Chapter 96
ตอนที่ 96 "นี่!" แวนเนสเอานิ้วจิ้มแก้มเคนเบาๆเพราะเห็นว่าเคนนั่งเงียบกริบหลังจากส่งพ่อแม่ขึ้นเครื่องเรียบร้อยแล้ว "เป็นอะไรไป?" ถามต่ออย่างห่วงใย เคนหันกลับมาแล้วส่ายหน้า "แล้วทำไมถึงไม่พูดอะไรเลย?" ถามน้องต่ออีก "จะให้พูดอะไรหละ?" เคนย้อนถามแล้วมองอกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง ทำให้สามพี่น้องที่เหลือเหลือบมองหน้ากันไปมา "พี่ใหญ่ครับ ครั้งที่แล้วที่พี่กลางพาผมกับพ่อแม่ไปบริจาคให้เด็กกำพร้าพี่ใหญ่กับพี่รองไม่ได้ไปด้วย งั้นวันนี้เราแวะไปที่นั่นหน่อยดีมั๊ย?" ไจ่ไจ๋เอ่ยเสนอความคิดเห็นขึ้นมา "อืม....ไปก็ได้" เจอร์รี่ที่ขับรถอยู่ตอบแล้วเหลือบมองหน้าน้องชายคนกลางอีกครั้ง "อยากไปมั๊ยเสี้ยวเทียน?" ถามต่อขึ้นมาอีกครั้ง "ไปสิ ชั้นก็คิดว่าจะชวนพวกนายไปอยู่พอดี" เคนตอบแล้วยิ้มเล็กน้อย "ชั้นอยากเจอเด็กที่ชื่อเคนเหมือนชั้นอีกครั้งไม่รู้ว่าตอนนี้เขามีครอบครัวใหม่ไปหรือยัง" ขยายความต่ออีก "นายเล่าเรื่องเด็กคนนี้ให้ชั้นฟังอีกครั้งซิ ชั้นรู้แค่ว่าเด็กคนนี้ชื่อเหมือนนายแต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้ไปอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าได้" แวนเนสชวนน้องคุย "เด็กคนนี้น่าสงสารแต่ชั้นว่าเขาคงไม่ต้องการความสงสารจากใครหรอก" เคนตอบแล้วเล่าต่อ "นอกจากชื่อเหมือนกันแล้วยังมีบางอย่างที่คล้ายๆชั้นอีกด้วย" คำตอบของเคนทำให้แวนเนสเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ "หมายความว่ายังงัย?" ย้อนถามน้องด้วยความอยากรู้ "พวกนายรู้หรือเปล่าว่าครอบครัวของเคนเขารวยมาก แต่ที่เขาต้องไปอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านั้นก็เพราะว่าพ่อแม่พี่น้องของเขาตายกันหมดแล้ว" จบประโยคของเคนภายในรถก็ตกอยู่ในความเงียบครู่หนึ่ง "ไม่เหลือใครเลยหรอ?" เจอร์รี่เป็นคนถามทำลายความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง "ใช่....ไม่เหลือใครเลยแม้แต่คนเดียว" เคนพยักหน้าตอบพร้อมกับขยายความ "แล้วทำไมญาติพี่น้องของเด็กคนนั้นถึงตายหมดหละครับ?" ไจ่ไจ๋ถามต่อบ้าง "เกิดอุบัติเหตุน่ะ" เคนตอบด้วยแววตาเศร้าลง "อุบัติเหตุ?" ไจ่ไจ๋ทวนคำแล้วมองหน้าพี่ชาย ในขณะที่เจอร์รี่กับแวนเนสพากันเงียบ "เครื่องบินตก" คำตอบเช่นนี้ทำเอาทุกคนที่ได้ยินพากันอึ้ง เพิ่งเข้าใจว่าทำไมเคนถึงได้บอกว่านอกจากชื่อที่เหมือนกันแล้วยังมีบางอย่างคล้ายกันอีกซึ่งก็คือต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกนั่นเอง "ภายในพริบตาสิ่งที่เคยมีก็หายวับไปกับตา เคนเขากลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครในโลกที่มีสายเลือดเดียวกับเขาอีกเลย พวกนายคิดดูนะว่าก่อนขึ้นเครื่องบินเด็กคนนี้จะมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้ไปเที่ยวกับญาติพี่น้องทั้งครอบครัว" เคนพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ "ชั้นว่าถ้าตอนนั้นเขาเลือกได้เขาคงเลือกที่จะไม่ไปไหน ขอแค่อยู่ด้วยกันในบ้านที่ปลอดภัยมันก็คงเพียงพอแล้ว" คำพูดของเคนทำให้พี่ๆน้องๆพลอยรู้สึกสะเทือนใจไปด้วยไม่น้อย "คนเราไม่ได้เกิดมาโชคดีเสมอไปหรอก อุปสรรคทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตจะทำให้เด็กคนนั้นเข้มแข็งและเติบโตขึ้นมาอย่างสง่างามได้แน่นอน" แวนเนสว่าพร้อมกับโอบไหล่น้อง "เหมือนกับเด็กคนนึงที่ชั้นรู้จักมาทั้งชีวิต ชั้นรู้ว่าในใจเขาทั้งทุกข์และเศร้าแต่สุดท้ายเขาก็ผ่านมาได้ แถมผ่านมาได้อย่างน่านับถืออีกด้วย" เคนได้ยินพี่ชายพูดเช่นนั้นก็น้ำตาซึม "ก็เหมือนกับที่นายคิดว่าเด็กคนนั้นอาจจะเศร้าหรือนึกโทษโชคชะตาของตัวเองอยู่ แต่เชื่อชั้นสิว่าวันนึงเขาจะนึกขอบคุณโลกใบนี้ที่ได้ให้ประสบการณ์อันล้ำค่ากับเขาและได้สอนให้เขารู้จักคำว่าชีวิตอย่างแท้จริง" แม้ในเวลาปกติแวนเนสอาจจะชอบพูดเล่นหรือเย้าแหย่พี่น้องแต่ในสถานการณ์เช่นนี้เขาก็พูดได้ดีไม่แพ้กัน "ขอบคุณครับ" เคนพูดกับพี่ชายเบาๆ "ที่นั่งเงียบมาตลอดทางนี่กะจะแกล้งเบี่ยงเบนความสนใจของชั้นกับเจอร์รี่หรือเปล่าเนี่ย? ไม่มีพ่อแม่คอยปกป้องแล้วนี่" เมื่อเห็นว่าบรรยากาศดูเป็นทางการมากเกินไปแวนเนสก็พูดเล่นขึ้นมาซะเอง "ไอ้บ้า!!" แล้วก็ได้ผลเพราะแหวใส่ขึ้นมาทันที ทำให้พี่ใหญ่กับน้องเล็กพลอยยิ้มได้ด้วย "หึๆๆๆ" แวนเนสหัวเราะเบาๆแล้วโน้มหัวน้องมาซบที่ไหล่เขาก่อนจะยักคิ้วให้พี่น้องอีกสองคน "นายรีบขับไปให้ถึงที่เร็วๆ ชั้นอยากจะรู้ว่าคนที่ชื่อเหมือนกันหุ่นจะเหมือนกันด้วยหรือเปล่า" แวนเนสไม่วายแซวน้องอีก "หุบปากไปเลยนะ!! กวนอารมณ์ชั้นอยู่เรื่อย! ไปไกลๆเลย!" เคนโวยวายอย่างขัดใจพร้อมกับผลักพี่ชายแรงๆ "พี่กลางนี่อารมณ์แปรปรวนจัง ระวังจะแก่เร็วนะ" ไจ่ไจ๋ได้ทีแซวพี่ชายบ้าง "เดี๋ยวโดน! คนอย่างพี่นี่แหละอารมณ์เสถียรที่สุดแล้ว คนที่แปรปรวนที่สุดน่ะข้างๆนายต่างหาก" เคนว่าแล้วว่าพี่ชายคนโตหน้าตาเฉย "มาถึงชั้นจนได้นะ! ระวังตัวไว้เถอะนะ อย่าลืมว่าพ่อแม่ไม่อยู่คอยโอ๋นายแล้ว" เจอร์รี่พูดขู่น้อง "แล้วงัยหละ?" เคนเบ้ปากใส่พี่ชาย "แวนเนส! ชั้นฝากซักทีเถอะ" พี่ใหญ่พูดกับแวนเนส "ได้เลย!" แวนเนสรับคำแล้วยกมือจะเขกหัวน้องแต่เคนง้างมือขึ้นเช่นกัน "นายดูมันนะ" แวนเนสหันไปฟ้องพี่ชาย "เสี้ยวเทียน! ให้มันน้อยๆหน่อย" พี่ใหญ่เอ่ยปรามน้อง "ก็เรื่องอะไรจะมาเขกหัวชั้นหละ?" เคนเถียงฉอดๆ น้องเล็กที่นั่งดูพี่ๆอยู่อมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว แม้เขาเองจะไม่ค่อยชอบให้พี่ชายทั้งสามคนเถียงกันแต่ในเวลานี้เขากลับรู้สึกดีที่ได้ยินเสียงพี่ชายทั้งสามคนเอะอะใส่กันเพราะอย่างน้อยมันก็เป็นเครื่องยืนยันว่าพี่ชายทั้งสามคนยังอยู่กับเขาตรงนี้ "ชั้นสั่งให้มันทำ มีปัญหาหรอ?" เจอร์รี่ทำเสียงห้วน "มีสิ" เคนตอบกวนๆ "นี่แหนะ!" แวนเนสเห็นว่าเคนไม่ทันระวังตัวเลยทุบหัวน้องเข้าให้จริงๆ "รำคาญโว้ย! กลับไปนั่งเงียบๆซึมๆเหมือนเดิมเลยไป!" แหวใส่เข้าให้อีกยกนึง ทำให้เคนได้แต่อ้าปากค้าง "เถียงกันอยู่ได้ น้องมันมองตาปริบๆแล้วนั่น! เดี๋ยวน้องมันก็เครียดตายพอดีวันๆนั่งมองพี่มันเถียงกันทั้งวัน" แวนเนสว่าพร้อมกับยกน้องเล็กมาอ้าง "น้องมันรู้จักแยกแยะหรอก! มันรู้ดีด้วยว่าชั้นโดนรุมอยู่คนเดียว!" เคนยังไม่ยอมหยุด "เนอะไจ่ไจ๋เนอะ" หันมาพยักเพยิดกับน้องเพื่อหาพวก "ไม่มีความเห็นครับ" ไจ่ไจ๋ตอบยิ้มๆ "แต่ที่แน่ๆผมไม่เครียดหรอก รู้สึกดีด้วยซ้ำที่ได้ยินเสียงพวกพี่สามคนพร้อมๆกัน" คำพูดของน้องเล็กทำให้สายตาสามคู่หันมามองเห็นจุดเดียว "แต่ผมขอร้องนะครับว่าเถียงกันได้แต่ห้ามทะเลาะกันเด็ดขาดไม่งั้นผมจะนั่งร้องไห้ให้ดูเลย" น้องเล็กประกาศซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะจากพวกพี่ๆได้เป็นอย่างดี "พวกนายสองคนอยากเห็นเด็กโง่บางคนร้องไห้มั๊ยวะ?" เคนเอ่ยถามพี่ชายทั้งสองคน "อืม....ท่าจะดีนะ" แวนเนสเห็นด้วยแล้วหลิ่วตาให้เคนอย่างเจ้าเล่ห์ "อ๊ะ! จะทำอะไรกัน! ไม่เอานะ! พี่ใหญ่ช่วยผมด้วย!!!!" ไจ่ไจ๋ร้องลั่นเมื่อโดนพี่ชายสองคนจับมือคนละข้างและร่วมมือกันจี้เอวเขายกใหญ่ ส่วนคนที่น่าจะให้ความช่วยเหลือเขาได้กลับนั่งหัวเราะร่าไปด้วย "ฮ่าๆๆๆ!!!! หยุดได้แล้วพี่รองพี่กลาง!!" ไจ่ไจ๋หัวเราะลั่นพร้อมกับดิ้นไปมาอยู่ที่เบาะด้านหน้าเพราะโดนล็อกมือทั้งสองข้าง "พอแล้วๆๆๆ! เดี๋ยวมันดิ้นจะเอาเท้ามาเปลี่ยนเกียร์แล้วจะยุ่ง" พี่ใหญ่ร้องห้ามเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวดีสองคนยังแกล้งน้องไม่เลิก "นิสัยไม่ดี! ชอบแกล้งผมอยู่เรื่อยเลย! เดี๋ยวลงรถได้ก่อนเถอะจะเอาคืนให้สาสมเชียว!" เมื่อถูกปล่อยตัวเป็นอิสระแล้วไจ่ไจ๋ก็โวยวายยกใหญ่ "จะรอนะน้องรัก" เคนว่าพร้อมกับยักคิ้วอย่างกวนๆ "ไปแกล้งมันเดี๋ยวก็งานเข้าหรอก" เจอร์รี่เอ่ยเตือนน้องชายคนกลางยิ้มๆ "พี่ใหญ่เงียบไปเลยนะ! พี่น่ะตัวดีไม่ลงมือแต่สนับสนุนเต็มที่เลยนะ สนุกมากหรืองัยที่เห็นผมโดนแกล้งน่ะ!" น้องเล็กแหวใส่ทำเอาพี่ใหญ่อึ้งไปเลย "คนที่งานเข้าไม่ใช่ชั้นแล้วแหละ" เคนป้องปากกระซิบข้างหูพี่ชายก่อนจะเอนหลังพิงกับเบาะแล้วหันไปหัวเราะคิกคักกับแวนเนส ปล่อยให้พี่ใหญ่ได้แต่นั่งยิ้มแหยๆโดนมีน้องเล็กทำหน้าหน้ากระเง้ากระงอดอยู่ไม่ห่าง
- สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า - "ทำไมวันนี้คนเยอะจัง" ไจ่ไจ๋บ่นเมื่อมาถึงที่หมายแล้วก็พบว่ามีคนมากหน้าหลายตาพร้อมกับมีรถจอดอยู่เรียงราย "นี่งัย....เขาบอกว่าวันพบผู้อุปการะ" แวนเนสชี้ป้ายผ้าใบให้น้องดู "อ้อ! ไม่น่าหละ" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วลงไปจากรถคนแรก "ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าเขามีจัดแบบนี้ด้วย" เคนว่าแล้วก็เดินตามน้องเล็กลงมา "งั้นแสดงว่าวันนี้เด็กๆคงมีความสุขกันแน่ๆ" ไจ่ไจ๋หันไปพูดกับพี่ชายด้วยรอยยิ้ม "อืม...พี่ก็หวังอย่างนั้น" เคนยิ้มตอบน้องแล้วเอี้ยวตัวไปมองพี่ชายอีกสองคน "เข้าไปข้างในกันเถอะ" เคนเอ่ยชวนและเดินนำเข้าไปข้างใน "เอ๊ะ! คุณที่มาคราวนั้นนั่นเอง" เจ้าหน้าที่สาวเอ่ยทักเมื่อเห็นเคนเดินเข้ามา "ครับ วันนี้ผมพาพี่ชายอีกสองคนมาด้วย" เคนตอบพร้อมกับยิ้มให้ "มาได้เวลาพอดีเลย วันนี้เป็นวันที่เด็กๆจะได้พบผู้อุปการะของพวกเขากัน ตอนแรกชั้นเสนอให้ทางผู้ใหญ่แจ้งให้คุณทราบด้วย แต่เห็นท่านบอกว่าคุณไม่ชอบใพิธีรีตองอะไร" เจ้าหน้าที่คนเดิมกล่าว "ครับ ไม่เป็นไรหรอก วันนี้ถือว่าโชคดีที่แวะมาพอดี" เคนยิ้มรับแล้วมองไปในห้องของเด็กๆที่มีคนใจบุญกำลังเล่นหยอกล้อกับเด็กกำพร้าเหล่านั้นอยู่ "ที่สนามเด็กๆกำลังกินเลี้ยงกันอยู่เลยค่ะ ถ้าอยากไปสมทบก็เชิญได้นะคะ" เจ้าหน้าที่กล่าวแล้วหยิบสมุดมายื่นให้ "รบกวนเซ็นสมุดเข้าเยี่ยมให้ด้วยค่ะ" เคนรับมาแล้วส่งต่อให้น้องเล็กเป็นคนจัดการ "ขอบคุณมากนะครับ งั้นเดี๋ยวพวกเราขอตัวไปพบเด็กๆหน่อย" เคนว่าแล้วก็พยักหน้ากับพี่น้องก่อนจะเดินนำไปที่สนาม "เด็กคนไหนที่นายพูดถึง?" แวนเนสสะกิดถามน้อง "อืม....ชั้นก็ยังไม่เห็น" เคนว่าพร้อมกับกวาดสายตามองหา "ไปเล่นที่ไหนหละมั้ง" เจอร์รี่ให้ความเห็นแล้วยอตัวนั่งลงเมื่อเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมาหา "สวัสดีจ๊ะ" เจอร์รี่เอ่ยทักทายเด็กน้อยคนนั้น "พี่จะมาพาผมไปอยู่ด้วยหรือเปล่า?" เด็กคนนั้นถามพร้อมกับมองหน้าเจอร์รี่ด้วยแววตาไร้เดียงสา ทำเอาคนถูกถามอึ้งไป "ทำไม? อยากไปอยู่กับพี่หรอ?" เจอร์รี่ย้อนถาม "ครับ" เด็กคนนั้นพยักหน้า "เมื่อวานมีคนมารับเคนไปอยู่ด้วย เคนมีพ่อแม่แล้ว ผมก็อยากมีเหมือนกัน" คำตอบของเด็กคนนั้นทำให้เคนหันขวับมามอง "หนูบอกว่างัยนะ? เคนมีคนรับไปอยู่ด้วยแล้วหรอ?" เคนถามย้ำ "ใช่ครับ แต่เคนเขาบอกผมว่าไม่อยากไปเพราะเขาอยากอยู่กับพี่เลี้ยงมากกว่า" เด็กคนนั้นตอบ "ผมก็คิดถึงเขาเพราะเรานอนใกล้กัน เคนชอบเล่านิทานให้ผมฟัง เขาบอกว่าแม่เขาเคยเล่าให้ฟัง สนุกทุกเรื่องเลย" คำพูดของหนูน้อยทำให้สี่พี่น้องพูดอะไรไม่ออก "แสดงว่าเด็กคนนั้นได้ครอบครับที่อบอุ่นแล้วหละ" เจอร์รี่มองหน้าน้องชายคนกลางพร้อมกับเอ่ยเบาๆ "อืม....เป็นอย่างนั้นก็ดี" เคนว่าแล้วก็เอามือขยี้หัวเด็กชายตรงหน้า "วันนี้เป็นยังงัยครับ? มีขนมกินหรือเปล่า?" เคนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "มีครับ ผมอยากให้มีวันนี้ทุกวันเลย" คำตอบนั้นทำให้ชายหนุ่มทั้งสี่คนรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก "พี่ไปกินขนมกับผมนะครับ" เด็กชายว่าพร้อมกับดึงมือของเคน "อืม" เคนผงกหัวแล้วหันมาทางพี่น้อง "ไปด้วยกันนะ" บอกกับพี่น้องอีกสามคน ดังนั้นทั้งสามคนจึงเดินเข้ามาในบริเวณที่จัดงาน "คุณเสี้ยวเทียน" เจ้าหน้าที่สาวคนที่เป็นคนเล่าเรื่องราวของเด็กชายที่ชื่อเคนเดินเข้ามาเอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "สวัสดีครับ" เคนก้มหัวให้ก่อนจะหันไปทางพี่น้องของตัวเอง "นี่พี่ชายคนโตของผม ส่วนนี่พี่ชายคนรอง แล้วนี่ก็น้องชายคนเล็กครับ" เคนแนะนำพี่น้องทั้งหมด "ยินดีที่มานะคะ ยังนึกอยู่เลยว่าคุณจะมาหรือเปล่า" คำพูดของเจ้าหน้าที่ทำให้เคนเลิกคิ้วเล็กน้อย "อันที่จริงกำหนดการณ์เดิมเคนเขาต้องไปจากที่นี่ในวันนี้ค่ะ แต่ทางผู้ปกครองที่ศาลตั้งให้มารับก่อนกำหนดวันนึง เขาเลยย้ายออกไปตั้งแต่เมื่อวาน" เธอขยายความ "ก่อนหน้านั้นเขาบอกกับชั้นว่าเขารอให้ถึงวันนี้เพราะมั่นใจว่าคุณต้องมาแน่นอน วันนี้ถือเป็นวันพิเศษของเด็กทุกคนที่นี่ค่ะเพราะจะเป็นวันที่พวกเขาได้รับการดูแลเอาใจใส่มากเป็นพิเศษ รวมถึงเขาจะได้รับอ้อมกอดที่พวกเขาโหยหามันมานานด้วยค่ะ" คำบอกเล่าของเธอทำให้เคนอึ้งไป "เขาตื้นเต้นมากนะคะที่ได้เจอคนที่มีชื่อเหมือนเขา" เคนยิ้มแบบฝืนๆแต่ก็พยักหน้ารับ "เขาบอกกับชั้นว่าวันนี้คุณจะต้องมาหาเขาอีกแน่ ตอนแรกชั้นดุว่าเขาพูดจาเหลวไหล แต่รู้สึกว่าชั้นจะผิดเองที่ไม่เชื่อเขาแต่แรก" เธอเอ่ยแล้วยิ้มเศร้า "พอเขาไม่อยู่มันก็รู้สึกแปลกๆไป เพราะเขาเป็นคนเดียวที่โดนชั้นจู้จี้มากเป็นพิเศษ" เธอขยายความ "ผมว่าเขาก็รักคุณมากเหมือนกัน เมื่อกี้มีเด็กคนนึงบอกว่าเคนเขาอยากอยู่กับคุณมากกว่า" เคนพูดเป็นเชิงปลอบ "เขาก็ปากหวานแบบนี้ทุกครั้งแหละค่ะ เชิญพวกคุณตามสบายนะคะ" พูดจบเธอก็ขอตัวไปดูแลเด็กๆ "น่ารักดีหนิพี่กลาง" ไจ่ไจ๋ที่ยืนอยู่ข้างๆกระซิบที่หูพี่ชายเบาๆ "อะไร?" เคนขมวดคิ้วด้วยความงุนงง "ก็พี่คนนั้นงัย ปิ๊งกันหรือเปล่า? เห็นทักทายสนิทสนมเชียว" น้องเล็กพูดยังไม่ทันจบประโยคดีก็โดนพี่ชายตบหัว "ไอ้บ้า! คิดแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้!" ดุน้องเบาๆแล้วชวนน้องไปเล่นกับเด็กๆ "นายว่ามันจะเป็นอะไรมั๊ยวะ?" หลังจากที่น้องชายสองคนเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับเด็กๆที่สนามแล้วแวนเนสก็เอ่ยถามพี่ชาย "ไม่หรอกมั้ง? น้องเรามันเข้มแข็งจะตายไป" เจอร์รี่ตอบแล้วยิ้มให้แวนเนส "ก็เหมือนที่นายบอกงัยว่าต่อให้หนักหนาเท่าไหร่น้องก็ผ่านมาได้อย่างสวยงาม" แวนเนสยิ้มเมื่อพี่ชายอ้างคำพูดของเขา "ชั้นเพิ่งรู้นะว่านายเองก็พูดคำคมเป็นกับคนอื่นเขาเหมือนกัน นึกว่าจะพูดได้แต่เรื่องไร้สาระ" เจอร์รี่แขวะน้องต่ออีก "ไอ้บ้า! ใครมันจะไปพูดเล่นได้ตลอดเวลาวะ!" แวนเนสว่าพร้อมกับชกไหล่พี่ชายเบาๆ "หึๆๆๆ" เจอร์รี่หัวเราะเบาๆแล้วโอบไหล่น้องชาย "ไปหาน้องกันเถอะ" ชวนแวนเนสให้เข้าไปสมทบกับน้องและเด็กๆด้วย
- วันต่อมา - "อรุณสวัสดิ์ครับพี่ใหญ่" ไจ่ไจ๋ที่อยู่ในชุดที่พร้อมจะไปเรียนเอ่ยทักทายพี่ชายคนโตที่กำลังง่วนกับการทำอาหารเช้าอยู่ "อรุณสวัสดิ์ วันนี้ตื่นเองได้หรอ?" เอ่ยแซวน้องชายยิ้มๆ "ได้สิครับ ไม่งั้นเพื่อนๆเอาตายแน่เพราะวันนี้นัดแบ่งงานกันออกไปรายงานหน้าชั้นเรียน" ไจ่ไจ๋ตอบแล้วมองเลยไปที่อาหารบนโต๊ะ "ทำไมเช้านี้อาหารเยอะจัง" เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าบนโต๊ะมีอาหารหลากหลายวางอยู่ "ก็พอดีเมื่อวานกับข้าวที่เจ้าพี่กลางทำมันมีเหลืออยู่ แล้วบางส่วนพี่ก็เพิ่งทำเพิ่ม กลัวพวกเราจะไม่พอกินน่ะสิ" เจอร์รี่ตอบแล้ววางถ้วยน้ำแกงลงบนโต๊ะ "ไปตักข้าวมากินสิ จะได้รีบไป" เร่งน้องเพราะเห็นว่าน้องมีนัด น้องเล็กได้ยินก็เดินไปตักข้าวสำหรับตัวเองและพี่ชาย "พี่รองกับพี่กลางยังไม่ตื่นหรอ?" ไจ่ไจ๋ถามต่อพร้อมกับวางจานข้าวให้พี่ชาย "ยังไม่มีท่าทีว่าจะตื่นเลยทั้งคู่" พี่ใหญ่ตอบแล้วตักกับข้าวให้น้องชาย "ขอบคุณครับ" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วตักข้าวกิน "ช่วงนี้การเรียนเป็นยังงัยบ้าง? มีปัญหาอะไรบ้างมั๊ย?" เจอร์รี่ถามเรื่องราวของน้องชายเพราะระยะหลังมาเขาไม่ค่อยมีเวลามานั่งคุยกับน้องแบบนี้มากนัก "ก็เรื่อยๆครับ ไม่มีปัญหาอะไร แต่เห็นรุ่นพี่บอกว่าปีสามหนักกว่านี้เยอะเลย" ไจ่ไจ๋บอกหลังจากกลืนข้าวคำโตลงคอ "งั้นเราก็ต้องขยันหน่อย อีกสองปีก็จบแล้ว" เจอร์รี่พูดให้กำลังใจ "ผมก็พยายามอยู่ครับ เดี๋ยวนี้ที่ผมกลับบ้านเย็นกว่าเมื่อก่อนก็เพราะเพื่อนๆนัดอ่านหนังสือด้วยกันหลังเลิกเรียนน่ะ" ไจ่ไจ๋ให้เหตุผล "ดีแล้ว มีอะไรไม่เข้าใจก็ปรึกษาเพื่อนๆดู หรือถ้าเพื่อนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันก็ค่อยรวบรวมคำถามไปถามอาจารย์อีกครั้ง" เจอร์รี่แนะนำน้อง "ครับ....แล้วตอนนี้ก็ใกล้จะสอบกลางภาคแล้วต้องเลยขยันมากๆหน่อย แต่ก่อนสอบผมจะได้หยุดอ่านหนังสือหนึ่งอาทิตย์เต็มๆเลย" ไจ่ไจ๋เล่าให้พี่ชายฟังอีก "ขยันตอนนี้เพราะเวลาที่เขาหยุดให้อ่านหนังสือผมจะได้มีเวลาพักผ่อนงัย" ไจ่ไจ๋พูดต่อยิ้มๆ "เจ้าเล่ห์นักนะเรา! รีบๆกินข้าวซะ เดี๋ยวไปสาย" เจอร์รี่ต่อว่าน้องชายแล้วตัดบทให้น้องรีบกินข้าว "ครับ" ไจ่ไจ๋ยิ้มรับแล้วกินข้าวต่อจนหมด "ผมไปเรียนก่อนนะครับพี่ใหญ่" น้องเล็กหันกลับมาเอ่ยลาพี่ชาย "อืม....รีบไปเถอะ.....ขับรถขับราให้มันดีๆหละ" ไม่วายกำชับน้องเหมือนเช่นทุกวัน ไจ่ไจ๋ไม่ตอบแต่โบกมือให้แทนก่อนจะออกจากบ้านไป เมื่อน้องออกไปแล้วเจอร์รี่จึงเก็บจานที่ข้าวไปล้างและออกมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่ห้องนั่งเล่น ในตอนนั้นเคนก็เพิ่งตื่นลงมา "ยังไม่ไปทำงานอีกหรอ" เคนถามเมื่อเห็นพี่ชายยังไม่ออกจากบ้าน "นึกว่าเราจะนอนไปถึงพรุ่งนี้เสียอีก" เจอร์รี่ไม่ตอบแต่เอ่ยแซวน้องแทน "ไม่ต้องมาแขวะหรอกน่า ช่วงนี้เป็นวันหยุดของชั้นนอนตื่นสายบ้างจะเป็นอะไรไป แล้วอีกอย่างมันก็ไม่ได้สายมากมายอะไรซักหน่อย ตื่นก่อนแวนเนสมันอีก" เคนเถียงพี่ชายแล้วเดินมานั่งลงข้างๆ "ชั้นพูดหน่อยเดียวเถียงซะยาวเชียว" พี่ใหญ่หัวเราะเบาๆแล้วเอามือลูบหัวน้องด้วยความเอ็นดู "ไปไหนหรือเปล่าวันนี้?" ถามน้องชายต่ออีก "ทำไมจะบังคับให้ชั้นไปช่วยงานนายอีกหรอ?" เคนถามดักคอพี่ชาย จากที่ลูบหัวน้องตอนแรกเจอร์รี่เลยเปลี่ยนเป็นเขกหัวให้ซักที "ถ้าชั้นพูดแบบนั้นจะไม่ไปหรืองัย?" ถามน้องชายกลับไป "ไม่ไป!" เคนกระแทกเสียงแล้วทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชาย ทำให้พี่ใหญ่รู้สึกขำ "ช่วงนี้นายควรจะทำตัวให้น่ารักกับพี่ใหญ่นะ เพราะพ่อแม่ไม่อยู่คอยช่วยแล้วอย่าลืม" ว่าพลางหยิกแก้มน้องอย่างหมั่นไส้ "กลัวตายหละ! ถ้าขืนนายทำอะไรชั้นคอยดูเถอะชั้นจะหนีไปอยู่กับคนอื่นเลย" เคนท้าทายเหมือนเด็กๆ "หนอยแหนะ! กล้าขู่ชั้นหรอ?" พี่ใหญ่กัดฟันแล้วหยิกแก้มน้องซ้ำอีกที "โอ๊ย! เจ็บนะ!" เคนร้องพร้อมกับตีมือพี่ชาย "สมน้ำหน้า!" เจอร์รี่ซ้ำเติมแล้วเบ้ปากใส่ "ไปทำงานดีกว่า เบื่อเด็กดื้อ!" พูดจบเจอร์รี่ปล่อยมือแล้วหันมาพับหนังสือพิมพ์เก็บเข้าที่ "มีกับข้าวอยู่บนโต๊ะนะ หิวก็อุ่นกิน แล้วถ้าจะออกไปเที่ยวไหนโทรมาบอกด้วยหละ เข้าใจมั๊ย?" สั่งกำชับน้องเสร็จเจอร์รี่ก็ลุกขึ้นไปค้นเอกสารที่เขาจะต้องติดเอาไปที่ทำงานด้วย โดยที่เคนนั่งมองพี่ชายเงียบๆ จนเจอร์รี่ผิดสังเกตที่น้องไม่พูดตอบโต้อะไรเขาอีก "ทำไมเงียบไป? เป็นอะไรหืม?" ถามน้องด้วยความเป็นห่วง "นายนี่แปลกคน เวลาชั้นพูดเดี๋ยวนายก็บ่นว่ารำคาญพอไม่พูดก็ยังจะมาถามอีก" เคนต่อว่าพี่ชาย "นายนั่นแหละแปลกคน ชั้นถามว่าเข้าใจที่ชั้นสั่งหรือเปล่านายก็เงียบ" เจอร์รี่ย้อนแล้วเดินกลับมายืนตรงหน้าน้องชาย "ตกลงมีอะไรอยากเล่าให้ชั้นฟังมั๊ย?" ถามน้องไปตรงๆเพราะรู้ว่าน้องคงอยากบอกอะไรกับเขา "เอ่อ...." เคนส่งเสียงอย่างลังเล "มีอะไรก็พูดมา" พี่ใหญ่เร่ง "เมื่อคืนชั้นฝันอีกแล้ว" เคนเล่าให้พี่ชายฟัง เจอร์รี่ได้ยินก็นั่งลงตามเดิม "แต่คราวนี้อาเจียงไม่ได้มาชวนชั้นไปอยู่ด้วยแล้ว แต่เขามายิ้มให้ชั้นแล้วบอกว่าเขารู้แล้วว่าชั้นได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้จริงๆ" เจอร์รี่ได้ยินก็ค่อยโล่งอก "แสดงว่าอาเจียงรับรู้ถึงสิ่งที่นายทำให้เขาแล้ว" ว่าพลางเอามือโยกหัวน้องไปมาเบาๆ "แล้วที่สำคัญ....ในความฝันชั้นได้ทำสิ่งที่อาเจียงอยากให้ชั้นทำให้ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ด้วย" เคนเล่าพร้อมกับยิ้มแต่กลับมีน้ำตาคลอเบ้า "ทำอะไรหรอ?" พี่ใหญ่ถามน้องอีก "ชั้น....เรียกเขา.....ว่าพ่อ...." เคนบอกแล้วยิ้มทั้งน้ำตาทั้งที่พยายามจะไม่ให้น้ำตาต้องไหลออกมาแต่เขาก็อดไม่ได้ "สีหน้าอาเจียงดีใจมาก ถึงแม้มันจะเป็นแค่ความฝันแต่ชั้นก็รู้ว่าชั้นได้ทำในสิ่งที่ชั้นได้ติดค้างอาเจียงมาตั้งนานแล้ว" เคนพูดจบก็เอามือปาดน้ำตาออก "ในความเป็นจริงชั้นไม่กล้าเรียกเขาว่าพ่อแม้ในใจอยากจะทำแบบนั้น เพราะมันไม่ยุติธรรมกับพ่อที่ให้กำเนิดชั้นมา" เจอร์รี่ไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่ลูบหัวน้องเบาๆ "ชั้นมีพ่อได้แค่คนเดียวถูกมั๊ย?" เคนย้อนถามพี่ชาย "คนเราทุกคนมีพ่อผู้ให้กำเนิดได้แค่คนเดียวก็จริง แต่ถ้าเราจะมีความรู้สึกรักและผูกพันกับใครคนหนึ่งเหมือนกับที่เรามีให้พ่อแท้ๆมันก็คงจะไม่ผิดหรอกนะเสี้ยวเทียน" พี่ใหญ่ตอบ "นายเองก็เคยบอกว่าพี่เป็น 3 IN 1 สำหรับนายไม่ใช่หรอ?" ย้อนถามน้องกลับไปอย่างนุ่มนวล เคนนิ่งไปซักพักก่อนจะยิ้มตอบพี่ชาย "ใช่....นายเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ทั้งพี่ชายของชั้น" พูดพลางหัวเราะเบาๆ "อาเจียงก็เป็นทั้งญาติผู้ใหญ่และก็เป็นพ่อชั้นได้เหมือนกัน ใช่มั๊ย?" เคนพูดต่อ เจอร์รี่ยิ้มแล้วพยักหน้าให้น้อง "ขอบคุณนะครับ" พูดจบเคนก็สวมกอดพี่ชาย ทั้งที่ปกติเขาเองก็ไม่ค่อยเป็นฝ่ายที่เริ่มแสดงออกก่อนแต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกอยากกอดพี่ชายคนนี้ "ถึงพี่ใหญ่จะเป็น 3 IN 1 ให้นายได้แต่ขอร้องเถอะนะว่าอย่าเรียกพี่ใหญ่ว่าพ่อเลย มันแก่ไปน่ะ" พี่ใหญ่พูดกับน้องขำๆ ทำให้เคนหัวเราะออกมาได้อย่างเต็มเสียง "สองพี่น้องขำอะไรกันวะ? เสียงดังลั่นไปถึงข้างบนเลย" แวนเนสเดินหาวหวอดๆเอ่ยปากทัก "เว่อร์เกินไปแล้ว! เสียงดังอะไรขนาดนั้น" เคนต่อว่าพี่ชายแล้วถามต่อ "ไม่มีงานทำหรืองัยวันนี้?" แวนเนสบิดขี้เกียจซ้ายทีขวาทีก่อนจะตอบ "วันนี้ไม่มี แต่พรุ่งนี้มี" ตอบคำถามเสร็จก็พูดเปรยๆต่อ "วันนี้เลยกะว่าจะไปออกกำลังกาย แล้วก็ยังหาคนไปด้วยไม่ได้เลย" จบประโยคของแวนเนส เคนก็แสร้งหันไปจับหนังสือใกล้มือขึ้นมาอ่านเพราะกลัวจะโดนพี่ชายลากตัวไปออกกำลังกายด้วย ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เขาไม่โปรดเท่าไหร่และยิ่งไปกับแวนเนสด้วยแล้วเขาจะโดนบังคับให้ออกกำลังกายจนแทบเป็นลมเลยทีเดียว "ก็ดีนี่ ดูแลสุขภาพตัวเองแบบนี้เป็นเรื่องที่ควรทำใช่มั๊ยเสี้ยวเทียน?" พี่ใหญ่เลยแกล้งเกริ่นถามน้องชายคนกลางให้เสียเอง "พูดมากอยู่ได้ เมื่อไหร่จะไปทำงานซักทีหละ? เดี๋ยวก็สายหรอก!" เคนไม่ตอบแต่ทำเป็นเอ็ดพี่ชายกลบเกลื่อน "งั้นชั้นเปลี่ยนแผนดีกว่า เดี๋ยวเย็นๆออกไปหาที่นั่งดื่ม ไม่รู้จะมีใครไปด้วยหรือเปล่า?" แวนเนสแกล้งเปรยขึ้นมาอีก ทำให้เคนตาวาวขึ้นมาทันที "ชั้นว่าง! ไปเป็นเพื่อนนายได้" ให้คำตอบโดยไม่ต้องคิด "เดี๋ยวโดน!" เจอร์รี่เอ็ดพร้อมกับทำตาขวางใส่ "ไอ้เรื่องที่ดีต่อสุขภาพไม่เคยคิดจะทำ แต่ไอ้เรื่องทำลายสุขภาพน่ะชอบนัก!" ทำเสียงเข้มใส่น้องชาย "ก็ชั้นเห็นแวนเนสไปคนเดียวคงจะเหงา ก็เลยจะไปเป็นเพื่อนเท่านั้นเอง" เคนแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ทำเอาแวนเนสหัวเราะก๊ากกับความเจ้าเล่ห์ของน้อง "นายสองคนนะเรื่องเหล้ายาปลาปิ้งให้มันน้อยๆหน่อย!" พี่ใหญ่อดที่จะบ่นน้องอีกไม่ได้ "ไอ้เรื่องเหล้าน่ะพอเข้าใจ ส่วนยาก็ไม่เคยใช้อยู่แล้ว แต่ไอ้ปลาปิ้งเนี่ยมันอันตรายตรงไหนหรอ? ทำไมต้องห้ามด้วย?" เคนย้อนถามพี่ชายอย่างติดกวนเล็กน้อย "ฮ่าๆๆ!!! นั่นสิ! นายตอบให้ชั้นหายข้องใจหน่อยเถอะ!" แวนเนสเลยพลอยผสมโรงกับน้องด้วย "กวนประสาท!" พี่ใหญ่จับหัวน้องชายทั้งคู่โขกกันอย่างหมั่นไส้ "ชั้นจะไปทำงานแล้ว อยู่บ้านกันดีๆหละ อย่าซนกันให้มากนัก!" หันกลับมากำชับน้องชายทั้งคู่ "หูยยย....อายุชั้นสองคนรวมกันก็เกือบจะถึงวัยเกษียณแล้ว จะซนอะไรกันได้วะ?" แวนเนสไม่วายกวนพี่ชายอีกครั้ง เลยได้รางวัลเป็นมะเหงกเสียหนึ่งโป๊ก "เจ็บนะ! เขกอยู่ได้ เดี๋ยวชั้นสมองเสื่อมขึ้นมาอย่ามาร้องไห้ขี้มูกโป่งให้เห็นแล้วกัน" แวนเนสทำเสียงกระเง้ากระงอดใส่ "เสียใจจะแย่!" พูดจบก็เขกซ้ำลงไปอีกทีโดยเพิ่มน้ำหนักให้มากกว่าเมื่อกี้ด้วยโทษฐานหมั่นไส้ คนช่างกวนเลยถึงกับทำหน้าเหยพลางลูบหัวป้อยๆ "สมน้ำหน้า" เคนเยาะเย้ยแวนเนสเข้าให้ แต่ยังไม่ทันขาดคำมะเหงกของพี่ใหญ่ก็ลอยมาเขกโป๊กที่หัวตัวเองด้วย "อู้ยยย....." เคนคลำหัวตัวเองพลางร้องครางเบาๆ แต่ไม่วายค้อนใส่พี่ชายคนโตด้วย "เอาอีกทีมั๊ย?" เจอร์รี่ถามพร้อมกับขยับมือ "ไม่เอา!" เคนร้องเสียงหลงแล้วเอาหน้าซบลงไปที่โซฟาทันที พี่ใหญ่แอบขำเจ้าน้องชายตัวดีก่อนจะส่ายหน้าแล้วเดินออกไปที่รถเพราะถ้าขืนยังรีรอวันนี้คงไม่ได้ไปทำงานแน่ "ไอ้บ้า! มือหนักชะมัดเลย! หัวแทบแตก!" หลังจากพี่ชายคนโตออกไปแล้วเคนก็ลุกขึ้นมาโวยวาย "แน่จริงไม่โวยวายต่อหน้ามันวะ?" แวนเนสว่าพร้อมกับหัวเราะเบาๆ "โวยวายใส่มันก็ได้หัวแตกจริงๆสิ" เคนว่าแล้วค้อนใส่แวนเนสโทษฐานที่ทำให้เขาโดนพี่ใหญ่เขกหัวด้วย "วันนี้อารมณ์ดีหรืองัย? ถึงได้ตื่นลงมาอ้อนเจอร์รี่มันแต่เช้า" ถามน้องชายต่อยิ้มๆ "ไอ้บ้า! อ้อนอะไรที่ไหน!" เคนว่าพร้อมกับผลักหัวแวนเนสแรงๆ "ไม่รู้หรอเห็นงุ๊งงิ๊งอะไรกันแต่เช้า" แวนเนสว่าพลางหัวเราะเบาๆ "ว่าแต่ยังฝันร้ายอีกหรือเปล่า?" แล้วก็ถามเข้าเรื่อง เคนหันมามองหน้าพี่ชายแล้วยิ้มนิดๆก่อนจะส่ายหน้า "งั้นก็ดี เรื่องความฝันน่ะอย่าเก็บมาคิดมากเลย" แวนเนสพูดปลอบใจน้องทางอ้อมเพราะรู้จากเจอร์รี่ว่าเคนฝันร้ายเมื่อวันก่อน "ไม่ได้หรอก เพราะเมื่อคืนชั้นก็ฝันอีก" เคนแกล้งทำหน้าจริงจัง "ฝันเหมือนเดิมหรอ?" แวนเนสถามต่ออย่างพาซื่อ "ใช่....คนในฝันที่ชั้นเห็นเป็นคนเดิม" เคนยังทำหน้าซีเรียสเพราะอยากแกล้งแวนเนส "จริงหรอ? งั้น....วันนี้เราไปทำบุญกันดีกว่า ชั้นไม่ได้อยากให้นายคิดมากนะแต่ไปทำบุญเพื่อความสบายใจเท่านั้นเอง" แวนเนสละล่ำละลักบอกน้องชาย "ไม่ไปหรอก" เคนส่ายหน้า "ทำไมหละ? เผื่อว่าปีนี้อาจจะเป็นปีที่ไม่ค่อยดีของนายก็ได้ ทำบุญไว้เผื่อว่าเคราะห์ร้ายต่างๆจะกลับกลายเป็นดีงัย" แวนเนสตะล่อมน้องต่ออีกเพราะเขาเองก็อดที่จะกังวลไปกับความฝันของน้องชายด้วยไม่ได้ "นี่นายเป็นเอามากยิ่งกว่าชั้นอีกนะ" แล้วเคนก็เก๊กขรึมได้ไม่นาน "หมายความว่างัย?" แวนเนสย้อนถามงงๆเมื่อเห็นน้องกลับมายิ้มร่าอีกครั้ง "ก็ที่ชั้นบอกว่าชั้นฝันอีกเมื่อคืนน่ะมันเป็นฝันดีต่างหาก" เคนเฉลยแล้วขยายความต่อ "ชั้นฝันว่าอาเจียงยิ้มให้แล้วก็ถือใบเสร็จที่ชั้นไปบริจาคให้เด็กกำพร้าไว้ในมือ" แวนเนสได้ฟังก็อ้าปากค้างอย่างอึ้งๆ "จริงหรอ?" ถามย้ำน้องชายอีกครั้ง "จริงสิ ชั้นคิดว่าตอนนี้อาเจียงคงได้รับรู้ในสิ่งที่ชั้นทำให้เขาแล้ว ชั้นสบายใจแล้วหละตอนนี้" เคนตอบแล้วยิ้มให้พี่ชาย "ฮึ! แล้วก็มาเล่าแบบกั๊กๆอยู่ได้! ทำชั้นตกใจหมด!" แวนเนสได้ทีผลักหัวน้องคืน "นี่! ชั้นเล่าอะไรกั๊กๆ? นายนั่นแหละที่ชอบแทรกเวลาชั้นเล่า เลยจับใจความไม่ได้ก็โวยวายซะก่อน!" เคนผลักหัวแวนเนสกลับพร้อมกับเถียงฉอดๆ "กล้าผลักหัวชั้นหรอไอ้ตัวดี!" แวนเนสโวยกลับแล้วผลักหัวน้องกลับไปอีกครั้ง "กล้าสิวะ! ก็นายทำชั้นก่อน!" เคนขึ้นเสียงแล้วผลักหัวพี่ชายอีก "นายแหละทำชั้นก่อน!" แวนเนสเอ็ดตะโรเสียงดังแล้วผลักหัวน้อง "นายน่ะสิเป็นตัวเริ่ม!" เคนแหวกลับแล้วผลักหัวพี่ชายแรงกว่าเดิม แล้วทั้งคู่ก็ไม่มีใครยอมใครต่างผลักหัวกันไปมาพร้อมกับโวยวายเสียงดังลั่น "เฮ้ยยย!!! หยุด!!!" เสียงเฉียบขาดทำเอาแวนเนสกับเคนชะงักกึก จนเมื่อหันไปทางต้นเสียงแล้วทั้งคู่ก็ได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆ เพราะสายตาของพี่ชายคนโตที่พวกเขาคิดว่าออกไปทำงานยืนจ้องเขาทั้งคู่เขม็ง "ทะเลาะอะไรกัน!?" ถามเสียงเข้มพร้อมกับก้าวเข้ามาในบ้าน "ปะ....เปล่า....." เคนตอบเสียงตะกุกตะกัก "แล้วเมื่อกี้เสียงอะไร?" ถามต่ออย่างคาดคั้น "เล่นกัน" แวนเนสตอบพร้อมกับยิ้มแหยๆ ซึ่งเคนก็พยักหน้าหงึกๆกับคำตอบของแวนเนส "เล่น?" พี่ใหญ่ทวนคำแล้วก้าวมายังน้องชายทั้งคู่ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงดังเพี๊ยะสองทีที่ดังไล่กันมา "ชั้นออกไปยังไม่ถึงไหนก็แหกปากทะเลาะกันลั่นบ้าน! ชั้นจอดรถอยู่กลางซอยยังได้เสียงพวกนายสองคนเลย!" พี่ใหญ่เอ็ดตะโรใส่น้องๆ โดยที่น้องชายทั้งคู่นั่งลูบแขนตัวเองที่เพิ่งถูกตีไปหมาดๆด้วยสีหน้าจ๋อยๆ "ถ้าชั้นไม่กลับมาเอาเอกสาร กลับมาอีกทีคงได้เก็บศพพวกนายสองคนหละมั้ง!?" แวนเนสกับเคนพากันก้มหน้างุดเมื่อโดนพี่ชายเทศนาชุดใหญ่ "มันน่าตีให้หนักๆทั้งคู่เลย!" พูดจบก็ถอนหายใจแล้วเดินไปหยิบเอกสารที่ลืมไว้ "แล้วอย่าได้มีปัญหากันอีกหละ!" กำชับน้องชายทั้งสองคนอีกครั้งก่อนจะเดินไปที่รถที่สตาร์ททิ้งไว้ "เวร....เกือบตายกันแล้ว...." เมื่อเสียงรถยนต์เคลื่อนที่ห่างออกไปแวนเนสก็วิ่งไปดูก่อนจะพูดเสียงแผ่ว "นั่นสิ ดีนะมันต้องรีบไปทำงาน" เคนเห็นด้วยพร้อมกับพูดต่อเบาๆ "ปกติก็ไม่ใช่คนขี้ลืมนี่หว่า ทำไมวันนี้มาลืมได้จังหวะพอดีเลยก็ไม่รู้" แวนเนสนินทาพี่ชายลับหลังเบาๆ "บางทีเรื่องที่นายบอกอาจจะคลาดเคลื่อนไปหน่อยนะ" แม้พี่ชายคนโตจะออกไปแล้วแต่สองพี่น้องก็ยังคงกระซิบกระซาบกันเหมือนจะกลัวว่าพี่ใหญ่อาจจะโผล่มาได้ทุกเมื่อ "เรื่องอะไร?" แวนเนสย้อนถามกลับเบาๆ "ก็เรื่องที่นายบอกว่าปีนี้อาจจะเป็นปีซวยของชั้นคนเดียวงัย เพราะถ้าจะให้ถูกมันต้องเป็นปีซวยของนายด้วย" คำตอบของเคนทำให้แวนเนสหลุดขำออกมา "งั้นคนซวยสองคนควรจะไปทำบุญปล่อยนกปล่อยปลากันใช่มั๊ย?" ย้อนถามน้องกลับไป เคนเลยเป็นฝ่ายหัวเราะบ้าง "แบบนั้นก็น่าจะดีเหมือนกัน" เคนตอบ แล้วก็สรุปได้ว่ากิจกรรมของสองพี่น้องในวันนี้ก็คือการออกไปทำบุญนั่นเอง
Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2559 | | |
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2559 15:29:06 น. |
Counter : 1377 Pageviews. |
| |
|
|
|