Chapter 81

  ตอนที่ 81 

"ปิ๊นๆๆๆ!!!"  เสียงแตรรถที่ดังขึ้นจากหน้าบ้านทำให้แวนเนสวางช้อนที่กำลังจะตักข้าวในมือลงทันที
"ทำไมเสี่ยวจือมาเร็วจัง"  แวนเนสพึมพำกับตัวเองเบาๆ
"นายนั่งกินข้าวต่อเถอะ เดี๋ยวชั้นไปเรียกเสี่ยวจือมากินด้วยกัน"  เจอร์รี่บอกกับน้องชายแล้วลุกออกไปจากโต๊ะทันที โดยที่แวนเนสมองตามอย่างกังวลเพราะกลัวว่าเสี่ยวจือจะยังไม่หายโกรธเขา
"พี่รองเป็นอะไร? หน้าสลดเชียว"  ไจ่ไจ๋ที่กำลังจัดการกับอาหารเช้าตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อยเอ่ยถามพี่ชายคนรองขึ้นมาบ้าง
"เปล่าหนิ"  แวนเนสส่ายหน้าพร้อมกับตอบเบาๆ หมดความอยากอาหารไปทันที
"แน่นะ?"  ไจ่ไจ๋ถามซักไซร้พี่ชายอีกเพราะเขาสังเกตตั้งแต่เช้าแล้วว่าวันนี้พี่ชายดูหงอยๆไป แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรขึ้นมาอีกเจอร์รี่ก็เดินนำเสี่ยวจือเข้ามา
"สวัสดีครับเสี่ยวจือ กินข้าวด้วยกันนะครับ เดี๋ยวผมตักข้าวให้"  ไจ่ไจ๋เห็นเสี่ยวจือเดินเข้ามาก็รีบกระวีกระวาดไปตักข้าวมาให้
"ขอบใจนะไจ่ไจ๋ ไม่ต้องเยอะหละ ชั้นกินกาแฟมาแล้ว"  เสี่ยวจือร้องบอกไจ่ไจ๋ก่อนที่จะสบตากับแวนเนส
"เอ่อ.....มาแต่เช้าเลย....."  แวนเนสพูดเสียงแผ่ว
"ชั้นไม่ได้มาแต่เช้า แต่ชั้นแค่แวะมารับเธอไปทำงาน"  เสี่ยวจือพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ทำเอาแวนเนสเกิดอาการงง
"มาแล้วครับ"  ไจ่ไจ๋ถือจานข้าวมาให้เสี่ยวจือแล้วมองไปทางพี่ชายคนรอง
"หมายความว่ายังงัย? แวะมารับผมไปทำงาน?"  แวนเนสทวนคำพร้อมกับย้อนถาม
"เสี่ยวจือ.....ผมรู้ว่าคุณโกรธที่เมื่อวานผมพูดไม่ดีกับคุณ ผมขอโทษ.....คุณจะด่าว่าผมยังงัยก็ได้ผมจะไม่เถียงคุณเลย แต่คุณอย่าลาออกจากการเป็นผู้จัดการส่วนตัวของผมนะเพราะผมไม่เชื่อว่าจะมีใครทำหน้าที่นี้ได้ดีเท่ากับคุณอีกแล้ว"  แวนเนสพูดขอร้องผู้จัดการของตัวเองน้ำตาคลอ ในตอนนั้นเจอร์รี่สะกิดไจ่ไจ๋แล้วพากันออกจากห้องครัวไปเงียบๆ ส่วนเสี่ยวจือเองก็เงียบไปครู่หนึ่ง
"พูดบ้าๆ! ใครจะลาออกหา!?"  แล้วเสี่ยวจือก็เอ็ดใส่เจ้าศิลปินตัวแสบของเขา
"อ้าว.....ก็เมื่อกี้คุณบอกว่า....."  แวนเนสทำหน้าเหรอหรา
"ชั้นแวะมารับเธอเพราะเมื่อคืนหลังจากที่เธอกลับบ้านมาแล้วชั้นก็ขอทีมงานฟังท่อนที่เธอบอกว่าเธอยังร้องได้ไม่ดีอีกครั้ง"  เสี่ยวจือเริ่มอธิบาย
"พอตั้งใจฟังชั้นก็คิดเหมือนเธอ เลยช่วยพูดกับทีมงานให้ สรุปแล้วทุกคนก็ตกลงยอมให้เธอแก้ไขการร้องเพลงท่อนนั้นใหม่ในวันนี้"  แวนเนสได้ฟังก็มองผู้จัดการส่วนตัวของเขาอย่างตื้นตัน
"ไม่ต้องมาทำซึ้งเลย! กินข้าวเข้าไปเร็วๆ! ไปส่งเธอเสร็จชั้นจะได้หาที่งีบซักที เมื่อคืนเพราะไอ้คำพูดโวยวายของเธอทำเอาชั้นกับทีมงานแทบไม่ได้นอน กว่าจะตกลงกันได้ก็เมื่อเช้านี้เอง"  เมื่อเห็นแวนเนสน้ำตาคลอ เสี่ยวจือก็แกล้งทำเป็นเอ็ดใส่
"เสี่ยวจือ ขอบคุณมากครับ คุณเยี่ยมที่สุดเลย!"  แวนเนสว่าพร้อมกับทำท่าจะโผเข้าไปกอดแต่เสี่ยวจือเอาแขนขึ้นมากันไว้
"ไม่ต้องมาแตะเนื้อต้องตัวชั้นเลย! เดี๋ยวก็เป็นข่าวกันขึ้นมาอีก!"  เอ็ดใส่แวนเนสอีกแต่ซ่อนยิ้มไว้ในใบหน้า ไม่ว่าแวนเนสจะงอแงกับเขาซักแค่ไหนเขาเองก็โกรธได้ไม่นานซักที
"ไม่มีนักข่าวอยู่แถวนี้หรอก หวงตัวไปได้"  แวนเนสบ่นอุบก่อนที่จะยิ้มร่า
"เสี่ยวจือครับ วันนี้ผมทำงานเสร็จแล้วไปกินข้าวกันนะ ชวนทีมงานทุกคนไปด้วย ผมเลี้ยงเต็มที่เลย"  น้ำเสียงเริงร่าทำให้เสี่ยวจืออดไม่ได้ที่จะยกมะเหงกขึ้นมาให้
"งานยังไม่ได้เริ่มคิดจะไปเมาแล้ว! แต่พูดแล้วห้ามคืนคำนะ!"  ประโยคแรกเหมือนจะดุแต่พอพูดประโยคถัดมาจบเสี่ยวจือก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"โอโห! มีแอบเนียนนะเนี่ย"  แวนเนสไม่วายแซวต่ออีก
"เสี่ยวจือครับ คุณไม่โกรธผมแล้วจริงๆหรอ?"  แล้วก็ถามอย่างเป็นการเป็นงานขึ้นมา
"แวนเนสเอ้ย.....ชั้นทำงานกับคนมามากหน้าหลายตา เจอคนที่เกเรมากกว่านายก็เยอะ ถ้าชั้นมัวแต่เก็บมันมาเป็นอารมณ์ป่านนี้ชั้นคงลาออกไปทำงานอย่างอื่นแล้ว"  เสี่ยวจือตอบด้วยสีหน้ายิ้มๆ
"นายน่ะมันก็แค่เด็กดื้อคนนึงที่ชอบงอแงเวลาที่ไม่ได้ดั่งใจ เด็กดื้อคนเดียวชั้นจัดการได้ ไม่งั้นก็อย่ามาเรียกชั้นว่าผู้จัดการอีกเลย"  ประโยคหลังคล้ายจะยอตัวเอง
"คร้าบบบบ.....คุณผู้จัดการที่แสนดี เรามากินข้าวกันดีกว่า เสร็จแล้วก็ไปทำงานกันเนอะ"  แวนเนสยิ้มหน้าบานเมื่อเห็นว่าเสี่ยวจือหายโกรธเขาจริงๆแล้ว
"เอ้ย!!! พวกนายสองคนก็เข้ามากินข้าวสิ! สถานการณ์เคลียร์แล้ว!"  แวนเนสร้องเรียกพี่น้องอีกสองคน ซักพักพี่ชายกับน้องชายก็เดินจูงมือกันเข้ามา
"งัยหละพี่รอง? หน้าระรื่นผิดกับเมื่อเช้าที่ได้แต่นั่งหน้าหงอยเลยนะ"  ไจ่ไจ๋ไม่วายแซวะพี่ชาย
"เงียบไปเลย! จะกินมั๊ยข้าวน่ะ?"  แวนเนสเอ็ดใส่น้องชาย ไจ่ไจ๋ทำปากยื่นใส่พี่ชายแต่ก็นั่งลงตรงที่เดิม
"เสี่ยวจือครับ วันหลังถ้าแวนเนสเขางอแงมากๆ ใช้ไม้เรียวเลยครับผมอนุญาต"  เจอร์รี่หันไปพูดกับผู้จัดการส่วนตัวของน้องชาย
"เสี่ยวจือไม่ใจร้ายเหมือนนายหรอก ไม่ต้องมายุยงส่งเสริมเลย"  แวนเนสทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชาย
"หึๆๆๆ......หาเก็บเอาไว้ซักอันก็น่าจะดีเหมือนกันนะ"  เสี่ยวจือพูดขำๆ
"ไม่ดีครับ! ผมไม่เห็นด้วย!"  แวนเนสรีบแย้งขึ้นมาทันควัน
"ไม่ต้องหาหรอกครับ ที่บ้านมีเยอะ เดี๋ยวผมไปหยิบมาให้ซักสองสามอันก็ได้"  พี่ใหญ่ไม่วายพูดแกล้งน้องต่ออีก
"ไม่ได้นะ! นายเก็บไว้ใช้คนเดียวเถอะ ไม้เรียวอยู่กับนายมันจะดูศักดิ์สิทธิ์ที่สุด"  คำพูดของแวนเนสทำเอาเสี่ยวจือกับไจ่ไจ๋หัวเราะเสียงดัง
"ปากดีไปเถอะ! ระวังตัวให้ดีแล้วกัน!"  ชี้หน้าน้องชายอย่างคาดโทษแล้วตัวบท
"กินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวจะสายกันหมด"  จบคำพูดของเจอร์รี่ทุกคนก็ลงมือจัดการกับอาหารเช้าทันที
"ไจ่ไจ๋ ให้เวลาคิดสิบวินาที จะเปลี่ยนใจไปกับพี่หรือเปล่า?"  หลังจากอาหารเช้าแล้วทุกคนก็เตรียมตัวออกไปทำงาน โดยที่ไจ่ไจ๋นั้นบอกว่าจะตามเจอร์รี่ไปด้วย แต่ก่อนออกจากบ้านแวนเนสไม่วายหันมาถามน้องเพราะเขาคิดว่าหากน้องไปกับพี่ชายก็คงต้องนั่งๆนอนๆน้องชายอาจะเบื่อเอาง่ายๆ
"เอ่อ...."  เมื่อได้ยินเช่นนั้นไจ่ไจ๋ก็ลังเล ใจจริงเขาก็อยากไปกับแวนเนส แต่อีกใจนึงก็อยากไปกับเจอร์รี่เพราะตอนนี้เขาอยากสืบเรื่องอาเหลียนต่อ
"ถ้าอยากไปกับพี่รองก็ไปเถอะ งานวันนี้พี่คงไม่มีอะไรให้นายช่วย"  เจอร์รี่เองก็เห็นด้วยที่จะให้ไจ่ไจ๋ไปกับแวนเนส
"งั้น ผมไปกับพี่รองก็ได้"  เมื่อพี่ใหญ่พูดอย่างนั้นไจ่ไจ๋จึงไม่ต้องลังเลอีกต่อไป
"แต่อย่าดื้อหละ เชื่อฟังเสี่ยวจือด้วยเข้าใจมั๊ย?"  ไม่วายสั่งกำชับน้องเล็ก
"ครับพี่ใหญ่"  ไจ่ไจ๋รับคำเสียงใส
"เราด้วยนะแวนเนส เอาน้องไปก็ต้องดูแลน้องไม่ใช่ชวนกันเล่นซน"  หันไปกำชับน้องชายคนรองอีกคน
"ไม่หรอกน่า แต่วันนี้อาจจะกลับช้านิดนึงนะ"  แวนเนสว่าพร้อมกับบอกกล่าวพี่ชายเอาไว้ก่อน
"จะพาคุณผู้จัดการส่วนตัวสุดที่รักกับทีมงานไปเลี้ยงข้าวเพื่อไถ่โทษที่เมื่อวานชั้นทำตัวไม่ค่อยดี"  ให้เหตุผลกับพี่ชายต่อ
"อืม! ยังงัยเลิกงานแล้วก็โทรมาบอกหน่อยแล้วกัน"  เจอร์รี่พยักหน้ารับรู้แต่ก็กำชับน้องไว้อีก
"ครับ งั้นเราไปนะ"  แวนเนสรับคำแล้วเอ่ยลาพี่ชาย
"ผมไปนะครับพี่ใหญ่ เดี๋ยวคืนนี้เจอกัน"  ไจ่ไจ๋บอกลาพี่ชายด้วยอีกคนแล้วเดินตามแวนเนสกับเสี่ยวจือขึ้นรถจากไป เจอร์รี่ยืนส่งน้องชายทั้งสองคนเสร็จแล้วก็เดินกลับมาขึ้นรถ
"วันนี้ต้องสืบเรื่องที่ไม่ชอบมาพากลให้ได้"  เจอร์รี่พูดกับตัวเองก่อนจะสตาร์ทรถแล้วออกจากบ้านไปเช่นกัน

- ตอนค่ำ -
"บ้านมืดจัง พี่ใหญ่นอนแล้วหรอเนี่ย?"  ไจ่ไจ๋บ่นอุบในขณะที่ไขกุญแจบ้าน
"ยังไม่น่าจะนอนนะ ปกติพวกเรายังไม่กลับพี่ใหญ่ไม่ยอมเข้านอนเด็ดขาด"  แวนเนสให้ความเห็น
"หรือว่ายังไม่กลับบ้าน?"  ไจ่ไจ๋ตั้งข้อสันนิษฐานบ้าง
"เป็นไปได้"  แวนเนสว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาต่อสายหาพี่ชาย เพียงครู่หนึ่งเสียงพี่ชายก็ดังว่าตามสาย
"กลับบ้านหรือยัง?"  ถามน้องกลับมาก่อน
"ถึงบ้านแล้ว นายอยู่ไหน?"  แวนเนสตอบก่อนถามพี่ชายบ้าง
"อยู่บริษัท"  คำตอบนั้นทำให้แวนเนสขมวดคิ้วแล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู
"นี่มันจะตีหนึ่งแล้วนะ"  แย้งพี่ชายกลับไป
"ชั้นมีเรื่องต้องทำเยอะ และคืนนี้คงจะไม่กลับบ้าน"  เสียงพี่ชายบอกกล่าวกลับมา
"มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?"  เมื่อได้ยินแวนเนสถามเช่นนั้นไจ่ไจ๋ก็มองพี่ชายอย่างสงสัยแต่แวนเนสชี้ให้น้องเข้าบ้านก่อน
"เรื่องที่เราคุยกันเมื่อคืนแหละ ชั้นกำลังตรวจสอบ"  เจอร์รี่ตอบน้องชายอย่างไม่ปิดบัง
"แล้วได้เรื่องหรอ?"  แวนเนสถามกลับไปอีก
"ก็พอจะได้ข้อมูลบ้าง แต่คงต้องใช้เวลาซักหน่อย"  น้ำเสียงที่ตอบกลับมาค่อนข้างซีเรียส
"เข้าบ้านกันแล้วก็ล็อกประตูให้เรียบร้อยทั้งด้านนอกและด้านในเลย แล้วคืนนี้เข้าไปนอนกับน้องนะ อย่าแยกกันนอน"  สั่งกำชับน้องชายอีกครั้งอย่างเป็นห่วง
"ให้ชั้นไปช่วยมั๊ย?"  แวนเนสเสนอตัวเพราะเขาไม่อยากให้พี่ชายที่กำลังเครียดต้องจัดการเรื่องนี้ตามลำพัง
"ไม่ต้อง นอนพักผ่อนไป ถ้ามีอะไรชั้นจะโทรหาเอง"  เจอร์รี่ปฏิเสธทันที
"แต่ว่า....."  แวนเนสจะแย้งแต่เสียงพี่ชายก็แทรกขึ้นมาก่อน
"ไม่มีข้อแม้อะไรทั้งนั้น เข้าใจตามที่ชั้นพูดนะ"  การย้ำคำพูดของพี่ชายทำให้แวนเนสถอนหายใจเบาๆ
"ชั้นขอสายไจ่ไจ๋หน่อย"  แล้วพี่ชายก็พูดต่อแวนเนสจึงยื่นโทรศัพท์ให้น้องชาย
"พี่ใหญ่อยู่ไหน? ไหนบอกกับผมว่าจะมาเจอกันที่บ้านงัย"  ไจ่ไจ๋รับโทรศัพท์มาได้ก็ต่อว่าพี่ชายทันที
"พี่ทำงานอยู่ คืนนี้นอนกับพี่รองนะ"  น้ำเสียงอ่อนโยนของพี่ชายตอบกลับมา
"ทำไมพี่ใหญ่ไม่กลับบ้านหละ? งานเยอะแบบนี้แทนที่จะให้ผมไปช่วย"  ไจ่ไจ๋เริ่มหน้างอเพราะเขาอยากให้พี่ชายกลับบ้านมากกว่า
"อย่างอแงสิ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เจอกันแล้ว"  เสียงพี่ชายตอบกลับมาอย่างปลอบประโลม
"พอดีมีงานด่วนเข้ามาเยอะ พี่ใหญ่ต้องเคลียร์ให้เสร็จก่อนวันพรุ่งนี้ คนดีของพี่ไม่งอแงนะครับ"  ไจ่ไจ๋ทำหน้าเบื่อหน่ายกับเรื่องงานที่พี่ชายเอามาอ้าง
"ก็ได้!"  ไจ่ไจ๋ตอบรับแบบไม่เต็มใจ
"แล้วอย่าดื้อกับพี่รองด้วยนะ"  สั่งกำชับน้องเล็กต่ออีก
"อืม มีอะไรอีกมั๊ย?"  ไจ่ไจ๋ตอบรับแล้วถามกลับไปอย่างงอนๆ
"กู๊ดไนท์พี่ใหญ่หรือยัง?"  พี่ชายทวงมาตามสาย
"กู๊ดไนท์ตรงไหน? แบดไนท์มากกว่า"  ไจ่ไจ๋บ่นอุบ
"งอแงแบบนี้แสดงว่าง่วงแล้วสิเรา"  น้ำเสียงกระเง้ากระงอดของน้องเล็กทำให้เจอร์รี่หัวเราะได้
"ง่วหรือเปล่าก็เรื่องของผม พี่ใหญ่ไม่กลับบ้านคืนนี้ผมก็จะชวนพี่รองเที่ยวทั้งคืนเลย"  ไจ่ไจ๋เริ่มโยเย
"เด็กคนนี้ เดี๋ยวได้โดนพี่ใหญ่ตีแน่ๆ"  พี่ชายขู่น้องเล็กมาตามสาย
"มาตีสิ ถ้ากลับมาตอนนี้จะให้ตีแต่โดยดีเลย"  ไจ่ไจ๋ท้าทาย
"เฮ่อ!"  เสียงถอนหายใจของพี่ใหญ่ดังมาตามสาย ในตอนนั้นแวนเนสสะกิดน้องชายเป็นเชิงปรามไม่ให้ทำให้พี่ชายต้องลำบากใจ
"ก็ได้ๆๆๆ กู๊ดไนท์ก็ได้....."  แล้วไจ่ไจ๋ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลงแต่ไม่วายแขวะพี่ใหญ่อีก
"ไม่รู้จะให้พูดทำไมในเมื่อตัวเองก็ไม่นอน"  คราวนี้ไจ่ไจ๋ได้ยินเสียงหัวเราะของพี่ใหญ่เบาๆ
"เรานี่จริงๆเลยนะไจ่ไจ๋.....วันนี้พี่ใหญ่คาดโทษไว้ก่อน เจอหน้าเมื่อไหร่จะตีให้เข็ดเลย"  ไจ่ไจ๋ทำหน้าย่นใส่โทรศัพท์แล้วยื่นคืนให้แวนเนสก่อนจะบอกเสียงดังๆโดยจงใจให้พี่ใหญ่ได้ยินด้วย
"พี่รองครับ ประโยคที่พี่ใหญ่พูดเมื่อกี้ผมไม่ได้ยินนะ"  แวนเนสเองก็อมยิ้มกับความเกเรของน้องชายแล้วรับโทรศัพท์มาแนบหูอีกครั้ง
"บอกมันนะว่าถึงไม่ได้ยินคำพูดของชั้นก็ยังมีผลบังคับใช้ได้"  พูดกับแวนเนสอย่างขำๆ
"ได้....เดี๋ยวบอกมันให้"  แวนเนสตอบรับพร้อมกับเอามือขยี้หัวน้องเล็กเล่นไปด้วย
"นายก็อย่าหักโหมมากนะ หาเวลางีบซักหน่อยเดี๋ยวจะน็อกเอาง่ายๆ"  แวนเนสเองก็เป็นห่วงพี่ชายไม่น้อย
"อืม....ไม่ต้องห่วง ถ้าไม่ไหวชั้นก็จะงีบซักพัก"  เจอร์รี่รับคำน้องชาย
"ไม่คุยแล้ว พาน้องขึ้นนอนเถอะ แล้วอย่าลืมดูประตูและพวกฟืนไฟด้วยหละ"  กำชับน้องชายเป็นครั้งสุดท้าย
"รู้แล้ว"  แวนเนสรับคำ
"พูดลาพี่ใหญ่หรือยัง?"  พี่ใหญ่ทวงคำลาจากแวนเนสด้วยเช่นกัน
"กู๊ดไนท์ครับพี่ใหญ่"  แวนเนสพูดแต่โดยดี
"ครับผม พี่ใหญ่วางสายแล้วนะ"  จบคำสายโทรศัพท์ก็ถูกตัด แวนเนสกดวางสายแล้วหันมาทางน้องเล็กที่นั่งหน้ามุ่ย
"แค่คืนเดียวเท่านั้นแหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ใหญ่ก็กลับมาแล้ว"  พูดปลอบเพราะรู้ว่าไจ่ไจ๋ไม่ค่อยพอใจกับข้ออ้างของพี่ชาย
"ทุกทีงานเยอะขนาดไหนก็ไม่เคยนอนค้างที่บริษทันี่ ไม่รู้อยู่บริษัทจริงหรือเปล่า"  ไจ่ไจ๋หน้างอไม่หาย
"ไจ่ไจ๋.....พี่ใหญ่ไม่โกหกนายหรอกน่า ง่วงแล้วสิถึงได้หงุดหงิดขนาดนี้"  เมื่อเห็นน้องเริ่มไม่มีเหตุผลแวนเนสก็ตัดบท
"ไปอาบน้ำนอนกันเถอะ"  ชวนน้องชายด้วยน้ำเสียงร่าเริง
"ไม่เอา! ไม่อยากนอน! ไม่ง่วง!"  ไจ่ไจ๋ตวัดเสียงแล้วเอามือกอดอกไม่ยอมให้พี่ชายจูง แวนเนสมองเจ้าน้องชายตัวดีอย่างเหนื่อยหน่าย
"ไจ่ไจ๋ อย่าดื้อได้มั๊ย?"  แวนเนสโอดครวญ
"พี่รองง่วงก็ไปนอนเองสิ"  ไจ่ไจ๋พูดอย่างรำคาญแล้วหยิบรีโมทมาเปิดโทรทัศน์ดู แวนเนสถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
"ถ้าไม่นอนงั้นอยากจะทำอะไร?"  คำถามเปิดช่องนั้นทำเอาไจ่ไจ๋ยิ้มที่มุมปาก
"ผมบอกแล้วพี่รองจะยอมหรอ?"  ถามหยั่งเชิงพี่ชาย
"ก็ว่ามาสิ! ทำลีลาอยู่ได้!"  แวนเนสเอ็ดใส่น้องซะเลย
"พูดดีๆก็ได้ไม่เห็นต้องดุเลย"  น้องเล็กบ่นอุบแต่พอเห็นพี่ชายเริ่มหน้ามุ่ยบ้างก็ยอมพูดแต่โดยดี
"ไปหาพี่ใหญ่กัน"  คำชวนนั้นทำเอาแวนเนสพูดอะไรไม่ออก
"ไปเซอร์ไพรส์พี่ใหญ่งัย ในเมื่อพี่ใหญ่ไม่กลับบ้านมาหาเรา เราก็ไปหาพี่ใหญ่ซะเลย"  ไจ่ไจ๋พูดพร้อมกับจ้องหน้าพี่ชายด้วยสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังว่าพี่ชายจะเห็นดีด้วย
"ไจ่ไจ๋เอ้ย.....พี่ยังไม่อยากโดนพี่ใหญ่ตีตายนะ ทำแบบนี้ไม่ดีแน่"  คำพูดนั้นทำให้ไจ่ไจ๋หน้ามุ่ยลงโดยพลัน
"ทำไมหละ? พวกเราหวังดีจะไปอยู่เป็นเพื่อนพี่ใหญ่หนิ ไม่ได้ไปก่อกวนอะไรซักหน่อย แล้วอีกอย่างพี่ใหญ่อยู่คนเดียวมันน่าจะอันตรายมากกว่าด้วยเพราะที่บริษัทกว้างออกจะตาย ถ้ามีอะเกิดขึ้นพี่ใหญ่หนีไม่ทันหรอก"  ไจ่ไจ๋ใช้เหตุผลหว่านล้อมพี่ชาย
"เมื่อไม่กี่วันข่าวเพิ่งลงว่าตึกใกล้ๆในระแวกนั้นเพิ่งถูกงัดไม่ใช่หรอ? น่าเป็นห่วงพี่ใหญ่ออกนะ"  เหตุผลของเจ้าน้องชายตัวแสบทำเอาแวนเนสเริ่มลังเล
"แต่ที่ตึกเรามียามเฝ้านะ"  แวนเนสแย้งออกมาอีก
"ตึกที่โดนงัดก็มียามเฝ้าเหมือนกัน"  ไจ่ไจ๋เถียงแล้วก็ต้องแอบยิ้มเมื่อเห็นท่าทีของแวนเนสซึ่งเขารู้ดีว่าพี่ชายเชื่อเขาแล้ว
"เอาวะ! ไปก็ไป!"  พูดจบก็หยิบข้าวของที่จำเป็นใส่กระเป๋าตามเดิม
"นั่งแท๊กซี่ไปเนอะ เพราะเดี๋ยวจะได้กลับมาพร้อมพี่ใหญ่"  ไจ่ไจ๋จัดการเสร็จสรรพ แวนเนสเองก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกๆที่เจ้าน้องชายตัวยุ่งรนหาเรื่องให้ตัวเองลำบาก จนเมื่อขึ้นมานั่งบนแท๊กซี่แล้วแวนเนสก็ยังไม่สบายใจ
"เอาน่าพี่รอง แค่เราไปหาพี่ใหญ่มันจะเป็นความผิดร้ายแรงอะไรนักหนา?"  ไจ่ไจ๋พูดปลอบเมื่อเห็นแวนเนสมีท่าทีไม่สบายใจ
"นายก็พูดได้หนิ ถ้าพี่ใหญ่เขาจะเล่นงานจริงๆพี่ก็ต้องโดนเต็มๆอยู่คนเดียวนั่นแหละ"  แวนเนสว่าพร้อมกับถอนหายใจ
"ไม่หรอก ผมอยู่ทั้งคน รับรองว่าพี่รองปลอดภัย"  ไจ่ไจ๋รับประกันให้พี่ชายเต็มที่ ทั้งที่ในใจก็หวั่นๆว่าพี่ใหญ่จะโกรธอยู่เหมือนกัน แวนเนสทำหน้าไม่สบอารมณ์แต่ก็ไม่พูดอะไรต่อจนมาถึงที่หมาย
"นี่ครับ ไม่ต้องทอน"  ไจ่ไจ๋หยิบเงินในกระเป๋าของแวนเนสส่งให้คนขับรถพร้อมกับพูดอย่างใจดี หลังจากรถแท๊กซี่เคลื่อนตัวจากไปแวนเนสก็เขกหัวน้องอย่างหมั่นไส้
"นี่แหนะ! ไม่ต้องทอน! พูดเหมือนเงินตัวเองเลยนะ"  ไจ่ไจ๋หัวเราะเบาๆก่อนจะเถียง
"ก็แหม.....ถ้าพี่รองจ่ายเองก็ต้องพูดแบบผมเหมือนกันหรอก ผมรู้ใจพี่รองงัยถึงได้พูดแทน"  คำพูดของน้องเล็กทำให้แวนเนสเอื้อมมือไปทุบหัวน้องเบาๆอีกครั้ง
"ฉลาดเป็นกรดเลยนะ! ดีหละ.....เงินทิปค่าแท๊กซี่เดี๋ยวพี่ไปหักออกจากค่าขนมของนาย"  แวนเนสว่าแล้วก็ค้อนใส่ ไจ่ไจ๋รีบกอดเอวพี่ชายอย่างรู้งาน
"พี่รองที่แสนดีของผม ผมรู้ว่าพี่ไม่ทำจริงหรอก"  ทุกครั้งที่เจ้าน้องชายตัวดีเข้ามาออเซาะแวนเนสก็อดที่จะยิ้มไม่ได้
"ไม่ต้องมาอ้อนเลย ไป....อยากหาพี่ใหญ่นักก็นำไปเลย....."  แวนเนสตัดบทโดยการดุนหลังให้น้องชายเดินนำ 
"ประตูด้านหน้าปิด ไปเข้าตรงลานจอดรถดีกว่า"  แวนเนสบอกกับน้องชายแล้วจูงมือน้องเดินอย่างชำนาญ
"มืดจังแฮะ กี่โมงแล้วเนี่ย?"  เสียงน้องเล็กที่ตอนแรกคุยเจื้อยแจ้วเริ่มเบาลง ฝ่ามือที่กระชับมือพี่ชายเย็นเฉียบขึ้นมาเฉย แวนเนสขำเจ้าน้องชายตัวดีที่ทำเป็นอวดเก่งแต่พอมาเจอความมืดหน่อยก็กลัวแล้ว
"ตีหนึ่งครึ่ง"  แวนเนสตอบแล้วกระซิบกับน้องเบาๆ
"ไม่รู้ทำไมมันเย็นแบบแปลกๆเนอะ นายรู้สึกมั๊ย?"  ไจ่ไจ๋ได้ยินคำพี่ชายก็เปลี่ยนมากอดแขนพี่ชายแน่น
"พี่รองอย่าพูดแบบนี้สิ เดินไปเร็วๆ จะถึงหรือยัง?"  ไจ่ไจ๋เอ็ดพี่ชาย ในขณะที่แวนเนสเริ่มสนุกกับการแหย่น้อง
"ก็มันจริงนี่หว่า พี่รู้สึกว่าขามันก้าวไม่ค่อยออกเลย"  น้องเล็กเงยหน้ามองพี่ชายทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
"ไม่ต้องร้องไห้นะโว้ย! เดี๋ยวก็ถึงแล้ว ข้างหน้านั่นงัย"  แวนเนสรีบเปลี่ยนท่าทีแล้วสาวเท้าก้าวไปที่ทางเข้าโดยเร็ว เมื่อไปถึงประตูแล้วแวนเนสก็กดออดเรียกยาม
"เปิดประตูให้หน่อยครับ ผมมารับพี่ใหญ่"  แวนเนสบอกกล่าวกับยามยิ้มๆ
"อ้าว....เห็นผู้จัดการบอกว่าจะไม่กลับนี่ครับ"  ยามคนนั้นว่าแต่ก็เปิดประตูให้
"พอดีเขาเปลี่ยนใจเราเลยมารับ"  แวนเนสว่าแล้วก็ยิ้มให้ก่อนจะพาน้องชายเข้าไปข้างใน
"เดี๋ยวเราเดินไปกันเองได้ ขอบคุณมากนะครับ"  ยามคนนั้นยิ้มรับแล้วก้มหัวให้เล็กน้อย
"ทำไมไม่ให้พี่ยามคนนั้นเดินไปส่งเราหละ? เขามีไฟฉายนะ"  ไจ่ไจ๋พูดท้วงแวนเนส
"ข้างบนก็มีไฟตามทางแล้ว แค่ไฟสลัวหน่อยก็กลัวหรอวะ?"  แวนเนสว่าพร้อมกับส่ายหน้าไปมากับความขี้กลัวของน้องชาย
"เฮ้ย!"  แล้วแวนเนสก็ร้องออกมาเบาๆเพราะเขาเห็นเหมือนเงาผ่านไปตรงบันได
"อะไรพี่รอง?"  ไจ่ไจ๋ถามเสียงกระซิบ
"เปล่า"  แวนเนสปฏิเสธทั้งที่สีหน้าของเขาในตอนนี้เหวอสุดๆ
"พี่รองอ่ะ"  น้องเล็กเองก็ใจไม่ดีที่เห็นพี่ชายทำหน้าแบบนั้น แวนเนสพยายามสูดลมหายใจลึกๆแล้วกุมมือน้องชายแน่น
"ไป! เราไปหาพี่ใหญ่กัน!"  พูดด้วยความฮึกเฮิมเพื่อเรียกความกล้าของตัวเองออกมา แล้วก้าวยาวๆขึ้นบันได 
"ใครน่ะ?"  ไจ่ไจ๋กระซิบถามเมื่อเห็นเหมือนหลังใครไวๆเดินเข้าห้องน้ำไป สองพี่น้องมองหน้ากันไปมากลัวก็กลัวแต่ก็อยากรู้
"พี่ให้นายเลือก"  แวนเนสถามความเห็นน้อง
"ผม.....ผมว่าเราไปหาพี่ใหญ่กันก่อนดีกว่า....."  ไจ่ไจ๋ให้คำตอบ แวนเนสพยักหน้าแล้วพาน้องชายกึ่งวิ่งกึ่งจูงไปที่ห้องทำงานพี่ชาย 
"อย่าเคาะ!"  แวนเนสรีบห้าเมื่อเห็นน้องเล็กยกมือขึ้นจะเคาะประตู ไจ่ไจ๋จึงชะงักไป แวนเนสโทรศัพท์หาพี่ชาย
"มีอะไร?"  เสียงพี่ชายถามกลับมา
"เปิดประตูให้หน่อย"  แวนเนสพูดเสียงแผ่ว 
"อะไรนะ?"  เสียงพี่ชายถามย้ำอย่างงงงวย
"ชั้นอยู่หน้าห้อง เปิดประตูให้หน่อย"  แวนเนสพูดย้ำอย่างชัดเจน เพียงไม่กี่วินาทีประตูห้องทำงานของพี่ชายก็ถูกเปิดออก และก่อนที่พี่ใหญ่จะทันได้พูดอะไรน้องชายทั้งคู่ก็กระโจนพรวดเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูลงโดยเร็ว
"พวกนายมาที่นี่ได้ยังงัย? แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?"  สอบถามน้องชายทั้งคู่ด้วยความงุนงง
"เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ แต่เมื่อกี้ชั้นสองคนเห็นคนเดินอยู่บนตึก"  แวนเนสบอกกับพี่ชายสีหน้าจริงจัง
"คนจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้"  น้องเล็กพูดแทรก
"อะไรของพวกนาย? นี่อย่ามาเล่นบ้าๆนะ!"  เจอร์รี่ทำเสียงดุน้องชายทั้งคู่ แต่สีหน้าและท่าทางของน้องบ่งบอกว่าไม่ได้ล้อเล่นแน่
"เจอที่ไหน?"  แล้วก็เปลี่ยนคำถาม
"ชั้นถัดลงไปเนี่ย เหมือนจะอยู่ในห้องน้ำชาย"  แวนเนสตอบ ดังนั้นเจอร์รี่จึงรีบเดินไปที่โทรศัพท์แล้วแจ้งหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยให้ไปตรวจสอบทันที
"รบกวนหน่อยนะครับ เมื่อกี้ผมเห็นคนอยู่ชั้นสาม ช่วยตรวจสอบให้ผมหน่อย"  เจอร์รี่สั่งการ
"แล้วก็เปิดไฟให้สว่างทั้งตึกเลยนะครับ"  พูดจบก็ตัดสายพร้อมกับไฟทุกดวงที่สว่างจ้าขึ้นมา ค่อยทำให้แวนเนสกับไจ่ไจ๋โล่งอก 
"เฮ่อ! ค่อยยังชั่ว"  สองพี่น้องพูดออกมาพร้อมกันแต่พอเห็นสีหน้าของพี่ใหญ่ที่มองมาอย่างเอาเรื่องแล้วก็ได้แต่ยิ้มกันแหยๆ        
"พี่หวังว่านายสองคนจะมีเหตุผลดีๆมาบอกกับพี่ว่าทำไมถึงต้องพากันมาที่นี่"  พี่ใหญ่ยืนกอดอกมองเจ้าน้องชายตัวดีทั้งคู่ด้วยท่าทางเคร่งขรึม
"ก็....พวกเรา....."  แวนเนสพูดอ้ำๆอึ้งๆแล้วใช้ศอกกระทุ้งเจ้าน้องเล็กที่ก่อนมาถึงรับประกันความปลอดภัยให้เขาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะแต่พอมาตอนนี้กลับนั่งเงียบกริบ
"ว่ายังงัย?"  พี่ใหญ่ถามย้ำเสียงเข้มขึ้นกว่าเดิม
"ก็ชั้นกับน้องเป็นห่วงนายน่ะสิ ดึกๆดื่นๆอยู่ที่บริษัทคนเดียวมันอันตรายนะ"  แวนเนสบอกกับพี่ชายเสียงอ่อย เมื่อได้ยินดังนั้นไจ่ไจ๋จึงรีบเสริม
"ใช่ครับ เมื่อวานหนังสือพิมพ์เพิ่งลงข่าวว่าออฟฟิสแถวนี้ถูกงัด แล้วออฟฟิสที่ถูกงัดก็มียามเฝ้าอย่างดีด้วย ผมกับพี่รองเลยเป็นห่วงหากว่าพี่ใหญ่อยู่คนเดียวแล้วเกิดอะไรขึ้นมา"  ข้ออ้างของน้องฟังดูค่อนข้างมีเหตุผลเจอร์รี่จึงได้แต่ถอนหายใจ
"ถ้ามันมีอะไรเกิดขึ้นจริง พี่ตัวคนเดียวยังพอจะเอาตัวรอดได้แต่พอพวกนายมาพ่วงต่ออีกสองคนแบบนี้ไม่ต้องกอดกันตายเลยหรืองัย"  แวนเนสกับไจ่ไจ๋ก้มหน้างุดเมื่อโดนพี่ชายดุ
"แต่เอาเถอะ! ไหนๆก็มาแล้วจะไล่กลับไปก็ใช่ที เฮ่อ! ยุ่งกันจริง"  แล้วก็บ่นอุบอิบต่อ น้องชายทั้งคู่มองหน้าพี่ชายก่อนจะหันมายิ้มให้กันเพราะรู้ว่าพี่ชายไม่ได้โกรธ 
"ไม่ต้องมายิ้ม! เพราะถ้ามีครั้งต่อไปอีกพี่จะลงโทษพวกนายแน่นอน"  เอ็ดใส่น้องชายทั้งคู่อย่างไว้ฟอร์ม
"ครับ"  แวนเนสกับไจ่ไจ๋รับปากขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง ในตอนนั้นเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของเจอร์รี่ก็ดังขึ้น
"สวัสดีครับ"  เจอร์รี่เดินไปรับสาย ปรากฏว่าเป็นยามโทรกลับมารายงานว่าคนที่เห็นเดินอยู่นั้นคืออาเหลียนนั่นเอง
"งั้นหรอ? โอเค.....ขอบคุณมากครับ ไม่มีอะไรแล้ว ขอโทษที่รบกวนกลางดึก"  เจอร์รี่รับคำก่อนจะตัดสายไป แล้วพอหันกลับมาก็เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของน้องทั้งสองคน
"ที่พวกนายเห็นน่ะ......"  เจอร์รี่ยังพูดไม่ทันจบน้องชายทั้งคู่ก็ถามขึ้นมาพร้อมกัน
"ผีหลอกใช่มั๊ย!?"  ในขณะที่ย้อนถามพี่ชายแวนเนสกับไจ่ไจ๋มีสีหน้าตื่นเต้น
"จะบ้าหรอ! ผีบ้าบอที่ไหนกัน! ไอ้พวกนี้หนิ!"  เจอร์รี่เอ็ดใส่น้องๆก่อนจะส่ายหน้าไปมาอย่างระอา
"อ้าว.....งั้นแมวหรอพี่ใหญ่?"  ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายอย่างผิดคาด
"แมวที่ไหนกันหละ? คนเป็นๆนี่แหละ"  ตอบน้องชายแบบทั้งฉุนทั้งขำ
"โจรหรอ? ว่าแล้วเชียวว่ามันต้องปฏิบัติการแบบต่อเนื่องกัน! เห็นมั๊ยว่าพวกชั้นคาดเดาไม่ผิด นี่นะเนี่ยที่เห็นก่อนไม่งั้นมันเข้ามาปล้นในห้องนายหละซวยเลย"  แวนเนสร่ายยาวต่อบ้าง เจอร์รี่มองน้องทั้งคู่อย่างเหนื่อยใจ
"ไม่ใช่โจร! ไม่มีใครเข้ามาปล้นตึกนี้หรอก"  ปฏิเสธพร้อมกับส่ายหน้าไปด้วย
"อ้าว!"  สองพี่น้องอุทานขึ้นมาพร้อมกันแล้วหันไปทำหน้างงๆให้กัน
"อาเหลียนน่ะ"  แล้วเจอร์รี่ก็เฉลยให้น้องรู้ 
"อาเหลียน?"  น้องชายทั้งสองคนทวนคำ
"อาเหลียนมาทำอะไรตอนดึกดื่นป่านนี้?"  แวนเนสตั้งคำถาม 
"แล้วชั้นจะรู้มั๊ยเล่า? ก็นั่งอยู่ในห้องตลอด"  เจอร์รี่ไม่ตอบแต่แขวะน้องกลับไปแทน
"เหมือนที่ผมกับพี่กลางคิดไว้ไม่มีผิด"  แล้วไจ่ไจ๋ก็เอ่ยขึ้นมา      
"หมายความว่ายังงัย?"  เจอร์รี่หันไปสนใจกับคำพูดของน้องชาย
"เอ่อ....ผมเองก็ไม่อยากพูดโดยที่ไม่มีหลักฐานนะ แต่ผมกับพี่กลางเจอเหตุการณ์บางอย่างที่อาเหลียนทำตัวน่าสงสัย"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็เล่าเรื่องที่พบเจอทุกอย่างให้พี่ชายทั้งคู่ฟังอย่างละเอียด จนเมื่อฟังจบพี่ชายทั้งสองคนก็อึ้งไปอย่างคาดไม่ถึง
"มิน่าหละ รายได้ของบริษัทถึงตกต่ำลงทุกเดือน สาเหตุมาจากอาเหลียนเองหรอ"  หลังจากเงียบกันไปครู่หนึ่งแวนเนสก็เอ่ยขึ้น 
"เจอร์รี่ แล้วหลักฐานที่นายบอกว่าพอจะสืบได้บ้างแล้วมันคืออะไร?"  หันไปถามพี่ชายต่อ
"ก็หลักฐานที่บ่งชี้ไปที่อาเหลียนนั่นแหละ"  เจอร์รี่ตอบอย่างอ่อนแรง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบุคคลที่เขาเคารพนับถือจะทำการเช่นนี้ได้
"ตั้งแต่เมื่อไหร่?"  แวนเนสถามต่อ
"ยังไม่รู้ แต่คงเริ่มมาได้ซักระยะหนึ่งแล้ว"  พูดจบก็ถอนหายใจ
"แล้วเราจะทำยังงัยกันดีหละครับพี่ใหญ่?"  ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายต่ออีกคน
"พี่ก็ยังไม่รู้"  เจอร์รี่ส่ายหน้าอย่างไม่รู้จะทำยังงัยดี
"ชั้นว่านะ เรื่องนี้น่าจะให้พ่อกับแม่เป็นคนจัดการ เพราะยังงัยอาเหลียนก็เป็นผู้ใหญ่"  แวนเนสเสนอความคิด 
"ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น แต่ชั้นไม่เข้าใจเลยว่าอาเหลียนทำแบบนี้ได้ยังงัย? ทั้งที่ชั้นไว้ใจเขามากที่สุด"  พี่ใหญ่โอดครวญอย่างผิดหวัง
"เรื่องเงินมันไม่เข้าใครออกใครหรอก แม้แต่พี่น้องกันยังเข่นฆ่าเพื่อแย่งสมบัติกันก็มีบ่อยไป"  แวนเนสว่าพร้อมกับตบไหล่พี่ชายเบาๆ
"อย่าคิดมากเลย กลับบ้านกันเถอะ"  เจอร์รี่ถอนหายใจเบาๆ 
"โอเค กลับก็กลับ"  พูดด้วยท่าทางซึมๆเพราะนึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริงๆ
"พี่ใหญ่ครับ พี่กินข้าวบ้างหรือยัง?"  ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายพร้อมกับกอดแขนพี่ชายไปด้วย
"พี่กินไม่ลงหรอกไจ่ไจ๋"  เจอร์รี่ตอบเสียงแผ่ว
"ต้องกินนะครับ วันนี้ทำงานหนักทั้งวันแล้วยังมาเจอเรื่องแบบนี้อีก อย่างน้อยก็ควรให้ร่างกายแข็งแรงไว้ก่อน"  น้องเล็กคะยั้นคะยอเพราะรู้ว่าเวลาพี่ชายทำงานแล้วมักจะทุ่มเทโดยไม่สนใจตัวเองเลย
"ที่น้องพูดก็ถูก เดี๋ยวขากลับเราแวะร้านข้าวต้มโต้รุ่งกินข้าวก่อนดีกว่า"  แวนเนสนับสนุนความคิดของน้องชาย เจอร์รี่ที่เป็นฝ่ายเสียงข้างน้อยจึงโต้แย้งอะไรไม่ได้
"งั้นก็ตามใจพวกนายเถอะ"  ว่าแล้วก็หันไปเก็บข้าวของบนโต๊เพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน โดยที่น้องชายทั้งสองคนได้แต่สบตากันด้วยความไม่สบายใจเช่นกัน




 

Create Date : 17 มิถุนายน 2557    
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2558 14:40:06 น.
Counter : 909 Pageviews.  

Chapter 80

  ตอนที่ 80

"แน่ใจหรอครับว่าจะไปเที่ยวกันแค่สามสี่วัน แพ็คกระเป๋ากันอย่างกับจะไปซักปีนึง"  ไจ่ไจ๋บ่นอุบหลังจากช่วยพ่อแม่และเคนยกกระเป๋ามาใส่หลังรถ
"ต้องเตรียมพร้อมเสมอสิลูก เพื่อเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นมา ข้าวของที่เอาไปเกินมันดีกว่าขาดเป็นไหนๆ"  พ่ออธิบายให้ลูกชายคนเล็กฟัง
"ครับ รอบคอบกันแบบนี้ก็ดีแล้ว"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วหันไปทางพี่ชายคนกลาง
"ถ้าจะไปด้วยก็ยังทันนะไจ่ไจ๋"  เคนพูดกับน้องอีกครั้ง
"นั่นแหนะ! ยังไม่ทันจะพ้นเขตบ้านพี่กลางก็คิดถึงผมแล้วใช่หรือเปล่า?"  ไจ่ไจ๋แกล้งแหย่พี่ชาย
"ไอ้บ้า! ยังมีหน้ามาพูดเล่นอีก ไม่ไปก็ดีจะได้ไม่เปลือง"  เคนว่าแล้วก็ค้อนใส่เจ้าน้องชายตัวดี ไจ่ไจ๋หัวเราะแล้วกอดเอวพี่ชาย
"พี่กลางเที่ยวให้สนุกนะครับ มีอะไรก็พูดคุยกับพ่อแม่แบบเปิดอกไปเลย อุตส่าห์เปิดโอกาสให้แล้วนะเนี่ย"  เคนได้ยินก็ยิ้มแล้วขยี้หัวน้องชายเบาๆ
"ไจ่ไจ๋.....มีเรื่องนึงที่พี่ต้องไหว้วานนายหน่อย"  แล้วเคนก็ทำเสียงเป็นการเป็นงานขึ้นมา
"ไม่ต้องห่วงครับพี่กลาง เจ้าพีพีกับถางถางจะได้รับการดูแลอย่างดี ผมไม่กล้าทิ้งขว้างหรือเอามันไปฝากใครเลี้ยงอีกแล้ว"  ไจ่ไจ๋พูดแทรกขึ้นมาก่อน
"ไม่ใช่เรื่องแมว!"  เคนแย้งน้องชายก่อนจะมองไปรอบๆเมื่อไม่เห็นว่ามีใครอยู่ก็ก้มหน้าพูดกับน้องเบาๆ
"พี่หมายถึงเรื่องอาเหลียน"  เคนเฉลยแล้วกวาดตามองอย่างระวัง
"ความจริงพี่เองก็อยากสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าพี่ทำแบบนั้นพี่ใหญ่ต้องสงสัยแน่แล้วดีไม่ดีอาเหลียนอาจไหวตัวทันเพราะดูเหมือนระยะหลังเขาก็ค่อนข้างจะระวังพี่มากเหมือนกัน"  เคนอธิบายให้น้องฟังอย่างเป็นการเป็นงาน
"พี่กลางไม่ต้องห่วง ผมจะไปบริษัทกับพี่ใหญ่ทุกวันแล้วถ้ามีเอกสารอะไรที่อาเหลียนส่งมาให้พี่ใหญ่เซ็นผมจะแอบจดรายละเอียดเก็บไว้แล้วจะบอกให้พี่กลางรู้ทันทีเลย"  ไจ่ไจ๋รับคำอย่างหนักแน่น
"อืม.....ดีแล้ว.....นายต้องช่วยเป็นหูเป็นตาให้พี่ด้วย....."  เคนเอ่ยชมน้องชาย
"ยังงัยพี่จะโทรมาหาทุกวัน"  แล้วก็พูดตัดบทเมื่อเห็นพ่อแม่และพี่ชายอีกสองคนเดินมาที่รถพอดี
"เสี้ยวเทียน ยาพ่นยากินเอาไปหมดแล้วนะ"  เจอร์รี่ถามน้องชาย
"เอาไปแล้ว"  เคนตอบคำถามนั้น
"แล้วอย่าเกเรกับพ่อแม่ให้มากนักนะ ห้ามเอาแต่ใจด้วย พ่อแม่พูดอะไรก็ต้องเชื่อฟัง เข้าใจมั๊ย?"  สั่งกำชับน้องชายต่ออีก
"คร้าบบบ.....เข้าใจแจ่มแจ้งทุกอย่างเลยยยยย....."  เคนรับคำพี่ชายอย่างติดกวนเล็กน้อย
"เข้าใจแล้วทำตามที่สั่งด้วยนะ ไม่ใช่ว่าพอพ้นสายตาพี่ใหญ่แล้วเราก็ออกฤทธิ์เต็มที่"  พี่ใหญ่ว่าพร้อมกับหยิกแก้มน้องอย่างหมั่นไส้
"หึๆๆๆ"  เคนหัวเราะแล้วสวมกอดพี่ชาย
"ช่วงที่ชั้นไม่อยู่เอาไจ่ไจ๋ไปทำงานที่บริษัทแทนชั้นนะ"  เคนเงยหน้าแล้วบอกกับพี่ชาย
"เอาไปให้มันป่วนชั้นแทนนายหรอ?"  ย้อนถามน้องชายกลับยิ้มๆ
"ไม่หรอก มันช่วยงานนายได้แน่นอน ชั้นเทรนมันเรียบร้อยแล้ว"  เจอร์รี่ได้ยินก็หัวเราะ
"ไอ้ขี้คุย! กว่าพี่จะฝึกเราจนเป็นงานได้ใช้เวลาเป็นปี แล้วเราเก่งกาจขนาดไหนถึงได้ใช้เวลาแค่สองสามนาทีฝึกน้องจนเป็นงานได้น่ะ?"  ถามพร้อมกับบีบจมูกน้องอย่างเอ็นดู
"นั่นแหละ เอามันไปด้วย ชั้นกลัวว่ามันอยู่บ้านคนเดียวจะเหงา"  เคนย้ำคำพี่ชาย
"ก็ได้ๆๆ ชั้นไม่ทิ้งมันอยู่บ้านคนเดียวหรอก"  เจอร์รี่รับปากแล้วจูบเบาๆที่หน้าผากน้องชาย
"เที่ยวให้สนุกนะ"  ร่ำราเสร็จก็ปล่อยตัวน้อง จากนั้นสมาชิกทุกคนต่างก็ร่ำรากันแล้วเคนก็ขับรถพาพ่อกับแม่ออกไป
"หวังว่ากลับมาบรรยากาศระหว่างเจ้าเสี้ยวเทียนกับพ่อแม่คงดีขึ้นมากนะ"  เมื่อรถยนต์หายลับตาไปแล้วแวนเนสก็เปรยขึ้นมา
"ชั้นกลัวว่าจะดีขึ้นจนพ่อกับแม่ไม่กล้าว่าอะไรมันเลยน่ะสิ"  เจอร์รี่พูดเป็นเชิงบ่น 
"เอาน่าๆๆ!!! พวกพี่สองคนนี่ชอบนินทาพี่กลางลับหลังอยู่เรื่อย ผมว่าพี่กลางเขาก็รู้ขอบเขตหรอกว่าจะทำตัวกับพ่อแม่ยังงัย"  ไจ่ไจ๋ต่อว่าพี่ชายทั้งคู่เมื่อได้ยินพี่ชายทั้งสองคนนินทาพี่ชายสุดที่รักของเขา
"แตะไม่ได้เลยนะไอ้พี่ชายสุดรักสุดดวงใจของนายคนนี้น่ะ!"  แวนเนสต่อว่าน้องอย่างหมั่นไส้ 
"แหม.....ก็รักเหมือนกันทุกคนแหละครับ ปะ.....เราเข้าบ้านกันดีกว่า"  ว่าแล้วไจ่ไจ๋ก็ชวนพี่ชายทั้งคู่เข้าไปในบ้าน
"พรุ่งนี้ชั้นกลับดึกหน่อยนะ"  เมื่อเข้ามานั่งร่วมวงกันแวนเนสก็เอ่ยปากบอกพี่ชายเอาไว้ก่อน
"จะไปไหน?"  เจอร์รี่ย้อนถามต่อทันที
"ไม่ได้ไปไหนแต่งานคงดึกน่ะ เพราะตอนนี้ก็จะเร่งให้อัลบั้มอัดเสร็จเร็วๆ"  แวนเนสตอบ
"เห็นบอกว่าอัดเสร็จเกือบหมดแล้วไม่ใช่หรอพี่รอง?"  ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายขึ้นมาบ้าง
"ก็ใช่ แต่มันก็ต้องไปเก็บงานที่ยังมีจุดบกพร่องบางอย่างอีกนิดหน่อย แต่ไม่น่าเกินสิ้นเดือนนี้หรอก"  แวนเนสตอบแล้วอธิบายให้น้องชายฟัง
"งั้นผมก็จะได้ฟังเพลงของพี่รองแล้วสิ"  ไจ่ไจ๋พูดอย่างดีใจ
"ก็ประมาณนั้นแหละ.....แต่บอกไว้ก่อนนะว่าพวกนายต้องอุดหนุนพี่ด้วยไม่ใช่มานั่งรอแต่ของฟรี"  แวนเนสพูดดักคอเอาไว้
"ไอ้ขี้งก! กับพี่กับน้องให้ฟรีแค่นี้ไม่ได้"  ไจ่ไจ๋ต่อว่าพี่ชายกลับไปแต่แล้วก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
"ผมซื้ออัลบั้มของพี่ก็ได้แต่ว่าพี่ต้องให้ค่านายหน้าผมด้วยนะเพราะเดี๋ยวผมจะไปโฆษณากึ่งบังคับให้เพื่อนๆทุกคนซื้อ"  คำพูดของน้องเล็กทำให้เจอร์รี่หัวเราะออกมาได้
"โหย! นายนั่นแหละงก! ช่วยพี่ชายแค่นี้ต้องมีค่าตอบแทน"  แวนเนสบ่นอุบ
"ก็นายอยากงกกับมันก่อนนี่"  เจอร์รี่เสริมพร้อมกับหัวเราะ
"เข้าข้างมันทันทีเชียว เฮ้อ! สุดท้ายชั้นก็เป็นหมาหัวเน่าอยู่ดี!"  แล้วแวนเนสก็แกล้งทำสีหน้าน้อยใจ
"ไอ้ลูกลิงเอ้ย!"  เจอร์รี่หมั่นไส้เลยผลักหัวน้องเข้าให้
"แต่ผมว่ามีอยู่ที่นึงที่พี่รองไม่มีวันกลายเป็นหมาหัวเน่าแน่ๆ"  ไจ่ไจ๋เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับอมยิ้ม
"แน่นอน! พี่น่ะมีคนที่พี่รักและก็รักพี่อยู่เคียงข้างเสมอ"  แวนเนสหน้าระรื่นขึ้นมาทันทีเมื่อน้องชายเอ่ยถึงคนรักของเขา
"ขืนทำตัวงอแงมากๆซักวันกลอเรียเขาคงเบื่อนายเหมือนกันแหละ"  พี่ใหญ่แขวะเข้าให้บ้าง
"ไม่มีทาง! เพราะกลอเรียน่ะใจดีกว่าพวกนายเยอะ"  แวนเนสตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"กลอเรียไม่เคยซ้ำเติมชั้นเวลาชั้นทำอะไรพลาด แต่นายอ่ะนอกจากด่าแล้วบางครั้งยังตีชั้นอีก ใจร้าย!"  แวนเนสต่อว่าพี่ชายฉอดๆ
"น้อยๆหน่อยไอ้ตัวดี! ถ้าสิ่งที่นายทำผิดทำพลาดมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตชั้นเคยด่าเคยตีนายเมื่อไหร่กัน?"  พี่ใหญ่เองก็เถียงน้องกลับ
"โอ้ย! อย่าให้พูดเลย!"  แวนเนสทำเสียงสูง
"ไม่อยากคุยกับพวกนายแล้ว ชั้นไปหากลอเรียดีกว่า"  ว่าแล้วแวนเนสก็ขยับตัวลุกขึ้น
"แล้วอย่าชวนกลอเรียเขาเที่ยวจนดึกดื่นหละ เราเองก็เหมือนกันพรุ่งนี้ต้องทำงานนะ"  พี่ใหญ่ไม่วายสั่งกับชับน้องชาย
"รู้แล้วน่า! ไปนะ!"  แวนเนสตอบรับคำพี่ชายก่อนจะโบกมือลาพี่น้องทั้งคู่
"ฝากบอกพี่กลอเรียด้วยนะว่าผมคิดถึง"  ไจ่ไจ๋ส่งเสียงไล่หลังพี่ชายไป
"เออ! เดี๋ยวบอกให้!"  แวนเนสรับคำแล้วหายแว๊บออกไปทันที
"ไวอย่างกับลิง!"  เจอร์รี่ว่าพร้อมกับส่ายหน้าที่น้องชายทำอะไรปุ๊บปั๊บ
"พี่ใหญ่ครับ"  ไจ่ไจ๋เรียกพี่ชายแล้วเข้าตัวมานอนหนุนตักพี่ชาย
"ว่ายังงัย?"  เจอร์รี่ย้อนถามพร้อมกับลูกหัวน้องชายอย่างเอ็นดู
"พี่กลางไม่อยู่แล้วพี่ใหญ่ไม่ต้องมาบ่นผมแทนหละ"  เอ่ยแซวพี่ชายยิ้มๆ
"เดี๋ยวเถอะไอ้ตัวดี! ว่าพี่ขี้บ่นหรอ?"  พี่ใหญ่กัดฟันต่อว่าน้องพร้อมกับบีบจมูกน้องชายไปด้วย
"หึๆๆๆๆ"  ไจ่ไจ๋หัวเราะเบาๆแล้วเงียบไป
"ง่วงนอนหรอ?"  เมื่อเห็นน้องเงียบไปพี่ใหญ่ก็ถามขึ้นมา
"เปล่า"  ไจ่ไจ๋ส่ายหน้าเล็กน้อย
"งั้นก็คิดถึงพี่กลางหละสิ"  ถามอย่างพอจะเดาความรู้สึกของน้องชายได้
"แล้วพี่ใหญ่หละ?"  ไจ่ไจ๋ไม่ตอบแต่ย้อนถามพี่ชายกลับไป
"พี่ก็คิดถึงมันตลอดแหละ ไม่ใช่เฉพาะเจ้าพี่กลางหรอกตอนนี้พี่เองก็คิดถึงพี่รองของนายด้วย"  เจอร์รี่ตอบน้องไปตามตรง
"ถ้าพี่ใหญ่อยู่คนเดียวคงเหงาแย่"  ไจ่ไจ๋พูดยิ้มๆ
"งั้นสิ เพราะฉะนั้นนายห้ามหนีพี่ไปเที่ยวไหนอีกคนหละ"  จบคำพูดของพี่ใหญ่สองพี่น้องก็หัวเราะกันเบาๆ

- วันต่อมาที่บริษัท -
"เดี๋ยวพี่ใหญ่มีประชุม เอกสารในแฟ้มบนโต๊ะเราช่วยพิมพ์ให้พี่หน่อยแล้วกัน ถ้าทำเสร็จแล้วพี่ยังไม่ออกมาจะไปเดินเล่นข้างล่างก็ได้"  เจอร์รี่หันมาพูดกับน้องชายขณะที่สวมเสื้อสูทไปด้วย
"ได้ครับพี่ใหญ่ พี่ไม่ต้องห่วงผมหรอก แล้วเดี๋ยวงานตรงนี้ผมจัดการให้"  ไจ่ไจ๋ว่าพร้อมกับยิ้มให้พี่ชาย
"ขอบใจมาก พี่ไปก่อนนะ มีอะไรส่งข้อความมาได้"  สั่งกำชับน้องชายเสร็จก็โบกมือลา หลังจากพี่ชายออกไปแล้วไจ่ไจ๋ก็เดินมานั่งลงที่โต๊ะทำงานของพี่ชาย
"โต๊ะรกชะมัด!"  บ่นอุบเมื่อเห็นมีแต่เอกสารกองเต็มไปหมด
"ทำงานให้พี่ใหญ่ก่อนดีกว่า"  ว่าแล้วก็หยิบแฟ้มที่พี่ชายพูดถึงมาเปิดออกดูเพื่อพิมพ์งานให้พี่ชาย
"โอโห! ตัวเลขเต็มไปหมด แบบนี้งงตายเลย"  ไจ่ไจ๋บ่นงึมงำแต่ก็เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา แล้วลงมือช่วยพี่ชายทำงาน ในระหว่างนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
"อ้าว! เจอร์รี่ไม่อยู่หรอ?"  เสียงที่เอ่ยขึ้นมานั้นทำให้ไจ่ไจ๋ลุกขึ้นยืนแล้วก้มหัวให้ผู้มาเยือน
"สวัสดีครับอาเหลียน พี่ใหญ่ไม่อยู่ไปประชุมครับ"  ไจ่ไจ๋ตอบแล้วย้อนถาม
"อาเหลียนมีธุระอะไรกับพี่ใหญ่มั๊ยครับ? ผมจะส่งข้อความไปบอกให้"  คำเสนอนั้นทำให้อาเหลียนยิ้มเล็กน้อย
"ไม่เป็นไรหรอกหลายชาย อาแค่เอาเอกสารมาให้พี่ชายเธอเซ็นน่ะ พอดีว่ามีเคสด่วนนิดหน่อย"  อาเหลียนตอบ
"เดี๋ยวอามาใหม่แล้วกัน"  ว่าแล้วก็ทำท่าจะหมุนตัวออกไป
"เอ่อ.....อาเหลียนครับ.....ทิ้งเอกสารไว้ที่นี่ก็ได้ ถ้าพี่ใหญ่กลับมาแล้วเดี๋ยวผมจะบอกให้พี่ใหญ่เซ็นให้แล้วผมจะเอาไปให้อาเอง อาจะได้ไม่ต้องเดินไปเดินมาหลายรอบ"  ไจ่ไจ๋ร้องบอกขึ้นมาก่อน
"อืม....ไม่เป็นไรดีกว่า.....เดี๋ยวอามาใหม่ ขอบใจมากนะ"  อาเหลียนทำท่าครุ่นคิดก่อนตอบ
"ถ้างั้นถ้าพี่ใหญ่กลับมาผมจะบอกพี่ใหญ่ให้นะครับว่าอามีเคสด่วน"  ไจ่ไจ๋เองก็ไม่ได้เหนี่ยวรั้งไว้ อาเหลียนพยักหน้าแล้วหมุนตัวออกไป
"เอกสารสำคัญอะไรนักหนา? ทำไมเราถึงดูไม่ได้? ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลอย่างที่พี่กลางบอกแหงๆ"  หลังจากอาเหลียนออกไปแล้วไจ่ไจ๋ก็ตั้งข้อสังเกต 
"โทรบอกพี่กลางดีกว่า"  แล้วก็นึกถึงพี่ชายคนกลางขึ้นมาจึงหยิบโทรศัพท์กดหาเคน
"ว่างัยน้องรัก? คิดถึงพี่หละสิ"  เสียงเคนเอ่ยทักน้องชายอย่างร่าเริง
"แหม.....มีความสุขจังเลยนะครับ"  ไจ่ไจ๋ได้ยินเสียงพี่ชายแล้วก็พลอยยิ้มออก เขาชอบเวลาที่พี่ชายคนนี้อารมณ์ดีอย่างเป็นที่สุด
"แน่นอน ตกลงมีอะไรหรือเปล่า?"  แล้วเคนก็ถามน้องชายกลับมา
"อืม....ผมอยู่ที่บริษัทกับพี่ใหญ่"  ไจ่ไจ๋เกริ่นนำ เคนเงียบเสียงไปพักหนึ่งก่อนจะถามกลับมา
"มีอะไรผิดปกติมั๊ย?"  น้ำเสียงเป็นการเป็นงานขึ้นมา
"พ่อแม่อยู่ด้วยหรือเปล่าครับ?"  ไจ่ไจ๋ยังไม่ตอบแต่ย้อนถามพี่ชายกลับไป
"เปล่า พี่อยู่ในห้องพักโรงแรม พ่อแม่อยู่อีกห้องนึง"  เมื่อพี่ชายตอบกลับมาเช่นนั้นไจ่ไจ๋จึงเล่าเหตุการณ์เมื่อซักครู่ให้พี่ชายฟังอย่างละเอียด
"น่าสงสัยจริงๆแหละ เพราะถ้าปกติแล้วเป็นเอกสารอนุมัติเงินตามที่เสนออาเหลียนไม่จำเป็นต้องมาให้พี่ใหญ่เซ็นด้วยตัวเองก็ได้ ถึงต่อให้เป็นเคสด่วนจริงให้ลูกน้องคนไหนถือมาก็ได้"  เคนเริ่มวิเคราะห์หลังจากฟังที่น้องชายเล่าจบแล้ว
"นั่นสิ แล้วท่าทางของอาเหลียนเหมือนไม่อยากให้ผมรู้ด้วยว่าในเอกสารนั้นมีอะไร"  ไจ่ไจ๋พูดเสริม
"ความจริงถ้าอาเหลียนให้เอกสารนั้นกับนายไว้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะต่อให้เอกสารนั้นมีส่วนที่ผิดแปลกไปยังงัยนายเองก็คงดูไม่ออก แต่นี่เขากลับมีท่าทีระแวงนายไปด้วย พี่ว่า.....อาเหลียนเขาคงพอจะรู้เหมือนกันว่าเราสองคนก็จับตามองเขาอยู่"  เคนให้ความเห็น
"งั้นผมจะทำยังงัยดีหละครับ?"  ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายกลับไป
"พี่ว่าตอนนี้นายคงยังทำอะไรไม่ได้หรอก เพราะถ้าอาเหลียนให้เอกสารนั้นกับพี่ใหญ่โดยตรงการที่นายจะไปขอดูจากพี่ใหญ่มันก็จะยังงัยอยู่"  เคนตอบน้องชายแล้วพูดต่อ
"พี่ว่าที่นายทำได้ตอนนี้ก็คือลองหาเอกสารบนโต๊ะของพี่ใหญ่ที่ส่งมาจากแผนกจัดซื้อหลายๆใบมาเทียบกันดูว่าราคาของสินค้าอย่างเดียวกันว่ามันตรงกันหรือคาดเคลื่อนกันมากแค่ไหน พี่ใหญ่เขามีเก็บใบก๊อปปี้อยู่ น่าจะอยู่ในลิ้นชักนะ"  เคนแนะนำน้องชาย
"แล้วก็ระวังๆหน่อย ถ้าพี่ใหญ่เข้ามาเห็นก็หาข้อแก้ตัวดีๆหละ"  ไจ่ไจ๋รับคำพี่ชายอย่างหนักแน่น
"ได้ครับ เดี๋ยวผมจะลองหาดู พี่ใหญ่ไปประชุมคงไม่กลับมาเร็วนักหรอก"  ว่าแล้วไจ่ไจ๋ก็ตัดบทพี่ชาย
"งั้นแค่นี้ก่อนนะพี่กลาง มีอะไรจะโทรไปใหม่"  พูดจบก็วางสาย แล้วหันมาเริ่มต้นค้นแฟ้มเอกสารของพี่ชายต่อ
"โอโห! มีแต่เอกสารเป็นฟ่อนเลยแล้วแบบนี้จะหาเจอมั๊ยเนี่ย?"  ไจ่ไจ๋บ่นเมื่อมองหาแล้วก็เจอแต่แฟ้มเรียงกันเป็นแถวยาว
"ในลิ้นชักหรอ?"  แล้วก็นึกถึงคำพูดของเคนจึงเปิดลิ้นชักของพี่ชายออกมาดู แต่เมื่อเปิดๆค้นๆแล้วก็ไม่เจอ
"หรือว่าพี่ใหญ่ไม่ได้เก็บไว้แถวนี้นะ"  ไจ่ไจ๋พึมพำอยู่คนเดียว แล้วใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะหาสิ่งที่ต้องการเจอ
"อยู่นี่เอง....เอกสารฝ่ายจัดซื้อ"  ไจ่ไจ๋ยิ้มออกเมื่อเจอแฟ้มดังกล่าวแล้ว เขายืนเปิดดูไปทีละแผ่น
"โห! ตั้งเก็บไว้ตั้งแต่ปีมะโว้เชียว.....ถ้าไปชั่งกิโลขายน่าจะได้หลายตังค์นะเนี่ย"  ไจ่ไจ๋พูดกับตัวเองแล้วหยิบโทรศัพท์กดหาไปเคนอีกครั้ง
"ว่างัย?"  เสียงเคนตอบกลับมา
"อยู่กับพ่อแม่หรือเปล่าครับ?"  ไจ่ไจ๋ถามเกริ่นออกไป เคนเงียบเสียงไปพักหนึ่งแต่ไจ่ไจ๋ก็ได้ยินเสียงเคนพูดแว่วๆ
"พ่อแม่ครับ เดี๋ยวผมไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนะ"  จบคำนั้นเสียงเคนก็กลับมาชัดเจนอีกครั้ง
"หาเจอมั๊ย?"  เคนถามน้องชายต่อทันที
"เจอแล้ว แต่มันตั้งแต่ปีมะโว้โน้น ผมดูแล้วมันก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่นะ"  ไจ่ไจ๋รายงานให้พี่ชายรู้
"พี่ว่าเราต้องหาปีที่ใหม่กว่านี้หน่อย เอาซักห้าปีย้อนหลังก็น่าจะพอ"  เคนแนะนำน้องชาย
"งั้นเดี๋ยวผมจะลองหาดูแล้วกัน ห้องทำงานพี่ใหญ่เนี่ยเอกสารหนักเป็นตันเลย"  คำบ่นของน้องชายทำให้เคนหัวเราะออกมาได้
"ก็แบบนี้แหละ แต่นายน่ะรื้อออกมาแล้วเก็บเข้าที่ด้วยนะ พี่ใหญ่ของนายน่ะเนี๊ยบเรื่องการจัดเรียงเอกสารมาก ใครไปแตะของเขาหน่อยเดียวก็รู้แล้ว"  ไม่วายสั่งกำชับน้องชายต่อ
"หวาย.....ผมลืมไปแล้วด้วยสิว่าหยิบออกมาจากไหน? ตายหละหว่า....."  ไจ่ไจ๋ได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
"พี่กลางอ่ะ....ไม่บอกผมแต่แรก ไม่งั้นก็จะได้จำไว้"  แล้วก็ต่อว่าพี่ชายเข้าให้ และก็ได้ยินเสียงเคนหัวเราะอีก
"บ้า! ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก เพราะถ้าเป็นายเป็นคนไปรื้อ พี่ใหญ่เขาไม่ว่าหรอก นายก็อ้างไปว่าอยากดูโน้นดูนี่ สำหรับนายเขาเห็นดีเห็นงามหมดแหละ"  เคนพูดมาตามสาย
"อ้าว.....นี่ประชดอีกแล้วหรอเนี่ย?"  แล้วไจ่ไจ๋ก็เปลี่ยนมาแซวพี่ชายแทนเพราะฟังดูคำพูดของเคนเหมือนจะประชดพี่ชาย
"ประชดอะไรเล่า! ไม่คุยด้วยแล้ว พี่กำลังจะไปกินข้าวเที่ยงกับพ่อแม่ แล้วนายหละกินอะไรหรือยัง?"  ถามน้องชายกลับมาอีก
"จะเที่ยงแล้วหรอ?......หาเอกสารซะเพลินเลย ผมยังไม่ได้กินหรอก รอพี่ใหญ่ประชุมเสร็จโน้น"  ไจ่ไจ๋ตอบ
"ถ้าหิวก็ไปหาอะไรรองท้องก่อนนะ เดี๋ยวจะปวดท้อง"  เคนไม่วายเป็นห่วงน้องชาย
"ครับ พี่กลางไปกินข้าวเถอะ ไว้มีอะไรจะโทรหาอีก"  แล้วไจ่ไจ๋ก็ตัดบทให้พี่ชายไปกินข้าว ส่วนตัวเองก็ค้นหาเอกสารต่อไปแล้วก็เจอในที่สุด
"อยู่นี่เอง เมื่อห้าปีที่ผ่านมา"  ไจ่ไจ๋พูดกับตัวเองอย่างดีใจแล้วพลิกแฟ้มเปิดขึ้นมาซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เจอร์รี่เปิดประตูเข้ามาพอดี
"นี่แหนะ! มาเล่นซนอะไรกับเอกสารของพี่ใหญ่?"  เจอร์รี่ตีก้นน้องเบาๆพร้อมกับเอ่ยถาม
"อุ๊ย!"  ไจ่ไจ๋อุทานออกมาอย่างตกใจ แต่ก็หาแก้ตัวได้ทันที
"ไม่ได้เล่นซักหน่อย พอดีเมื่อครู่ใหญ่ๆที่ผ่านมาอาเหลียนเข้ามาหาพี่ใหญ่บอกจะให้เซ็นอะไรซักอย่าง ผมจำชื่อเอกสารไม่ได้เลยจะมาหาว่ามันคือเอกสารอะไร"  ไจ่ไจ๋แก้ตัว
"แล้วรู้หรือยัง?"  เจอร์รี่ถามน้องชายต่อยิ้มๆ
"รู้แล้ว เป็นใบอนุมัติการสั่งซื้อสินค้า อาเหลียนบอกว่าเป็นเคสด่วนด้วย"  ไจ่ไจ๋รายงานให้พี่ชายรู้
"เคสด่วนหรอ? งั้นเดี๋ยวพี่ไปหาอาเหลียนเอง เออ.....นายก็ไปด้วยกันเดี๋ยวลงไปกินข้าวกันเลย"  ว่าแล้วเจอร์รี่ก็จัดการปิดแฟ้มในมือน้องชายแล้วจูงมือน้องออกจากห้องไป โดยที่ไจ่ไจ๋เหลียวมองแฟ้มที่เขาเพิ่งค้นเจออย่างเสียดาย
"เห็นไจ่ไจ๋บอกว่าอาไปหาผมที่ห้อง ขอโทษด้วยนะครับพอดีติดประชุม"  หลังจากเคาะประตูห้องแล้วเจอร์รี่ก็เอ่ยทักทายอาเหลียนอย่างสุภาพ
"อาว่ากำลังจะแวะไปอีกรอบพอดี"  อาเหลียนทักเจอร์รี่กลับมาพยักหน้าให้นั่ง
"อะ....รบกวนเธอหน่อย พอดีเคสนี้ลูกค้าเร่งเรามาก"  อาเหลียนว่าแล้วก็ยื่นเอกสารให้เจอร์รี่ ไจ่ไจ๋จึงพลอยชะโงกหน้ามองรายละเอียดในเอกสารด้วย
"เป็นงานแล้วสิ"  แล้วเสียงอาเหลียนก็ดังขึ้นมาอีกทำให้ไจ่ไจ๋ต้องเปลี่ยนสายตาไปทางต้นเสียง
"ผมหรอครับ?"  ไจ่ไจ๋ย้อนถามพร้อมกับชี้หน้าตัวเอง ในตอนนั้นเจอร์รี่ก็ยื่นเอกสารคืนให้อาเหลียน
"ก็เธอนั่นแหละ"  อาเหลียนยิ้มเล็กน้อย
"ไม่หรอกครับ ผมแค่มาดูพี่ใหญ่ทำงาน"  ไจ่ไจ๋ตอบพร้อมกับยิ้มแหยๆ
"มาป่วนมากกว่าครับ เมื่อกี้ผมออกไปประชุมแป๊บเดียวกลับมารื้อเอกสารผมซะเละเลย"  เจอร์รี่แกล้งเผาน้องชาย
"ผมป่วนที่ไหนหละ? ผมกำลังช่วยพี่ใหญ่ต่างหาก"  ไจ่ไจ๋แย้ง
"ช่วยให้ยุ่งกว่าเดิมสิ"  เจอร์รี่แหย่น้องชายต่อ
"พี่ใหญ่อ่ะ!"  ไจ่ไจ๋ทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชาย ทำให้เจอร์รี่กับอาเหลียนหัวเราะออกมาพร้อมกัน
"เจอร์รี่ ต่อไปต้องระวังหน่อยนะเพราะดูท่าแล้วน้องชายเธอจะต้องเก่งกาจมากแน่นอน"  เจอร์รี่ยิ้มรับคำนั้น
"เป็นอย่างอาว่าก็ดีครับ ผมจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก"  เจอร์รี่ว่าแล้วก็ถามตัดบท
"อาเหลียนทานข้าวหรือยังครับ? ผมกำลังจะไปทานข้าวกันยังงัยอาก็ไปด้วยกันนะ"  เอ่ยชวนผู้อาวุโสกว่า
"ตามสบายเถอะ อาขอเคลียร์เคสนี้ก่อน ไว้วันหลังแล้วกัน"  อาเหลียนปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม
"อาก็พักทานข้าวด้วยนะครับ ระวังจะเป็นโรคกระเพาะ"  เจอร์รี่แสดงความห่วงใย
"รู้แล้ว ขอบใจมาก"  อาเหลียนว่าพร้อมกับพยักหน้า เจอร์รี่จึงเอ่ยลาแล้วพาน้องเล็กลุกออกมา
"พี่ใหญ่...."  เมื่อมานั่งที่ร้านอาหารแล้วไจ่ไจ๋ก็เป็นฝ่ายชวนคุย
"ว่างัย?"  พี่ใหญ่มองหน้าน้องชายพร้อมกับเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
"ทำไมเวลาพี่ใหญ่เซ็นเอกสารถึงไม่ยอมอ่านก่อนหละ?"  คำถามของน้องชายทำให้เจอร์รี่ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่า
"ก็พี่ใหญ่สอนผมเองไม่ใช่หรอว่าก่อนจะเซ็นอะไรให้ใครต้องอ่านเอกสารให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อน"  ไจ่ไจ๋ตีหน้าซื่อพูดต่อไปอย่างแนบเนียบทำให้เจอร์รี่ยิ้มแบบขำๆ
"ใช่.....พี่สอนนายแบบนั้น แต่ว่าวิธีปฏิบัติจริงมันจะทำแบบนั้นไม่ได้ทั้งหมดหรอก"  เจอร์รี่ตอบแล้วเริ่มอธิบายให้น้องชายฟัง
"อย่างเอกสารต่างๆในบริษัทที่พี่ใหญ่เซ็นนั่นน่ะมันก็มาจากฝ่ายต่างๆที่มีการตรวจสอบมาแล้ว ถ้าพี่ต้องมานั่งอ่านทุกตัวอักษรวันๆพี่คงไม่ต้องทำอะไรกันพอดีเพราะวันนึงพี่ต้องเซ็นเอกสารไม่รู้ตั้งกี่สิบฉบับ"  ไจ่ไจ๋เอามือเท้าคางแล้วมองพี่ชาย
"ตรวจสอบแล้วก็ใช่ว่าจะไม่ผิดพลาดนี่นา"  แย้งพี่ชายออกมา
"ผิดพลาดมันก็มี แต่โดยหลักๆแล้วพี่จะอ่านดูคร่าวๆแล้วก็จะมีสำเนาก๊อปปี้ไว้เสมอ ถ้าอันไหนมีปัญหาพี่ก็สามารถเอามาตรวจสอบได้"  เจอร์รี่อธิบายให้น้องฟังต่อ
"แต่ส่วนใหญ่ที่ผิดก็มักจะเป็นที่การพิมพ์ผิดหรือตกหล่นมากกว่า ถ้ามันไม่ใช่สาระสำคัญอะไรพี่ก็ปล่อยเลยตามเลยได้ เมื่อก่อนมีเจ้าพี่รองกับพี่กลางคอยช่วยแต่เดี๋ยวนี้พี่ทำคนเดียวถ้ามานั่งตรวจขนาดนั้นก็คงไม่ไหวเหมือนกัน"  ไจ่ไจ๋พยักหน้าหงึกๆทั้งที่เขาอยากจะถามมากกว่านี้แต่ก็กลัวพี่ชายสงสัย
"แล้ววันนี้ประชุมอะไรหรอ?"  เปลี่ยนเรื่องถามพี่ชาย
"อืม.....ก็ประชุมเป็นปกติทุกสิ้นเดือนน่ะ มาสรุปผลงานรายได้รายรับรายจ่ายของแต่ละแผนกกัน"  เจอร์รี่ตอบ ในขณะนั้นพนักงานก็เอาอาหารมาเสริฟพอดี
"แล้วอาเหลียนไม่ต้องเข้าประชุมหรอ?"  ไจ่ไจ๋ถามต่ออีก
"ไม่จำเป็นหรอก แค่ส่งตัวแทนมารายงานก็พอแล้ว"  เจอร์รี่ตอบแล้วยิ้มเล็กน้อย
"พี่ไม่รู้เลยนะว่านายเองก็สนใจเรื่องการงานของบริษัทเหมือนกัน"  ไจ่ไจ๋ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มแหยๆ
"ก็.....รู้ไว้ก็ดี....."  พูดอย่างเขินๆ
"ดีแล้ว ยังงัยก็ถือว่าเป็นกิจการของครอบครัว"  เจอร์รี่ยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบของน้องชาย
"มา.....กินข้าวกันได้แล้ว มาชวนพี่ใหญ่คุยเรื่องงานอยู่ได้ ไม่เครียดบ้างหรืองัย?"  ว่าแล้วก็ตัดบทด้วยการชวนน้องกินข้าว

- ที่บ้าน -
"จ๊ะเอ๋! ยังไม่นอนอีกหรอ?"  แวนเนสที่เพิ่งกลับเข้ามาในบ้านย่องไปข้างหลังพี่ชายแล้วใช้มือทั้งสองข้างจี้เอวพี่ชายเบาๆ
"ไอ้ลูกลิง! เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง!"  เจอร์รี่สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์มาดุน้องชาย
"ว่าแล้วต้องโดนด่า"  แวนเนสบ่นอุบอิบ 
"บ่นอะไร?"  เจอร์รี่หรี่ตามองน้องชายพร้อมกับถาม
"เปล่าซักหน่อย"  แวนเนสลอยหน้าลอยตาตอบ 
"แล้วทำไมถึงกลับมาดึกดื่นขนาดนี้?"  ถามน้องต่ออีก
"อ้าว.....ก็บอกแล้วงัยว่าทำงาน"  แวนเนสแย้ง เจอร์รี่หมุนเก้าอี้มาทางน้องชาย
"แน่ใจนะว่าทำงานอย่างเดียว?"  ย้อนถามน้องชายกลับไป
"ก็ใช่น่ะสิ"  แวนเนสตอบแล้วทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชาย
"ดึกป่านนี้แล้วยังมีแรงมาจับผิดชั้นอีกหรอ?"  ถามพี่ชายกึ่งประชดแต่ก็ทรุดตัวคุกเข่าลงที่พื้นแล้วขยับเข้าไปกอดเอวพี่ชาย เจอร์รี่ยิ้มกับลูกอ้อนของน้องพร้อมกับเอามือลูบหัวแวนเนสอย่างเอ็นดู
"แล้วนายยังมีแรงมากวนพี่ใหญ่อีกหรอ?"  ถามน้องชายกลับไปบ้าง แวนเนสเงยหน้ามองพี่ชายแล้วเอาหน้าซบลงที่ตักของพี่ชายโดยไม่ตอบอะไร
"จะมาอ้อนเอาอะไรฮึ?"  ตั้งคำถามดักคอน้องไว้ก่อน
"เปล่าซักหน่อย"  แวนเนสปฏิเสธแล้วเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
"วันนี้ชั้นเหนื่อยจัง"  บ่นกับพี่ชายด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
"เหนื่อยแล้วงอแงกับเสี่ยวจือด้วยใช่มั๊ย?"  ย้อนถามน้องชายอย่างรู้ทัน
"ก็.....ไม่ขนาดนั้น......"  แวนเนสปฏิเสธแบบไม่เต็มเสียง
"งั้นทำไมเสี่ยวจือถึงไม่มาส่งนายหละ?"  คำถามนั้นทำเอาแวนเนสอึ้งไป
"นายรู้ได้ยังงัย?"  ย้อนถามพี่ชายกลับไปอย่างงงๆ
"เสียงรถของเสี่ยวจือชั้นจำได้แน่นอน แต่วันนี้ตอนนายกลับมาชั้นไม่ได้ยินเสียงรถเลย"  แวนเนสมองพี่ชายก่อนจะมีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย
"ความจริงก็มีเรื่องเถียงกันนิดหน่อย"  แล้วแวนเนสก็สารภาพกับพี่ชาย
"อยากเล่าให้ชั้นฟังมั๊ย?"  เจอร์รี่ถามน้องกลับไปแบบไม่บังคับ แวนเนสนิ่งไปสีหน้าครุ่นคิด
"วันนี้เหนื่อยมากแล้ว ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วเข้านอนซะ"  เมื่อเห็นน้องลังเลเจอร์รี่ก็ไม่อยากเซ้าซี้
"วันนี้ก็มีการเก็บงานที่เหลือกัน แต่ชั้นฟังแล้วยังรู้สึกว่ามีบางท่อนที่ชั้นยังร้องได้ไม่ดี แต่คนอื่นๆเห็นว่ามันดีแล้ว เสี่ยวจือก็เห็นด้วยอย่างนั้น"  แวนเนสตัดสินใจเล่าให้พี่ชายฟัง
"ชั้นขอแก้ไขท่อนนั้นใหม่ แต่คนอื่นไม่เห็นด้วย เหนื่อยเรื่องงานชั้นทนได้แต่เหนื่อยเรื่องคนนี่มันจนใจจริงๆ"  พูดจบถอนหายใจเบาๆ
"แวนเนส ถ้าจะว่าไปนายเองก็ยังใหม่กับการทำงานเพลง ประสบการณ์ก็ยังไม่มี ความรู้ในด้านนี้ก็คงยังไม่ชำนาญเท่ากับมืออาชีพหรอกนะ"  เจอร์รี่อธิบายให้น้องชายฟัง
"แต่พี่ไม่ได้หมายความว่าความคิดเห็นของนายผิดหรอกนะ นายเป็นคนเบื้องหน้าผลงานที่ออกมานายก็ต้องเป็นคนรับคำติชมก่อนใคร เพราะฉะนั้นการที่นายแสดงความคิดเห็นแบบนั้นออกมามันเป็นสิทธิของนายที่สามารถทำได้"  แวนเนสฟังในสิ่งที่พี่ชายพูด
"แต่การทำงาน เราต้องเคารพความเห็นของคนส่วนใหญ่ แย้งได้แต่อย่างแข็งข้อกับเขาเพราะไม่อย่างนั้นแล้วการทำงานมันก็จะไม่มีความสุขทั้งสองฝ่าย"  แวนเนสพยักหน้ารับกับคำสอนของพี่ชาย
"นายออกไปทำงานตั้งแต่เช้าจนมืดมันเป็นธรรมดาแหละที่จะต้องล้ากันบ้าง พอมีเรื่องอะไรไม่ถูกใจก็พาลจะมีเรื่องกันได้ง่ายๆด้วย คนอื่นก็เหมือนกันนั่นแหละ นายต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย"  อธิบายกับน้องด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
"อืม.....ชั้นเข้าใจแล้ว"  แวนเนสค่อยยิ้มออกเมื่อได้ยินเหตุผลที่พี่ชายบอก
"ดีมาก งั้นบอกพี่ใหญมาซิว่าอาละวาดอะไรกับเสี่ยวจือ?"  ถามน้องชายต่ออีก แวนเนสทำหน้าเจื่อนๆ
"เสี่ยวจือโทรมาฟ้องนายหรอ?"  ย้อนถามพี่ชายเสียงอ่อยเพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เขาต้องโดนพี่ชายทำโทษแน่
"เปล่า แต่จากท่าทางของนายชั้นว่านายคงอาละวาดใส่เสี่ยวจือไม่น้อยเลย"  เจอร์รี่ตอบแล้วมองหน้าน้องชายอย่างต้องการคำตอบ แวนเนสเงียบไปครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจจะเล่าให้พี่ชายฟัง   
"ชั้นโมโหที่เสี่ยวจือคนที่ชั้นไว้ใจมากที่สุดยังไม่เห็นด้วยกับชั้น เลยต่อว่าเสี่ยวจือไปว่าเขาจะรู้อะไรว่าชั้นทำงานทุ่มเทแค่ไหนเพราะวันๆเขาก็แค่คอยช่วยนิดๆหน่อยๆ เหนื่อยก็พักได้ง่วงก็งีบซะ แล้วพอใครบอกอะไรก็เชื่อไปกับเขาหมดไม่ได้เห็นจริงว่าอะไรดีไม่ดียังงัย"  เจอร์รี่ได้ยินดังนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้า
"ทำไมถึงได้โมโหร้ายอย่างนี้ เป็นคำพูดที่ชั้นไม่คิดว่าจะได้ยินจากนายเลยนะ"  พี่ใหญ่ปรับสีหน้าให้ดูจริงจังขึ้น แวนเนสก้มหน้านิ่งเพระรู้ว่าตัวเองทำไม่ถูก
"สัญญากับพี่ได้มั๊ยว่าจะไม่มีครั้งต่อไป"  แล้วก็เอ่ยถามน้องอย่างเป็นการเป็นงาน
"ไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว ชั้นสัญญา"  แวนเนสรับคำพี่ชายอย่างมั่นใจ
"ถ้าผิดสัญญาข้อนี้พี่ใหญ่จะทำโทษนะ"  พี่ใหญ่ย้ำคำ
"ครับ"  แวนเนสยอมรับแต่โดยดี
"เอาหละ.....ไม่ต้องคิดมากแล้ว และพรุ่งนี้คงรู้นะว่าต้องทำยังงัย?"  เมื่อเห็นน้องสลดลงพี่ใหญ่ก็ปรับน้ำเสียงให้นุ่มนวลขึ้น
"อืม.....ขอบคุณมากนะ"  แวนเนสว่าแล้วก็เอ่ยขอบคุณพี่ชาย
"ไปพักผ่อนซะไป"  แล้วก็เอ่ยไล่น้องชาย
"แล้วนายหละ?"  ถามพี่ชายกลับไปบ้าง
"อีกซักพัก"  เจอร์รี่ตอบแล้วหมุนเก้าอี้กลับไปทางหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง
"กำไรมันเยอะจนตาลายเลยหรอ?"  ถามสร้างบรรยากาศขึ้นมา
"ถ้าเป็นแบบนั้นชั้นคงไม่อยู่จนดึกป่านนี้หรอก"  เจอร์รี่ตอบแล้วถอนหายใจเบาๆ
"ทำไม? ขาดทุนหรอ?"  แวนเนสเลิกเล่นทันที
"ไม่หรอก ไม่ถึงกับขาดทุนเพียงแต่ห้าหกเดือนที่ผ่านมากำไรมันน้อยลงอย่างต่อเนื่องแล้วดูท่าเดือนนี้ก็คงเหมือนกัน"  พี่ใหญ่บอกกับน้องโดยไม่ปิดบัง
"ทำไมเป็นแบบนั้นหละ? ยอดขายน้อยลงหรอ? หรือว่าลูกค้าสั่งของน้อยลง?"  แวนเนสถามไถ่พี่ชายต่อ
"ถ้าเหตุผลมันเพราะยอดขายน้อยหรือลูกค้าสั่งของน้อยเหมือนที่นายว่าชั้นก็จะไม่ปวดหัวขนาดนี้เลย แต่นี่เท่าที่ดูในรายงานยอดขายที่รายงานมาบางเดือนเท่าเดิมและบางเดือนมากขึ้นด้วยซ้ำ มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้น่ะสิ"  แวนเนสขยับตัวเข้ามาดูรายงานตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์
"ถ้าเป็นอย่างที่นายบอกจริง งั้นมันเกิดจากอะไรหละ? หรือว่ามีใครยักยอกเงินบริษัท?"  แวนเนสตั้งข้อสังเกต
"นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ชั้นจะใช้มันเป็นเหตุผลในการตอบคำถามเรื่องนี้"  เจอร์รี่ว่าเช่นนั้นแต่จริงๆแล้วก็คิดเหมือนกับน้องชาย
"ตรวจสอบได้มั๊ย?"  แวนเนสถามพี่ชายต่อ
"ยังไม่ได้"  ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยๆ
"ลองปรึกษาพ่อแม่ดูนะ ชั้นว่ามันชักจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลซะแล้ว"  แวนเนสแนะนำพี่ชาย
"อืม.....รอให้พ่อแม่กลับมาก่อน ตอนนี้ไม่อยากเอาเรื่องปวดหัวไปให้อีก"  เจอร์รี่รับคำแล้วยิ้มให้น้อง
"พี่ใหญ่บอกให้เราไปนอนไม่ใช่หรอ? ยังไม่ไปอีกเดี๋ยวตีซะเลย"  แล้วก็เปลี่ยนน้ำเสียงให้ร่าเริงขึ้นเพราะไม่อยากให้น้องเครียดไปด้วย
"นายก็ต้องพักผ่อนเหมือนกันนะ อย่าไปเครียดกับมันมาก"  แวนเนสพูดทิ้งท้ายแล้วเข้าไปหอมแก้มพี่ชายเบาๆ
"กู๊ดไนท์ครับ"  แวนเนสบอกลาไปนอน
"ครับ"  พี่ใหญ่รับคำน้องแล้วจูบเบาๆที่หน้าผากน้องชายจากนั้นก็มองจนน้องเดินหายขึ้นชั้นบนไปก่อนจะก็กลับมานั่งอยู่กับจอคอมพิวเตอร์ตามเดิม




 

Create Date : 17 มิถุนายน 2557    
Last Update : 28 ธันวาคม 2557 20:44:41 น.
Counter : 1145 Pageviews.  

Chapter 79

  ตอนที่ 79 

"โอ้ย! อิ่มจนจะกลิ้งได้อยู่แล้ว.....ทำไมมันอึดอัดแบบนี้....."  เสียงไจ่ไจ๋บ่นกระปอดกระแปดในขณะเดินกลับมาที่รถ
"ก็เราอยากตะกละกินเข้าไปเยอะๆทำไมหละ? แม่บอกแล้วว่าถ้าอิ่มก็หยุดแต่ลูกก็กลัวไม่คุ้มเลยเล่นกินซะเยอะแยะแบบนี้"  แม่ต่อว่าเจ้าลูกชายตัวดีเข้าให้
"ก็แหม.....ของมันก็อร่อยนี่นา ตอนนั่งกินไม่เห็นอึดอัดแต่ทำไมพอลุกขึ้นมาถึงอิ่มขนาดนี้ก็ไม่รู้"  ไจ่ไจ๋เถียงแล้วขยับเข้าไปนั่งในรถ
"กินแบบนี้คุ้มค่าอาหารแต่ไม่รู้จะคุ้มค่าหมอหรือเปล่า"  เคนต่อว่าน้องเข้าให้อีกคนแต่ก็ตามเข้าไปนั่งข้างน้อง
"บ่นกันจริง.....ผมกินเยอะแล้วมันผิดนักหรืองัย?"  น้องเล็กพึมพำเบาๆ
"เดี๋ยวเถอะ! ยังมีหน้ามาเถียงอีกหรอ?"  เคนดุน้อง ไจ่ไจ๋ทำปากยื่นใส่พี่ชายก่อนจะเอนตัวพิงพี่ชายเอาเสียดื้อๆ
"เฮ่อ! นายนี่นะ....."  เคนตั้งใจจะว่าน้องอีกแต่ก็คิดไม่ออกว่าจะต่อว่าอะไรน้องดีจึงได้แต่ถอนหายใจ 
"หึๆๆๆ"  สมาชิกคนอื่นพากันขำกับเจ้าตัวแสบทั้งคู่ก่อนที่จะพากันไปนั่งประจำที่
"ไม่ได้หรอก ก็วันนี้พี่รองกินนิดเดียวเองไม่รู้จะรักษาหุ่นไปถึงไหน ผมเลยต้องเดือดร้อนไปกินส่วนของพี่รองแทนงัย"  แล้วไจ่ไจ๋ก็โยนความผิดไปให้แวนเนสซะเลย
"อ้าวนี่! เรื่องอะไรมาโทษพี่หละวะ? พี่น่ะรู้จักประมาณตนกินแค่อิ่มก็พอ ไม่เหมือนนายนี่ตะกละเป็นที่หนึ่ง"  แวนเนสตอกกลับเข้าให้ทำให้เคนหัวเราะเยาะน้องชายอย่างสะใจ
"ขำอะไรพี่กลาง! ขยับไปนั่งให้ติดประตูเลย ผมจะนอน!"  ไจ่ไจ๋ทำหน้ามุ่นใส่พี่ชายพร้อมกับออกคำสั่ง
"ใหญ่ที่สุดในบ้านเลยนะนายน่ะถึงได้สั่งคนโน้นคนนี้ตลอด!"  เคนบ่นเจ้าน้องชายตัวดีแต่ก็ยอมขยับตัวตามที่น้องชายต้องการ
"ไม่ใหญ่ที่สุดหรอก แต่น่ารักที่สุดทุกคนเลยรักผมที่สุดงัยหละ"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ยิ้มหวานให้พี่ชายก่อนจะล้มตัวลงนอนหนุนตักพี่ชาย
"ดูมันอ้อนนะ"  แวนเนสพยักเพยิดให้พี่ชายคนโตดูเจ้าน้องชายสุดที่รัก เจอร์รี่เองก็ได้แต่อมยิ้มอย่างเอ็นดูน้อง
"น่ารักตรงไหนวะ? เจ้าเล่ห์ก็เท่านั้นแถมยังมารยาเก่งอีกต่างหาก"  เคนพูดแขวะน้องแต่กลับใช้มือลูบหัวน้องชายไปด้วย
"แล้วกล้าพูดออกมาแบบเต็มปากเต็มคำมั๊ยว่าพี่กลางไม่รักผม"  น้องเล็กย้อนถามอย่างเจ้าเล่ห์
"อืมมมม.....รักจะแย่แล้ว......"  เคนว่าพร้อมกับบีบจมูกน้องไปด้วย
"ผมรู้อยู่แล้ว"  น้องเล็กพูดต่อพร้อมกับซบหน้าลงกับฝ่ามือพี่ชาย เคนมองน้องชายด้วยแววตาอ่อนโยน
"อะฮึ่ม! ทำเหมือนกับว่ามันอยู่กันสองคนเลยนะ พ่อแม่กับพี่สองคนนี้หมดความหมายไปในทันทีเลยใช่มั๊ย?"  แวนเนสแกล้งเปรยขึ้นมา
"ไม่ใช่ซักหน่อย แต่ตอนนี้พี่กลางเขางอแงอยู่ผมเลยต้องปลอบเขาก่อน"  ไจ่ไจ๋แย้งขึ้นมายิ้มๆ
"ว่าใครงอแงหืม?"  เคนก้มหน้าถามน้องชายอย่างเอาเรื่อง
"ไม่มีใครเล้ยยยย....."  ไจ่ไจ๋ลอยหน้าลอยตาตอบ
"เดี๋ยวทุบให้ไส้ทะลักเลย ทะเล้นจริงๆ!"  เคนว่าพร้อมกับเอากำปั้นทุบที่ท้องของน้องเล็กเบาๆ
"โอ้ย! เดี๋ยวที่กินเข้าไปได้ขย้อนออกมาทางปากพอดี พี่กลางนี่เล่นอะไรใช้ไม่ได้เลย"  ไจ่ไจ๋ได้ทีต่อว่าพี่ชาย
"ครับ....แต่น้องเล่นอะไรเป็นใช้ได้ทุกเรื่องเลยใช่มั๊ย?"  ย้อนถามเจ้าน้องชายตัวดีอย่างหมั่นไส้
"แน่นอน"  ไจ่ไจ๋ตอบเสียงแจ๋ว
"ไอ้เด็กนี่! กวนจริงๆเลย ลุกไปนอนที่อื่นเลยไป!"  เคนต่อกรอะไรกับน้องไม่ได้เลยเอ่ยปากไล่
"จะให้ไปนอนที่หละ? ก็พุงของพี่กลางเนี่ยนิ่มที่สุดแล้วแถมอุ่นที่สุดด้วย"  คำตอบของน้องเล็กเรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นๆได้เป็นอย่างดี
"ไจ่ไจ๋!!!"  เคนเอ็ดใส่น้องชายอย่างไม่รู้จะทำยังงัยดี
"ไจ่ไจ๋ ทำไมลูกชอบไปกวนพี่กลางเขานะ"  แล้วแม่ก็เป็นคนต่อว่าแทนเคนขึ้นมา
"แหม.....แม่ก็รู้นี่ว่าพี่กลางเนี่ยเป็นคนที่น่าแกล้งที่สุดเพราะโวยวายเก่งเป็นบ้าเลย โอ้ย!"  ไจ่ไจ๋ยังกวนพี่ชายไม่เลิกแต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนเป็นเสียงร้องเพราะโดนเคนดีดหูเข้าให้
"ทำอะไรน้อง!?"  เสียงดุๆของพี่ใหญ่ดังขึ้นตามมาทันที
"ไม่ได้ทำอะไร จู่ๆมันก็ร้องขึ้นมาเอง"  เคนลอยหน้าลอยตาตอบพี่ชายบ้าง
"ไม่จริง! พี่ใหญ่ครับ.....พี่กลางดีดหูผม แถมเมื่อกี้ยังแอบหยิกแขนผมอีกด้วย เจ็บมากเลย......"  ไจ่ไจ๋ลุกขึ้นก่อนหันไปทำหน้าตาให้น่าสงสารใส่พี่ชายคนโต
"เฮ้ยๆๆๆๆ!!! พูดเกินความจริงอีกแล้ว! พี่ดีดหูนายแค่ทีเดียวเท่านั้นแหละ เดี๋ยวเถอะ!"  เคนร้องโวยวายใส่น้องทันที
"ไม่นั่งกับพี่กลางแล้ว! พี่กลางใจร้ายทำร้ายผมได้ลงคอ!"  ไจ่ไจ๋ว่าพร้อมกับทำหน้ากระเง้ากระงอดใส่พี่ชายคนกลางก่อนจะหันไปทางพี่ใหญ่
"พี่ใหญ่ครับ.....ผมข้ามไปนั่งกับพี่นะ"  พูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆซึ่งไม่ต้องรอให้น้องต้องขอร้องเป็นรอบที่สองเจอร์รี่รีบขยับตัวเพื่อให้เหลือที่ว่างสำหรับน้องเล็กทันที
"ข้ามมาเลยไจ่ไจ๋"  จบคำพี่ใหญ่เคนก็มองพี่ชายอย่างไม่อยากจะเชื่อเพราะพี่ชายเข้าข้างน้องเล็กตลอด
"ไม่อยากอยู่ใกล้แล้ว ใจร้าย!"  ไจ่ไจ๋หันมาพูดใส่เคนก่อนจะปีนข้ามเบาะไปนั่งกับพี่ชายคนโต
"โอ้ย! มานั่งเบียดทำไมวะเนี่ย!"  แวนเนสโวยวายขึ้นมาบ้าง
"เบียดอะไร? ผมตัวเล็กนิดเดียวเอง"  ไจ่ไจ๋เถียงกลับทันที
"ตัวนายน่ะเล็กแต่ก้นนายน่ะเต็มพื้นที่หมดเลยเนี่ย"  แวนเนสพูดแขวะน้องชาย ทำให้เคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าหัวเราะก๊ากอย่างสะใจ
"พี่รอง!!! ว่าผมก้นใหญ่หรอ!?"  น้องเล็กโวยวายออกมาอีกเมื่อโดนจี้ใจดำ
"อ้าว! หรือว่าไม่จริง?"  แวนเนสย้อนถามด้วยท่าทางกวนๆ
"แวนเนส!"  เจอร์รี่ส่งเสียงปราบน้องชายคนรองทั้งที่ตัวเองก็อมยิ้มอยู่ด้วย
"ยิ้มอะไรหละพี่ใหญ่?"  ไจ่ไจ๋หันมาหาเรื่องพี่ชายคนโตด้วย
"เปล่าซักหน่อย"  เจอร์รี่รีบปฏิเสธแล้ววาดแขนไปโอบไหล่น้องชาย
"เจ้าพี่รองบังอาจมาว่าน้องเล็กของพี่ได้ เดี๋ยวกลับบ้านไปพี่ใหญ่จับมันมาตีให้ก้นลายเลยดีมั๊ย?"  ถามเอาใจน้องเล็ก
"ดีครับ ตีพี่กลางด้วย ชอบทำให้ผมเจ็บอยู่เรื่อยเลย"  ไจ่ไจ๋เหมารวมพี่ชายคนกลางไปด้วย
"น้อยๆหน่อยไอ้ตัวดี! พี่ไปทำอะไรนายตั้งแต่เมื่อไหร่?"  เคนได้ยินก็หันมาหาเรื่องน้องอีก
"ไม่ต้องมาทำเป็นความจำเสื่อมเลย นิสัยไม่ดี"  ไจ่ไจ๋ตวัดเสียงพูดกับพี่ชาย
"นี่! พูดให้มันดีๆหน่อย"  แวนเนสหันไปว่าน้องเล็ก
"ผมพูดไม่ดีตรงไหน?"  น้องเล็กย้อนถามแล้วขยับเข้าไปกอดพี่ชายคนโต
"พี่ใหญ่ดูสิ.....พี่รองกับพี่กลางชอบรังแกผมเรื่อยเลย"  เอ่ยปากฟ้องพี่ใหญ่อีก ท่าทางของเจ้าตัวดีทำให้พ่อแม่ได้แต่หันไปหัวเราะด้วยกัน  
"เฮอะ! ดูมันนะ.....พูดออกมาได้หน้าตาเฉย"  แวนเนสว่าพร้อมกับเบ้ปากใส่น้องชาย
"ไม่อยากอยู่ใกล้ไอ้เด็กเลี้ยงแกะหรอก"  พูดจบก็ปีนข้ามไปนั่งแทนที่น้องเล็กในตอนแรก
"พี่ใหญ่ดูสิ พี่รองชอบว่าผมอ่ะ"  ไจ่ไจ๋ฟ้องเจอร์รี่อีก
"โอ๋ๆๆๆ เดี๋ยวกลับบ้านแล้วพี่ใหญ่จัดการให้"  เจอร์รี่เข้าข้างน้องชายเต็มที่
"แม่ครับ เห็นธาตุแท้ของพี่ใหญ่หรือยังว่าลำเอียงขนาดไหน?"  แวนเนสตอบโต้ด้วยการหันไปพูดกับแม่แทน
"ถ้ากลับบ้านไปพี่ใหญ่ตีลูก แม่จะตีพี่ใหญ่ด้วย"  แม่หันมาพูดเอาใจลูกชายอีกสองคน
"โหย! แม่อ่ะ....."  เจอร์รี่โอดครวญทันที
"ก็ยุติธรรมดีไม่ใช่หรอ? ลูกตีน้องแม่ก็ตีลูกบ้างสิ"  แม่พูดต่อยิ้มๆ
"สมน้ำหน้า!"  แวนเนสกับเคนพร้อมใจกันหันไปเยาะเย้ยพี่ชาย 
"เดี๋ยวเถอะ!"  พี่ใหญ่ดุน้องชายทั้งคู่แบบไม่ออกเสียง
"ไม่เป็นไรพี่ใหญ่ ถ้าแม่ตีพี่ใหญ่เดี๋ยวเราสองคนหนีออกจากบ้านเลยนะ ไปอยู่ด้วยกันสองคน"  ไจ่ไจ๋ว่าพร้อมกับกอดพี่ชายอย่างประจบ
"ไปเลย! รีบๆไปกันด้วยนะ"  เคนรีบร้องรับคำของน้องชายทันที
"ความจริงน่าจะลงตรงนี้กันเลย ส่วนเสื้อผ้าเดี๋ยวจะเอามาโยนให้วันหลัง"  พูดจบก็หันไปหัวเราะคิกคักกับแวนเนส
"แม่ดูสิ.....พี่กลางจะไล่ผมกับพี่ใหญ่....."  ไจ่ไจ๋เอ่ยปากฟ้องแม่ทันที
"พี่เขาไล่หรือจ๊ะ? แต่แม่ได้ยินว่าลูกจะพาพี่ใหญ่หนีออกจากบ้านไม่ใช่หรอ?"  แม่ย้อนถามเจ้าลูกชายตัวแสบ
"ใครพูด? พ่อได้ยินผมพูดแบบนั้นหรอครับ?"  ไจ่ไจ๋เริ่มหาพวก
"เอ่อ.....หึๆๆๆๆ....."  พ่อไม่ตอบเพราะไม่อยากเข้าข้างใคร
"พ่อครับ ยังไม่ตอบเลยนะ"  ไจ่ไจ๋ทวงคำตอบ
"อะไรกัน? ลูกพ่อแต่ละคนอายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย? ทะเลาะกันเป็นเด็กๆเลย"  พ่อเปลี่ยนเรื่องก่อนจะหัวเราะออกมา
"ไม่ต้องหาพวกหรอก พ่อแม่ไม่อยู่ข้างนายแน่"  เคนหันมาสำทับน้องชาย
"ใช่ๆๆๆๆ จะไปไหนก็ไปเลย ไปแพ็คคู่เลยนะ"  แวนเนสผสมโรงกับเคนด้วย
"พี่ใหญ่ดูสิ พี่เขาสองคนไล่เรา"  ไจ่ไจ๋หันไปฟ้องพี่ใหญ่อีก
"ไม่ได้ไล่ซักหน่อย แต่สนับสนุนความคิดของนายงัยหละ ก็อยากหนีออกจากบ้านไม่ใช่หรอ? พี่สองคนก็ช่วยแสดงความคิดเห็นให้"  เคนหันมากวนน้องชายอีก
"เสี้ยวเทียน! หยุดเล่นได้แล้ว!"  พี่ใหญ่เอ่ยปรามน้องชายคนกลางที่ยังต่อความกับน้องเล็กไม่เลิก
"ใครเล่นด้วย? ชั้นพูดจริง"  เคนย้อนคำพี่ชายมะเหงกโป๊กใหญ่จึงลอยมาประเคนลงที่หัว
"สมน้ำหน้า!"  ไจ่ไจ๋มีน้ำเสียงร่าเริงขึ้นมาทันที
"สมน้ำหน้าหรอ?"  เคนทวนคำพร้อมกับเอื้อมมือไปเขกหัวน้องชายบ้าง
"โอ้ย! เจ็บนะพี่กลาง!"  น้องเล็กเริ่มหน้าบึ้ง
"ผมไม่ได้ทำพี่กลางซักหน่อยเรื่องอะไรมาใช้กำลังกับผมหละ?"  โวยวายต่ออีก
"ก็อยาก......"  เคนจะเถียงน้องแต่ก็หยุดเปลี่ยนมาทำหน้าเหยเกเมื่อโดนพี่ชายคนโตหยิกแขน
"เจ็บมั๊ย?"  หลังจากปล่อยมือเจอร์รี่ก็ถามเคน
"เจ็บดิวะ! ยังมีหน้ามาถามอีก!"  เคนแหวใส่พี่ชายพร้อมกับลูบแขนตัวเองไปด้วย
"แล้วเมื่อกี้ที่นายทำน้อง น้องมันไม่เจ็บหรืองัย?"  ย้อนถามน้องชายกลับไปอีก
"แต่ชั้นไม่ได้หยิกมันหนิ!"  เคนเถียงพี่ชายอีก แต่แล้วก็ต้องรีบขยับตัวไปเกาะเบาะด้านหลังคนขับเพราะพี่ใหญ่เอื้อมมือมาทางเขาอีกครั้ง
"เจอร์รี่ จะทำอะไรน้องอีกหละลูก"  เสียงแม่ดังมาจากด้านหน้า
"ถามลูกชายตัวดีของแม่สิครับว่ามันทำอะไร"  เจอร์รี่ตอบพร้อมกับมองหน้าเจ้าน้องชายตัวดี
"เสี้ยวเทียนมันบังอาจไปแตะต้องน้องชายสุดที่รักของพี่ใหญ่น่ะครับ เลยโดนเข้าให้ซะ"  แวนเนสตอบคำถามนั้นแทน
"ปากดีนักนะนายน่ะ!"  พี่ใหญ่เปลี่ยนสายตาไปทางแวนเนส คนถูกมองจึงแกล้งมองออกไปนอกรถ
"ลูกคนนี้หนิ ทำไมชอบทำน้องเจ็บๆอยู่เรื่อย"  แม่บ่นก่อนจะเอี้ยวตัวมาทางเคน
"เป็นยังงัยบ้างเสี้ยวเทียน? ให้แม่ดูซิ เจ็บมากมั๊ย?"  เคนรีบยื่นแขนไปที่เพิ่งโดนพี่ชายหยิกไปให้แม่ดูทันที
"เจ็บครับแม่ พี่ใหญ่มือหนักมากเลย"  ทำเสียงน่าสงสารพร้อมกับอ้อนแม่ไปด้วย
"เจอร์รี่.....ลูกก็จริงๆเลยนะ เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ลงมือกับน้องทุกที มีอะไรพูดเตือนน้องดีๆก็ได้"  แม่บ่นลูกชายคนโต  
"แม่ครับ! ทีพี่กลางทำผมเจ็บๆแม่ไม่เห็นว่าพี่กลางบ้างเลย"  ไจ่ไจ๋โต้แย้งแทนพี่ชายคนโต
"แล้วเราไปต่อล้อต่อเถียงกับพี่เขาก่อนใช่มั๊ย? เดี๋ยวกลับถึงบ้านแม่จะตีเราคนแรกเลย เกเรมากไปแล้วนะ"  แม่ดุลูกชายคนเล็ก
"แม่ลำเอียง เข้าข้างพี่กลางคนเดียว"  ไจ่ไจ๋ประท้วงหน้ามุ่ย
"พี่ใหญ่ก็เข้าข้างนายคนเดียวเหมือนกัน"  เคนสวนคำน้องทันควัน
"แบบนี้ก็ยุติธรรมดีแล้วนี่"  พูดจบก็แอบทำหน้ากวนๆใส่น้องชาย
"เดี๋ยวเถอะ!"  เจอร์รี่ชี้หน้าน้องชายคนกลางแล้วคาดโทษแบบไม่ออกเสียง
"พ่อครับ"  แวนเนสขยับตัวไปด้านหน้าแล้วเรียกพ่อเบาๆ
"ว่างัยลูก?"  พ่อรับคำแวนเนสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นพ่อต้องเข้าข้างผมคนเดียวนะ เพราะพี่ใหญ่ก็รักไจ่ไจ๋คนเดียว แม่ก็รักเจ้าเสี้ยวเทียนคนเดียว เพราะฉะนั้นพ่อก็ต้องรักผมคนเดียวบ้าง ไม่อย่างนั้นผมน้อยใจจริงๆด้วย"  คำพูดของแวนเนสทำให้พ่อถึงกับอมยิ้ม
"ได้ลูกได้.....พ่อรักลูกคนเดียวเลย"  พ่อรับคำลูกชายยิ้มๆ
"เย้!!! พ่อน่ารักที่สุดในโลกเลย"  แวนเนสว่าแล้วก็หอมแก้มพ่อฟอดใหญ่
"เฮ้ย!! พ่อเขาขับรถอยู่นะ!"  พี่ใหญ่ร้องเตือนน้องชายด้วยน้ำเสียงดุๆ 
"ไม่เอาน่า.....อย่าดุน้องเลยเจอร์รี่ พ่อรู้อยู่แล้วว่าน้องชายลูกต้องอ้อนพ่อด้วยวิธีนี้ พ่อไม่ตกใจหรอก"  พ่อพูดขึ้นอย่างรู้ดีว่าเจอร์รี่กลัวว่าน้องทำแบบนี้แล้วพ่อจะตกใจ
"ทำอะไรไม่รู้จักดูกาลเทศะซะก่อน!"  แม้พ่อจะว่าเช่นนั้นแต่เจอร์รี่ก็ยังไม่วายต่อว่าแวนเนสอีก
"เออ! ทั้งบ้านมีนายกับน้องชายสุดที่รักของนายเท่านั้นแหละที่ทำอะไรถูกไปหมด! คนอื่นทำอะไรก็ขัดหูขัดตานายทั้งนั้นแหละ!"  แวนเนสอดที่จะเหน็บแนมพี่ชายไม่ได้
"อย่ามาหาเรื่องชั้นนะ!"  พี่ใหญ่เริ่มขึ้นเสียงเมื่อโดนน้องชายจี้จุดเข้าให้
"พี่ใหญ่ครับ....อย่าไปสนใจเลย พอตอบโต้ไม่ได้ก็ทำเป็นประชดแทน"  เมื่อเห็นพี่ชายสุดที่รักหน้าตึงไจ่ไจ๋ก็จัดการแทน
"ใครกันแน่ที่ตอบโต้ไม่ได้"  แวนเนสไม่วายเถียงน้องอีก
"แวนเนส! เสี้ยวเทียน! เดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วเราต้องมาคุยกันหน่อยนะ!"  จบคำพูดของพี่ชายแวนเนสกับเคนก็หันไปมองหน้ากัน
"เจอร์รี่ เอาอีกแล้วนะ ทำไมชอบดุน้องอยู่เรื่อย"  แม่เอ่ยขึ้นมาอย่างอ่อนใจ
"แม่ก็ฟังน้องมันพูดจากับผมสิ"  เจอร์รี่เองก็เหนื่อยที่จะแย้งกับแม่
"ถ้าน้องพูดไม่ดีก็บอกก็สอนน้องสิ ทำไมต้องเรียกน้องไปคุยอย่างกับว่าน้องทำผิดอะไรมากมาย"  จบคำพูดของแม่แล้วเจอร์รี่ก็ได้ถอนใจแต่ไม่แย้งอะไรอีก
"มีงอน"  แวนเนสกระซิบกับเคนแล้วบุบใบ้ไปทางพี่ใหญ่
"สมน้ำหน้ามัน ไม่มีใครง้อหรอกแบบนี้"  เคนได้ทีเยาะเย้ยพี่ชายแต่ก็ไม่กล้าพูดให้พี่ใหญ่ได้ยิน
"มีไอ้ตัวเล็กนั่นงัย นั่งเคล้าคลอกับมันตลอดน่ะ"  แวนเนสพูดยิ้มๆ
"ก็แค่ช่วงนี้แหละ ไอ้ตัวดีมันมีความผิดติดตัวเลยออเซาะเจอร์รี่มากเป็นพิเศษ ลองเจอร์รี่มันไม่ใส่ใจเรื่องที่เจ้าไจ๋มันปิดบังไม่ยอมบอกพวกนายว่ามันจำได้ตั้งนานแล้วสิ ไอ้น้องชายสุดที่รักของมันคนนี้จะรีบผละจากอ้อมอกมันถลาไปซบพ่อกับแม่โน้น"  เคนว่ากระทบเจ้าน้องชายคนเล็กอย่างหมั่นไส้
"ถ้ามันอ้อนพ่อกับแม่แล้วนายจะไปอ้อนใครหละฮึ?"  แวนเนสแกล้งถามแหย่น้องชาย
"ทำไมชั้นต้องไปอ้อนใครด้วย? ชั้นไม่รับผลประโยชน์จากใครด้วยวิธีนี้หรอก!"  เคนว่าแล้วผลักหัวพี่ชายที่ชอบแหย่เขา
"อ้าวไอ้นี่! คุยกันดีๆไม่ได้ซักทีนะ"  แวนเนสเอ็ดใส่น้องแล้วผลักหัวน้องชายกลับ
"โอ้ย! จะผลักทำไมหละเนี่ย! ถ้าหัวชนกระจกจะทำยังงัย!"  แหวใส่พี่ชายแล้วปัดมือพี่ชายที่เอื้อมจะมาแหย่เขาออกอย่างรำคาญ
"แวนเนส แกล้งน้องอีกแล้วนะ"  แม่หันมาทำตาเขียวใส่ลูกชายคนรอง
"ผมแกล้งมันเมื่อไหร่? มันมาผลักหัวผมก่อนนะ"  แวนเนสโวยวายขึ้นมาบ้าง
"ก็นายอยากมาพูดกวนประสาทชั้นทำไม!"  เคนเถียงอย่างไม่ยอมแพ้
"ชั้นพูดกับนายดีๆก็ยังอุตส่าห์มาว่าชั้นกวนประสาทอีกหรอ? ดีหละ.....งั้นต่อไปไม่ต้องมาคุยกันอีกเลยนะ เอาใจยากชะมัด!"  แวนเนสว่าแล้วก็นั่งกอดอกหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง เคนเห็นท่าทางของพี่ชายก็อึ้งๆไปนึกว่าแวนเนสโกรธจริงๆ
"เฮ้ย! แค่นี้ก็โกรธหรอ?"  ว่าพร้อมกับต่อยที่แขนพี่ชายเบาๆ
"ไปไกลๆเลย! อย่ามายุ่ง!"  พูดจบก็ขยับตัวหนีไปนั่งชิดประตู 
"ลูกคนนี้.....พอน้องง้อแล้วยังทำเป็นเล่นตัวอีก"  แม่บ่นแวนเนสพร้อมกับส่ายหน้า
"สมน้ำหน้า"  ไจ่ไจ๋ขยับตัวมาด้านหน้าแล้วกระซิบซ้ำเติมเคนเบาๆ
"ยุ่ง!"  เคนเอ็ดใส่น้องชาย
"นี่! เรานั่นแหละตัวดี! วีนใส่คนโน้นคนนี้ไปทั่ว!"  เจอร์รี่อดปากไม่ไหวจึงเอ่ยปากต่อว่าเคนออกมา
"ถ้าได้ยินเสียงเราอีกครั้งเดียวพี่ใหญ่ตีทันทีเลยนะ จะไม่มีการเตือนอีกแล้ว"  ได้ยินคำขู่ของพี่ชายเคนก็หน้างอแต่หันกลับมานั่งเงียบกริบ
"หึๆๆๆๆ"  ไจ่ไจ๋แอบหัวเราะเคน 
"เราก็เหมือนกัน เกเรไม่น้อยไปกว่ากันหรอก"  พี่ใหญ่ก้มหน้าลงมาดุน้องเล็กด้วยอีกคน
"ผมเปล่าซักหน่อย"  ไจ่ไจ๋แก้ตัวหน้ามุ่ยลงเล็กน้อย
"ยังจะมาเถียงอีก"  เจอร์รี่ว่าพร้อมกับดึงหูเจ้าน้องชายตัวดีไปด้วย
"โอ้ยๆๆๆๆ.....เจ็บครับพี่ใหญ่....."  น้องเล็กร้องครวญครางพร้อมกับทำหน้าละห้อยใส่พี่ชาย
"เจ็บก็ดี จะได้จำแม่นๆหน่อย"  ทำหน้าดุใส่เจ้าน้องชายตัวแสบแต่พอน้องขยับเข้ามากอดอย่างประจบก็ได้แต่ถอนใจ
"เฮ้ย! ไอ้เด็กคนนี้....."  ว่าพลางขยี้หัวน้องอย่างหมั่นไส้ปนเอ็นดู ในตอนนั้นรถยนต์ก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านพอดี
"ถึงบ้านกันแล้วเด็กๆ ใครจะเถียงกันจะงอนกันก็เข้าไปต่อในบ้านนะ"  แล้วพ่อก็พูดขึ้นมาอย่างติดตลกก่อนจะดับเครื่องและชักชวนให้สมาชิกทุกคนกลับเข้าบ้านอันแสนสุขหลังนี้

- ในบ้าน -
"เสี้ยวเทียน ตกลงแล้วลูกอยากจะไปไหนหละ?"  พ่อเอ่ยถามลูกชายคนกลางอย่างใส่ใจ
"พ่อว่าไปไหนดีหละครับ?"  เคนย้อนถามพ่อแล้วลุกไปหยิบหนังสือท่องเที่ยวมานั่งลงข้างพ่อ
"ไปไหนกันดีหละแม่?"  พ่อหันไปถามแม่ต่ออีก
"แล้วแต่ลูกดีกว่า"  แม่ว่าพร้อมกับยิ้มให้เคน
"พ่อแม่จะตามใจผมจนเหลิงแล้วนะเนี่ย แล้วแต่ผมทุกอย่างเลย"  เคนพูดเป็นเชิงบ่น
"รู้ตัวเหมือนกันหรอ?"  เจอร์รี่ได้ยินดังนั้นก็อดปากที่จะแขวะน้องไม่ได้
"ใครพูดกับนาย?"  เคนเงยหน้ามาพูดย้อนพี่ชาย
"เดี๋ยวเถอะ! พูดเล่นแค่นี้ไม่ได้หรืองัย?"  โวยใส่เจ้าน้องชายตัวดี
"ชั้นเป็นเพื่อนเล่นนายหรอ?"  เคนเอาคำที่พี่ชายชอบพูดกับเขามาพูดย้อนพี่ชายบ้าง
"ไอ้....."  พี่ใหญ่ได้แต่ชี้หน้าน้องแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะพ่อแม่มองอยู่
"ระวังตัวไว้เถอะ"  พูดขู่น้องชายอย่างไม่ออกเสียง เคนยักคิ้วให้อย่างยียวนก่อนจะเหลือบไปทางพี่ชายคนรอง
"แวนเนส"  ส่งเสียงเรียกแล้วเปลี่ยนที่มานั่งลงข้างพี่ชายคนรองเพราะรู้ว่าแวนเนสยังงอนเขาอยู่
"ช่วงอาทิตย์หน้านายต้องไปทำงานหรือเปล่า? ถ้าไม่มีงานไปเที่ยวกับชั้นและก็พ่อแม่ดีมั๊ย?"  แวนเนสได้ยินก็มองหน้าน้องชาย
"ไม่ไป"  ตอบสั้นๆแล้วทำฟอร์มไม่สนใจทั้งที่จริงๆแล้วก็ดีใจที่น้องชายยังเอาใจใส่เขา
"ไปด้วยกันเถอะนะ เวลาเข้าพักเราจะได้นอนด้วยกันงัย"  เคนง้อพี่ชายต่อ
"ชั้นมันมีค่าเป็นแค่เพื่อนนอนของนายหรืองัย?"  ย้อนถามน้องกลับไป
"ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย ก็ชั้นอยากให้นายไปด้วย เวลาไปไหนแล้วมีนายไปด้วยบรรยากาศมันสนุกดี"  เคนแก้ตัวทันที
"สนุกเพราะนายได้เล่นหัวชั้นน่ะสิ"  แวนเนสย้อนก่อนจะยืนยันคำเดิม
"ยังงัยก็ไม่ไป!"  เสียงค่อนข้างห้วน เคนทำหน้าเจื่อนลงเพราะนึกว่าพี่ชายโกรธจริงๆจึงได้แต่หันไปทางพ่อกับแม่
"แวนเนส น้องอุตส่าห์ชวนดีๆเราก็ไปหักหาญน้ำใจน้องซะได้"  แม่ต่อว่าลูกชายคนรอง
"โธ่แม่! แล้วผมจะไปได้ยังงัยหละ? อาทิตย์หน้างานตรึมเลย"  แวนเนสหันไปโอดครวญกับแม่ ท่าทางของแวนเนสทำให้เจอร์รี่กับไจ่ไจ๋ถึงกับหัวเราะเพราะรู้ว่าแวนเนสแกล้งทำเป็นงอนเคนเท่านั้น
"มีงานก็ไม่พูดมาตรงๆ เล่นตัวกับน้องอยู่ได้"  แม่ต่อว่าให้อีก คราวนี้แวนเนสเลยเป็นฝ่ายหัวเราะบ้าง
"ก็ต้องเล่นตัวกับมันหน่อย มีอย่างที่ไหนมาแว๊ดๆใส่พี่มันแบบนี้"  ว่าแล้วก็หันไปยักคิ้วให้น้องชายคนกลาง เคนค้อนใส่พี่ชายแล้วลุกหนีกลับไปนั่งกับพ่อตามเดิม
"งั้นเราไปที่นี่กันนะครับพ่อ ผมอยากไปมานานแล้ว"  แล้วเคนก็ชี้ชวนให้พ่อดูสถานที่ท่องเที่ยวในหนังสือต่อ
"ได้สิลูก งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเราไปซื้อเสบียงกันดีกว่าเสร็จแล้วก็จัดเสื้อผ้า วันมะรืนจะได้เดินทางกันเลย"  พ่อเองก็ช่วยลูกชายวางแผน 
"ดีครับ"  เคนยิ้มรับคำพูดของพ่อก่อนจะเปลี่ยนสายตาไปทางน้องเล็ก
"ไจ่ไจ๋ นายก็ไปด้วยกันสิ"  แล้วก็เอ่ยปากกับน้องเพราะรู้สึกสงสารน้องหากว่าตัวเองจะต้องไปเที่ยวสนุกกับพ่อแม่แต่น้องกลับต้องอยู่แต่ในบ้านทั้งที่สามารถไปด้วยได้
"ไม่ไปหรอก ก็ตอนแรกพี่กลางไม่อยากให้ผมไปนี่"  ไจ่ไจ๋แกล้งทำเป็นงอน
"เปล่าซักหน่อย ก็นายอยากกวนพี่ดีนักนี่ ตกลงไปด้วยกันเถอะนะ"  แล้วก็ชวนน้องชายต่ออีก
"ไม่ไป"  ไจ่ไจ๋ยืนยันคำเดิม
"เล่นตัวพอกันหมด"  แม่บ่นเจ้าลูกชายตัวแสบ
"ทำไมไม่ไปวะ? นายก็อยู่บ้านว่างๆไม่ใช่หรอ?"  แวนเนสจึงถามน้องเสียเอง
"ไม่อยากไป เพราะถ้าผมไปแล้วเดี๋ยวจะมีคนน้อยอกน้อยใจเพราะพ่อแม่มาเอาใจผมคนเดียว"  ไจ่ไจ๋ตอบแบบลอยหน้าลอยตา
"โหย! พูดมาได้นะไอ้ตัวแสบ! มีแต่นายน่ะสิจะเป็นหมาหัวเน่า!"  แวนเนสได้ยินก็ผลักหัวน้องอย่างหมั่นไส้
"ฮ่าๆๆๆ!!!"  ไจ่ไจ๋เองก็หัวเราะขำตัวเองด้วยเช่นกัน แล้วก็ลุกมานั่งลงข้างๆพี่ชายคนกลาง
"ผมไม่อยากไปหรอกครับพี่กลาง พี่ไปเที่ยวกับพ่อแม่ให้สนุกเถอะ"  พูดกับพี่ชายอย่างจริงใจ
"ทำไมไม่อยากไปหละ?"  เคนถามเซ้าซี้น้องชายอีกเพราะหากว่าเป็นเรื่องเที่ยวแล้วเป็นตายยังงัยเจ้าน้องเล็กก็ไม่ยอมพลาดแน่นอน
"ไม่อยากไปก็ยังต้องมีเหตุผลด้วยหรอ?"  ไจ่ไจ๋เงยหน้าถามพี่ชาย
"อ้าว! ก็ปกตินายไม่เคยพลาดอยู่แล้วนี่"  เคนพูดอย่างซื่อๆเพราะไม่รู้ว่าเจ้าน้องชายตัวดีอยากให้เขาได้ไปเที่ยวกับพ่อแม่เพียงลำพัง
"เที่ยวกับครอบครัวน่ะเมื่อไหร่ก็ไปได้ แต่เที่ยวกับแฟนเนี่ยมันต้องอาศัยโอกาสที่ดีหน่อย"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์
"อาทิตย์หน้าหลิงหลิงจะกลับมาที่หอแล้ว นี่เป็นเหตุผลพอมั๊ยที่ผมจะไม่ไปเที่ยวกับพี่?"  พอได้ยินเช่นนี้เคนก็ผลักหัวน้องอย่างหมั่นไส้
"เห็นแฟนดีกว่าพี่หรอ!?"  ต่อว่าน้องออกมาด้วย
"แน่นอน เพราะแฟนน่ะทะเลาะกันเมื่อไหร่ก็เลิกเมื่อนั้นแต่กับพี่กลางน่ะทะเลาะกันให้ตายยังงัยก็เลิกกันไม่ได้หรอก"  คำพูดของน้องเล็กเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
"ทะเล้นนักนะเรา!"  เคนเคาะหัวน้องเบาๆแต่ก็ยิ้มออกมาได้ในที่สุด
"งั้นไว้พี่ซื้อขนมมาฝากนะ"  ไจ่ไจ๋ยิ้มแล้วพยักหน้า
"พ่อแม่ครับ งั้นผมไปอาบน้ำอาบท่าแล้วพักผ่อนก่อนนะครับ"  เจอร์รี่เห็นดังนั้นก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับขยับตัว
"แวนเนส ไจ่ไจ๋ ขึ้นไปข้างบนกันมั๊ย?"  แล้วก็ชวนน้องชายอีกสองคนด้วยเพราะอยากให้บุพการีทั้งสองคนอยู่กับน้องชายคนกลางตามลำพัง
"ไปสิ เมื่อยเหมือนกัน ว่าจะไปนอนแช่น้ำอุ่นซักหน่อย"  แวนเนสรีบตอบรับแล้วขยับตัวลุกขึ้นตามพี่ชาย
"งั้นพ่อแม่ฝันดีนะครับ พี่กลางผมไปนอนก่อนนะ"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ลุกขึ้นบ้าง
"ฝันดีจ๊ะลูกรัก มาให้แม่หอมแก้มหน่อยซิ"  แม่ว่าแล้วก็กวักมือเรียกเจ้าลูกชายคนเล็ก
"อื้ม! รักที่สุดเลย!"  แม่ว่าแล้วก็ลูบหัวไจ่ไจ๋อย่างรักใคร่
"ผมก็รักแม่ที่สุดเหมือนกัน"  ไจ่ไจ๋ยิ้มแล้วหอมแก้มแม่กลับไป
"รักพ่อที่สุดด้วยเหมือนกัน"  แล้วก็เดินไปหอมแก้มพ่อด้วย
"ฝันดีนะลูก"  พ่อยิ้มให้ไจ่ไจ๋อย่างอ่อนโยน
"ครับ"  ไจ่ไจ๋รับคำแล้วหันไปเอามือโอบรอบลำคอพี่ชายคนกลาง
"วันนี้ที่ผมพูดจาไม่ดีกับพี่ต้องขอโทษด้วยนะครับ"  พูดกับเคนเบาๆ เคนได้ยินก็บีบจมูกน้องชาย
"ขอซื้อได้มั๊ยไอ้มุขที่มาโวยวายใส่สุดท้ายแล้วก็มาอ้อนพี่แบบนี้เนี่ย?"  เคนแซวน้องชายยิ้มๆ    
"หึๆๆๆ"  ไจ่ไจ๋หัวเราะเบาๆแล้วหอมแก้มพี่ชาย
"ฝันดีครับพี่กลาง"  เคนพยักหน้าแล้วจูบเบาๆที่หน้าผากน้อง ก่อนจะพยักหน้าให้น้องไปนอน
"หูย! กว่ามันจะเยื้องย่างขึ้นห้องได้ต้องร่ำราซะสามวันเจ็ดวัน"  แวนเนสแกล้งบ่นดังๆ
"บ่นมากจังพี่รอง!"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็เอามือคล้องแขนพี่ชาย
"ไป.....ขึ้นข้างบนกันได้แล้ว....."  แล้วก็ชวนพี่ชายทั้งคู่ขึ้นไปยังชั้นบน
"เจ้าลูกคนนี้ไม่รู้จักโตซักที"  แม่มองตามเจ้าลูกชายคนเล็กอย่างขำๆ
"คงอีกนานแหละครับกว่ามันจะพูดรู้เรื่อง"  เคนแอบนินทาน้องชาย
"ไจ่ไจ๋นะ เวลางอแงผมแทบอยากจะบีบคอมันเลย"  ได้ทีต่อว่าน้องชายให้พ่อกับแม่ฟัง
"ยิ่งเวลาพี่ใหญ่อยู่ด้วยผมว่าอะไรมันไม่ได้เลยเพราะพี่ใหญ่คอยปกป้องตลอด บางทีไจ่ไจ๋มันทำผิดเห็นๆพี่ใหญ่กลับมาว่าผมซะอีก"  เอ่ยปากฟ้องฉอดๆ
"แต่เวลามันมาให้ผมร่วมทำอะไรแผลงๆด้วยแล้วพี่ใหญ่จับได้นะ มันจะปล่อยให้ผมรับหน้าพี่ใหญ่คนแรกเลย แล้วพอผมโดนพี่ใหญ่ด่าหรือตีเสร็จแล้วนะพี่ใหญ่ก็หมดแรงพอดีไจ่ไจ๋มันก็เลยรอดตัวไปได้"  เคนยังฟ้องต่อไม่เลิก
"แต่ผมว่าพี่ใหญ่ก็รู้เห็นเป็นใจกับมันด้วยแหละครับ เพราะพอจัดการผมเสร็จแล้วก็ชอบทำปึงปังอารมณ์เสียเดินขึ้นห้องทุกที ไจ่ไจ๋ไม่เห็นเคยโดนตีซักแอะอย่าดีก็ดุนิดหน่อยเอง"  พ่อกับแม่ฟังลูกชายพูดจ๋อยๆด้วยรอยยิ้ม
"เดี๋ยวไว้แม่จะจัดการเจ้าน้องชายของลูกให้ดีมั๊ย?"  แม่เสนอตัวขึ้นมา
"ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ เดี๋ยวมันจะหาว่าผมมายุแม่อีก"  เคนส่ายหน้าปฏิเสธทันที
"แต่จะว่าไปเวลาปกติไจ่ไจ๋มันก็น่ารักนะครับ"  แล้วก็เปลี่ยนมาชมน้องชายอีก
"ถ้าที่บ้านขาดเจ้าเด็กคนนี้ซักคน บ้านเราก็เงียบเหงาลงถนัดตาเลย"  พ่อกับแม่ได้ยินก็หันไปมองหน้ากันยิ้มๆ
"เงียบเพราะลูกไม่มีคนต่อล้อต่อเถียงด้วยใช่มั๊ย?"  พ่อถามแหย่ลูกชายบ้าง
"ใช่ครับ ผมพูดแล้วพ่อแม่อย่าไปบอกใครนะ.....ผมรู้สึกว่าวันไหนไม่มีไจ่ไจ๋มาคอยป่วนวันนั้นจะนอนหลับไม่สนิทเท่าไหร่ บางทีผมเองก็ชอบไปแหย่มันเล่นเหมือนกันแต่ต้องเฉพาะตอนที่พ้นหูพ้นตาพี่ใหญ่นะครับ ไม่งั้นอาจตายได้"  พ่อกับแม่ฟังลูกชายพูดแล้วก็ได้แต่หัวเราะ
"พี่ใหญ่นี่ใจร้ายกับลูกจริงๆเลยนะ"  พ่อว่าพลางหัวเราะ
"สุดยอดหละครับพ่อ ทำอะไรผิดนิดหน่อยมองตาเขียวปั๊ดเลย"  เคนนินทาพี่ชายต่อ
"ไปอยู่กับพ่อดีกว่ามั๊ย?"  พ่อถามแหย่ลูกชายต่ออีก
"เอ่อ.....ถึงพี่ใหญ่จะใจร้ายกับผมมากกว่าคนอื่นแต่เวลาปกติพี่เขาก็ดีนะครับ"  เคนรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเพราะนึกว่าพ่อจะพาเขาไปอยู่ด้วยจริงๆ
"ไม่อยากไปอยู่กับพ่อแม่หรือจ๊ะ?"  แม่แกล้งถามย้ำลูกชายอีก
"ไม่ใช่ครับ แต่ผมคงปรับตัวไม่ได้หรอกหากจะต้องเปลี่ยนที่อยู่กะทันหัน"  เคนแก้ตัวก่อนจะทำเนียนเปลี่ยนเรื่องอีกครั้ง
"ที่นี่ก็น่าไปนะครับ ถ้ามีเวลาตอนขากลับเราแวะที่นี่ด้วยดีกว่าเนอะ"  พ่อกับแม่มองหน้ากันยิ้มๆที่ลูกชายคนนี้ก็เจ้าเล่ห์ไม่เบาเหมือนกัน
"ได้ลูก ถ้ามีเวลาจะแวะที่นี่อีกที่ด้วยก็ได้"  แล้วพ่อก็ชี้สถานที่ท่องเที่ยวอีกที่หนึ่ง
"ดีครับ ที่นี่ผมก็อยากไป"  เคนตอบรับอย่างไม่ต้องคิด
"เราสามคนไปดูลาดเลาก่อนแล้ววันหลังถ้าพี่ใหญ่กับพี่รองแล้วก็ผมว่างตรงกันจะโทรไปบอกให้พ่อกับแม่ลงมาแล้วเราก็ไปเที่ยวด้วยกันหมดเลยนะครับ"  เคนวางแผนด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว
"ดีลูก ว่างเมื่อไหร่รีบโทรบอกพ่อกับแม่เลยนะ"  แม่ย้ำคำอย่างดีใจที่ลูกชายอยากให้กลับมา
"แน่นอนครับ แต่พ่อกับแม่นั่นแหละจะติดงานหรือเปล่าเถอะ"  เคนว่าแล้วเงยหน้ามองบุพการีทั้งคู่เหมือนเด็กๆ
"ต่อให้ติดงานหรือยุ่งมากขนาดไหนเราก็ต้องมาหาลูกให้ได้แน่นอน"  แม่รับคำหนักแน่น เคนจึงค่อยยิ้มออก
"ถือว่าแม่สัญญาแล้วนะ ถ้าโทรบอกแล้วไม่ยอมมาผมจะไปตามถึงที่เลย"  เคนย้ำคำ
"งั้นเราอย่ามาเลยดีกว่าเนอะแม่ ให้ลูกไปตามเราถึงที่แล้วเราก็ยึดตัวลูกอยู่กับเราซะเลย"  พ่อแกล้งพูดเล่นกับแม่            
"โอโห! วางแผนกันแบบนี้เลยหรอ?"  เคนแกล้งอุทานออกมา
"แน่นอน แล้วพ่อกับแม่ก็จะพาลูกเที่ยวที่นู้นให้สนุกไปเลย"  แม่เสริมคำพ่อยิ้มๆ
"งั้นพรุ่งนี้จัดกระเป๋าแล้วกลับไปกับพ่อแม่ดีกว่า เที่ยวเมืองนอกฟรีแบบนี้หาได้ที่ไหนอีก"  เคนเลยพลอยเล่นกับพ่อแม่ไปด้วย
"เอาสิลูก แต่เราต้องแอบไปกันแค่สามคนนะเพราะเดี๋ยวพี่ชายกับน้องชายของลูกรู้จะน้อยใจกันใหญ่"  พ่อพูดต่อคำ
"รับรองว่าเนียนครับ"  เคนแกล้งรับคำพ่อ แล้วสามคนพ่อแม่ลูกก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน




 

Create Date : 17 มิถุนายน 2557    
Last Update : 28 ธันวาคม 2557 20:27:46 น.
Counter : 860 Pageviews.  

Chapter 78

ตอนที่ 78


"พี่ใหญ่ครับ....."  ไจ่ไจ๋เดินตามออกมาพร้อมกับดักหน้าดักหลังพี่ชาย

"จะไปไหนก็ไปเลย! ตามมาเกะกะอยู่ได้!"  เจอร์รี่ทำเสียงดุน้องชาย

"ก็จะไปตรงนี้อ่ะ! จะอยู่ตรงนี้ด้วย!"  ไจ่ไจ๋เริ่มหน้ามุ่ยพร้อมกับกอดแขนพี่ชายแน่น

"งั้นก็อยู่ไปเลย!"  เจอร์รี่ดึงแขนออกจากมือของน้องชายออกอีกแล้วเดินดุ่มๆไปนั่งที่ชิงช้า ไจ่ไจ๋เองก็วิ่งตามพี่ชายอีกเช่นกัน

"โกรธหรอ?"  ไจ่ไจ๋ชะโงกหน้ามามองพี่ชายพร้อมกับถามด้วยสีหน้าซื่อๆ เจอร์รี่ไม่ตอบซ้ำยังเบือนหน้าหนีอีกด้วย

"ดีกันนะ...."  ไจ่ไจ๋เริ่มต้นง้อพี่ชายอีกแต่เจอร์รี่ทำเป็นไม่ได้ยิน

"ดีกันนะครับพี่ใหญ่ ผมขอโทษที่ทำแบบนี้ ต่อไปจะไม่กล้าทำอีกแล้ว"  น้องเล็กโอดคราวญ เจอร์รี่ถอนหายใจก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นไจ่ไจ๋เองก็รีบลุกตามอีก

"พี่ใหญ่"  ไจ่ไจ๋เรียกพี่ชายอีกเมื่อเห็นพี่ชายไม่ยอมตอบ พี่ใหญ่เหลือบมองเจ้าน้องชายสุดที่รักแต่ก็ยังทำใจแข็งไม่สนใจเดินไปเปิดประตูรั้วแล้วเดินออกจากบ้านไป ไจ่ไจ๋มองพี่ชายตาละห้อยนึกถอดใจที่จะง้อพี่ชายอยู่เหมือนกัน

"ไม่ได้! ยังงัยก็ต้องง้อพี่ใหญ่ให้ได้!"  แล้วก็พูดปลุกใจตัวเองก่อนจะวิ่งตามพี่ชายออกไปอีก 

"พี่ใหญ่!! จะไปไหน?"  เสียงน้องชายที่ดังขึ้นไล่หลังทำให้เจอร์รี่แอบยิ้มที่มุมปาก ความจริงเขาก็ไม่ได้โกรธอะไรเจ้าน้องชายตัวแสบมากมายแต่ก็อยากเอาคืนให้สาสมเสียบ้าง

"พี่ใหญ่ครับ! จู่ๆก็เดินออกมาไม่บอกไม่กล่าวใครเลยเดี๋ยวคนอื่นก็เป็นห่วงแย่หรอก!"  ไจ่ไจ๋พูดไปหอบไปเพราะวิ่งตามพี่ชายมา

"จะเป็นห่วงทำไม? พี่ไม่ได้สำคัญอะไรนี่"  แกล้งพูดประชดน้องชาย น้องเล็กได้ยินก็สะอึกเพราะไม่นึกว่าพี่ใหญ่จะโกรธจริงๆ

"เพราะเดี๋ยวนี้เวลานายมีเรื่องอะไรพี่ก็ต้องรู้เป็นคนสุดท้ายอยู่ดี"  พูดจบก็เดินต่อไปเรื่อยๆเพราะนึกว่าน้องคงตามมาอีกแต่คราวนี้ไจ่ไจ๋กลับยืนนิ่งอยู่กับที่น้ำตาซึมกับคำพูดของพี่ชาย

"อ้าว...."  เมื่อเดินมาได้ระยะหนึ่งเจอร์รี่ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าไล่ตามมาจึงเหลียวกลับไปมองก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของน้องชาย

"หายไปไหนเนี่ย"  พึมพำกับตัวเองแล้วกวาดสายตามองหาน้องชาย

"จะคิดมากหรือเปล่า?"  แล้วก็เกิดอาการเป็นห่วงน้องชายขึ้นมาตะหงิดๆ จึงตัดสินใจหมุนตัวกลับแล้วเดินไปตามทางเดิม 

"สงสัยกลับบ้านแล้วมั้ง?"  เมื่อหาน้องไม่เจอจึงตั้งข้อสันนิษฐานกับตัวเอง แต่แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นคนจำนวนมากมุงดูอะไรอยู่

"เกิดอะไรขึ้นหรืองัย?"  เจอร์รี่เริ่มใจไม่ดีเพราะเขาเห็นรถพยาบาลเพิ่งวิ่งออกไปจากพื้นที่บริเวณนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไป

"ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นหรอ?"  เจอร์รี่ถามชายคนหนึ่งที่จำนวนที่มุงดูอยู่

"รถชนคนน่ะ รถพยาบาลเพิ่งพาคนเจ็บส่งโรงพยาบาลเมื่อกี้นี้เอง"  คำตอบนั้นทำเอาเจอร์รี่ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาสังหรณ์ใจตะหงิดๆ

"คนที่ถูกชนเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายครับ?"  ถามต่อด้วยน้ำเสียงเริ่มสั่นเพราะกลัวว่าจะเป็นน้องเล็ก

"ผู้ชาย....ยังดูรุ่นๆอยู่เลยอายุน่าจะราวๆยี่สิบได้ แย่จัง....เจ็บหนักซะด้วย....."  ชายคนเดิมตอบแล้วส่ายหน้าไปมา 

"โรงพยาบาลไหน?"  เจอร์รี่ถามต่ออีกสีหน้า

"เขาเป็นญาติคุณหรอ?"  ชายคนนั้นเริ่มสงสัยในท่าทางของเป็นกังวลของเจอร์รี่

"ผมสงสัยว่าอาจจะเป็นน้องชายผม เพราะเขาตามผมออกมาแต่ผมหาเขาไม่เจอ"  เจอร์รี่แทบน้ำร่วงในขณะพูดคุยกับชายคนนั้น

"อ้อ! งั้นคุณรีบไปที่โรงพยาบาลดีกว่าเพราะเมื่อกี้ก็เห็นเขาถามหาญาติเหมือนกัน"  พูดจบชายคนนั้นก็บอกชื่อโรงพยาบาล เมื่อได้รู้คำตอบแล้วเจอร์รี่ก็รีบเรียกแท๊กซี่ทันที

"ไจ่ไจ๋.....นายอย่าเป็นอะไรนะ"  เจอร์รี่นั่งพึมพำภาวนาเบาๆ 

"พี่ไม่น่าทำแบบนี้กับนายเลย"  ตำหนิตัวเองออกมา 

"คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?"  คนขับรถถามเมื่อเห็นเจอร์รี่มีท่าทีร้อนใจและเป็นกังวล 

"ผมกลัวว่าน้องชายผม....."  เจอร์รี่ยังตอบไม่ทันจบประโยคก็ต้องหยุดพูดเมื่อสายตาหันเหลือบไปเห็นบุคคลที่เขาคุ้นเคย

"น้องชายคุณป่วยอยู่ใช่มั๊ย? คุณใจเย็นๆก่อนนะ ผมจะรีบพาคุณไปโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด"  คนขับรถพูดอย่างเห็นอกเห็นใจ

"น้องชายผม!!!"  แล้วเจอร์รี่ก็อุทานเสียงดังลั่นรถ

"อะไรนะ?"  คนขับรถย้อนถามงงๆ

"น้องชายผมอยู่โน้น!!! จอดๆๆๆๆๆ!!!!"  เจอร์รี่ว่าแล้วรีบสั่งให้คนขับรถจอด พอรถจอดได้ยังไม่สนิทดีเจอร์รี่ก็รีบควักเงินให้คนขับรถโดยไม่สนใจเงินทอน

"ไจ่ไจ๋!!!"  เจอร์รี่ตะโกนเรียกน้องชายแล้ววิ่งเข้าไปหา คนถูกเรียกหันมาทางต้นเสียงอย่างงงๆในมือยังถือไอศครีมค้างอยู่

"พี่ใหญ่"  ไจ่ไจ๋เองก็รู้สึกงงงวยที่เห็นพี่ชายมาอยู่แถวนี้

"ไจ่ไจ๋!! ไม่ใช่นายจริงๆด้วย! ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ใช่นาย!"  คำพูดของพี่ชายยิ่งทำให้ไจ่ไจ๋งงหนักเข้าไปอีก

"พี่ใหญ่ครับ.....พี่เป็นอะไรหรือเปล่า?"  ถามพี่ชายอย่างงุนงง

"พี่ไม่เป็นไร พี่ไม่เป็นไรแล้ว"  เจอร์รี่ส่ายหน้าแต่ยังมีน้ำตาคลอๆให้เห็น

"เอ่อ....ผม....ผมพลาดเหตุการณ์อะไรไปหรือเปล่า?"  ถามพี่ชายต่ออีก

"เด็กโง่! ถามอะไรแบบนี้"  แล้วไจ่ไจ๋ก็ถูกพี่ชายดึงเข้าไปกอดอีก

"นายหายไปไหนมา?"  แล้วเจอร์รี่ก็ตั้งคำถามกับน้อง ไจ่ไจ๋เอียงคอมองพี่ชาย

"อ้าว! ก็พี่ใหญ่ไล่ผมเองไม่ใช่หรอ? ผมก็มาซื้อไอติมกินน่ะสิ"  พูดจบไจ่ไจ๋ก็กัดกินไอศครีมในมือต่อ

"หึๆๆๆ"  เจอร์รี่หัวเราะออกมาได้เขาเอื้อมมือไปขยี้หัวน้องชายอย่างรักใคร่

"นายรู้หรือเปล่าว่าเมื่อกี้พี่ไปเจออะไรมา?"  น้องเล็กได้ยินก็ส่ายหน้า

"ไม่รู้อ่ะ เพราะผมตั้งใจมาซื้อไอติม"  คำตอบของน้องเล็กยังวนเวียนอยู่กับของกิน

"ไอ้น้องคนนี้หนิ!"  แม้จะต่อว่าน้องชายแต่เจอร์รี่ก็ดีใจเป็นอย่างมากที่น้องชายสุดที่รักยังยืนอยู่ตรงหน้าเขา

"ไป....กลับบ้านกันดีกว่า....."  แล้วพี่ใหญ่ก็จูงมือน้องเล็กแล้วพาเดินไปตามทาง

"พี่ใหญ่หายโกรธผมแล้วหรอ?"  ไจ่ไจ๋ถามในขณะที่เดินกินไอศครีมไปด้วย

"พี่ไม่โกรธนายเลย"  เจอร์รี่ตอบแล้วยิ้มให้น้อง

"พี่ต้องขอบคุณนายด้วยซ้ำที่นายยังอยู่ตรงนี้"  น้องเล็กนิ่วหน้ากับคำพูดแปลกๆของพี่ชาย

"เอ่อ....พี่ใหญ่ครับ ตกลงเมื่อกี้พี่ไปเจออะไรมาหรอ?"  ถามพี่ชายอย่างเป็นห่วงแต่เจอร์รี่กลับส่ายหน้า

"ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีอะไรเลยจริงๆ"  เจอร์รี่ตอบพร้อมกับมองน้องชายด้วยแววตาอ่อนโยน

"อยากกินขนมอะไรอีกมั๊ย? เดี๋ยวจะได้แวะซื้อที่ซุปเปอร์ข้างหน้า"  แล้วก็เปลี่ยนเรื่องถามน้องชาย

"จริงนะ! พี่ใหญ่ต้องเลี้ยงผมด้วยแหละ!"  เมื่อได้ยินคำว่าขนมไจ่ไจ๋ก็หมดความสงสัยในเรื่องทุกอย่างโดยสิ้นเชิง

"เด็กหนอเด็ก....ในมือยังกินไม่หมดเลย....."  ต่อว่าน้องชายแต่สายตาที่มองนั้นมีความเอ็นดูอยู่ไม่น้อย

"ผมไม่รู้ว่าพี่ใหญ่จะตามมาไม่งั้นจะเลี้ยงไอติมพี่ซักแท่งนึง"  แล้วไจ่ไจ๋ก็พูดขึ้นเป็นการชวนคุย

"ฮึ! พี่ไม่ต้องให้นายเลี้ยงหรอก ถ้าอยากกินพี่ซื้อเองได้"  พูดจบก็โยกหัวน้องชายไปมาเบาๆ

"โธ่! ไอ้เราอุตส่าห์มีน้ำใจดันมาปฏิเสธซะนี่.....ดีเหมือนกันงั้นขนมพี่จ่ายไม่อั้นนะ!"  แล้วน้องเล็กก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์

"แผนสูงจริงนะ!"  บีบจมูกน้องชายอย่างหมั่นไส้แต่ก็ยอมตามน้องทุกที

"เอาเถอะ! เห็นแก่ว่าหลายวันมานี้นายไม่ได้มาอ้อนขอขนมกินเลย วันนี้จะชดเชยให้เต็มที่"  ไจ่ไจ๋ยิ้มหน้าบานกับคำพูดของพี่ชาย

"ไชโย! พี่ใหญ่น่ารักที่สุดในโลกเลย!"  พูดจบก็หอมแก้มพี่ชายฟอดใหญ่

"เฮ้ย!!! ปากเลอะเทอะแบบนี้ยังจะมาหอมแก้มพี่อีก! ดูซิ.....เลอะหมดเลย!"  พี่ใหญ่โวยวายเมื่อโดนน้องหอมแก้มด้วยปากที่ยังมีคราบไอศครีม

"ฮ่าๆๆๆ!!! หล่อไปอีกแบบนะครับ!!"  ไจ่ไจ๋หัวเราะร่าเมื่อแกล้งพี่ชายได้สำเร็จ 

"เดี๋ยวเถอะ! กลับถึงบ้านเมื่อไหร่จะจับมาตีให้ก้นลายเชียว!"  พี่ใหญ่พูดขู่แต่สีหน้ากลับมีรอยยิ้ม

"ไม่กลัว"  ไจ่ไจ๋ทำหน้ายียวนพี่ชายแต่กลับโอบแขนกอดเอวพี่ชาย

"ทะเล้น!"  ต่อว่าน้องชายเข้าให้อีกแล้วสองพี่น้องก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน

- ที่บ้าน -

"โอโห! นี่ไปปล้นร้านค้ามากันหรอวะเนี่ย?"  แวนเนสเอ่ยแซวเมื่อเห็นสองพี่น้องเดินหิ้วของพะรุงพะรังเข้ามา

"นายตามไปง้อพี่ใหญ่ไหงกลับมาเป็นแบบนี้วะ? ตกลงใครง้อใครกันแน่?"  แล้วก็สอบถามน้องชายต่ออีก

"ความลับ"  ไจ่ไจ๋ตอบแวนเนสแล้วยิ้มหวานให้

"ชั้นว่าแล้วว่าต้องกลับมาเป็นแบบนี้"  เคนว่าพร้อมกับยักคิ้วให้แวนเนส

"แม่ไปไหนหละครับ?"  ไจ่ไจ๋ถามหาแม่ต่อ

"เห็นบอกว่าเบื่อที่นายเอาแต่ก่อเรื่องยุ่งๆเลยหนีไปเที่ยวกับพ่อแล้ว"  เคนตอบน้องหน้าตาเฉย

"เฮ้ย! พ่อแม่ทำงี้ได้งัยอะ!? เรื่องอะไรถึงได้หนีไปเที่ยวกันสองคน ไม่ยอมด้วย!"  เจ้าน้องชายคนเล็กร้องโวยวายยกใหญ่เพราะนึกว่าพี่ชายพูดจริง

"โวยวายอะไรฮึเจ้าตัวยุ่ง! เสียงดังลั่นไปถึงหลังบ้านเลย"  แล้วเสียงพ่อก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

"พ่อ....."  ไจ่ไจ๋รีบเดินไปกอดเอวพ่ออย่างประจบแล้วเอ่ยปากฟ้องต่อ

"ก็พี่กลางน่ะสิ บอกว่าพ่อแม่หนีไปเที่ยวกันสองคน ผมไม่เชื่อหรอกว่าพ่อแม่จะทำแบบนั้นเพราะถ้าจะไปจริงต้องเอาลูกชายที่น่ารักคนนี้ไปด้วย จริงมั๊ยครับ?"  คำพูดของลูกชายคนเล็กทำให้พ่อกับแม่ได้แต่อมยิ้ม 

"ไม่เชื่อที่พี่เขาพูดแต่โวยวายลั่นเชียวนะ"  แม่เอ่ยแซวลูกชาย

"แล้วนี่ตามออกไปง้อพี่ใหญ่ ผลคงสำเร็จเกินคาดสิ"  แม่พูดต่อพร้อมกับปรายตามองไปทางถุงขนมที่วางเต็มโต๊ะ

"แน่นอน"  ไจ่ไจ๋ตอบรับยิ้มๆ

"เอาหละครับทุกคน....."  แล้วไจ่ไจ๋ก็ประกาศ

"เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันดีเพราะครอบครัวเราได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา และอีกอย่างความจำของผมก็กลับมาเป็นปกติแล้ว ฉะนั้นผมเห็นควรว่าเราควรจะฉลองกันดีมั๊ย?"  จบคำพูดของน้องเล็กสมาชิกทุกคนต่างก็พากันส่ายหน้ากับความเจ้าเล่ห์ของเจ้าตัวเล็กที่พูดเองเออเองคนเดียว

"ไม่ดีหรอ?"  เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบสนองไจ่ไจ๋ก็เริ่มทำหน้าผิดหวัง ตอนนี้สมาชิกทุกคนความคิดตรงกันจึงพากันส่ายหน้า

"โถ.....ตกลงมีผมดีใจคนเดียวใช่มั๊ยเนี่ย? รู้งี้จำไม่ได้เหมือนเดิมก็ดี"  บ่นอุบก่อนจะเดินไปทิ้วตัวลงที่โซฟาแรงๆ

"หึๆๆๆ"  ต่างคนต่างขำกับท่าทีของเจ้าตัวเล็ก

"อยากกินอะไรหละ?"  แม่เดินตามานั่งลงข้าวเจ้าลูกชายตัวแสบ

"บาร์บีคิวหรือสุกี้ก็ได้ แต่ถ้าเป็นแบบบุฟเฟ่ต์จะดีมากเลย"  ไจ่ไจ๋ตอบแบบไม่สงวนท่าที 

"อ้าว! คนงอนหรอเนี่ย?"  แม่อุทานก่อนที่จะโยกหัวลูกชายไปมาอย่างเอ็นดู

"งั้นก็ไปล้างหน้าล้างตาสิจ๊ะ จะได้ไปกินข้าวกัน"  คำพูดของแม่ทำให้ไจ่ไจ๋ตาใสแจ๋วขึ้นมาอีกรอบ

"ไปจริงๆนะแม่! ผมขอเวลาห้านาทีเท่านั้น!"  พูดจบก็วิ่งเข้าห้องน้ำทันที

"ฮ่าๆๆๆๆ!!!"  สมาชิกที่เหลือประสานเสียงหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

"ลูกสามคนก็ไปล้างหน้าล้างตากันสิ"  พ่อหันมาบอกลูกชายอีกสามคนบ้าง

"หูย.....ไอ้ตัวดีกะจะกินบุฟเฟ่ต์ ไม่เห็นใจพี่มันบ้างเลย ถ้าน้ำหนักขึ้นมาจะทำยังงัย?"  แวนเนสบ่นอุบออกมาคนแรก

"ก็ทำใจงัยครับพี่.....นายต้องเข้าใจอ่ะนะว่าวงการนี้มีขึ้นก็ต้องมีลง"  เคนพูดล้อพี่ชาย

"เดี๋ยวเหอะ! ปากดีนักนะไอ้นี่!"  แวนเนสทำท่าจะเขกหัวน้องแต่เคนยกมือขึ้นกันได้ทันเวลา

"โอ้ย!"  แต่แล้วก็ต้องร้องออกมาจนได้เพราะพี่ชายคนโตเอื้อมมือมาเขกหัวให้แทน

"สมน้ำหน้า! ฮ่าๆๆๆ!!!"  แวนเนสหัวเราะเยาะน้องชายอย่างสะใจ เคนถลึงตาใส่แวนเนสแล้วแอบค้อนพี่ชายคนโต

"ไปล้างหน้าล้างตาเลยเร็วๆ! กวนประสาทพี่เขาอยู่ได้"  พูดกับเคนต่อด้วยน้ำเสียงดุๆ เคนทำปากขมุบขมิบแต่ก็เดินตามน้องเล็กไปแต่โดยดี 

"ดุจริงๆเลยลูกคนนี้ ไม่รู้ไปได้เชื้อมาจากไหน พ่อแม่ก็ออกจะใจดี"  แม่พูดแซวลูกชายคนโต

"ก็ไหนพ่อแม่เคยบอกว่าเก็บผมมาเลี้ยงงัยหละ"  เจอร์รี่ย้อนกลับไปด้วยสีหน้ามุ่ยๆ ทำให้แวนเนสได้แต่เอามือปิดปากพลางหัวเราะเบาๆ

"แหนะ....ตอนนั้นถามบอกไม่คิดมากแต่นี่กลับเอามาย้อนพ่อกับแม่หรอ?"  พ่อต่อว่าลูกชายขึ้นมาบ้าง

"ไม่รู้หละ พ่อแม่ลำเอียง.....เอาใจแต่พวกมันสามคนไม่เห็นจะเคยเข้าข้างผมบ้างเลย"  พูดจบก็กอดอกแล้วทำท่างอนใส่บุพการี

"เฮ่อ! งานหนักแน่ครับ"  แวนเนสพูดกับพ่อแม่ก่อนจะส่ายหน้ายิ้มๆแล้วเดินตามน้องชายอีกสองคนไปบ้าง

"งอนจริงๆหรอเราน่ะ?"  แม่ว่าพร้อมกับขยี้หัวลูกชายอย่างรักใคร่

"ก็แม่อ่ะ.....ตามใจแต่พวกมันพอผมว่าน้องหน่อยก็ชอบมาต่อว่าผมอีก"  โอดครวญออกมาเสียจริงๆ

"โถ....แม่ไม่ได้รักน้องมากกว่าลูกซักหน่อย แต่เรื่องบางเรื่องยอมผ่อนปรนให้น้องได้ก็ผ่อนปรนไปเถอะ น้องก็โตๆกันแล้วอย่าเข้มงวดนักเลย"  พูดพร้อมกับเอามือตบแก้มลูกชายเบาๆ

"นั่นสิ ขืนลูกเข้มงวดกับน้องมากๆ พอแก่ตัวไประวังน้องจะขยาดไม่มีใครพาไปอยู่ด้วยนะ"  พ่อแซวลูกชายอีก

"ก็ให้มันรู้ไปสิว่าผมมีปัญญาเลี้ยงพวกมันมาได้จนป่านนี้แต่พวกมันคิดจะทิ้งพี่ชายคนนี้ได้ลงคอ"  เจอร์รี่ย้อนคำพ่อ

"นั่นแหนะ! นินทาอะไรอีกเนี่ย?"  แล้วเสียงเจ้าน้องชายคนเล็กก็ดังขึ้น

"ไม่ได้นินทา! แต่พูดให้ได้ยินเลยนี่แหละ!"  เอามือทุบหัวน้องอย่างหมั่นไส้ แต่ไจ่ไจ๋กลับกอดเอวพี่ชายอย่างประจบ

"พี่ใหญ่ครับ.....รีบไปล้างหน้าล้างตาสิ ผมหิวแล้ว....."  ว่าพลางทำตาละห้อยใส่ เจอร์รี่จึงหัวเราะออกมาได้

"โอเคๆๆ ไม่เกินหนึ่งนาที ไปรอที่รถได้เลย"  ว่าแล้วก็เดินไปล้างหน้าล้างตา จนเมื่อทำธุระกันเสร็จทุกคนแล้วก็พากันไปขึ้นรถแล้วขับออกจากบ้านไปด้วยบรรยากาศที่อบอุ่น


- ที่ห้างสรรพสินค้า -

"โอโห! โมเดลรถอันใหม่นี่สวยจริงๆ"  เสียงเจื้อยแจ้วของไจ่ไจ๋ร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นของสะสมชิ้นโปรด เขาชี้ชวนให้สมาชิกคนอื่นๆดูเป็นการใหญ่

"อยากได้สิเรา"  แม่ถามลูกชายอย่างรู้ใจ ไจ่ไจ๋ยิ้มเขินๆเมื่อแม่รู้ทัน

"ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมเก็บเงินซื้อเอง"  ไจ่ไจ๋บอกเพราะคิดว่ามันเป็นของที่ไม่จำเป็นเลยไม่อยากรบกวนพ่อแม่

"ไม่เป็นไรหรอกลูก พ่อซื้อให้ ของพวกนี้เก็บสะสมไว้ก็สวยดี"  พ่อว่าแล้วก็บอกให้ลูกชายเลือกดู 

"ขอบคุณมากครับ! พ่อแม่ใจดีที่สุดเลย!"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ชวนแวนเนสไปดูชิ้นอื่นๆ

"เสี้ยวเทียนไม่ไปดูอะไรหรอจ๊ะ?"  แม่หันมาถามเอาใจเคนบ้าง

"อย่าเลยแม่ ขืนมาเปิดช่องให้มันแบบนี้เดี๋ยวได้กระเป๋าแฟบกันพอดี ไอ้เจ้านี่มันเล็งอะไรแต่ละอย่างราคาแพงทั้งนั้น"  พี่ใหญ่รีบร้องห้ามขึ้นมาก่อน

"ลูกก็ไปว่าน้อง นานๆทีแม่จะได้กลับมาซื้อของให้พวกลูกๆบ้าง"  แม่ต่อว่าเจอร์รี่อีก

"ทั้งปีอ่ะแม่...."  เจอร์รี่ทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่บ่นแล้วส่ายหน้า

"ผมไปเดินเล่นก่อนแล้วกัน ถ้าจะกินข้าวเมื่อไหร่โทรตามด้วย"  ว่าแล้วก็เดินแยกออกไปดูของบ้าง

"ผมไม่เอาอะไรหรอกครับแม่ ขอบคุณมากครับ"  เคนหันมาพูดกับแม่ยิ้มๆ

"ผมขอไปกับพี่ใหญ่นะ"  แล้วก็บอกกล่าวกับแม่ก่อนจะเดินตามพี่ชายไป พอเดินตามพี่ชายทันเคนก็เข้าไปกอดแขนพี่ชาย

"อะไรน่ะเรา? จะมาอ้อนเอาอะไรกับพี่อีก? พ่อแม่เปิดทางให้ซะขนาดนั้นแล้วไม่ใช่หรอ?"  เจอร์รี่หันมาว่าน้องแต่น้ำเสียงกลับอ่อนโยน

"ก็ชั้นไม่อยากได้อะไรจากพ่อแม่แล้วนี่"  เคนว่าพร้อมกับเงยหน้ามองพี่ชาย

"งั้นมีอะไรก็ว่ามา"  บีบจมูกน้องเบาๆพร้อมกับเอ่ยถาม

"รู้ได้งัยว่าชั้นมีอะไร"  เคนย้อนถามพี่ชาย

"ไม่รู้แล้วจะเป็นพี่นายได้หรอ? ลองนายไม่อยากได้โน้นได้นี่ไม่มีทางที่จะเข้ามาอ้อนชั้นแบบนี้หรอก"  ต่อว่าน้องชายอย่างรู้ทัน

"ทำไมหละ? ชั้นอยากจะเดินกอดแขนพี่ชายบ้างมันแปลกนักหรอ?"  คำถามของน้องทำให้เจอร์รี่ได้แต่อมยิ้ม

"นึกยังงัยวันนี้ถึงได้อยากมากอดแข้งกอดขาพี่ชายหละ หืม?"  ย้อนถามน้องกลับไปอีก

"พี่ใหญ่ครับ....."  คราวนี้เคนทำเสียงอ่อนเสียงหวาน พี่ใหญ่จึงรู้ทันทีว่าเจ้าน้องชายตัวดีต้องมาขออะไรจากเขาแน่นอน

"ว่ายังงัยครับ?"  ถามน้องชายกลับไป

"อาทิตย์หน้าขอไปช่วยงานที่บริษัทแค่สามวันได้มั๊ย?"  เคนถามพี่ชายเพราะรู้ว่าตอนนี้พี่ชายอารมณ์ดี

"ได้ยังงัยกัน? นายถูกทำโทษอยู่ไม่ใช่หรอ?"  แกล้งเตือนความจำน้องชาย

"โธ่.....แต่อาทิตย์หน้าเป็นอาทิตย์สุดท้ายที่ชั้นจะได้หยุดแล้วนะ ตั้งแต่กลับมาชั้นยังไม่มีเวลาว่างเป็นของตัวเองเลย มีแต่เรื่องให้ปวดหัวได้ไม่เว้นแต่ละวัน"  เคนโอดครวญ

"ขอหยุดติดกันซักสามสี่วันเถอะนะ ชั้นอยากไปเที่ยวพักผ่อนสมองบ้าง"  พี่ใหญ่ยิ้มๆแล้วเอามือขยี้หัวน้องชายเบาๆ

"แล้วนายอยากไปไหน?"  ถามน้องชายต่ออีก

"ก็อยากไปมันเรื่อยๆ ค่ำไหนนอนนั่น"  เคนว่าแล้วก็มองหน้าพี่ชายอย่างต้องการคำตอบ

"เอาน้องไปด้วยสิ"  เจอร์รี่เสนอ แต่เคนกลับทำหน้าบอกไม่ถูก

"เอามันไปด้วยถ้าเกิดอะไรขึ้นอีกชั้นกลับมาไม่โดนนายตีตายหรอ? ไม่เอาหรอก ชั้นเข็ดแล้ว....."  ท่าทางของน้องทำให้พี่ใหญ่ถึงกับหัวเราะ

"นี่ชั้นทำให้นายกลัวขนาดนั้นเชียว?"  เคนไม่ตอบแต่ปล่อยแขนพี่ชายแล้วทำหน้ามุ่ยใส่

"ยังจะมาหัวเราะอีก! ทำอะไรกับชั้นไว้อย่านึกว่าชั้นจะลืมง่ายๆนะ"  เมื่อได้ยินเช่นนั้นพี่ใหญ่ก็เอามือทุบหัวน้องเบาๆ

"มาทำเจ้าคิดเจ้าแค้นกับพี่ใหญ่หรอ? เดี๋ยวจะทำให้จำได้แม่นมากกว่านี้อีก"  เคนลอบถอนหายใจเบาๆ

"ช่างเถอะ! ถือว่าชั้นไม่ได้พูดก็แล้วกัน"  เคนว่าแล้วหันหลังกลับจะเดินไปหาพ่อกับแม่เพราะนึกว่าพี่ชายไม่อนุญาต

"เดี๋ยวสิ! ไม่อยากเที่ยวแล้วหรืองัย?"  คำพูดของพี่ชายนั้นทำให้เคนหันควับกลับมาทันที

"นายยอมให้ชั้นไปแล้วใช่มั๊ย? ขอบคุณมากนะครับ พี่ใหญ่ใจดีที่สุดในโลกเลย"  คำเยินยอนั้นทำให้พี่ชายได้แต่อมยิ้ม

"ให้ไป.....แต่ว่า....."  เจอร์รี่จะตั้งเงื่อนไขกับน้องแต่พูดยังไม่จบน้องชายก็ชิงรับคำขึ้นมาก่อน

"ได้เลย ชั้นยอมทำทุกอย่างที่นายต้องการ ชั้นจะตั้งใจทำงานทุกอย่างที่นายสั่ง"  เคนรับคำพี่ชายอย่างกระตือรือร้น

"นี่....ชั้นยังพูดไม่ทันจบก็แทรกขึ้นมาได้ เดี๋ยวเถอะ!"  ทำเสียงดุน้องแล้วส่ายหน้าไปมา

"ขอโทษครับ"  เคนเสียงอ่อยลงเพราะกลัวพี่ชายเปลี่ยนใจ

"เฮ่อ! เราเนี่ยนะ....."  พี่ใหญ่ไม่รู้จะต่อว่าน้องยังงัยจึงจับหัวน้องโยกไปมาอย่างหมั่นไส้

"ตกลงพี่ให้ไป แต่ว่าไปเที่ยวเสร็จแล้วต้องกลับมาบ้านก่อนวันเดินทางไปทำงานนะ"  บอกเงื่อนไขกับน้อง

"อ้าว....งั้นชั้นก็ได้เที่ยวแค่สองวันเองสิ"  ร้องครางออกมาอย่างเสียดาย แต่เมื่อเห็นพี่ชายมองหน้าก็รีบเปลี่ยนคำพูด

"โอเคๆๆๆ ตกลงตามนั้น เช้าวันอาทิตย์ชั้นจะกลับบ้านก่อน"  เจอร์รี่แอบขำเจ้าน้องชายตัวดีที่กลัวเขาจะเปลี่ยนใจไม่อนุญาตให้ไปเที่ยว

"ดีมาก ไม่งอแงแบบนี้พี่ใหญ่ค่อยอยากจะตามใจหน่อย"  เอ่ยชมน้องชายออกมา เคนพยายามเก็บความไม่พอใจเรื่องที่พี่ชายตั้งเงื่อนไขไว้เพราะอย่างน้อยพี่ชายอนุญาตให้ไปเที่ยวได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว

"ขอบคุณนะ"  เคนกอดเอวพี่ชายก่อนจะพูดขอบคุณ เจอร์รี่นึกอยากจะแกล้งน้องเลยชี้ที่แก้มตัวเอง

"หูย.....คนเยอะ.....กลับบ้านก่อนนะ...."  เคนต่อรองด้วยน้ำเสียงอ่อยๆเพราะรู้สึกเขินๆที่จะต้องหอมแก้มพี่ชายตรงนี้

"งั้นก็ไม่ต้องไป"  เจอร์รี่แกล้งตีสีหน้าเรียบเฉย 

"โธ่!!"  เคนโอดครวญก่อนจะยอมหอมแก้มพี่ชายโดยเอาจมูกชนที่แก้มพี่ชายเร็วๆทีหนึ่ง

"ไม่เห็นโดนเลย ไม่อยากไปเที่ยวแล้วใช่มั๊ย?"  พี่ใหญ่ได้ทีแกล้งน้องต่ออีก เคนเริ่มหน้ามุ่ยลงทันตาเห็น

"ไม่ไปมันแล้ว! กลับถึงบ้านเมื่อไหร่ชั้นจะเก็บเสื้อผ้าแล้วไปอยู่กับพ่อแม่เลย!"  พูดจบก็หันหลังกลับแล้วก้าวฉับๆไปหาสมาชิกคนอื่นๆทันที

"อ้าว.....ไอ้เด็กคนนี้นี่....."  เจอร์รี่มองตามน้องชายพร้อมกับส่ายหน้าอย่างระอาแล้วเดินตามน้องชายไปด้วย

"สองคนพี่น้องไปดูอะไรกันมาเอ่ย?"  แม่ตั้งคำถามขึ้นเมื่อเห็นเคนเดินตรงเข้ามาโดยมีเจอร์รี่เดินตามมาติดๆ

"แม่ครับ! แม่จะกลับไปที่นู้นเมื่อไหร่?"  คำถามของลูกชายทำให้ผู้เป็นบุพการีทั้งสองคนทำหน้างงๆแล้วหันไปมองหน้ากันเอง

"ทำไมวะ? จะไปด้วยหรืองัย?"  แวนเนสถามแทรกขึ้นมาเพราะพอจะเดาได้ว่าน้องชายคงงอนอะไรพี่ชายคนโตมาแน่นอน

"เออ! ชั้นจะย้ายไปอยู่กับพ่อแม่แล้ว!"  เคนกระแทกเสียงแล้วหันไปค้อนใส่พี่ชายด้วย คำตอบของเคนทำให้พ่อแม่หันไปทางลูกชายคนโตพร้อมกัน

"ผมไม่เกี่ยวนะ"  เจอร์รี่ปฏิเสธก่อนที่จะมีคำถาม

"ไปได้ยังงัยหละครับพี่กลาง? ถ้าพี่ไปแล้วผมจะทำยังงัย?"  ไจ่ไจ๋พอจะรู้ว่าเคนอารมณ์ไม่ดีจึงเอ่ยถามแล้วเดินเข้าไปกอดเอวพี่ชายอย่างประจบ

"จะไปด้วยมั๊ยหละ? ถ้าไปด้วยพี่จะจัดการเรื่องที่เรียนใหม่ของนายให้เอง"  เคนรู้ว่าตอนนี้ตัวเองเหนือกว่าพี่ชายจึงแกล้งถามน้องไปอย่างนั้นเอง

"ไปสิ....ถ้าพี่กลางไปผมก็ไป"  ไจ่ไจ๋ตอบแบบไม่คิด

"เออดีเนอะ....มันหวงพี่ชายคนนั้นคนเดียว พี่ชายคนอื่นจะเป็นยังงัยก็ช่างหัวมัน"  แวนเนสพูดประชดน้องเล็กขึ้นมาทันทีเพราะน้องดูท่าว่าจะไม่สนใจเขาเลย

"ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย....ก็ผม....."  ไจ่ไจ๋ว่าพร้อมกับหาข้อแก้ตัวแต่ยังไม่ทันพูดอะไรต่อเคนก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

"จะไปยากอะไร? นายก็ไปพร้อมกันกับชั้นและก็น้องสิ"  คำพูดของเคนทำให้พ่อแม่ได้แต่อมยิ้ม 

"แกล้งน้องอีกแล้วใช่มั๊ยเราน่ะ?"  แล้วแม่ก็หันมาถามลูกชายคนโตอย่างรู้ทัน

"แกล้งอะไร? เปล่าซักหน่อย"  เจอร์รี่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

"ลูกคนนี้หนิ!"  แม่ตีแขนเจอร์รี่เบาๆ เจอร์รี่เอามือโอบไหล่แม่ก่อนจะทำเสียงงอนๆใส่แม่

"แม่น่ะเอาแต่เข้าข้างมัน ดูสิ.....ตามใจมันจนผมแต่ต้องไม่ได้แล้ว"  แม่หัวเราะกับคำตัดพ้อของเจอร์รี่

"ไม่เอาน่า.....พูดแบบนี้อีกแล้ว"  แม่ว่าแล้วก็พูดตัดบทขึ้นมา

"แม่เริ่มหิวแล้วหละ เราไปกินข้าวกันดีกว่า"  จบคำแม่ทุกคนก็ยุติบทสนทนาแล้วเดินเข้าร้านอาหารทันที

"แม่เข้าไปนั่งด้านในนะครับ"  เคนเอ่ยขึ้นมาก่อนที่น้องชายคนเล็กจะดึงตัวแม่ไปนั่งด้วย

"อ้าว! มีงี้ด้วย....."  ไจ่ไจ๋บ่นเพราะอยากนั่งใกล้แม่ ท่าทางของลูกชายทั้งคู่ทำให้แม่ได้แต่อมยิ้ม

"งั้นพ่อ....."  ไจ่ไจ๋อ้าปากจะให้พ่อมานั่งกับเขาแต่เคนที่เข้าไปนั่งติดกับแม่กลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน

"พ่อนั่งนี่ครับ"  พูดจบก็จัดแจงดึงมือพ่อให้นั่งลงอีกข้างหนึ่งของเขา เจอร์รี่กับแวนเนสหันไปหัวเราะกันเบาๆในขณะที่ไจ่ไจ๋ทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชาย

"เกินไปแล้วนะพี่กลาง นี่เรามากินข้าวกันเนื่องในโอกาสที่ผมจำได้ต่างหาก เรื่องอะไรพี่กลางถึงเอาทั้งพ่อทั้งแม่ไปยึดไว้คนเดียว?"  เอ่ยปากประท้วงขึ้นมา

"พี่ยึดคนเดียวที่ไหน? นายถามพ่อกับแม่หรือยังว่าอยากนั่งกับใคร?"  เคนย้อนถามอย่างกวนๆ

"พ่อครับแม่ครับ! พ่อกับแม่อยากนั่งข้างผมหรือว่าอยากนั่งข้างพี่กลาง?"  ไจ่ไจ๋ตั้งคำถามกับบุพการีทั้งสองคนทันที

"งอแงอะไรอีกหละลูก? นั่งแบบนี้ก็ดีแล้วนี่ แม่จะได้มองเห็นหน้าลูกเวลากินข้าวงัย"  แม่หาทางออกอย่างนุ่มนวล

"นั่นสิ แล้วพ่อจะได้ช่วยตักโน้นตักนี่ให้ลูกได้อีกด้วย"  พ่อพูดเสริมขึ้นมาอีกคน

"เห็นมั๊ย? พ่อแม่อยากนั่งกับพี่มากกว่านาย"  เคนได้ทีพูดเกทับน้องชายต่อ

"ไม่จริง! พี่กลางชอบบังคับพ่อแม่เรื่อยเลย ทำแบบนี้มันบาปนะ!"  ไจ่ไจ๋ต่อว่าพี่กลางอีก

"บังคับที่ไหน? ถ้าบังคับพ่อแม่จะยิ้มได้หรืองัย?"  เคนเถียงน้องกลับอีก

"นี่ๆๆๆ!!!! จะกินข้าวหรือจะเถียงกัน?"  แล้วก็ต้องเป็นพี่ใหญ่ที่เป็นคนสงบศึกที่กำลังจะเกิดขึ้น

"ก็พี่ใหญ่ดูพี่กลางสิครับ นิสัยไม่ดี"  ไจ่ไจ๋ได้ทีหันไปอ้อนพี่ชายแทน

"แล้วเราดีกว่าพี่เขาหรือเปล่า? งอแงพอกันทั้งคู่!"  พี่ใหญ่ไม่โอ๋แต่กลับสวนคำน้องทันควัน ทำเอาเคนหัวเราะออกมาได้

"ขำนักหรืองัย? เรื่องที่คุยกันเมื่อกี้ยกเลิกทั้งหมด แล้วตั้งแต่พรุ่งนี้ก็เตรียมตัวตื่นแต่เช้าไปทำงานที่บริษัทด้วย"  หันไปพูดกับน้องชายจอมเกเรอีกคน คราวนี้ไจ่ไจ๋เลยเป็นฝ่ายหัวเราะขึ้นมาบ้าง

"ทำงานๆๆๆๆ!!! วันๆคิดแต่จะให้ทำงาน! เคยอยากให้น้องได้พักผ่อนบ้างหรือเปล่า!?"  เคนแหวใส่พี่ชายก่อนจะค้อนใส่น้องเล็กด้วย

"เจอร์รี่.....ทำไมต้องบังคับน้องด้วย? ให้น้องไปเที่ยวไปพักผ่อนบ้างเถอะ ตั้งแต่น้องกลับมาแทบจะไม่ได้พักเลยไม่ใช่หรอ?"  พ่อเอ่ยปากกับลูกชายคนโต

"ผมเองก็แทบไม่ได้พักเหมือนกัน แล้วอีกอย่างช่วงนี้งานที่บริษัทมันยุ่งผมต้องการคนช่วย"  เจอร์รี่ว่าแล้วเหลือบตามองน้องชายคนกลาง

"แต่ก็ตามใจเถอะนะ ถ้ามันไม่เห็นใจพี่ชายจะไปไหนก็ไป"  คำพูดนั้นตำหนิน้องชายแบบเต็มๆ 

"เรื่องอะไรมาด่าชั้นคนเดียวเนี่ย? ทีเวลาแวนเนสกับไจ่ไจ๋มันว่างไม่เห็นนายจะบังคับให้พวกมันต้องเข้าไปช่วยนายบ้างเลย แต่ถึงจะบอกให้เข้าไปแต่ก็ไม่เห็นว่านายจะให้พวกมันทำอะไรเลย เห็นแต่ให้ไปนั่งๆนอนๆเล่นอยู่อย่างนั้น แต่กับชั้นพอไปถึงก็โยนงานกองพะเนินมาให้แล้วก็สั่งๆๆๆๆ พอทำผิดก็ด่าทำพลาดก็ตี นายเห็นชั้นเป็นอะไร!?"  เคนเลยโวยวายพี่ชายออกมาชุดใหญ่เพราะเขาโดนพี่ชายตำหนิอยู่คนเดียว

"เห็นว่านายเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายของพี่ใหญ่งัย" เจอร์รี่ว่าพร้อมกับยิ้มอย่างยียวน

"ลูกคนนี้หนิ! จะชวนน้องทะเลาะไปถึงไหน!"  แม่ต่อว่าลูกชายคนโตพร้อมกับทำหน้าบึ้งใส่ เจอร์รี่ยิ้มแหยๆให้แม่ก่อนจะเบ้ปากใส่น้องชายจอมโวยวาย

"แม่ครับ....ผมไม่เข้าบริษัทแล้วนะ.....ผมอยากไปเที่ยวไปพักผ่อนบ้าง......"  เมื่อขอพี่ชายไม่ได้เคนเลยหันไปอ้อนแม่แทน

"จ๊ะๆๆๆ ไม่อยากเข้าก็ไม่ต้องเข้า ลูกอยากไปเที่ยวไหนหละจ๊ะ? แม่พาไปดีมั๊ย?"  แม่หันมาโอ๋ลูกชายทันที ทำให้บรรดาลูกชายคนอื่นได้แต่มองอย่างหมั่นไส้

"แหวะ! ขนาดยังไม่กินอะไรยังเลี่ยนเลย นี่ถ้ากินลงไปจะออกปากมั๊ยนั่น"  แวนเนสเอ่ยขึ้นลอยๆเป็นเชิงว่ากระทบเคน

"แวนเนส!"  แม่ทำตาเขียวใส่ลูกชายคนรอง

"ก็พูดความจริงนี่"  แวนเนสลอยหน้าลอยตา

"ดีครับแม่ งั้นเราไปเที่ยวกันสามคนพ่อแม่ลูก คนอื่นให้อยู่ทำงานไปจนตายเลย"  ประโยคหลังเหลือบมองพี่ชายคนโตไปด้วย

"ลูกอยากไปไหนหละเสี้ยวเทียน? พ่อแม่จะพาลูกไปทุกที่เลย"  พ่อรีบเสนอตัวเพราะน้อยครั้งนักที่ลูกชายคนนี้จะเอ่ยปากว่าอยากไปไหนมาไหนกับบุพการีทั้งสองเพียงลำพัง

"พ่ออ่ะ! ใจคอจะพาพี่กลางไปคนเดียวจริงๆหรอ? แล้วผมหละ?"  ไจ่ไจ๋ร้องแทรกขึ้นมาทันที

"นายก็อยู่กับพี่ชายสุดที่รักของนายงัย"  เคนต่อให้ทันควัน

"ไม่เอา! ผมไปด้วย!"  น้องเล็กตวัดเสียงแล้วทำหน้างอใส่พ่อแม่ ผู้เป็นบุพการีจึงได้แต่ลอบมองหน้ากัน

"ไจ่ไจ๋"  เจอร์รี่เรียกน้องชาย เมื่อไจ่ไจ๋เปลี่ยนสายตามาที่ตัวเองเจอร์รี่ก็กระซิบกับน้องชายเบาๆ

"ปล่อยให้ไอ้เด็กเจ้าปัญหามันไปเที่ยวกับพ่อแม่เถอะ แล้วถ้านายอยากไปไหนเดี๋ยวพี่กับพี่รองพาไปเอง"  เมื่อได้ยินเช่นนั้นไจ่ไจ๋ก็เริ่มมีสีหน้าดีขึ้น

"จริงนะพี่ใหญ่?"  ย้อนถามพี่ชายกลับไป

"จริงสิ"  พี่ใหญ่รับคำ

"แต่ผมก็ยังอยากไปกับพ่อแม่อยู่ดี"  น้องเล็กแย้งอย่างไม่ค่อยจะพอใจมากนัก

"เอาน่า.....แล้ววันหลังเราค่อยแอบนัดพ่อแม่ไปเที่ยวกันเองไม่ต้องให้ไอ้พี่กลางรู้"  เจอร์รี่พยายามตะล่อมน้องชายเพราะเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีที่พ่อและแม่จะได้ไปไหนมาไหนกับน้องชายคนกลางเพียงลำพังบ้าง 

"ก็ได้ๆๆๆ จะยอมให้ซักครั้ง"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็มองไปทางเคน

"เห็นแก่ว่าหลายวันมานี้ต้องแอบนอนร้องไห้เพราะคิดถึงผมทุกวัน เพราะฉะนั้นผมจะไม่เถียงด้วยแล้ว"  ได้ยินน้องพูดเช่นนั้นเคนก็ถลึงตาใส่

"ใครร้องไห้คิดถึงนายไม่ทราบ? ช่วงที่นายจำไม่ได้พี่สบายจะตายไปไม่ต้องมาคอยรบรากับไอ้เด็กไม่รู้จักโตอย่างนายตั้งหลายวัน"  เคนเถียงน้องฉอดๆ

"แน่ใจ? แต่ผมเห็นนะว่าใครบางคนเอาแต่นั่งหน้าเศร้าน้ำตาหยดแหมะๆทุกวัน"  ไจ่ไจ๋ได้ทีล้อพี่ชายต่ออีก

"ใครกัน? ไม่ใช่พี่ซักหน่อย"  เคนเถียงข้างๆคูๆเพราะรู้สึกเสียฟอร์มที่โดนน้องแซว

"งั้นใครกันน้า?"  ไจ่ไจ๋ยังแหย่พี่ชายต่อ

"พี่ใหญ่กับพี่รองงัย! พี่ไม่เคยเศร้าเลยซักนิดที่นายเป็นแบบนั้นน่ะ"  เคนเลยโยนไปให้พี่ชายทั้งคู่เสียดื้อๆ

"เออ....ดูมันนะ พอเถียงไม่ได้ก็โทษคนอื่นเฉยเลย"  แวนเนสพูดขึ้นมาอย่างขำๆ

"โอ้ย! พวกนายนี่พูดมากชะมัด! หิวแล้วไปตักอาหารดีกว่า!"  ว่าแล้วเคนก็รีบลุกออกไปจากโต๊ะเพราะกลัวเจ้าน้องชายตัวดีจะเผาตัวเองอีก แต่ไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะของสมาชิกคนอื่นๆดังไล่หลังมาติดๆ




 

Create Date : 17 มิถุนายน 2557    
Last Update : 25 กันยายน 2557 22:33:48 น.
Counter : 1007 Pageviews.  

Chapter 77

ตอนที่ 77

"พ่อแม่มาแล้ว!!"  ไจ่ไจ๋ร้องด้วยความดีใจก่อนจะกระวีกระวาดลุกขึ้นไปรับถึงหน้าประตู ท่าทางของน้องเล็กทำให้แวนเนสกับเจอร์รี่นึกสงสัยเพราะการกระทำเช่นนี้มันเหมือนกับน้องเล็กคนเดิมของเขาไม่มีผิด ไม่เหมือนกับไจ่ไจ๋ที่ความทรงจำหายไปช่วงหนึ่งเลยซักนิด

"มาแล้วๆๆๆ"  พ่อว่าอย่างอารมณ์ดี นั่นยิ่งทำให้เจอร์รี่ยิ่งสงสัยยิ่งขึ้นเพราะตอนที่เขาโทรไปคุยด้วยนั้นน้ำเสียงของพ่อค่อนข้างเคร่งเครียด แต่ตอนนี้สีหน้าของบุพการีทั้งสองกลับไม่มีแววกังวลอยู่เลย

"ยังจำพ่อกับแม่ได้อยู่หรอ?"  แม่เอ่ยกระเซ้าเจ้าลูกชายตัวแสบแต่ไม่วายแอบค้อนใส่ด้วย ไจ่ไจ๋ยิ้มแหยๆก่อนจะเข้าไปกอดเอวแม่อย่างประจบประแจง

"ใครจะไปลืมผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกคนนี้ได้หละครับ"  ทำปากหวานใส่ก่อนจะโอบไหล่แม่แล้วพาไปนั่งที่โซฟา จนเมื่อเห็นสายตาของพี่ชายทั้งสามคนที่มองมาเขาก็เริ่มนึกได้จึงยิ้มเจื่อนๆ

"ขอโทษนะครับ ผม....."  ไจ่ไจ๋ยังพูดไม่ทันจบเคนก็พูดแทรกขึ้นมาผสมโรงกับน้อง

"แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยนายก็ยังมีพ่อกับแม่ที่ทำให้นายอุ่นใจได้บ้าง"  ไจ่ไจ๋ถึงกับแอบยกนิ้วชมเคนที่แสดงหน้าตาเศร้าสลดได้อย่างสมจริง

"ลูกสองคนไม่คิดจะทักพ่อแม่หน่อยหรอ?"  พ่อหันไปถามเจอร์รี่กับแวนเนสบ้าง

"ความจริงก็อยากให้พ่อแม่กลับมาด้วยเหตุผลที่ดีกว่านี้ แต่ก็ช่างเถอะครับ.....อย่างน้อยตอนนี้ไจ่ไจ๋คงลดความอึดอัดที่อยู่กับพวกผมไปได้เยอะ"  เจอร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไจ่ไจ๋ได้ยินเช่นนั้นก็ลืมตัวรีบร้องแทรกขึ้นมาทันที

"ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับพี่ใหญ่! ผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลย!"  เสียงน้องเล็กที่ร้องแทรกนั้นทำให้เคนต้องหันไปถลึงตาใส่น้องที่ไม่แนบเนียนเอาเสียเลย 

"ไม่ต้องปลอบพี่หรอก ดูสิ.....ขนาดนายรู้สึกไม่คุ้นก็ยังฝืนเรียกพี่ว่าพี่ใหญ่จนได้"  คำพูดของพี่ชายคนโตทำให้ไจ่ไจ๋ไม่รู้จะทำหน้ายังงัยดีจึงแกล้งหันไปเปลี่ยนเรื่อง

"พ่อครับ เอากาแฟมั๊ยเดี๋ยวผมไปชงให้"  พ่อยิ้มก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย

"แม่หละครับ?"  หันไปถามแม่ด้วย ซึ่งแม่ก็พยักหน้าเช่นกัน

"แล้ว....."  ไจ่ไจ๋หันไปทางพี่ชายอีกสามคนพลางตีหน้าใสซื่อ

"เดี๋ยวพี่เข้าไปช่วยดีกว่า นายสองคนเอาด้วยหรือเปล่า?"  เคนว่าแล้วหันไปถามพี่ชายทั้งคู่แทน

"พี่ขอน้ำชาแล้วกัน"  เจอร์รี่ตอบส่วนแวนเนสก็เพียงแต่พยักหน้ารับ ดังนั้นเคนกับไจ่ไจ๋จึงพากันเข้าไปในครัวทันที

"ทำไมจู่ๆวันนี้มันเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยเนี่ย?"  แวนเนสตั้งข้อสงสัยของตัวเองออกมาดังๆ เพราะในหลายวันที่ผ่านมาเคนจะเป็นคนเดียวที่ไจ่ไจ๋พยายามหลีกเลี่ยงที่จะอยู่กันตามลำพัง

"แล้วแบบนี้ไม่ดีหรืองัย?"  แม่ย้อนถามแต่ก็ยังไม่บอกความจริงกับลูกชายทั้งคู่ถึงเรื่องที่ไจ่ไจ๋จำพวกเขาได้แล้ว

"ก็ดี แต่รู้สึกแปลกๆ"  แวนเนสตอบก่อนจะส่ายหน้า

"ช่างมันเถอะ ผมไม่อยากจะคิดอะไรมากแล้ว ปวดหัว"  พูดจบก็เข้าไปนั่งกระแซะแม่

"คิดถึงแม่จังเลยครับ"  แม่ยิ้มก่อนจะขยี้หัวลูกชายขี้อ้อนอย่างเอ็นดู

"น่าเชื่อ.....เวลาไม่มีเรื่องไม่เห็นจะโทรมาคุยกับแม่เลย"  แม่ย้อนคำลูกชาย

"แหม.....ก็เวลาที่นี่กับที่โน้นมันไม่ตรงกันนี่นา ผมนอนแม่ก็ทำงาน ผมทำงานแม่ก็นอน"  แวนเนสแก้ตัวทันควัน

"จ๊ะๆๆๆ ไม่เถียงด้วยแล้ว"  แม่ว่าพร้อมกับหอมแก้มลูกชายฟอดใหญ่

"เป็นอะไรไปหละลูก?"  พ่อหันไปถามลูกชายคนโตที่นั่งเงียบอยู่

"เปล่าครับ"  เจอร์รี่ปฏิเสธ

"ยังงอนที่แม่ต่อว่าเราใช่มั๊ย?"  แม่ถามแทรกขึ้นมาอย่างรู้ทัน

"ไม่ใช่อย่างนั้นครับ แต่หลายวันมานี่ผมเหนื่อยจัง"  เจอร์รี่ตอบแม่ไปตามตรง ได้ยินดังนั้นแม่จึงลุกขึ้นไปนั่งข้างลูกชาย

"ไม่สบายหรือเปล่าเรา?"  ว่าพลางเอามือลูบหน้าลูบตาลูกชายอย่างห่วงใย

"ผมไม่เป็นไรหรอกครับ แต่เหมือนพักผ่อนไม่เต็มที่เลยรู้สึกเนือยๆ"  เจอร์รี่ตอบพร้อมกับกุมมือแม่ไว้

"ผมขอโทษนะครับที่ดูแลน้องไม่ดี"  คำพูดนั้นทำให้ทั้งพ่อและแม่ต่างหันไปสบตากัน แล้วพ่อก็ลุกมานั่งลงตรงที่ว่างอีกข้างหนึ่งของเจอร์รี่ แวนเนสพอจะรู้สถานการณ์จึงขอตัว

"ผมขอออกไปเดินหาอะไรกินนะครับ เดี๋ยวซื้อขนมมาฝาก"  ว่าแล้วแวนเนสก็หยิบกระเป๋าเงินแล้วออกจากบ้านไป

"แม่ต่างหากที่ต้องขอโทษลูก"  เมื่อแวนเนสออกไปแล้วแม่ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"วันนั้นที่ลูกโทรไปบอกแม่เป็นห่วงไจ่ไจ๋มากจนต่อว่าลูกไปเยอะ แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ความผิดของลูกเลยซักนิด"  เจอร์รี่น้ำตาคลอแต่ไม่ได้พูดอะไร

"พ่อกับแม่รู้ว่าลูกสามารถจัดการเรื่องทุกอย่างได้ดี แต่ถ้ามันหนักหนาเกินไปลูกก็ไม่ควรลังเลที่จะบอกให้เรารู้นะลูก"  พ่อเอ่ยขึ้นมาบ้าง

"ผมคิดว่าตัวเองควรแบ่งเบาภาระของพ่อกับแม่แต่ที่ไหนได้กลับเป็นการเพิ่มภาระให้อีก เพราะถ้าน้องอยู่กับพ่อแม่บางทีเรื่องแบบนี้อาจไม่เกิดขึ้น"  เจอร์รี่พูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ

"ไม่เอาน่า.....ทำไมต้องตำหนิตัวเองด้วย"  พ่อว่าพร้อมกับบีบไหล่ลูกชายเบาๆ

"ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว อย่ากังวลอีกเลยลูก"  พ่อพูดเป็นนัยๆแต่ก็ยังไม่เฉลยให้เจอร์รี่ฟังว่าเจ้าลูกชายคนเล็กนั้นจำได้หมดแล้วแต่กลับยังคงแกล้งพี่ชายต่อ

"น้องจำไม่ได้อย่างนี้พ่อยังบอกว่าไม่มีอะไรต้องกังวลอีกหรือครับ?"  เจอร์รี่ย้อนถามพ่ออย่างรู้สึกคลางแคลงใจ พ่อจึงได้หันไปสบตากับแม่พร้อมกับยิ้มแหยๆ

"เจอร์รี่....ความจริงแล้ว....."  แม่ตั้งท่าจะบอกแต่เสียงลูกชายคนกลางร้องแทรกขึ้นมาก่อน

"แม่ครับ! กาแฟของแม่ใส่ครีมกับน้ำตาลอย่างละกี่ช้อนดี?"  เมื่อได้ยินเคนถามทะลุกลางปล้องขึ้นมาแม่ก็พลอยเปลี่ยนเรื่องไปด้วย

"แม่ไม่เอาหวานมากจ๊ะ"  แม่ตอบแล้วยิ้มให้ เคนพยักหน้าแล้วร้องบอกน้องชาย

"ไจ่ไจ๋ ใส่น้ำตาลให้แม่ช้อนเดียวพอ เสร็จแล้วก็ยกออกมาเลยนะ"  พูดจบก็เดินมานั่งลงกับพ่อแม่และพี่ชาย

"คุยอะไรกันอยู่ครับ หน้าเครียดกันเชียว"  ถามด้วยสีหน้าซื่อๆ เหมือนไม่รู้เรื่องอะไร

"อ้อ....ก็คุยเรื่องของน้องนั่นแหละ"  แม่ตอบพร้อมกับยิ้มให้อีก

"ไหนนายบอกชั้นว่าไม่ต้องคิดมากงัย ไหงตัวเองมานั่งหน้าเครียดแบบนี้หละ?"  เคนเอาศอกกระทุ้งแขนพี่ชายพร้อมกับพูดแซว

"เฮ้อ!"  เจอร์รี่ไม่ตอบเพียงถอนหายใจเบาๆเท่านั้น

"พี่ใหญ่ไม่ได้เครียดเรื่องน้องชายของลูกเท่าไหร่หรอกจ๊ะ แต่เขางอนที่พ่อแม่ต่อว่าว่ามีเรื่องอะไรแล้วไม่ยอมรีบบอก"  แม่แกล้งพูดแซวลูกชายคนโตบ้าง

"แม่ครับ ผมบอกแล้วงัยว่าไม่ได้งอน"  เจอร์รี่ร้องครางตามมาทันที
"หึๆๆๆ"  พ่อกับแม่หัวเราะลูกชายคนโต

"เรื่องแค่นี้เอง"  เคนเอ่ยขึ้นบ้าง

"กะอีแค่โดนต่อว่าแค่นี้ถึงกับนั่งเครียด ถ้านายโดนด่าเหมือนชั้นไม่ฆ่าตัวตายเลยหรอ?"  พูดกระเซ้าพี่ชายต่ออีก

"ใครด่าลูกกัน?"  พ่อถามเคนบ้าง

"จะมีใครอีกหละครับ? ก็พี่ใหญ่นั่นแหละ"  เคนตอบ 

"เสี้ยวเทียน ทำไมวันนี้นายถึงร่าเริงผิดปกติ?"  เจอร์รี่เหมือนจะพูดเปรยๆ แต่ทำเอาคนที่ถูกพูดถึงสะดุ้ง

"จับผิดชั้นอยู่เรื่อยเลยนะ! ทีชั้นไม่อยากพูดไม่อยากคุยก็ว่าชั้นชอบทำให้นายเป็นห่วง พอชั้นพูดคุยปกติก็หาว่าชั้นผิดปกติอีก จะต้องให้ชั้นทำยังงัยกันแน่เนี่ย"  แกล้งโวยวายใส่พี่ชาย

"นั่นสิ เราก็ไปว่าน้องอยู่เรื่อย"  แม่พูดเข้าข้างลูกชายคนกลางอีกตามเคย เจอร์รี่จึงได้แต่ยักไหล่ ตอนนั้นเองไจ่ไจ๋ก็ยกถาดเครื่องดื่มออกมาพอดี

"เครื่องดื่มร้อนๆมาแล้วครับ....."  ไจ่ไจ๋ร้องบอกแล้วกุลีกุจอเสริฟเครื่องดื่มให้กับทุกคน

"เอ....พี่รองไปไหนครับ?"  แล้วก็ถามถึงแวนเนส

"เห็นบอกจะออกไปเดินหาอะไรกินจ๊ะ"  แม่ตอบคำถาามนั้นแทนคนอื่นๆ
"โห! ไม่ชวนกันบ้างเลย"  ไจ่ไจ๋บ่นอุบอิบแต่พอเห็นพี่ใหญ่มองหน้าเขาอยู่ก็รีบแก้ตัว

"ก็เห็นคุณแวนเนสบอกว่าเขาเป็นดารานี่นา เดินไปข้างนอกคนเดียวแบบนี้เดี๋ยวโดนรุมทึ้งแล้วจะแย่ น่าจะมีคนไปเป็นเพื่อนบ้างจะได้ช่วยๆกัน"  พ่อแม่ต่างพากันส่ายหน้ายิ้มๆกับความทะเล้นของลูกชายคนเล็ก ส่วนเคนเองก็ได้แต่ลอบถอนใจ               

"ไม่เป็นไรหรอกไจ่ไจ๋ คนแถวนี้เขารู้จักพี่รองมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ไม่มีใครมารุมทึ้งหรอก อย่างดีก็แค่ชวนคุยกันนานหน่อยเท่านั้นเอง"  เคนพูดพร้อมกับฝืนยิ้มหวานให้น้องชาย

"นั่นสิเนอะ ผมก็ลืมไป"  ไจ่ไจ๋ยิ้มแหยๆก่อนจะชักชวนให้ทุกคนมาสนใจกับเครื่องดื่มที่ตัวเองเพิ่งจะเอามาบริการ

"พ่อแม่ดื่มกาแฟสิครับ"  บอกบุพการีทั้งคู่พร้อมกับพยักเพยิดให้ดื่มกาแฟ แล้วหันมาเทน้ำชาจากกาใส่ถ้วยให้พี่ชายคนโต

"คุณ.....เอ้ย! พี่ใหญ่ดื่มน้ำชาครับ"  ไจ่ไจ๋แกล้งทำเป็นลืมตัวเพื่อจะได้ไม่ให้พี่ชายสงสัยมาก

"ขอบใจนะ"  เจอร์รี่ยิ้มเล็กน้อยแล้วรับถ้วยน้ำชาจากน้องมาดื่ม

"มันเข้มไปหรือเปล่าครับ?"  ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายต่อ

"ไม่หรอก แบบนี้แหละกำลังดี"  เจอร์รี่ตอบ ในขณะที่นั่งดื่มเครื่องดื่มกันนั้นแวนเนสก็หิ้วขนมเต็มมือกลับมาพอดี

"พี่รองมาแล้วหรอ? ซื้ออะไรมาบ้างเนี่ย?"  ไจ่ไจ๋ลุกขึ้นแล้ววิ่งไปหาแวนเนสคนแรก แต่พอนึกขึ้นได้ก็ได้แต่เกาหัวแก้เก้อ

"เฮ่อ! ความลับแตกแน่ทีนี้....."  เคนพึมพำเบาๆเมื่อเห็นน้องชายไม่เนียนเอาซะเลย
"หิวหละสิ"  แวนเนสแกล้งถามแหย่น้องชายคนเล็ก

"เอ่อ....นิดหน่อยครับ"  ไจ่ไจ๋ตอบเขินๆแล้วยื่นมือไปรับถุงขนมทั้งหมดจากพี่ชายมาวางบนโต๊ะ

"ไปเหมาเขามาหรอจ๊ะ?"  แม่ทักแวนเนสบ้าง

"ครับ ผมเห็นคุณยายคนนึงเขามานั่งขายอยู่ข้างทาง แดดก็ร้อนแถมไม่มีคนซื้อเลย ก็เลยขอซื้อมาหมด สงสารคุณยายน่ะครับ"  แวนเนสเล่าให้แม่ฟัง

"ลูกแม่น่ารักมากจ๊ะ"  แม่เอ่ยชมแล้วหันไปดึงกระดาษทิชชู่มาซับเหงื่อให้ลูกชาย

"ตอนผมบอกว่าขอซื้อหมดเลยคุณยายแกดีใจมากเลยครับ บอกว่าจะคิดให้ราคาพิเศษแต่ผมบอกว่าให้คุณยายคิดราคาตามจริงดีกว่าจะได้มีกำไรเยอะๆ"  คำพูดของแวนเนสทำให้คนอื่นๆถึงกับยิ้มออก

"ขนมแกก็อร่อยนะครับ ผมไปยืนชิมมาแล้ว"  พอได้ยินแวนเนสเล่ามาถึงตรงนี้พ่อกับแม่ก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

"ถ้าอย่างนั้นพ่อว่าคุณยายเขาจะไม่ได้กำไรก็ตรงที่ให้ลูกยืนชิมนี่แหละ"  เอ่ยแซวลูกชายขึ้นมา

"แหม....ผมไม่ได้ชิมเยอะขนาดนั้นซะหน่อย"  แวนเนสทำเสียงกระเง้ากระงอดก่อนจะเชิญชวนให้ทุกคนลองชิมขนมที่เขาซื้อมา

- เวลาต่อมา -

"นายว่ามันน่าแปลกมั๊ยที่พ่อแม่กลับมาแล้วแต่กลับไม่เร่งรีบเกี่ยวกับเรื่องของไจ่ไจ๋เลย"  แวนเนสเปิดประเด็นถามพี่ชายหลังจากที่อยู่กันตามลำพังเพราะน้องชายทั้งสองคนพาบุพการีทั้งสองคนขึ้นไปพักผ่อนข้างบน
"อืม"  เจอร์รี่พยักหน้าก่อนจะพูดเสริม 

"ทั้งๆที่ตอนชั้นโทรไปบอกดูพ่อแม่ท่าทางจะร้อนใจและเป็นห่วงมาก แต่พอมาถึงกลับไม่ได้ทำอะไรซ้ำยังทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก"  เจอร์รี่วิเคราะห์ตามความคิดของตัวเอง  

"และที่สำคัญ....ชั้นว่าไจ่ไจ๋มีท่าทีเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย จากที่ไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้เสี้ยวเทียนแต่ตอนนี้กลับติดกันแจ"  แวนเนสนั่งพยักหน้าหงึกๆอย่างเห็นด้วย 

"ซ้ำคำพูดคำจาก็ยังแปลกไป มันเหมือนกับว่าน้องไม่ได้ลืมเรา"  พูดจบก็มองหน้าแวนเนส

"ชั้นเห็นด้วยทุกประการเลย"  แวนเนสว่าแล้วย้อนถามพี่ชายอีก

"มันจะเป็นไปได้มั๊ยว่าไจ่ไจ๋ความจำกลับมาแล้วแต่ยังไม่ยอมบอกเรา"  คำถามนั้นทำให้พี่ใหญ่นิ่งไป

"ไม่รู้สิ ชั้นว่ามันไม่มีเหตุผลที่น้องต้องปิดบังเรา เพราะน้องก็คงรู้ดีว่าหากน้องจำเราไม่ได้แล้วพวกเราจะร้อนใจกันขนาดไหน"  เจอร์รี่พยายามไม่คิดแบบนั้น

"ก็จริง ถึงน้องมันจะขี้เล่นแต่มันก็น่าจะรู้กาลเทศะดีนะว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะเอามาล้อเล่นกัน"  แวนเนสพูดเสริม

"หรือว่าบางทีเราสองคนอาจคิดมากเกินไปก็ได้ เพราะถ้าน้องยังจำพวกเราไม่ได้แต่ต้องมาแสดงออกกับพวกเราแบบนี้ก็คงฝืนใจไม่น้อย"  พี่ใหญ่มองหน้าน้องชายก่อนจะหายใจเบาๆ

"ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องพิสูจน์"  แวนเนสว่าพร้อมกับสบตากับพี่ชายอย่างขอความเห็น

"พิสูจน์งั้นหรอ?"  เจอร์รี่ทวนคำ

"ไจ่ไจ๋น่ะมันโกหกไม่เก่งหรอก ถ้ามันจำได้แล้วจริงๆลองเรารุกเอามากๆไม่วายจะเผยพิรุธให้เราเห็นอย่างแน่นอน"  แวนเนสให้เหตุผลแล้วจบบทสนทนาอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นเคนกับไจ่ไจ๋ก็เดินตามกันลงมาพอดี

"คุยอะไรกันอยู่หรือครับ?"  ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายทั้งสองคนอย่างอารมณ์ดี

"เปล่าหรอก คุยกันเรื่องทั่วๆไปน่ะ"  เจอร์รี่ตอบพร้อมกับยิ้มให้ก่อนจะมองเลยไปทางเคน

"นั่งลงซิ พี่มีเรื่องจะคุยด้วย"  บอกกับเคนด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน เคนทำหน้างงๆก่อนจะทรุดตัวนั่งลงตามคำพี่ชาย

"ตกลงเรื่องที่เราเคยคุยกันไว้นายคงไม่มีอะไรขัดข้องอีกนะ"  ไจ่ไจ๋ได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองหน้าเคนเป็นเชิงถาม

"เอ่อ....เรื่องอะไรหรอ?"  เคนย้อนถามพี่ชายเสียงแผ่ว

"เรื่องที่เราตกลงกับพี่งัยว่านายจะตามพ่อแม่กลับไปน่ะ"  ได้ยินเช่นนั้นไจ่ไจ๋ก็ร้องอุทานขึ้นมาทันที

"อะไรนะ! พี่กลางจะไปอยู่กับพ่อแม่หรอ? ผมไม่ให้ไปหรอก!"  แย้งออกมาอย่างลืมตัว ทำให้เจอร์รี่กับแวนเนสหันไปมองหน้ากัน 

"เอ่อ.....ก็......ก็....."  เมื่อเริ่มรู้สึกตัวไจ่ไจ๋ก็หน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด 

"ชั้นไม่ไปหรอก พวกนายดูสิว่าตอนนี้น้องปรับตัวให้เข้ากับชั้นได้ดีขึ้นขนาดไหน"  เคนเลยออกหน้าแทนน้องชายเสียเอง

"ได้ยังงัย? นายก็รู้อยู่แล้วว่าพ่อแม่กลับมาครั้งนี้จุดประสงค์หลักก็เพื่อมารับนายนะ"  พี่ใหญ่แกล้งพูดต่อ

"ไม่จริง! พ่อแม่มาเพราะเรื่องของผมต่างหาก"  ไจ่ไจ๋โพล้งขึ้นมาอีกเคนจึงแอบถลึงตาใส่น้องเพราะรู้ว่าพี่ชายทั้งคู่กำลังสงสัยอยู่

"เอ่อ....."  ไจ่ไจ๋เกาหัวแก้เก้อ เคนแอบส่ายหน้าอย่างเซ็งๆเพราะถ้าขืนน้องชายยังเอะอะไม่เลิกมีหวังพี่ชายจับได้อย่างแน่นอน

"พ่อแม่ไม่ได้มาเพื่อจะรับชั้นซักหน่อย อย่างที่น้องว่าแหละพ่อแม่มาเพราะน้องต่างหาก"  เคนยังพยายามช่วยน้องชายแก้ต่าง

"ยังงัยก็ไม่ได้ เพราะพี่จองตั๋วเครื่องบินให้นายเรียบร้อยแล้ว"  เจอร์รี่พูดต่อ

"เฮ้ย!!!"  เคนกับไจ่ไจ๋อุทานออกมาพร้อมกัน

"ทำไมทำอะไรไม่ปรึกษาชั้นก่อน? ชั้นไม่ไปนะ!"  แล้วก็เป็นเคนที่โวยวายขึ้นมาบ้าง

"ชั้นนึกว่าเราคุยกันเข้าใจแล้วซะอีก ตอนนั้นนายเป็นคนรับปากชั้นเองนะว่าจะตามพ่อแม่กลับไป"  เจอร์รี่ตอบกลับน้องทันควัน แวนเนสจึงแอบยกนิ้วโป้งให้พี่ชาย

"เดี๋ยวพี่กลางก็ต้องกลับไปทำงานแล้วจะไปอยู่กับพ่อแม่ได้ยังงัย? พี่ใหญ่อยากให้พี่กลางตกงานจริงๆหรอ?"  ไจ่ไจ๋หาเหตุผลมาให้พี่ชาย

"เอ....นายรู้ได้ยังงัยว่าพี่กลางมันจะกลับไปทำงานแล้ว?"  แวนเนสถามน้องเล็กบ้าง

"อ้าว! ก็นี่มันจะครบเดือน....."  ไจ่ไจ๋ยังพูดไม่จบประโยคดีก็โดนเคนกระตุกแขนแรงๆเสียก่อน เมื่อเห็นท่าทางของน้องชายทั้งคู่เจอร์รี่กับแวนเนสก็หันไปพยักหน้าให้กันอย่างรู้ความหมาย

"ก็ถือโอกาสลาพักร้อนเพิ่มอีกซักเดือนจะเป็นไรไป?"  เจอร์รี่พูดต่อเหมือนไม่ติดใจคำพูดน้องเล็ก

"จะบ้าหรอ!? ยิ่งโดนหมายหัวอยู่ยังมีหน้าไปขอลาพักร้อน มีหวังได้ลายาวแบบไม่ต้องกลับไปอีกแน่"  เคนเอะอะขึ้นมาอีก

"ช่วยไม่ได้ใครใช้ให้นายทำตัวเกเรหละ?"  เจอร์รี่ยักไหล่อย่างไม่ค่อยใส่ใจ

"แต่พี่กลางเขาไม่ได้หาเรื่องก่อนนี่ ทำไมพี่ใหญ่ถึงไม่ยอมเข้าใจซักที"  ไจ่ไจ๋เผลอตัวบ่นพี่ชายออกมาอีกจนได้

"ไจ่ไจ๋!!!"  เคนหันไปเรียกน้องเสียงเข้ม น้องเล็กจึงได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆเพราะรู้ว่าตัวเองเผยพิรุธจนหมดเปลือก

"ไปเอ็ดน้องทำไมหละ? น้องเริ่มจำได้แล้วแบบนี้น่าดีใจมากกว่านะ"  แวนเนสแกล้งต่อว่าเคน 

"พี่ได้ยินนายพูดแบบนี้แล้วก็ดีใจมากเลย แสดงว่านายเริ่มจำสถาการณ์ต่างๆได้แล้วสิ"  แล้วก็หันมา
พูดกับน้องเล็กอย่างอ่อนโยนแต่รอยยิ้มกลับทำให้ไจ่ไจ๋รู้สึกสยอง

"ก็....ก็......"  ไจ่ไจ๋อึกอักแล้วหันไปทางพี่ชายคนกลางอย่างต้องการขอความช่วยเหลือ

"นายก็อย่าไปเซ้าซี้น้องน่า.....เดี๋ยวซักไปมากๆก็พาลจะปวดหัวเอาง่ายๆอีก"  พี่ใหญ่แกล้งหันไปปรามแวนเนส

"ไจ่ไจ๋ นายก็อย่าไปถือสาอะไรพี่รองเขาเลยนะ แค่นายจำอะไรบางอย่างได้นิดหน่อยก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้วหละ"  หันมายิ้มให้น้องเล็กด้วยอีกคน

"ครับ"  ไจ่ไจ๋ไม่รู้จะพูดอะไรจึงตอบรับสั้นๆ

"ชั้นว่าชั้นไปซื้อกับข้าวมาทำอาหารเย็นดีกว่า พ่อแม่ตื่นมาจะได้กินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา"  แล้วเคนก็หาทางหลีกเลี่ยงพี่ชายทั้งคู่เอาเสียดื้อๆ

"ผมไปด้วย!"  ไจ่ไจ๋รีบร้องแทรกขึ้นมาทันที

"ไม่ต้องเลย!"  เคนแหวใส่น้องอย่างลืมตัวก่อนจะรีบปั้นยิ้มหวานกลบเกลื่อน

"นายไม่ต้องไปหรอก เดินตลาดร้อนจะตาย พี่ไปแป๊บเดียวเอง"  พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเมื่อรู้สึกตัว

"ผมไม่กลัวร้อนหรอก เอาผมไปด้วยนะ"  คราวนี้ไจ่ไจ๋เอากอดแขนเคนเอาไว้ด้วย

"เสี้ยวเทียน เราก็แปลกนะ ทีน้องขอไปด้วยเรากลับไม่ให้ไปแต่เมื่อวันสองวันก่อนพี่เห็นนายเอาแต่จะตามน้องไปทุกที่"  เจอร์รี่พูดขัดคอน้องชายขึ้นมา

"เอ่อ....ก็....ชั้นไม่อยากให้น้องต้องเหนื่อยนี่ แล้วอีกอย่างชั้นยังไม่ได้คิดเมนูเลยกว่าจะไปเดินวนซื้อของก็คงนาน"  เคนแก้ตัวน้ำขุ่นๆ

"งั้นพี่ไปกับนายเอง"  พี่ใหญ่เสนอตัว เคนหน้าเจื่อนลงทันตาเห็น

"ไม่ต้องหรอก นายอยู่คุยกับน้องดีกว่า ดูท่าน้องเหมือนจะจำอะไรได้ลางๆแล้วนะ"  เคนส่ายหน้าพร้อมกับปั้นยิ้มหวานให้พี่ชาย

"น้องดูเหมือนจะจำได้ลางๆแต่ทำไมไม่เห็นนายจะตื่นเต้นดีใจเลยหละ?"  พี่ใหญ่ถามรุกอีก

"ดีใจสิ! ทำไมจะไม่ดีใจหละ? ชั้นดีใจที่สุดในโลกเลย"  เคนแกล้งทำเสียงตื่นเต้นแต่ดูก็รู้ว่าฝืนเต็มที่

"ตัวเองก็ไม่เนียนเหมือนกันแหละ"  ไจ่ไจ๋แอบต่อว่าเคนแบบไม่ออกเสียง

"ไม่ต้องพูดเลย!"  เคนก็ต่อว่าน้องชายกลับเช่นกัน

"ตั้งแต่พ่อแม่กลับมานายสองคนก็ดูท่าทางจะเข้ากันได้ดีแบบแปลกๆเนอะ"  แวนเนสพูดแทรกขึ้นมา

"นี่! จะหาเรื่องกันหรืองัย?"  เคนเท้าเอวแล้วแกล้งทำเป็นเอ็ดพี่ชาย

"เดี๋ยวเถอะ! พูดกับพี่เขาแบบนี้ได้หรอ?"  เจอร์รี่ดุเคนทันที

"แล้วนายก็ไม่ต้องพูดอะไรอีก เพราะไม่ว่ายังงัยบทสรุปก็คือนายต้องตามพ่อแม่กลับไป! อย่านึกว่าเปลี่ยนเรื่องแล้วชั้นจะลืมนะ!"  พี่ใหญ่ทำเสียงเข้ม

"ไม่เอา! ชั้นไม่ไป! มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ชั้นต้องไปอยู่กับพ่อแม่ที่นู้น!"  เคนเริ่มโอดครวญ

"มีสิ ก็เพราะตอนนี้ไจ่ไจ๋ยังจำพวกเราไม่ได้และนายก็ชอบทำตัวจู้จี้จุกจิกกับน้อง ชั้นไม่อยากให้น้องรู้สึกอึดอัดหรือลำบากใจ"  เจอร์รี่ให้เหตุผล  

"งั้นพี่ใหญ่หมายความว่าหากผมจำพวกพี่ได้ตอนนี้พี่กลางก็ไม่ต้องไป"  ไจ่ไจ๋ถามแทรกขึ้นมาบ้าง

"อืม"  เจอร์รี่พยักหน้า

"งั้นผมจำได้แล้ว"  ไจ่ไจ๋พูดต่อหน้าตาเฉย

"อะไรนะ?"  เจอร์รี่แกล้งถามย้ำ

"ผมจำได้แล้ว จำได้หมดทุกอย่างแล้ว"  ไจ่ไจ๋พูดเน้นเสียง

"ตั้งแต่เมื่อไหร่?"  แวนเนสถามต่อบ้าง

"เมื่อกี้นี้แหละ"  เจ้าน้องเล็กลอยหน้าลอยตาตอบอีก

"อ้าว! ไหงเฉลยง่ายๆแบบนี้วะ?"  เคนร้องครางออกมาอย่างงงๆที่จู่ๆน้องก็บอกพี่ชายทั้งคู่เอาดื้อๆ คำพูดนั้นทำให้เจอร์รี่กับแวนเนสหันไปทางเคน

"เอ่อ....ชั้นไม่รู้เรื่องนะ....."  เคนพูดต่อเสียงแผ่วแล้วมองหาทางหนีทีไล่
"ไม่ต้องหนี!"  พี่ใหญ่รู้ทันจึงคว้าตัวน้องชายไว้ก่อน 

"มันคิดนะ ชั้นโดนบังคับ"  เคนรีบแก้ตัวกับพี่ชาย

"อ้าวพี่กลาง! เมื่อวานพูดอยู่แหมบๆว่าไม่ต้องบอกเพราะว่าพ่อแม่กลับมาแล้วรับรองว่าเราปลอดภัยงัย"  ไจ่ไจ๋เองก็เกี่ยงความรับผิดไปให้พี่ชายสุดที่รักเช่นกัน

"ตลกแล้ว! นายฝันหรือเปล่า! พี่ไม่เคยพูดแบบนั้น!"  เคนร้องโวยวายขึ้นมาบ้าง

"ไม่ได้ฝัน มันเป็นเรื่องจริง"  ไจ่ไจ๋พูดหน้าตาเฉย

"ไอ้...."  เคนพูดอะไรไม่ออกได้แต่ชี้หน้าน้องชายแต่ก็ต้องทำหน้าเหยพร้อมกับส่งเสียงร้องโอดครวญเมื่อโดนพี่ใหญ่บิดหู

"โอ้ยยยย....."  ร้องครางออกมาเบาๆพร้อมกับพยายามแกะมือพี่ชายออก

"ทำชั้นทำไม? มันเป็นตัวต้นคิดนะ!"  เมื่อหลุดออกจากเงื้อมมือพี่ชายแล้วเคนก็โวยวายอีก

"ก็รู้เห็นเป็นใจกับน้องหนิ! เป็นพี่ซะเปล่าแทนที่จะห้ามปรามเวลาที่เห็นน้องทำอะไรไม่ถูกไม่ควรแต่ดันลุกขึ้นมาสนับสนุนอย่างออกนอกหน้า ตอบมาสิว่าทำแบบนี้มันผิดมั๊ย?"  ตั้งคำถามกับเจ้าน้องชายตัวดี

"ไม่ผิด"  เคนตอบพี่ชายแบบไม่ต้องคิด
"เดี๋ยวเถอะ!"  เจอร์รี่ทำเสียงดุก่อนจะหันไปทางแวนเนส
"ไปหยิบไม้เรียวมาให้ชั้นที!"  ประโยคนี้ของพี่ใหญ่ทำให้เคนถึงกับสะดุ้ง
"เฮ้ย! ผิดก็ได้....."  รีบเปลี่ยนคำตอบใหม่ทันที
"ผิดก็ต้องโดนเหมือนกัน"  เจอร์รี่เองก็ต่อคำน้องทันควันเช่นกันและหันไปพยักหน้ากับแวนเนสเพื่อยืนยันคำพูดเมื่อซักครู่ เมื่อแวนเนสกลับมาพร้อมกับส่งไม้เรียวให้พี่ชายเคนก็ถึงกับหน้าถอดสี 
"ไม่ยุติธรรมเลย.....ชั้นแค่รับรู้ด้วยเฉยๆทำไมถึงต้องโดนตีอยู่คนเดียวแต่ไจ่ไจ๋มันเป็นคนคิดเป็นคนวางแผนทั้งหมดไม่เห็นนายจะว่าอะไรมันซักคำ"  เคนประท้วงพี่ชายด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ 
"แล้วมันอยู่ให้ว่ามั๊ยหละ?"  เจอร์รี่ถามน้องกลับพร้อมกับมองไปทางที่ที่เห็นน้องเล็กเคยยืนอยู่ที่ตอนนี้ว่างเปล่า
"อ้าว! ไอ้เด็กบ้า! หนีเอาตัวรอดคนเดียวเลยนะ!"  เคนต่อว่าน้องเล็กออกมาเมื่อเห็นว่าน้องหายเข้ากลีบเมฆไปเป็นที่เรียบร้อย
"ขยับเข้ามาใกล้ๆ!"  พี่ใหญ่สั่งเสียงเข้ม แต่เคนกลับถอยหลังหนีไปครึ่งค่อนห้องแล้ว
"ชั้นช่วยจับให้"  แวนเนสเสนอตัวก่อนจะเดินปรี่เข้าไปหาน้องชายพร้อมกับรอยยิ้มอย่างโหดๆ 
"อย่ามายุ่งนะ! ไปไกลๆเลย!"  เคนโวยวายแต่ก็หนีพี่ชายไปด้วย
"นึกว่าจะหนีรอดหรอ? สองต่อหนึ่งยังงัยนายก็แพ้"  แวนเนสได้ทีพูดข่มน้อง
"ก็ลองทำอะไรชั้นดูสิ จะร้องให้บ้านแตกเลย แล้วทีนี้ดูซิว่าพ่อแม่จะเอาพวกนายไว้หรือเปล่า!"  เคนขู่พี่ชายกลับ
"นายดูมันนะ! มันเอาพ่อแม่มาขู่เรา!"  แวนเนสหันไปฟ้องพี่ชาย
"เรื่องนั้นค่อยว่ากันแต่ตอนนี้ลากมันมานี่!"  เจอร์รี่บอกพร้อมกับผงกหัวไปทางน้องชายคนกลางที่ไม่ทันระวังตัว แวนเนสได้โอกาสจึงรีบคว้าตัวน้องชายไว้
"เฮ้ย!!! ปล่อยนะโว้ย!!! ช่วยด้วย!!!!"  เคนแหกปากร้องลั่นบ้าน
"เสียงดีนักใช่มั๊ย!? เดี๋ยวจะเอากำปั้นยัดปากให้!"  แวนเนสทำเสียงดุๆแล้วรีบเอามืออุดปากน้อง
"ตีมันให้ตายเลย! พยศดีนัก!"  แวนเนสพูดยุพี่ชายในขณะที่ลากตัวน้องชายที่ทั้งดิ้นทั้งร้องมาหาพี่ชาย
"โอ้ยยยย!!!!!"  เคนร้องลั่นเมื่อเห็นพี่ชายเงื้อนไม้เรียวในมือขึ้นโดยที่เขาเองยังโดนแวนเนสรวบมือทั้งสองข้างไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้ 
"จะแหกปากทำไม!? ยังไม่ทันตีเลย!"  พี่ใหญ่เอ็ดใส่เจ้าน้องชายตัวดีบ้าง
"ชั้นกลัวแล้วพี่ใหญ่อย่าตีชั้นเลย.....แวนเนส.....ปล่อยชั้นเถอะ....."  เคนอ้อนวอนพี่ชายทั้งคู่เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่มีทางสู้พี่ชายทั้งสองคนได้
"ปล่อยให้นายวิ่งแจ้นไปฟ้องแม่น่ะหรอ? คิดง่ายไปมั๊ยน้องชาย?"  แวนเนสถามน้องด้วยน้ำเสียงกวนๆ
"ไม่ฟ้อง.....ปล่อยชั้นเถอะ ชั้นยอมรับผิดทุกอย่างแล้ว"  เคนโอดครวญกับพี่ชายต่อ
"ยอมรับผิดแล้วก็ต้องถูกลงโทษอยู่ดีนั่นแหละ ใช่มั๊ย?"  ประโยคหลังแวนเนสแกล้งหันไปถามพี่ชาย
"ใช่! มีที่ไหนรู้ทั้งรู้ว่าผิดแต่ก็ยังทำ แบบนี้ต่อให้ยอมรับก็ต้องถูกทำโทษอยู่ดีไม่งั้นต่อไปนายก็จะทำผิดซ้ำๆอีก"  พี่ใหญ่พูดเสริม
"ไม่ทำแล้วพี่ใหญ่ ไม่กล้าทำอีกแล้ว"  เคนลงทุนโอนอ่อนผ่อนตามพี่ชายทุกอย่าง
"น่าเชื่อ! อย่านายน่ะเป็นพวกความจำสั้น สัญญาอะไรไว้ไม่เคยจำได้หรือต่อให้จำได้ก็ไม่คิดจะทำ"  เจอร์รี่สวนคำน้องทันควัน เคนนึกคันปากอย่างจะเถียงพี่ชายแต่ติดอยู่ตรงที่ว่าเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบจึงต้องสงบปากสงบคำ แต่ในขณะที่เคนไม่รู้จะทำยังงัยเขาก็เหลือบไปเห็นน้องเล็กเดินลงมาโดยน้องชายส่งสัญญาณบางอย่างให้เขา
"เดี๋ยวไปเรียกแม่มาช่วย"  ไจ่ไจ๋บอกพี่ชายแบบไม่ออกเสียงก่อนจะผลุบหายไปอย่างรวดเร็ว เคนรู้ดังนั้นก็ค่อยโล่งอก
"ก็ได้.....ชั้นยอมแล้ว"  แล้วเคนก็ยอมแต่โดยดีเพราะรู้ว่าแม่ต้องมาช่วยเขาแน่นอน
"ปล่อยเถอะ ชั้นไม่หนีไปไหนหรอก"  แล้วก็ดึงมือแวนเนสออกท่ามกลางสายตางุนงงของพี่ชายทั้งคู่เพราะเมื่อกี้เจ้าน้องชายตัวแสบยังทำท่าว่าจะไม่ยอมให้พวกเขาทำโทษแต่โดยดี
"จะตีก็ตี เดี๋ยวชั้นยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ"  เคนว่าแล้วก็ยืนกอดอกยอมรับโทษแต่โดยดี 
"ไหงมันเปลี่ยนท่าทีไวอย่างนี้วะ?"  แวนเนสกระซิบถามพี่ชาย
"จะไปรู้หรอ? แบบนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่"  เจอร์รี่เองก็พูดกับแวนเนสเบาๆเช่นกัน
"ช่างมันเถอะ! ฟาดมันสองสามทีแล้วกันถือว่าเป็นการลงโทษที่มีเรื่องสำคัญแล้วยังบังอาจปิดบังเราสองคน"  แวนเนสยุพี่ชายเพราะเห็นว่าครั้งนี้น้องทำไม่ถูก พี่ใหญ่พยักหน้าแล้วเงื้อนไม้เรียวขึ้นสูงทำเอาเคนเริ่มฝ่อเพราะไม่เห็นวี่แววของแม่และน้องชายเลย
"เดี๋ยว!"  แล้วเคนก็ร้องห้ามก่อนพี่ชายจะลงมือ
"มีอะไรอีก?"  พี่ใหญ่ย้อนถาม
"จะตีหนักขนาดนี้เลยหรอ? มันเกินไปหน่อยมั๊ยอ่ะ?"  เคนส่งเสียงประท้วงพี่ชายเพื่อถ่วงเวลา
"งั้นบอกชั้นมาหน่อยซิว่าสิ่งที่นายทำน่ะมันเกินไปหรือเปล่า?"  พี่ใหญ่ย้อนถามเล่นเอาเคนเถียงไม่ออก
"รู้ทั้งรู้ว่าชั้นสองคนร้อนใจกับเรื่องที่น้องจำพวกเราไม่ได้แค่ไหนแต่นายก็ยังเอามาล้อเล่นอีก ถ้าพวกชั้นไม่รู้เองนายจะปล่อยให้ชั้นสองคนกลุ้มใจต่อไปถึงเมื่อไหร่?"  เมื่อพี่ชายร่ายยาวมาเป็นชุดเช่นนี้เคนก็ได้แต่เงียบ
"ใช่! แต่ถึงนายจะบอกว่าเพราะน้องไม่อยากให้บอกแต่นายเองก็น่าจะคิดได้ว่าเรื่องแบบนี้มันควรเอามาเล่นหรือเปล่า? โตแล้วน่าจะรู้จักกาลเทศะบ้าง"  แวนเนสช่วยพี่ชายซ้ำเติมน้องชายอีกแรง ในตอนนั้นเคนก็เหลือบไปเห็นน้องเล็กเดินมาพร้อมกับแม่พอดี
"ชั้นไม่เถียงด้วยแล้ว จะตีก็ตี"  เคนบอกพี่ชายพร้อมกับแอบยิ้มในใจเพราะพี่ชายทั้งคู่หันหลังไปทางบันไดเลยไม่เห็นแม่กับน้องเล็ก
"ดี! ยืนนิ่งๆ!"  แล้วเจอร์รี่ก็จับแขนน้องไว้ก่อนจะเงื้อนไม้เรียวในมือขึ้นอีกครั้ง
"อะฮึ่ม!"  แต่แล้วเสียงกระแอมจากด้านหลังทำให้เจอร์รี่ชะงักไป
"จะทำอะไรกันจ๊ะ?"  แม่ถามขึ้นตามมา เจอร์รี่กับแวนเนสหันไปทางต้นเสียงพร้อมกัน
"แม่ครับ! พี่ใหญ่กับพี่รองจะตีผม"  เคนรีบเอ่ยปากฟ้องทันที
"เนี่ย! เมื่อกี้นะพี่เขาสองคนบอกว่าจะตีให้ตายเลย ดีนะที่แม่มาทันไม่งั้นผมแย่แน่ๆ"  พี่ชายทั้งคู่มองเจ้าน้องชายตัวดีฟ้องแม่ฉอดๆด้วยสีหน้าหมั่นไส้
"ว่างัยจ๊ะ? ลูกสองคนจะตีน้องทำไม?"  แม่หันไปถามลูกชายทั้งคู่บ้าง
"เปล่าซักหน่อยแม่ เราเล่นกันเฉยๆ"  แวนเนสตอบแม่หน้าตาย
"เล่น?"  เคนทวนคำพี่ชายก่อนจะค้อนใส่
"ไอ้บ้า! ไม่ต้องมาโกหกเลย เมื่อกี้นายยุยงส่งเสริมมันอย่างกับอะไรดี!"  กระแทกเสียงใส่พี่ชายคนรองอย่างหมั่นไส้
"แม่ดูมันสิ.....ฟังมันพูดนะว่ามันเคยเห็นหัวพี่ชายสองคนนี้บ้างหรือเปล่า"  แวนเนสหันไปฟ้องแม่บ้าง แม่เองก็คิดว่าเคนพูดจาไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่แต่ก็ไม่กล้าตำหนิเพราะกลัวลูกชายจะงอนอีก
"ก็ลูกอยากไปแหย่น้องก่อนทำไมหละ? พอแล้ว.....มานั่งคุยกับแม่กันหน่อยซิ"  แม่พูดแล้วรีบตัดบทเพราะไม่อยากให้แวนเนสประท้วงขึ้นมาอีก เมื่อได้ยินดังนั้นไจ่ไจ๋ก็เดินไปเกาะแขนพี่ชายคนกลาง
"เป็นยังงัย? ผมจัดการได้ทันเวลาพอดีเลยใช่มั๊ย?"  ไจ่ไจ๋ทวงคำชมจากพี่ชายแต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือมะเหงกโป๊กใหญ่จากพี่ชาย
"พอดีบ้าอะไร! พี่ต้องแกล้งพูดโน้นประท้วงนี่อยู่ตั้งนาน เพราะนายแท้ๆเลย!"  พูดจบก็หยิกแก้มน้องแถมให้อีก
"โอ้ยๆๆๆ....พี่กลางอ่ะ.....ผมเจ็บนะ!"  ไจ่ไจ๋ร้องโวยวาย
"เจ็บแค่นี้ไม่ตายหรอก! แต่เมื่อกี้พี่เกือบตายเพราะความคิดบ้าบอของนาย!"  เคนแหวใส่น้องกลับไป
"อะไรเล่า! พี่กลางเองก็เห็นดีเห็นงามด้วยนี่! มาโทษผมได้ยังงัย!"  ไจ่ไจ๋เองก็ไม่ยอมแพ้
"แต่ตัวต้นเหตุคือนายนะ! แล้วไอ้เวลาจะจวนตัวกลับถีบให้พี่ออกหน้าคนเดียวแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน!"  เคนว่าพร้อมกับเอานิ้วจิ้มหน้าผากน้องไปด้วย
"อ้าว! ไม่เคยได้ยินหรืองัยว่ารู้รักษาตัวรอดเป็นยอดคน!"  น้องเล็กลอยหน้าลอยตาตอบพี่ชาย
"พวกนายสองคนได้ยินแล้วใช่มั๊ย? ไจ่ไจ๋มันเป็นคนต้นคิดจริงๆ ถ้าจะจัดการก็จัดการกับมันสิ"  เมื่อเถียงอะไรน้องไม่ได้เคนจึงหันไปฟ้องพี่ชายทั้งคู่แทน
"อ้าว! ทีเวลาเราปรึกษาหละเห็นดีเห็นงามทุกเรื่อง ชมว่าฉลาดอย่างนั้นอย่างนี้ทีเวลามีเรื่องก็ปัดมาทางเราซะงั้นนะ"  น้องเล็กเปรยขึ้นดังๆ  
"ผิดทั้งคู่นั่นแหละ! ไม่ต้องมาเกี่ยงกันเลยว่าใครต้นคิดหรือใครช่วยคิดเพราะยังงัยก็ต้องถูกลงโทษเท่ากัน!"  เสียงเข้มของพี่ใหญ่พูดแทรกขึ้นมา น้องชายทั้งคู่จึงหน้าจ๋อยไปตามๆกัน
"ไม่เอาน่า....น้องจำได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีแล้ว ลูกอย่าถือสาหาความน้องอีกเลย"  แม่ช่วยพูดไกล่เกลี่ยให้
"แม่ก็เป็นแบบนี้ทุกที"  เจอร์รี่ครางออกมาอย่างอ่อนใจ
"โถ....หลายวันมานี้ลูกเองก็เครียดไม่น้อยไม่ใช่หรอ? ตอนนี้สถานการณ์ต่างๆก็เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แม่ว่าก็อย่าเอาเรื่องอะไรกันอีกเลย"  แม่ว่าพร้อมกับตบหลังมือลูกชายเบาๆ
"ก็เพราะว่าเครียดน่ะสิพอมาเจอแบบนี้เลยยิ่งเครียดใหญ่ แม่ว่าน้องไม่รู้กันหรืองัยว่าผมกับแวนเนสวุ่นวายใจกันแค่ไหนกับเรื่องที่เกิดขึ้นเนี่ย"  เจอร์รี่เถียงก่อนจะเหลือบมองไปทางน้องชายทั้งคู่
"พอจำได้แล้วแทนที่จะบอกให้พวกผมสองคนสบายใจกลับมาปิดบังกันซะอีก แถมทำได้ไม่แนบเนี่ยนอีกต่างหาก!"  ประโยคหลังไม่วายแขวะน้องชายทั้งคู่ไปด้วย
"นายนั่นแหละที่ชอบเผยพิรุธให้เขาจับได้"  เคนได้ทีตำหนิน้องชาย
"ผมคนเดียวที่ไหนเล่า! พี่กลางก็เหมือนกันแหละ!"  ไจ่ไจ๋เองก็ไม่ยอมรับทั้งหมด
"ยังจะเถียงกันอีก!"  พี่ใหญ่ดุน้องชายทั้งสองคนอีก
"เอาเถอะๆๆ แม่ว่าน้องก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังลูกหรอก น้องแค่อยากจะหาทางวิธีเซอร์ไพรส์ลูกสองคนเท่านั้นเอง"  แม่แก้ต่างแทนลูกชายสุดที่รัก
"เซอร์ไพรส์หรอแม่?"  แวนเนสถามแทรกขึ้นมาบ้าง ไจ่ไจ๋เลยได้ทีรับไม้ต่อจากแม่ทันที
"ก็ใช่สิครับ"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ลุกไปนั่งลงข้างแวนเนส
"ผมอยากจะหาวิธีเซอร์ไพรส์พี่แต่ว่ายังคิดไม่ออกเลยขอร้องพี่กลางให้ช่วยคิดด้วย พี่กลางตอนแรกเขาก็ไม่เห็นด้วยที่ผมจะยังปิดบังพวกพี่ต่อไปแต่พอผมอธิบายว่าหลายวันที่ผ่านมาพวกพี่ก็ลำบากใจกันไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผม ผมก็เลยอยากจะทำให้พวกพี่รู้สึกตื่นเต้นดีใจที่ผมกลับมาจำได้แล้ว แต่ว่าผมยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังงัยดีก็เลยขอร้องให้พี่กลางช่วยคิดซึ่งความจริงพวกเราก็คิดหาวิธีกันอยู่แต่ก็มาโดนจับได้ซะก่อน ฉะนั้นแทนที่จะทำให้พวกพี่ดีใจกลับกลายเป็นทำให้พี่สองคนไม่พอใจซะอีก"  คำร่ายยาวของน้องเล็กทำเอาพี่ชายทั้งสองคนอึ้งไปในขณะที่เคนได้แต่อ้าปากค้างกับความสามารถเอาตัวรอดของน้องเล็ก

"ไอ้บ้า! พี่ก็ต้องดีใจอยู่แล้ว แต่เรื่องที่โกรธก็เพราะนึกว่านายไม่คิดจะบอกพวกพี่"  แวนเนสคล้อยตามความคิดของน้องเขารีบโอบไหล่น้องชายพร้อมกับอธิบาย

"พี่สองคนก็นึกว่านายคงไม่เห็นว่าพี่สองคนสำคัญเหมือนกับไอ้พี่กลางเลยไม่ยอมบอก"  พูดเป็นเชิงตัดพ้อน้องชาย

"โอ๋....ทำไมผมจะไม่เห็นความสำคัญของพวกพี่หละครับ? ถ้าไม่เห็นความสำคัญจะต้องมานอนคิดว่าจะทำเซอร์ไพรส์พี่สองคนยังงัยกันจนหัวแทบแตกแบบนี้หรอ?"  ไจ่ไจ๋ยังคงตีหน้าซื่อเป็นน้องชายที่แสนดีต่อไป

"เฮ่อ! ถ้ารู้อย่างนี้แต่แรกพี่ก็ไม่โกรธหรอก"  แวนเนสเองก็เชื่อน้องอย่างสนิทใจ

"ถ้ารู้ก่อนจะเซอร์ไพรส์มั๊ยเล่า?"  ไจ่ไจ๋แย้งแต่ก็ขยับเข้าไปกอดพี่ชาย

"ไปหัดทำตัวแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่? เมื่อก่อนไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลยกับเรื่องเซอร์ไพรส์คนอื่นเนี่ย"  แวนเนสกอดน้องตอบพร้อมกับต่อว่าไปด้วย

"ก็ได้มาจากพี่รองแหละครับ"  ไจ่ไจ๋ตอบแล้วยิ้มหวานให้พี่ชาย เห็นแบบนั้นแล้วเคนก็หันไปพยักเพยิดกับแม่เพื่อให้ดูความร้ายกาจของเจ้าน้องเล็กต่อไป

"พี่เข้าใจแล้ว ไม่โกรธแล้วด้วย"  แวนเนสว่าแล้วก็หอมแก้มน้องชายฟอดใหญ่

"ไชโย! พี่รองหายโกรธแล้ว!"  ไจ่ไจ๋ร้องขึ้นอย่างดีใจ แวนเนสยิ้มก่อนจะเหลือบไปทางพี่ใหญ่

"แต่พี่ว่ามีอีกคนที่น่าจะงอนอยู่นะ"  กระซิบบอกน้องชายเบาๆ ไจ่ไจ๋เองก็รู้ความหมายทันทีจึงผละออกจากแวนเนสมานั่งลงข้างพี่ใหญ่แทน

"พี่ใหญ่ครับ"  กอดแขนพี่ชายพร้อมกับเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
"ไม่ต้องมายุ่ง!"  เจอร์รี่ทำเสียงแข็งๆแล้วดึงมือน้องชายออก

"ยังโกรธผมอยู่หรอ? ดีกันเถอะนะ.....น้า....."  ชูนิ้วก้อยขึ้นพร้อมกับพูดง้อพี่ชาย

"บอกว่าอย่ามายุ่ง!"  ทำเสียงแข็งกว่าเดิมพร้อมกับทำตาดุใส่ด้วย ไจ่ไจ๋จึงชะงักไป

"น่ารำคาญชะมัด!"  พูดจบก็เดินหนีออกไปหน้าบ้าน 
"อ้าว!"  ไจ่ไจ๋ทำหน้าผิดหวังก่อนจะหันมาทางแม่และพี่ชายอีกสองคน

"ไม่เกี่ยวโว้ย! ไปง้อเอาเอง!"  เคนพูดแทนทุกคน ไจ่ไจ๋จึงทำหน้ามุ่ยใส่แต่ก็รีบวิ่งตามพี่ใหญ่ออกไป

"พี่ใหญ่ครับ! รอผมด้วย!"  ร้องเรียกพี่ชายแล้ววิ่งหายออกไปอีกคน

"ฮ่าๆๆๆ!!! พี่ใหญ่นี่ก็ฟอร์มจัดเหลือเกิน!"  แวนเนสหลุดหัวเราะออกมาคนแรก
"รับรองว่าไอ้ตัวดีง้อจนเหนื่อยแหงๆ"  เคนพูดเสริม

"แม่ว่าก็ยังดีที่พี่ใหญ่ของลูกยอมให้น้องพูดง้อ ไม่งั้นน้องชายของลูกสองคนได้ขึ้นไปนอนร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่"  จบคำของแม่เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นพร้อมกัน




 

Create Date : 17 มิถุนายน 2557    
Last Update : 25 กันยายน 2557 22:27:33 น.
Counter : 1873 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  
 
 

loving_zai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




[Add loving_zai's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com