Chapter 81
ตอนที่ 81 "ปิ๊นๆๆๆ!!!" เสียงแตรรถที่ดังขึ้นจากหน้าบ้านทำให้แวนเนสวางช้อนที่กำลังจะตักข้าวในมือลงทันที "ทำไมเสี่ยวจือมาเร็วจัง" แวนเนสพึมพำกับตัวเองเบาๆ "นายนั่งกินข้าวต่อเถอะ เดี๋ยวชั้นไปเรียกเสี่ยวจือมากินด้วยกัน" เจอร์รี่บอกกับน้องชายแล้วลุกออกไปจากโต๊ะทันที โดยที่แวนเนสมองตามอย่างกังวลเพราะกลัวว่าเสี่ยวจือจะยังไม่หายโกรธเขา "พี่รองเป็นอะไร? หน้าสลดเชียว" ไจ่ไจ๋ที่กำลังจัดการกับอาหารเช้าตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อยเอ่ยถามพี่ชายคนรองขึ้นมาบ้าง "เปล่าหนิ" แวนเนสส่ายหน้าพร้อมกับตอบเบาๆ หมดความอยากอาหารไปทันที "แน่นะ?" ไจ่ไจ๋ถามซักไซร้พี่ชายอีกเพราะเขาสังเกตตั้งแต่เช้าแล้วว่าวันนี้พี่ชายดูหงอยๆไป แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรขึ้นมาอีกเจอร์รี่ก็เดินนำเสี่ยวจือเข้ามา "สวัสดีครับเสี่ยวจือ กินข้าวด้วยกันนะครับ เดี๋ยวผมตักข้าวให้" ไจ่ไจ๋เห็นเสี่ยวจือเดินเข้ามาก็รีบกระวีกระวาดไปตักข้าวมาให้ "ขอบใจนะไจ่ไจ๋ ไม่ต้องเยอะหละ ชั้นกินกาแฟมาแล้ว" เสี่ยวจือร้องบอกไจ่ไจ๋ก่อนที่จะสบตากับแวนเนส "เอ่อ.....มาแต่เช้าเลย....." แวนเนสพูดเสียงแผ่ว "ชั้นไม่ได้มาแต่เช้า แต่ชั้นแค่แวะมารับเธอไปทำงาน" เสี่ยวจือพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ทำเอาแวนเนสเกิดอาการงง "มาแล้วครับ" ไจ่ไจ๋ถือจานข้าวมาให้เสี่ยวจือแล้วมองไปทางพี่ชายคนรอง "หมายความว่ายังงัย? แวะมารับผมไปทำงาน?" แวนเนสทวนคำพร้อมกับย้อนถาม "เสี่ยวจือ.....ผมรู้ว่าคุณโกรธที่เมื่อวานผมพูดไม่ดีกับคุณ ผมขอโทษ.....คุณจะด่าว่าผมยังงัยก็ได้ผมจะไม่เถียงคุณเลย แต่คุณอย่าลาออกจากการเป็นผู้จัดการส่วนตัวของผมนะเพราะผมไม่เชื่อว่าจะมีใครทำหน้าที่นี้ได้ดีเท่ากับคุณอีกแล้ว" แวนเนสพูดขอร้องผู้จัดการของตัวเองน้ำตาคลอ ในตอนนั้นเจอร์รี่สะกิดไจ่ไจ๋แล้วพากันออกจากห้องครัวไปเงียบๆ ส่วนเสี่ยวจือเองก็เงียบไปครู่หนึ่ง "พูดบ้าๆ! ใครจะลาออกหา!?" แล้วเสี่ยวจือก็เอ็ดใส่เจ้าศิลปินตัวแสบของเขา "อ้าว.....ก็เมื่อกี้คุณบอกว่า....." แวนเนสทำหน้าเหรอหรา "ชั้นแวะมารับเธอเพราะเมื่อคืนหลังจากที่เธอกลับบ้านมาแล้วชั้นก็ขอทีมงานฟังท่อนที่เธอบอกว่าเธอยังร้องได้ไม่ดีอีกครั้ง" เสี่ยวจือเริ่มอธิบาย "พอตั้งใจฟังชั้นก็คิดเหมือนเธอ เลยช่วยพูดกับทีมงานให้ สรุปแล้วทุกคนก็ตกลงยอมให้เธอแก้ไขการร้องเพลงท่อนนั้นใหม่ในวันนี้" แวนเนสได้ฟังก็มองผู้จัดการส่วนตัวของเขาอย่างตื้นตัน "ไม่ต้องมาทำซึ้งเลย! กินข้าวเข้าไปเร็วๆ! ไปส่งเธอเสร็จชั้นจะได้หาที่งีบซักที เมื่อคืนเพราะไอ้คำพูดโวยวายของเธอทำเอาชั้นกับทีมงานแทบไม่ได้นอน กว่าจะตกลงกันได้ก็เมื่อเช้านี้เอง" เมื่อเห็นแวนเนสน้ำตาคลอ เสี่ยวจือก็แกล้งทำเป็นเอ็ดใส่ "เสี่ยวจือ ขอบคุณมากครับ คุณเยี่ยมที่สุดเลย!" แวนเนสว่าพร้อมกับทำท่าจะโผเข้าไปกอดแต่เสี่ยวจือเอาแขนขึ้นมากันไว้ "ไม่ต้องมาแตะเนื้อต้องตัวชั้นเลย! เดี๋ยวก็เป็นข่าวกันขึ้นมาอีก!" เอ็ดใส่แวนเนสอีกแต่ซ่อนยิ้มไว้ในใบหน้า ไม่ว่าแวนเนสจะงอแงกับเขาซักแค่ไหนเขาเองก็โกรธได้ไม่นานซักที "ไม่มีนักข่าวอยู่แถวนี้หรอก หวงตัวไปได้" แวนเนสบ่นอุบก่อนที่จะยิ้มร่า "เสี่ยวจือครับ วันนี้ผมทำงานเสร็จแล้วไปกินข้าวกันนะ ชวนทีมงานทุกคนไปด้วย ผมเลี้ยงเต็มที่เลย" น้ำเสียงเริงร่าทำให้เสี่ยวจืออดไม่ได้ที่จะยกมะเหงกขึ้นมาให้ "งานยังไม่ได้เริ่มคิดจะไปเมาแล้ว! แต่พูดแล้วห้ามคืนคำนะ!" ประโยคแรกเหมือนจะดุแต่พอพูดประโยคถัดมาจบเสี่ยวจือก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี "โอโห! มีแอบเนียนนะเนี่ย" แวนเนสไม่วายแซวต่ออีก "เสี่ยวจือครับ คุณไม่โกรธผมแล้วจริงๆหรอ?" แล้วก็ถามอย่างเป็นการเป็นงานขึ้นมา "แวนเนสเอ้ย.....ชั้นทำงานกับคนมามากหน้าหลายตา เจอคนที่เกเรมากกว่านายก็เยอะ ถ้าชั้นมัวแต่เก็บมันมาเป็นอารมณ์ป่านนี้ชั้นคงลาออกไปทำงานอย่างอื่นแล้ว" เสี่ยวจือตอบด้วยสีหน้ายิ้มๆ "นายน่ะมันก็แค่เด็กดื้อคนนึงที่ชอบงอแงเวลาที่ไม่ได้ดั่งใจ เด็กดื้อคนเดียวชั้นจัดการได้ ไม่งั้นก็อย่ามาเรียกชั้นว่าผู้จัดการอีกเลย" ประโยคหลังคล้ายจะยอตัวเอง "คร้าบบบบ.....คุณผู้จัดการที่แสนดี เรามากินข้าวกันดีกว่า เสร็จแล้วก็ไปทำงานกันเนอะ" แวนเนสยิ้มหน้าบานเมื่อเห็นว่าเสี่ยวจือหายโกรธเขาจริงๆแล้ว "เอ้ย!!! พวกนายสองคนก็เข้ามากินข้าวสิ! สถานการณ์เคลียร์แล้ว!" แวนเนสร้องเรียกพี่น้องอีกสองคน ซักพักพี่ชายกับน้องชายก็เดินจูงมือกันเข้ามา "งัยหละพี่รอง? หน้าระรื่นผิดกับเมื่อเช้าที่ได้แต่นั่งหน้าหงอยเลยนะ" ไจ่ไจ๋ไม่วายแซวะพี่ชาย "เงียบไปเลย! จะกินมั๊ยข้าวน่ะ?" แวนเนสเอ็ดใส่น้องชาย ไจ่ไจ๋ทำปากยื่นใส่พี่ชายแต่ก็นั่งลงตรงที่เดิม "เสี่ยวจือครับ วันหลังถ้าแวนเนสเขางอแงมากๆ ใช้ไม้เรียวเลยครับผมอนุญาต" เจอร์รี่หันไปพูดกับผู้จัดการส่วนตัวของน้องชาย "เสี่ยวจือไม่ใจร้ายเหมือนนายหรอก ไม่ต้องมายุยงส่งเสริมเลย" แวนเนสทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชาย "หึๆๆๆ......หาเก็บเอาไว้ซักอันก็น่าจะดีเหมือนกันนะ" เสี่ยวจือพูดขำๆ "ไม่ดีครับ! ผมไม่เห็นด้วย!" แวนเนสรีบแย้งขึ้นมาทันควัน "ไม่ต้องหาหรอกครับ ที่บ้านมีเยอะ เดี๋ยวผมไปหยิบมาให้ซักสองสามอันก็ได้" พี่ใหญ่ไม่วายพูดแกล้งน้องต่ออีก "ไม่ได้นะ! นายเก็บไว้ใช้คนเดียวเถอะ ไม้เรียวอยู่กับนายมันจะดูศักดิ์สิทธิ์ที่สุด" คำพูดของแวนเนสทำเอาเสี่ยวจือกับไจ่ไจ๋หัวเราะเสียงดัง "ปากดีไปเถอะ! ระวังตัวให้ดีแล้วกัน!" ชี้หน้าน้องชายอย่างคาดโทษแล้วตัวบท "กินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวจะสายกันหมด" จบคำพูดของเจอร์รี่ทุกคนก็ลงมือจัดการกับอาหารเช้าทันที "ไจ่ไจ๋ ให้เวลาคิดสิบวินาที จะเปลี่ยนใจไปกับพี่หรือเปล่า?" หลังจากอาหารเช้าแล้วทุกคนก็เตรียมตัวออกไปทำงาน โดยที่ไจ่ไจ๋นั้นบอกว่าจะตามเจอร์รี่ไปด้วย แต่ก่อนออกจากบ้านแวนเนสไม่วายหันมาถามน้องเพราะเขาคิดว่าหากน้องไปกับพี่ชายก็คงต้องนั่งๆนอนๆน้องชายอาจะเบื่อเอาง่ายๆ "เอ่อ...." เมื่อได้ยินเช่นนั้นไจ่ไจ๋ก็ลังเล ใจจริงเขาก็อยากไปกับแวนเนส แต่อีกใจนึงก็อยากไปกับเจอร์รี่เพราะตอนนี้เขาอยากสืบเรื่องอาเหลียนต่อ "ถ้าอยากไปกับพี่รองก็ไปเถอะ งานวันนี้พี่คงไม่มีอะไรให้นายช่วย" เจอร์รี่เองก็เห็นด้วยที่จะให้ไจ่ไจ๋ไปกับแวนเนส "งั้น ผมไปกับพี่รองก็ได้" เมื่อพี่ใหญ่พูดอย่างนั้นไจ่ไจ๋จึงไม่ต้องลังเลอีกต่อไป "แต่อย่าดื้อหละ เชื่อฟังเสี่ยวจือด้วยเข้าใจมั๊ย?" ไม่วายสั่งกำชับน้องเล็ก "ครับพี่ใหญ่" ไจ่ไจ๋รับคำเสียงใส "เราด้วยนะแวนเนส เอาน้องไปก็ต้องดูแลน้องไม่ใช่ชวนกันเล่นซน" หันไปกำชับน้องชายคนรองอีกคน "ไม่หรอกน่า แต่วันนี้อาจจะกลับช้านิดนึงนะ" แวนเนสว่าพร้อมกับบอกกล่าวพี่ชายเอาไว้ก่อน "จะพาคุณผู้จัดการส่วนตัวสุดที่รักกับทีมงานไปเลี้ยงข้าวเพื่อไถ่โทษที่เมื่อวานชั้นทำตัวไม่ค่อยดี" ให้เหตุผลกับพี่ชายต่อ "อืม! ยังงัยเลิกงานแล้วก็โทรมาบอกหน่อยแล้วกัน" เจอร์รี่พยักหน้ารับรู้แต่ก็กำชับน้องไว้อีก "ครับ งั้นเราไปนะ" แวนเนสรับคำแล้วเอ่ยลาพี่ชาย "ผมไปนะครับพี่ใหญ่ เดี๋ยวคืนนี้เจอกัน" ไจ่ไจ๋บอกลาพี่ชายด้วยอีกคนแล้วเดินตามแวนเนสกับเสี่ยวจือขึ้นรถจากไป เจอร์รี่ยืนส่งน้องชายทั้งสองคนเสร็จแล้วก็เดินกลับมาขึ้นรถ "วันนี้ต้องสืบเรื่องที่ไม่ชอบมาพากลให้ได้" เจอร์รี่พูดกับตัวเองก่อนจะสตาร์ทรถแล้วออกจากบ้านไปเช่นกัน
- ตอนค่ำ - "บ้านมืดจัง พี่ใหญ่นอนแล้วหรอเนี่ย?" ไจ่ไจ๋บ่นอุบในขณะที่ไขกุญแจบ้าน "ยังไม่น่าจะนอนนะ ปกติพวกเรายังไม่กลับพี่ใหญ่ไม่ยอมเข้านอนเด็ดขาด" แวนเนสให้ความเห็น "หรือว่ายังไม่กลับบ้าน?" ไจ่ไจ๋ตั้งข้อสันนิษฐานบ้าง "เป็นไปได้" แวนเนสว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาต่อสายหาพี่ชาย เพียงครู่หนึ่งเสียงพี่ชายก็ดังว่าตามสาย "กลับบ้านหรือยัง?" ถามน้องกลับมาก่อน "ถึงบ้านแล้ว นายอยู่ไหน?" แวนเนสตอบก่อนถามพี่ชายบ้าง "อยู่บริษัท" คำตอบนั้นทำให้แวนเนสขมวดคิ้วแล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู "นี่มันจะตีหนึ่งแล้วนะ" แย้งพี่ชายกลับไป "ชั้นมีเรื่องต้องทำเยอะ และคืนนี้คงจะไม่กลับบ้าน" เสียงพี่ชายบอกกล่าวกลับมา "มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?" เมื่อได้ยินแวนเนสถามเช่นนั้นไจ่ไจ๋ก็มองพี่ชายอย่างสงสัยแต่แวนเนสชี้ให้น้องเข้าบ้านก่อน "เรื่องที่เราคุยกันเมื่อคืนแหละ ชั้นกำลังตรวจสอบ" เจอร์รี่ตอบน้องชายอย่างไม่ปิดบัง "แล้วได้เรื่องหรอ?" แวนเนสถามกลับไปอีก "ก็พอจะได้ข้อมูลบ้าง แต่คงต้องใช้เวลาซักหน่อย" น้ำเสียงที่ตอบกลับมาค่อนข้างซีเรียส "เข้าบ้านกันแล้วก็ล็อกประตูให้เรียบร้อยทั้งด้านนอกและด้านในเลย แล้วคืนนี้เข้าไปนอนกับน้องนะ อย่าแยกกันนอน" สั่งกำชับน้องชายอีกครั้งอย่างเป็นห่วง "ให้ชั้นไปช่วยมั๊ย?" แวนเนสเสนอตัวเพราะเขาไม่อยากให้พี่ชายที่กำลังเครียดต้องจัดการเรื่องนี้ตามลำพัง "ไม่ต้อง นอนพักผ่อนไป ถ้ามีอะไรชั้นจะโทรหาเอง" เจอร์รี่ปฏิเสธทันที "แต่ว่า....." แวนเนสจะแย้งแต่เสียงพี่ชายก็แทรกขึ้นมาก่อน "ไม่มีข้อแม้อะไรทั้งนั้น เข้าใจตามที่ชั้นพูดนะ" การย้ำคำพูดของพี่ชายทำให้แวนเนสถอนหายใจเบาๆ "ชั้นขอสายไจ่ไจ๋หน่อย" แล้วพี่ชายก็พูดต่อแวนเนสจึงยื่นโทรศัพท์ให้น้องชาย "พี่ใหญ่อยู่ไหน? ไหนบอกกับผมว่าจะมาเจอกันที่บ้านงัย" ไจ่ไจ๋รับโทรศัพท์มาได้ก็ต่อว่าพี่ชายทันที "พี่ทำงานอยู่ คืนนี้นอนกับพี่รองนะ" น้ำเสียงอ่อนโยนของพี่ชายตอบกลับมา "ทำไมพี่ใหญ่ไม่กลับบ้านหละ? งานเยอะแบบนี้แทนที่จะให้ผมไปช่วย" ไจ่ไจ๋เริ่มหน้างอเพราะเขาอยากให้พี่ชายกลับบ้านมากกว่า "อย่างอแงสิ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เจอกันแล้ว" เสียงพี่ชายตอบกลับมาอย่างปลอบประโลม "พอดีมีงานด่วนเข้ามาเยอะ พี่ใหญ่ต้องเคลียร์ให้เสร็จก่อนวันพรุ่งนี้ คนดีของพี่ไม่งอแงนะครับ" ไจ่ไจ๋ทำหน้าเบื่อหน่ายกับเรื่องงานที่พี่ชายเอามาอ้าง "ก็ได้!" ไจ่ไจ๋ตอบรับแบบไม่เต็มใจ "แล้วอย่าดื้อกับพี่รองด้วยนะ" สั่งกำชับน้องเล็กต่ออีก "อืม มีอะไรอีกมั๊ย?" ไจ่ไจ๋ตอบรับแล้วถามกลับไปอย่างงอนๆ "กู๊ดไนท์พี่ใหญ่หรือยัง?" พี่ชายทวงมาตามสาย "กู๊ดไนท์ตรงไหน? แบดไนท์มากกว่า" ไจ่ไจ๋บ่นอุบ "งอแงแบบนี้แสดงว่าง่วงแล้วสิเรา" น้ำเสียงกระเง้ากระงอดของน้องเล็กทำให้เจอร์รี่หัวเราะได้ "ง่วหรือเปล่าก็เรื่องของผม พี่ใหญ่ไม่กลับบ้านคืนนี้ผมก็จะชวนพี่รองเที่ยวทั้งคืนเลย" ไจ่ไจ๋เริ่มโยเย "เด็กคนนี้ เดี๋ยวได้โดนพี่ใหญ่ตีแน่ๆ" พี่ชายขู่น้องเล็กมาตามสาย "มาตีสิ ถ้ากลับมาตอนนี้จะให้ตีแต่โดยดีเลย" ไจ่ไจ๋ท้าทาย "เฮ่อ!" เสียงถอนหายใจของพี่ใหญ่ดังมาตามสาย ในตอนนั้นแวนเนสสะกิดน้องชายเป็นเชิงปรามไม่ให้ทำให้พี่ชายต้องลำบากใจ "ก็ได้ๆๆๆ กู๊ดไนท์ก็ได้....." แล้วไจ่ไจ๋ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลงแต่ไม่วายแขวะพี่ใหญ่อีก "ไม่รู้จะให้พูดทำไมในเมื่อตัวเองก็ไม่นอน" คราวนี้ไจ่ไจ๋ได้ยินเสียงหัวเราะของพี่ใหญ่เบาๆ "เรานี่จริงๆเลยนะไจ่ไจ๋.....วันนี้พี่ใหญ่คาดโทษไว้ก่อน เจอหน้าเมื่อไหร่จะตีให้เข็ดเลย" ไจ่ไจ๋ทำหน้าย่นใส่โทรศัพท์แล้วยื่นคืนให้แวนเนสก่อนจะบอกเสียงดังๆโดยจงใจให้พี่ใหญ่ได้ยินด้วย "พี่รองครับ ประโยคที่พี่ใหญ่พูดเมื่อกี้ผมไม่ได้ยินนะ" แวนเนสเองก็อมยิ้มกับความเกเรของน้องชายแล้วรับโทรศัพท์มาแนบหูอีกครั้ง "บอกมันนะว่าถึงไม่ได้ยินคำพูดของชั้นก็ยังมีผลบังคับใช้ได้" พูดกับแวนเนสอย่างขำๆ "ได้....เดี๋ยวบอกมันให้" แวนเนสตอบรับพร้อมกับเอามือขยี้หัวน้องเล็กเล่นไปด้วย "นายก็อย่าหักโหมมากนะ หาเวลางีบซักหน่อยเดี๋ยวจะน็อกเอาง่ายๆ" แวนเนสเองก็เป็นห่วงพี่ชายไม่น้อย "อืม....ไม่ต้องห่วง ถ้าไม่ไหวชั้นก็จะงีบซักพัก" เจอร์รี่รับคำน้องชาย "ไม่คุยแล้ว พาน้องขึ้นนอนเถอะ แล้วอย่าลืมดูประตูและพวกฟืนไฟด้วยหละ" กำชับน้องชายเป็นครั้งสุดท้าย "รู้แล้ว" แวนเนสรับคำ "พูดลาพี่ใหญ่หรือยัง?" พี่ใหญ่ทวงคำลาจากแวนเนสด้วยเช่นกัน "กู๊ดไนท์ครับพี่ใหญ่" แวนเนสพูดแต่โดยดี "ครับผม พี่ใหญ่วางสายแล้วนะ" จบคำสายโทรศัพท์ก็ถูกตัด แวนเนสกดวางสายแล้วหันมาทางน้องเล็กที่นั่งหน้ามุ่ย "แค่คืนเดียวเท่านั้นแหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ใหญ่ก็กลับมาแล้ว" พูดปลอบเพราะรู้ว่าไจ่ไจ๋ไม่ค่อยพอใจกับข้ออ้างของพี่ชาย "ทุกทีงานเยอะขนาดไหนก็ไม่เคยนอนค้างที่บริษทันี่ ไม่รู้อยู่บริษัทจริงหรือเปล่า" ไจ่ไจ๋หน้างอไม่หาย "ไจ่ไจ๋.....พี่ใหญ่ไม่โกหกนายหรอกน่า ง่วงแล้วสิถึงได้หงุดหงิดขนาดนี้" เมื่อเห็นน้องเริ่มไม่มีเหตุผลแวนเนสก็ตัดบท "ไปอาบน้ำนอนกันเถอะ" ชวนน้องชายด้วยน้ำเสียงร่าเริง "ไม่เอา! ไม่อยากนอน! ไม่ง่วง!" ไจ่ไจ๋ตวัดเสียงแล้วเอามือกอดอกไม่ยอมให้พี่ชายจูง แวนเนสมองเจ้าน้องชายตัวดีอย่างเหนื่อยหน่าย "ไจ่ไจ๋ อย่าดื้อได้มั๊ย?" แวนเนสโอดครวญ "พี่รองง่วงก็ไปนอนเองสิ" ไจ่ไจ๋พูดอย่างรำคาญแล้วหยิบรีโมทมาเปิดโทรทัศน์ดู แวนเนสถอนหายใจอย่างเซ็งๆ "ถ้าไม่นอนงั้นอยากจะทำอะไร?" คำถามเปิดช่องนั้นทำเอาไจ่ไจ๋ยิ้มที่มุมปาก "ผมบอกแล้วพี่รองจะยอมหรอ?" ถามหยั่งเชิงพี่ชาย "ก็ว่ามาสิ! ทำลีลาอยู่ได้!" แวนเนสเอ็ดใส่น้องซะเลย "พูดดีๆก็ได้ไม่เห็นต้องดุเลย" น้องเล็กบ่นอุบแต่พอเห็นพี่ชายเริ่มหน้ามุ่ยบ้างก็ยอมพูดแต่โดยดี "ไปหาพี่ใหญ่กัน" คำชวนนั้นทำเอาแวนเนสพูดอะไรไม่ออก "ไปเซอร์ไพรส์พี่ใหญ่งัย ในเมื่อพี่ใหญ่ไม่กลับบ้านมาหาเรา เราก็ไปหาพี่ใหญ่ซะเลย" ไจ่ไจ๋พูดพร้อมกับจ้องหน้าพี่ชายด้วยสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังว่าพี่ชายจะเห็นดีด้วย "ไจ่ไจ๋เอ้ย.....พี่ยังไม่อยากโดนพี่ใหญ่ตีตายนะ ทำแบบนี้ไม่ดีแน่" คำพูดนั้นทำให้ไจ่ไจ๋หน้ามุ่ยลงโดยพลัน "ทำไมหละ? พวกเราหวังดีจะไปอยู่เป็นเพื่อนพี่ใหญ่หนิ ไม่ได้ไปก่อกวนอะไรซักหน่อย แล้วอีกอย่างพี่ใหญ่อยู่คนเดียวมันน่าจะอันตรายมากกว่าด้วยเพราะที่บริษัทกว้างออกจะตาย ถ้ามีอะเกิดขึ้นพี่ใหญ่หนีไม่ทันหรอก" ไจ่ไจ๋ใช้เหตุผลหว่านล้อมพี่ชาย "เมื่อไม่กี่วันข่าวเพิ่งลงว่าตึกใกล้ๆในระแวกนั้นเพิ่งถูกงัดไม่ใช่หรอ? น่าเป็นห่วงพี่ใหญ่ออกนะ" เหตุผลของเจ้าน้องชายตัวแสบทำเอาแวนเนสเริ่มลังเล "แต่ที่ตึกเรามียามเฝ้านะ" แวนเนสแย้งออกมาอีก "ตึกที่โดนงัดก็มียามเฝ้าเหมือนกัน" ไจ่ไจ๋เถียงแล้วก็ต้องแอบยิ้มเมื่อเห็นท่าทีของแวนเนสซึ่งเขารู้ดีว่าพี่ชายเชื่อเขาแล้ว "เอาวะ! ไปก็ไป!" พูดจบก็หยิบข้าวของที่จำเป็นใส่กระเป๋าตามเดิม "นั่งแท๊กซี่ไปเนอะ เพราะเดี๋ยวจะได้กลับมาพร้อมพี่ใหญ่" ไจ่ไจ๋จัดการเสร็จสรรพ แวนเนสเองก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกๆที่เจ้าน้องชายตัวยุ่งรนหาเรื่องให้ตัวเองลำบาก จนเมื่อขึ้นมานั่งบนแท๊กซี่แล้วแวนเนสก็ยังไม่สบายใจ "เอาน่าพี่รอง แค่เราไปหาพี่ใหญ่มันจะเป็นความผิดร้ายแรงอะไรนักหนา?" ไจ่ไจ๋พูดปลอบเมื่อเห็นแวนเนสมีท่าทีไม่สบายใจ "นายก็พูดได้หนิ ถ้าพี่ใหญ่เขาจะเล่นงานจริงๆพี่ก็ต้องโดนเต็มๆอยู่คนเดียวนั่นแหละ" แวนเนสว่าพร้อมกับถอนหายใจ "ไม่หรอก ผมอยู่ทั้งคน รับรองว่าพี่รองปลอดภัย" ไจ่ไจ๋รับประกันให้พี่ชายเต็มที่ ทั้งที่ในใจก็หวั่นๆว่าพี่ใหญ่จะโกรธอยู่เหมือนกัน แวนเนสทำหน้าไม่สบอารมณ์แต่ก็ไม่พูดอะไรต่อจนมาถึงที่หมาย "นี่ครับ ไม่ต้องทอน" ไจ่ไจ๋หยิบเงินในกระเป๋าของแวนเนสส่งให้คนขับรถพร้อมกับพูดอย่างใจดี หลังจากรถแท๊กซี่เคลื่อนตัวจากไปแวนเนสก็เขกหัวน้องอย่างหมั่นไส้ "นี่แหนะ! ไม่ต้องทอน! พูดเหมือนเงินตัวเองเลยนะ" ไจ่ไจ๋หัวเราะเบาๆก่อนจะเถียง "ก็แหม.....ถ้าพี่รองจ่ายเองก็ต้องพูดแบบผมเหมือนกันหรอก ผมรู้ใจพี่รองงัยถึงได้พูดแทน" คำพูดของน้องเล็กทำให้แวนเนสเอื้อมมือไปทุบหัวน้องเบาๆอีกครั้ง "ฉลาดเป็นกรดเลยนะ! ดีหละ.....เงินทิปค่าแท๊กซี่เดี๋ยวพี่ไปหักออกจากค่าขนมของนาย" แวนเนสว่าแล้วก็ค้อนใส่ ไจ่ไจ๋รีบกอดเอวพี่ชายอย่างรู้งาน "พี่รองที่แสนดีของผม ผมรู้ว่าพี่ไม่ทำจริงหรอก" ทุกครั้งที่เจ้าน้องชายตัวดีเข้ามาออเซาะแวนเนสก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ "ไม่ต้องมาอ้อนเลย ไป....อยากหาพี่ใหญ่นักก็นำไปเลย....." แวนเนสตัดบทโดยการดุนหลังให้น้องชายเดินนำ "ประตูด้านหน้าปิด ไปเข้าตรงลานจอดรถดีกว่า" แวนเนสบอกกับน้องชายแล้วจูงมือน้องเดินอย่างชำนาญ "มืดจังแฮะ กี่โมงแล้วเนี่ย?" เสียงน้องเล็กที่ตอนแรกคุยเจื้อยแจ้วเริ่มเบาลง ฝ่ามือที่กระชับมือพี่ชายเย็นเฉียบขึ้นมาเฉย แวนเนสขำเจ้าน้องชายตัวดีที่ทำเป็นอวดเก่งแต่พอมาเจอความมืดหน่อยก็กลัวแล้ว "ตีหนึ่งครึ่ง" แวนเนสตอบแล้วกระซิบกับน้องเบาๆ "ไม่รู้ทำไมมันเย็นแบบแปลกๆเนอะ นายรู้สึกมั๊ย?" ไจ่ไจ๋ได้ยินคำพี่ชายก็เปลี่ยนมากอดแขนพี่ชายแน่น "พี่รองอย่าพูดแบบนี้สิ เดินไปเร็วๆ จะถึงหรือยัง?" ไจ่ไจ๋เอ็ดพี่ชาย ในขณะที่แวนเนสเริ่มสนุกกับการแหย่น้อง "ก็มันจริงนี่หว่า พี่รู้สึกว่าขามันก้าวไม่ค่อยออกเลย" น้องเล็กเงยหน้ามองพี่ชายทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ "ไม่ต้องร้องไห้นะโว้ย! เดี๋ยวก็ถึงแล้ว ข้างหน้านั่นงัย" แวนเนสรีบเปลี่ยนท่าทีแล้วสาวเท้าก้าวไปที่ทางเข้าโดยเร็ว เมื่อไปถึงประตูแล้วแวนเนสก็กดออดเรียกยาม "เปิดประตูให้หน่อยครับ ผมมารับพี่ใหญ่" แวนเนสบอกกล่าวกับยามยิ้มๆ "อ้าว....เห็นผู้จัดการบอกว่าจะไม่กลับนี่ครับ" ยามคนนั้นว่าแต่ก็เปิดประตูให้ "พอดีเขาเปลี่ยนใจเราเลยมารับ" แวนเนสว่าแล้วก็ยิ้มให้ก่อนจะพาน้องชายเข้าไปข้างใน "เดี๋ยวเราเดินไปกันเองได้ ขอบคุณมากนะครับ" ยามคนนั้นยิ้มรับแล้วก้มหัวให้เล็กน้อย "ทำไมไม่ให้พี่ยามคนนั้นเดินไปส่งเราหละ? เขามีไฟฉายนะ" ไจ่ไจ๋พูดท้วงแวนเนส "ข้างบนก็มีไฟตามทางแล้ว แค่ไฟสลัวหน่อยก็กลัวหรอวะ?" แวนเนสว่าพร้อมกับส่ายหน้าไปมากับความขี้กลัวของน้องชาย "เฮ้ย!" แล้วแวนเนสก็ร้องออกมาเบาๆเพราะเขาเห็นเหมือนเงาผ่านไปตรงบันได "อะไรพี่รอง?" ไจ่ไจ๋ถามเสียงกระซิบ "เปล่า" แวนเนสปฏิเสธทั้งที่สีหน้าของเขาในตอนนี้เหวอสุดๆ "พี่รองอ่ะ" น้องเล็กเองก็ใจไม่ดีที่เห็นพี่ชายทำหน้าแบบนั้น แวนเนสพยายามสูดลมหายใจลึกๆแล้วกุมมือน้องชายแน่น "ไป! เราไปหาพี่ใหญ่กัน!" พูดด้วยความฮึกเฮิมเพื่อเรียกความกล้าของตัวเองออกมา แล้วก้าวยาวๆขึ้นบันได "ใครน่ะ?" ไจ่ไจ๋กระซิบถามเมื่อเห็นเหมือนหลังใครไวๆเดินเข้าห้องน้ำไป สองพี่น้องมองหน้ากันไปมากลัวก็กลัวแต่ก็อยากรู้ "พี่ให้นายเลือก" แวนเนสถามความเห็นน้อง "ผม.....ผมว่าเราไปหาพี่ใหญ่กันก่อนดีกว่า....." ไจ่ไจ๋ให้คำตอบ แวนเนสพยักหน้าแล้วพาน้องชายกึ่งวิ่งกึ่งจูงไปที่ห้องทำงานพี่ชาย "อย่าเคาะ!" แวนเนสรีบห้าเมื่อเห็นน้องเล็กยกมือขึ้นจะเคาะประตู ไจ่ไจ๋จึงชะงักไป แวนเนสโทรศัพท์หาพี่ชาย "มีอะไร?" เสียงพี่ชายถามกลับมา "เปิดประตูให้หน่อย" แวนเนสพูดเสียงแผ่ว "อะไรนะ?" เสียงพี่ชายถามย้ำอย่างงงงวย "ชั้นอยู่หน้าห้อง เปิดประตูให้หน่อย" แวนเนสพูดย้ำอย่างชัดเจน เพียงไม่กี่วินาทีประตูห้องทำงานของพี่ชายก็ถูกเปิดออก และก่อนที่พี่ใหญ่จะทันได้พูดอะไรน้องชายทั้งคู่ก็กระโจนพรวดเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูลงโดยเร็ว "พวกนายมาที่นี่ได้ยังงัย? แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?" สอบถามน้องชายทั้งคู่ด้วยความงุนงง "เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ แต่เมื่อกี้ชั้นสองคนเห็นคนเดินอยู่บนตึก" แวนเนสบอกกับพี่ชายสีหน้าจริงจัง "คนจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้" น้องเล็กพูดแทรก "อะไรของพวกนาย? นี่อย่ามาเล่นบ้าๆนะ!" เจอร์รี่ทำเสียงดุน้องชายทั้งคู่ แต่สีหน้าและท่าทางของน้องบ่งบอกว่าไม่ได้ล้อเล่นแน่ "เจอที่ไหน?" แล้วก็เปลี่ยนคำถาม "ชั้นถัดลงไปเนี่ย เหมือนจะอยู่ในห้องน้ำชาย" แวนเนสตอบ ดังนั้นเจอร์รี่จึงรีบเดินไปที่โทรศัพท์แล้วแจ้งหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยให้ไปตรวจสอบทันที "รบกวนหน่อยนะครับ เมื่อกี้ผมเห็นคนอยู่ชั้นสาม ช่วยตรวจสอบให้ผมหน่อย" เจอร์รี่สั่งการ "แล้วก็เปิดไฟให้สว่างทั้งตึกเลยนะครับ" พูดจบก็ตัดสายพร้อมกับไฟทุกดวงที่สว่างจ้าขึ้นมา ค่อยทำให้แวนเนสกับไจ่ไจ๋โล่งอก "เฮ่อ! ค่อยยังชั่ว" สองพี่น้องพูดออกมาพร้อมกันแต่พอเห็นสีหน้าของพี่ใหญ่ที่มองมาอย่างเอาเรื่องแล้วก็ได้แต่ยิ้มกันแหยๆ "พี่หวังว่านายสองคนจะมีเหตุผลดีๆมาบอกกับพี่ว่าทำไมถึงต้องพากันมาที่นี่" พี่ใหญ่ยืนกอดอกมองเจ้าน้องชายตัวดีทั้งคู่ด้วยท่าทางเคร่งขรึม "ก็....พวกเรา....." แวนเนสพูดอ้ำๆอึ้งๆแล้วใช้ศอกกระทุ้งเจ้าน้องเล็กที่ก่อนมาถึงรับประกันความปลอดภัยให้เขาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะแต่พอมาตอนนี้กลับนั่งเงียบกริบ "ว่ายังงัย?" พี่ใหญ่ถามย้ำเสียงเข้มขึ้นกว่าเดิม "ก็ชั้นกับน้องเป็นห่วงนายน่ะสิ ดึกๆดื่นๆอยู่ที่บริษัทคนเดียวมันอันตรายนะ" แวนเนสบอกกับพี่ชายเสียงอ่อย เมื่อได้ยินดังนั้นไจ่ไจ๋จึงรีบเสริม "ใช่ครับ เมื่อวานหนังสือพิมพ์เพิ่งลงข่าวว่าออฟฟิสแถวนี้ถูกงัด แล้วออฟฟิสที่ถูกงัดก็มียามเฝ้าอย่างดีด้วย ผมกับพี่รองเลยเป็นห่วงหากว่าพี่ใหญ่อยู่คนเดียวแล้วเกิดอะไรขึ้นมา" ข้ออ้างของน้องฟังดูค่อนข้างมีเหตุผลเจอร์รี่จึงได้แต่ถอนหายใจ "ถ้ามันมีอะไรเกิดขึ้นจริง พี่ตัวคนเดียวยังพอจะเอาตัวรอดได้แต่พอพวกนายมาพ่วงต่ออีกสองคนแบบนี้ไม่ต้องกอดกันตายเลยหรืองัย" แวนเนสกับไจ่ไจ๋ก้มหน้างุดเมื่อโดนพี่ชายดุ "แต่เอาเถอะ! ไหนๆก็มาแล้วจะไล่กลับไปก็ใช่ที เฮ่อ! ยุ่งกันจริง" แล้วก็บ่นอุบอิบต่อ น้องชายทั้งคู่มองหน้าพี่ชายก่อนจะหันมายิ้มให้กันเพราะรู้ว่าพี่ชายไม่ได้โกรธ "ไม่ต้องมายิ้ม! เพราะถ้ามีครั้งต่อไปอีกพี่จะลงโทษพวกนายแน่นอน" เอ็ดใส่น้องชายทั้งคู่อย่างไว้ฟอร์ม "ครับ" แวนเนสกับไจ่ไจ๋รับปากขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง ในตอนนั้นเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของเจอร์รี่ก็ดังขึ้น "สวัสดีครับ" เจอร์รี่เดินไปรับสาย ปรากฏว่าเป็นยามโทรกลับมารายงานว่าคนที่เห็นเดินอยู่นั้นคืออาเหลียนนั่นเอง "งั้นหรอ? โอเค.....ขอบคุณมากครับ ไม่มีอะไรแล้ว ขอโทษที่รบกวนกลางดึก" เจอร์รี่รับคำก่อนจะตัดสายไป แล้วพอหันกลับมาก็เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของน้องทั้งสองคน "ที่พวกนายเห็นน่ะ......" เจอร์รี่ยังพูดไม่ทันจบน้องชายทั้งคู่ก็ถามขึ้นมาพร้อมกัน "ผีหลอกใช่มั๊ย!?" ในขณะที่ย้อนถามพี่ชายแวนเนสกับไจ่ไจ๋มีสีหน้าตื่นเต้น "จะบ้าหรอ! ผีบ้าบอที่ไหนกัน! ไอ้พวกนี้หนิ!" เจอร์รี่เอ็ดใส่น้องๆก่อนจะส่ายหน้าไปมาอย่างระอา "อ้าว.....งั้นแมวหรอพี่ใหญ่?" ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายอย่างผิดคาด "แมวที่ไหนกันหละ? คนเป็นๆนี่แหละ" ตอบน้องชายแบบทั้งฉุนทั้งขำ "โจรหรอ? ว่าแล้วเชียวว่ามันต้องปฏิบัติการแบบต่อเนื่องกัน! เห็นมั๊ยว่าพวกชั้นคาดเดาไม่ผิด นี่นะเนี่ยที่เห็นก่อนไม่งั้นมันเข้ามาปล้นในห้องนายหละซวยเลย" แวนเนสร่ายยาวต่อบ้าง เจอร์รี่มองน้องทั้งคู่อย่างเหนื่อยใจ "ไม่ใช่โจร! ไม่มีใครเข้ามาปล้นตึกนี้หรอก" ปฏิเสธพร้อมกับส่ายหน้าไปด้วย "อ้าว!" สองพี่น้องอุทานขึ้นมาพร้อมกันแล้วหันไปทำหน้างงๆให้กัน "อาเหลียนน่ะ" แล้วเจอร์รี่ก็เฉลยให้น้องรู้ "อาเหลียน?" น้องชายทั้งสองคนทวนคำ "อาเหลียนมาทำอะไรตอนดึกดื่นป่านนี้?" แวนเนสตั้งคำถาม "แล้วชั้นจะรู้มั๊ยเล่า? ก็นั่งอยู่ในห้องตลอด" เจอร์รี่ไม่ตอบแต่แขวะน้องกลับไปแทน "เหมือนที่ผมกับพี่กลางคิดไว้ไม่มีผิด" แล้วไจ่ไจ๋ก็เอ่ยขึ้นมา "หมายความว่ายังงัย?" เจอร์รี่หันไปสนใจกับคำพูดของน้องชาย "เอ่อ....ผมเองก็ไม่อยากพูดโดยที่ไม่มีหลักฐานนะ แต่ผมกับพี่กลางเจอเหตุการณ์บางอย่างที่อาเหลียนทำตัวน่าสงสัย" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็เล่าเรื่องที่พบเจอทุกอย่างให้พี่ชายทั้งคู่ฟังอย่างละเอียด จนเมื่อฟังจบพี่ชายทั้งสองคนก็อึ้งไปอย่างคาดไม่ถึง "มิน่าหละ รายได้ของบริษัทถึงตกต่ำลงทุกเดือน สาเหตุมาจากอาเหลียนเองหรอ" หลังจากเงียบกันไปครู่หนึ่งแวนเนสก็เอ่ยขึ้น "เจอร์รี่ แล้วหลักฐานที่นายบอกว่าพอจะสืบได้บ้างแล้วมันคืออะไร?" หันไปถามพี่ชายต่อ "ก็หลักฐานที่บ่งชี้ไปที่อาเหลียนนั่นแหละ" เจอร์รี่ตอบอย่างอ่อนแรง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบุคคลที่เขาเคารพนับถือจะทำการเช่นนี้ได้ "ตั้งแต่เมื่อไหร่?" แวนเนสถามต่อ "ยังไม่รู้ แต่คงเริ่มมาได้ซักระยะหนึ่งแล้ว" พูดจบก็ถอนหายใจ "แล้วเราจะทำยังงัยกันดีหละครับพี่ใหญ่?" ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายต่ออีกคน "พี่ก็ยังไม่รู้" เจอร์รี่ส่ายหน้าอย่างไม่รู้จะทำยังงัยดี "ชั้นว่านะ เรื่องนี้น่าจะให้พ่อกับแม่เป็นคนจัดการ เพราะยังงัยอาเหลียนก็เป็นผู้ใหญ่" แวนเนสเสนอความคิด "ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น แต่ชั้นไม่เข้าใจเลยว่าอาเหลียนทำแบบนี้ได้ยังงัย? ทั้งที่ชั้นไว้ใจเขามากที่สุด" พี่ใหญ่โอดครวญอย่างผิดหวัง "เรื่องเงินมันไม่เข้าใครออกใครหรอก แม้แต่พี่น้องกันยังเข่นฆ่าเพื่อแย่งสมบัติกันก็มีบ่อยไป" แวนเนสว่าพร้อมกับตบไหล่พี่ชายเบาๆ "อย่าคิดมากเลย กลับบ้านกันเถอะ" เจอร์รี่ถอนหายใจเบาๆ "โอเค กลับก็กลับ" พูดด้วยท่าทางซึมๆเพราะนึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริงๆ "พี่ใหญ่ครับ พี่กินข้าวบ้างหรือยัง?" ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายพร้อมกับกอดแขนพี่ชายไปด้วย "พี่กินไม่ลงหรอกไจ่ไจ๋" เจอร์รี่ตอบเสียงแผ่ว "ต้องกินนะครับ วันนี้ทำงานหนักทั้งวันแล้วยังมาเจอเรื่องแบบนี้อีก อย่างน้อยก็ควรให้ร่างกายแข็งแรงไว้ก่อน" น้องเล็กคะยั้นคะยอเพราะรู้ว่าเวลาพี่ชายทำงานแล้วมักจะทุ่มเทโดยไม่สนใจตัวเองเลย "ที่น้องพูดก็ถูก เดี๋ยวขากลับเราแวะร้านข้าวต้มโต้รุ่งกินข้าวก่อนดีกว่า" แวนเนสนับสนุนความคิดของน้องชาย เจอร์รี่ที่เป็นฝ่ายเสียงข้างน้อยจึงโต้แย้งอะไรไม่ได้ "งั้นก็ตามใจพวกนายเถอะ" ว่าแล้วก็หันไปเก็บข้าวของบนโต๊เพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน โดยที่น้องชายทั้งสองคนได้แต่สบตากันด้วยความไม่สบายใจเช่นกัน
Create Date : 17 มิถุนายน 2557 |
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2558 14:40:06 น. |
|
0 comments
|
Counter : 909 Pageviews. |
|
|