิด

"ถ้ามันสองคนแค้นชั้นก็ควรจะมาลงที่ชั้นคนเดียวไม่ควรเอาเจ้าสองตัวนี้มาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นชั้น" เคนพูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่ค่อนข้างซีเรียส

"สัตว์มันก็มีชีวิตจิตใจ เวลาที่โดนหิ้วไปฝากไว้ที่โน้นทีที่นี่ทีมันจะรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง" แวนเนสมองเคนที่มีสีหน้าเศร้าลง

"ชั้นเข้าใจความรู้สึกนั้นดี เข้าใจว่าเวลาที่ตัวเองโดนทิ้งไว้กับคนแปลกหน้ามันอ้างว้างขนาดไหน....." คำพูดของน้องชายทำเอาแวนเนสอึ้งไป

"เข้าใจว่าเวลาที่ต้องเห็นคนที่เรารักเดินหันหลังจากไปทั้งๆที่เราเองก็พยายามร้องเรียกให้เขากลับมา แต่สิ่งที่ได้รับคือการปฏิเสธ ความรู้สึกแบบนั้นมันเจ็บจนบรรยายไม่ได้เลย....." พูดจบเคนก็ถอนหายใจเบาๆแล้วเอาหน้าซบกับเจ้าถางถางที่ปีนขึ้นมาอ้อนเขา

"ชั้นน่าจะบอกนายตั้งแต่แรก" แวนเนสพึมพำเบาๆ

"ช่างเถอะแวนเนส ยังงัยชั้นก็ได้เจ้าสองตัวนี้กลับมาแล้ว" เมื่อเห็นพี่ชายมีสีหน้าหมองลงเคนจึงเอ่ยปากขึ้นมาเพราะจะว่าไปแล้วแวนเนสนั้นก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย

"อืม...." แวนเนสค่อยยิ้มออกก่อนจะกอดคอน้องชาย

"นายไม่เป็นไรแล้วนะ" ถามน้องอย่างห่วงใย เคนฝืนยิ้มให้พี่ชายก่อนจะส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ

"งั้นก็ดี" แวนเนสว่าแล้วขยี้หัวน้องเบาๆ

"ไป....พามันไปที่คลีนิกดีกว่า" เสร็จแล้วก็ตัดบทด้วยการไปหยิบตระกร้าสำหรับใส่เจ้าพีพีกับถางถางมาให้ เคนจึงจัดแจงอุ้มพวกมันใส่แล้วพากันไปร่ำรากลอเรียก่อนจะรีบตรงไปที่คลีนิกเพื่อเคลียร์เรื่องยุ่งๆให้จบเสียที




 

Create Date : 30 มีนาคม 2552    
Last Update : 30 มีนาคม 2552 23:00:39 น.
Counter : 1022 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  
 
 

loving_zai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




[Add loving_zai's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com