Chapter 96

ตอนที่ 96

"นี่!"  แวนเนสเอานิ้วจิ้มแก้มเคนเบาๆเพราะเห็นว่าเคนนั่งเงียบกริบหลังจากส่งพ่อแม่ขึ้นเครื่องเรียบร้อยแล้ว
"เป็นอะไรไป?"  ถามต่ออย่างห่วงใย เคนหันกลับมาแล้วส่ายหน้า
"แล้วทำไมถึงไม่พูดอะไรเลย?"  ถามน้องต่ออีก
"จะให้พูดอะไรหละ?"  เคนย้อนถามแล้วมองอกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง ทำให้สามพี่น้องที่เหลือเหลือบมองหน้ากันไปมา
"พี่ใหญ่ครับ ครั้งที่แล้วที่พี่กลางพาผมกับพ่อแม่ไปบริจาคให้เด็กกำพร้าพี่ใหญ่กับพี่รองไม่ได้ไปด้วย งั้นวันนี้เราแวะไปที่นั่นหน่อยดีมั๊ย?"  ไจ่ไจ๋เอ่ยเสนอความคิดเห็นขึ้นมา
"อืม....ไปก็ได้"  เจอร์รี่ที่ขับรถอยู่ตอบแล้วเหลือบมองหน้าน้องชายคนกลางอีกครั้ง
"อยากไปมั๊ยเสี้ยวเทียน?"  ถามต่อขึ้นมาอีกครั้ง
"ไปสิ ชั้นก็คิดว่าจะชวนพวกนายไปอยู่พอดี"  เคนตอบแล้วยิ้มเล็กน้อย
"ชั้นอยากเจอเด็กที่ชื่อเคนเหมือนชั้นอีกครั้งไม่รู้ว่าตอนนี้เขามีครอบครัวใหม่ไปหรือยัง"  ขยายความต่ออีก
"นายเล่าเรื่องเด็กคนนี้ให้ชั้นฟังอีกครั้งซิ ชั้นรู้แค่ว่าเด็กคนนี้ชื่อเหมือนนายแต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้ไปอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าได้"  แวนเนสชวนน้องคุย
"เด็กคนนี้น่าสงสารแต่ชั้นว่าเขาคงไม่ต้องการความสงสารจากใครหรอก"  เคนตอบแล้วเล่าต่อ
"นอกจากชื่อเหมือนกันแล้วยังมีบางอย่างที่คล้ายๆชั้นอีกด้วย"  คำตอบของเคนทำให้แวนเนสเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
"หมายความว่ายังงัย?"  ย้อนถามน้องด้วยความอยากรู้
"พวกนายรู้หรือเปล่าว่าครอบครัวของเคนเขารวยมาก แต่ที่เขาต้องไปอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านั้นก็เพราะว่าพ่อแม่พี่น้องของเขาตายกันหมดแล้ว"  จบประโยคของเคนภายในรถก็ตกอยู่ในความเงียบครู่หนึ่ง
"ไม่เหลือใครเลยหรอ?"  เจอร์รี่เป็นคนถามทำลายความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง
"ใช่....ไม่เหลือใครเลยแม้แต่คนเดียว"  เคนพยักหน้าตอบพร้อมกับขยายความ
"แล้วทำไมญาติพี่น้องของเด็กคนนั้นถึงตายหมดหละครับ?"  ไจ่ไจ๋ถามต่อบ้าง
"เกิดอุบัติเหตุน่ะ"  เคนตอบด้วยแววตาเศร้าลง
"อุบัติเหตุ?"  ไจ่ไจ๋ทวนคำแล้วมองหน้าพี่ชาย ในขณะที่เจอร์รี่กับแวนเนสพากันเงียบ
"เครื่องบินตก"  คำตอบเช่นนี้ทำเอาทุกคนที่ได้ยินพากันอึ้ง เพิ่งเข้าใจว่าทำไมเคนถึงได้บอกว่านอกจากชื่อที่เหมือนกันแล้วยังมีบางอย่างคล้ายกันอีกซึ่งก็คือต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกนั่นเอง
"ภายในพริบตาสิ่งที่เคยมีก็หายวับไปกับตา เคนเขากลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครในโลกที่มีสายเลือดเดียวกับเขาอีกเลย พวกนายคิดดูนะว่าก่อนขึ้นเครื่องบินเด็กคนนี้จะมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้ไปเที่ยวกับญาติพี่น้องทั้งครอบครัว"  เคนพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ
"ชั้นว่าถ้าตอนนั้นเขาเลือกได้เขาคงเลือกที่จะไม่ไปไหน ขอแค่อยู่ด้วยกันในบ้านที่ปลอดภัยมันก็คงเพียงพอแล้ว"  คำพูดของเคนทำให้พี่ๆน้องๆพลอยรู้สึกสะเทือนใจไปด้วยไม่น้อย
"คนเราไม่ได้เกิดมาโชคดีเสมอไปหรอก อุปสรรคทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตจะทำให้เด็กคนนั้นเข้มแข็งและเติบโตขึ้นมาอย่างสง่างามได้แน่นอน"  แวนเนสว่าพร้อมกับโอบไหล่น้อง
"เหมือนกับเด็กคนนึงที่ชั้นรู้จักมาทั้งชีวิต ชั้นรู้ว่าในใจเขาทั้งทุกข์และเศร้าแต่สุดท้ายเขาก็ผ่านมาได้ แถมผ่านมาได้อย่างน่านับถืออีกด้วย"  เคนได้ยินพี่ชายพูดเช่นนั้นก็น้ำตาซึม
"ก็เหมือนกับที่นายคิดว่าเด็กคนนั้นอาจจะเศร้าหรือนึกโทษโชคชะตาของตัวเองอยู่ แต่เชื่อชั้นสิว่าวันนึงเขาจะนึกขอบคุณโลกใบนี้ที่ได้ให้ประสบการณ์อันล้ำค่ากับเขาและได้สอนให้เขารู้จักคำว่าชีวิตอย่างแท้จริง"  แม้ในเวลาปกติแวนเนสอาจจะชอบพูดเล่นหรือเย้าแหย่พี่น้องแต่ในสถานการณ์เช่นนี้เขาก็พูดได้ดีไม่แพ้กัน
"ขอบคุณครับ"  เคนพูดกับพี่ชายเบาๆ
"ที่นั่งเงียบมาตลอดทางนี่กะจะแกล้งเบี่ยงเบนความสนใจของชั้นกับเจอร์รี่หรือเปล่าเนี่ย? ไม่มีพ่อแม่คอยปกป้องแล้วนี่"  เมื่อเห็นว่าบรรยากาศดูเป็นทางการมากเกินไปแวนเนสก็พูดเล่นขึ้นมาซะเอง
"ไอ้บ้า!!"  แล้วก็ได้ผลเพราะแหวใส่ขึ้นมาทันที ทำให้พี่ใหญ่กับน้องเล็กพลอยยิ้มได้ด้วย
"หึๆๆๆ"  แวนเนสหัวเราะเบาๆแล้วโน้มหัวน้องมาซบที่ไหล่เขาก่อนจะยักคิ้วให้พี่น้องอีกสองคน  
"นายรีบขับไปให้ถึงที่เร็วๆ ชั้นอยากจะรู้ว่าคนที่ชื่อเหมือนกันหุ่นจะเหมือนกันด้วยหรือเปล่า"  แวนเนสไม่วายแซวน้องอีก
"หุบปากไปเลยนะ!! กวนอารมณ์ชั้นอยู่เรื่อย! ไปไกลๆเลย!"  เคนโวยวายอย่างขัดใจพร้อมกับผลักพี่ชายแรงๆ
"พี่กลางนี่อารมณ์แปรปรวนจัง ระวังจะแก่เร็วนะ"  ไจ่ไจ๋ได้ทีแซวพี่ชายบ้าง
"เดี๋ยวโดน! คนอย่างพี่นี่แหละอารมณ์เสถียรที่สุดแล้ว คนที่แปรปรวนที่สุดน่ะข้างๆนายต่างหาก"  เคนว่าแล้วว่าพี่ชายคนโตหน้าตาเฉย
"มาถึงชั้นจนได้นะ! ระวังตัวไว้เถอะนะ อย่าลืมว่าพ่อแม่ไม่อยู่คอยโอ๋นายแล้ว"  เจอร์รี่พูดขู่น้อง
"แล้วงัยหละ?"  เคนเบ้ปากใส่พี่ชาย
"แวนเนส! ชั้นฝากซักทีเถอะ"  พี่ใหญ่พูดกับแวนเนส
"ได้เลย!"  แวนเนสรับคำแล้วยกมือจะเขกหัวน้องแต่เคนง้างมือขึ้นเช่นกัน
"นายดูมันนะ"  แวนเนสหันไปฟ้องพี่ชาย
"เสี้ยวเทียน! ให้มันน้อยๆหน่อย"  พี่ใหญ่เอ่ยปรามน้อง
"ก็เรื่องอะไรจะมาเขกหัวชั้นหละ?"  เคนเถียงฉอดๆ น้องเล็กที่นั่งดูพี่ๆอยู่อมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว แม้เขาเองจะไม่ค่อยชอบให้พี่ชายทั้งสามคนเถียงกันแต่ในเวลานี้เขากลับรู้สึกดีที่ได้ยินเสียงพี่ชายทั้งสามคนเอะอะใส่กันเพราะอย่างน้อยมันก็เป็นเครื่องยืนยันว่าพี่ชายทั้งสามคนยังอยู่กับเขาตรงนี้
"ชั้นสั่งให้มันทำ มีปัญหาหรอ?"  เจอร์รี่ทำเสียงห้วน
"มีสิ"  เคนตอบกวนๆ 
"นี่แหนะ!"  แวนเนสเห็นว่าเคนไม่ทันระวังตัวเลยทุบหัวน้องเข้าให้จริงๆ
"รำคาญโว้ย! กลับไปนั่งเงียบๆซึมๆเหมือนเดิมเลยไป!"  แหวใส่เข้าให้อีกยกนึง ทำให้เคนได้แต่อ้าปากค้าง
"เถียงกันอยู่ได้ น้องมันมองตาปริบๆแล้วนั่น! เดี๋ยวน้องมันก็เครียดตายพอดีวันๆนั่งมองพี่มันเถียงกันทั้งวัน"  แวนเนสว่าพร้อมกับยกน้องเล็กมาอ้าง
"น้องมันรู้จักแยกแยะหรอก! มันรู้ดีด้วยว่าชั้นโดนรุมอยู่คนเดียว!"  เคนยังไม่ยอมหยุด
"เนอะไจ่ไจ๋เนอะ"  หันมาพยักเพยิดกับน้องเพื่อหาพวก
"ไม่มีความเห็นครับ"  ไจ่ไจ๋ตอบยิ้มๆ
"แต่ที่แน่ๆผมไม่เครียดหรอก รู้สึกดีด้วยซ้ำที่ได้ยินเสียงพวกพี่สามคนพร้อมๆกัน"  คำพูดของน้องเล็กทำให้สายตาสามคู่หันมามองเห็นจุดเดียว
"แต่ผมขอร้องนะครับว่าเถียงกันได้แต่ห้ามทะเลาะกันเด็ดขาดไม่งั้นผมจะนั่งร้องไห้ให้ดูเลย"  น้องเล็กประกาศซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะจากพวกพี่ๆได้เป็นอย่างดี
"พวกนายสองคนอยากเห็นเด็กโง่บางคนร้องไห้มั๊ยวะ?"  เคนเอ่ยถามพี่ชายทั้งสองคน
"อืม....ท่าจะดีนะ"  แวนเนสเห็นด้วยแล้วหลิ่วตาให้เคนอย่างเจ้าเล่ห์
"อ๊ะ! จะทำอะไรกัน! ไม่เอานะ! พี่ใหญ่ช่วยผมด้วย!!!!"  ไจ่ไจ๋ร้องลั่นเมื่อโดนพี่ชายสองคนจับมือคนละข้างและร่วมมือกันจี้เอวเขายกใหญ่ ส่วนคนที่น่าจะให้ความช่วยเหลือเขาได้กลับนั่งหัวเราะร่าไปด้วย
"ฮ่าๆๆๆ!!!! หยุดได้แล้วพี่รองพี่กลาง!!"  ไจ่ไจ๋หัวเราะลั่นพร้อมกับดิ้นไปมาอยู่ที่เบาะด้านหน้าเพราะโดนล็อกมือทั้งสองข้าง
"พอแล้วๆๆๆ! เดี๋ยวมันดิ้นจะเอาเท้ามาเปลี่ยนเกียร์แล้วจะยุ่ง"  พี่ใหญ่ร้องห้ามเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวดีสองคนยังแกล้งน้องไม่เลิก 
"นิสัยไม่ดี! ชอบแกล้งผมอยู่เรื่อยเลย! เดี๋ยวลงรถได้ก่อนเถอะจะเอาคืนให้สาสมเชียว!"  เมื่อถูกปล่อยตัวเป็นอิสระแล้วไจ่ไจ๋ก็โวยวายยกใหญ่ 
"จะรอนะน้องรัก"  เคนว่าพร้อมกับยักคิ้วอย่างกวนๆ
"ไปแกล้งมันเดี๋ยวก็งานเข้าหรอก"  เจอร์รี่เอ่ยเตือนน้องชายคนกลางยิ้มๆ
"พี่ใหญ่เงียบไปเลยนะ! พี่น่ะตัวดีไม่ลงมือแต่สนับสนุนเต็มที่เลยนะ สนุกมากหรืองัยที่เห็นผมโดนแกล้งน่ะ!"  น้องเล็กแหวใส่ทำเอาพี่ใหญ่อึ้งไปเลย
"คนที่งานเข้าไม่ใช่ชั้นแล้วแหละ"  เคนป้องปากกระซิบข้างหูพี่ชายก่อนจะเอนหลังพิงกับเบาะแล้วหันไปหัวเราะคิกคักกับแวนเนส ปล่อยให้พี่ใหญ่ได้แต่นั่งยิ้มแหยๆโดนมีน้องเล็กทำหน้าหน้ากระเง้ากระงอดอยู่ไม่ห่าง

- สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า -
"ทำไมวันนี้คนเยอะจัง"  ไจ่ไจ๋บ่นเมื่อมาถึงที่หมายแล้วก็พบว่ามีคนมากหน้าหลายตาพร้อมกับมีรถจอดอยู่เรียงราย
"นี่งัย....เขาบอกว่าวันพบผู้อุปการะ"  แวนเนสชี้ป้ายผ้าใบให้น้องดู 
"อ้อ! ไม่น่าหละ"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วลงไปจากรถคนแรก
"ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าเขามีจัดแบบนี้ด้วย"  เคนว่าแล้วก็เดินตามน้องเล็กลงมา
"งั้นแสดงว่าวันนี้เด็กๆคงมีความสุขกันแน่ๆ"  ไจ่ไจ๋หันไปพูดกับพี่ชายด้วยรอยยิ้ม
"อืม...พี่ก็หวังอย่างนั้น"  เคนยิ้มตอบน้องแล้วเอี้ยวตัวไปมองพี่ชายอีกสองคน
"เข้าไปข้างในกันเถอะ"  เคนเอ่ยชวนและเดินนำเข้าไปข้างใน
"เอ๊ะ! คุณที่มาคราวนั้นนั่นเอง"  เจ้าหน้าที่สาวเอ่ยทักเมื่อเห็นเคนเดินเข้ามา 
"ครับ วันนี้ผมพาพี่ชายอีกสองคนมาด้วย"  เคนตอบพร้อมกับยิ้มให้
"มาได้เวลาพอดีเลย วันนี้เป็นวันที่เด็กๆจะได้พบผู้อุปการะของพวกเขากัน ตอนแรกชั้นเสนอให้ทางผู้ใหญ่แจ้งให้คุณทราบด้วย แต่เห็นท่านบอกว่าคุณไม่ชอบใพิธีรีตองอะไร"  เจ้าหน้าที่คนเดิมกล่าว
"ครับ ไม่เป็นไรหรอก วันนี้ถือว่าโชคดีที่แวะมาพอดี"  เคนยิ้มรับแล้วมองไปในห้องของเด็กๆที่มีคนใจบุญกำลังเล่นหยอกล้อกับเด็กกำพร้าเหล่านั้นอยู่
"ที่สนามเด็กๆกำลังกินเลี้ยงกันอยู่เลยค่ะ ถ้าอยากไปสมทบก็เชิญได้นะคะ"  เจ้าหน้าที่กล่าวแล้วหยิบสมุดมายื่นให้
"รบกวนเซ็นสมุดเข้าเยี่ยมให้ด้วยค่ะ"  เคนรับมาแล้วส่งต่อให้น้องเล็กเป็นคนจัดการ
"ขอบคุณมากนะครับ งั้นเดี๋ยวพวกเราขอตัวไปพบเด็กๆหน่อย"  เคนว่าแล้วก็พยักหน้ากับพี่น้องก่อนจะเดินนำไปที่สนาม
"เด็กคนไหนที่นายพูดถึง?"  แวนเนสสะกิดถามน้อง
"อืม....ชั้นก็ยังไม่เห็น"  เคนว่าพร้อมกับกวาดสายตามองหา
"ไปเล่นที่ไหนหละมั้ง"  เจอร์รี่ให้ความเห็นแล้วยอตัวนั่งลงเมื่อเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมาหา
"สวัสดีจ๊ะ"  เจอร์รี่เอ่ยทักทายเด็กน้อยคนนั้น
"พี่จะมาพาผมไปอยู่ด้วยหรือเปล่า?"  เด็กคนนั้นถามพร้อมกับมองหน้าเจอร์รี่ด้วยแววตาไร้เดียงสา ทำเอาคนถูกถามอึ้งไป
"ทำไม? อยากไปอยู่กับพี่หรอ?"  เจอร์รี่ย้อนถาม
"ครับ"  เด็กคนนั้นพยักหน้า
"เมื่อวานมีคนมารับเคนไปอยู่ด้วย เคนมีพ่อแม่แล้ว ผมก็อยากมีเหมือนกัน"  คำตอบของเด็กคนนั้นทำให้เคนหันขวับมามอง
"หนูบอกว่างัยนะ? เคนมีคนรับไปอยู่ด้วยแล้วหรอ?"  เคนถามย้ำ
"ใช่ครับ แต่เคนเขาบอกผมว่าไม่อยากไปเพราะเขาอยากอยู่กับพี่เลี้ยงมากกว่า"  เด็กคนนั้นตอบ 
"ผมก็คิดถึงเขาเพราะเรานอนใกล้กัน เคนชอบเล่านิทานให้ผมฟัง เขาบอกว่าแม่เขาเคยเล่าให้ฟัง สนุกทุกเรื่องเลย"  คำพูดของหนูน้อยทำให้สี่พี่น้องพูดอะไรไม่ออก
"แสดงว่าเด็กคนนั้นได้ครอบครับที่อบอุ่นแล้วหละ"  เจอร์รี่มองหน้าน้องชายคนกลางพร้อมกับเอ่ยเบาๆ
"อืม....เป็นอย่างนั้นก็ดี"  เคนว่าแล้วก็เอามือขยี้หัวเด็กชายตรงหน้า
"วันนี้เป็นยังงัยครับ? มีขนมกินหรือเปล่า?"  เคนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"มีครับ ผมอยากให้มีวันนี้ทุกวันเลย"  คำตอบนั้นทำให้ชายหนุ่มทั้งสี่คนรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
"พี่ไปกินขนมกับผมนะครับ"  เด็กชายว่าพร้อมกับดึงมือของเคน
"อืม"  เคนผงกหัวแล้วหันมาทางพี่น้อง 
"ไปด้วยกันนะ"  บอกกับพี่น้องอีกสามคน ดังนั้นทั้งสามคนจึงเดินเข้ามาในบริเวณที่จัดงาน
"คุณเสี้ยวเทียน"  เจ้าหน้าที่สาวคนที่เป็นคนเล่าเรื่องราวของเด็กชายที่ชื่อเคนเดินเข้ามาเอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"สวัสดีครับ"  เคนก้มหัวให้ก่อนจะหันไปทางพี่น้องของตัวเอง
"นี่พี่ชายคนโตของผม ส่วนนี่พี่ชายคนรอง แล้วนี่ก็น้องชายคนเล็กครับ"  เคนแนะนำพี่น้องทั้งหมด
"ยินดีที่มานะคะ ยังนึกอยู่เลยว่าคุณจะมาหรือเปล่า"  คำพูดของเจ้าหน้าที่ทำให้เคนเลิกคิ้วเล็กน้อย
"อันที่จริงกำหนดการณ์เดิมเคนเขาต้องไปจากที่นี่ในวันนี้ค่ะ แต่ทางผู้ปกครองที่ศาลตั้งให้มารับก่อนกำหนดวันนึง เขาเลยย้ายออกไปตั้งแต่เมื่อวาน"  เธอขยายความ
"ก่อนหน้านั้นเขาบอกกับชั้นว่าเขารอให้ถึงวันนี้เพราะมั่นใจว่าคุณต้องมาแน่นอน วันนี้ถือเป็นวันพิเศษของเด็กทุกคนที่นี่ค่ะเพราะจะเป็นวันที่พวกเขาได้รับการดูแลเอาใจใส่มากเป็นพิเศษ รวมถึงเขาจะได้รับอ้อมกอดที่พวกเขาโหยหามันมานานด้วยค่ะ"  คำบอกเล่าของเธอทำให้เคนอึ้งไป
"เขาตื้นเต้นมากนะคะที่ได้เจอคนที่มีชื่อเหมือนเขา"  เคนยิ้มแบบฝืนๆแต่ก็พยักหน้ารับ
"เขาบอกกับชั้นว่าวันนี้คุณจะต้องมาหาเขาอีกแน่ ตอนแรกชั้นดุว่าเขาพูดจาเหลวไหล แต่รู้สึกว่าชั้นจะผิดเองที่ไม่เชื่อเขาแต่แรก"  เธอเอ่ยแล้วยิ้มเศร้า
"พอเขาไม่อยู่มันก็รู้สึกแปลกๆไป เพราะเขาเป็นคนเดียวที่โดนชั้นจู้จี้มากเป็นพิเศษ"  เธอขยายความ
"ผมว่าเขาก็รักคุณมากเหมือนกัน เมื่อกี้มีเด็กคนนึงบอกว่าเคนเขาอยากอยู่กับคุณมากกว่า"  เคนพูดเป็นเชิงปลอบ
"เขาก็ปากหวานแบบนี้ทุกครั้งแหละค่ะ เชิญพวกคุณตามสบายนะคะ"  พูดจบเธอก็ขอตัวไปดูแลเด็กๆ
"น่ารักดีหนิพี่กลาง"  ไจ่ไจ๋ที่ยืนอยู่ข้างๆกระซิบที่หูพี่ชายเบาๆ
"อะไร?"  เคนขมวดคิ้วด้วยความงุนงง
"ก็พี่คนนั้นงัย ปิ๊งกันหรือเปล่า? เห็นทักทายสนิทสนมเชียว"  น้องเล็กพูดยังไม่ทันจบประโยคดีก็โดนพี่ชายตบหัว
"ไอ้บ้า! คิดแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้!"  ดุน้องเบาๆแล้วชวนน้องไปเล่นกับเด็กๆ 
"นายว่ามันจะเป็นอะไรมั๊ยวะ?"  หลังจากที่น้องชายสองคนเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับเด็กๆที่สนามแล้วแวนเนสก็เอ่ยถามพี่ชาย
"ไม่หรอกมั้ง? น้องเรามันเข้มแข็งจะตายไป"  เจอร์รี่ตอบแล้วยิ้มให้แวนเนส
"ก็เหมือนที่นายบอกงัยว่าต่อให้หนักหนาเท่าไหร่น้องก็ผ่านมาได้อย่างสวยงาม"  แวนเนสยิ้มเมื่อพี่ชายอ้างคำพูดของเขา
"ชั้นเพิ่งรู้นะว่านายเองก็พูดคำคมเป็นกับคนอื่นเขาเหมือนกัน นึกว่าจะพูดได้แต่เรื่องไร้สาระ"  เจอร์รี่แขวะน้องต่ออีก
"ไอ้บ้า! ใครมันจะไปพูดเล่นได้ตลอดเวลาวะ!"  แวนเนสว่าพร้อมกับชกไหล่พี่ชายเบาๆ
"หึๆๆๆ"  เจอร์รี่หัวเราะเบาๆแล้วโอบไหล่น้องชาย 
"ไปหาน้องกันเถอะ"  ชวนแวนเนสให้เข้าไปสมทบกับน้องและเด็กๆด้วย

- วันต่อมา -
"อรุณสวัสดิ์ครับพี่ใหญ่"  ไจ่ไจ๋ที่อยู่ในชุดที่พร้อมจะไปเรียนเอ่ยทักทายพี่ชายคนโตที่กำลังง่วนกับการทำอาหารเช้าอยู่
"อรุณสวัสดิ์ วันนี้ตื่นเองได้หรอ?"  เอ่ยแซวน้องชายยิ้มๆ
"ได้สิครับ ไม่งั้นเพื่อนๆเอาตายแน่เพราะวันนี้นัดแบ่งงานกันออกไปรายงานหน้าชั้นเรียน"  ไจ่ไจ๋ตอบแล้วมองเลยไปที่อาหารบนโต๊ะ
"ทำไมเช้านี้อาหารเยอะจัง"  เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าบนโต๊ะมีอาหารหลากหลายวางอยู่
"ก็พอดีเมื่อวานกับข้าวที่เจ้าพี่กลางทำมันมีเหลืออยู่ แล้วบางส่วนพี่ก็เพิ่งทำเพิ่ม กลัวพวกเราจะไม่พอกินน่ะสิ"  เจอร์รี่ตอบแล้ววางถ้วยน้ำแกงลงบนโต๊ะ
"ไปตักข้าวมากินสิ จะได้รีบไป"  เร่งน้องเพราะเห็นว่าน้องมีนัด น้องเล็กได้ยินก็เดินไปตักข้าวสำหรับตัวเองและพี่ชาย
"พี่รองกับพี่กลางยังไม่ตื่นหรอ?"  ไจ่ไจ๋ถามต่อพร้อมกับวางจานข้าวให้พี่ชาย
"ยังไม่มีท่าทีว่าจะตื่นเลยทั้งคู่"  พี่ใหญ่ตอบแล้วตักกับข้าวให้น้องชาย
"ขอบคุณครับ"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วตักข้าวกิน
"ช่วงนี้การเรียนเป็นยังงัยบ้าง? มีปัญหาอะไรบ้างมั๊ย?"  เจอร์รี่ถามเรื่องราวของน้องชายเพราะระยะหลังมาเขาไม่ค่อยมีเวลามานั่งคุยกับน้องแบบนี้มากนัก
"ก็เรื่อยๆครับ ไม่มีปัญหาอะไร แต่เห็นรุ่นพี่บอกว่าปีสามหนักกว่านี้เยอะเลย"  ไจ่ไจ๋บอกหลังจากกลืนข้าวคำโตลงคอ
"งั้นเราก็ต้องขยันหน่อย อีกสองปีก็จบแล้ว"  เจอร์รี่พูดให้กำลังใจ
"ผมก็พยายามอยู่ครับ เดี๋ยวนี้ที่ผมกลับบ้านเย็นกว่าเมื่อก่อนก็เพราะเพื่อนๆนัดอ่านหนังสือด้วยกันหลังเลิกเรียนน่ะ"  ไจ่ไจ๋ให้เหตุผล
"ดีแล้ว มีอะไรไม่เข้าใจก็ปรึกษาเพื่อนๆดู หรือถ้าเพื่อนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันก็ค่อยรวบรวมคำถามไปถามอาจารย์อีกครั้ง"  เจอร์รี่แนะนำน้อง
"ครับ....แล้วตอนนี้ก็ใกล้จะสอบกลางภาคแล้วต้องเลยขยันมากๆหน่อย แต่ก่อนสอบผมจะได้หยุดอ่านหนังสือหนึ่งอาทิตย์เต็มๆเลย"  ไจ่ไจ๋เล่าให้พี่ชายฟังอีก
"ขยันตอนนี้เพราะเวลาที่เขาหยุดให้อ่านหนังสือผมจะได้มีเวลาพักผ่อนงัย"  ไจ่ไจ๋พูดต่อยิ้มๆ
"เจ้าเล่ห์นักนะเรา! รีบๆกินข้าวซะ เดี๋ยวไปสาย"  เจอร์รี่ต่อว่าน้องชายแล้วตัดบทให้น้องรีบกินข้าว  
"ครับ"  ไจ่ไจ๋ยิ้มรับแล้วกินข้าวต่อจนหมด
"ผมไปเรียนก่อนนะครับพี่ใหญ่"  น้องเล็กหันกลับมาเอ่ยลาพี่ชาย
"อืม....รีบไปเถอะ.....ขับรถขับราให้มันดีๆหละ"  ไม่วายกำชับน้องเหมือนเช่นทุกวัน ไจ่ไจ๋ไม่ตอบแต่โบกมือให้แทนก่อนจะออกจากบ้านไป เมื่อน้องออกไปแล้วเจอร์รี่จึงเก็บจานที่ข้าวไปล้างและออกมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่ห้องนั่งเล่น ในตอนนั้นเคนก็เพิ่งตื่นลงมา
"ยังไม่ไปทำงานอีกหรอ"  เคนถามเมื่อเห็นพี่ชายยังไม่ออกจากบ้าน 
"นึกว่าเราจะนอนไปถึงพรุ่งนี้เสียอีก"  เจอร์รี่ไม่ตอบแต่เอ่ยแซวน้องแทน
"ไม่ต้องมาแขวะหรอกน่า ช่วงนี้เป็นวันหยุดของชั้นนอนตื่นสายบ้างจะเป็นอะไรไป แล้วอีกอย่างมันก็ไม่ได้สายมากมายอะไรซักหน่อย ตื่นก่อนแวนเนสมันอีก"  เคนเถียงพี่ชายแล้วเดินมานั่งลงข้างๆ
"ชั้นพูดหน่อยเดียวเถียงซะยาวเชียว"  พี่ใหญ่หัวเราะเบาๆแล้วเอามือลูบหัวน้องด้วยความเอ็นดู
"ไปไหนหรือเปล่าวันนี้?"  ถามน้องชายต่ออีก
"ทำไมจะบังคับให้ชั้นไปช่วยงานนายอีกหรอ?"  เคนถามดักคอพี่ชาย จากที่ลูบหัวน้องตอนแรกเจอร์รี่เลยเปลี่ยนเป็นเขกหัวให้ซักที
"ถ้าชั้นพูดแบบนั้นจะไม่ไปหรืองัย?"  ถามน้องชายกลับไป
"ไม่ไป!"  เคนกระแทกเสียงแล้วทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชาย ทำให้พี่ใหญ่รู้สึกขำ
"ช่วงนี้นายควรจะทำตัวให้น่ารักกับพี่ใหญ่นะ เพราะพ่อแม่ไม่อยู่คอยช่วยแล้วอย่าลืม"  ว่าพลางหยิกแก้มน้องอย่างหมั่นไส้
"กลัวตายหละ! ถ้าขืนนายทำอะไรชั้นคอยดูเถอะชั้นจะหนีไปอยู่กับคนอื่นเลย"  เคนท้าทายเหมือนเด็กๆ
"หนอยแหนะ! กล้าขู่ชั้นหรอ?"  พี่ใหญ่กัดฟันแล้วหยิกแก้มน้องซ้ำอีกที
"โอ๊ย! เจ็บนะ!"  เคนร้องพร้อมกับตีมือพี่ชาย
"สมน้ำหน้า!"  เจอร์รี่ซ้ำเติมแล้วเบ้ปากใส่
"ไปทำงานดีกว่า เบื่อเด็กดื้อ!"  พูดจบเจอร์รี่ปล่อยมือแล้วหันมาพับหนังสือพิมพ์เก็บเข้าที่
"มีกับข้าวอยู่บนโต๊ะนะ หิวก็อุ่นกิน แล้วถ้าจะออกไปเที่ยวไหนโทรมาบอกด้วยหละ เข้าใจมั๊ย?"  สั่งกำชับน้องเสร็จเจอร์รี่ก็ลุกขึ้นไปค้นเอกสารที่เขาจะต้องติดเอาไปที่ทำงานด้วย โดยที่เคนนั่งมองพี่ชายเงียบๆ จนเจอร์รี่ผิดสังเกตที่น้องไม่พูดตอบโต้อะไรเขาอีก
"ทำไมเงียบไป? เป็นอะไรหืม?"  ถามน้องด้วยความเป็นห่วง
"นายนี่แปลกคน เวลาชั้นพูดเดี๋ยวนายก็บ่นว่ารำคาญพอไม่พูดก็ยังจะมาถามอีก"  เคนต่อว่าพี่ชาย
"นายนั่นแหละแปลกคน ชั้นถามว่าเข้าใจที่ชั้นสั่งหรือเปล่านายก็เงียบ"  เจอร์รี่ย้อนแล้วเดินกลับมายืนตรงหน้าน้องชาย
"ตกลงมีอะไรอยากเล่าให้ชั้นฟังมั๊ย?"  ถามน้องไปตรงๆเพราะรู้ว่าน้องคงอยากบอกอะไรกับเขา 
"เอ่อ...."  เคนส่งเสียงอย่างลังเล
"มีอะไรก็พูดมา"  พี่ใหญ่เร่ง
"เมื่อคืนชั้นฝันอีกแล้ว"  เคนเล่าให้พี่ชายฟัง เจอร์รี่ได้ยินก็นั่งลงตามเดิม
"แต่คราวนี้อาเจียงไม่ได้มาชวนชั้นไปอยู่ด้วยแล้ว แต่เขามายิ้มให้ชั้นแล้วบอกว่าเขารู้แล้วว่าชั้นได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้จริงๆ"  เจอร์รี่ได้ยินก็ค่อยโล่งอก
"แสดงว่าอาเจียงรับรู้ถึงสิ่งที่นายทำให้เขาแล้ว"  ว่าพลางเอามือโยกหัวน้องไปมาเบาๆ
"แล้วที่สำคัญ....ในความฝันชั้นได้ทำสิ่งที่อาเจียงอยากให้ชั้นทำให้ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ด้วย"  เคนเล่าพร้อมกับยิ้มแต่กลับมีน้ำตาคลอเบ้า
"ทำอะไรหรอ?"  พี่ใหญ่ถามน้องอีก
"ชั้น....เรียกเขา.....ว่าพ่อ...."  เคนบอกแล้วยิ้มทั้งน้ำตาทั้งที่พยายามจะไม่ให้น้ำตาต้องไหลออกมาแต่เขาก็อดไม่ได้
"สีหน้าอาเจียงดีใจมาก ถึงแม้มันจะเป็นแค่ความฝันแต่ชั้นก็รู้ว่าชั้นได้ทำในสิ่งที่ชั้นได้ติดค้างอาเจียงมาตั้งนานแล้ว"  เคนพูดจบก็เอามือปาดน้ำตาออก
"ในความเป็นจริงชั้นไม่กล้าเรียกเขาว่าพ่อแม้ในใจอยากจะทำแบบนั้น เพราะมันไม่ยุติธรรมกับพ่อที่ให้กำเนิดชั้นมา"  เจอร์รี่ไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่ลูบหัวน้องเบาๆ
"ชั้นมีพ่อได้แค่คนเดียวถูกมั๊ย?"  เคนย้อนถามพี่ชาย
"คนเราทุกคนมีพ่อผู้ให้กำเนิดได้แค่คนเดียวก็จริง แต่ถ้าเราจะมีความรู้สึกรักและผูกพันกับใครคนหนึ่งเหมือนกับที่เรามีให้พ่อแท้ๆมันก็คงจะไม่ผิดหรอกนะเสี้ยวเทียน"  พี่ใหญ่ตอบ
"นายเองก็เคยบอกว่าพี่เป็น 3 IN 1 สำหรับนายไม่ใช่หรอ?"  ย้อนถามน้องกลับไปอย่างนุ่มนวล เคนนิ่งไปซักพักก่อนจะยิ้มตอบพี่ชาย
"ใช่....นายเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ทั้งพี่ชายของชั้น"  พูดพลางหัวเราะเบาๆ
"อาเจียงก็เป็นทั้งญาติผู้ใหญ่และก็เป็นพ่อชั้นได้เหมือนกัน ใช่มั๊ย?"  เคนพูดต่อ เจอร์รี่ยิ้มแล้วพยักหน้าให้น้อง
"ขอบคุณนะครับ"  พูดจบเคนก็สวมกอดพี่ชาย ทั้งที่ปกติเขาเองก็ไม่ค่อยเป็นฝ่ายที่เริ่มแสดงออกก่อนแต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกอยากกอดพี่ชายคนนี้
"ถึงพี่ใหญ่จะเป็น 3 IN 1 ให้นายได้แต่ขอร้องเถอะนะว่าอย่าเรียกพี่ใหญ่ว่าพ่อเลย มันแก่ไปน่ะ"  พี่ใหญ่พูดกับน้องขำๆ ทำให้เคนหัวเราะออกมาได้อย่างเต็มเสียง
"สองพี่น้องขำอะไรกันวะ? เสียงดังลั่นไปถึงข้างบนเลย"  แวนเนสเดินหาวหวอดๆเอ่ยปากทัก
"เว่อร์เกินไปแล้ว! เสียงดังอะไรขนาดนั้น"  เคนต่อว่าพี่ชายแล้วถามต่อ
"ไม่มีงานทำหรืองัยวันนี้?"  แวนเนสบิดขี้เกียจซ้ายทีขวาทีก่อนจะตอบ
"วันนี้ไม่มี แต่พรุ่งนี้มี"  ตอบคำถามเสร็จก็พูดเปรยๆต่อ
"วันนี้เลยกะว่าจะไปออกกำลังกาย แล้วก็ยังหาคนไปด้วยไม่ได้เลย"  จบประโยคของแวนเนส เคนก็แสร้งหันไปจับหนังสือใกล้มือขึ้นมาอ่านเพราะกลัวจะโดนพี่ชายลากตัวไปออกกำลังกายด้วย ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เขาไม่โปรดเท่าไหร่และยิ่งไปกับแวนเนสด้วยแล้วเขาจะโดนบังคับให้ออกกำลังกายจนแทบเป็นลมเลยทีเดียว
"ก็ดีนี่ ดูแลสุขภาพตัวเองแบบนี้เป็นเรื่องที่ควรทำใช่มั๊ยเสี้ยวเทียน?"  พี่ใหญ่เลยแกล้งเกริ่นถามน้องชายคนกลางให้เสียเอง
"พูดมากอยู่ได้ เมื่อไหร่จะไปทำงานซักทีหละ? เดี๋ยวก็สายหรอก!"  เคนไม่ตอบแต่ทำเป็นเอ็ดพี่ชายกลบเกลื่อน
"งั้นชั้นเปลี่ยนแผนดีกว่า เดี๋ยวเย็นๆออกไปหาที่นั่งดื่ม ไม่รู้จะมีใครไปด้วยหรือเปล่า?"  แวนเนสแกล้งเปรยขึ้นมาอีก ทำให้เคนตาวาวขึ้นมาทันที
"ชั้นว่าง! ไปเป็นเพื่อนนายได้"  ให้คำตอบโดยไม่ต้องคิด 
"เดี๋ยวโดน!"  เจอร์รี่เอ็ดพร้อมกับทำตาขวางใส่
"ไอ้เรื่องที่ดีต่อสุขภาพไม่เคยคิดจะทำ แต่ไอ้เรื่องทำลายสุขภาพน่ะชอบนัก!"  ทำเสียงเข้มใส่น้องชาย 
"ก็ชั้นเห็นแวนเนสไปคนเดียวคงจะเหงา ก็เลยจะไปเป็นเพื่อนเท่านั้นเอง"  เคนแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ทำเอาแวนเนสหัวเราะก๊ากกับความเจ้าเล่ห์ของน้อง
"นายสองคนนะเรื่องเหล้ายาปลาปิ้งให้มันน้อยๆหน่อย!"  พี่ใหญ่อดที่จะบ่นน้องอีกไม่ได้
"ไอ้เรื่องเหล้าน่ะพอเข้าใจ ส่วนยาก็ไม่เคยใช้อยู่แล้ว แต่ไอ้ปลาปิ้งเนี่ยมันอันตรายตรงไหนหรอ? ทำไมต้องห้ามด้วย?"  เคนย้อนถามพี่ชายอย่างติดกวนเล็กน้อย 
"ฮ่าๆๆ!!! นั่นสิ! นายตอบให้ชั้นหายข้องใจหน่อยเถอะ!"  แวนเนสเลยพลอยผสมโรงกับน้องด้วย
"กวนประสาท!"  พี่ใหญ่จับหัวน้องชายทั้งคู่โขกกันอย่างหมั่นไส้
"ชั้นจะไปทำงานแล้ว อยู่บ้านกันดีๆหละ อย่าซนกันให้มากนัก!"  หันกลับมากำชับน้องชายทั้งคู่
"หูยยย....อายุชั้นสองคนรวมกันก็เกือบจะถึงวัยเกษียณแล้ว จะซนอะไรกันได้วะ?"  แวนเนสไม่วายกวนพี่ชายอีกครั้ง เลยได้รางวัลเป็นมะเหงกเสียหนึ่งโป๊ก
"เจ็บนะ! เขกอยู่ได้ เดี๋ยวชั้นสมองเสื่อมขึ้นมาอย่ามาร้องไห้ขี้มูกโป่งให้เห็นแล้วกัน"  แวนเนสทำเสียงกระเง้ากระงอดใส่
"เสียใจจะแย่!"  พูดจบก็เขกซ้ำลงไปอีกทีโดยเพิ่มน้ำหนักให้มากกว่าเมื่อกี้ด้วยโทษฐานหมั่นไส้ คนช่างกวนเลยถึงกับทำหน้าเหยพลางลูบหัวป้อยๆ
"สมน้ำหน้า"  เคนเยาะเย้ยแวนเนสเข้าให้ แต่ยังไม่ทันขาดคำมะเหงกของพี่ใหญ่ก็ลอยมาเขกโป๊กที่หัวตัวเองด้วย
"อู้ยยย....."  เคนคลำหัวตัวเองพลางร้องครางเบาๆ แต่ไม่วายค้อนใส่พี่ชายคนโตด้วย
"เอาอีกทีมั๊ย?"  เจอร์รี่ถามพร้อมกับขยับมือ
"ไม่เอา!"  เคนร้องเสียงหลงแล้วเอาหน้าซบลงไปที่โซฟาทันที พี่ใหญ่แอบขำเจ้าน้องชายตัวดีก่อนจะส่ายหน้าแล้วเดินออกไปที่รถเพราะถ้าขืนยังรีรอวันนี้คงไม่ได้ไปทำงานแน่
"ไอ้บ้า! มือหนักชะมัดเลย! หัวแทบแตก!"  หลังจากพี่ชายคนโตออกไปแล้วเคนก็ลุกขึ้นมาโวยวาย
"แน่จริงไม่โวยวายต่อหน้ามันวะ?"  แวนเนสว่าพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
"โวยวายใส่มันก็ได้หัวแตกจริงๆสิ"  เคนว่าแล้วค้อนใส่แวนเนสโทษฐานที่ทำให้เขาโดนพี่ใหญ่เขกหัวด้วย  
"วันนี้อารมณ์ดีหรืองัย? ถึงได้ตื่นลงมาอ้อนเจอร์รี่มันแต่เช้า"  ถามน้องชายต่อยิ้มๆ
"ไอ้บ้า! อ้อนอะไรที่ไหน!"  เคนว่าพร้อมกับผลักหัวแวนเนสแรงๆ
"ไม่รู้หรอเห็นงุ๊งงิ๊งอะไรกันแต่เช้า"  แวนเนสว่าพลางหัวเราะเบาๆ
"ว่าแต่ยังฝันร้ายอีกหรือเปล่า?"  แล้วก็ถามเข้าเรื่อง เคนหันมามองหน้าพี่ชายแล้วยิ้มนิดๆก่อนจะส่ายหน้า
"งั้นก็ดี เรื่องความฝันน่ะอย่าเก็บมาคิดมากเลย"  แวนเนสพูดปลอบใจน้องทางอ้อมเพราะรู้จากเจอร์รี่ว่าเคนฝันร้ายเมื่อวันก่อน
"ไม่ได้หรอก เพราะเมื่อคืนชั้นก็ฝันอีก"  เคนแกล้งทำหน้าจริงจัง
"ฝันเหมือนเดิมหรอ?"  แวนเนสถามต่ออย่างพาซื่อ
"ใช่....คนในฝันที่ชั้นเห็นเป็นคนเดิม"  เคนยังทำหน้าซีเรียสเพราะอยากแกล้งแวนเนส
"จริงหรอ? งั้น....วันนี้เราไปทำบุญกันดีกว่า ชั้นไม่ได้อยากให้นายคิดมากนะแต่ไปทำบุญเพื่อความสบายใจเท่านั้นเอง"  แวนเนสละล่ำละลักบอกน้องชาย
"ไม่ไปหรอก"  เคนส่ายหน้า
"ทำไมหละ? เผื่อว่าปีนี้อาจจะเป็นปีที่ไม่ค่อยดีของนายก็ได้ ทำบุญไว้เผื่อว่าเคราะห์ร้ายต่างๆจะกลับกลายเป็นดีงัย"  แวนเนสตะล่อมน้องต่ออีกเพราะเขาเองก็อดที่จะกังวลไปกับความฝันของน้องชายด้วยไม่ได้
"นี่นายเป็นเอามากยิ่งกว่าชั้นอีกนะ"  แล้วเคนก็เก๊กขรึมได้ไม่นาน
"หมายความว่างัย?"  แวนเนสย้อนถามงงๆเมื่อเห็นน้องกลับมายิ้มร่าอีกครั้ง
"ก็ที่ชั้นบอกว่าชั้นฝันอีกเมื่อคืนน่ะมันเป็นฝันดีต่างหาก"  เคนเฉลยแล้วขยายความต่อ
"ชั้นฝันว่าอาเจียงยิ้มให้แล้วก็ถือใบเสร็จที่ชั้นไปบริจาคให้เด็กกำพร้าไว้ในมือ"  แวนเนสได้ฟังก็อ้าปากค้างอย่างอึ้งๆ
"จริงหรอ?"  ถามย้ำน้องชายอีกครั้ง
"จริงสิ ชั้นคิดว่าตอนนี้อาเจียงคงได้รับรู้ในสิ่งที่ชั้นทำให้เขาแล้ว ชั้นสบายใจแล้วหละตอนนี้"  เคนตอบแล้วยิ้มให้พี่ชาย
"ฮึ! แล้วก็มาเล่าแบบกั๊กๆอยู่ได้! ทำชั้นตกใจหมด!"  แวนเนสได้ทีผลักหัวน้องคืน
"นี่! ชั้นเล่าอะไรกั๊กๆ? นายนั่นแหละที่ชอบแทรกเวลาชั้นเล่า เลยจับใจความไม่ได้ก็โวยวายซะก่อน!"  เคนผลักหัวแวนเนสกลับพร้อมกับเถียงฉอดๆ
"กล้าผลักหัวชั้นหรอไอ้ตัวดี!"  แวนเนสโวยกลับแล้วผลักหัวน้องกลับไปอีกครั้ง
"กล้าสิวะ! ก็นายทำชั้นก่อน!"  เคนขึ้นเสียงแล้วผลักหัวพี่ชายอีก
"นายแหละทำชั้นก่อน!"  แวนเนสเอ็ดตะโรเสียงดังแล้วผลักหัวน้อง
"นายน่ะสิเป็นตัวเริ่ม!"  เคนแหวกลับแล้วผลักหัวพี่ชายแรงกว่าเดิม แล้วทั้งคู่ก็ไม่มีใครยอมใครต่างผลักหัวกันไปมาพร้อมกับโวยวายเสียงดังลั่น
"เฮ้ยยย!!! หยุด!!!"  เสียงเฉียบขาดทำเอาแวนเนสกับเคนชะงักกึก จนเมื่อหันไปทางต้นเสียงแล้วทั้งคู่ก็ได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆ เพราะสายตาของพี่ชายคนโตที่พวกเขาคิดว่าออกไปทำงานยืนจ้องเขาทั้งคู่เขม็ง
"ทะเลาะอะไรกัน!?"  ถามเสียงเข้มพร้อมกับก้าวเข้ามาในบ้าน 
"ปะ....เปล่า....."  เคนตอบเสียงตะกุกตะกัก
"แล้วเมื่อกี้เสียงอะไร?"  ถามต่ออย่างคาดคั้น
"เล่นกัน"  แวนเนสตอบพร้อมกับยิ้มแหยๆ ซึ่งเคนก็พยักหน้าหงึกๆกับคำตอบของแวนเนส
"เล่น?"  พี่ใหญ่ทวนคำแล้วก้าวมายังน้องชายทั้งคู่ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงดังเพี๊ยะสองทีที่ดังไล่กันมา 
"ชั้นออกไปยังไม่ถึงไหนก็แหกปากทะเลาะกันลั่นบ้าน! ชั้นจอดรถอยู่กลางซอยยังได้เสียงพวกนายสองคนเลย!"  พี่ใหญ่เอ็ดตะโรใส่น้องๆ โดยที่น้องชายทั้งคู่นั่งลูบแขนตัวเองที่เพิ่งถูกตีไปหมาดๆด้วยสีหน้าจ๋อยๆ
"ถ้าชั้นไม่กลับมาเอาเอกสาร กลับมาอีกทีคงได้เก็บศพพวกนายสองคนหละมั้ง!?"  แวนเนสกับเคนพากันก้มหน้างุดเมื่อโดนพี่ชายเทศนาชุดใหญ่
"มันน่าตีให้หนักๆทั้งคู่เลย!"  พูดจบก็ถอนหายใจแล้วเดินไปหยิบเอกสารที่ลืมไว้ 
"แล้วอย่าได้มีปัญหากันอีกหละ!"  กำชับน้องชายทั้งสองคนอีกครั้งก่อนจะเดินไปที่รถที่สตาร์ททิ้งไว้
"เวร....เกือบตายกันแล้ว...."  เมื่อเสียงรถยนต์เคลื่อนที่ห่างออกไปแวนเนสก็วิ่งไปดูก่อนจะพูดเสียงแผ่ว
"นั่นสิ ดีนะมันต้องรีบไปทำงาน"  เคนเห็นด้วยพร้อมกับพูดต่อเบาๆ
"ปกติก็ไม่ใช่คนขี้ลืมนี่หว่า ทำไมวันนี้มาลืมได้จังหวะพอดีเลยก็ไม่รู้"  แวนเนสนินทาพี่ชายลับหลังเบาๆ 
"บางทีเรื่องที่นายบอกอาจจะคลาดเคลื่อนไปหน่อยนะ"  แม้พี่ชายคนโตจะออกไปแล้วแต่สองพี่น้องก็ยังคงกระซิบกระซาบกันเหมือนจะกลัวว่าพี่ใหญ่อาจจะโผล่มาได้ทุกเมื่อ
"เรื่องอะไร?"  แวนเนสย้อนถามกลับเบาๆ
"ก็เรื่องที่นายบอกว่าปีนี้อาจจะเป็นปีซวยของชั้นคนเดียวงัย เพราะถ้าจะให้ถูกมันต้องเป็นปีซวยของนายด้วย"  คำตอบของเคนทำให้แวนเนสหลุดขำออกมา
"งั้นคนซวยสองคนควรจะไปทำบุญปล่อยนกปล่อยปลากันใช่มั๊ย?"  ย้อนถามน้องกลับไป เคนเลยเป็นฝ่ายหัวเราะบ้าง
"แบบนั้นก็น่าจะดีเหมือนกัน"  เคนตอบ แล้วก็สรุปได้ว่ากิจกรรมของสองพี่น้องในวันนี้ก็คือการออกไปทำบุญนั่นเอง




 

Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2559 15:29:06 น.
Counter : 1377 Pageviews.  

Chapter 95

ตอนที่ 95

"นี่มันกี่โมงแล้วเสี้ยวเทียน?"  หลังจากได้ยินเสียงเคาะประตูเจอร์รี่ก็เดินสะลึมสะลือมาเปิดและเมื่อได้เห็นน้องชายคนกลางเขาก็เอ่ยถามเสียงห้วนเล็กน้อยเพราะยังติดไม่พอใจเรื่องที่น้องชายแกล้งเขาเมื่อตอนเย็นอยู่
"ชั้นขอนอนด้วยได้มั๊ย?"  เคนถามเบาๆ ทำให้คนฟังเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเขาเอามือขยี้ตาเบาๆแล้วมองหน้าน้องชายชัดๆอีกครั้ง
"ไม่เป็นไร ชั้นกลับห้องก็ได้"  เมื่อเห็นว่าพี่ชายไม่ตอบเคนก็หมุนตัวจะเดินกลับไปแต่เจอร์รี่ดึงมือน้องไว้ก่อน
"เข้ามาสิ"  พูดจบก็ดึงตัวน้องเข้ามาแล้วปิดประตู เมื่อหันกลับมาก็เห็นว่าน้องยืนทำตาแดงๆ
"เสี้ยวเทียน.....เป็นอะไรหรือเปล่า?"  ความง่วงหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นสีหน้าของน้องชาย 
"ไม่สบายตรงไหน? หรือว่าเกิดอะไรขึ้น? บอกพี่ใหญ่ซิ....."  พูดยังไม่ทันจบประโยคดีเคนก็โผเข้ากอดพี่ชายแล้วร้องไห้ออกมา ทำเอาพี่ชายพูดอะไรไม่ออกเพราะไม่รู้ว่าน้องเป็นอะไรแต่เขาก็เลือกที่จะยังไม่ถามเพียงแต่พูดปลอบใจน้องเท่านั้น
"ไม่เป็นไรนะ....พี่ใหญ่อยู่นี่แล้ว.....ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนัน....."  เจอร์รี่ว่าพลางลูบหลังให้น้องอย่างอ่อนโยน
"ชั้น.....ชั้น....."  เคนพยายามจะพูดแต่กลับได้แต่สะอื้น
"ไม่เป็นไร ยังไม่ต้องบอกพี่ก็ได้ นิ่งก่อนนะเด็กดีของพี่....."  เจอร์รี่พยายามปลอบจนน้องชายเริ่มสงบลง
"ไปนั่งที่เตียงก่อนนะ เดี๋ยวพี่ใหญ่เอาผ้าไปชุบน้ำแล้วเช็ดหน้าเช็ดตาให้สดชื่นซักหน่อย"  พูดจบก็กดไหล่น้องให้น้องรอที่เตียงจากนั้นเขาก็ไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กเดินไปชุบน้ำในห้องน้ำและกลับออกมาจะเช็ดหน้าให้น้องชายแต่เคนจับมือพี่ชายไว้ก่อน
"ชั้นเช็ดเองได้ ขอบคุณมาก"  พูดจบก็ดึงผ้าขนหนูในมือพี่ชายมาเช็ดหน้าตัวเอง เจอร์รี่ยืนมองน้องอย่างเป็นห่วงแต่ยังไม่อยากถามอะไรทั้งที่ในใจเขาทั้งงงทั้งตกใจกับอาการของน้องชายเพราะตั้งแต่ตอนเย็นจนกระทั่งเข้านอนน้องชายดูร่าเริงและพูดคุยกับทุกคนเป็นปกติซ้ำยังถกเถียงและต่อปากต่อคำกับเขาอีกต่างหาก
"ขอบคุณครับ....ขอบคุณ....."  เคนพูดต่อเบาๆแล้วกางผ้าขนหนูออกทั้งผืนก่อนจะเอาหน้าซบลงไป
"เอาผ้าขนหนูมาให้ชั้น แล้วนายก็นอนลงไปได้แล้ว"  พี่ใหญ่ว่าพร้อมกับดึงผ้าขนหนูออกมาแล้วเอาไปตาก เมื่อกลับมาอีกครั้งก็พบว่าน้องชายนอนหันหลังให้ เจอร์รี่ไม่พูดว่าอะไรเพียงแต่เดินมาล้มตัวนอนลงข้างๆแล้วเอื้อมมือไปปิดไฟ
"พี่ใหญ่...."  เคนเรียกพี่ชายเสียงแผ่วเบาซ้ำน้ำเสียงยังฟังดูสั่นๆ
"ว่ายังงัยครับ?"  เจอร์รี่ตอบรับคำน้อง เคนพลิกตัวกลับมาแล้วเพ่งมองพี่ชายในความมืด
"ถ้าง่วงก็หลับตานอน พี่ใหญ่อยู่นี่ไม่หนีไปไหนหรอก"  พี่ใหญ่ว่าพร้อมกับเอามือลูบหัวน้องอย่างอ่อนโยน
"ชั้น....ขอกอดได้มั๊ย?"  เคนถามพี่ชายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเช่นเดิม เจอร์รี่ไม่ตอบแต่ขยับเข้าไปกอดน้องเอาไว้พร้อมกับกระชับผ้าห่มมาห่มร่างน้องด้วย
"ชั้นฝันว่า...."  เคนพูดเสียงอู้อี้เพราะซุกหน้าลงกับอ้อมอกของพี่ชาย
"อาเจียงจะพาชั้นไปอยู่ด้วย....."  เจอร์รี่อึ้งไปกับคำพูดของน้องเขากอดน้องแน่นขึ้นเพราะรู้สึกว่าน้องตัวสั่นซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะน้องชายรู้สึกหนาวหรือกำลังร้องไห้กันแน่
"ไม่ได้หรอก นายต้องอยู่ที่นี่กับพี่ใหญ่กับพี่รองกับไจ่ไจ๋และก็พ่อแม่"  เจอร์รี่พูดกับน้องด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่ในใจก็หวาดหวั่นกับคำพูดของน้องชายไม่น้อย
"ไม่มีใครยอมให้อาเจียงพาตัวนายไปได้อีกแล้ว นายต้องอยู่กับครอบครัวของเราตลอดไป"  เคนฟังคำพี่ชายแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาโดยที่เขาไม่พยายามกลั้นมันไว้อีกแล้ว
"พี่ใหญ่อย่าทิ้งชั้นนะ อย่าให้พ่อแม่ทิ้งชั้นไปด้วย ชั้นกลัว....."  เคนร้องบอกพี่ชาย
"ไม่ต้องกลัว พี่คนนี้จะไม่ยอมให้นายไปไหนทั้งนั้น อย่ากลัวไปเลยน้องพี่...."  พี่ใหญ่ปลอบประโลม เคนไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่หลับตาลงแล้วผล็อยหลับไปในที่สุด เมื่อน้องหลับไปได้เจอร์รี่จึงค่อยถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะอาการของน้องทำให้เขาเป็นห่วงไม่น้อย 
"แบบนี้จะให้พี่หายห่วงได้ยังงัย? ขนาดฝันร้ายยังต้องวิ่งมาหาพี่ใหญ่เลย"  เจอร์รี่พึมพำเบาๆแต่ยังกอดน้องไม่ปล่อย อันที่จริงเคนไม่ใช่คนที่หวั่นเกรงอะไรง่ายๆ และนับเป็นครั้งแรกที่น้องมาเคาะประตูห้องเขากลางดึกด้วยเหตุผลเพราะฝันร้ายเช่นนี้
"คงเป็นแค่ฝันร้ายจริงๆหละนะ ขออย่าให้มีอะไรไปมากกว่านี้เลย"  เขาพูดกับตัวเองก่อนจะหลับตาลงแล้วเข้าสู่นิทราตามน้องไปด้วย จนมารู้สึกตัวอีกทีก็เกือบเช้าแล้ว
"ฮ้าววว....."  เจอร์รี่ลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับหาวหวอดๆก่อนจะหันไปมองข้างๆแต่แล้วก็ต้องแปลกใจเพราะร่างน้องชายคนกลางที่ควรจะนอนอยู่ด้วยกลับไม่อยู่แล้ว
"เพิ่งจะตีห้าเอง หายไปไหนของมัน"  พูดพึมพำเบาๆแล้วสลัดผ้าห่มออกก่อนจะลุกจากเตียงแล้วเดินไปล้างหน้าล้างตา จากนั้นก็เปิดประตูออกจากห้อง
"เอ....มีคนตื่นแล้วนี่นา"  เมื่อมองลงไปข้างล่างเขาก็เห็นไฟเปิดอยู่พร้อมกับมีเสียงกุกกักดังอยู่ ดังนั้นเจอร์รี่จึงเดินลงไปที่ชั้นล่างของบ้านและก็พบว่าเคนกำลังก้มหน้าก้มตาทำอาหารอยู่
"โอโห....วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรหรือเปล่า?"  เจอร์รี่เอ่ยทักเมื่อเห็นบนโต๊ะมีอาหารวางเรียงรายหลายอย่าง
"อรุณสวัสดิ์"  เคนไม่ตอบเพียงแต่หันมายิ้มทักทายด้วยสีหน้าเนือยๆ
"เสี้ยวเทียน"  เจอร์รี่เรียกชื่อน้องแล้วอ้าปากจะถามต่อแต่เคนพูดแทรกขึ้นมาก่อน
"วันนี้พ่อแม่จะกลับไปแล้วใช่มั๊ย?"  คำถามนั้นทำให้พี่ใหญ่เปลี่ยนมาพยักหน้ารับแทน
"ทำอาหารเลี้ยงส่งพ่อแม่หรอ? ไม่เห็นต้องลำบากขนาดนี้แค่นายยิ้มหวานๆให้แค่นั้นพ่อแม่ก็รักตายแล้ว"  เอ่ยแซวน้องชายเพราะอยากให้น้องอารมณ์ดีขึ้น
"ก็ไม่เชิงหรอก...."  เคนตอบแล้วหยุดมือก่อนจะหมุนตัวมาทางพี่ชาย
"ชั้นจะทำไปไหว้อาเจียงน่ะ"  คำตอบของน้องชายทำให้เจอร์รี่อึ้งไป
"ชั้นเคยสัญญาว่าจะทำอาหารไปให้อาเจียงแต่ก็ผลัดวันประกันพรุ่งทุกที บางทีเมื่อคืนอาเจียงคงโมโหเลยมาเข้าฝันซะ"  พูดจบก็หัวเราะเฝื่อนๆ
"เสี้ยวเทียน เล่าให้ชั้นฟังหน่อยได้มั๊ยว่าเมื่อคืนนายฝันว่ายังงัย?"  พี่ใหญ่ตัดสินใจถามน้อง
"ชั้น...."  เคนมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย
"ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ชั้นอยากจะบอกว่านายอย่าไปยึดเอาความฝันมาเป็นจริงเป็นจังเลย จะไม่สบายใจเปล่าๆ"  พูดจบก็ตบไหล่น้องชายเบาๆ
"ชั้นฝันถึงวันนั้น....วันที่ชั้นติดอยู่ในบ้านที่ถูกไฟไหม้น่ะ"  เคนยอมเล่าให้พี่ชายฟัง
"ในความฝันชั้นเห็นอาเจียงยื่นมือมาหาชั้นแล้วขอร้องให้ชั้นไปอยู่กับเขา แต่ในตอนที่ชั้นจะทันได้จับมือกับอาเจียงกลับมีใครบางคนกอดรั้งตัวชั้นไว้ไม่ให้เข้าไปหาอาเจียง"  เคนหน้าเศร้าลงเมื่อเล่ามาถึงตอนนี้ แม้แต่เจอร์รี่เองที่คิดว่าความฝันนั้นไม่ควรเอามาคิดเป็นจริงเป็นจังยังอดที่จะรู้สึกหดหู่ไปด้วยไม่ได้
"แววตาของอาเจียงตอนนั้นดูเศร้ามาก แว๊บนึงชั้นเห็นว่าอาเจียงกำลังตัดพ้อชั้น"  พูดจบเคนก็ถอนหายใจยาว
"ชั้นรู้นะว่ามันก็เป็นแค่ความฝันไม่มีทางเป็นจริงได้หรอก เพราะเหตุการณ์นั้น....มันก็ผ่านมาแล้ว...."  เจอร์รี่ไม่ได้พูดอะไรเพียงบีบไหล่น้องเบาๆ
"ชั้นขอโทษนะที่ทำให้เมื่อคืนนายเองก็แทบไม่ได้นอนเหมือนกัน"  แล้วเคนก็เอ่ยขอโทษพี่ชาย
"ไม่เป็นไรหรอก ชั้นยินดีเสมอ"  เจอร์รี่ยิ้มให้น้อง
"ให้ชั้นช่วยมั๊ย?"  แล้วก็หันมาเปลี่ยนเรื่องถามน้อง
"ไม่ต้องหรอก ชั้นอยากทำให้อาเจียงเองทั้งหมด มันคงเป็นสิ่งเดียวที่ชั้นจะตอบแทนเขาได้"  เคนว่าแล้วก็หันไปง่วนกับการทำอาหารอีกครั้ง 
"ตามใจ แต่ว่านายต้องให้ชั้นไปด้วยนะ"  เจอร์รี่พูดต่อ เคนไม่ได้ตอบว่าอะไรเพียงแต่พยักหน้ารับเท่านั้น ดังนั้นเจอร์รี่จึงเดินกลับออกมาแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเดินไปปลุกสมาชิกคนอื่นๆเพื่อที่จะได้ไปหาอาเจียงพร้อมหน้ากัน
"วันนี้วันหยุดนะพี่ใหญ่ ทำไมมาปลุกแต่เช้าแบบนี้?"  เสียงน้องชายคนเล็กประท้วงนำขึ้นมาทันที
"หรืออยากจะอยู่บ้านคนเดียว?"  เจอร์รี่ถามน้องกลับ
"พ่อแม่ไปขึ้นเครื่องตอนบ่ายๆไม่ใช่หรอ? จะพาไปแต่ไก่โห่เชียว?"  ไจ่ไจ๋แย้งพี่ชายแล้วเอาหน้าซุกหมอนต่อ
"นอนขี้เซาอยู่นั่น รู้หรือเปล่าว่าเมื่อคืนเจ้าพี่ชายสุดที่รักของเรามันนอนร้องไห้แงๆกับพี่ใหญ่ทั้งคืนเลย"  คำพูดของเจอร์รี่ทำให้ไจ่ไจ๋ลุกพรวดขึ้นทันที
"พี่ใหญ่แกล้งพี่กลางอีกแล้วใช่มั๊ย? เป็นงี้ทุกทีเลย! พี่กลางเขาเพิ่งกลับมาแทนที่จะโอ๋เขาหน่อยกลับมาชวนทะเลาะซะนี่ แล้วถ้าต่อไปพี่กลางเขาเกิดเบื่อจนไม่อยากกลับบ้านขึ้นมาหละจะทำยังงัย? พี่ใหญ่นี่ไม่ไหวเลยนะแกล้งพี่กลาง....."  ไจ่ไจ๋ต่อว่าพี่ชายยกใหญ่แต่แล้วก็หยุดพูดกระทันหันเพราะพี่ชายเอามืออุดปากไว้
"ฟังให้จบซะก่อนซิวะ! พี่ไม่ได้ทำอะไรมัน เพียงแต่เมื่อคืนมันฝันร้ายเลยมาขอนอนกับพี่ใหญ่ก็เท่านั้นเอง"  เจอร์รี่พูดจบก็ถอนหายใจเฮือกกับเจ้าน้องชายตัวดี น้องเล็กทำหน้าแหยๆ
"พี่กลางฝันร้ายเลยไปนอนร้องไห้กับพี่ใหญ่? จริงหรอ?"  ถามย้ำพี่ชายอย่างไม่แน่ใจ
"อืม...."  เจอร์รี่พยักหน้าหงึกๆ
"พี่กลางหรือพี่รองนะ?"  ไจ่ไจ๋ถามย้ำอีกครั้งเพราะนึกว่าพี่ชายพูดผิด
"เจ้าพี่กลางน่ะสิ"  พี่ใหญ่ตอบย้ำแล้วดึงแขนน้องชายลุกขึ้นมา
"ยังไม่ต้องถามอะไรให้มากนัก ไปอาบน้ำอาบท่าได้แล้ว ตอนนี้พ่อแม่กับเจ้าพี่รองตื่นกันหมดแล้ว หากนายช้าจะไม่รอนะ"  น้องเล็กลุกขึ้นอย่างว่าง่ายแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพาดไหล่
"เราจะไปไหนกันแน่พี่ใหญ่?"  ไม่วายถามพี่ชายอีกครั้งเพราะรู้สึกคาใจ
"ไปหาอาเจียงเป็นเพื่อนพี่กลาง"  น้องเล็กชะงักไปก่อนจะมองหน้าพี่ชายด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถาม
"ไปอาบน้ำก่อนแล้วพี่จะเล่าให้ฟัง"  พูดจบก็พยักหน้าให้น้องไปอาบน้ำซึ่งไจ่ไจ๋ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรแต่เดินเข้าไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว

- เวลาต่อมา -
"อ๊ะ!"  เคนอุทานเบาๆ เมื่อเห็นสมาชิกทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาในชุดที่พร้อมจะออกไปข้างนอก
"จะไปไหนกันครับ?"  ถามทุกคนๆต่อเพราะไม่นึกว่าพี่ใหญ่จะปลุกให้ทุกคนลงมาพร้อมหน้ากันแบบนี้
"ไปกับลูกงัยจ๊ะ"  แม่ตอบพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ เคนได้ยินจึงหันไปหาพี่ชายคนโตเป็นเชิงถาม
"ชั้นเป็นคนบอกเองแหละ ไปด้วยกันหมดนี่แหละเพราะเดี๋ยวจะได้เลยไปส่งพ่อแม่ขึ้นเครื่องพร้อมกันเลย"  เจอร์รี่ตอบยังไม่ทันจบดีไจ่ไจ๋ก็พูดแทรกต่อ
"แล้วจากนั้นพวกเราก็ไปหาข้าวกินกันก่อนกลับบ้านด้วย"  เสียงเจื้อยแจ้วของน้องเล็กทำให้ทุกคนยิ้มออกมาได้
"หรือบางทีอาจจะแวะช้อปปิ้งกันก่อนหลังกินข้าวเสร็จก็ได้"  แวนเนสต่อคำน้องทันที
"เรื่องอะไรวะ!"  เคนโวยวายขึ้นมาทำเอาสมาชิกคนอื่นทำหน้างง
"จะไปไหนต่อชั้นต้องเป็นคนเลือกสิ"  เคนว่าแล้วก็หันไปขอเสียงสนันสนุน
"จริงมั๊ยครับพ่อแม่?"  คำพูดต่อมาของเคนทำให้พ่อแม่หันไปยิ้มให้กัน
"เอาแต่ใจจนหยดสุดท้ายเลยนะ! พ่อแม่กลับมาครั้งนี้มีแต่นายคนเดียวที่ถูกโอ๋ซะจนเหลิง!"  แวนเนสว่าพร้อมกับผลักหัวน้องชาย
"แล้วมาผลักหัวชั้นทำไม! เดี๋ยวโดน!"  เคนหันไปแหวใส่แวนเนสแล้วทำท่าจะเอาคืนแต่พี่ใหญ่ส่งเสียงกระแอมขึ้นมาซะก่อนเคนเลยได้แต่ทำหน้ามุ่ย
"สมน้ำหน้า"  แวนเนสได้ทีเยาะเย้ยน้องชาย
"ดูมันสิ!"  เคนหันไปฟ้องพี่ชายบ้าง
"เฮ่อ! จะอะไรกันนักหนาเนี่ย? ไม่เถียงกันซักวันได้มั๊ย?"  พี่ใหญ่มีสีหน้าอ่อนใจกับน้องชายทั้งคู่
"ไปๆๆๆ....เอาของไปขึ้นรถได้แล้ว เดี๋ยวสายแล้วแดดร้อน"  ก่อนจะตัดบทเพื่อยุติไม่ให้ใครฟ้องอะไรอีก ดังนั้นน้องทั้งสามคนจึงช่วยกันหิ้วถุงอาหารและสัมภาระของพ่อแม่ไปใส่ไว้ในรถ จากนั้นก็พากันออกเดินทาง 
"พี่ใหญ่ยังไม่บอกผมเลยว่าทำไมจู่ๆพี่กลางถึงอยากมาหาอาเจียง?"  ไจ่ไจ๋ที่นั่งอยู่ตอนหลังสุดของรถเอ่ยถามเจอร์รี่ที่นั่งติดกันเบาๆ
"เมื่อคืนมันฝันว่าอาเจียงจะพามันไปอยู่ด้วย"  เจอร์รี่กระซิบตอบน้องเช่นกัน
"หา?? จริงหรอ?"  ไจ่ไจ๋มีสีหน้าตกใจ ซึ่งเจอร์รี่ก็พยักหน้ารับ
"มันถึงกับร้องไห้มาขอนอนกับพี่เลย คงกลัวแหละ"  พูดเสริมต่อแล้วปรายตาไปทางน้องชายคนกลางที่นั่งเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง
"คงไม่มีอะไรนะพี่ใหญ่"  ได้ยินเช่นนั้นไจ่ไจ๋เองก็ใจไม่ดีไปด้วย
"ไม่มีหรอก ก็แค่ความฝันน่ะ"  พี่ใหญ่ว่าแล้วเปลี่ยนสายตากลับมาที่น้องเล็ก
"แต่พี่ก็รู้ว่ามันเองก็คงคิดอะไรหลายอย่าง...."  เจอร์รี่หยุดพูดเมื่อเห็นคนที่ตัวเองกำลังพาดพิงถึงหันมามอง
"นินทาอะไรชั้น"  เคนหรี่ตามมองพี่ชายพร้อมกับถามเสียงห้วนเล็กน้อย
"หูดีเหลือเกินนะ! ชั้นคุยกับน้องสองคนไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนายซักหน่อย"  เจอร์รี่แกล้งต่อว่าน้อง
"แต่ชั้นได้ยินเหมือนนายกำลังพูดถึงชั้นหนิ"  เคนเองก็ไม่ยอมแพ้เพราะเขาได้ยินพี่ชายพูดชื่อเข้าแว่วๆ
"แบบนี้เขาเรียกว่าหูดีเหมือนอะไรน้า?....."  แวนเนสถามแทรกขึ้นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเคน
"นายน่ะสิหมา!"  เคนหันมาแหวใส่แวนเนสทันที
"อ้าวเฮ้ย! ชั้นยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ แสนรู้อีกแล้วน้องเรา"  แวนเนสว่าพร้อมกับหัวเราะร่วน
"แม่ดูสิครับ พี่รองชอบว่าผมแบบนี้เรื่อยเลย"  เคนทำหน้ามุ่ยแล้วหันไปฟ้องแม่ทันที
"แวนเนส....เราก็ชอบแกล้งน้องอยู่เรื่อย!"  แม่ต่อว่าแวนเนสให้ทันที
"ผมแกล้งอะไรมันหละแม่?"  แวนเนสโวยขึ้นมาบ้างก่อนจะเอามือผลักหัวน้องชายอย่างหมั่นไส้
"นี่แหนะ! ขี้ฟ้องดีนัก!"  เคนง้างมือขึ้นจะตอบโต้แต่ยังไม่ทันจะลงมือก็โดนพี่ใหญ่เอ็ดขึ้นมาก่อน
"เสี้ยวเทียน! เดี๋ยวเถอะนะ!"  เคนหันไปค้อนพี่ใหญ่ก่อนจะพูดเป็นเชิงตัดพ้อ
"เอะอะอะไรก็ด่าแต่ชั้นคนเดียว"  พูดจบก็เบือนหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง
"มีงอนแฮะ!"  แวนเนสหันไปยักคิ้วให้พี่ชาย
"โอ๋ๆๆๆ ล้อเล่นเองหน่า...."  แวนเนสขยับเข้าไปนั่งเบียดเคนแล้วทำไม้ทำมือเป็นเชิงขอโทษ
"ไปไกลๆเลย!"  เคนเอามือผลักหน้าพี่ชายออก
"ทำเป็นพูดดีไปเถอะ หากชั้นหนีไปไกลๆจริง อย่ามาร้องหาแล้วกัน"  แวนเนสสำทับแล้วเบ้ปากใส่น้อง เคนส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมๆแล้วหันไปสนใจสองข้างทางต่อ ครู่ต่อมาพ่อก็ขับรถพาทุกคนมาถึงที่หมาย 
"ผมช่วยถือครับพี่กลาง"  ไจ่ไจ๋รับจานชามจากมือของพี่ชายคนกลางที่เอาติดมาด้วย
"ถือดีๆอย่าทำตกแตกหละ"  เคนอดที่จะกำชับน้องชายไม่ได้
"โธ่! ผมไม่ซุ่มซ่ามขนาดนั้นหรอก"  น้องเล็กพึมพำหน้ามุ่ยที่พี่ชายไม่ไว้ใจ เคนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะส่งกับข้าวที่เขาทำมาไปให้พี่ชายอีกสองคนช่วยกันถือ
"ไม่ได้มาซะนานเลย"  พ่อกวาดสายตามองไปรอบๆพร้อมกับพูดกับแม่เบาๆ
"นั่นสิ....นานมากจริงๆ....."  แม่ว่าแล้วมองตามลูกชายที่พากันเดินนำไปก่อนแล้ว
"พ่อไม่รู้ว่าเสี้ยวเทียนคิดอะไรอยู่"  พ่อเอ่ยแล้วพูดต่อ
"หลังจากกลับมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าลูกก็ดูซึมๆไป แถมวันนี้ยังอยากมาที่นี่อีก"  แม่ได้ยินก็หน้าเศร้าลง
"พ่อ....เราต้องยอมรับนะว่าในใจของลูกไม่ได้มีแค่เราสองคน แล้วสาเหตุ.....มันก็เกิดจากการกระทำของเราเอง"  แม้จะลำบากใจที่จะพูดแต่แม่ก็ต้องพูด
"ถึงลูกจะไม่มีวันลืมเขาได้....แต่อย่างน้อยตอนนี้ลูกก็อยู่กับเรา แค่นี้ก็พอแล้วหละ"  พูดจบแม่ก็บีบมือพ่อเบาๆเป็นการให้กำลังใจ ในตอนนั้นเคนก็เดินกลับมาหาพ่อแม่
"พ่อครับแม่ครับ"  เคนส่งเสียงเรียกบุพการีทั้งสองคน ทำเอาพ่อต้องรีบปรับสีหน้าให้กลับมามีรอยยิ้มตามเดิม
"พ่อแม่กำลังจะเดินตามไปพอดี จะเอาอะไรเพิ่มมั๊ยลูก?"  พ่อถามเคน 
"ผมจะมาเอาธูปกับดอกไม้ที่ซื้อมาไหว้อาเจียงน่ะครับ"  เคนตอบแล้วเปิดประตูรถยนต์ก่อนจะหยิบช่อดอกไม้และห่อธูปที่เตรียมมา
"เราไปทักทายอาเจียงกันนะครับ"  เคนเอ่ยชวนผู้ให้กำเนิด
"ไปสิลูก"  พ่อว่าแล้วก็จูงมือแม่เดินตามเคนมาติดๆ
"อาเจียงจะกินเข้าไปหมดหรอเนี่ย?"  ไจ่ไจ๋เอ่ยเมื่อเห็นว่ากับข้าวหลากหลายอย่างถูกจัดวางเต็มพื้นที่
"หมดอยู่แล้ว ฝีมือพี่ซะอย่าง"  เคนพูดยิ้มๆแล้วยื่นธูปที่เพิ่งจุดให้น้องชาย
"เอ้า! บอกให้อาเจียงมากินให้อิ่มๆ"  น้องเล็กรับธูปมาจากมือพี่ชายแล้วมานั่งลงที่หน้าหลุมศพอาเจียง
"อาเจียงครับ วันนี้พวกเรามาพร้อมหน้ากันเลย ส่วนอาหารพวกนี้พี่กลางเป็นคนทำเองกับมือเพราะฉะนั้นอาต้องกินให้หมดเลยนะครับ"  คำพูดของไจ่ไจ๋ทำให้เคนยิ้มออกมาได้เขาเดินมานั่งลงข้างน้องชายแล้วพูดขึ้นบ้าง
"ใช่แล้วครับ ผมตื่นขึ้นมาทำแต่เช้าเลย และที่สำคัญผมทำคนเดียวโดยไม่มีคนอื่นช่วยด้วยนะครับ"  เคนว่าแล้วมองป้ายศพอาเจียงด้วยแววตาที่บ่งบอกอารมณ์หลากหลาย
"อันที่จริงวันนี้ผมเอาของมาให้อาดูเป็นหลักฐานว่าผมทำตามสัญญาของอาแล้ว"  พูดจบเคนก็ล้วงมือไปในกระเป๋าเสื้อ
"ผมไม่ได้อุบอิบไว้เป็นของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ทุกบาททุกสตางค์ส่งไปถึงเด็กๆเหล่านั้นแน่นอนครับ"  พูดจบเคนก็วางใบเสร็จที่ได้มาจากการไปบริจาคไว้ตรงหน้ากระถางปักธูป
"ผมมีพยานหลายคนด้วยนะครับ เพราะพ่อแม่และก็ไจ่ไจ๋ก็ไปด้วยกัน จริงมั๊ยครับ?"  ประโยคหลังเคนเงยหน้าขึ้นถามพ่อแม่ที่ยืนมองอยู่เงียบๆ
"จริงสิ....พ่อเป็นพยานให้ได้"  พ่อตอบแล้วนั่งคุกเข่าข้างๆลูกชาย
"ชั้นไม่ได้มาเยี่ยมนายซะนาน ขอโทษด้วย"  พ่อกล่าวเบาๆ แล้วมองป้ายหลุมศพของเพื่อนด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยายแม้อยากพูดแต่ก็พูดไม่ออก 
"ผมอกตัญญูที่ไม่เคยได้ตอบแทนบุญคุณของอาเลยซักครั้ง แม้แต่สิ่งที่อาคาดหวังจากผมมากที่สุดผมก็ไม่เคยตอบสนองให้ได้ ผมขอโทษนะครับ....."  เคนพูดจบก็มีน้ำตาคลอเบ้า
"เสี้ยวเทียน"  เจอร์รี่เห็นดังนั้นเลยเดินมาบีบไหล่น้องชายเป็นเชิงปลอบใจ
"ชั้นไม่เป็นไร ขอบคุณมาก"  เคนบอกพี่ชายแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง
"อาครับ....ผมคิดถึงอาเสมอ ช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันผมไม่เคยลืมเลยว่าเรามีความสุขกันแค่ไหน"  คำพูดของเคนทำเอาสมาชิกทุกคนเงียบกริบ
"แต่ช่วงเวลานั้นมันก็ผ่านมานานมากแล้วและมันก็ไม่มีวันหวนคืนกลับมาอีก....."  พ่อมีสีหน้าสลดลงในใจรู้สึกเจ็บปวดลึกๆที่ลูกชายพูดกับคนอื่นด้วยท่าทางอาลัยอาวรณ์และแสดงถึงความรักที่เปี่ยมล้น ส่วนแม่เองก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพราะรู้สึกเช่นเดียวกันกับพ่อ
"ขอบคุณมากครับที่อาให้ความสุขกับผม แต่ตอนนี้ผมไม่อยากให้อาเป็นห่วงผมอีกแล้ว"  พูดจบเคนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
"อาเห็นมั๊ยครับว่าตอนนี้มีคนรุมเป็นห่วงผมกันมากขนาดไหน? คนห้าคนที่ยืนอยู่กับผมตรงนี้เป็นคนสำคัญที่สุดของผมและผมก็เชื่อว่าผมเองก็สำคัญสำหรับพวกเขาเหมือกัน เพราะฉะนั้นคงไม่มีเหตุผลอะไรที่อาจะต้องเป็นห่วงผมอีก ตอนนี้ผมมีความสุขมากครับ"  คำพูดของเคนทำเอาแม่ยิ้มได้ทั้งน้ำตาส่วนพ่อเองก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
"เราก็มีความสุขมากที่ได้ลูกกลับคืนมา พ่อสัญญานะว่าต่อจากนี้ไปไม่ว่ามีเรื่องอะไรหนักหนามากซักแค่ไหน ครอบครัวเราก็จะยืนอยู่ด้วยกันอย่างนี้และพ่อจะปกป้องคุ้มครองครอบครัวของเราด้วยชีวิตของพ่อเอง"  คำประกาศของพ่อทำให้สมาชิกคนอื่นๆยิ้มออกมาได้ในที่สุด
"พ่อผมเก่งที่สุดเลย!"  ไจ่ไจ๋ชมพร้อมกับยกนิ้วให้พ่อ
"พ่อพี่ก็เก่งเหมือนกัน"  เคนพูดแบบติดตลก 
"พ่อพี่ก็ด้วย"  แวนเนสเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าพูดอวดขึ้นมาบ้าง ซึ่งสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากพ่อแม่และพี่ชายคนโตได้เป็นอย่างดี
"เล่นกันเป็นเด็กๆ แล้วพ่อของเราสามคนน่ะคนเดียวกันหรือเปล่า?"  เจอร์รี่ย้อนถามน้องๆ
"แน่นอน! ก็พ่อเราน่ะมีได้คนเดียวนี่เนอะพี่กลางเนอะ"  น้องเล็กตอบเสียงแจ้วๆ 
"ใช่! พ่อของชั้นก็มีแค่คนเดียวเหมือนกัน"  เคนตอบ พ่อได้ยินดังนั้นก็ดึงลูกชายเข้าไปกอด
"ขอบใจมากลูก....ตอนนี้พ่อมีความสุขที่สุดเลย"  บอกกับเคนเบาๆแล้วกอดแน่นขึ้น
"ขอผมกอดมั่ง!"  แวนเนสเห็นก็เลยแกล้งทำลายบรรยากาศซึ้งๆด้วยการเดินเข้าไปกอดพ่อกับน้องอีกทอดหนึ่ง
"ไปไกลๆเลย!"  เคนแหวใส่แล้วเอามือดันตัวพี่ชายออก
"ทำไมหละ? เดี๋ยวนี้ให้พี่รองกอดไม่ได้แล้วหรอ?"  แวนเนสแกล้งทำหน้ามุ่ย
"ไม่ได้!"  เคนตวัดเสียงใส่พร้อมกับยกมือผลักหน้าผากแวนเนสอย่างหมั่นไส้
"เสี้ยวเทียน! เกเรใหญ่แล้วนะ!"  พี่ใหญ่เอ็ดน้องชายคนกลางพร้อมกับทำหน้าดุใส่
"นายไม่เห็นหรืองัยว่ามันกวนชั้นก่อน"  เคนถามอย่างหาเรื่องเมื่อโดนต่อว่า
"พี่เขากวนอะไรเรา?"  ย้อนถามน้องชายต่ออีก
"กวนอวัยวะที่ต้องใส่รองเท้านี่งัย!"  ตอบคำถามนั้นพร้อมกับชี้ลงไปที่เท้าตัวเอง 
"เดี๋ยว....."  เจอร์รี่เงื้อมือขึ้นหมายจะซัดเจ้าน้องชายตัวดีให้ซักทีแต่เคนไหวตัวทันจึงรีบวิ่งไปหลบข้างหลังพ่อ
"พี่กลางนี่สลดไม่ได้นานจริงๆ"  ไจ่ไจ๋กระซิบกับแวนเนสพร้อมกับหัวเราะขำๆ
"มันน่ะกวนที่หนึ่งเลย แล้วชอบมาทำหน้าตายเหมือนตัวเองโดนแกล้งอยู่คนเดียว"  แวนเนสนินทาผสมโรงไปด้วย
"เดี๋ยวนายคอยดูนะพอพ่อแม่กลับไปเมื่อไหร่มันจะกลายเป็นลูกแมวเชื่องๆของพี่ใหญ่เชียวแหละ"  น้องเล็กได้ยินก็หัวเราะคิก
"อันนี้ผมเชื่อเพราะลองไม่เชื่องสิ ได้โดนตีตายแน่"  จบคำไจ่ไจ๋สองพี่น้องก็หัวเราะร่า
"หัวเราะอะไรกันลูก?"  แม่เอ่ยถามเมื่อเห็นลูกชายสองคนหัวเราะต่อกระซิกกันอยู่
"ไม่มีอะไรครับแค่เราจะพนันอะไรกันนิดหน่อย แต่พอดีว่าเรามีความเห็นตรงกันเรื่องการพนันเลยตกไป"  แวนเนสตอบยิ้ม
"ทีพวกมันจะเล่นพนันกันไม่เห็นว่าซักคำ แต่ชั้นแค่ชี้รองเท้าตัวเองก็จะมาตีชั้น"  เคนต่อว่าพี่ชายฉอดๆ  
"เล่นพนันที่ไหนกัน? พี่กลางเมาอะไรหรือเปล่า?"  น้องเล็กได้ทีแขวะพี่ชายบ้าง
"เดี๋ยวนี้กล้าต่อปากต่อคำหรอ? ไอ้เด็กนี่!"  เคนทำท่าจะเขกหัวน้องแต่เสียงพี่ใหญ่กระแอมขึ้นมาก่อน   
"พ่อแม่ดูสิครับ พี่รองแหย่ผมก่อนพอผมตอบโต้พี่ใหญ่ก็จะตีผม พอไจ่ไจ๋มันว่าผมแล้วผมจะตีมันบ้างพี่ใหญ่ก็ว่าผมอีก ตกลงผมซวยเองใช่มั๊ยที่เกิดมาอยู่ตรงกลางเนี่ย ทำอะไรพี่ก็ไม่ได้ทำอะไรน้องก็ไม่ได้อีก!"  เคนหันไปฟ้องบุพการีทั้งสองคนฉอดๆ เล่นเอาพี่ใหญ่อ้าปากค้าง
"คราวหน้าพ่อแม่ต้องให้ผมเป็นเกิดเป็นพี่คนโตด้วย ไม่งั้นเสียเปรียบชะมัด!" คำบ่นกระปอดกระแปดของเคนทำเอาคนอื่นๆหัวเราะครืน
"คราวหน้าของพี่กลางน่ะชาติหน้าเลยนะครับ"  ไจ่ไจ๋ท้วงพลางหัวเราะพลาง
"เออ! พี่รอได้"  เคนตวัดเสียงใส่
"งั้นนายก็ต้องตายก่อนชั้นกับเจอร์รี่ถึงจะได้เกิดมาเป็นพี่พวกชั้นได้"  แวนเนสพูดด้วยสีหน้าขำๆ
"ไม่มีปัญหา ชั้นเองก็คิดไว้อย่างงั้นแหละเพราะหากชั้นตายก่อนจะได้มาหลอกพวกนายให้เข็ดไปเลย"  เคนลอยหน้าลอยตาตอบ
"น่ากลัวนะเนี่ยน้องเรา ขนาดมันยังไม่ตายยังขึ้นอืดได้ขนาดนี้เลยแล้วคิดดูว่าหากมันตายไปจริงๆจะอ้วนฉุขนาดไหน"  แวนเนสได้ทีแซวน้องกลับ ซึ่งเจอร์รี่ก็หัวเราะผสมโรงไปด้วย
"พูดเรื่องอะไรแบบนี้กัน? ไม่เป็นมงคลเลยนะลูก"  แม่เอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยสบายใจนักเพราะสถานที่ที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็เป็นสุสานด้วย ได้ยินดังนั้นบรรดาลูกชายทั้งสี่คนจึงได้แต่ยิ้มแหยๆให้กัน 
"นั่นสิ พี่รองนี่ปากไม่ดีเนอะแม่"  เคนได้ทีว่ากระทบพี่ชายพร้อมกับเปลี่ยนบรรยากาศไปด้วยเพราะไม่อยากให้แม่คิดมาก
"หึๆๆๆ"  แม่หัวเราะออกมาได้ในที่สุดก่อนจะโอบไหล่เคน
"เดี๋ยวแม่จัดการให้ดีมั๊ย?"  ถามลูกชายอย่างเอาใจ
"ดีครับ ส่งท้ายให้หนักๆหน่อย ผมจะได้อยู่อย่างปลอดภัยในขณะที่พ่อแม่ไม่อยู่บ้าน"  เคนตอบพร้อมกับยิ้มร่า
"น้อยๆหน่อยนะ! เห็นพ่อแม่เข้าข้างหละเอาใหญ่เลย"  แวเนเนสแหวใส่น้องชายก่อนจะทำหน้ามุ่ยกับแม่
"แม่ก็เหมือนกัน มาครั้งนี้ไม่สนใจผมเลยซักนิด"  พูดจบก็หันหลังให้อย่างงอนๆ 
"แล้วที่พ่อแม่อุตส่าห์ไปคุยกับคุณพ่อของหนูกลอเรียเรื่องเราหละแปลว่าแม่ไม่สนใจเลยใช่มั๊ย?"  แม่ตอกกลับนิ่มๆทำเอาแวนเนสอ้าปากค้าง
"หูยยย....แม่อ่ะ....เล่นแบบนี้เลยหรอ?"  แวนเนสครางแล้วเข้าไปกอดเอวแม่อย่างประจบ
"เรื่องนั้นน่ะ แม่ผมดีที่หนึ่งเลย"  ทำปากหวานอ้อนแม่ต่ออีก ทำให้แม่ยิ้มออกมาได้ส่วนคนอื่นๆก็พลอยขำแวนเนสไปด้วย
"เสี้ยวเทียน ชั้นว่าอาเจียงคงกินอิ่มแล้วหละมั้ง? ธูปหมดแล้ว"  แล้วเจอร์รี่ก็เอ่ยปากเปลี่ยนเรื่องเพราะดูเวลาแล้วมันกระชั้นขึ้นมาทุกที
"อ้อ!"  เคนรับคำสั้นๆแล้วคุกเข่าลาอาหารที่เอามาไหว้ 
"เดี๋ยวเรากินข้าวกันตรงนี้ก่อนก็ดีนะลูก อยากกินอาหารฝีมือลูกก่อนกลับไปน่ะ"  พ่อเสนอพร้อมกับมองหน้าลูกๆ 
"ดีครับ เดี๋ยวผมไปเอาเสื่อน้ำมันหลังรถมาปูนั่งแล้วกัน"  ไจ่ไจ๋สนับสนุนขึ้นมาเป็นคนแรกเพราะรู้ว่าพ่ออยากจะกักเก็บช่วงเวลานี้ให้มากที่สุดเพราะกลับไปคราวนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาอีก
"เอาน้ำมาด้วยนะ"  เคนหันไปสั่งน้องชายก่อนจะหันมาทางพ่อ
"พ่ออยากกินทำไมไม่บอกผมแต่เนิ่นๆ จะได้ทำของโปรดพ่อให้"  คำพูดของลูกชายทำให้พ่อยิ้มออกมาได้
"ลูกรู้หรือว่าพ่อชอบกินอะไร"  ย้อนถามลูกชายกลับไป เคนนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มที่มุมปาก
"ของโปรดของพ่อก็คือทุกอย่างที่ผมทำ"  เคนตอบอย่างรู้ทัน ทำเอาพ่อหัวเราะร่วน
"ลูกพ่อคนนี้รู้ใจพ่อจริงๆเลย"  พ่อว่าแล้วโอบไหล่เคนไว้
"ผมก็รู้นะครับ ว่าพ่อน่ะก็ชอบทุกอย่างที่ผมทำเหมือนกัน"  แวนเนสพูดแทรกขึ้นมาอีก 
"เราทำอะไรเป็นกับเขาด้วยหรอ?"  พ่อย้อนถามแวนเนส
"ทำเป็นสิครับ"  แวนเนสร้องคราง
"ทำเป็นหรือทำป่วนนะ?"  เคนแกล้งทำท่าแคะหูเหมือนได้ยินไม่ค่อยถนัด
"ไอ้บ้า!"  แวนเนสแหวใส่พร้อมกับเอามือตบหัวน้องโทษฐานแอบแขวะเขา 
"มาแล้วครับ!!!"  ในขณะที่เคนตั้งท่าจะโต้ตอบ น้องเล็กก็ร้องแทรกขึ้นมาก่อนดังนั้นความสนใจของเคนจึงเปลี่ยนไปที่น้องแทน
"ปูเลยเร็วๆ เดี๋ยวกลับไปส่งพ่อแม่ขึ้นเครื่องไม่ทัน"  เคนบอกแล้วเดินไปช่วยถือขวดน้ำที่น้องอุ้มอยู่ในอ้อมแขน 
"พ่อแม่กินให้อิ่มเลยนะครับ อาหารอร่อยๆแบบนี้บนเครื่องไม่มีให้กินหรอก"  เคนพูดอวดแล้วตักกับข้าวให้บุพการีทั้งคู่ ซึ่งทำเอาพ่อแม่ปลื้มใจไม่หาย
"พวกนายก็กินเข้าไปด้วย"  เคนหันไปสั่งพี่ๆน้องๆต่ออีก
"แล้วนายไม่กินหรอ?"  เจอร์รี่ถามน้องกลับไปบ้าง
"เดี๋ยวมากิน"  เคนตอบแล้วเดินกลับไปที่หลุมศพอาเจียงอีกครั้ง
"อาครับ อาเห็นแล้วใช่มั๊ยว่าตอนนี้ผมมีความสุขมาก นี่คือครอบครับของผมแล้วผมก็รักพวกเขามาก ขอบคุณครับที่ทำให้ผมได้สัมผัสกับคำว่าครอบครับอีกครั้ง อาพักผ่อนให้สบายนะครับแล้วผมจะมาเยี่ยมอีก"  เคนพูดด้วยสีหน้ามีรอยยิ้ม 
"ตอนนี้ผมขอกลับไปหาครอบครัวของผมก่อนนะครับ"  พูดจบเคนก็หันหลังเดินกลับมาหาสมาชิกคนอื่นๆที่กำลังรอเขาอยู่
"พี่กลางนี่ช้าจัง! เห็นมั๊ยว่าเราทุกคนรออยู่"  ไจ่ไจ๋เอ่ยปากต่อว่าพี่ชาย
"ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องรอ! บ่นอยู่นั่นแหละ เอ้า! กินข้าวกันเถอะ!"  เคนพูดจบก็ทรุดตัวนั่งล้อมวงกินข้าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาซึ่งถือเป็นมื้ออาหารที่เลี้ยงส่งบุพการีทั้งสองคนไปด้วยในตัว





 

Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2559 15:28:46 น.
Counter : 969 Pageviews.  

Chapter 94

ตอนที่ 94

"โอ้ย!"  เคนร้องเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรหล่นใส่หัวเมื่อมองดูก็รู้ว่าเป็นผลไม้ลูกเล็กๆ และเมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปก็พบเด็กชายวัยประมาณห้าขวบที่มองเขาด้วยสีหน้าตกใจอยู่บนต้นไม้
"ไอ้หนู! ขึ้นไปทำอะไรบนนั้น"  เคนร้องถาม ซึ่งเด็กคนนั้นก็รีบปีนลงมา
"พี่ชาย ผมไม่ได้ตั้งใจ"  เด็กคนนั้นกล่าวพร้อมกับทำหน้าสลด
"พี่ชายอย่าบอกพี่เลี้ยงนะ ผมกลัวถูกตี"  พูดขอร้องต่อเหมือนจะร้องไห้
"พี่ไม่บอกหรอก ไม่ต้องกลัวนะ"  เคนเอามือขยี้หัวเด็กชายอย่างเอ็นดู หลังจากเยี่ยมเด็กเล็กเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่ก็พาไปเยี่ยมเด็กโต จากนั้นผู้อำนวยการสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนี้ก็ขอพูดคุยด้วยแต่เคนไม่ชอบการพุดคุยอย่างเป็นทางการจึงปล่อยให้พ่อรับหน้าแทนและเขาออกมาเดินเล่นข้างนอก
"ทำไมมาอยู่นี่หละ? ไม่ไปเล่นกับเพื่อนๆหรอ?"  เคนถามเพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าสำหรับเด็กโตนั้นหลังจากกินข้าวเที่ยงจะมีเวลาวิ่งเล่นประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนจะต้องเข้านอนตอนกลางวัน  
"ไม่มีใครเล่นด้วย"  เด็กชายตอบด้วยสีหน้าสลดลงอีกครั้ง
"ทำไมหละ?"  เคนถามต่อ
"พี่เลี้ยงบอกว่าผมเป็นเด็กดื้อ คนอื่นเลยไม่เล่นด้วย"  เคนอึ้งไปกับคำตอบของเด็กชาย
"หนูชื่ออะไรครับ?"  เคนเปลี่ยนเรื่องถามเด็กคนเดิม
"เคน"  คำตอบของเด็กชายทำให้เคนอึ้งไปอีกรอบเพราะเด็กคนนี้ชื่อเหมือนเขา
"งั้นหรอ?"  เคนยิ้มให้เด็กชายเคนก่อนจะอุ้มเด็กชายขึ้นมา เขารู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้ทันที
"แล้วพี่เป็นใคร?"  เด็กน้อยถามกลับพร้อมกับแววตาฉงนที่มองมา
"พี่เอาเงินมาบริจาคให้หนูกับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆครับ"  เคนตอบแล้วหาที่นั่งได้จึงนั่งลงโดยเอาเด็กคนดังกล่าวนั่งบนตักเขา
"พี่ใจดี"  เด็กชายว่าพร้อมกับยิ้มหวาน ทำให้เคนอดที่จะหัวเราะไม่ได้
"หนูเป็นคนแรกที่บอกว่าพี่ใจดี"  เคนว่าพลางหัวเราะพลาง
"พี่ชื่ออะไร?"  เด็กน้อยถามซักไซร้ต่ออีก
"อืม....เสี้ยวเทียน"  เคนตอบแล้วพูดต่อ
"แต่พี่มีอีกชื่อนะอยากรู้มั๊ย?"  ถามเด็กชายต่ออีก
"อืม"  เด็กชายผงกหัวแรงๆ
"เคน"  เคนตอบพร้อมกับยิ้ม
"อะไรครับ?"  เด็กชายถามงงๆเพราะนึกว่าเคนเรียกชื่อเขา
"ไม่ใช่ พี่บอกหนูว่าพี่มีอีกชื่อก็คือชื่อเคนเหมือนหนูนั่นแหละ"  เคนว่าพร้อมกับหัวเราะแล้วลูบหัวเด็กชายอย่างเอ็นดู
"ชื่อเหมือนกันเลย"  เด็กชายยิ้มแล้วเปลี่ยนสายตาไปมองเพื่อนๆที่วิ่งเล่นกันอยู่
"เวลาพักหนูมานั่งคนเดียวทุกวันเลยหรอ?"  เคนถามเด็กชายต่อ
"ครับ บางทีก็ปีนต้นไม้เล่น แต่อย่าให้พี่เลี้ยงเห็นเพราะไม่อย่างงั้นจะโดนตี"  เด็กชายตอบพร้อมกับเบ้ปาก
"ที่พี่เลี้ยงตีเพราะเขาเป็นห่วงเรานะครับ เวลาปีนขึ้นไปแล้วพลัดตกลงมามันทำให้เราบาดเจ็บได้"  เคนอธิบายให้เด็กน้อยเข้าใจ
"อะไรคือพลัดตกหรอ?"  ดูเหมือนเด็กชายจะไม่ค่อยเข้าใจกับคำพูดของเคนนัก
"ก็คือว่าตกต้นไม้นั่นแหละ"  เคนตอบยิ้มๆ
"เคยตกแล้ว แต่ไม่เจ็บหรอก พี่เลี้ยงตีเจ็บกว่า"  เด็กชายพูดซื่อๆ
"โดนตีบ่อยหรอ?"  เคนถามต่อ
"บ่อยมาก พี่เลี้ยงบอกว่าดื้อเลยต้องตี แต่จริงๆแล้วผมว่าพี่เลี้ยงไม่รักผมเลยตีผมบ่อย"  เคนได้ยินก็มีสีหน้าคล้ายจะยิ้มแต่ก็ยิ้มได้ไม่เต็มที่ เพราะดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะมีความคิดคล้ายๆกับเขาตอนเด็กๆ
"เมื่อตอนที่พี่ตัวเล็กๆเหมือนเคนพี่ก็โดนตีบ่อยเหมือนกัน"  เคนว่า
"พี่เลี้ยงตีหรอ?"  เด็กชายถามกลับ
"ไม่ใช่ พี่ไม่มีพี่เลี้ยงหรอกมีแต่พี่ชาย พี่น่ะโดนพี่ชายตีเกือบทุกวัน"  เคนเล่าให้เด็กชายฟัง
"แต่ตอนนี้พี่ชายไม่โดนตีแล้วใช่มั๊ย? เพราะพี่เลี้ยงบอกว่าถ้าโตแล้วจะไม่ตี"  คำถามนั้นทำให้เคนยิ้มแหยๆ 
"โตแล้วแต่ดื้อก็ยังต้องโดนตีอยู่ เพราะฉะนั้นหนูต้องไม่ดื้อกับพี่เลี้ยงนะ"  เคนตอบพร้อมกับขยี้หัวเด็กชายไปด้วย
"หนูอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่?"  เคนเปลี่ยนคำถาม
"พอพ่อแม่ไปสวรรค์ผมก็มาอยู่ที่นี่"  เด็กชายตอบซื่อๆ แต่ทำเอาเคนอึ้งไป
"แล้วหนูมีพี่น้องหรือเปล่า? ญาติๆหละ?"  เคนถามต่ออีก
"ใครคือญาติหรือครับ?"  ดูเหมือนเด็กชายจะยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำต่างๆมากนัก
"เอ่อ....ก็คือคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย คุณลุงคุณป้า คุณน้าคุณอาน่ะ"  เคนตอบคำถามนั้นอย่างใจเย็น
"อ๋อ! ไปสวรรค์หมดเลย"  เด็กชายให้คำตอบที่ทำให้เคนต้องอึ้งไปอีกรอบ แต่เขาเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อนักเพราะคำพูดของเด็กคงไม่น่าเชื่อถือมากเท่าไหร่ ในตอนนั้นพี่เลี้งยเด็กคนนึงก็เดินเข้ามาพอดี
"เคน!"  เสียงร้องเรียกทำให้เคนพลอยสะดุ้งไปด้วย
"ครับ"  เด็กชายตอบรับเสียงอ่อยๆ
"หมดเวลาพักแล้ว ไปนอนกลางวันเร็ว"  พูดจบก็ยื่นมือไปจูงมือเด็กชาย
"ขอโทษนะคะ ต้องให้เด็กเข้านอนแล้ว"  เธอหันมาพูดกับเคนอย่างสุภาพ
"ครับ"  เคนตอบรับสั้นๆแล้วมองไปที่เด็กชาย
"ผมยังไม่ง่วงเลย"  เด็กชายตอบพร้อมกับทำแก้มป่องอย่างไม่พอใจเพราะเพิ่งมีคนมานั่งคุยด้วยแท้ๆแต่กลับต้องไปนอนแล้ว
"อย่าดื้อสิ เดี๋ยวโดนตีนะ"  พี่เลี้ยงเด็กพูดขู่
"พี่เลี้ยงใจร้าย"  เด็กน้อยต่อว่าพร้อมกับทำหน้ามุ่ย
"แหนะ! ว่าพี่ใจร้ายอีกแล้ว ก็เราน่ะดื้อแบบนี้จะให้พี่ใจดีได้ยังงัย?"  เธอว่าแล้วก็อุ้มเด็กชายขึ้นมา
"เอ่อ....ผมอุ้มเขาไปส่งเข้านอนได้มั๊ยครับ?"  เคนเอ่ยปากขึ้นมา เจ้าหน้าที่สาวทำหน้าลังเลแต่ก็ยอมให้เคนอุ้มเด็กชายแทน
"พี่ชายใจดีมากเลย"  เด็กน้อยซบหน้าลงที่ไหล่เคนพร้อมกับพูดอวดพี่เลี้ยง 
"จ๊ะ พี่เลี้ยงคนนี้ใจร้ายตลอด"  เธอตอบโต้กับเด็กน้อยเป็นเชิงประชด
"พี่เลี้ยงก็ใจดีถ้าไม่ตีเจ็บๆ"  เด็กชายหยอดลูกอ้อนได้อย่างน่ารักทำให้พี่เลี้ยงสาวหัวเราะออกมาได้
"เจ้าเล่ห์ที่สุดเลย"  ว่าพร้อมกับหยิกแก้มเด็กน้อยอย่างเอ็นดู และเมื่อมาถึงที่นอนเคนก็วางเด็กชายลง
"นอนได้แล้วนะครับคนเก่ง"  เคนบอก เด็กชายจึงนอนลงอย่างว่าง่าย 
"หลับตาด้วยเจ้าตัวแสบ"  พี่เลี้ยงสำทับอีกแรง
"พี่เลี้ยงครับ พี่ชายคนนี้ชื่อเคน"  เด็กชายยังไม่ยอมหลับตาแต่บอกกับพี่เลี้ยงเสียงแจ๋ว
"อ๊ะ! จริงหรอคะ?"  เธอหันมาถามเคน ซึ่งเคนก็พยักหน้ายิ้มๆ
"นอนได้แล้วเรา อย่าพูดให้มากนัก"  แล้วเจ้าหน้าที่สาวก็ตัดบทด้วยการห่มผ้าให้เด็กชาย ก่อนจะเดินตรวจตราดูเด็กคนอื่นๆด้วย เคนเองก็รีรอให้เธอว่าง
"ขอโทษนะครับ"  เคนเอ่ยเมื่อเห็นว่าเธอทำท่าจะเดินออกจากห้อง
"คะ?"  เธอหันมาพร้อมกับทำเสียงเป็นเชิงถาม
"ผมขอเวลาซักครู่ได้มั๊ยครับ? เอ่อ....ผมอยากรู้เรื่องของเคนน่ะครับ"  บอกกล่าวกับเจ้าหน้าที่อย่างเกรงใจ
"ได้ค่ะ เชิญทางนี้เลย"  เธอว่าแล้วพาเคนเข้าไปในห้องรับรอง
"เด็กส่วนใหญ่ที่มาอยู่ที่นี่จะมาด้วยเหตุผลของการถูกพ่อแม่ทอดทิ้งค่ะ แต่เคนเขาไม่ใช่"  เจ้าหน้าที่สาวเอ่ยขึ้น
"พ่อแม่เขาเสียชีวิตแล้วหรอครับ?"  เคนถามกลับ
"เอ....ทราบด้วยหรอคะ?"  เธอเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
"เมื่อกี้ผมคุยกับเขา เขาบอกว่าพ่อแม่อยู่บนสวรรค์เลยเดาเอาอย่างนั้น"  เคนตอบเลี่ยง
"อ้อ! ใช่ค่ะ พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตไปแล้ว ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือญาติๆก็เสียชีวิตกันหมดทั้งครอบครัวเลย"  หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าเศร้าลง
"เอ....???"  เคนถามหน้างงๆ
"ครอบครัวของเคนเขาค่อนข้างมีฐานะดีเลยทีเดียว จนเมื่อปลายปีที่แล้วครอบครัวเขาเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันหมดแล้วเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตกเสียชีวิตกันทั้งครอบครัวเลย มีแต่เคนที่รอดมาได้แต่เขาไม่เหลือใครให้เป็นที่พึ่งพิงเลย"  คำบอกเล่านั้นทำให้เคนนิ่งงันไป
"เด็กคนนี้เลยกลายเป็นเศรษฐีน้อยไปเลยเพราะทรัพย์สมบัติของทุกคนในตระกูลตกเป็นของเขาเพียงคนเดียว แต่ดูเหมือนเรื่องภาระการดูแลเด็กคนนี้จะยังไม่ได้คำตอบที่แน่ชัดเพราะมีคนมาร้องขอต่อศาลเรื่องให้ตั้งตัวเองเป็นผู้ปกครองของเด็กคนนี้มีเยอะค่ะ มาจนถึงตอนนี้เรื่องยังค้างอยู่ที่ศาลเคนเขาเลยต้องมาอยู่ที่นี่ชั่วคราว แต่อีกไม่นานก็คงรู้แล้วหละค่ะว่าใครจะเป็นคนพาตัวเขาไปดูแล"  เจ้าหน้าที่สาวเล่ารายละเอียดต่อ
"เคนเขาเป็นเด็กที่ฉลาดมากค่ะ หากได้คลุกคลีกับเขาจะรู้ได้เลยว่าพื้นฐานของเด็กคนนี้มาจากครอบครัวที่ดีมากเลยทีเดียว มีหลายคนค่ะที่มายื่นเรื่องของรับอุปการะเคนแต่ติดเรื่องทางศาลอยู่เลยไม่สามารถให้ใครรับอุปการะเด็กคนนี้ไปได้"  พูดจบเธอก็ถอนหายใจยาว
"ชั้นเองก็เอ็นดูเด็กคนนี้ไม่น้อยเลย แต่บางทีเขาก็ดื้อมากเลยต้องมีการลงโทษบ้างเหมือนกัน"  เคนยิ้มตอบเธอเล็กน้อย
"ขอบคุณนะครับที่เล่าเรื่องของเด็กคนนี้ให้ฟัง คุณเชื่อมั๊ยครับว่าหากวันนึงเขาโตเป็นผู้ใหญ่เขาจะไม่มีวันลืมบุญคุณของคุณเลย"  คำพูดของเคนทำให้หญิงสาวหัวเราะเบาๆ
"ชั้นไม่คาดหวังหรอกค่ะ แค่ขอให้เขาเป็นคนดีช่วยเหลือสังคมได้ในอนาคตชั้นก็ดีใจมากแล้วค่ะ"  เธอกล่าวแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
"คุณเป็นกลุ่มที่มาบริจาคเงินห้าล้านหรือเปล่าคะ?"  เธอเปลี่ยนเรื่องถามเขา
"ใช่ครับ"  เคนตอบ
"ชั้นขอบคุณคุณแทนเด็กๆทุกคนด้วยนะคะ คุณมีเมตตากับเด็กพวกนี้จริงๆ"  หญิงสาวพูดอย่างจริงใจ
"ไม่หรอกครับ ถ้าเทียบกันแล้วผมว่าเจ้าหน้าที่ของที่นี่มีเมตตาและเสียสละมากกว่าใครอีก การดูแลเด็กไม่ใช่เรื่องง่ายแต่พวกคุณก็ยอมเหนื่อยเพื่อให้เด็กๆเติบโตขึ้นมาได้ คนที่ควรยกย่องไม่ใช่คนที่เอาเงินมาบริจาคหรอกครับแต่เป็นพวกคุณต่างหาก"  เคนเองก็กล่าวอย่างจริงใจเช่นกัน
"ที่ชั้นเข้ามาทำงานตรงนี้ส่วนนึงเพราะชั้นเข้าใจความรู้สึกของเด็กๆดีน่ะค่ะ"  เจ้าหน้าที่สาวกล่าว
"เพราะชั้นเองก็เคยอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาก่อนเหมือนกัน"  คำพูดประโยคนี้เป็นสิ่งที่เคนคาดไม่ถึงมาก่อน
"เจ้าหน้าที่ที่นี่ก็มีหลายคนค่ะที่เป็นเด็กกำพร้า เพราะฉะนั้นคนที่เข้ามาทำงานในจุดนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเข้าใจจิตใจของเด็กๆเป็นอย่างดีค่ะ"  เธอพูดทิ้งท้าย
"ชั้นต้องขอตัวไปทำงานต่อนะคะ"  เคนไม่ตอบเพียงแต่ผงกหัวรับเล็กน้อย
"ขอบคุณครับ"  เคนพูดเบาๆไล่หลังหญิงสาวไป 

- เวลาต่อมา -
"พี่กลาง"  เมื่อกลับมานั่งบนรถไจ่ไจ๋ก็ขยับเข้าไปหาแล้วบีบมือพี่ชายเบาๆ เพราะเห็นว่าเคนเงียบไป
"หืม?"  เคนส่งเสียงในลำคอเป็นเชิงถามน้อง
"ขอบคุณที่พาผมมาด้วยในวันนี้"  ไจ่ไจ๋พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"มันทำให้ผมคิดอะไรได้หลายอย่าง"  เคนยิ้มแล้วลูบหัวน้องอย่างรักใคร่
"คิดอะไรได้บ้าง? ไหนบอกพี่หน่อยซิ"  ถามน้องกลับไป
"ทำให้ผมรักครอบครัวเรามากขึ้นอีกหลายเท่า"  ไจ่ไจ๋ตอบ
"แล้วที่สำคัญผมยังยอมรับได้แล้วหากว่าพี่รองจะแต่งงานจริงๆ"  เคนเลิกคิ้วเมื่อได้ยินประโยคนี้
"จริงหรอ?"  ถามย้ำอย่างไม่ค่อยเชื่อ
"จริงครับ...."  ไจ่ไจ๋ตอบก่อนจะอธิบาย
"เด็กๆพวกนั้นเวลานอนคงไม่มีใครกอดให้ความอบอุ่น เวลาร้องไห้ก็คงไม่มีคนคอยโอ๋ เวลาหิวก็คงไม่มีใครพาไปซื้อขนม แต่ว่าผมน่ะมีครบทุกอย่างแถมยังมีคนตั้งห้าคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างผม แต่เด็กพวกนั้นไม่มีใครเลยเพราะฉะนั้นผมไม่ควรเรียกร้องอะไรให้ตัวเองอีกแล้วเพราะที่ผมมีอยู่มันก็โชคดีกว่าเด็กๆพวกนั้นเป็นไหนๆ"  เคนฟังน้องเล็กพูดด้วยความรู้สึกดีใจที่น้องคิดได้ การที่พาน้องมาด้วยเขาคิดไว้แล้วว่าน้องน่าจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างในอีกแง่มุมนึงซึ่งน้องก็ได้ประโยชน์ไปจริงๆ
"ดีแล้วที่นายคิดได้แบบนี้"  เคนโน้มหัวน้องเข้ามากอด
"พี่กลางครับ ไว้ว่างๆเราพาพี่ใหญ่กับพี่รองมาด้วยกันอีกนะ"  ไจ่ไจ๋ชวน
"อืม"  เคนพยักหน้าเห็นดีด้วย
"รู้หรือเปล่าที่นั่นน่ะมีเด็กชื่อเหมือนพี่ด้วย"  เคนเล่าให้น้องฟัง
"ชื่อเหมือนลูกหรอจ๊ะ?"  แม่ที่นั่งฟังลูกชายสองคนคุยกันอยู่ถามแทรกขึ้นมา
"ครับ"  เคนตอบสั้น
"จริงหรอ? พ่อว่าพ่อหาชื่อเท่ห์ไม่มีใครเหมือนให้ลูกแล้วนะ"  พ่อที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่เอ่ยขึ้นมาบ้าง       
"ไม่ใช่ชื่อเสี้ยวเทียนนะครับ แต่เป็นชื่อเคนต่างหาก"  เคนขยายความให้ฟัง
"แล้วไป...."  พ่อว่าพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
"ชื่อเคน? ถ้าพี่ไม่พูดถึงผมคงลืมไปแล้วว่าพี่มีอีกชื่อนึงเพราะส่วนใหญ่ไม่มีใครเรียกชื่อภาษาอังกฤษของพี่เลย"  ไจ่ไจ๋พูดอย่างนึกขึ้นได้เหมือนกัน
"นายเองก็ด้วย อีกชื่อนึงก็คือวิคไม่ใช่หรอ?"  เคนพูดถึงชื่อน้องด้วย
"ใช่....แต่ผมลืมไปแล้วเพราะไม่มีใครเคยเรียกอย่างนั้นเลยซักคน"  น้องเล็กตอบพลางหัวเราะ
"ต้องถามพ่อแม่ว่าทำให้ถึงเรียกชื่อพี่ใหญ่กับพี่รองเป็นภาษาอังกฤษและเรียกชื่อผมกับพี่กลางเป็นภาษาจีน"  ไจ่ไจ๋โน้มตัวไปตั้งคำถามกับพ่อแม่
"เออนั่นสิ....ทำไมนะแม่?"  พ่อหันไปถามแม่บ้าง
"เพราะตอนเด็กๆพี่ใหญ่กับพี่รองเรียนในโรงเรียนที่เขาเรียกกันแต่ชื่อภาษาอังกฤษน่ะ เวลาไปรับไปส่งเลยได้ยินแต่คนเรียกชื่อลูกแบบนี้แม่เลยติดมาด้วย"  แม่ตอบพ่อยิ้มๆ
"งั้นพ่อคงติดแม่มาอีกที"  พ่อได้ทีเออออตามไปด้วย
"ไม่ค่อยเลยนะพ่อ"  ไจ่ไจ๋แซวที่พ่อเอาคำตอบจากแม่มาดื้อๆ
"ส่วนเสี้ยวเทียนเป็นเพราะว่าเมื่อก่อนเวลาพ่อแม่เรียกเคนแล้วลูกไม่หัน ต้องเรียกเสี้ยวเทียนถึงจะหันก็เลยเรียกแต่เสี้ยวเทียนมาตลอด"  แม่อธิบายให้ลูกชายฟัง
"ชื่อของลูกน่ะพ่อเขานำเสนอมากเลยนะ เห็นภูมิใจนักแหละว่าตั้งชื่อลูกได้เท่ห์มากๆ"  แม่ได้ทีแซวพ่อยกใหญ่
"ก็มันจริงนี่แม่"  พ่อว่าแล้วมองลูกชายเจ้าของชื่อผ่านทางกระจกมองหลัง
"เสี้ยวเทียนเป็นอะไรไปหรือเปล่าลูก?"  เมื่อเห็นว่าลูกชายดูเงียบไปจึงเอ่ยถามมาตามตรง
"เปล่าหรอกครับ ผมแค่คิดเรื่องเด็กคนนั้นนิดหน่อย แล้วไจ่ไจ๋หละครับทำไมพ่อแม่ถึงไม่เรียกน้องว่าวิค?"  เคนถามเข้าเรื่อง
"ชื่อนี้แม่เขานำเสนอเอง เห็นบอกว่าน่ารักอย่างโน้นอย่างนี้ไจ่ไจ๋ก็เลยเป็นคนเดียวที่พ่อแม่ตั้งใจเรียกว่าไจ่ไจ๋มาตลอด"  พ่ออธิบายแทน
"ก็น่ารักจริงๆแหละ"  ไจ่ไจ๋โพล้งขึ้นมาจึงเรียกเสียงหัวเราะจากคนที่เหลือได้เป็นอย่างดี
"ไอ้เรื่องหลงตัวเองนี้แหละเก่งนัก"  เคนผลักหัวน้องอย่างหมั่นไส้
"ก็มันจริงนี่"  น้องเล็กเถียงแล้วได้ทีขยับตัวลงนอนหนุนตักพี่ชาย
"จะถึงบ้านอยู่แล้วยังจะมานอนอีก"  เคนบ่นน้องแต่ก็เอามือลูบหัวน้องไปด้วย
"ผมคิดถึงพี่กลางหนิ ตักพี่กลางอุ่นดี"  น้องเล็กได้ทีอ้อน ทำให้เคนอดที่จะยิ้มไม่ได้
"พี่กลางได้กลับมาบ้านแล้วมีแผนจะเที่ยวไหนอีกหรือเปล่า?"  ไจ่ไจ๋ถามพร้อมกับมองพี่ชายตาแป๋ว
"ถึงไปพี่ก็ไม่เอานายไปด้วยหรอกอย่ามาอ้อนให้ยากเลย แค่ครั้งเดียวพี่ก็เข็ดจนตายแล้ว"  เคนว่าพร้อมกับบีบจมูกน้องชายเบาๆ
"ไม่เห็นเป็นไรเลย เราแอบไปกันโดยไม่บอกพี่ใหญ่ก็ได้"  น้องเล็กทำหน้าเจ้าเล่ห์
"ฮึ! ขืนไม่บอกกลับมานายคงได้สวดศพพี่แน่! นึกว่าพี่ใหญ่เขาใจดีขนาดนั้นเชียว?"  เคนต่อว่าน้องพร้อมกับแอบแขวะพี่ใหญ่ไปในตัว
"ทำไมหละ? เราพี่น้องกันจะไปเที่ยวกันสองคนบ้างไม่เห็นเป็นไรเลย ทีพี่ใหญ่ยังแอบพาพี่รองไปเที่ยวกันสองคนตั้งหลายครั้ง"  น้องเล็กทำเสียงกระเง้ากระงอด
"หึๆๆๆ...."  เคนหัวเราะเบาๆแล้วส่ายหน้า
"คราวนี้พี่คงไม่ไปไหนหรอก คิดถึงบ้าน"  บอกกับน้องตามตรง
"อยากไปเที่ยวกับพ่อแม่มั๊ยจ๊ะ? วันพรุ่งนี้เราจะกลับกันแล้ว"  แม่หันมาถามลูกชายคนกลาง
"ฟรีมั๊ยครับ?"  เคนย้อนถามอย่างติดตลก
"ฟรีสิลูก ไปมั๊ย?"  พ่อตอบแทนแม่ทันที
"พ่อครับ หันมาดูหน้าลูกชายคนเล็กของพ่อก่อนสิ"  เคนว่าพร้อมกับอมยิ้มเมื่อเห็นน้องเล็กทำหน้ามุ่ย
"ถ้าพี่กลางไปผมก็จะไปด้วย"  ไจ่ไจ๋พูดแทรกขึ้นมาทันที
"ไปได้ยังงัยหละ? เราต้องเรียนไม่ใช่หรอ?"  พ่อถามแหย่ลูกชายคนเล็ก
"ไม่รู้หละ ยังงัยก็จะไป ถ้าพ่อแม่ไม่ให้ไปแสดงว่าพ่อแม่ลำเอียงรักพี่กลางมากกว่าผม"  ไจ่ไจ๋พูดอย่างดื้อรั้น
"ก็ถือว่าเจ๊ากันงัยเพราะพี่ใหญ่กับพี่รองก็รักนายมากกว่าพี่เหมือนกัน"  เมื่อเห็นน้องเริ่มงอแงเคนก็เริ่มอยากแกล้ง
"ไม่ต้องมาพูดเลย!"  ไจ่ไจ๋ลุกขึ้นพร้อมกับทำหน้างอใส่พี่ชาย เคนได้แต่อมยิ้ม
"งอแงอีกแล้วนะไจ่ไจ๋ พี่เขาล้อเล่นเองน่ะ อีกอย่างถึงจะไปตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วเพราะต้องทำเรื่องขอวีซ่าทั้งเรื่องจองตั๋วเครื่องบินอีกแค่สองวันมันไม่พอให้ทำเรื่องหรอก"  แม่หันมาต่อว่าเจ้าลูกชายตัวแสบ
"แล้วไป"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วล้มตัวนอนหนุนตักพี่ชายอีกครั้ง 
"เฮ้ย! บ้านอยู่ข้างหน้าแล้วยังจะนอนอีก"  เคนโวยใส่น้องเล็กที่นอนตักเขาหน้าตาเฉย
"ก็ยังไม่ถึงไม่ใช่หรอ?"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วหลับตาลง
"เหลือเกินเลยไอ้เด็กคนนี้"  เคนบ่นแต่ก็รู้สึกดีที่มีน้องชายคอยอ้อนออเซาะ เพราะเขายอมรับว่าหลังจากได้รู้เรื่องของเด็กชายที่มีชื่อเดียวกับเขาแล้วก็รู้สึกหดหู่ไม่น้อย
"ถึงแล้ว"  เสียงของพ่อที่เอ่ยขึ้นทำให้เคนหันมาสนใจบรรยากาศรอบข้างอีกครั้ง
"ถึงแล้วไจ่ไจ๋ ลุกเลย ขาชาหมด"  เคนแกล้งบ่น
"น้อยๆหน่อยพี่กลาง ผมนอนตักพี่กลางรวมกันยังไม่ถึงสิบนาทีเลย"  ไจ่ไจ๋สวนกลับแล้วลุกขึ้นนั่ง ในตอนนั้นแวนเนสก็เดินออกมาพอดี 
"อะไร?"  เคนทำหน้างงๆเมื่อแวนเนสยื่นมือมาตรงหน้าเขา
"นายบอกว่าจะเอาของมาฝาก"  แวนเนสทวงทันที
"อ้อ!"  เคนร้องอย่างนึกขึ้นได้แล้วบอกให้พี่ชายแบมือจากนั้นเขาก็ประสานสองมือเข้าหากันก่อนจะวางบนมือพี่ชาย
"ตลกร้ายเหลือเกินนะ! ไม่เห็นมีอะไรเลย"  แวนเนสโวยวาย
"เฮ้ย! ร่วงหมดแล้ว! รีบๆเอาบุญใส่หัวตัวเองเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวก็ไม่ได้บุญกันพอดี"  เคนโวยพี่ชายกลับ
"หา??"  แวนเนสทำหน้างงๆ ในขณะที่คนอื่นหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน
"ชั้นเอาบุญมาฝาก! ไม่รับหรืองัย?"  เคนเอ็ดพี่ชายอีกรอบ แวนเนสทำหน้าแหยๆก่อนจะยกมือแปะๆที่หัวตัวเองเบาๆ
"ใครจะไปรู้วะ? นึกว่าจะเอาของมาฝากจริงๆ"  ไม่วายบ่นน้องอุบอิบ
"ตกลงไปไหนกันมา?"  ถามน้องชายต่ออีก
"ไม่ต้องมาทำหน้าซื่อหรอก รู้แล้วยังมาถามอีก"  เคนต่อว่าพี่ชายแล้วส่ายหน้าไปมา
"รู้ที่ไหนหละ? นายยังไม่ได้บอกชั้นเลย"  แวนเนสเถียง
"ชั้นไม่เชื่อหรอกว่าพี่ชายของนายมันจะยังไม่บอกนาย ไม่งั้นป่านนี้มันคงลงไปดิ้นตายแล้วไอ้นี่มันเก็บความลับได้ที่ไหน"  เคนพูดยังไม่ทันขาดคำฝ่ามือใหญ่ของคนที่ถูกพาดพิงก็ลอยมาแปะบนหัวเคนทันที
"นินทา!"  เมื่อหันไปเคนก็เห็นพี่ใหญ่ทำหน้าดุๆใส่เขา
"มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ"  เคนเอามือลูบหัวตัวเองพร้อมกับบ่นเบาๆ
"น้องมันรู้นิสัยนายดีนะเนี่ย"  แวนเนสหันไปพูดกับพี่ชายขำๆ
"เผลอเป็นไม่ได้! นินทาพี่มันตลอด!"  เจอร์รี่ตวัดเสียงแล้วเดินหน้างอเข้าบ้าน 
"ขี้งอนจริงๆ"  แม่ว่าพร้อมกับส่ายหน้าไปมาแล้วชวนลูกๆเข้าบ้านด้วยเช่นกัน
"วันนี้บ้านเราไม่มีอะไรกินเลยใช่มั๊ยเนี่ย?"  ทันทีที่เข้ามาในตัวบ้านไจ่ไจ๋ก็แจ้นเข้าไปในครัวเพื่อหาของกินแต่ก็ต้องพบกับความผิดหวังเพราะไม่มีอาหารอยู่เลย ดูเหมือนว่าพี่ชายสองคนที่อยู่บ้านก่อนหน้านี้คงไม่ได้นึกถึง
"พี่ไม่ได้ทำ"  พี่ใหญ่ร้องบอกก่อนจะถามต่อ
"หิวแล้วหรอ?"  ไจ่ไจ๋ได้ยินก็พยักหน้า
"ครับ....งั้นสั่งพิซซ่าเนอะ"  ถามนำสมาชิกทุกคนเพราะตัวเองอยากกิน
"ไม่ดีหรอก ไม่มีประโยชน์เท่าไหร่มีแต่แป้ง"  เคนแกล้งค้านคำน้อง
"ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่ได้กินบ่อยๆนี่นา นานๆกินกันที แล้วที่สำคัญตอนนี้เราไม่มีอะไรกินกันเลย"  น้องเล็กทำเสียงอ่อนอ่อย ซึ่งสามารถเรียกรอยยิ้มจากทุกคนได้
"นายเลี้ยงมั๊ยหละ? ถ้าเป็นอย่างงั้นหละก็อยากกินก็สั่งเลย"  เคนแหย่น้องอีก คราวนี้ไจ่ไจ๋ทำหน้ามุ่ย
"ก็ได้! ถือว่าวันนี้พี่กลางทำให้ผมมีความคิดเปลี่ยนไปหลายเรื่อง เลี้ยงก็ได้ครับ"  พูดจบไจ่ไจ๋ก็เดินไปโทรศัพท์สั่งพิซซ่าทันที
"ทำเป็นพูดดีว่าจะเลี้ยง สุดท้ายถ้าเงินไม่พอใช้ก็ต้องขอเงินพี่ใหญ่อยู่ดีนั่นแหละ"  เจอร์รี่เปรยขึ้นเป็นเชิงบ่น
"มันก็ถูกแล้วนี่ เป็นพี่ก็ต้องเลี้ยงดูส่งเสียน้องจนกว่าน้องจะตั้งตัวได้"  แม่ย้อนคำลูกชาย
"แม่ครับ.....รู้สึกพักหลังๆมานี่แม่จะคอยขัดผมอยู่ตลอดเลยนะ แม่ไม่รักลูกคนนี้แล้วใช่มั๊ย?"  เจอร์รี่ถามด้วยสีหน้าน้อยใจที่แม่เอาแต่เข้าข้างน้องๆ
"แม่ไม่รักไม่เป็นไร พ่ออยู่ทั้งคนนี่ลูก"  พ่อที่นั่งใกล้กับลูกชายคนโตอยู่แล้วรีบออกตัวแล้วโอบไหล่ลูกชายไว้ เจอร์รี่จึงเอียงหัวซบลงไปที่ไหล่พ่อแล้วหลับตาลง
"งอนจริงหรอเนี่ย?"  เมื่อเห็นว่าลูกชายไม่พูดอะไรอีกแม่ก็นึกว่าเจอร์รี่งอนเข้าจริงๆจึงลุกไปนั่งอีกข้างหนึ่งของลูกชาย
"เจอร์รี่....แม่ไม่ได้ตั้งใจขัดลูกหรอกนะ แม่ขอโทษแล้วกัน อย่าน้อยใจไปเลย ลูกคนไหนแม่ก็รักเหมือนกันหมดนั่นแหละ"  เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับเอามือลูบแก้มลูกชายเบาๆ เจอร์รี่ได้ยินก็ลืมตาขึ้นมาแล้วจับมือแม่ไว้
"ผมพูดเล่นเท่านั้นแหละครับ แม่อย่าคิดมากนะ"  บอกกับแม่พร้อมกับยิ้มให้
"แล้วเป็นอะไร? ทำไมทำหน้าเนือยๆ?"  แม่ถามต่อแล้วเลื่อนมือมาปัดผมที่ตกลงมาปรกหน้าลูกชายขึ้น
"มันเหนื่อยๆเมื่อยๆยังงัยก็ไม่รู้"  เจอร์รี่ตอบแล้วขยับนั่งตามเดิมเมื่อเห็นสีหน้าห่วงใยของแม่ น้องๆสามคนเมื่อได้ยินพี่ใหญ่พูดเช่นนั้นกรูมารุมเป็นห่วงพี่ชายด้วย
"พี่ใหญ่เมื่อยตรงไหน? เดี๋ยวผมไปเอายามานวดให้นะ"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็วิ่งหายไปหายามานวดให้พี่ชายทันที
"ไปทำอะไรมา? เมื่อเช้ายังดีๆอยู่นี่นา ปวดหัวหรือเปล่า? เดี๋ยวชั้นเอายามาให้กิน"  เคนถามพี่ชายต่อเมื่อจบคำของน้องเล็ก จากนั้นก็เดินไปหายามาให้พี่ชายกิน
"นั่นสิ แล้วทำไมไม่บอกชั้นตั้งแต่แรก? หรือว่าหิวข้าว? งั้นเดี๋ยวหาอะไรมาให้รองท้องนะ"  แวนเนสพูดจบก็เดินเข้าไปในครัวเพื่อหาของกินมาให้พี่ชาย ในขณะที่เจอร์รี่ได้แต่อ้าปากค้างเพราะพูดไม่ทันเจ้าน้องชายทั้งสามคน
"หึๆๆๆ"  พ่อกับแม่มองหน้ากันขำๆกับลูกชายทั้งสามคนที่ออกอาการเป็นห่วงพี่ชายขนาดนี้
"เป็นยังงัยเรา? เห็นหรือยังว่าน้องๆน่ะห่วงเรามากขนาดไหน?"  แม่ถามลูกชายยิ้มๆ เจอร์รี่ยิ้มตอบแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า
"ไอ้กระบวนการร่วมด้วยช่วยกันพยาบาลผมนี่ไม่รู้จะทำให้ผมหายเร็วหรือทรุดเร็วกันแน่"  เจอร์รี่เหมือนจะว่าเจ้าน้องชายจอมทะโมนทั้งสามคนแต่สีหน้ากลับยิ้มระรื่น   
"เราก็พูดไป....หากวันไหนน้องๆแยกย้ายกันไปมีครอบครัวกันหมดแล้วลูกจะเหงา"  แม่ว่าพร้อมกับเอามือขยี้หัวลูกชายไปด้วย
"แม่กะว่าชีวิตนี้จะไม่ให้ผมแต่งงานบ้างเลยหรอ?"  เจอร์รี่ถามกลับยิ้มๆ
"ไม่ได้จนกว่าน้องทั้งสามคนของลูกจะแต่งงานไปก่อน"  แม่ตอบกลับยิ้มๆเช่นกัน
"หูย.....น้องแต่ละคนมันจะมีใครเอามั๊ยเนี่ย? สงสัยชาตินี้ผมคงอยู่เป็นโสดตลอดชาติแหงๆ"  เจอร์รี่แกล้งบ่น
"เจ้าแวนเนสงัยหละ! พ่อเห็นนะเวลาที่น้องพูดเรื่องแต่งงานลูกแอบทำหน้าเศร้า"  พ่อแซวลูกชายขึ้นมาบ้าง
"ผมนี่นะทำหน้าเศร้า? อยากจะหัวเราะดังๆมากกว่า"  เจอร์รี่เถียงฉอดๆเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเองเพราะเขาเองก็อดที่จะยอมรับไม่ได้ว่ารู้สึกใจหายทุกครั้งที่ได้ยินแวนเนสพูดเรื่องแต่งงาน
"พี่ใหญ่ครับ....ผมหายามานวดให้ได้แล้ว มา.....เมื่อยตรงไหนเดี๋ยวผมนวดให้"  ในตอนนั้นไจ่ไจ๋ก็ถือหลอดยาสำหรับนวดเพื่อคลายความเมื่อยล้ามาด้วย
"ขา"  เจอร์รี่ตอบยิ้มๆทั้งที่จริงเขาไม่ได้เมื่อยอะไรมากมายนัก
"ไปทำอะไรมาถึงได้เมื่อยขา?"  ไจ่ไจ๋บ่นพึมพำแต่ยกขาพี่ชายมาพาดบนตักตัวเองแล้วใช้ยานวดให้พี่ชายอย่างตั้งใจ ทำเอาพี่ชายยิ้มหน้าบาน
"เจอร์รี่....ทั้งบ้านชั้นค้นเจอแค่ขนมปังกรอบห่อเดียวเอง กินรองท้องไปก่อนนะเดี๋ยวพิซซ่าที่ไจ่ไจ๋สั่งคงมาส่ง"  แล้วแวนเนสก็เดินถือห่อขนมมานั่งลงข้างพี่ชายแล้วยื่นให้
"ใช่ๆๆๆ นายรีบกินรองท้องไปก่อนแล้วจะได้กินยาแก้ปวด"  เคนที่เดินตามแวนเนสมาติดๆพูดเสริม 
"เอ่อ..."  เจอร์รี่ยิ้มค้างพร้อมกับมองน้องๆที่เข้ามารุมล้อมเขาอย่างกับว่าเขาป่วยหนักยังงัยอย่างงั้น
"มองหน้าอีก กินเข้าไปสิ!"  เคนเอ็ดพี่ชายเข้าให้อีกเมื่อเห็นว่าพี่ชายยังเฉย
"นี่! ชั้นไม่ได้เป็นอะไรมากซักหน่อยทำไมต้องกินยาด้วย?"  พี่ใหญ่ถามน้องกลับ
"ก็เมื่อกี้นายบอกว่า....."  เคนอ้าปากจะเถียงแต่ยังพูดไม่ทันจบเจอร์รี่ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
"พี่ใหญ่บอกว่าเมื่อยๆเหนื่อยๆก็เท่านั้นเอง ไม่ได้บอกว่าหิวหรือปวดหัวด้วยซักหน่อย"  เจอร์รี่แก้คำพูดน้อง
"ไม่รู้แหละ ก็เพราะนายเหนื่อยถึงจะต้องปวดหัวงัย"  แวนเนสเถียงกลับข้างๆคูๆ
"ใช่แล้ว ไม่งั้นจะมาบ่นทำไม?"  เคนเสริมอีกแล้วแล้วหยิบถุงขนมปังกรอบในมือแวนเนสมายัดใส่มือพี่ชายคนโต
"ชั้นว่า....ชั้นก็เริ่มปวดหัวขึ้นมาจริงๆแล้วหละ"  เมื่อโดนน้องๆช่วยกันแสดงความเป็นห่วงเจอร์รี่ก็เวียนหัวขึ้นมาซะจริงๆ
"แวนเนส เสี้ยวเทียน ไจ่ไจ๋"  แม่เรียกลูกชายทั้งสามคน
"ครับ?"  ทั้งสามคนออกเสียงตอบรับอย่างพร้อมเพรียงกัน
"พี่ใหญ่เขาไม่ได้เป็นอะไรหรอกจ๊ะ แค่เหนื่อยๆจากกการทำงานเท่านั้นเอง ไม่ได้ป่วยหรือไม่สบายอะไรมาก"  แม่อธิบายให้เจ้าลูกชายตัวดีทั้งหลายฟัง
"อ้าว!"  สามเสียงประสานขึ้นมาพร้อมกันอีกรอบ
"อืม"  เจอร์รี่พยักหน้าตามที่แม่พูด
"แล้วไม่บอก! ชั้นก็อุตส่าห์ไปคุ้ยหาของกินกว่าจะได้ขนมปังกรอบถุงนี้มาก็หาแทบตายเลย"  แวนเนสต่อว่าพี่ชายทันที
"เป็นหมาหรอเราน่ะ? ถึงได้ไปคุ้ยหาของกินแบบนั้น?"  เจอร์รี่ถามน้องขำๆ 
"นายสิเป็นหมา!"  แวนเนสแหวใส่แล้วทำมุ่ยใส่พี่ชาย
"คนเขาเป็นห่วงหรอกยังจะมีหน้ามาล้อเล่นอีก"  บ่นต่ออุบอิบ ในขณะที่ไจ่ไจ๋ก็เลิกนวดให้พี่ชายด้วยเหมือนกัน
"อ้าว! ไม่นวดต่อหละ? กำลังสบายเลย"  เจอร์รี่ท้วงแล้วมองหน้าน้องชายคนเล็ก
"ไม่เอาแล้วผมเมื่อยมือ พี่ใหญ่มานวดมือให้ผมคืนเดี๋ยวนี้เลย!"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ยื่นมือไปตรงหน้าพี่ชาย
"หา? มีอย่างนี้ด้วยหรอ?"  เจอร์รี่ทำหน้าแหยๆ ในขณะที่พ่อแม่ได้แต่ยิ้มๆ
"ไปแกล้งพี่ใหญ่เขา"  แม่หันไปปรามเจ้าลูกชายตัวดี
"ไม่ได้แกล้งแต่เป็นการลงโทษฐานที่ทำให้พวกเราเป็นห่วง"  ไจ่ไจ๋แย้งคำแม่พร้อมกับหันมามองหน้าพี่ชายคนโตอีกครั้ง
"พวกเราไหนที่เป็นห่วงพี่?"  เจอร์รี่ถามยิ้มๆ 
"ผมงัย! ชั้นด้วย!"  ไจ่ไจ๋กับแวนเนสยกมือแย่งกันตอบเหมือนเด็กๆ เรียกเสียงหัวเราะจากพ่อแม่และพี่ชายได้เป็นอย่างดี
"อืม....งั้นใครอีกคนหละ?"  เจอร์รี่แกล้งถามลอยๆแต่เปลี่ยนสายตาไปที่น้องชายคนกลาง
"เล่นเป็นเด็กๆไปได้"  เคนต่อว่าพี่ชายแล้วส่ายหน้าไปมา
"เฮ่อ! น่าน้อยใจจริงๆ.....ทั้งที่เราก็เลี้ยงมันมาอย่างดีแต่พอไม่สบายกลับไม่มาเป็นห่วงเราเลยซักนิด"  พี่ใหญ่แกล้งตัดพ้อขึ้นมาอีก
"เลี้ยงดีตายแหละ! โดนทั้งมือทั้งไม้เรียวฟาดจนนับครั้งไม่ถ้วนเลย ที่ชั้นมีชีวิตอยู่รอดมาได้ทุกวันนี้มันเป็นเพราะผลบุญในชาติปางก่อนที่ชั้นทำมาต่างหากไม่งั้นคงไม่สามารถทนไม้ทนมือนายมาได้จนถึงตอนนี้หรอก!"  เคนร่ายยาวชุดใหญ่
"ไอ้...."  เจอร์รี่เจอไม้นี้ถึงกับเถียงไม่ออก
"พูดเรื่องจริงหน่อยก็เถียงไม่ออกเลยใช่มั๊ย? ให้มันรู้ซะบ้างว่าเล่นกับใคร!"  เคนต่อว่าพี่ชายแล้วพูดประชดต่อ
"ไม่รู้จะห่วงมันไปทำไม! ทำอะไรให้ก็ไม่เคยเห็นความดี!"  พูดจบก็ปาแผงยาแก้ปวดใส่พี่ชายแล้วนั่งกอดอกหน้าบึ้ง คนอื่นๆที่เหลือพากันมองเจอร์รี่เป็นตาเดียว
"อะไรวะเนี่ย?"  เจอร์รี่พึมพำด้วยสีหน้าแหยๆ 
"เสี้ยวเทียนคร้าบบบ....พี่ใหญ่ล้อเล่น....."  ลุกเปลี่ยนที่มานั่งลงข้างน้องชายขี้งอนพร้อมกับลากเสียงง้อเต็มที่
"ชั้นเป็นเพื่อนเล่นนายหรืองัย!?"  เคนแหวใส่พี่ชาย ทำเอาคนอื่นๆที่เหลือกลั้นหัวเราะกันเต็มที่ในขณะที่เจอร์รี่กำลังใช้สมองในการตีความหมายของน้องชาย
"วันหลังจะทำอะไรให้มันรู้จักกาลเทศะซะบ้าง! พูดอะไรไม่คิด!"  เคนไม่ได้พูดเปล่าแต่เอื้อมมือไปดึงหูพี่ชายด้วย
"โอ้ยๆๆๆ! เสี้ยวเทียน!! มันจะเกินไปแล้วนะ!"  พี่ใหญ่โวยวายขึ้นมาบ้าง ในตอนนั้นเคนก็สบโอกาสลุกไปนั่งตรงกลางระหว่างพ่อแม่แล้วยักคิ้วให้พี่ชายอย่างคนที่เหนือกว่า 
"ระวังตัวไว้เถอะ!"  ชี้หน้าน้องพร้อมกับพูดขู่ในขณะที่ใช้มืออีกข้างลูบใบหูตัวเองไปด้วย
"หึๆๆๆๆ"  แทนที่จะสลดแต่เคนกลับหันไปหัวเราะคิกคักกับพี่น้องอีกสองคน ในขณะที่พ่อแม่ได้แต่ถอนหายใจกับบรรดาลูกชายจอมเฮี้ยวทั้งหลายที่ไม่รู้จักโตกันซักที




 

Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2559 15:30:00 น.
Counter : 1131 Pageviews.  

Chapter 93

ตอนที่ 93

"ไจ่ไจ๋วันนี้นายไม่ต้องเอารถไปนะ เดี๋ยวตอนเลิกเรียนพี่กับพ่อแม่จะไปรับ"  เคนสั่งกำชับน้องชายอีกครั้งก่อนที่น้องจะออกจากบ้าน
"ครับพี่กลาง"  ไจ่ไจ๋รับคำ
"แต่พี่กลางต้องมาให้ตรงเวลาด้วยหละ"  ไม่วายกำชับพี่ชายกลับไปบ้าง
"เออ! ไปรับก่อนนายจะเลิกเรียนอยู่แล้วหละ"  เคนตอบแล้วโบกมือไล่ให้น้องชายรีบไปเรียน
"งั้นผมไปก่อนนะครับทุกคน"  พูดจบไจ่ไจ๋ก็หอบสัมภาระทั้งหมดเดินออกจากบ้านไป
"ตกลงจะไปไหนกัน? ทำมีลับลมคมในไปได้"  แวนเนสถามน้องชายบ้าง
"ก็บอกแล้วงัยว่ากลับมาจะบอกแล้วจะมีของมาฝากด้วย"  เคนว่าพร้อมกับยักคิ้วแล้วเปลี่ยนสายตาไปทางพี่ชายคนโต
"เจอร์รี่ เดี๋ยวชั้นขอติดรถไปธนาคารหน่อยนะ"  บอกกล่าวกับพี่ชายคนโต
"ไปทำอะไรที่ธนาคาร?"  พี่ใหญ่ถามน้องกลับ
"ไปซื้อกับข้าว"  เคนตอบหน้าตายแล้วหมอนอิงใบย่อมๆก็ลอยมาปะทะหน้าเต็มๆ
"โอ้ย ทั้งปีเลย....."  เคนบ่นอุบอิบหน้ามุ่ย
"ชั้นถามดีๆยังจะมาพูดกวนอีก"  พี่ใหญ่พูดเสียงดุๆ แวนเนสหัวเราะเบาๆกับพี่น้องทั้งคู่  
"อย่ากัดกันอีกนะโว้ย! พ่อแม่ไม่อยู่ห้ามชั้นเองก็คงห้ามหมาสองตัวกัดกันไม่ไหว"  พูดแขวะพี่น้องทั้งคู่อีก
"แวนเนส!!"  คราวนี้ทั้งพี่ทั้งน้องพร้อมใจกันหันมาทำตาเขียวปั๊ดใส่คนพูด 
"ปิ๊นๆๆๆ!!!"  เสียงแตรรถช่วยชีวิตดังขึ้นทำให้แวนเนสลุกพรวดทันที
"เสี่ยวจือมารับพอดีเลย ไปก่อนนะแล้วเย็นๆเจอกัน"  พูดจบก็หยิบข้าวของแล้ววิ่งออกไปทันที
"ทะเล้นพอกันหมด"  เจอร์รี่บ่นพร้อมกับส่ายหน้าไปมา
"รอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวไปหยิบสมุดบัญชีก่อน"  เคนว่าแล้วก็วิ่งขึ้นห้องไป
"จะทำอะไรของมัน"  เจอร์รี่พึมพำกับตัวเองแต่ก็หันกลับมาจัดเตรียมข้าวของเพื่อที่จะไปทำงาน ซักพักเคนก็กลับลงมาพร้อมกับกระเป๋าเป้ใบใหญ่
"ตกลงจะไปธนาคารหรือจะไปไหนกันแน่?"  เมื่อเห็นกระเป๋าสัมภาระของน้องแล้วเจอร์รี่ก็อดที่จะสงสัยไม่ได้
"ไปแค่ธนาคารเท่านั้นแหละ ไปหรือยังหละ?"  ถามพี่ชายกลับไปบ้าน เจอร์รี่จึงหยิบข้าวของของตัวเองแล้วเดินนำไปที่รถ 
"เดี๋ยวชั้นรอก็แล้วกัน เพราะนายจะออกไปกับพ่อแม่ตอนสายๆไม่ใช่หรอ ตอนนี้พ่อแม่อยู่ที่บริษัทจะได้ไม่ต้องวกกลับมารับนายอีกที"  พี่ใหญ่พูดกับน้องเมื่อถึงธนาคารแล้ว
"เอ่อ....ไม่ต้องก็ได้ นายรีบไปทำงานเถอะ เสร็จแล้วชั้นจะนั่งรถไปหาพ่อแม่เอง"  เคนว่าแล้วก็เปิดประตูจะลงรถ
"มีเรื่องอะไรที่ชั้นไม่ควรรู้งั้นหรอ?"  เจอร์รี่ถามขัดขึ้นเพราะดูเหมือนน้องจะไม่อยากให้เขารู้
"เปล่าซักหน่อย ทำไมนายคิดมากจัง"  เคนได้ยินก็แง้มประตูกลับเข้ามา
"ก็ดูเหมือนนายอยากจะไปที่ไหนกับพ่อแม่และก็น้องเพียงลำพัง เหมือนไม่อยากให้ชั้นกับแวนเนสรู้"  พี่ใหญ่พูดตรงๆ
"ก็...."  เคนพูดอะไรไม่ออก
"งั้นก็ตามใจ ชั้นไปทำงานก่อนแล้วกัน"  เมื่อเห็นน้องไม่ค่อยอยากบอกเจอร์รี่จึงพูดตัดบท
"ชั้นจะมาถอนเงิน....เงินที่ขายบ้านอาเจียง....."  เคนพูดเบาๆ 
"เอาไปทำอะไร?"  แม้จะรู้ว่ามันเป็นเงินส่วนตัวของน้องแต่ก็อดที่จะถามไม่ได้อีก
"ชั้นเคยสัญญากับอาเจียงว่าหากขายบ้านได้แล้วจะเอาไปบริจาคให้เด็กกำพร้าในนามของอาเจียง"  คำตอบของน้องทำให้เจอร์รี่กระจ่างทันที
"เรื่องแค่นี้ทำไมต้องปิดบังพี่หละ?"  ถามน้องกลับพร้อมกับโยกหัวน้องเบาๆ
"ก็เงินมันค่อนข้างเยอะ....ชั้นกลัวว่าจะมีใครคัดค้านหากว่าจะทำแบบนั้น"  เคนอธิบายให้พี่ชายฟัง
"เพราะเงินนี่มันก็เป็นเงินของพ่อแม่ด้วย"  เจอร์รี่นิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย
"มันจะเป็นเงินของพ่อแม่ได้ยังงัย? มันเป็นของนายต่างหาก.....เพราะเงินนี้มันได้มาจากการที่นายขายบ้านอาเจียงซึ่งเป็นสมบัติของนาย เชื่อเถอะว่าไม่มีใครตำหนินายหรอก"  ได้ยินพี่ชายพูดเช่นนี้เคนก็ค่อยสบายใจ
"เสี้ยวเทียน.....พี่ใหญ่ภูมิใจในตัวนายมากนะ"  เงียบไปอีกครู่หนึ่งเจอร์รี่ก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"เงินก้อนนี้มันมากพอที่จะทำให้นายสามารถตั้งตัวได้แต่นายกลับเลือกที่จะใช้มันต่อชีวิตให้กับเด็กๆอีกหลายคนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พี่นับถือน้ำใจของนายมาก"  เคนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อย
"เชื่อเถอะว่าชั้นไม่ใช่คนดีขนาดนั้นหรอก....."  เคนว่าแล้วพูดต่อ
"อาเจียงด่วนจากไปทั้งที่ชั้นยังไม่มีโอกาสได้ตอบแทนบุญคุณเลย แม้แต่สิ่งที่อาเจียงคาดหวังมากที่สุดชั้นก็ไม่เคยทำให้เขาเลยซักครั้ง"  เคนว่าพร้อมกับเอามือปาดน้ำตา 
"ที่ชั้นเอาเงินนี่ไปบริจาคเพราะชั้นต้องการลบความรู้สึกผิดในใจที่ชั้นไม่เคยทำอะไรตอบแทนให้อาเจียงก็เท่านั้นเอง"  พี่ใหญ่เองก็รู้สึกสะเทือนใจไปกับน้องด้วยเขาโน้มหัวน้องชายมาซบที่ไหล่ตัวเอง
"อาเจียงไม่โทษนายหรอกเสี้ยวเทียน อย่าโทษตัวเองแบบนี้สิ ถ้าอาเจียงรู้เขาก็คงไม่สบายใจแน่ๆ"  พูดปลอบน้องชายที่ซบหน้าร้องไห้กระซิกๆอยู่ที่ไหล่เขา
"น้องพี่เป็นเด็กดี เป็นคนที่มีจิตใจดี เพียงแค่นี้ก็ถือว่านายได้ทำตามสิ่งที่อาเจียงสอนและนั่นก็เป็นวิธีการตอบแทนบุญคุณของอาเจียงแล้ว"  เคนพยักหน้าทั้งที่ยังร้องไห้อยู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วเอามือเช็ดหน้าเช็ดตา
"ขอบคุณครับ"  เคนเอ่ยกับพี่ชายเบาๆ
"ไอ้ขี้แย.....ไหนหันหน้ามานี่ซิ.....พี่ใหญ่จะเช็ดหน้าให้"  พูดจบก็ควักผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้น้องชายเสร็จแล้วก็ใช้มือดีดเบาๆที่หน้าผากน้อง
"หล่อเหมือนเดิมแล้ว ไป....ลงไปเบิกเงินกัน....."  พูดกับน้องยิ้มๆก่อนจะดับเครื่องแล้วพาน้องเข้าไปในธนาคาร

- ที่บริษัท -
"มาสายนะคุณผู้จัดการ"  แม่เอ่ยแซวเมื่อเห็นเจอร์รี่เดินเข้ามาในห้องทำงาน
"โน้น....ต้องโทษลูกชายสุดที่รักของแม่ครับ เขาร้องตามผมมา"  เจอร์รี่โบ้ยความผิดไปให้น้องชาย
"ชั้นไม่ได้ขอตามมาซักหน่อย! นายบังคับให้ชั้นมาด้วยต่างหาก"  เคนเถียงฉอดๆแล้วเดินไปกอดเอวแม่
"วันนี้งานยุ่งมั๊ยครับ?"  แม่ยิ้มอย่างปลื้มใจก่อนจะส่ายหน้า
"ไม่ยุ่งเลยจ๊ะ พ่อของลูกกำลังเรียกเรียกประชุมหัวหน้าแผนกแทนพี่ชายของลูกอยู่ แม่เลยว่างมานั่งๆนอนๆในนี้"  แม่ตอบแล้วเอามือลูบแก้มลูกชาย
"แล้วผมต้องเข้าประชุมด้วยมั๊ยแม่?"  เจอร์รี่ถามมารดาบ้าง
"ไม่ต้องหรอกจ๊ะ เดี๋ยวคงเลิกแล้วเพราะไม่มีอะไรมาก ลูกทำงานของลูกไปเถอะ"  แม่หันไปตอบลูกชายคนโตก่อนจะหันกลับมาทางเคนแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
"ทำไมตาแดงๆหละเสี้ยวเทียน? ไปทำอะไรมา?"  ถามพร้อมกับจับใบหน้าลูกชายหันซ้ายหันขวาเพื่อตรวจดูความผิดปกติ
"พี่ใหญ่แกล้งครับ"  เคนตอบหน้าตาย
"เฮ้ย!!"  เจอร์รี่ถึงกับสะดุ้งเมื่อน้องพาดพิงมาถึงตัวเอง
"เจอร์รี่! แกล้งอะไรน้อง?"  แม่หันไปถามลูกชายคนโตอย่างเอาเรื่อง
"น้อยๆหน่อยนะไอ้ตัวแสบ! เดี๋ยวเถอะ!"  พี่ใหญ่หันไปดุน้องยกใหญ่ เคนหัวเราะแล้วจับมือแม่
"ผมพูดเล่นครับ พี่ใหญ่ไม่ได้ทำอะไรหรอก พอดีเมื่อกี้ฝุ่นเข้าตาผมเลยเอามือขยี้ตา"  เมื่อได้ยินดังนั้นแม่ก็ยิ้มอย่างโล่งใจ ส่วนเจอร์รี่ได้แต่ชี้หน้าน้องเป็นเชิงคาดโทษ
"ตกลงวันนี้เราจะไปไหนกัน กระซิบบอกแม่ก่อนได้มั๊ยจ๊ะ?"  แม่ชวนลูกชายคนโปรดคุยต่ออีก
"เดี๋ยวแม่ก็รู้แล้ว ไม่นานหรอก"  เคนไม่ยอมบอกเพียงแต่ยิ้มเท่านั้น
"โอเคจ๊ะ งั้นแม่ไม่ถามเซ้าซี้แล้ว เดี๋ยวไม่เซอร์ไพรส์"  แม่เองก็พูดยิ้มๆเช่นกัน 
"แม่เอากาแฟมั๊ยครับ? เดี๋ยวผมไปชงให้"  เคนถามเมื่อเห็นว่าคงจะต้องรอพ่ออีกซักพัก การดื่มกาแฟฆ่าเวลาก็น่าจะดี
"จ๊ะ ขอบใจมากลูก"  แม่ตอบด้วยสีหน้ายังมีรอยยิ้ม 
"พี่ใหญ่หละครับ?"  เคนหันไปถามพี่ชายด้วย
"ยังดีที่มันมีแก่ใจถามพี่มันบ้างนะเนี่ย!"  เจอร์รี่อดที่จะแขวะน้องไม่ได้
"เรานี่นะเจอร์รี่ น้องถามดีๆก็ต้องหาเรื่องว่าน้องอยู่เรื่อย"  แม่เองก็อดไม่ได้ที่จะต่อว่าลูกชายคนโต
"ก็มันจริงหนิ"  เจอร์รี่บ่นอุบอิบแล้วค้อนใส่น้องชายที่ยืนหัวเราะเขาอยู่
"เดี๋ยวชงมาให้แล้วกัน"  เคนพูดตัดบทแล้วเดินออกไปชงกาแฟ
"ไม่ต้องมาทำหน้างอใส่แม่เลยนะเราน่ะ"  หลังจากเคนออกไปแล้วแม่ก็หันมาต่อว่าลูกชายคนโตอีก
"ก็แม่ชอบเอาแต่ว่าผม"  เจอร์รี่พูดเสียงกระเง้ากระงอด
"เราเองก็ชอบดุน้องเหมือนกัน น้องโตแล้วนะลูก.....มีอะไรคุยกันดีๆอย่าดุน้องมากเลย เดี๋ยวก็พาลจะทะเลาะกันอีก"  แม่พูดเป็นเชิงเตือน
"ไอ้รายนี้ไม่ดุได้ที่ไหนกันครับ มันไม่เคยแผลงฤทธิ์ใส่แม่เหมือนที่มันทำกับผมนี่นา ลองมาเป็นผมดูบ้างสิรับรองแม่คงได้ตีมันตายวันละหลายรอบเหมือนกันแหละ"  เจอร์รี่ไม่วายต่อว่าแม่งอนๆอีก
"ก็เรามันยุขึ้นแบบนี้ทุกทีน้องถึงชอบแหย่"  แม่ว่าพร้อมกับส่ายหน้า
"นั่นงัย! แม่ก็ดูรู้นี่นาว่าเจ้าเสี้ยวเทียนมันชอบแหย่ผม"  เจอร์รี่ได้ช่องทางในการเถียงทันที แม่หัวเราะเบาๆแล้วเดินมาหาลูกชาย
"เมื่อเช้าไปไหนกันมาลูก? แล้วตกลงน้องโดนฝุ่นเข้าตาเหมือนที่พูดจริงๆหรือเปล่า?"  แม่ถามเข้าเรื่องที่ยังคาใจอยู่
"ทำไมครับ? จะเค้นให้ผมยอมรับว่าเป็นคนแกล้งน้องให้ได้เลยหรืองัย?"  ย้อนถามแม่อย่างติดกวน
"ลูกคนนี้! เดี๋ยวแม่ก็ตีเราบ้างหรอก!"  แม่ทำหน้าดุเมื่อลูกชายยังเหน็บแนมไม่เลิก
"กลัวแล้วครับ"  เจอร์รี่ว่าพร้อมกับกอดแม่หลวมๆแล้วหอมแก้มแม่แรงๆ
"แม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมรับรองว่าลูกชายคนโปรดของแม่ไม่ได้โดนยุงไต่ไรตอมเลยแม้แต่นิดเดียว"  เจอร์รี่ว่า
"แล้วผมเองก็ไม่จำเป็นต้องตอบเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าน้องจะเป็นคนตอบคำถามของแม่เองครับ"  แม่มองหน้าลูกชายแล้วนิ่งไป
"แม่หวังว่าคงไม่มีเรื่องอะไรที่จะทำให้เสี้ยวเทียนต้องเสียใจอีก น้องเจ็บช้ำมามากแล้วต่อไปนี้แม่อยากให้น้องมีแต่ความสุข"  แม่พูดด้วยสีหน้าสลดลง
"เชื่อผมเถอะครับว่าตอนนี้น้องก็มีความสุขพอสมควรแล้ว และแน่นอนว่าความสุขของพ่อกับแม่ก็คือความสุขของน้องด้วย เพราะฉะนั้นแม่ต้องยิ้มให้มากๆนะครับ"  เจอร์รี่พูดปลอบแม่พร้อมกับยิ้มกว้างเพื่อให้แม่สบายใจ
"ขอบใจมากจ๊ะลูกรัก"  แม่ว่าแล้วหอมแก้มลูกชายกลับฟอดใหญ่
"อืม....เรื่องคนที่จะเข้ามาช่วยงานลูกแม่ไปถามฝ่ายบุคคลแล้วเห็นบอกว่ากำลังรวมคะแนนสอบสัมภาษณ์อยู่ คาดว่าอาทิตย์หน้าคงรู้ผลแล้วเขาจะส่งมาให้ลูกสัมภาษณ์อีกรอบนะจ๊ะ"  แม่บอกกล่าวกับลูกชายไว้ล่วงหน้าเพราะอีกไม่กี่วันก็จะต้องกลับแล้ว
"ครับ"  เจอร์รี่รับคำหน้าเจื่อนลง
"ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมจะไว้ใจใครได้อีกหรือเปล่า กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยจัง"  พูดจบก็ถอนหายใจ
"อย่าคิดมากอีกเลยลูก พ่อกับแม่จัดการเรื่องพวกนี้เรียบร้อยแล้ว"  แม่พูดปลอบใจพร้อมกับบีบมือลูกชายเบาๆ เจอร์รี่ก็ได้แต่ยิ้มตอบแม่เท่านั้น ทางด้านเคนที่เดินออกมาชงกาแฟก็เจอกับเพื่อนที่เคยทำงานทีมเดียวกันและเป็นพวกที่ร่วมมือกับอาเหลียนในการใส่ร้ายเขาด้วย คนพวกนั้นเห็นเคนก็อึ้งไปเล็กน้อย เคนรับรู้ถึงบรรยากาศอันน่าอึดอัดจึงส่งยิ้มออกไปก่อน
"สบายดีกันหรอ?"  เอ่ยทักทายเพื่อนๆออกไป
"เสี้ยวเทียน....."  หนึ่งในนั้นเรียกชื่อเคนพร้อมกับทำหน้าสลดลงด้วยความรู้สึกผิดต่อเพื่อน
"ช่วงนี้เป็นวันพักผ่อนของชั้นน่ะเลยแวะมารอพ่อกับแม่กะว่าตอนสายๆจะออกไปข้างนอกด้วยกัน"  เคนเริ่มบทสนทนา
"อ้อ! พวกนายจะไปไหนกันหรอ?"  แล้วก็ถามเพราะดูเหมือนเพื่อนทั้งสามคนนั้นกำลังจะออกไปไหนด้วยกัน
"พวกเราจะไปยื่นหนังสือลาออกน่ะ"  หนึ่งในนั้นตอบ ทำให้เคนนิ่งไป
"พ่อชั้นไล่พวกนายออกหรอ?"  ถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"ไม่ใช่หรอกเสี้ยวเทียน ท่านประธานลงโทษเพียงแค่ให้พักงานเท่านั้นและก็ให้โอกาสพวกเราทำงานต่อเหมือนเดิม"  เพื่อนคนเดิมตอบด้วยสีหน้าเศร้าๆ
"แต่พวกเราละอายแก่ใจเหลือเกิน คงไม่สามารถก้าวเข้ามาเหยียบที่นี่ได้อย่างสนิทใจอีกแล้ว"  เพื่อนอีกคนพูดเสริม 
"ไม่เห็นต้องทำแบบนั้นเลย คนเรามันทำผิดพลาดกันได้นี่ ในเมื่อพวกนายยอมรับผิดและก็ถูกลงโทษแล้วเรื่องอะไรถึงต้อง....."  เคนพูดต่อไม่ออกเพราะเขาไม่อยากให้เพื่อนต้องลำบาก
"เสี้ยวเทียน....พวกชั้นทรยศนายขนาดนี้ทำไมนายถึงห่วงพวกเราอีก?"  เพื่อนคนที่เงียบอยู่นานเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง
"เพราะพวกนายเป็นเพื่อนชั้น"  คำตอบของเคนทำให้เพื่อนทั้งสามคนต่างเบือนหน้าหนีไปคนละทางเพราะคำตอบนั้นมันสะเทือนใจพวกเขาเป็นอย่างมาก  
"ชั้นยอมรับว่ารู้สึกโกรธพวกนายเหมือนกัน แต่พอมาคิดดูแล้วชั้นว่าหากคนเราไม่จำเป็นคงไม่เลือกที่จะทำในสิ่งที่ผิดหรอก"  เคนรู้สึกว่าขอบตาตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมาเฉยๆ
"ชั้นก็รู้ว่าเรื่องบางอย่างมันอาจจะไม่ยุติธรรม.....พวกนายสามคนเข้ามาทำงานที่นี่ก่อนชั้นซะอีก แต่สุดท้ายชั้นกลับกลายมาเป็นหัวหน้าทีมของพวกนายด้วยเหตุผลเพราะชั้นเป็นลูกของเจ้าของบริษัท"  เคนพูดต่อด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจเช่นกัน
"ผลงานของชั้นมันก็เกิดจากแรงผลักดันของพวกนายทั้งนั้น ถ้าไม่มีพวกนายชั้นเองก็ไม่รู้ว่าจะสามารถทำงานที่นี่ได้อย่างราบรื่นหรือเปล่า เพราะหลายสิ่งหลายอย่างชั้นก็ได้เรียนรู้จากพวกนายทั้งนั้น"  คำพูดของเคนทำให้เพื่อนแต่ละคนถึงกับไม่กล้าสบตาด้วย
"ตลอดเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมามันมีทั้งเรื่องให้หัวเราะทั้งเครียดทั้งสนุก บางวันเราทำงานกันจนโต้รุ่งนอนก่ายกันอยู่ในห้องทำงาน พอเช้าก็ลุกขึ้นมาทำงานในชุดเดิมจนคนอื่นๆพากันแซวพวกเรายกใหญ่"  เคนยิ้มเศร้าๆแล้วมองเพื่อนทั้งสามคนสลับกันไปมา
"ชั้นอยากบอกว่าพวกนายเป็นทีมที่ดีที่สุดของชั้น และยังเป็นเพื่อนร่วมงานที่เข้าใจชั้นมากที่สุดด้วย"  เพื่อนทั้งสามคนหันมาทางคนพูดก่อนจะยิ้มออกมาได้ในที่สุด
"ถ้านายไม่พูด....เรื่องพวกนี้ชั้นคงลืมไปแล้ว"  หนึ่งในนั้นพูดแล้วเดินเข้าไปกอดเคน
"เวลาความโลภเข้าสิงมันมักทำให้คนเราลืมนึกถึงเรื่องดีๆในชีวิตไป ตอนนั้นหากพวกชั้นฉุกคิดกันซักนิดว่าเราเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมามากขนาดไหนพวกเราคงไม่ทำร้ายนายแบบนี้แน่ๆ"  เคนยิ้มแล้วชกไหล่เพื่อนคนที่พูดเบาๆ
"ขอบใจมากว่ะเพื่อน!"  เคนกอดเพื่อนตอบแล้วตบไหล่เพื่อนเบาๆ
"แล้วถ้าลาออกกันไปแล้วพวกนายจะไปทำอะไรที่ไหนกัน?"  เคนถามเพื่อนๆต่ออีก
"ชั้นคงกลับไปช่วยที่บ้านค้าขายน่ะ ส่วนเจ้าสองคนนี้เห็นบอกว่ามีบริษัทตอบรับเข้าไปทำงานแล้ว"  เคนได้ยินก็ยิ้มแล้วพยักหน้า
"ได้ดิบได้ดีแล้วอย่าลืมชั้นนะโว้ย!"  เคนกำชับเพื่อน
"หึๆๆๆ"  เพื่อนๆพากันหัวเราะเบาๆ
"เสี้ยวเทียน.....ตอนแรกพวกชั้นกะว่าจะหาเวลาไปขอโทษนายด้วยตัวเองเหมือนกัน แต่ในเมื่อวันนี้เจอกันแล้วก็ถือเป็นโอกาสดีเลยทีเดียว ให้พวกชั้นเลี้ยงขอโทษนายนะ เราไปกินกันที่ร้านประจำแล้วกัน"  หนึ่งในนั้นเอ่ยชวน
"ใช่.....ถือว่าไปรำลึกความหลังกันด้วยเพราะจากนี้ไปคงยากที่จะไปนั่งกินข้าวด้วยกันอีก"  เคนได้ยินก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก่อนจะพยักหน้า
"ได้เลย ชั้นรอเวลาจะถล่มพวกนายมานานแล้ว"  เคนตอบพร้อมกับหัวเราะร่า
"เดี๋ยวพวกชั้นไปยื่นหนังสือลาออกก่อน"  เพื่อนคนหนึ่งบอก
"ได้! เดี๋ยวชั้นก็จะไปบอกแม่กับพี่ชายก่อนเหมือนกัน เดี๋ยวมารอแถวนี้นะ"  พูดจบเคนก็ยกกาแฟใส่ถาดแล้วแยกกลับไปที่ห้องทำงานของพี่ชาย
"เออ....นึกว่ามันไปเก็บเมล็ดกาแฟอยู่ซะอีก"  เมื่อเคนโผล่หน้าเข้ามาเจอร์รี่ก็ว่ากระทบน้องชายทันที
"พูดมาก ชงมาให้กินยังจะมาแขวะกันอีก"  เคนบ่นพี่ชายกลับแล้วยกกาแฟมาวางที่โต๊ะให้
"ถ้วยนี้แถม ตอนแรกว่าจะกินด้วยแต่ตอนนี้จะไปกินข้าวกับเพื่อนก่อน"  เคนว่าพร้อมกับวางกาแฟถ้วยที่สองให้พี่ชาย
"เฮ้ย! จะให้กินจนตาค้างเลยหรืองัย?"  เจอร์รี่ว่าแล้วขมวดคิ้ว
"จะไปกินข้าวกับเพื่อน? ไหนบอกว่าจะออกไปข้างนอกกับพ่อแม่งัย?"  ถามน้องต่ออีก
"ก็พ่อยังประชุมไม่เสร็จเลย แล้วชั้นก็ไปไม่นานหรอก"  เคนตอบแล้วเหลือบตามองแม่
"ผมขอไปกินข้าวกับเพื่อนนะครับ แต่รับรองว่าจะไม่กินจนอิ่มเดี๋ยวจะเผื่อท้องไว้กินกับแม่อีก"  แม่ยิ้มๆกับคำพูดของลูกชาย
"ไปเถอะจ๊ะ ว่าแต่ไปกับเพื่อนที่ไหน?"  ถามลูกชายต่ออีก
"ก็...."  เคนอ้ำอึ้งไปเล็กน้อย
"ว่างัย? ไม่ได้ยินที่แม่ถามหรอ?"  พี่ชายเลยถามย้ำอีกคน
"เพื่อนที่นี่แหละครับ"  เคนตอบแล้วมองมารดากับพี่ชายสลับกันไปมา
"พวกเขาอยากขอโทษ...."  แม่กับเจอร์รี่หันไปสบตากันเล็กน้อย
"งั้นชั้นไปด้วย"  แล้วเจอร์รี่ก็เอ่ยปากขึ้นมาเพราะเขาไม่อยากให้น้องไปเพียงลำพังเพราะกลัวจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก
"ไม่เป็นไรหรอก ชั้นแค่ไปกินข้าวเอง"  เคนรีบค้านทันที
"พวกเขาสำนึกผิดแล้วหละ และวันนี้ก็จะมายื่นหนังสือลาออกด้วย"  เคนบอกกล่าวให้รับรู้
"ก็คิดว่าคงเป็นอย่างนั้น"  เจอร์รี่ว่าแล้วถอนหายใจ
"เสี้ยวเทียน เราน่ะอย่าไว้ใจใครให้มากนักนะ"  เอ่ยเตือนน้องชายด้วยความเป็นห่วง
"พวกเขาเป็นเพื่อนชั้นนะ"  เคนโอดครวญเพราะดูเหมือนพี่ชายจะไม่ยอมให้เขาไปกับเพื่อนๆตามลำพัง
"เพื่อนกันเขาทำกันอย่างงี้หรอ?"  ย้อนถามน้องกลับแล้วก็ต้องถอนหายใจซะเอง
"แม่ว่า....คงไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ อีกอย่างร้านอาหารคนเยอะออกไม่น่าจะอันตรายนะ"  แม่เอ่ยขึ้นมาบ้างทำให้เคนยิ้มออก
"นั่นสิครับ อีกอย่างชั้นก็ดูแลตัวเองได้"  ประโยคหลังหันมาพูดกับพี่ชาย
"เฮ่อ! ตามใจๆ มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน ดื้อจริงๆ!"  ในที่สุดเจอร์รี่ก็ยอมตามนั้น เคนจึงรีบออกไปทันที

- เวลาต่อมา -
"สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหรอ?"  ไจ่ไจ๋เอ่ยเบาๆเมื่อรู้ว่าพี่ชายพามาที่ไหน หลังจากที่พี่ชายและพ่อแม่ไปรับเขาแล้วเคนก็อาสาขอเป็นคนขับรถเอง 
"อืม....ลงไปสิ"  เคนตอบแล้วดับเครื่องก่อนจะหันไปหยิบเป้ใบใหญ่ที่ภายในบรรจุเงินไว้จำนวนมาก
"นึกยังงัยพาพ่อแม่มาที่นี่หละลูก?"  พ่อเอ่ยถามลูกชายบ้าง
"ผมเคยสัญญากับอาเจียงไว้ว่าหากวันนึงผมขายบ้านได้ผมจะเอามาบริจาคให้เด็กกำพร้าในนามของอาเจียงครับ"  เคนตอบคำถามนั้น ทำให้บรรยากาศเงียบลง
"พ่อแม่ไม่ว่าผมนะ"  เคนถามบุพการีทั้งคู่
"ไม่หรอกจ๊ะ มันเป็นเงินส่วนตัวของลูกจะทำยังงัยก็สุดแล้วแต่เถอะ"  แม่ตอบพร้อมกับลูบหัวลูกชายเบาๆ
"งั้นเข้าไปข้างในเถอะครับ"  เคนว่าแล้วก็สะพายเป้แล้วเดินนำเข้าไปข้างใน
"แม่ซื้อบ้านอาเจียงมาเท่าไหร่นะ?"  ไจ่ไจ๋จูงมือแม่พร้อมกับกระซิบถาม
"ห้าล้าน"  แม่ตอบยิ้มๆ ทำให้ไจ่ไจ๋ถึงกับตาโต
"โอ้โห้! ตั้งห้าล้านเชียว แล้วพี่กลางเอามาบริจาคหมดเลยเนี่ยนะ?"  ไจ่ไจ๋อดที่จะอุทานออกมาไม่ได้
"อย่าพูดมากน่า"  แม่ว่าแล้วดุนหลังให้ลูกชายเดินเร็วๆ
"พวกเรามาบริจาคเงินครับ"  เคนบอกกล่าวกับเจ้าหน้าที่ที่ออกมาต้อนรับอย่างดี
"ยินดีต้อนรับค่ะ"  เจ้าหน้ากล่าวแล้วเชื้อเชิญให้นั่ง
"เนื่องในวันเกิดหรอคะ?"  เจ้าหน้าที่ถามยิ้มๆพร้อมกับหยิบแบบฟอร์มการรับบริจาคขึ้นมาให้เคนกรอกรายละเอียด
"ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่วันสำคัญอะไร"  เคนตอบแล้วกรอกแบบฟอร์ม
"ปกติแล้วคนส่วนใหญ่จะมาบริจาคเงินช่วยเหลือเด็กๆเนื่องในโอกาสสำคัญน่ะค่ะ อย่างเช่นวันเกิด วันครบรอบแต่งงาน หรือไม่ก็วันสำคัญทางประเพณีต่างๆ"  เจ้าหน้าที่ชวนคุยอย่างมีไมตรี
"แล้วปกติเงินค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็กๆมาจากไหนครับ?"  พ่อเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง
"ก็จะมีเงินช่วยเหลือของทางรัฐส่วนนึง เงินจากมูลนิธิต่างๆส่วนนึง แล้วก็มาจากเงินบริจาคของประชาชนด้วย"  เจ้าหน้าที่ตอบแล้วยิ้ม
"งั้นผมขอแบบฟอร์มอีกชุดนึงครับ"  พ่อบอกแล้วหยิบปากกาออกมา
"หืม?"  เคนเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองพ่องงๆ
"อันนี้ในนามของครอบครับเรา"  พ่อบอกเคนยิ้มๆ เคนยิ้มตอบแล้วก้มหน้ากรอกรายละเอียดต่อ
"ไจ่ไจ๋....เขียนให้พ่อหน่อยลูก"  พ่อรับแบบฟอร์มมาแล้วยื่นให้ไจ่ไจ๋
"ชื่อคนบริจาคใส่ชื่อครอบครัวเรา"  พ่อว่าแล้วก็พยักหน้าให้ลูกชาย
"แล้วในนี้มีเด็กอยู่ที่นี่กี่คนคะ?"  แม่เอ่ยถามขึ้นมาบ้าง
"อันนี้เด็กอ่อนมีประมาณร้อยกว่าคนค่ะ ส่วนเด็กเล็กอายุระหว่างสองถึงสามขวบจะมีประมาณห้าสิบคน และเด็กโตอายุสี่ถึงห้าขวบมีประมาณร้อยห้าสิบคน"  เจ้าหน้าที่ตอบแล้วพูดต่อ
"ถ้าเด็กมีอายุเกินกว่าเจ็ดขวบขึ้นไปจะต้องย้ายไปสถานรับเลี้ยงเด็กอีกแห่งนึงค่ะเพราะที่นั่นสถานที่จะกว้างกว่าสามารถรองรับเด็กได้มากกว่านี้"  เจ้าหน้าว่าแล้วกล่าวทิ้งท้าย
"เดี๋ยวจะพาเข้าไปเยี่ยมเด็กๆนะคะ"  แม่ยิ้มตอบแล้วพยักหน้า ในตอนนั้นเคนกรอกแบบฟอร์มเสร็จก็ยื่นส่งคืนให้เจ้าหน้าที่
"ขอบคุณค่ะ"  เจ้าหน้าที่รับมาแล้วเมื่ออ่านรายละเอียดก็มีสีหน้าตกใจ
"เอ่อ....ห้าล้านเลยหรอคะ?"  ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
"ใช่ครับ"  เคนพยักหน้ายืนยันแล้วหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาวางบนโต๊ะ
"ขอโทษที่เบิกเป็นเงินสดมานะครับ"  เอ่ยกับเจ้าหน้าที่อีกครั้ง
"เอ่อ....คุณเจียง...."  เจ้าหน้าที่ถึงกับพูดอะไรไม่ออก
"อันที่จริงแล้วนั่นไม่ใช่ชื่อผมหรอกครับ แล้วเงินนี่มันก็เป็นของคุณอาผมซึ่งเขาไม่สามารถมาบริจาคด้วยตัวเองได้เลยฝากให้ผมกับครอบครัวมาดำเนินการให้"  เคนตอบยิ้มๆ
"งั้น....ชั้นขอเรียนให้ท่านผู้อำนวยการทราบก่อนนะคะ"  พูดจบเธอก็โทรศัพท์ติดต่อไปทันทีโดยที่เคนยังไม่ทันเอ่ยปากห้าม
"กรุณารอซักครู่นะคะ ท่านกำลังจะลงมา"  เมื่อวางสายเธอก็หันมาพูดกับเคน 
"ความจริงไม่ต้องมากพิธีก็ได้ครับ พวกเราไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว"  เคนว่าแล้วก็ถามต่อ
"ผมขอเข้าไปเยี่ยมเด็กๆหน่อยได้มั๊ยครับ?"  จบคำขอนั้นเจ้าหน้าที่สองสามคนก็เดินมาหาและพาเข้าไปเยี่ยมเด็กๆ
"อันนี้เป็นห้องเด็กอ่อนค่ะ ตรงนี้จะไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้าไป เป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยของที่นี่ค่ะ เพราะเราไม่อยากให้เด็กติดเชื้อเพราะหากเด็กคนนึงไม่สบายแล้วมันจะติดต่อไปถึงเด็กคนอื่นได้ง่ายๆค่ะ แต่หากคนที่จะรับอุปการะเด็กเราก็จะอนุญาตให้เข้าได้เป็นกรณีพิเศษ"  เจ้าหน้าที่อธิบายให้ฟัง 
"ตรงนี้เป็นจุดให้เยี่ยมเด็กๆค่ะ ตามสบายนะคะ เดี๋ยวอีกซักครู่จะพาไปห้องเด็กเล็กค่ะ"  พูดจบเจ้าหน้าที่ก็ปล่อยให้ทุกคนยืนมองตามสบาย
"ไจ่ไจ๋....เห็นมั๊ยจ๊ะ? น้องตัวเล็กนิดเดียวเอง"  แม่พูดกับลูกชายคนเล็กที่ยืนจ้องเด็กๆตาแป๋ว
"น้องๆตัวเล็กมากเลย"  ไจ่ไจ๋ว่าพร้อมกับมองดูเด็กๆเหล่านั้นด้วยความสงสาร
"นายเองก็เคยตัวเท่านี้มาก่อนเหมือนกันแหละ"  เคนว่าพร้อมกับกอดคอน้องชาย
"แต่ผมว่าพี่กลางไม่เคยตัวเท่านี้มาก่อนหรอก เพราะพี่กลางอ้วน"  ไจ่ไจ๋ได้ทีแซวพี่ชาย
"เดี๋ยวเถอะ!"  เคนถลึงตามใส่เจ้าน้องชายตัวกวนแล้วมองดูเด็กๆด้วยแววตาอ่อนโยน
"เด็กนี่หน้าตาเหมือนกันหมดเลยเนอะ ถ้าพ่อแม่ไม่ติดป้ายกำกับไว้ไม่รู้ว่าจะจำลูกตัวเองได้หรือเปล่านะ?"  ไจ่ไจ๋เปรยๆ
"จำได้สิจ๊ะ พ่อแม่ทุกคนมีจิตที่สามารถสื่อกับลูกได้เสมอ ต่อให้หน้าตาเหมือนกันขนาดไหนพ่อแม่สามารถแยกลูกตัวเองออกจากเด็กคนอื่นได้แน่นอน"  แม่พูดแย้ง
"อย่างตอนลูกเกิด แม่เห็นหน้าลูกแค่แว๊บเดียวแม่ก็จำลูกได้แล้ว"  พูดพลางเอามือลูบแก้มลูกชายอย่างอ่อนโยน
"พี่กลางคงจำง่ายหน่อยใช่มั๊ย?"  ไจ่ไจ๋ถามต่อขำๆยังผลให้เคนหันมาค้อนใส่
"ถ้าเป็นพี่กลางของลูกพ่อมั่นใจมากเลยว่าไม่มีวันจำผิดคน เพราะพี่กลางน่ะหน้าตาเหมือนพ่อเปี๊ยบเลย"  พ่อพูดขึ้นมาบ้าง
"พ่อจำหน้าตัวเองตอนเป็นทารกได้ด้วยหรอ?"  เคนถามแหย่พ่อ
"จำได้สิลูก คุณปู่ของลูกเก็บรูปพ่อไว้ด้วย เมื่อก่อนน่ะกล้องหายากจะตายไปแต่คุณปู่ก็ยังยอมกัดฟันซื้อมาเพื่อถ่ายรูปพ่อไว้"  พ่อตอบแล้วโอบไหล่ลูกชายคนกลาง
"เดี๋ยวกลับบ้านไปพ่อจะเอารูปพ่อให้ดู"  เคนหัวเราะเบาๆแล้วพยักหน้ารับ ในตอนนั้นเจ้าหน้าที่ก็เดินกลับมาแล้วพาไปดูห้องเด็กเล็กที่ตอนนี้เพิ่งกินข้าวเสร็จและอยู่ในระหว่างที่พี่เลี้ยงกำลังจัดการให้นอนกลางวัน ทันทีที่เปิดประตูเปิดออกสายตาไร้เดียงสาของเด็กในห้องนั้นก็มองมายังคนที่มาเยี่ยมเป็นจุดเดียว 
"รบกวนล้างมือก่อนสัมผัสตัวเด็กทางนี้ก่อนนะคะ"  เจ้าหน้าที่บอกกล่าวทุกคน พ่อแม่และไจ่ไจ๋เดินตามเจ้าหน้าที่ไปล้างมือส่วนเคนยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
"พี่กลางครับ"  ไจ่ไจ๋ที่ล้างมือเสร็จแล้วเดินเข้าไปแตะแขนพี่ชายเบาๆแล้วก็เห็นว่าเคนเอามือปาดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว
"พี่ไปล้างมือก่อนนะ"  เคนว่าแล้วก็เดินไปล้างมือโดยมีไจ่ไจ๋ที่ส่งสายตามองตามอย่างเป็นห่วง
"เป็นอะไรลูก?"  พ่อโอบไหล่ไจ่ไจ๋พร้อมกับถามเบาๆ ไจ่ไจ๋ส่ายหน้าเล็กน้อยเพราะไม่อยากให้พ่อแม่เป็นห่วงพี่ชายไปด้วย
"เปล่าครับ"  ไจ่ไจ๋ตอบแล้วฝืนยิ้มก่อนจะยื่นมือไปหาเด็กคนหนึ่งที่ยกแขนทั้งสองข้างเหมือนกับจะให้อุ้ม
"ผมอุ้มน้องได้มั๊ยครับ?"  ไจ่ไจ๋ถามเจ้าหน้าที่
"ได้ค่ะ"  เจ้าหน้าที่ตอบยิ้มๆ
"อย่าทำน้องตกนะลูก"  แม่อดไม่ได้ที่จะกำชับลูกชายเพราะรู้ว่าไจ่ไจ๋ไม่ค่อยจะเคยได้อุ้มเด็กเล็กๆแบบนี้
"ไม่หรอกครับ"  พูดจบอุ้มเด็กคนนั้นขึ้นมา เด็กคนดังกล่าวซบหน้าลงที่ไหล่ไจ่ไจ๋ราวกับโหยหาอ้อมกอดมานานแสนนาน
"พี่ชื่อไจ่ไจ๋นะครับ หนูต้องเป็นเด็กดีนะ ต้องเข้มแข็งมากๆรู้มั๊ย?"  ไจ่ไจ๋พูดกับเด็กน้อยคนนั้นเบาๆ ในตอนนั้นพ่อและแม่ต่างก็พากันอุ้มเด็กอีกหลายคนที่ยืนเกาะที่กั้นเตียงพร้อมกับส่งสายตาไร้เดียงสามองมา ในตอนนั้นเคนเองก็เดินมาสมทบโดยเดินเยี่ยมเด็กตามเตียงที่จัดวางเป็นแถวยาวอย่างใส่ใจทุกคน ซึ่งเด็กบางคนก็ส่งเสียงร้องไห้คล้ายจะเรียกร้องความสนใจจากคนที่มาเยี่ยม
"ในปีหนึ่งๆจะมีเด็กหลายคนที่ถูกขอไปเป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนที่จะขอรับอุปการะจะเลือกรับเด็กอ่อนกับเด็กวัยนี้ไปเลี้ยงค่ะ อาจะเป็นเพราะเด็กๆยังจดจำเรื่องราวต่างๆไม่ค่อยได้เลยน่าจะทำให้เด็กเชื่อได้สนิทใจว่าตัวเองเป็นลูกแท้ๆของพวกเขา"  เจ้าหน้าที่อธิบายให้ฟังแล้วกล่าวทิ้งท้าย 
"เดี๋ยวอีกราวๆครึ่งชั่วโมงจะพาไปเยี่ยมเด็กโตนะคะ"  พูดจบก็ปล่อยให้ทุกคนเล่นกับเด็กๆตามสบาย
"สงสารเด็กพวกนี้จัง เวลาร้องไห้คงไม่มีใครนอนกอด"  แม่พูดกับพ่อด้วยสีหน้าเศร้าๆ แล้วโอบอุ้มเด็กหญิงคนหนึ่งขึ้นมากอด
"พ่อแม่เด็กก็ช่างใจร้ายทิ้งลูกได้ลงคอ"  พูดต่อแต่แล้วก็กลับต้องเป็นฝ่ายอึ้งเองเพราะยังงัยซะแม่ก็ไม่สามารถต่อว่าคนอื่นได้สนิทใจ
"เสี้ยวเทียน.....ดูซึมๆนะแม่"  พ่อว่าพร้อมกับส่งสายตาไปทางเคนที่มีสีหน้าคล้ายจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา
"พ่อ....เป็นไปได้มั๊ยที่ลูกจะรู้สึกถึงวันที่เราพาลูกไปส่งที่....."  แม่พูดอะไรไม่ออกแต่มีน้ำตาคลอ พ่อโอบไหล่แม่ปลอบใจ
"อย่าคิดมากเลย"  พ่อพูดเบาๆ
"เดี๋ยวพ่อจะไปหาลูก"  พูดจบก็เดินเข้าไปหาเคน
"เสี้ยวเทียน"  ร้องเรียกพร้อมกับบีบไหล่ลูกชายเบาๆ
"ครับ"  เคนตอบรับเบาๆในขณะที่เอามือลูบพวงแก้มของเด็กหญิงที่นอนหลับตาพริ้ม
"พ่อรักลูกนะ"  คำพูดของพ่อทำให้เคนน้ำตาหยดลงมาอย่างช่วยไม่ได้
"ผมรู้ครับ"  เคนตอบแล้วหันไปซบหน้าลงที่ไหล่พ่อปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆ ไจ่ไจ๋ที่คอยสังเกตท่าทางของพี่ชายอยู่ตลอดเห็นดังนั้นก็อดที่จะร้องไห้ตามไม่ได้ เขารู้ว่าพี่ชายคงไม่ได้รู้สึกเพียงแค่สงสารเด็กเหล่านี้เท่านั้นแต่พี่ชายยังเข้าใจความรู้สึกของเด็กๆพวกนี้เป็นอย่างดีเพราะความรู้สึกของการถูกทอดทิ้งครั้งนึงในชีวิตของพี่ชายก็เคยได้ประสบมาเช่นกัน




 

Create Date : 24 พฤศจิกายน 2558    
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2558 22:07:03 น.
Counter : 1399 Pageviews.  

Chapter 92

ตอนที่ 92

"กลับมาแล้วครับ!!"  เคนตะโกนบอกหลังจากลงจากรถแท๊กซี่โดยมีข้าวของพะรุงพะรังวางอยู่ข้างตัว
"พี่กลาง!!!!"  ไจ่ไจ๋ที่กำลังเล่นกับเจ้าพีพีและถางถางอยู่หน้าบ้านผละตัวออกจากเจ้าแมวสุดรักทั้งสองตัวแล้ววิ่งตื่อไปรับพี่ชายทันที
"ทำไมกลับมาเงียบๆหละ? ถึงแล้วน่าจะโทรบอกจะได้ขับรถไปรับ"  ไจ่ไจ๋ต่อว่าพี่ชายแต่ก็มีแก่ใจช่วยหิ้วข้าวของด้วย
"จะไปรับทำไมให้วุ่นวาย พี่นั่งแท๊กซี่กลับมาเองก็สะดวกดีแล้ว"  เคนตอบพร้อมกับเอามือขยี้หัวน้องชายด้วยความเอ็นดู
"ไม่เจอหน้ากันตั้งหลายอาทิตย์ คิดถึงพี่หรือเปล่า?"  เคนถามน้องต่อ และแทนคำตอบไจ่ไจ๋สวมกอดพี่ชายทั้งที่มือยังถือของอยู่ทำให้เคนยิ้มหน้าบาน
"ไอ้เรื่องอ้อนนี่หละขอให้บอกเก่งเป็นที่หนึ่ง"  เคนแซวน้องชายยิ้มๆ ในตอนนั้นสมาชิกคนอื่นๆก็พากันเดินออกมาต้อนรับเขาด้วย
"จะกลับทำไมไม่โทรมาบอกก่อน? จะได้ไปรับ"  เจอร์รี่ต่อว่าน้องชายเช่นเดียวกับที่ไจ่ไจ๋ว่าแล้วเดินมาช่วยน้องถือของอีกแรง
"น้องไม่อยากให้วุ่นวายน่ะ มาถึงก็ดีแล้ว แม่คิดถึงจังเลย"  แม่ตอบแทนเคนเสร็จสรรพก่อนจะเดินมากอดลูกชาย
"คิดถึงแม่เหมือนกันครับ"  เคนพูดกับแม่เบาๆเพราะกลัวโดนพี่น้องแซวว่าได้ทีอ้อนแม่
"โอ๋กันดีจังเลย แบบนี้พวกเราไม่ต้องอยู่ก็ได้ใช่มั๊ย?"  แวนเนสเปรยขึ้นลอยๆ
"ปากนายยังเหมือนเดิมเลยนะ"  เคนแขวะพี่ชายหน้าตายก่อนจะหันไปยิ้มให้พ่อ
"ทำไมพ่อดูสมบูรณ์ขึ้นหละครับ?"  แซวพ่อต่ออีก
"ก็หมู่นี้แม่กับพี่น้องของลูกชวนพ่อไปกินนู้นกินนี่ตลอดเลย ถึงได้แปลงร่างเป็นแบบนี้"  พ่อตอบพร้อมกับโบ้ยความผิดไปให้คนอื่น ทำให้สมาชิกคนอื่นพากันหัวเราะ
"เข้าบ้านกันก่อนดีกว่า มีอะไรค่อยเข้าไปคุยในบ้าน"  แม่พูดตัดบทเพราะเห็นว่าขืนยังยืนอยู่ตรงนี้ข้ามวันบรรดาลูกชายก็คงมีเรื่องแซวกันไม่หมด เมื่อจบคำแม่ทุกคนก็ทยอยพากันเดินเข้าบ้าน 
"พี่กลางอยากดื่มน้ำอะไร? เดี๋ยวผมเอามาให้"  ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายอย่างเอาใจ
"พี่ขอน้ำเปล่าเย็นๆก็พอ ขอบใจมากนะ"  เคนตอบน้องชาย ไจ่ไจ๋ได้ยินก็รีบวิ่งเข้าไปในครัวทันที
"ดูมันนะ.....พี่ชายคนโปรดกลับมาก็ไม่สนใจใครอีกเลย"  แวนเนสต่อว่าน้องชายไล่หลัง
"ทำไม? อิจฉาชั้นหรอ?"  เคนถามแหย่กลับไป แต่แวนเนสมีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย
"อิจฉาสิ เพราะหมู่นี้เจ้าไจ๋มันไม่ยอมเข้าหาชั้นเลย"  คำตอบของแวนเนสทำเอาเคนได้แต่ยิ้มแหยๆ เขาพอจะเข้าใจสาเหตุว่าทำไมไจ่ไจ๋ถึงเป็นแบบนั้น ซึ่งส่วนนึงก็เพราะเรื่องที่แวนเนสประกาศว่าอยากแต่งงาน และดูท่าพ่อแม่เองก็จะสนับสนุนเต็มที่ด้วย
"คิดมาก! ก็นายเล่นไม่ยอมรับงานเอาแต่อยู่บ้านทุกวันน้องมันก็เบื่อหน้านายสิ"  เคนแกล้งพูดติดตลก ซึ่งก็ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงได้จริงๆ
"ไม่ใช่ไม่รับโว้ย! แต่พอมีข่าวอย่างนั้นออกมาชั้นก็ถูกต้นสังกัดสั่งห้ามทำตัวเป็นข่าวซักพัก"  แวนเนสแก้ตัว
"อ้อหรอ? นึกว่าเงินมันมีมากจนนอนกลุ้มใจว่าจะเอาไปใช้ยังงัยหมดซะอีก"  แวนเนสยิ้มออกมาได้เมื่อได้ต่อคำกับเจ้าน้องชายตัวดีอีกครั้ง
"ถ้าเป็นแบบนั้นนายคงจะเสนอตัวมาช่วยชั้นใช้สินะ"  แขวะน้องกลับไปบ้าง
"แน่นอน.....นายเป็นพี่ชายสุดที่รักของชั้นหนิ ช่วยกันแค่นี้เรื่องจิ๊บจ๊อย"  เคนลอยหน้าลอยตาตอบ
"เฮอะ! พี่ชายสุดที่รัก!"  เจอร์รี่แกล้งพูดลอยๆขึ้นมาบ้าง
"ทำไม? อิจฉาแวนเนสสิเรา"  แม่แซวลูกชายคนโตบ้าง
"ไม่เคยอิจฉา ดีใจซะอีกที่ผมไม่ใช่พี่ชายสุดที่รักของมัน ไม่งั้นคงซวยมากกว่านี้"  เจอร์รี่ตอบประชด
"ทำไม? ชั้นทำอะไรให้นายซวยมิทราบ? นายน่ะควรจะภูมิใจที่มีน้องอย่างชั้นต่างหาก น้องที่น่ารักแบบนี้จะไปหาได้จากไหนอีก?"  เคนแหวใส่พี่ชายทันควัน
"โชคดีที่หาอีกไม่ได้แล้ว ไม่งั้นชั้นคงปวดประสาทตายวันละหลายรอบ!"  พี่ใหญ่ตอกกลับทำเอาเคนต้องกลายเป็นคนนั่งหน้ามุ่ย ในตอนนั้นไจ่ไจ๋ก็ถือถาดน้ำที่มีน้ำดื่มเย็นๆออกมาครบคน
"วันนี้น้องเราใจดีผิดปกติ นึกว่ามันจะถือมาแก้วเดียวซะอีก"  แวนเนสว่าพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำมาถือ
"พูดมาก! เดี๋ยวให้ไปเอาเองซะเลย!"  น้องเล็กตวัดเสียงใส่ 
"พี่กลางครับ คราวนี้กลับมานานหรือเปล่า?"  ก่อนจะหันมาอ้อนพี่ชายคนกลาง
"อะไรวะ? มานั่งก้นยังไม่ทันร้อนจะไล่พี่ไปอีกแล้วหรืองัย?"  เคนแกล้งโวยวาย
"ไม่ใช่ซักหน่อย! ผมถามเพราะไม่อยากให้พี่กลางรีบกลับไปทำงาน อยากให้พี่กลางอยู่บ้านนานๆ"  พูดพลางกอดแขนพี่ชายไปด้วย ท่าทางของน้องเล็กทำให้คนอื่นๆพากันอมยิ้ม
"จะหาคนทำโน้นทำนี่ให้กินทั้งวันหละสิ? พี่ว่าตอนนี้ตัวนายดูตันๆไปหมดแล้วนะ"  เคนแซวน้องชายยิ้มๆ
"บ้า! ผมไม่ได้อ้วนขึ้นซักหน่อย!"  เมื่อโดนแหย่กลับมาไจ่ไจ๋ก็โวยวาย
"หรอจ๊ะ? แต่เมื่อวานมีใครนะมาบ่นกับแม่ว่ากางเกงมันคับให้แม่พาไปซื้อใหม่น่ะ"  แม่ถามเจ้าลูกชายตัวดีบ้าง
"ฮ่าๆๆ!!!"  จบคำแม่เสียงหัวเราะก็ประสานขึ้นมาพร้อมกัน
"แม่อ่ะ! กางเกงคับมันไม่ได้หมายความว่าผมอ้วนขึ้นซักหน่อย! แต่กางเกงมันหดลงต่างหาก!"  น้องเล็กของบ้านโวยวายหน้าง้ำหน้างอเมื่อตัวเองกลายเป็นเป้าของการถูกแซว
"กางเกงมีหดลงด้วยหรอวะ? ไม่ได้เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ย"  แวนเนสได้ทีผสมโรง
"มีสิ! ไม่เชื่อก็ไปเอาของผมมาดูได้เลย"  ไจ่ไจ๋เถียงข้างๆคูๆ แต่พอเห็นเคนยังหัวเราะไม่เลิกก็เริ่มพาล
"ขำนักหรืองัย!? ตัวเองน่ะอ้วนที่สุดในบ้านแล้วยังมีหน้ามาหัวเราะอีก!"  ไม่พูดเปล่าแต่แถมกำปั้นทุบลงไปที่หัวไหล่พี่ชายดังบึ้ก
"ไจ่ไจ๋!!"  เสียงพ่อแม่และพี่ชายอีกสองคนเอ็ดขึ้นมาพร้อมกัน ในขณะที่เคนเอามือลูบไหล่ตัวเองป้อยๆ
"ก็พี่กลางเริ่มก่อน!"  เจ้าตัวเล็กยังเถียงข้างๆคูๆ
"นี่แหนะ! ยังจะมาเถียงอีก!"  แม่เลยตีมือเจ้าจอมเกเรเข้าให้พร้อมกับดุอีกรอบ 
"แม่ตีผมทำไม? ก็พี่กลางเริ่มก่อนจริงๆหนิ"  เมื่อโดนตำหนิอย่างจริงจังไจ่ไจ๋ก็เริ่มงอแง 
"ยังกล้าเถียงแม่อีกหรอ?"  แม่ว่าพร้อมกับทำท่าจะซ้ำเข้าให้อีกทีแต่เคนรีบยกมือห้าม
"อย่าตีน้องเลยครับแม่ ผมก็เริ่มก่อนจริงๆแหละ"  เคนแก้ตัวแทนแล้วโอบไหล่น้องเล็กไว้พร้อมกับบีบเบาๆเพื่อปลอบโยน ไจ่ไจ๋หันไปซบหน้าลงที่อกพี่ชายแล้วร้องไห้ออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เล่นเอาแต่ละคนมองหน้ากันไปมาเลิ่กลั่ก
"ไม่เป็นไรนะ แม่ไม่ได้ตั้งใจดุนายหรอก ไม่ต้องร้องไห้ โอ๋ๆๆๆๆ.....เดี๋ยวพี่ให้นายตีพี่คืนแรงๆเลยก็ได้" เคนลูบหลังปลอบใจน้อง ในขณะที่คนอื่นยังอึ้งๆกันอยู่
"ไจ่ไจ๋...."  แม่เองก็เริ่มเป็นห่วงเพราะลูกชายไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แม้จะเกเรขนาดไหนแต่ก็ไม่เคยโมโหจนต้องร้องไห้ออกมาเองแบบนี้
"ไม่เป็นไรหรอกครับแม่"  เคนพูดกับแม่โดยไม่ออกเสียงพร้อมกับลูบหัวน้องเบาๆ
"ไปเดินเล่นกับพี่ข้างนอกดีกว่านะ"  ก้มลงพูดกับน้องชายเบาๆ ไจ่ไจ๋พยักหน้ารับทั้งที่ยังซุกหน้าอยู่แนบอกพี่ชาย
"เดี๋ยวมานะครับ"  เคนหันมาบอกสมาชิกคนอื่นๆแล้วโอบไหล่น้องชายพาเดินไปข้างนอก ท่ามกลางสายตาเป็นห่วงของคนที่เหลือ
"ทำไมเป็นแบบนี้เนี่ย"  เจอร์รี่พึมพำขึ้นมาคนแรก
"พ่อว่าบางทีหลายวันมานี้น้องอาจจะกดดันกับเรื่อง....."  พ่อหยุดไว้แค่นั้นไม่ได้พูดออกมาตรงๆเพราะกลัวว่าจะทำให้แวนเนสคิดมาก
"ผมคิดว่าคงเป็นเรื่องของผมแหละ เฮ่อ!"  แวนเนสต่อให้พ่อเสร็จสรรพแล้วก็มานั่งกลุ้มใจ
"ผมแค่บอกว่าจะแต่งงานไม่ได้บอกว่าจะแต่งพรุ่งนี้ซักหน่อย ทำไมถึงน้อยใจอะไรแบบไม่เข้าเรื่องก็ไม่รู้"  แวนเนสพูดเซ็งๆ แต่ถึงยังงัยเขาก็ห่วงความรู้สึกน้องมากที่สุด  
"แต่การที่เราพูดคุยกันมันเหมือนกับเป็นการยืนยันได้ว่าไม่ช้าก็เร็วนายจะต้องแต่งงาน ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่วันนี้หรือวันพรุ่งแต่ชั้นว่าน้องมันคงคิดไปถึงวันนั้นแล้ว หลายวันมานี้เลยมีท่าทีเงียบๆซึมๆ"  เจอร์รี่พูดขึ้นมาบ้าง
"อะไรกันก็ไม่รู้เจ้าลูกคนนี้ นี่ขนาดหนูกลอเรียเป็นคนที่ไจ่ไจ๋ยอมรับอย่างออกนอกหน้านอกตาซ้ำยังสนิทกันพอสมควรอีกต่างหากยังมีปัญหาแบบนี้จนได้"  แม่เองก็เริ่มกลุ้มใจเช่นกัน แม้จะรู้ดีว่าไจ่ไจ๋หวงพี่ชายทั้งสามคนมากเนื่องจากตลอดชีวิตที่ผ่านมาพี่ชายทุกคนคือคนที่อยู่ด้วยกันมาตลอดแต่เรื่องแบบนี้มันเป็นชีวิตของแต่ละคนที่มีสิทธิจะทำได้
"หรือว่าเป็นเพราะช่วงนี้ผมพากลอเรียมาที่บ้านบ่อยๆ ไจ่ไจ๋เลยคิดมาก?"  แวนเนสตั้งข้อสังเกต
"พามาบ่อยๆสิดี น้องจะได้เริ่มชิน"  พ่อให้ความเห็นแย้ง
"แต่ดีที่ว่าไจ่ไจ๋มันไม่เคยทำตัวให้กลอเรียรู้ว่ามันหวงพี่มัน"  เจอร์รี่ยังหาข้อดีของน้องจนได้
"ชั้นว่าถ้ามันแสดงออกตอนนี้น่าจะดีกว่า ไม่ใช่ว่าพอชั้นแต่งกลอเรียเข้าบ้านแล้วมันค่อยมาแผลงฤทธิ์ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงเห็นทีชั้นคงได้ย้ายออกจริงๆแน่"  แวนเนสพูดจบก็ถอนหายใจยาว
"อย่าเพิ่งคิดมากเลย ไอ้พี่ชายคนโปรดมันกลับมาแล้วคงจะช่วยพูดอะไรได้บ้าง แล้วอีกอย่างนายเองก็ยังจะไม่ได้แต่งงานในระยะเวลาอันใกล้นี้ไม่ใช่หรอ? สัญญายังเหลืออีกสามปีเชียวนะ"  เมื่อเห็นว่าน้องดูกลุ้มใจพี่ใหญ่เลยพูดปลอบ   
"ก็จริงนะ แต่ถ้าตลอดสามปีต่อจากนี้น้องมันทำตัวออกห่างชั้นแบบนี้ก็คงรับไม่ได้จริงๆว่ะ"  แวนเนสพูดด้วยสีหน้าสลดลง
"ไม่หรอกจ๊ะ ถึงไจ่ไจ๋จะเป็นคนที่ขี้น้อยใจอย่างร้ายกาจแต่แม่เชื่อว่าหากน้องได้เวลาทบทวนเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังทำอยู่แล้วน้องคงคิดได้และทุกอย่างมันก็จะกลับมาเหมือนเดิม หรืออาจจะดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ"  แม่เองก็พูดให้กำลังใจลูกชายเช่นกัน
"ครับ"  แวนเนสรับคำแล้วแล้วยิ้มออกมาได้ในที่สุด
"ถ้างั้นเราพักเรื่องหนักสมองมาคิดเมนูอาหารในวันนี้ดีกว่า เสี้ยวเทียนกลับมาทั้งทีพวกเราน่าจะทำอาหารต้อนรับน้องหน่อยนะ"  แล้วพ่อก็เปลี่ยนเรื่อง
"ให้มันกินอีกแล้ว เดี๋ยวก็อ้วนเป็นหมูพอดี"  เจอร์รี่บ่นที่ดูพ่อจะเอาอกเอาใจเคนมากเป็นพิเศษ
"น้องทำงานกลับมาเหนื่อยๆจะไม่ให้น้องกินได้ยังงัยหละ? เราน่ะใจร้ายกับน้องซะจริงๆ" แม่ร่วมกับพ่อให้ท้ายลูกชายคนโปรดยกใหญ่
"ใช่สิ.....ผมน่ะมันเป็นพี่ชายใจร้าย งั้นกลับไปคราวนี้พ่อแม่เอามันกลับไปด้วยเลยนะครับ ไม่อยากเลี้ยงมันแล้ว"  เจอร์รี่พูดงอนๆ
"ถ้าเอากลับไปด้วยมันจะไม่ใช่แค่เสี้ยวเทียนคนเดียวน่ะสิ ไอ้ตัวดีมันคงร้องไห้เกาะแข้งเกาะขาพี่ชายสุดที่รักของมันเพื่อจะตามไปด้วยแหงๆ"  แวนเนสพูดติดตลก ซึ่งก็สามารถเรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นๆได้เป็นอย่างดี จากนั้นสมาชิกทุกคนจึงย้ายสถานที่พูดคุยกันเข้าไปในห้องครัวแทน

- ร้านไอศครีมแห่งหนึ่ง -
"ไหนพี่ดูซิ.....ที่โดนแม่ตีเมื่อกี้หายเจ็บหรือยัง?"  หลังจากสั่งไอศครีมแล้วเคนก็แกล้งแซวน้องชายพร้อมกับจับมือน้องขึ้นมาดู
"บ้า! ไม่ได้เจ็บอะไรซักหน่อย"  ไจ่ไจ๋ต่อว่าพี่ชายแล้วดึงมือออก เคนหัวเราะเบาๆแต่มองหน้าน้องชายด้วยแววตาอ่อนโยน
"อยากคุยอะไรกับพี่หรือเปล่า? มีอะไรอยากเล่าให้ฟังมั๊ย?"  ถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
"พี่รองจะแต่งงาน"  ไจ่ไจ๋พูดด้วยสีหน้าเศร้าลง น้ำตาที่แห้งไปแล้วเริ่มล้นอยู่ตรงเบ้าตา
"พี่รู้"  เคนตอบเบาๆก่อนจะพูดต่อ
"นายไม่ดีใจหรอที่พี่รองจะมีความสุข?"  ไจ่ไจ๋พยักหน้าแล้วเอามือปาดน้ำตาที่กำลังจะไหลอีกรอบ
"งั้นทำไมถึงดูเหมือนายไม่มีความสุขเลย"  เคนถามน้องชายต่อ
"ผมว่ามันเร็วเกินไป ผมรู้และก็เตรียมใจมาตั้งนานแล้วแต่พอใกล้เวลานั้นเข้ามาจริงๆไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรู้สึกแย่จัง....."  ไจ่ไจ๋สารภาพกับพี่ชายตามตรง
"นายกลัวว่าพี่รองจะไม่มีเวลาให้พวกเราเหมือนเดิมหรอ?"  เคนถามน้องชายต่อ ในขณะนั้นไอศครีมมาเสริฟพอดีการสนทนาจึงหยุดลง
"อันนี้ของนาย"  เคนเลื่อนถ้วยไอศครีมไปให้น้อง 
"กินก่อนดีกว่าแล้วเราค่อยคุยกัน"  เคนว่าแล้วพยักหน้าให้น้องลงมือโดยที่ตัวเองก็ตักไอศครีมที่สั่งมากินด้วยเช่นกัน
"ครับ"  ไจ่ไจ๋รับคำก่อนจะกินไอศครีมเช่นกัน จนเมื่อผ่านไปครู่หนึ่งเคนจึงเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาอีก
"นายวางใจเถอะ พี่รองยังไม่ได้แต่งงานในระยะเวลาอันใกล้นี้หรอก"  คำพูดของพี่ชายทำให้ไจ่ไจ๋หยุดมือ
"พี่เขาทั้งสองคนยังมีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องทำให้ดีที่สุดก่อน เพราะฉะนั้นคงใช้เวลาอีกซักระยะน่ะ"  ไจ่ไจ๋ยังคงเงียบเช่นเดิม
"พี่ไม่เคยเห็นนายเป็นคนขี้กังวลแบบนี้เลย ขนาดจะสอบอยู่วันพรุ่งนี้นายยังไม่เห็นจะกระตือรือร้นอ่านหนังสือซักเท่าไหร่ แต่ทำไมทีกับเรื่องในอนาคตที่ยังไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหนนายกลับเอามันมานั่งคิดให้ตัวเองกลุ้มใจแบบนี้หละ?"  เคนพูดกับน้องตรงๆ
"มันไม่เหมือนกัน"  ไจ่ไจ๋พูดเสียงแผ่ว ทำให้เคนขมวดคิ้ว
"ผมรักพี่รอง ผมรักครอบครัวของเราเลยไม่อยากให้เราต้องแยกจากกันและก็ไม่อยากให้ใครแทรกแซงเข้ามาด้วย ผมอยากให้บ้านเป็นที่ของพวกเราเหมือนเดิม"  ไจ่ไจ๋พูดต่อด้วยสีหน้าเศร้าๆ
"ช่วงที่ผ่านมา....ยิ่งผมพยายามทำใจยอมรับให้ได้ว่าซักวันหนึ่งเรื่องแบบนี้มันต้องเกิดขึ้นแต่ไม่รู้ว่าทำไมพอยิ่งได้ยินพี่รองพูดถึงเรื่องนี้กับพ่อแม่อย่างจริงจังมันกลับทำให้ผมรู้สึกเคว้งขึ้นมาก็ไม่รู้"  เคนมองหน้าน้องเล็กที่ดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจตัวเองด้วยความสงสาร เขาเข้าใจความรู้สึกของน้องชายดี
"แล้วเมื่อช่วงที่ผ่านมาพ่อแม่ก็บอกว่าเมื่อคุณพ่อของพี่กลอเรียกลับมาจะขอนัดเจอเพื่อคุยเรื่องการแต่งงานของพี่รองกับพี่กลอเรียอย่างจริงจังซักที ผมเลยรู้สึกว่า.....พี่รองคงอยากจะก้าวออกจากครอบครัวเราแล้ว....."  เคนลอบถอนหายใจเบาๆเมื่อได้ฟังความคิดของน้องชาย
"วันนี้ที่พี่กลางกลับมาผมดีใจมาก แต่เมื่อคิดไปว่าหากพี่กลางกลับมานั่นก็ย่อมหมายถึงว่าคุณพ่อของพี่กลอเรียก็คงกลับมาด้วย และตอนนี้พ่อแม่เองก็อยู่ที่นี่พร้อมหน้ากันเพราะฉะนั้นเรื่องการสู่ขอมันคงต้องเกิดขึ้นอีกไม่กี่วันข้างหน้าแน่นอน"  พูดมาถึงตรงนี้ไจ่ไจ๋ก็น้ำตาร่วงลงมาอีก เคนถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะส่งกระดาษทิชชู่ให้น้องชาย
"ผมไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงทำได้ยากนัก"  น้องเล็กพูดจบก็ฟุบหน้าลงไปที่โต๊ะเพื่อพยายามกลั้นเสียงร้องไห้
"นิ่งซะไจ่ไจ๋....แล้วพี่จะพานายไปที่ที่นึง"  เคนเอื้อมมือไปตบหัวน้องชายเบาๆ ไจ่ไจ๋จึงเงยหน้าขึ้นมาตาทั้งสองข้างแดงๆ
"ที่ไหน?"  ถามพี่ชายเสียงสั่น
"ที่ที่พี่คิดว่าจะไปกับพ่อและแม่น่ะ แต่พอมาคิดอีกทีน่าจะพานายไปด้วย"  เคนตอบแล้วยิ้มให้น้องชาย
"พรุ่งนี้เลิกเรียนกี่โมง?"  ถามน้องชายต่ออีก
"มีเรียนแค่วิชาเดียวตอนเช้า เลิกราวๆสิบเอ็ดโมง"  ไจ่ไจ๋ตอบ
"ดี! งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะชวนพ่อแม่ไปรับนายแล้วเราไปด้วยกัน"  ไจ่ไจ๋ทำหน้าสงสัยแต่ไม่ได้ถามอะไรเพียงแต่พยักหน้ารับ
"ไอติมละลายหมดแล้ว...."  เคนเปลี่ยนสายไปมองไอศครีมในถ้วยของน้องชาย
"ของพี่กลางก็ด้วย"  ไจ่ไจ๋ย้อน รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยที่ได้ระบายความรู้สึกให้พี่ชายฟัง 
"จริงด้วย!"  เคนว่าแล้วก็เหลือบมองหน้าน้องชาย
"สั่งใหม่ก็หมดเรื่อง"  น้องเล็กว่าแล้วก็หยิบเมนูขึ้นมาดู เคนหัวเราะขำๆ
"เจ้าเล่ห์นักนะ! แกล้งทำเป็นเศร้าเพื่อให้พี่เลี้ยงไอติมหรือเปล่าเนี่ย?"  ต่อว่าน้องอย่างไม่จริงจังนักแต่ก็โล่งใจเพราะเมื่อน้องเล็กของเขาหันกลับมาสนใจเรื่องกินได้อีกครั้งนั่นหมายความว่าน้องคงหยุดคิดเรื่องกลุ้มใจไปได้ซักพัก
"ไม่ใช่ซักหน่อย.....เมื่อกี้อารมณ์กำลังค้างกินเข้าไปเลยไม่รู้รสเลย ผมเอาอันนี้ดีกว่า! พี่กลางหละ?"  ไจ่ไจ๋แย้งก่อนจะใช้นิ้วจิ้มลงไปเมื่อเจอเมนูที่ถูกใจ
"เอ้าๆๆๆ เอาเหมือนนายนั่นแหละ"  เคนตอบแบบไม่คิดมาก ดังนั้นไจ่ไจ๋จึงหันไปสั่งไอศครีมทันที
"เฮ่อ! อย่างน้อยก็ทำให้มันหยุดร้องไห้ได้แหละว้า....."  เคนพึมพำกับตัวเองพร้อมมองไปที่น้องชายอย่างเอ็นดู

- ที่บ้าน -
"ทำอะไรกินกันครับ?"  เคนเอ่ยถามทุกคน หลังจากที่เขาและน้องเล็กพากันกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งทั้งบ้านก็หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นอาหาร
"จมูกไวเชียวนะ"  แวนเนสแขวะน้องแล้วมองเลยไปทางน้องเล็ก เคนเบ้ปากใส่พี่ชายแล้วเดินเลยเข้าไปในห้องครัว
"มองหน้าหาเรื่องหรืองัย!"  น้องเล็กพูดกวนๆ
"เดี๋ยวตบหัวทิ่มเลย! มองแค่นี้มีปัญหามากหรืองัย?"  แวนเนสโวยวาย ทำให้ไจ่ไจ๋หัวเราะก่อนจะเดินเข้าไปกอดเอวพี่ชาย
"หิวข้าวจัง วันนี้มีอะไรกินบ้างครับ?"  แวนเนสแทบจะปรับอารมณ์ตามเจ้าน้องชายตัวดีไม่ทัน เขาทำหน้าแหยๆก่อนจะยิ้มเฝื่อนๆให้น้อง
"แล้วอยากกินอะไรหละ? พ่อแม่เลือกทำของโปรดเราทุกคนเลย คงมีถูกใจนายบ้างแหละ"  แวนเนสตอบแล้วเอามือตบแก้มน้องชายเบาๆ
"แอบไปกินไอติมกับพี่กลางมาหละสิ"  พูดต่ออย่างรู้ทัน
"รู้ได้ยังงัย?"  ไจ่ไจ๋ย้อนถาม
"ก็ไอ้คราบช๊อคโกแลตที่มุมปากนายมันฟ้องน่ะสิ ฮึ! หนีไปกันสองคนไม่ชวนพี่ซักคำ!"  แวนเนสแกล้งทำเป็นงอน
"พี่รองก็มีพี่กลอเรียไปด้วยอยู่แล้วหนิ"  น้องเล็กว่าแล้วก็เดินเลี่ยงไปนั่งที่โซฟา
"ไจ่ไจ๋...."  แวนเนสเดินตามมานั่งลงข้างน้องชาย
"พี่รักนายนะ"  น้องเล็กได้ยินก็นิ่งไป
"ไม่ว่าเมื่อก่อน ตอนนี้ หรือต่อไป พี่ก็ยังคงรักนายเหมือนเดิม"  แวนเนสพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"ผมก็รักพี่เหมือนกัน ผมขอโทษนะครับพี่รองที่หลายวันมานี้ทำตัวไม่น่ารัก"  ไจ่ไจ๋พูดกับพี่ชายด้วยสีหน้าสลดลง
"ผมขอเวลาทำใจหน่อย ผมชอบพี่กลอเรียและก็อยากให้พี่สองคนมีความสุข แต่อีกใจมันก็....."  แวนเนสโน้มหัวน้องมาชายมาซบที่อกตัวเอง
"อนาคตมันเป็นเรื่องไม่แน่นอน นายอย่าเพิ่งไปคิดถึงมันเลย พี่ยังไม่หนีนายไปไหนแน่นอน"  ไจ่ไจ๋กอดพี่ชายแน่น
"นอกจากว่านายเองนั่นแหละจะหนีพี่ไปแต่งงานก่อน"  แวนเนสพูดแหย่น้องเล็กอีก ทำให้ไจ่ไจ๋หัวเราะออกมาได้
"นั่นสิ ผมเรียนอีกสองปีก็จบแล้ว แต่พี่รองต้องรออีกตั้งสามปีกว่าจะครบสัญญา"  ไจ่ไจ๋พูดแหย่พี่ชายกลับไป
"หนอยแหนะ! จบปุ๊บจะแต่งงานเลยหรืองัย? แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปขอผู้หญิงฮึ?"  แวนเนสเอานิ้วจิ้มแก้มน้องชายพร้อมกับกัดฟันถามด้วยความหมั่นไส้
"พี่ชายผมมีตั้งสามคน หาเงินให้น้องไปแต่งผู้หญิงเข้าบ้านหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง?"  พูดพลางบีบจมูกพี่ชายเบาๆ
"เดี๋ยวรอพี่ไปปรึกษาพี่ใหญ่กับพี่กลางก่อนนะว่าจะมีงบให้นายเท่าไหร่"  จบคำพูดของแวนเนสสองพี่น้องก็หัวเราะกันคิกคัก ส่วนเคนนั้นหลังจากปล่อยให้แวนเนสและไจ่ไจ๋ได้อยู่กันตามลำพังเขาก็เดินเข้าไปในห้องครัวซึ่งมีพ่อแม่และพี่ใหญ่ช่วยกันทำกับข้าวอยู่
"มีอะไรให้ช่วยมั๊ยครับ?"  เคนเอ่ยถาม
"กลับมาแล้วหรอลูก? น้องเป็นยังงัยบ้าง?"  แม่หันมาถามไถ่ลูกชายทันที
"ผมหมดค่าไอติมไปสี่ถ้วย คงอารมณ์ดีขึ้นเยอะแหละครับ"  เคนตอบยิ้มๆ
"นี่นายให้มันกินไอติมตั้งสี่ถ้วยเชียว? จะบ้าหรืองัย!"  เจอร์รี่ได้ยินก็เอ็ดน้อง
"เปล่า....คนละสองถ้วยเท่านั้นแหละ"  เคนตอบแล้วเหลือบไปเห็นหมูทอดกระเทียมจึงเอื้อมมือไปหยิบมาชิมแต่โดนพี่ใหญ่ตีมือเข้าให้เสียก่อน
"โอ้ย!"  เคนร้องพร้อมกับชักมือกลับก่อนจะทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชาย
"ก็ให้น้องกินสิลูก จะหวงทำไมกันมีตั้งเยอะแยะ"  แม่ต่อว่าลูกชายคนโต
"ผมไม่ได้หวง แต่มือมันน่ะสกปรกจะตาย"  เจอร์รี่เถียงก่อนจะถลึงตาใส่น้องที่แอบอมยิ้มที่ตัวเองโดนแม่ว่า
"ไม่เห็นจะสกปรกเลย ไหนชี้ให้ดูหน่อยซิว่าเชื้อโรคมันวิ่งอยู่ตรงไหน? ถ้าเจอแล้วจับออกให้ด้วยนะ"  เคนแบมือทั้งสองข้างยื่นไปตรงหน้าพี่ชายอย่างยียวน
"เดี๋ยว....."  พี่ใหญ่พูดไม่ออกได้แต่ชี้หน้าน้องชายอย่างไม่รู้จะทำยังงัย
"หึๆๆๆ"  พ่อกับแม่แอบขำกันเบาๆเมื่อเห็นว่าเจอร์รี่ต่อกรอะไรกับน้องไม่ได้ เคนยิ้มอย่างผู้ชนะแล้วทำท่าจะหยิบหมูทอดกระเทียมขึ้นมากินอีก
"เสี้ยวเทียน!"  เจอร์รี่เน้นเสียงหนัก เคนเลยยิ้มแหยๆแล้วหันไปหยิบส้อมมาจิ้มใส่ปากแทน
"อะไรกันลูกคนนี้ น้องเพิ่งกลับมาถึงบ้านก็หาเรื่องดุน้องจนได้ ไป....ทำตรงนั้นให้เสร็จเร็วๆ เดี๋ยวจะได้กินข้าวกัน"  แม่บ่นลูกชายคนโตก่อนจะไล่ให้เจอร์รี่ไปทำอาหารต่อ
"โอ๋เข้าไป...."  เจอร์รี่บ่นอุบอิบก่อนจะเดินกลับไปทำสิ่งที่ทำค้างอยู่โดยที่เคนแอบหัวเราะพี่ชายเบาๆ
"พ่อแม่ครับ พรุ่งนี้ว่างหรือเปล่า?"  เคนเอ่ยถามขึ้นอีก
"ว่างสิลูก จะชวนไปไหน?"  พ่อตอบแล้วย้อนถามยิ้มๆ
"เรามีนัดกัน ลืมแล้วหรอ?"  เคนทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยเพราะนึกว่าพ่อลืมว่าเขาเคยบอกพ่อว่าหากกลับมาบ้านแล้วจะพาพ่อแม่ไปที่ที่หนึ่งด้วยกัน
"ไม่ลืมหรอกลูก พ่อกับแม่ต้องจำได้อยู่แล้ว"  พ่อตอบยิ้มๆแล้วเอามือขยี้หัวลูกชายอย่างเอ็นดู
"แล้วเราจะไปกันกี่วันจ๊ะ? ต้องเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนด้วยหรือเปล่า?"  แม่ถามต่อ แต่ยังไม่ทันที่เคนจะได้ตอบเจอร์รี่ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
"ไม่ต้องพาพ่อแม่ไปเที่ยวค้างคืนที่ไหนอีกเลยนะ อีกสองสามวันพ่อแม่ก็จะกลับไปทำงานแล้ว เดี๋ยวก็เหนื่อยตายพอดี"  เคนหันทางพี่ชายพร้อมกับค้อนใส่เล็กน้อย
"หนึ่งสองสาม"  เคนพูดพร้อมกับชี้ที่ตัวเองพ่อและแม่
"อะไร?"  เจอร์รี่ถามเสียงห้วนเพราะไม่เข้าใจที่น้องพูด
"ก็คุยกันแค่สามคน ชั้น พ่อ และก็แม่"  จบคำพูดของเคนพ่อแม่ก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน ส่วนเจอร์รี่ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความขุ่นเคือง
"แล้วอย่ามาพูดให้ได้ยินนะ"  ชี้หน้าน้องพร้อมกับพูดขู่ก่อนจะสะบัดหน้ากลับไป
"พ่อแม่จะกลับแล้วหรอครับ?"  หลังจากแกล้งแหย่จนพี่ชายอารมณ์เสียได้แล้วเคนกันหันมาถามบุพการีทั้งสองคนต่อ
"ก็คงต้องกลับหละลูก คราวนี้มาอยู่นานข้ามเดือนเลย แล้วเรื่องที่บริษัทก็ลงตัวแล้ว"  พ่อตอบ
"ไม่เป็นไรครับ เพราะเราไม่ใช้เวลากันมากหรอก พรุ่งนี้ช่วงเที่ยงเราแวะไปรับไจ่ไจ๋กันก่อนแล้วค่อยไปพร้อมกัน"  เคนว่า
"ให้น้องไปด้วยหรอลูก?"  แม่ถามอย่างสงสัยเพราะตอนแรกเคนบอกว่าอยากไปกับพ่อแม่ตามลำพัง
"ครับ ผมว่าพาน้องไปด้วยเผื่อไจ่ไจ๋จะคิดอะไรได้บ้าง"  เคนตอบแล้วยิ้ม
"มีอะไรให้ผมช่วยมั๊ยครับ?"  แล้วก็ถามเปลี่ยนเรื่อง
"อืม....งั้นก็....."  พ่อว่าพร้อมกับผงกหัวไปทางเจอร์รี่เป็นเชิงบอกให้เคนไปช่วยพี่ชาย
"เอ่อ....พี่ใหญ่อารมณ์ไม่ดี ผมว่าคงไม่ดีมั้งครับ"  เคนปฏิเสธหน้าแหยๆ เพราะรู้ตัวว่าตัวเองกวนพี่ชายไว้มากและตอนนี้พี่ชายกำลังถือมีดปลายแหลมหันผักกับเนื้ออยู่ด้วย
"ไปเถอะลูก พี่ใหญ่เขาคิดถึงเราจะตายไป"  แม่พยักหน้าด้วยอีกคน ดังนั้นเคนจึงเดินเข้าไปหาพี่ชายอย่างจำใจ
"เจอร์รี่ ชั้นช่วยนะ"  เคนว่าพร้อมกับยิ้มหวานราวกับว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด เจอร์รี่หันมาค้อนใส่แต่ไม่ได้พูดอะไร
"เดี๋ยวหั่นผักให้ นายหยิบมีดให้หน่อย"  เคนบอกพี่ชายอีกครั้ง
"เจอร์รี่!"  เมื่อเห็นพี่ชายยังเฉยเคนเลยเรียกอีกครั้งพร้อมกับเอาศอกกระทุ้งใส่พี่ชายด้วย
"เห็นหรือเปล่าว่าชั้นทำอะไรอยู่?"  เจอร์รี่วางมือจากการกระทำตรงหน้าก่อนจะถามน้องเสียงเรียบ
"ก็...."  เคนพูดไม่ออกเมื่อเห็นพี่ใหญ่ทำหน้านิ่งๆ 
"แล้วเมื่อกี้เรียกชั้นว่ายังงัย?"  ถามน้องต่ออย่างหาเรื่อง
"พี่ใหญ่!"  เคนตอบชัดถ้อยชัดคำพร้อมกับทำหน้าซื่อ เล่นเอาพ่อแม่กลั้นหัวเราะแทบไม่ทัน
"ไอ้ตัวแสบ!"  พี่ใหญ่ทำฉุนทั้งขำกับเจ้าน้องชายคนนี้เขาอดรนทนไม่ไหวจึงตั้งท่าจะเขกหัวน้อง
"โอ้ย!"  เคนร้องลั่นทั้งที่ยังไม่ทันจะโดนเขกหัวเลย
"ยังไม่ได้เขก!"  เอ็ดใส่เจ้าน้องชายตัวดีเสียงดัง เคนยิ้มแหยๆก่อนจะพูดจาหว่านล้อมพี่ชาย
"ขอโทษครับ ต่อไปนี้จะไม่เรียกพี่ใหญ่แต่ชื่ออีกแล้ว อย่าทำโทษชั้นเลยนะ....นะๆๆๆ....."  ท่าทางของน้องชายทำเอาเจอร์รี่หลุดยิ้มออกมาเช่นกัน
"เรานี่นะ...."  เจอร์รี่ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าเจ้าน้องชายคนนี้ดีสุดท้ายจึงได้แต่เอานิ้วจิ้มหน้าผากน้องแรงๆก่อนจะเป็นฝ่ายถอนหายใจซะเอง
"เรายังมีคดีความกับพี่อีกเยอะนะเสี้ยวเทียน ทั้งเรื่องโทรศัพท์กลับมาแล้วแกล้งบอกว่าเหรียญหมดทั้งเรื่องแอบหลอกด่าพี่อีกตั้งหลายครั้ง เดี๋ยวว่างๆจะจับมาคิดบัญชีให้สาสมเชียว"  เจอร์รี่ไม่วายหันมาขู่น้อง
"เราก็เจ้าคิดเจ้าแค้น! น้องแค่อยากจะเล่นด้วยเราก็ว่าน้องลามปาม อะไรก็ไม่รู้เด็กคนนี้"  แม่บ่นเจอร์รี่เข้าให้บ้าง 
"แม่อ่ะ....อะไรก็เอาแต่เข้าข้างมัน"  เมื่อเห็นว่าแม่กางปีกปกป้องลูกชายคนโปรดทุกครั้งเจอร์รี่จึงทำหน้างอขึ้นมาบ้าง
"อย่ามาทำเป็นอิจฉาน้องเหมือนเด็กน่า....รีบทำให้เสร็จเร็วเข้านี่มันจะค่ำแล้ว"  เมื่อเห็นว่าเจอร์รี่จะโวยวายอีกแม่จึงรีบตัดบท
"ฝากไว้ก่อนเถอะ"  เจอร์รี่ไม่วายพึมพำพร้อมกับชี้หน้าน้องอย่างคาดโทษ ในตอนนั้นแวนเนสกับไจ่ไจ๋ก็พากันเดินเข้ามาพอดี
"ยังไม่เสร็จอีกหรอ? ผมหิวแล้ว"  ไจ่ไจ๋ร้องบอกเมื่อเห็นว่าพ่อแม่และพี่ใหญ่กำลังทำอาการกันอยู่
"มันจะเสร็จได้ยังงัย? มีแต่คนเข้ามาช่วยป่วนไม่มีใครช่วยทำซักคน!"  เจอร์รี่พูดเสียงห้วน ทำเอาแวนเนสกับไจ่ไจ๋มองหน้ากันเหวอๆ ในขณะที่เคนนั่งขำอยู่บนโต๊ะกินข้าว
"ผมกับพี่รองเพิ่งเข้ามานะ"  ไจ่ไจ๋แย้ง 
"อีกแป๊บเดียวก็เสร็จแล้วลูก พี่ใหญ่เขาก็หิวเหมือนกันเลยอารมณ์ไม่ดี"  พ่อหันมาตอบลูกชายคนเล็กยิ้มๆ
"ใช่จ๊ะ....เหลือผัดผักกับแกงจืดอีกสองอย่าง ยังงัยลูกก็จัดโต๊ะเลยแล้วกัน เสร็จแล้วจะได้กินได้เลย"  แม่ว่าพร้อมกับหางานให้ลูกชายช่วยทำ
"ได้ครับ โอ้โห! มีหมูทอดกระเทียมด้วย!"  พูดจบไจ่ไจ๋ก็จะหยิบเข้าปากแต่ชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงเคนร้องขัดขึ้น
"เฮ้ย!"  เสียงเคนทำให้คนอื่นๆหันมามองเป็นตาเดียว
"ใช่ส้อมสิวะ! เดี๋ยวก็โดนหรอก"  เคนบอกน้องชายแล้วบุบใบ้ไปทางพี่ใหญ่ที่ยืนมองตาเขียวปั๊ด 
"แหะๆๆ ลืมไป.....ใช้ส้อมเนอะ....."  พูดจบไจ่ไจ๋ก็ใช้ส้อมจิ้มเข้าปาก โดยที่คนอื่นๆแอบอมยิ้ม 
"ใครที่มันแอบกินกับข้าวก่อนเดี๋ยวจะให้นั่งกินแต่ข้าวเปล่า นิสัยเสีย!"  เจอร์รี่พูดขึ้นมาดังๆ
"ข้าวเปล่าคลุกน้ำปลาก็อร่อยดีนะไจ่ไจ๋"  เคนว่าพร้อมกับยักคิ้วให้น้องชาย
"เดี๋ยวชั้นจะให้นายกินไม้เรียวแทนข้าว!"  เจอร์รี่หันมาชี้หน้าน้องชายพร้อมกับพูดเสียงเข้ม 
"ตั้งแต่กลับมายังไม่หยุดเลยนะ! เดี๋ยวโดนแน่!"  พูดขู่น้องต่ออีก ทำให้คนช่างกวนถึงกับหน้าจ๋อยลงไปถนัดตา
"เอาน่าเจอร์รี่.....น้องเขาคิดถึงลูกนี่นาเลยแหย่เล่นนิดหน่อย ไม่ชอบก็เตือนน้องดีๆอย่าถึงกับต้องเฆี่ยนต้องตีน้องเลย"  พ่อเอ่ยปากไกล่เกลี่ยเมื่อดูท่าว่าลูกชายคนโตคงโมโหไม่น้อย
"ผมเตือนมันไปตั้งกี่รอบแล้ว เคยฟังที่ไหน!"  ไม่พูดเปล่าแต่ส่งสายตาคมกริบไปทางเจ้าตัวต้นเหตุด้วย
"งานเข้าแล้วพี่กลาง"  ไจ่ไจ๋กระซิบกับเคนเป็นเชิงกระเซ้า
"เงียบไปเลย"  เคนเอาศอกกระทุ้งน้องชายเบาๆ 
"แล้วพ่อดูมันนะ.....โดนดุไปแหมบๆไม่ได้สลดลงเลยซักนิด!"  เมื่อโดนพี่ชายต่อว่าอีกเคนก็เริ่มหงุดหงิดเพราะอุตส่าห์สงบปากสงบคำไม่เถียงอะไรออกมา
"พ่อแม่ครับ กับข้าวพวกนี้จานไหนที่พ่อกับแม่ทำ?"  เคนหันไปถามบุพการี
"ก็....ที่ทำเสร็จบนโต๊ะนั่นแหละจ๊ะ"  แม่ตอบพร้อมกับทำหน้างงๆ
"ดี! งั้นผมจะกินแค่กับข้าวที่พ่อแม่ทำเท่านั้น ส่วนที่คนอื่นทำก็ให้มันกินกันเองจนตายไปเลย! จะไม่แตะต้องเลยแม้แต่นิดเดียว!"  พูดจบเคนก็เดินไปตักข้าวแล้วนั่งกินหน้าตาเฉย โดนเข้ามาไม้นี้ทำให้เจอร์รี่โมโหจนพูดอะไรไม่ออก ส่วนคนที่เหลือก็มองหน้ากันไปมาอย่างไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
"พี่กลางก็ทำเป็นเล่นไป...."  ไจ่ไจ๋ต่อว่าพี่ชายเบาๆ 
"หาเรื่องจนได้นะไอ้ตัวแสบ! เดี๋ยวไม่ได้ตายดีหรอกนายน่ะ"  แวนเนสสำทับด้วยอีกคน
"ถ้าชั้นตายจะกลับมาล้างแค้นให้ดู!"  เคนกระแทกเสียงใส่ เจอร์รี่หันขวับมามองทันที
"พ่อว่า.....กับข้าวบนโต๊ะนี้ก็เยอะแล้ว เอาเป็นว่าตรงนั้นอีกสองอย่างเก็บไว้ทำวันหลังดีมั๊ยเจอร์รี่ ตอนนี้เรามากินข้าวกันดีกว่า"  เมื่อเห็นลูกชายสองคนจ้องหน้าราวกับจะฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่งพ่อจึงตัดบท
"ดีครับ ดีมากๆเลย ผมหิวจะแย่แล้ว"  ไจ่ไจ๋รีบสนุบสนุนทันที
"งั้นเดี๋ยวแม่ตักข้าวให้ เจอร์รี่ไปนั่งที่โต๊ะไปลูก....."  แม่ช่วยไกล่เกลี่ยด้วยอีกแรง 
"ผมช่วยแม่ตักข้าวนะครับ"  แวนเนสพูดเสริมแล้วกุลีกุจอเข้าไปช่วย บรรยากาศจึงเริ่มผ่อนคลายลง เจอร์รี่เก็บของที่กำลังทำอยู่เข้าตู้เย็นแล้วเดินมาที่โต๊ะกินข้าวจนเมื่อเห็นน้องชายคนกลางลอยหน้าลอยตาใส่ก็ทั้งขำทั้งหมั่นไส้จึงเดินไปเลื่อนเก้าอี้ตัวข้างๆน้องออกแล้วทรุดตัวนั่ง 
"ให้มันน้อยๆหน่อยนะ!"  เจอร์รี่ดุเบาๆเมื่อเห็นน้องขยับเก้าอี้ออกห่าง
"ทำไม? ชั้นร้อนหนิ ไม่อยากนั่งใกล้!"  เคนเถียงอย่างรวนๆ
"ร้อนหรอ!?"  พี่ใหญ่ทวนคำพร้อมกับนิ้วมือเรียวที่หยิกหมับเข้าที่แขนน้อง
"โอ้ย!!!"  เคนร้องลั่นด้วยความตกใจ ทำให้แม่กับแวนเนสที่กำลังตักข้าวและพ่อกับไจ่ไจ๋ที่กำลังช่วยกันรินน้ำใส่แก้วหันไปมองทางต้นเสียงเป็นตาเดียว
"เป็นอะไร?"  แวนเนสถามเมื่อเห็นเคนนั่งลูบแขนตัวเองป้อยๆ
"เจอร์รี่มันหยิกชั้น!"  เคนเอ่ยปากฟ้องทันที
"ชั้นไปหยิกนายตั้งแต่เมื่อไหร่?"  เจอร์รี่แกล้งเป็นฝ่ายทำไม่รู้ไม่ชี้บ้าง
"เจอร์รี่!"  แม่เอ็ดใส่ลูกชายคนโตเข้าให้
"กินข้าวดีกว่าครับ! กินข้าวกันซักทีเนอะ!"  ไจ่ไจ๋ร้องแทรกขึ้นมาก่อนจะเดินมานั่งลงที่โต๊ะอาหารพร้อมกับชักชวนให้ทุกคนกินข้าว
"นี่ๆๆๆ ชอบทำน้องเจ็บๆอยู่เรื่อย"  แม่เดินมาดึงหูเจอร์รี่พร้อมกับต่อว่าไปด้วย 
"โอ้ยๆๆๆ แม่อ่ะ...."  เจอร์รี่ร้องครางพร้อมกับทำหน้ามุ่ย เคนยิ้มอย่างสะใจที่แม่แก้แค้นให้แทน
"หยุดเลยนะไอ้ตัวดี! จะได้กินข้าวกันสงบๆซักที"  แวนเนสพูดดักคอน้องชายคนกลางที่ตั้งท่าจะล้อพี่ชายอีก เคนจึงได้แต่เม้มปากพร้อมกับค้อนใส่พี่ชายคนรองที่รู้ทัน
"หึๆๆๆ"  พ่อหัวเราะเบาๆอย่างนึกขำเจ้าลูกชายตัวป่วนทั้งหลายก่อนจะเดินมานั่งที่หัวโต๊ะฝั่งตรงข้ามกับแม่ จากนั้นทุกคนก็เริ่มลงมือกินข้าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา




 

Create Date : 20 กันยายน 2558    
Last Update : 20 กันยายน 2558 22:24:10 น.
Counter : 995 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  
 
 

loving_zai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




[Add loving_zai's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com