Chapter 91

ตอนที่ 91

"พี่รองไม่ยอมกินข้าวอีกแล้วหรอ?"  ไจ่ไจ๋เอ่ยถามพี่ชายคนโตที่เดินถือถาดอาหารลงมาด้วยสีหน้าหงุดหงิด
"ก็ใช่น่ะสิ! พี่เบื่อจะตายอยู่แล้ว! อยากทำร้ายตัวเองก็ตามใจจะไม่ยุ่งอีกแล้ว!"  เจอร์รี่ตอบน้องด้วยความโมโห ดีที่ว่าวันนี้เป็นวันหยุดเพราะฉะนั้นน้องเล็กเลยไม่ต้องออกจากบ้านไปไหน
"พี่ใหญ่ เอาแบบนี้ดีมั๊ย? เราสองคนไปหาพี่กลอเรียแล้วเล่าอาการของพี่รองให้ฟัง แบบนี้ถ้าพี่กลอเรียยอมมาหาพี่รองอาจจะดีขึ้นก็ได้"  ไจ่ไจ๋เสนอ เจอร์รี่ได้ยินก็มีท่าทีครุ่นคิด
"เฮ่อ! พี่น่ะไม่อยากไปทำอะไรแบบนั้นเลย ดูเหมือนเราเห็นแก่ตัวยังงัยไม่รู้ที่จะให้กลอเรียเป็นฝ่ายเข้าหาเจ้าพี่ชายตัวดีของนายทั้งที่มันมีข่าวคาวแบบนั้นอยู่"  พี่ใหญ่ไม่ค่อยจะเห็นด้วยนัก
"แต่มันเป็นวิธีเดียวที่น่าจะทำให้พี่รองเขาเลิกหงอยแบบนี้นะครับ"  ไจ่ไจ๋แย้งเพราะเขาคิดว่าขอแค่พี่ชายไม่ต้องทุกข์ใครจะว่าเห็นแก่ตัวก็ช่าง
"งั้น...."  พี่ใหญ่เอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง แต่ในตอนนั้นเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้นพอดี
"เอ๊ะ! ใครมานะ?"  ไจ่ไจ๋ลุกพรวดขึ้นมามองทันที แล้วก็ต้องเปลี่ยนสีหน้าเป็นดีใจเมื่อเห็นว่าใครมา
"พี่ใหญ่! พ่อแม่กลับมาแล้ว!"  ไจ่ไจ๋ร้องบอกแล้วรีบวิ่งออกไปทันทีโดยมีเจอร์รี่ก้าวยาวๆตามออกมาด้วย
"พ่อแม่กลับมาแล้ว! ผมคิดถึงมากเลย!"  ไจ่ไจ๋โผเข้ากอดมารดาด้วยความดีใจ
"เอ่อ...."  เจอร์รี่มองเลยไปยังผู้มาเยือนอีกคนด้วยสีหน้าประหลาดใจ
"พอดีก่อนกลับบ้านพ่อแม่แวะไปหาหนูกลอเรียที่ร้านมาแหนะ เลยชวนมาที่บ้านด้วย"  แม่บอกกล่าวกับลูกชายทั้งสองคน ซึ่งเจอร์รี่กับไจ่ไจ๋เดาได้ทันทีว่าบุพการีทั้งสองคงรู้เรื่องของแวนเนสทั้งหมดแล้ว
"แล้วลูกอยู่กันสองคนหรอ?"  พ่อถามขึ้นมาบ้าง
"มีอีกคนกำลังหมกตัวอยู่ในห้องนอนโน้น"  เจอร์รี่ไม่ระบุชื่อแต่ก็เป็นที่รู้กัน
"เข้าบ้านกันก่อนดีกว่าครับ ข้างนอกแดดร้อนออก"  ไจ่ไจ๋เห็นว่ากลอเรียมีสีหน้าเศร้าลงจึงรีบพูดตัดบท 
"ดีจ๊ะ....ไปกลอเรีย ไปกับแม่นะ"  แม่ว่าพร้อมกับหันมาจูงมือหญิงสาวคราวลูกแล้วพาเข้าไปในบ้าน
"พ่อแม่ดื่มอะไรดีครับ? แล้วพี่กลอเรียหละอยากดื่มอะไร?"  เมื่อนั่งลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วไจ่ไจ๋ก็ถามทุกคน
"พ่อขอกาแฟแล้วกัน"  พ่อว่าแล้วหันมาทางกลอเรีย
"กลอเรีย....หนูอยากดื่มอะไร?"  ถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"เอาอะไรก็ได้ค่ะ"  เธอตอบด้วยน้ำเสียงแหบๆ
"มีน้ำผลไม้อยู่ พี่กลอเรียดื่มน้ำผลไม้หละกันนะครับ จะได้สดชื่น"  ไจ่ไจ๋ตัดสินใจให้เสร็จสรรพก่อนจะหายวับเข้าไปในครัวอย่างรวดเร็ว
"วันนี้ปิดร้านหรอ?"  เจอร์รี่ชวนกลอเรียคุย
"เปล่าค่ะ มี่เฟิงช่วยดูให้"  กลอเรียตอบแล้วทำท่าจะถามอะไรบางอย่างแต่แล้วก็ไม่ถาม
"เจ้าลูกจอมขี้เกียจของแม่ยังไม่ตื่นหรอ?"  แม่แกล้งถามเจอร์รี่ขึ้นมาบ้าง
"ไม่เชิงหรอกครับ ถึงตื่นมันก็ไม่ยอมลงมาเจอหน้าใคร"  เจอร์รี่ตอบแล้วเหลือบไปทางหญิงสาวอีกครั้ง
"ชั้น....ขอไปหาเขาได้มั๊ยคะ?"  กลอเรียพูดเสียงแผ่ว 
"ได้สิลูก เจอร์รี่พาน้องไปสิ"  พ่อตอบแทนแล้วพยักหน้ากับลูกชายคนโต 
"ครับ มา....พี่ใหญ่พาไป...."  เจอร์รี่ว่าพร้อมกับส่งยิ้มให้ กลอเรียยิ้มตอบด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลายขึ้นเพราะครอบครัวของคนรักนั้นทำราวกับว่าเธอเองก็เป็นคนในครอบครัวนี้
"อ้าว! จะไปไหนกันหละครับ? พี่กลอเรียยังไม่ได้ดื่มน้ำผลไม้เลยนะ"  ไจ่ไจ๋ที่เดินออกมาร้องคราง
"เดี๋ยวพี่ค่อยลงมาดื่มแล้วกัน ขอบใจมากนะจ๊ะไจ่ไจ๋"  กลอเรียหันมาพูดกับไจ่ไจ๋
"เอ่อ....งั้นตามสบายเลย"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ผายมือเชิญให้กลอเรียรีบไป
"แวนเนส"  เจอร์รี่ร้องเรียกพร้อมกับเคาะประตูห้องนอนของน้องชาย
"ชั้นเข้าไปนะ"  เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรักเจอร์รี่จึงเปิดประตูเข้าไปเอง โดยมีกลอเรียก้าวตามเข้ามาด้วย
"แวนเนส...."  เจอร์รี่อ้าปากจะพูดแต่แวนเนสที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงกลับพูดแทรกขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
"เลิกยุ่งกับชั้นซักทีได้มั๊ย!? ชั้นก็แค่อกหัก! ร้องไห้หน่อยเดียวเดี๋ยวก็หายเองนั่นแหละ!"  คำพูดของแวนเนสทำให้เจอร์รี่หันไปสบตากับหญิงสาวทันที
"กลอเรียบอกเลิกนายหรอ?"  เจอร์รี่ถามน้องต่อ 
"ถึงไม่บอกแต่ชั้นก็รู้ว่าเขาไม่ไว้ใจชั้น"  แวนเนสตอบทั้งที่ยังนอนคว่ำหน้าอยู่
"ชั้นไว้ใจคุณ"  กลอเรียพูดสวนขึ้นมา
"แต่เป็นคุณมากกว่าที่ไม่ไว้ใจชั้น"  น้ำเสียงของหญิงสาวทำให้แวนเนสลุกพรวดขึ้นมาทันที 
"กลอเรีย...."  แวนเนสน้ำตาซึมมองหญิงคนรักตรงหน้าอย่างไม่ค่อยเชื่อสายตา
"มีอะไรก็ค่อยๆคุยกันนะ"  เจอร์รี่เอ่ยเบาๆก่อนจะปล่อยให้ทั้งสองคนอยู่กันตามลำพัง
"กลอเรีย....."  แวนเนสเรียกชื่อคนรักอย่างแผ่วเบา
"คุณกินอะไรบ้างหรือยัง?"  กลอเรียเห็นสภาพของแวนเนสแล้วก็อดที่จะรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้
"ผมกินอะไรไม่ลงทั้งนั้น กลอเรีย....ผมไม่อยากให้เราเลิกกัน"  แวนเนสลุกขึ้นเดินเข้าไปหาหญิงสาว
"เราเลิกกันแล้วหรอคะ? คุณบอกว่าเราเลิกกันแล้วงั้นหรอ?"  กลอเรียย้อนถามทั้งน้ำตา คำถามนั้นทำให้แวนเนสอึ้งไป
"แต่วันนั้นคุณ...."  แวนเนสแย้งแต่ยังพูดไม่ทันจบกลอเรียก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
"ชั้นไว้ใจคุณเสมอ แต่คุณต่างหากที่ไม่ไว้ใจชั้น"  กลอเรียเริ่มน้ำตาไหล
"ผมไว้ใจคุณแต่คนที่ผมไม่ไว้ใจคือไอ้บ้านั่นต่างหาก!"  แวนเนสแก้ตัวเสียงหลง
"ไอ้บ้านั่นที่คุณพูดถึงเขาเป็นลูกค้าของเรานะคะ เราทำร้านหนังสือเป็นอาชีพบริการแต่คุณกลับดูถูกลูกค้าตัวเองอย่างนั้นหรอ?"  กลอเรียต่อว่าแวนเนส
"ลูกค้าจำเป็นต้องเข้ามาพูดคุยกับแม่ค้าทั้งวันน่ะหรอ? กลอเรีย.....คุณอาจจะไม่คิดอะไรแต่ผมเป็นผู้ชายเหมือนกันทำไมจะดูไม่ออกว่าเขาไม่ได้คิดแค่ว่าคุณเป็นแม่ค้า?"  แวนเนสพูดแย้ง 
"แล้วก็เพราะเขาคุณถึงได้หันมาระแวงผม"  แวนเนสพูดด้วยความเจ็บช้ำ
"ระแวงคุณหรอ? ชั้นทำอะไรที่บ่งบอกว่าชั้นระแวงคุณ?"  กลอเรียย้อนถามทั้งน้ำตา
"ก็คุณบอกว่าผมยังมีข่าวเกิดขึ้นได้แล้วเรื่องอะไรผมถึงต้องตามจับผิดคุณ"  แวนเนสเถียง
"ก็เพราะคุณไม่มีเหตุผลที่ทึกทักเอาว่าเขามาติดพันชั้น ชั้นแค่จะเปรียบเทียบให้คุณรู้ว่าชั้นไว้ใจคุณเสมอแม้ว่าคุณจะมีข่าวออกมายังงัย แต่คุณกลับไม่ไว้ใจชั้นเมื่อชั้นบอกว่าเขาเข้ามาคุยแค่ในฐานะลูกค้าคนหนึ่ง"  หญิงสาวพูดพลางสะอื้นเบาๆ
"กลอเรีย....ผม...."  แวนเนสน้ำตาไหลออกมาเช่นกัน
"ทั้งที่ตลอดมาไม่ว่าคุณจะมีข่าวอะไรชั้นก็ไม่เคยถามให้คุณอึดอัด ชั้นไม่เคยล่วงเกินการทำงานของคุณ ชั้นไม่เคยขัดข้องอะไรหากว่าสิ่งที่คุณทำมันเป็นความสุขของคุณ แต่กับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้คุณกลับระแวงชั้นต่างๆนานา"  กลอเรียมองคนรักด้วยแววตาปวดร้าว
"หรือว่าชั้นไม่ใช่คนที่ดีพอในสายตาของคุณ?"  ตั้งถามด้วยความเจ็บปวด
"ไม่ใช่! ไม่ใช่อย่างนั้น!"  แวนเนสร้องขึ้นทันที
"กลอเรีย ผมขอโทษที่คิดอะไรโง่ๆ แต่ผมไม่อยากให้เราเป็นแบบนี้"  แวนเนสกุมมือหญิงสาวขึ้นมาแนบกับใบหน้าตัวเอง
"ผมแค่ทนไม่ได้ที่เห็นคุณสนิทกับคนอื่น ผมกลัวว่าจะต้องสูญเสียคุณไป....."  แวนเนสร้องไห้จนตาแดงกล่ำ
"ยกโทษให้ผมนะ.....ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณร้องไห้อีกแล้ว"  แวนเนสสบตากับคนรักอย่างต้องการคำตอบ
"ผมยอมให้คุณด่าว่าผม ลงโทษผม หรือทำอะไรก็ได้ที่จะทำให้คุณหายโกรธ ขอแค่เรา....กลับมาเป็นเหมือนเดิม....."  กลอเรียหลบตาลงโดยที่ยังมีหยาดน้ำตาไหลลงอาบแก้ม
"ผมยอมทุกอย่าง แม้แต่คุณจะบอกให้ผมออกจากวงการผมก็จะทำ"  แวนเนสพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น   
"ผมปล่อยให้คุณเดินจากไปไม่ได้ ผมรักคุณมากนะ"  แวนเนสแทบจะคุกเข่าลงตรงหน้าคนรักเพื่อร้องขอ
"แวนเนสคะ ชั้นไม่เคยโกรธคุณเลย"  กลอเรียบีบมือคนรักเบาๆ
"ผมอยากให้คุณโกรธผมมากกว่า เพราะความโง่เง่าของผมมันทำให้คุณต้องร้องไห้"  แวนเนสแย้ง
"ตกลงว่าเราเป็นเหมือนเดิมนะ"  ไม่วายตื๊อคนรักอยู่ในที
"หลายวันมานี้ เราไม่เหมือนเดิมหรอคะ?"  หญิงสาวย้อนถาม
"จะเหมือนได้ยังงัย? ก็เราแทบไม่ได้คุยกันเลย"  แวนเนสแย้งเบาๆ
"แล้วคุณ.....คิดถึงชั้นมั๊ย?"  กลอเรียถามแวนเนสอีก
"คิดถึงสิครับ ตลอดเวลาเลย"  แวนเนสตอบแบบไม่ต้องคิด
"ชั้นก็คิดถึงคุณเหมือนกัน"  คำพูดนั้นทำให้แวนเนสยิ้มออกเขาดึงตัวหญิงสาวเข้ามากอดแน่น
"เมื่อก่อนเวลาที่ไม่ค่อยได้เจอกันเพราะงานคุณยุ่ง คุณคิดถึงชั้นมั๊ยคะ?"  กลอเรียถามทั้งที่ยังซบหน้าลงที่แผงอกกว้างของคนรัก
"คิดถึงที่สุดเลย"  แวนเนสตอบแล้วจูบลงบนเส้นผมอ่อนนุ่มของหญิงสาว
"ชั้นก็คิดถึงคุณ"  หญิงสาวว่าแล้วพูดต่อ
"ในเมื่อเวลาที่เราไม่ได้เจอกันหรือไม่ได้คุยกันเราก็ต่างคิดถึงกันตลอด งั้นทำไมคุณถึงบอกว่าช่วงหลายวันมานี้เราไม่เหมือนเดิมคะ?"  คำถามนั้นทำให้แวนเนสดันตัวหญิงสาวออกเบาๆ เขาจ้องมองสายตาของเธอที่ยังมีร่องรอยของคราบน้ำตาด้วยความรู้สึกที่ตื้นตัน
"คุณกำลังจะบอกผมว่าแม้เรื่องที่เกิดขึ้นมันจะเป็นเพราะความงี่เง่าของผมแต่คุณก็ยังรักผมเหมือนเดิมใช่มั๊ย?"  แวนเนสถาม
"ทีเรื่องขี้ตู่เข้าข้างตัวเองนี่หละเก่งนัก"  หญิงสาวค้อนเข้าให้ แต่นั่นกลับทำให้แวนเนสรู้สึกดีใจมาก
"กลอเรียครับ คุณเป็นผู้หญิงที่ผมปรารถนาที่จะใช้ชีวิตด้วยไปจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต"  แวนเนสพูดเสียงหนักแน่น
"แต่งงานกับผมนะ"  หญิงสาวมองคนพูดด้วยความตื้นตันใจ
"ขอบคุณค่ะแวนเนส"  เธอเอ่ยเบาๆ 
"หมายความว่าคุณรับปาก?"  แวนเนสถามกลับด้วยความตื่นเต้น
"ชั้นยอมให้คุณจองตัวไว้ก่อน แต่ยังไม่แต่งในอนาคตอันใกล้นี้หรอกนะคะ"  กลอเรียตั้งข้อแม้
"อ้าว! ทำไมหละ?"  แวนเนสครางหน้ามุ่ย
"เพราะชั้นต้องแน่ใจก่อนว่าชั้นจะได้ใช้ชีวิตกับผู้ชายที่ปกป้องชั้นได้ ไม่ใช่ต้องให้ชั้นคอยปกป้อง"  ประโยคหลังอดไม่ได้ที่จะแขวะคนรักที่ไม่รู้จักโต
"น้อยๆเถอะ.....ผมน่ะปกป้องคุณได้อยู่แล้วต่อให้ต้องเอาชีวิตเข้าแลกผมก็ยอม"  พูดพร้อมกับทุบอกตัวเองเบาๆ
"ขี้โม้"  กลอเรียต่อว่าคนรักเบาๆแล้วยิ้มออกมาได้ในที่สุดเมื่อเห็นแวนเนสทำแก้มป่อง
"กลอเรียครับ.....ผมสัญญานะว่าเมื่อไหร่ที่ผมสร้างฐานะได้พอสมควรแล้วผมจะประกาศให้สังคมรับรู้ว่าเราสองคนเป็นคู่ชีวิตกัน ผมจะไม่ทำให้คุณต้องขายหน้า จะไม่ทำให้คุณเสื่อมเสียเกียรติของหญิงสาวที่ดีพร้อมทุกอย่าง ไว้ใจผมนะ"  แวนเนสพูดด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน
"ชั้นไว้ใจคุณเสมอค่ะ"  เธอตอบรับ
"ขอบคุณครับ"  พูดจบแวนเนสก็ก้มลงประทับริมฝีปากของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน ในตอนนี้ในใจของคู่รักทั้งสองคนกลับพองโตด้วยความเข้าอกเข้าใจกัน

- ข้างล่างของบ้าน -
"สรุปว่าไอ้เจ้าลูกชายตัวดีของแม่มันงี่เง่าเองใช่มั๊ยครับ?"  เจอร์รี่ถามแม่หลังจากได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมด
"จะว่าน้องอย่างนั้นก็ไม่ใช่ซะทีเดียวหรอกลูก เป็นใครก็ต้องคิดมากเป็นธรรมดา"  พ่อแก้ตัวแทนแวนเนส
"ถึงงั้นก็เถอะแต่ผมว่าพี่รองหวงพี่กลอเรียเกินไป พี่กลอเรียเขาขายหนังสือแล้วจะไม่ให้มีปฎิสัมพันธ์กับลูกค้าผู้ชายเลยหรือยังงัยกัน"  ไจ่ไจ๋ต่อว่าพี่ชายคนรองด้วยเช่นกัน
"สมน้ำหน้ามันเหมือนกันโดนกลอเรียตอกกลับมาเรื่องข่าวบ้างคงหน้าหงายเชียวแหละ"  เจอร์รี่พูดอย่างขำๆเจ้าน้องชายตัวดี หลังจากรู้เรื่องจากพ่อแม่ที่พากันไปสืบมาได้ความว่าแวนเนสไม่ค่อยพอใจที่มีลูกค้าผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาพูดคุยสนิทสนมกับกลอเรียอยู่บ่อยๆจึงคอยพูดจาเหน็บแนมหญิงสาวอยู่เรื่อย จนมาพักหลังจากที่เป็นเพียงการถกเถียงกันธรรมดากลับกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเมื่อแวนเนสมีข่าวออกมาและกลอเรียผู้ซึ่งไม่เคยถามไถ่ไม่ว่าแวนเนสจะมีข่าวเสียหายยังงัยกลับพูดประชดแวนเนสเข้าให้บ้าง นั่นจึงทำให้แวนเนสทึกทักเอาว่าหญิงสาวกำลังจะบอกเลิกกับเขาเพราะผู้ชายอีกคน
"เราน่ะทำเป็นว่าพี่เขา เดี๋ยวโดนกับตัวเองบ้างไม่วายจะร้องไห้ขี้มูกโป่ง"  แม่เอ่ยแซวลูกชายคนเล็กยิ้มๆ
"ไม่หรอกครับ เพราะผมคิดว่าตัวเองใจกว้างพอ เรื่องการพูดคุยกับผู้ชายคนอื่นมันเรื่องธรรมดาครับ ไม่จำเป็นต้องมองเป็นเรื่องชู้สาวเสมอไป"  ไจ่ไจ๋พูดเป็นหลักการทำให้พ่อแม่และพี่ใหญ่ได้แต่มองหน้ากันยิ้มๆ
"พูดได้น่าฟังดีนะ แต่เอาเข้าจริงไม่รู้จะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า"  พี่ใหญ่เอ่ยขึ้นลอยๆ
"ไม่ต้องมาแขวะกันเลย ผมน่ะทำได้อยู่แล้วไม่งี่เง่าเหมือนพี่รองหรอก"  ไจ่ไจ๋สวนกลับทันควัน
"ว่าใครงี่เง่านะ!?"  เสียงแวนเนสถามแทรกขึ้นมา
"อ้าว....ตายยากซะจริง"  น้องเล็กบ่นอุบอิบแต่เมื่อเห็นว่าพี่ชายและกลอเรียเดินจูงมือกันลงมาก็ยิ้มกริ่ม
"สำเร็จแล้วใช่มั๊ยพี่รอง?"  ถามแซวพี่ชายยิ้มๆ
"ไจ่ไจ๋! พูดจาอะไรน่าเกลียด! เดี๋ยว....."  เจอร์รี่รีบเอ็ดน้องชายเพราะนึกว่าน้องหมายความเป็นอย่างอื่น
"อะไรหละพี่ใหญ่? ผมหมายความว่าพี่รองง้อพี่กลอเรียสำเร็จแล้วใช่หรือเปล่า? นี่พี่ใหญ่คิดอะไรเนี่ย?"  น้องเล็กย้อนคำพี่ชายฉอดๆ จนเจอร์รี่ต้องเป็นฝ่ายเขินซะเอง
"พวกลูกเนี่ยพูดจาไม่น่าฟังเลย หนูกลอเรียเป็นผู้หญิงนะ"  แม่ทำเสียงดุเจ้าลูกชายทั้งคู่
"ขอโทษครับ"  เจอร์รี่กับไจ่ไจ๋พูดออกมาพร้อมกัน กลอเรียยิ้มให้เล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบว่าอะไร
"งัย? ไอ้ตัวยุ่ง?"  พี่ใหญ่ว่าพร้อมกับเอานิ้วจิ้มหน้าผากแวนเนสเบาๆ
"ทีนี้กลับมาทำลิงทำค่างได้แล้วสินะ"  แวนเนสได้ยินพี่ชายแซวก็ทำหน้ามุ่ยใส่
"ชั้นออกจะเรียบร้อยมาว่าชั้นแบบนี้ได้งัย"  คำพูดของแวนเนสเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
"ถ้าอย่างพี่รองเรียกว่าเรียบร้อย ลิงทุกตัวในโลกคงกลายเป็นผ้าพับไว้แหงๆ"  ไจ่ไจ๋ร่วมผสมโรงด้วยอีกคน
"ปากดีนักนะ!"  แวนเนสชี้หน้าน้องชายพร้อมกับต่อว่าไปด้วย 
"กลอเรียครับ อย่าไปฟังไอ้สองคนนี้มันพูดเลยมีแต่เรื่องไร้สาระ ผมไปหาอะไรให้คุณดื่มดีกว่า"  แวนเนสว่าแล้วก็ดึงมือคนรักจะเดินไปในครัวแต่ไจ่ไจ๋รีบขัดขึ้นก่อน
"ของพี่กลอเรียมีน้ำผลไม้ครับ ผมเตรียมไว้ให้แล้วเดี๋ยวผมไปเอามาให้"  ไจ่ไจ๋พูดจบก็วิ่งแจ้นเข้าครัวไปทันที
"อ้าวเฮ้ย! แล้วของพี่หละ?"  แวนเนสตะโกนไล่หลังแต่ไจ่ไจ๋หายวับเข้าไปในครัวแล้ว
"ไม่ทันแล้วหละ"  แม่พูดยิ้มๆ ในขณะนั้นไจ่ไจ๋ก็โผล่หน้าออกมาจากประตูห้องครัวพอดี
"ของพี่รองไม่มีนะครับ อยากกินอะไรก็เข้ามาหาเอง"  พูดจบก็ผลุบหัวเข้าไปใหม่
"ไอ้เด็กคนนี้ บริการพี่ชายมันหน่อยก็ไม่ได้ พอจะได้พี่สาวแล้วทำลืมพี่คนนี้ไปเลย"  แวนเนสบ่นอุบ
"พี่สาวที่ไหนกัน?"  พ่อแกล้งถามเป็นเชิงกระเซ้า
"คนนี้งัยครับ นี่แฟนผม....ไม่ใช่ๆๆๆๆ ว่าที่พี่สะใภ้คนรองของเจ้าไจ่ไจ๋งัยครับ"  แวนเนสแนะนำอย่างออกหน้าออกตาทำเอากลอเรียเขินจึงตีแขนแวนเนสเบาๆ
"บอกพ่อกับแม่ไปสิครับว่าเราตกลงจะแต่งงานกันแล้ว"  แวนเนสว่าพร้อมกับโอบไหล่หญิงสาวอย่างนุ่มนวล
"พูดอะไรน่ะแวนเนส!"  แม่ทำเสียงดุทำเอาแวนเนสกับกลอเรียหน้าเสียเพราะนึกว่าแม่ไม่เห็นด้วย
"แม่ครับ"  เจอร์รี่เองก็รู้สึกเช่นนั้นจึงร้องเตือนออกมา
"ไม่ใช่นะจ๊ะ....แม่ไม่ได้คัดค้านอะไร....."  แม่ว่าพร้อมกับลุกขึ้นมาแล้วจูงมือกลอเรียมานั่งลงที่โซฟาด้วยกัน
"แต่แม่หมายถึงว่าลูกพูดออกมาเหมือนกับเป็นเรื่องเล่นๆอย่างนั้นแหละ หนูกลอเรียมีคุณพ่อและก็ญาติผู้ใหญ่นะจ๊ะ จะพูดจากันเรื่องนี้แม่อยากให้ทุกฝ่ายรับรู้ด้วย"  แม่อธิบายให้ฟัง ในตอนนั้นไจ่ไจ๋ก็ถือเครื่องดื่มออกมาพอดี
"พี่กลอเรียดื่มน้ำผลไม้ครับ"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้ววางแก้วน้ำให้ตรงหน้า
"ขอบใจมากจ๊ะ"  กลอเรียพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้
"อันนี้กาแฟของพี่รอง"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ส่งถ้วยกาแฟให้แวนเนสอีกคน
"ขอบใจ นึกว่าลืมพี่ซะแล้ว"  แวนเนสว่าแต่ไม่วายบ่นอุบอิบ
"เอาน่า....ไม่ลืมหรอก"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วหันไปมองทุกคน
"เอ่อ....กำลังคุยเรื่องสำคัญอะไรกันอยู่หรือเปล่า?"  ถามต่อเพราะพอจะได้ยินแว่วๆมาบ้างแล้ว
"สำคัญสิจ๊ะ เพราะพ่อแม่กำลังจะไปสู่ขอหนูกลอเรียให้พี่รองเขาน่ะ"  คำตอบของแม่ทำให้ไจ่ไจ๋ทั้งดีใจทั้งใจหายในเวลาเดียวกัน
"คุณน้าคะ...."  กลอเรียพูดอะไรไม่ออกเพราะรู้สึกดีใจที่ครอบครัวนี้ยินดีต้อนรับเธอ
"ต่อไปต้องเรียกแม่นะจ๊ะ"  แม่ว่าพร้อมกับเอามือตบแก้มหญิงสาวเบาๆด้วยความเอ็นดู
"ตอนเจอคุณพ่อหนูบนเรือไม่ได้คุยกันเท่าไหร่ กะไว้ว่าถ้าคุณพ่อหนูกลับมาคราวนี้จะขอเข้าไปคุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราวซักที"  แม่พูดต่อ
"ค่ะ ไว้หนูจะบอกคุณพ่อให้นะคะ"  กลอเรียรับคำ
"แหม....ทีแม่พูดคุณยอมง่ายๆแบบนี้เลยนะ เมื่อกี้ผมง้อตั้งนานยังทำเล่นตัวว่าให้จองตัวไว้ก่อนเฉยๆ"  แวนเนสทำเสียงกระเง้ากระงอด ทำให้คนอื่นๆหัวเราะกันขำๆ
"แวนเนสเอ้ย....ลูกน่ะไม่รู้อะไร....."  พ่อที่นั่งยิ้มอยู่นานเอ่ยขึ้นมาบ้าง
"อะไรครับ?"  แวนเนสย้อนถามด้วยสีหน้างงๆ
"ผู้หญิงน่ะจะมั่นใจจนยอมรับปากแต่งงานกับผู้ชายได้เนี่ยส่วนใหญ่ก็อยากให้ทางผู้ชายเข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ก่อนทั้งนั้นแหละ"  พ่อตอบด้วยสีหน้าคงรอยยิ้มไว้
"แล้วเราน่ะเอาแต่ตื๊อหนูกลอเรียให้รับปากแต่งงานด้วยทั้งที่ตัวเองแทบจะยังไม่เคยไปหาคุณพ่อของหนูกลอเรียเลยซักครั้ง แบบนี้ผู้หญิงคนไหนจะมั่นใจได้หละ?"  พ่อพูดเป็นเชิงตำหนิลูกชาย
"ผมเจอคุณพ่อของกลอเรียบ่อยจะตาย ไม่เชื่อถามกลอเรียเลย"  แวนเนสรีบแย้ง
"เจอแล้วคุยจ้อเรื่องอะไรหละเรา?"  แม่ถามเจ้าลูกชายตัวดี
"ก็หลายเรื่อง แต่ผมไม่ได้พูดเรื่องแต่งงานนะครับเพราะรู้สึกว่ามันน่าจะให้พ่อแม่ไปพูดเองมากกว่า"  แวนเนสตอบก่อนจะพูดเสริม
"ดีแล้ว งั้นไว้คุณพ่อหนูกลับมาเมื่อไหร่รีบบอกพ่อกับแม่เลยนะจ๊ะ"  แม่หันกลับมาพูดกับกลอเรีย 
"ค่ะ"  กลอเรียรับปากด้วยรอยยิ้ม
"วันนี้คุณอยู่กินข้าวด้วยกันนะ ผมจะเข้าครัวทำกับข้าวเอง"  แวนเนสออกตัวอย่างกระตือรือร้น
"จะกินได้หรอคะ?"  กลอเรียย้อนถามหน้าตาย
"หนอยแน่! ดูถูกผมอีกแล้วนะ ผมบอกแล้วงัยว่าต่อให้ยากแค่ไหนผมก็ทำให้คุณได้ทั้งนั้น"  แวนเนสพูดหยอดคำหวานจนคนอื่นๆต่างพากันส่ายหน้า
"แต่เอาเถอะ! ถ้าคุณไม่เชื่อฝีมือผมก็เข้าไปช่วยกันทำแล้วกัน"  พูดจบแวนเนสก็เดินมาดึงให้หญิงสาวลุกขึ้น
"ไปช่วยผมนะครับ"  พูดจบก็ยิ้มหวาน
"ชั้นก็ต้องช่วยอยู่แล้วเพราะชั้นกลัวว่าคุณพ่อคุณแม่คุณกับพี่ชายน้องชายของคุณจะท้องเสียน่ะ"  หญิงสาวไม่วายว่ากระทบคนรักไปด้วย
"คำก็ว่าสองคำก็ว่าเดี๋ยวก็งอนซะเลยนี่"  แวนเนสทำหน้างอ
"แล้วแต่คุณค่ะ"  กลอเรียว่าแล้วก็เดินนำเข้าครัวไปก่อน 
"ผมไม่ได้งอนนะ....กลอเรียคร้าบบบ....รอผมด้วย....."  แวนเนสลากเสียงก่อนจะเดินตามกลอเรียไปด้วย ท่ามกลางสีหน้ายิ้มๆของพ่อและแม่
"ทำไมเงียบไปหละ?"  หลังจากที่กลอเรียกับแวนเนสพากันไปทำอาหารในครัวแล้วเจอร์รี่ก็เอ่ยปากถามน้องเล็กที่ปิดปากเงียบตั้งแต่รู้ว่าแวนเนสจะแต่งงาน
"เปล่าหนิ ก็ไม่รู้จะพูดอะไร"  น้องเล็กตอบก่อนจะแสร้งมองไปทางอื่น ซึ่งท่าทางเช่นนี้พ่อแม่และเจอร์รี่เดาได้ไม่ยากว่าน้องเล็กของบ้านกำลังรู้สึกยังงัย
"ไปเดินเล่นข้างนอกกับพี่ใหญ่หน่อย ไปหาซื้อของหวานหลังมื้ออาหารด้วย"  เจอร์รี่ว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืน ซึ่งพ่อแม่ก็พยักหน้าเห็นดีด้วย
"ไปกับพี่ใหญ่สิลูก"  พ่อว่าพร้อมกับพยักหน้าให้ลูกชายคนเล็ก
"ครับ"  ไจ่ไจ๋รับคำแล้วลุกขึ้น
"เดี๋ยวมานะครับ"  เจอร์รี่บอกพ่อกับแม่แล้วกอดคอน้องชายพาเดินออกจากบ้านไป
"คงไม่เท่าไหร่หรอกมั้ง"  พ่อเปรยขึ้นหลังจากอยู่กันตามลำพังกับแม่
"แม่ก็หวังว่าอย่างนั้น ดีที่เจ้าแวนเนสเป็นผู้ชายถึงจะได้แต่งหนูกลอเรียเข้าบ้าน ถ้าเจ้าเด็กคนนี้เกิดมีพี่สาวแท้ๆมีหวังร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่เพราะผู้หญิงจะต้องแต่งงานออกไป"  แม่เห็นด้วยกับพ่อ
"เจอร์รี่คงพูดให้น้องเข้าใจได้ไม่ยากหรอกนะ ไจ่ไจ๋เองก็ชอบหนูกลอเรียไม่น้อย แม่แน่ใจว่าจะไม่มีปัญหาอะไรแน่"  จบคำพูดของแม่แล้วพ่อก็พยักหน้าเพราะเห็นด้วยกับคำพูดนั้นเช่นกัน

- ที่สนามเด็กเล่น -
"นั่งชิงช้าสิ เดี๋ยวพี่ใหญ่แกว่งให้"  เจอร์รี่พาน้องมาที่สนามเด็กเล่นก่อนจะออกปากให้น้องเล่นของเล่น
"พี่ใหญ่ ผมโตแล้วนะ"  ไจ่ไจ๋แย้งแต่ก็นั่งลงที่ชิงช้า เจอร์รี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะแกว่งชิงช้าให้น้องเบาๆ
"ไม่จริงหรอก น้องพี่คนนี้ยังมีความเป็นเด็กอยู่มาก ไม่งั้นจะยอมนั่งชิงช้าที่พี่แกว่งให้อีกหรอ?"  พี่ใหญ่ว่า
"ชิงช้าน่ะไม่ได้มีแต่เด็กๆที่เล่นกันซักหน่อย คนโตๆกันแล้วก็เล่นได้ ขนาดในบ้านเรายังมีชิงช้าเลย"  ไจ่ไจ๋แย้งพี่ชายแล้วใช้เท้ากดลงพื้นเพื่อให้ชิงช้าหยุดแกว่ง
"ไหนพี่ใหญ่บอกว่าจะออกมาซื้อของหวานกันงัย แล้วมัวมาเถลไถลอยู่แถวนี้"  ไจ่ไจ๋เปลี่ยนเรื่อง
"พี่ว่าแล้วว่านายต้องมีความรู้สึกบางอย่าง"  น้องเล็กได้ยินก็อึ้งไปเล็กน้อยแต่แล้วก็รีบยิ้มกลบเกลื่อน
"จะมีความรู้สึกอะไรหละ นอกจากดีใจที่เห็นพี่รองมีความสุข"  ไจ่ไจ๋แกล้งพูดเสียงดังเพราะกลัวว่าน้ำเสียงจะสั่น
"แต่ในความดีใจมันก็มีความกังวลอยู่ด้วยใช่มั๊ย?"  พี่ใหญ่ถามจี้ความรู้สึกของน้องชาย
"เพราะถ้าเป็นในเวลาที่นายมีความรู้สึกเป็นปกติ เวลาพี่ชวนนายมานั่งชิงช้าเล่นนายจะยินดีแล้ววิ่งมานั่งให้พี่แกว่งให้โดยทันที แต่รู้สึกว่าคราวนี้นายจะไม่ค่อยอยากเล่นเป็นเด็กเท่าไหร่นะ"  พี่ใหญ่รู้ทันความรู้สึกของน้องชาย
"ไม่ใช่แค่นายหรอกที่รู้สึกใจหาย พี่เองก็เหมือนกัน"  เจอร์รี่ยอมรับกับน้องตรงๆ
"ใจหาย? พี่ใหญ่ก็รู้สึกเหมือนกันหรอ?"  ไจ่ไจ๋ได้ยินเช่นนั้นก็มีท่าทีแปลกใจเพราะเจอร์รี่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาบ่งบอกว่ามีความกังวลเกี่ยวกับการที่แวนเนสจะแต่งงานเลย
"รู้สึกสิ พี่รองของนายก็เป็นน้องชายของพี่ใหญ่นะ"  เจอร์รี่ตอบ
"แถมยังเป็นน้องคนที่เรียกได้ว่าอยู่ด้วยกันมาแทบจะตลอดเวลาจนมันโตถึงป่านนี้ก็ยังมาคอยป่วนพี่ใหญ่อยู่ทุกวัน แค่คิดว่าต่อไปจะไม่มีไอ้จอมกวนคนนี้มาคอยเซ้าซี้ก็คงเหมือนขาดอะไรไปเหมือนกัน"  พี่ใหญ่ว่าพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
"จะว่าไป.....คนที่ทำใจยากมากกว่าน่าจะเป็นพี่ใหญ่นะเนี่ย....."  ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ค่อยสบายใจที่สามารถพูดคุยกับพี่ชายได้อย่างเปิดอกเพราะพี่ชายเองก็รู้สึกเหมือนๆกันกับเขา
"ไม่รู้ว่าพี่กลางจะพูดอะไรหากได้รู้ว่าพี่รองจะแต่งงาน"  เจอร์รี่ยิ้มกับคำถามของน้องเล็ก
"มันคงดี๊ด๊ามากกว่าใครเลยมั้ง"  พี่ใหญ่ตอบปนหัวเราะ
"บางทีพี่กลางอาจจะรู้สึกเหมือนเราสองคนก็ได้"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วแกว่งชิงช้าที่นั่งอยู่
"รู้สึกอยู่แล้วหละ ก็เจ้าพี่รองกับพี่กลางน่ะมันเป็นสนิทกันจะตายและดูท่าว่าจะมีความลับที่รู้กันแค่สองคนอีกเยอะแยะด้วย ถ้าเจ้าพี่รองแต่งงานไปจริงๆ พี่มั่นใจว่าเจ้าพี่กลางของนายมันต้องโทรหาพี่รองทุกวันแน่"  คำพูดของเจอร์รี่ทำให้ไจ่ไจ๋ยิ้มออก
"เราก็มาวิเคราะห์กันเหมือนกับว่าพี่รองจะแต่งงานในวันนี้วันพรุ่งไปได้ ผมว่ากว่าจะถึงวันนั้นคงอีกนานมั้ง"  ไจ่ไจ๋พยายามพูดเข้าข้างตัวเอง
"เรื่องแต่งงานใช่ว่าพี่รองจะไม่เคยคุยให้ฟังนี่นา"  พูดจบไจ่ไจ๋ก็แกว่งชิงช้าเล่นต่อ
"แต่ครั้งนี้พ่อแม่รับรู้และสัญญาว่าจะไปสู่ขอกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวนะ"  เจอร์รี่แย้ง
"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ กว่าจะเตรียมงานกว่าจะหาฤกษ์ก็คงใช้เวลาพอสมควรแหละ"  ไจ่ไจ๋หาข้อโต้แย้งอีก
"นายก็รู้ว่าบ้านเราไม่ถือเรื่องฤกษ์งามยามดีอะไร ขอแค่สะดวกกันทุกฝ่ายก็ถือว่าดีหมด"  พี่ใหญ่ยังแย้งคำน้องเล็กอีก ไจ่ไจ๋ได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มเงียบ
"และเห็นสีหน้าของเจ้าพี่รองแล้วพี่ว่ามันคงอยากแต่งงานเต็มแก่แล้ว"  จบคำพูดประโยคนี้เจอร์รี่ก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ
"ไจ่ไจ๋"  เรียกชื่อน้องชายเบาๆ
"พี่ใหญ่! ผมยังไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ผมยังอยากให้เราสี่คนเป็นเหมือนเดิม ไม่อยากให้ใครเข้ามาแทรกระหว่างเรา"  ไจ่ไจ๋โผเข้ากอดพี่ชายแล้วร้องไห้โฮออกมา แม้เขาเองจะชอบกลอเรียมากแค่ไหนแต่ก็ยังหวงพี่ชายอยู่ด้วยเช่นกัน
"พี่รองจะคบกับพี่กลอเรียผมก็สนับสนุนเต็มที่ แต่ทำไมพี่รองถึงต้องรีบแยกตัวออกไปจากพวกเราด้วย"  ไจ่ไจ๋ยังคงระบายความในใจออกมา
"บ้านเราเพิ่งจะมีความสุขกันได้ไม่นานเอง ผมเพิ่งสัมผัสกับคำว่าครอบครัวอย่างแท้จริงเมื่อไม่นานมานี้เอง แล้วทำไม.....ทำไม....."  เจอร์รี่ลูบหลังให้น้องเป็นเชิงปลอบใจ ที่เขาพยายามพูดกระตุ้นอารมณ์ก็เพราะอยากให้น้องระบายอารมณ์ออกมาเพื่อจะได้สบายใจขึ้น
"ไม่มีใครเข้ามาแทรกระหว่างเราสี่คนได้หรอก"  เสียงที่เอ่ยขึ้นทำให้เจอร์รี่รีบหันไปทางต้นเสียง และไจ่ไจ๋เองก็หยุดเสียงสะอื้นเช่นกัน
"ระหว่างพวกเราสี่คนทุกอย่างจะไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อนายเรียกหาพี่ก็จะมาหา เมื่อนายต้องการที่ระบายพี่ก็จะรับฟัง เมื่อนายร้องไห้พี่ก็จะมายืนอยู่ตรงนี้เหมือนเดิม"  แวนเนสพูดจบก็เดินเข้าไปกอดน้องชาย
"ความรักที่พี่มีให้นายมันจะไม่มีวันลดลง แล้วพี่ก็จะไม่เอาความรักในส่วนนี้ไปแบ่งให้ใครด้วย"  ไจ่ไจ๋ได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก
"เด็กโง่....พี่แต่งงานแต่ไม่ใช่ว่าจะย้ายออกไปไหนนี่นา แค่มีพี่สาวมาเพิ่มให้นายอีกคนไม่ดีหรอ?"  แวนเนสกอดน้องชายแน่นขึ้นกว่าเดิม
"พี่รองสัญญานะว่าจะไม่ย้ายออก"  ไจ่ไจ๋ทวงคำสัญญาเสียงอู้อี้
"ไม่สัญญาได้มั๊ย? เพราะพี่ไม่แน่ใจเรื่องในอนาคต"  แวนเนสดันตัวน้องออกห่างเล็กน้อย
"แต่สิ่งที่พี่จะสามารถให้คำมั่นกับนายได้ก็คือ...."  แวนเนสหยุดพูดเล็กน้อย
"งานแต่งงานของพี่จะยังไม่เกิดขึ้นภายในปีนี้หรอก"  คำพูดของแวนเนสทำให้ทั้งเจอร์รี่และไจ่ไจ๋ขมวดคิ้วไปตามๆกัน
"ลืมกันไปแล้วหรอว่าพี่น่ะมีสัญญากับทางบริษัทว่าจะไม่แต่งงานภายใน 5 ปีนับแต่วันที่ได้ทำสัญญา ไม่อย่างงั้นพี่คงโดนเรียกค่าเสียหายฐานที่ผิดสัญญาบานตะไทแหงๆ"  แวนเนสเฉลย
"จริงด้วย!"  ไจ่ไจ๋ร้องออกมาอย่างดีใจ
"เพราะฉะนั้นนี่มันเพิ่งผ่านมาสองปีเอง ยังเหลืออีกตั้งสามปีแหนะ"  แวนเนสพูดต่อ
"แล้วพี่กลอเรียไม่ว่าอะไรหรอ?"  ไจ่ไจ๋ยังมีแก่ใจคิดถึงกลอเรีย
"กลอเรียน่ะรู้ถึงข้อนี้ดีอยู่แล้ว และหนึ่งในข้อคัดค้านของกลอเรียที่ยังไม่ยอมแต่งงานกับพี่ก็เพราะเรื่องสัญญานี่ด้วยแหละ"  แวนเนสพูดจบแล้วก็เอามือเช็ดน้ำตาให้น้องชาย
"ไอ้ขี้แย อายุกี่ขวบแล้วเรา? ยังจะมาทำหวงพี่ชายเหมือนเด็กไปได้"  เอ่ยแซวน้องออกมาอีก
"ไม่ต้องมาแซวเลย ดีหละ....ในระหว่างนี้ผมจะหาทางแต่งงานก่อนพี่รองให้ได้ ดูซิ....ว่าจะมีใครร้องไห้ขี้มูกโป่งเพราะหวงน้องชายที่แสนจะน่ารักคนนี้หรือเปล่า"  ไจ่ไจ๋ได้ทีพูดยอตัวเอง ทำให้พี่ชายทั้งคู่ได้แต่ส่ายหน้าไปตามๆกัน
"เบื่อจริงๆ ไอ้พวกที่ดีแต่ปากเนี่ย!"  แวนเนสผลักหัวน้องเบาๆอย่างหมั่นไส้
"ไม่พูดด้วยแล้ว ไปซื้อขนมกันดีกว่า!"  ไจ่ไจ๋ได้ยินคำพูดจากปากพี่ชายแล้วก็สบายใจ อารมณ์กลับมาดีเหมือนเดิม
"ค่อยๆเดินก็ได้!"  เจอร์รี่ร้องบอกน้องเล็กที่วิ่งนำไปก่อน
"ไม่ได้! ผมต้องใช้เวลาเลือกนานหน่อย คนจ่ายตังค์ค่อยตามมาทีหลังนะ!"  พูดจบก็หันมาทำหน้าทะเล้นใส่ก่อนจะวิ่งตรงไปที่ร้านขายขนมอย่างร่าเริง
"เชื่อมันเลย! เมื่อกี้ยังร้องไห้อย่างกับญาติเสีย แต่จู่ๆก็ลุกมากระโดดโลดเต้นได้"  เจอร์รี่บ่นเจ้าน้องคนเล็กเป็นเชิงเอ็นดูก่อนจะชวนแวนเนสเดินตามน้องเล็ก
"ว่าแต่นายเถอะ ทำไมถึงตามออกมา?"  แล้วก็หันมาถามน้องบ้าง
"พอดีพ่อแม่เข้าไปช่วยทำด้วยน่ะ แต่สุดท้ายทุกคนลงความเห็นกันว่าชั้นเป็นตัวเกะกะเลยโดนไล่ออกมา ชั้นรู้มาว่าพวกนายออกมาข้างนอกเลยเดินตามมา"  แวนเนสตอบ
"หรอ?"  เจอร์รี่ทำเสียงเป็นเชิงถามแต่ไม่ได้ต้องการคำตอบเพราะพอจะรู้ว่าแวนเนสเองก็น่าจะเดาความรู้สึกของน้องเล็กได้
"อันที่จริง....ที่ชั้นตามออกมาเพราะเห็นสีหน้าซึมๆของน้องน่ะ"  แวนเนสบอกว่าจริงกับพี่ชายซึ่งเจอร์รี่เองก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะคนทั้งบ้านสามารถเดาอารมณ์ของน้องเล็กได้อยู่แล้ว
"ก็อย่างงี้แหละ น้อยใจไม่เข้าท่า"  พี่ใหญ่พูดเหมือนจะตัดบท
"แล้วนายหละ?"  แวนเนสย้อนถาม
"หา?"  เจอร์รี่ทำเสียงเหมือนไม่เข้าใจ
"ชั้นถามว่านายน่ะรู้สึกเหมือนไจ่ไจ๋มันหรือเปล่า?"  แวนเนสถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"หมดตัวป่วนไปซักคน ชีวิตชั้นคงสงบลงเยอะ"  เจอร์รี่แกล้งพูดแหย่น้อง
"พูดเล่นอีกแล้ว! ชั้นกำลังถามจริงๆนะ"  แวนเนสแหวใส่พี่ชายอย่างหมดอารมณ์
"โอ๋ๆๆๆ แค่นี้ทำหงุดหงิดไปได้....."  พี่ใหญ่เอื้อมมือไปขยี้หัวน้อง
"เอาหละ....ชั้นก็ยอมรับว่ามันรู้สึกใจหายไม่น้อย แต่อีกส่วนนึงชั้นก็ดีใจกับนายจริงๆ"  พี่ใหญ่เลื่อนมือมาตบไหล่น้องเบาๆ
"เพราะความสุขของนายก็คือความสุขของพี่"  แวนเนสมองพี่ชายด้วยความซาบซึ้ง  
"ขอบคุณครับ"  แวนเนสพูดกับพี่ชายเบาๆแล้วโอบเอวพี่ชายเดินตามน้องเล็กไป




 

Create Date : 20 กันยายน 2558    
Last Update : 20 กันยายน 2558 22:20:48 น.
Counter : 878 Pageviews.  

Chapter 90

ตอนที่ 90

"หาววว...."  เจอร์รี่อ้าปากหาวเมื่อถูกปลุกด้วยเสียงรถยนต์เร่งเครื่องอยู่หน้าบ้าน เขาลุกขึ้นมาอย่างงัวเงียก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาตีสาม 
"ใครกันวะ!"  บ่นพึมพำอย่างหงุดหงิดแล้วเดินออกไปดู
"นั่นงัยมาแล้ว!"  เสียงอ้อแอ้ของแวนเนสดังขึ้นพร้อมกับชี้มายังพี่ชาย เจอร์รี่ขมวดคิ้วความง่วงสร่างหายไปทันทีเขารีบตรงเข้าไปหาน้อง
"พวกชั้นพาเด็กในปกครองมาส่ง"  เมื่อเดินมาถึงเจอร์รี่ก็รู้ทันทีว่าแวนเนสออกไปกับใครซึ่งก็ไม่ได้เกินไปกว่าสิ่งที่เขาคาดเดาไว้เลย
"ขอบคุณ"  เจอร์รี่ว่าแล้วก็เปิดประตูออก
"นายกลับมาเร็วจัง ชั้นนึกว่านายจะกลับมาพร้อมเสี้ยวเทียนซะอีก"  แวนเนสพูดเสียงยานๆเหมือนคนเมา
"อย่าพูดมากน่า!"  ดุน้องเบาๆก่อนจะเอาแขนน้องพาดไหล่ตัวเองเพื่อพยุงร่างน้องไว้
"ถ้านายไม่บังคับให้มันกลับบ้านคงไม่ลำบากกันแบบนี้"  หนึ่งในคนที่พามาส่งพูดกับเจอร์รี่เป็นเชิงต่อว่า
"แวนเนสเขามีบ้านไม่ใช่คนร่อนเร่ข้างถนน เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะไปทำอะไรที่ไหนก็แล้วแต่เขาต้องกลับบ้าน นี่คือกฎของบ้านเรา"  เจอร์รี่พูดเสียงแข็ง
"ยังงัยก็ขอบคุณมากที่พามาส่ง"  พูดจบเจอร์รี่ก็ปิดประตูอย่างไม่สนใจ
"ขอบใจโว้ย! วันหลังมารับไปเที่ยวกันอีกนะ!"  แวนเนสตะโกนบอกเพื่อนในขณะที่ถูกพี่ชายลากเข้าบ้าน
"วันนี้ชั้นสนุกมาก! ไว้วันหลังชั้นจะเลี้ยงพวกนายอีก!"  แวนเนสยังตะโกนต่อ
"หุบปากได้แล้ว! เกรงใจชาวบ้านชาวช่องเขาบ้าง!"  เจอร์รี่ทำเสียงเข้มใส่เจ้าน้องชายตัวดี
"ชูววววว์"  ได้ยินดังนั้นแวนเนสเลยเอานิ้วชี้ทาบที่ปากพร้อมกับทำเสียงเบาๆ 
"เฮ่อ!"  เจอร์รี่ถอนหายใจเฮือกเพราะรู้ว่าแวนเนสเมาเละเทะจนแทบไม่มีสติ
"เมาเหมือนหมา!"  บ่นน้องชายแล้วเหวี่ยงร่างน้องลงบนโซฟาที่เขาใช้หลับนอนเมื่อซักครู่
"วันนี้สนุกจริงๆ!!"  แวนเนสร้องเสียงดังขึ้นมาอีก
"แวนเนส!!!"  พี่ใหญ่เรียกน้องเสียงเข้มขึ้นตามลำดับ
"ทำไมต้องดุด้วย? ชั้นกำลังสนุก"  แวนเนสต่อว่าพี่ชายพร้อมกับทำปากเบ้เหมือนเด็ก พี่ใหญ่จึงได้แต่ส่ายหน้าแล้วเดินหายไปหยิบผ้าขนหนูพร้อมกับกะละมังใบเล็กที่ใส่น้ำมา
"ทำไมเมาเละเทะแบบนี้ มีปัญหาอะไรก็น่าจะคุยกันได้ ไม่เห็นต้องไปกินเหล้าหัวราน้ำแบบนี้เลย"  แม้จะรู้ว่าบ่นไปน้องก็คงไม่รับรู้เพราะตอนนี้แวนเนสไมีมีสติสตังอยู่เลยแต่เจอร์รี่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องพูด
"คุยไม่ได้.....เขาไม่คุย.....คุยไม่ได้หรอก....."  แวนเนสเถียงเสียงอ้อแอ้ 
"เงียบไปเลย!"  เจอร์รี่ดีดหน้าผากน้องด้วยความหมั่นไส้ แล้วเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้น้องชาย
"ชั้นทำเองได้ ชั้นไม่เมานะ"  แวนเนสว่าแล้วก็แย่งผ้าขนหนูจากพี่ชายมาเช็ดหน้าตัวเองแรงๆ
"เฮ้ย! จะเช็ดให้ลูกกะตามันหลุดออกมาเลยหรืองัย? เอามานี่!"  เจอร์รี่ว่าแล้วก็แย่งผ้าขนหนูกลับคืนมา
"ชั้นทำเอง! ชั้นทำเอง!"  แวนเนสโวยวายแล้วจะแย่งผ้าขนหนูมาอีกแต่เจอร์รี่ยกผ้าขึ้นสูงแวนเนสจึงพลาดท่าหน้าทิ่มลงมาแล้วยังไปคว้ากะละมังใบที่ใส่น้ำอยู่หกเลอะเทอะอีก
"โอ้ย!!! ชั้นอยากจะบ้าตาย!"  เจอร์รี่มองดูผลงานของเจ้าน้องชายตัวแสบก่อนจะบ่นอย่างหัวเสีย ในขณะที่แวนเนสหัวเราะชอบใจ
"ชั้นชนะ! นายทำน้ำหก!"  แวนเนสว่าแล้วโทษว่าเป็นความผิดของพี่ชาย
"นายน่ะสิทำ! มันน่านัก...."  พี่ใหญ่ว่าพร้อมกับยกมือขึ้นจะตีให้เจ็บๆเสียทีเผื่อจะหายเมาบ้าง แต่แล้วก็ลดมือลงเพราะรู้ว่าน้องเมาจะไม่รู้ตัวว่าทำอะไรอยู่หากตีลงไปก็มีแต่จะทำให้น้องเจ็บเปล่า 
"นายนี่มันจริงๆเลย! เสื้อผ้าเปียกหมดแล้ว ถอดออกมาเลย!"  พี่ใหญ่ทำได้เพียงแต่ดุน้อง
"ได้ๆๆๆ ชั้นจะถอดเสื้อออก ไม่เห็นต้องดุเลยนี่"  แวนเนสพูดเสียงอ้อแอ้แล้วใช้มือดึงที่เสื้อบริเวณหน้าอกคล้ายจะแกะกระดุมออกทั้งที่เสื้อที่ใส่อยู่เป็นเสื้อยืดธรรมดา
"เฮ้ย! ไม่ได้เรื่องแล้วหละ"  เจอร์รี่เห็นก็ต้องส่ายหน้าอีกเป็นครั้งที่ร้อย
"ไป....ชั้นพาไปนอน"  เมื่อเห็นดังนั้นเจอร์รี่จึงละมือจากภารกิจที่ต้องเช็ดล้างสิ่งที่น้องทำเลอะเทอะไว้มาพาเจ้าน้องชายร่างใหญ่ขึ้นไปนอน
"ไปนอนๆๆๆๆ"  แวนเนสรับคำแล้วกางแขนออกเหมือนเด็กจะให้อุ้ม
"อุ้มไม่ไหว! จะบ้าหรืองัย! ตัวอย่างกับยักษ์!"  เอ็ดใส่น้องอีก
"ไม่อุ้มก็ไม่นอน"  แวนเนสส่ายหน้าดิกแล้วขืนตัวไว้
"เดี๋ยวโดนตีนะ"  เจอร์รี่เลยต้องขู่ แวนเนสทำหน้าเหมือนเด็กกลัวความผิดแต่ก็ยังส่ายหน้า
"ไม่เอาสิ อย่างอแงนะ ขึ้นไปนอนดีๆแล้วพี่ใหญ่จะรัก"  เมื่อขู่ไม่ได้เลยต้องปลอบแทน 
"แล้วคนอื่นรักมั๊ย?"  แวนเนสเงยหน้าถามพี่ชาย
"รักสิ"  เจอร์รี่ตอบ
"กลอเรียด้วยหรอ?"  พอได้ยินคำถามนี้เจอร์รี่ก็ถึงกับนิ่งไป
"กลอเรียยิ่งรักมากเลย"  พอได้ยินเช่นนี้แวนเนสก็ยิ้มออกแล้วลุกพรวดขึ้นทันที
"งั้นไปนอน กลอเรียจะได้รัก"  ด้วยความเมาจึงทำให้แวนเนสทรงตัวได้ไม่ดีนักดีที่เจอร์รี่คว้าตัวน้องได้ทันก่อนจะล้มลงไป
"ระวังหน่อยสิ"  เอ่ยเตือนน้องชายแล้วช่วยพยุงน้องไปที่ห้องนอนของตัวเองอย่างทุลักทุเล
"ถึงแล้วๆๆๆ"  เจอร์รี่พูดอย่างดีใจที่ลากตัวน้องมาถึงที่หมายเสียที
"นั่งนี่ก่อน ต้องถอดเสื้อผ้าเปียกๆออกด้วยไม่งั้นเดี๋ยวปอดบวม"  เจอร์รี่จับให้น้องนั่งบนเก้าอี้ก่อนจะจัดแจงถอดเสื้อผ้าน้องออกจนเหลือแต่กางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียว
"ไปนอน"  แวนเนสว่าแล้วก็เดินโซซัดโซเซไปล้มตัวนอนที่เตียง
"อ้าวเฮ้ย! ยังไม่ทันใส่เสื้อผ้าเลย!"  เจอร์รี่ร้องบอกแต่สายไปซะแล้วเพราะแวนเนสนอนแผ่หราบนเตียงเป็นที่เรียบร้อย
"เฮ่อ! วันหลังเมาแบบนี้อีกจะตีให้หัวแตกเลย!"  บ่นพึมพำกับตัวเองแล้วเดินมาจัดแจงให้น้องนอนดีๆ ก่อนจะห่มผ้าให้อย่างมิดชิดและปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศให้อุ่นขึ้นเพราะกลัวน้องจะหนาว
"พี่คนนี้ต้องเป็นขี้ข้าเราไปจนตายเลยมั้งเนี่ย!"  พี่ใหญ่ว่าในขณะที่มองเจ้าน้องชายตัวดีด้วยความห่วงใย
"อย่าคิดมากเลยนะไอ้ลูกลิง....ถึงปัญหาจะหนักหนาแต่พี่ก็อยู่ตรงนี้เสมอนะ"  พูดพลางลูบหัวน้องชายซึ่งตอนนี้หลับสนิทไปแล้ว
"ขอให้นายตื่นมาแล้วเจอกับวันที่สดใสในวันพรุ่งนี้"  พูดจบก็จูบเบาๆที่หน้าผากน้องชายก่อนจะปิดไฟแล้วเดินออกไปเงียบๆ   

- ตอนเช้า -
"พี่ใหญ่! ทำไมยังไม่ตื่นอีกเนี่ย! ไม่ไปทำงานแล้วใช่มั๊ย!?"  ไจ่ไจ๋ขึ้นไปนั่งบนเตียงของพี่ชายพร้อมกับเขย่าตัวร่างใหญ่ที่นอนหันหลังให้เขา
"โอ้ย! หยุดเขย่าซักที!"  น้ำเสียงหงุดหงิดที่ถูกปลุกขึ้นมาทั้งที่ยังนอนได้ไม่เต็มอิ่มทำให้ไจ่ไจ๋หยุดมือ
"ผมจะไปมหาลัยแล้ว แค่แวะมาดูว่าทำไมพี่ใหญ่ยังไม่ตื่น"  น้องเล็กพูดเสียงอ่อยลงเพราะดูเหมือนเขาจะทำให้พี่ชายหงุดหงิด
"พี่ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ เพิ่งได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเอง"  เจอร์รี่พลิกตัวกลับมาเมื่อได้ยินเสียงอ่อยๆของน้องชายที่ดูเหมือนจะหวาดๆกับคำพูดของเขาอยู่ไม่น้อย
"ขอบใจที่เข้ามาปลุก ไปเรียนเถอะไป....."  ว่าพร้อมกับเอามือขยี้หัวน้องชายเบาๆ
"งั้นผมไปก่อนนะ"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ลุกขึ้นแต่ก่อนที่จะเดินออกไปก็หันกลับมาเหมือนนึกอะไรได้
"พี่ใหญ่ครับ แล้วเมื่อคืนพี่รองไม่ได้กลับบ้านหรอ?"  หันกลับมาถามอย่างนึกขึ้นมาได้
"หืม?"  เจอร์รี่ทำหน้าแปลกใจเพราะกำลังประมวลผลในสมองขณะที่กำลังมึนๆอยู่
"เมื่อคืนก็กลับมานี่ น่าจะหลับอยู่"  คำตอบของเขาทำให้น้องชายส่ายหน้า
"ไม่มีครับ ผมเข้าไปดูแล้วไม่เห็นเลย หาทั่วบ้านก็ไม่เจอ"  คราวนี้คนที่ต้องงุนงงกลับกลายเป็นเขา เมื่อคืนแวนเนสเมาอย่างกับอะไรดีทำไมถึงได้สร่างเมาเร็วจนขนาดออกไปข้างนอกได้ด้วยตัวเอง
"แน่ใจนะไจ่ไจ๋?"  เจอร์รี่ลุกขึ้นมาพร้อมกับจับไหล่น้องแล้วถามย้ำ
"แน่ใจครับ ไม่เชื่อพี่ใหญ่ไปดูได้เลย"  ไจ่ไจ๋ตอบอย่างงงๆ ดังนั้นพี่ใหญ่จึงเดินหายออกไปครู่หนึ่งก็กลับมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
"จะไปไหนได้...."  พึมพำกับตัวเอง
"เกิดอะไรขึ้นหรอครับ? พี่รองหายไปไหน?"  น้องเล็กซักถามอย่างเริ่มรู้สึกห่วงพี่ชายด้วยเหมือนกันเพราะจากสีหน้าของพี่ใหญ่ก็พอจะบ่งบอกได้ว่าเรื่องนี้ไม่ปกติเท่าไหร่
"ไม่มีอะไรหรอก นายไม่ต้องห่วงนะพี่จะหาพี่รองเอง ไปเรียนเถอะ"  พี่ใหญ่พูดรับรองเพราะไม่อยากให้น้องขาดเรียนทั้งที่เพิ่งจะเปิดเทอม
"ผมไปสายหน่อยก็ได้ ผมห่วงพี่รอง"  คำพูดของน้องทำให้เจอร์รี่รู้ว่าน้องไม่ได้โกหก หลังจากครุ่นคิดอยู่ซักครู่เจอร์รี่จึงพยักหน้า
"เอางั้นก็ได้ แต่นายโทรไปบอกเพื่อนไว้ก่อนหากว่ามีอะไรสำคัญให้เพื่อนช่วยเก็บไว้ให้ก่อนนะ"  ไม่วายห่วงเรื่องการเรียนของน้องด้วย
"ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะโทรบอกเพื่อนเดี๋ยวนี้เลย"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเพื่อน ส่วนเจอร์รี่เดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
"นายลองโทรหาพี่รองหน่อย"  พี่ใหญ่สั่งการ ซึ่งไจ่ไจ๋ก็ทำตามทันที แต่ผลที่ได้คือแวนเนสไม่รับสาย
"พี่รองไม่รับสายเลย"  น้องเล็กรายงานแล้วกดไปหาพี่ชายอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าแวนเนสจะไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปด้วยเพราะไจ่ไจ๋เดินตามเสียงโทรศัพท์ที่แว่วมาแล้วพบมันร้องดังอยู่ในห้องนอนของแวนเนส
"ไอ้บ้านี่! รู้งี้เมื่อคืนน่าจะจับมัดมือมัดเท้าไว้ซะเลย!"  เจอร์รี่ออกอาการหงุดหงิดขึ้นมา 
"แบบนั้นจะโดนข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวนะ"  ไจ่ไจ๋แย้ง พี่ใหญ่มองหน้าน้องเล็กก่อนจะถอนหายใจ
"พี่เปลี่ยนชุดก่อนแล้วเราออกไปเดินหาแถวๆนี้กัน"  พูดจบเจอร์รี่ก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าในขณะที่ไจ่ไจ๋ทำหน้าครุ่นคิด
"พี่ใหญ่ครับ เราจะโทรไปบอกพ่อแม่ดีมั๊ย? ถ้าพ่อแม่กลับมาน่าจะดีนะ"  ไจ่ไจ๋ถามความเห็นพี่ชาย
"เรื่องนั้นไว้ก่อน พี่ว่าเราไปหาไอ้พี่ชายตัวดีของนายก่อนเถอะ ไม่รู้เดินเมาไปไหนจนรถชนตายแล้วหรือเปล่า"  เจอร์รี่พูดจบก็เปลี่ยนชุดเสร็จพอดี
"ไป...."  พยักหน้ากับน้องชายก่อนจะจูงมือน้องออกจากบ้าน แล้วเดินหาแวนเนส
"ทำไมหมู่นี้มันมีแต่เรื่องนะ สงสัยเราต้องหาเวลาไปทำบุญกันบ้างแล้ว"  ไจ่ไจ๋บ่นกระปอดกระแปดพร้อมกับปาดเหงื่อที่ไหลซึมออกมา
"พี่ก็ว่างั้นแหละ เรื่องเจ้าพี่กลางยังไม่ทันจบดีเรื่องเจ้าพี่รองก็มาอีกแล้วแถมไม่รู้ด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้น"  เจอร์รี่เห็นด้วยกลับน้องแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ
"ไม่น่าจะไปไหนได้ไกล"  พึมพำออกมาเบาๆ 
"หรือว่าไปหาอะไรกิน?"  ไจ่ไจ๋ให้ความเห็น
"คนมันทะเลาะกับแฟนจะมีกะจิตกะใจกินอะไรเข้าไปอย่างงั้นหรอ?"  ย้อนถามน้องเป็นเชิงไม่เห็นด้วย
"อ้าวหรอ? ไม่รู้สิ ไม่เคยทะเลาะกับแฟน"  ไจ่ไจ๋ลอยหน้าลอยตาจนพี่ชายรู้สึกหมั่นไส้จึงเขกหัวเข้าให้ซักที
"โอ้ย! พี่ใหญ่หนิ...."  ไจ่ไจ๋หน้ามุ่ยเล็กน้อย
"นี่มันใช่เวลาพูดเล่นกันหรืองัย?"  เจอร์รี่ทำเสียงดุ ในขณะที่ไจ่ไจ๋ยังหน้ามุ่ยไม่หาย
"ชาติหน้ามีจริงขออย่าได้เกิดมาเป็นพี่ชายคนโตอีกเลย"  เจอร์รี่บ่นอุบอิบอย่างเหนื่อยใจ น้องเล็กเบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะทำตาโต
"นั่นงัย!!! พี่รองอยู่นั่นงัย!!!"  ร้องเสียงดังพร้อมกับชี้ไปที่แวนเนสก่อนจะวิ่งแจ้นเข้าไปหาพี่ชาย
"เฮ่อ!"  พี่ใหญ่ถอนหายใจโล่งอกแล้วรีบเดินตามไจ่ไจ๋ไป
"ทำไมพี่รองออกมาเงียบๆไม่บอกไม่กล่าวใครแบบนี้หละครับ? ผมกับพี่ใหญ่เป็นห่วงแทบแย่"  ไจ่ไจ๋ยิงคำถามใส่พี่ชายที่นั่งหงอยๆอยู่บนชิงช้าในสนามเด็กเล่น
"พี่เห็นว่ายังไม่มีใครตื่น"  แวนเนสตอบหน้าตาท่าทางเหมือนคนไม่มีวิญญาณ
"เกิดอะไรขึ้น? อยากเล่าให้เราฟังมั๊ย?"  พี่ใหญ่ถามแบบกว้างๆ
"ไม่มีอะไร"  แวนเนสปฏิเสธทั้งที่สายตายังเหม่อลอย
"ยังจะมาว่าไม่มีอะไรอีก! พี่ทะเลาะกับพี่กลอเรียด้วยเรื่องอะไร? ผมเห็นว่าทั้งพี่กับพี่กลอเรียก็ซึมไม่ต่างจากกันเท่าไหร่หรอก!"  ไจ่ไจ๋อดปากไว้ไม่ได้จึงโพล่งออกมา
"ไม่ได้ทะเลาะกัน เราไม่ได้ทะเลาะกัน"  แวนเนสพูดเสียงแผ่ว
"ที่ร้านมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?"  เจอร์รี่ถามต่อ แวนเนสส่ายหน้าเล็กน้อย
"ชั้นอยากอยู่เงียบๆ"  ก่อนที่ใครจะได้พูดอะไรต่อแวนเนสก็ตัดบทเอาดื้อๆ
"พี่รองเป็นแบบนี้แล้วใครอยากจะปล่อยให้พี่อยู่คนเดียวหละ?"  ไจ่ไจ๋เริ่มโวยวายเพราะหงุดหงิดที่เห็นพี่ชายซึมกระทือแบบนี้
"อย่าโวยวายน่า!"  เจอร์รี่เอ็ดน้องเล็กเบาๆ ก่อนจะพูดกับแวนเนสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ได้....เราจะปล่อยให้นายอยู่เงียบๆ แต่กลับไปที่บ้านก่อนเถอะเพราะเดี๋ยวชั้นกับน้องก็จะออกไปทำงานไปเรียนกันแล้ว"  เอ่ยชวนพร้อมกับยื่นมือไปหา แวนเนสเงยหน้ามองพี่ชายเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือไปให้พี่ชาย 
"ทำไมตัวเย็นแบบนี้? ออกมานั่งตั้งแต่กี่โมง?"  เมื่อสัมผัสตัวน้องพี่ใหญ่ก็ขมวดคิ้ว
"ไม่รู้" ท่าทางเลื่อนลอยของแวนเนสทำให้ไจ่ไจ๋พลอยกังวลไปด้วย
"ปล่อยไว้คนเดียวไม่ได้นะพี่ใหญ่"  ไจ่ไจ๋กระซิบบอกพี่ชาย
"รู้แล้วน่า!"  เจอร์รี่พูดแบบไม่ออกเสียงเพราะไม่อยากให้แวนเนสรำคาญ
"นายไปเรียนก่อน เดี๋ยวพี่จัดการเอง"  บอกกับน้องเล็กอีกครั้งแล้วพอแวนเนสเดินกลับบ้าน โดยมีไจ่ไจ๋เดินตามด้วยท่าทีหงุดหงิดไม่เลิก
"ผมจะโทรบอกพ่อแม่ให้รีบกลับบ้าน พี่รองท่าจะแย่นะเนี่ย"  เมื่อกลับมาถึงบ้านเจอร์รี่ก็ปล่อยให้แวนเนสนอนแหมะอยู่ในห้องนั่งเล่นส่วนตัวเองก็เดินเข้าห้องครัวเพื่อจะหาเครื่องดื่มไปให้น้องชาย ส่วนไจ่ไจ๋นั้นเดินตามติดเข้ามาด้วย
"ไม่แย่ขนาดนั้นหรอก"  เจอร์รี่ว่าแล้วก็ชงน้ำขิงไปด้วย
"นี่ยังไม่เรียกว่าแย่อีกหรอ? ผมว่าแบบนี้เหมือนกับวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว"  น้องเล็กแย้ง
"เอาน่า! เรื่องของผู้ใหญ่น่ะ!"  พี่ใหญ่อดไม่ได้ที่จะต้องหันมาหยิกแก้มเจ้าน้องชายตัวดี
"เรื่องของผู้ใหญ่อีกแล้ว ผมน่ะ...."  ไจ่ไจ๋ตั้งท่าจะเถียงแต่โดนพี่ชายพูดแทรกขึ้นมาก่อน
"ไปเรียนได้แล้ว ไอ้เด็กดื้อ!"  น้องเล็กทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชาย
"ทำไมผมต้องเชื่อด้วย? ผมเป็นเด็กดื้อหนิ"  ไจ่ไจ๋เถียง
"ไอ้....."  เจอร์รี่ถึงกับเถียงไม่ออกแต่แล้วก็ฝืนยิ้มให้น้อง
"ไปเรียนได้แล้วครับ เด็กดี...."  ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ค้อนใส่พี่ชายก่อนจะหันหลังอย่างติดไม่ค่อยจะพอใจซักเท่าไหร่นัก 
"จริงๆเลย"  เจอร์รี่บ่นแล้วเทน้ำขิงใส่แก้ว
"เออพี่ใหญ่!"  เสียงน้องเล็กทำให้เจอร์รี่ต้องหยุดมือ
"อะไรอีก?"  ถามน้องกลับไปอย่างเอือมๆ
"เป็นไปได้หรือเปล่าว่าพี่รองกับพี่กลอเรียจะไม่ได้ทะเลาะกันจริงๆ เพียงแต่อาจจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นในตอนที่พวกพี่เขายังไม่พร้อม"  ไจ่ไจ๋เลี่ยงที่จะไปพูดตรงๆ
"เกิดเรื่องอะไรของนายวะ?"  พี่ใหญ่ไม่เข้าใจความหมาย
"โธ่! ทำไมพี่ใหญ่ถึงได้ซื่อแบบนี้น่ะ! ก็ปัญหาที่คนเป็นแฟนกันแต่.....แต่....มันมีใครบางคนโผล่มา....."  น้องเล็กพยายามอธิบายแบบหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึง
"นายหมายความว่ามีมือที่สาม?"  เจอร์รี่ก็ยังไม่เข้าใจน้องอยู่ดี ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
"ผมหมายความว่าเป็นไปได้มั๊ยที่พี่กลอเรียจะมีน้อง?"  เมื่อเห็นว่ายังงัยแล้วพี่ชายคงไม่เข้าใจไจ่ไจ๋จึงพูดออกไปตามตรง
"เฮ้ยยย!!!"  เจอร์รี่อุทานเสียงดังลั่น
"จะบ้าหรอ! ไม่มีทางหรอก!"  พี่ใหญ่หรี่เสียงลงทั้งที่ตัวเองก็หวั่นๆกับสิ่งที่น้องสงสัย
"ก็แค่เป็นทางเลือกให้คิด ผมไปเรียนก่อนแล้วกัน"  ไจ่ไจ๋ทิ้งระเบิดให้พี่ชายก่อนจะหนีไปเรียนหน้าตาเฉย
"เฮ้ย! อย่าเพิ่งไปดิวะ! มาช่วยกันคิดก่อน!"  เจอร์รี่ร้องเรียกแต่ไจ่ไจ๋กลับเดินไปหยิบของแล้วโผล่หน้ากลับเข้ามาโบกมือลาพี่ชายเอาดื้อๆ
"ไอ้เด็กคนนี้!"  เจอร์รี่มองตามอย่างเคืองๆแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขายืนมองน้ำขิงที่เพิ่งชงเสร็จก่อนจะถอนหายใจยาว
"เอาวะ! พูดก็พูด"  ว่าแล้วเจอร์รี่ก็ถือแก้วเครื่องดื่มนั้นเดินออกมาหาแวนเนส
"ดื่มซักหน่อยสิ"  วางแก้วลงตรงหน้าแวนเนสพร้อมกับบอกเสียงเรียบ แต่แวนเนสกลับนั่งมองอย่างเดียว
"เอาหละ.....นายเองก็โตแล้ว ไอ้เรื่องที่จะมีอะไรมันก็....."  เจอร์รี่เองก็รู้สึกกระดากที่จะพูดถึงเรื่องนี้แม้ว่าน้องจะเป็นผู้ชายแต่เรื่องแบบนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว
"ชั้นไม่อยากก้าวก่ายนะเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ในเมื่อนายได้ทำลงไปแล้วก็ต้องยอมรับผิดชอบในผลที่เกิดขึ้นด้วย อย่าผลักภาระไปให้ใครเพียงคนเดียว"  แวนเนสเงยหน้ามองพี่ชายด้วยความงุนงง
"แต่ชั้นคิดว่าหากนายทำให้มันถูกต้องซะก็น่าจะเป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย เราเองก็เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปส่วนกลอเรียเขาก็เป็นผู้หญิง"  คำพูดของพี่ชายยิ่งทำให้แวนเนสต้องงงหนักกว่าเดิม
"นี่นายกำลังจะบอกอะไร?"  แวนเนสถาม
"ที่ชั้นจะบอกก็บอกไปหมดแล้วนี่"  เจอร์รี่ตอบ
"นายพูดเหมือนกับว่าชั้นกับกลอเรีย....."  แวนเนสเริ่มหน้ายุ่ง
"ก็....ก็บอกแล้วว่ามันเรื่องส่วนตัวของนายสองคน....."  พี่ใหญ่อึกอัก
"โอ้ย! ชั้นอยากจะบ้าตาย!"  แวนเนสร้องออกมาก่อนจะเดินหนีขึ้นห้องไป
"อะไรวะ? ชั้นก็ไม่ได้พูดออกมาตรงๆซะหน่อย ไม่เห็นต้องโมโหเลย"  เจอร์รี่พึมพำแล้วก็ได้แต่มองตามหลังน้องชายเท่านั้น

- ที่มหาวิทยาลัยของไจ่ไจ๋ -
"ยังปรับตัวไม่ได้อีกหรอคะ"  คำถามที่ดังขึ้นนั้นทำให้ไจ่ไจ๋ที่นั่งเหม่อปล่อยความคิดไปต่างๆนานาถึงกับสะดุ้ง
"อ้าว! มาแล้วหรอหลิงหลิง"  เอ่ยทักแฟนสาวพร้อมกับปรับสีหน้าให้มีรอยยิ้ม
"มาได้ซักพักแล้วแต่เห็นพี่นั่งเงียบๆเลยไม่อยากกวน"  หลิงเอ๋อตอบแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
"พี่ไจ่ไจ๋เป็นอะไรไปหรอ? ทำหน้าเหมือนกับกำลังเครียดอย่างนั้นแหละ"  คำถามนั้นทำให้ไจ่ไจ๋เงียบไป
"ความจริงพี่ก็กำลังมีเรื่องให้คิดนิดหน่อย...."  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
"จริงสิ! พี่ไม่น่าโง่เลย! แหล่งข่าวก็อยู่ตรงนี้แล้ว!"  ไจ่ไจ๋เพิ่งนึกออกว่าแฟนสาวรุ่นน้องเป็นแฟนคลับของพี่ชายตัวเองเช่นกัน
"อะไรคะ?"  หญิงสาวทำหน้างงๆ
"พักนี้ได้ตามข่าวพี่รองของพี่บ้างมั๊ย?"  ไจ่ไจ๋ถามอย่างมีความหวัง
"ค่ะ....ช่วงนี้เว็บแทบล่มเพราะข่าวนั่นแหละ"  เธอตอบพร้อมกับย่นจมูกเล็กน้อย
"ข่าว? ข่าวอะไรหรอหลิงหลิง?"  ไจ่ไจ๋ถามซักต่อ
"เอ.....พี่ไม่รู้หรอคะ? ข่าวออกจะดัง"  หลิงเอ๋อมีท่าทีแปลกใจ
"ไม่รู้เลย ตกลงมีข่าวอะไรหรอ?"  ไจ่ไจ๋ตอบก่อนจะถามอย่างต้องการคำตอบ
"ก็เรื่องที่พี่แวนเนสกอดกับผู้หญิงกลางผับน่ะค่ะ รูปชัดมากๆเลย แล้วดูยังงัยก็ไม่ใช่ภาพตัดต่อด้วย"  คำตอบนั้นทำให้ไจ่ไจ๋อ้าปากค้าง
"มะ....ไม่จริงมั้ง....."  ไจ่ไจ๋เอ่ยออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ หลิงเอ๋อเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะดึงหนังสือภาพข่าวดังกล่าวออกมายื่นให้ไจ่ไจ๋ดู 
"เฮ้ย!! พี่รองจริงด้วย!"  ร้องออกมาแล้วจ้องรูปนั้นอย่างพินิจพิเคราะห์
"พี่ไจ่ไจ๋บอกให้พี่แวนเนสออกมาแถลงข่าวเรื่องนี้หน่อยก็ดีนะคะ แบบนี้ความนิยมตกต่ำลงแน่"  หลิงเอ๋อกล่าว ในขณะที่ไจ่ไจ๋กำลังพิจารณาภาพนั้นอย่างถ้วนถี่
"ไม่ใช่ๆๆๆๆ ไม่ใช่ตอนนี้แน่"  เมื่อพบจุดสังเกตแล้วไจ่ไจ๋ก็ร้องออกมาอย่างค่อนข้างแน่ใจ
"หมายความว่างัยคะ?"  เธอย้อนถามแฟนหนุ่ม
"รูปนี้น่าจะเป็นรูปเก่าเมื่อหลายปีก่อน เพราะเสื้อของพี่รองตัวนี้เอาไปบริจาคเมื่อเกือบห้าปีที่แล้วแล้วหละ ถึงภาพจะดูเหมือนเป็นปัจจุบันเพราะทรงผมพี่รองตัดตอนนี้มันเป็นทรงเดียวกันกับที่เคยไว้เมื่อก่อนแต่ถ้าดูที่เสื้อตัวนี้แล้วพี่ยืนยันได้แน่นอนว่ามันเป็นภาพเก่าตั้งแต่สมัยยังไม่เข้าวงการเลยด้วยซ้ำ"  ไจ่ไจ๋เงยหน้าขึ้นมาอธิบายให้แฟนสาวฟัง
"ที่แท้ก็ภาพเก่าหรอเนี่ย? แล้วทำไมจู่ๆภาพนี้ถึงได้ไปถึงมือนักข่าวจนเอามาเล่นกันแบบนี้ได้หละ?"  คำถามนั้นไจ่ไจ๋เองก็ให้คำตอบไม่ได้เช่นกัน
"พี่ก็ไม่รู้"  ไจ่ไจ๋ตอบแล้วพอจะเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดได้ทันทีว่าทำไมแวนเนสกับกลอเรียถึงได้มีปัญหากันอยู่
"แล้วตอนนี้พี่แวนเนสเป็นยังงัยบ้างคะ? เอ่อ....มีปัญหากับ....."  หลิงเอ๋อเลี่ยงที่จะไม่พูดตรงๆ
"ก็มีปัญหาอย่างว่าแหละ เป็นใครจะไม่ระแวงหละจริงมั๊ย?"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ยิ้มเล็กน้อย
"ถ้าวันนึงพี่มีข่าวลงหนังสือพิมพ์แบบนี้บ้าง เรายังจะเชื่อใจพี่อยู่หรือเปล่า?"  คำถามนั้นทำให้หญิงสาวค้อนใส่ แต่แล้วฝ่ายถูกแหย่กลับยิ้มทะเล้น
"ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าพี่ไจ่ไจ๋มีข่าวยืนกอดกับผู้หญิงชั้นคงรับได้แต่ถ้ามีข่าวว่ายืนกอดกับผู้ชายนี่ชั้นคงต้องฆ่าตัวตายแน่"  คำพูดนั้นทำให้ไจ่ไจ๋ยกมะเหงกขึ้นมาทันที
"อย่านะ! พี่เป็นคนเริ่มเองนี่!"  หญิงสาวยกมือกันไม่ให้ไจ่ไจ๋เขกหัว
"พูดอะไรเป็นเล่น! ระวังเถอะซักวันพี่จะหนีไปเดินควงกับผู้ชายซะจริงๆ"  ไจ่ไจ๋พูดขู่
"ก็เอาสิ ชั้นจะได้หนีไปควงกับผู้หญิงเหมือนกัน"  หลิงเอ๋อเถียงอย่างไม่ยอมแพ้
"ยอมแพ้แล้วครับ.....ไม่เถียงด้วยแล้ว พี่ว่าเราไปหาข้าวกินกันดีกว่าเดี๋ยวต้องเข้าเรียกช่วงบ่ายกันอีก"  ไจ่ไจ๋พูดตัดบท
"ดีค่ะ แต่พี่เลี้ยงชั้นนะ"  หลิงเอ๋อว่าแล้วก็ลุกขึ้นมาเกาะแขนแฟนหนุ่ม ไจ่ไจ๋ยิ้มเล็กน้อยแล้วพยักหน้าก่อนทั้งคู่จะพากันเดินไปที่โรงอาหาร

- ที่บ้าน -
"พี่ใหญ่! ผมกลับมาแล้ว!"  ไจ่ไจ๋ร้องตะโกนเรียกพี่ชายพร้อมกับวิ่งตื่อเข้าบ้าน
"ทำไมต้องเสียงดังโวยวายแบบนี้ด้วย?"  เจอร์รี่ที่นั่งมองดูจอคอมพิวเตอร์โน๊คบุ๊คเงยหน้าขึ้นมาตำหนิน้องชายคนเล็ก
"ผมรู้แล้วว่าทำไมพี่รองกับพี่กลอเรียถึงทะเลาะกัน"  คำพูดของน้องทำให้เจอร์รี่ขมวดคิ้ว
"เพราะข่าวนี่งัย!"  ไจ่ไจ๋ชูหนังสือพิมพ์บันเทิงโบกไปมา เจอร์รี่เห็นก็รีบคว้ามาอ่าน
"นี่มันน่าจะเป็นรูปเก่านะ"  เมื่อพิจารณาแล้วพี่ใหญ่ก็ให้ความเห็นซึ่งทำเอาไจ่ไจ็ดีดนิ้วเปราะ
"ใช่มั๊ยหละ! คิดเหมือนผมเปี๊ยบเลย!"  ไจ่ไจ๋ว่าเมื่อเห็นพี่ชายคิดเหมือนตัวเอง
"ผมรู้มาจากหลิงหลิงน่ะ เออ.....แล้วพี่รองหละเป็นงัย?"  ถามถึงแวนเนสอย่างนึกห่วง
"นอนร้องไห้จนตาบวม ให้กินก็ไม่ยอมกิน"  เจอร์รี่ว่าแล้วก็ถอนหายใจยาว 
"ช่วงนี้พี่เลยปล่อยไปก่อนไม่อยากบังคับอะไรมากมาย"  ไจ่ไจ๋พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
"ว่าแต่เราจะทำยังงัยกันดี? ไปอธิบายให้พี่กลอเรียเข้าใจดีมั๊ย?"  ไจ่ไจ๋เสนอ แต่พี่ใหญ่กลับส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เห็นด้วย
"พี่ว่าเราไม่ต้องทำอะไรหรอก เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่รองกับพี่กลอเรียเขาสองคนที่ต้องเคลียร์กันเอง หากเราสองคนเข้าไปยุ่งพี่กลอเรียเขาจะนึกว่าเราเข้าข้างพี่น้องตัวเองน่ะสิ แบบนั้นเรื่องอาจจะยุ่งมากกว่านี้ก็ได้"  พี่ใหญ่อธิบายให้น้องฟังยืดยาว
"มันก็จริง....แต่ว่าพี่รองกับพี่กลอเรียไม่ยอมเจอหน้ากันแบบนี้มันจะปรับความเข้าใจกันได้หรอ?"  น้องเล็กไม่วายเป็นห่วงอีก
"พี่เชื่อว่ามันต้องมีทางอยู่แล้ว เพราะวันนั้นพี่กลอเรียบอกพี่ว่าเธอยังไว้ใจเจ้าพี่รองอยู่"  คำพูดของพี่ใหญ่ทำให้น้องเล็กเงียบไป
"ถ้าอย่างนั้นดูเหมือนคนที่เริ่มก่อนน่าจะเป็นพี่รองน่ะสิ"  พี่ใหญ่สบตาน้องเล็กก่อนจะยักไหล่
"ไม่รู้สิ พี่ว่าเราอย่ามัวมานั่งห่วงคนอื่นเลย มีอะไรทำก็ทำไปเถอะ"  ว่าแล้วก็ตัดบทเพราะไม่อยากให้น้องชายต้องมานั่งห่วงโน้นห่วงนี่อีก
"งั้นผมไปหาพี่รองดีกว่า"  ไจ่ไจ๋ว่าพร้อมกับทำท่าจะเดินจากไปแต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อน
"ผมรับเอง"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็เดินไปรับโทรศัพท์ 
"สวัสดีครับ"  เอ่ยทักทายไปตามสายก่อนจะยิ้มออกเมื่อได้ยินเสียงฝ่ายตรงข้าม
"พี่กลางเองหรอ? โทรมาได้เวลาพอดี ผมกับพี่ใหญ่กำลังมึนเรื่องพี่รองอยู่เลย"  ไจ่ไจ๋รายงานพี่ชายทันที เจอร์รี่เมื่อรู้ว่าเป็นใครโทรมาก็ลุกเปลี่ยนที่ไปนั่งใกล้ๆน้องเล็ก
"ทำไมวะ? หรือว่าเรื่องข่าวนั่น?"  เสียงเคนถามกลับมาทำให้ไจ่ไจ๋ทำตาโต
"พี่กลางรู้เรื่องข่าวนั่นด้วยหรอ? รู้ได้ยังงัยอ่ะ? ผมกับพี่ใหญ่ยังเพิ่งจะรู้วันนี้เอง"  ไจ่ไจ๋ภามกลับไปชุดใหญ่
"พวกนายนี่ไม่ได้เรื่องเลยว่ะ ขนาดพี่อยู่ห่างใกล้ขนาดนี้ยังรู้เรื่องมากกว่าพวกนายอีก นี่ตกลงนายสองคนกลับบ้านหรือย้ายไปอยู่หลังเขากันแน่วะ?"  คำประชดของเคนทำให้น้องเล็กย่นจมูก
"อย่าแขวะน่าพี่กลาง ตกลงพี่กลางรู้เรื่องได้ยังงัย?"  ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายต่อ
"พี่ดูทีวี แต่พี่สังเกตดูแล้วรูปนั้นมันไม่ใช่รูปปัจจุบันนี่หว่า ทำไมจู่ๆถึงเอามาลงประโคมข่าวกันขนาดนี้"  คำพูดของเคนทำให้ไจ่ไจ๋ยิ้มออก
"พี่กลางก็ดูรู้ใช่หรือเปล่า ไม่เสียแรงที่พวกเราสี่คนเป็นพี่น้องกันนะเนี่ย"  ไจ่ไจ๋ว่า
"พี่ขอคุยมั่ง"  พี่ใหญ่สะกิดน้องพร้อมกับร้องขอ
"อย่าเพิ่งสิพี่ใหญ่ ผมคุยอยู่ไม่เห็นหรอ"  ไจ่ไจ๋ทำหน้านิ่วใส่พี่ชาย
"ก็ขอคุยมั่งสิ"  เจอร์รี่ทำหน้าละห้อย
"พี่กลางครับ มีเด็กงอแงอยากคุย.....โอ้ย!"  ไจ่ไจ๋ยังพูดไม่ทันจบประโยคก็โดนเจอร์รี่เอามือเขกหัวดังโป๊ก
"ทะลึ่งใหญ่แล้ว! ลามปามจริงๆ!"  เจอร์รี่แหวใส่แล้วสบโอกาสตอนที่ไจ่ไจ๋ใช้มือลูบหัวตัวเองถึงโทรศัพท์ออกมาจากมือน้องชาย
"เสี้ยวเทียน พี่ใหญ่เอง"  ก่อนจะพูดกรอกลงไปที่หูโทรศัพท์
"ชั้นรู้แล้ว ได้ยินเสียงนายง๊องแง๊งตั้งแต่แรกแล้วหละ"  เสียงเคนแซวพี่ชายกลับมา
"เดี๋ยวจะโดน! กล้าว่าชั้นหรอ? ครั้งที่แล้วยังไม่ได้คิดบัญชีด้วยเลยนะ!"  พี่ใหญ่เอ็ดน้องกลับไป
"นี่ถ้านายจะด่าชั้นจะวางสายจริงๆด้วย"  เสียงน้องชายขู่กลับมาทำให้เจอร์รี่ได้แต่อ้าปากค้าง ในขณะที่ไจ่ไจ๋เอามือปิดปากหัวเราะขำๆ
"ชั้นหยอดเหรีญโทรมาหาไม่ได้จะมาฟังนายเทศนานะโว้ย ตกลงแวนเนสมันเป็นยังงัยบ้าง?"  เคนแขวะพี่ชายกลับมาอีกแต่ประโยคหลังก็พูดเข้าเรื่องอย่างแนบเนียนเพราะรู้ว่าหากพูดจบเพียงประโยคแรกคงไม่พ้นโดนพี่ชายเทศนาเข้าให้จริงๆอีก
"จะเป็นยังงัยหละ? ข้าวปลาไม่ยอมกินเก็บตัวอยู่ในห้องทั้งวัน"  เจอร์รี่ตอบ
"แล้วทำไมนายไม่บังคับให้มันกินหละวะ? เป็นอย่างนี้แล้วเดี๋ยวก็ไม่สบาย เดือดร้อนถึงชั้นจะต้องหาเรื่องลากลับบ้านอีก"  เสียงเคนบ่นมาตามสาย
"ชั้นทั้งปลอบทั้งขู่แต่มันก็ไม่ยอมกินนี่หว่า ชั้นเองก็ไม่รู้จะทำยังงัย ไม่อยากตีมันกลัวมันจะเตลิดไปไหนต่อไหนอีก"  พี่ใหญ่ว่าแล้วก็ได้ยินเสียงแขวะกัดตามมาอีก
"คุณพี่ชายที่แสนดี วันหลังช่วยคิดแบบนั้นกับน้องคนนี้หน่อยนะ ทีน้องคนอื่นกลัวว่าตีแล้วเตลิดแต่กับชั้นคุณพี่ชายกลับหวดไม่นับเลย เดี๋ยวซักวันชั้นจะเตลิดออกนอกประเทศให้นายหาไม่เจอเลยคอยดู"  คำพูดประชดของน้องทำให้พี่ใหญ่ได้แต่ส่ายหน้า
"น้อยๆหน่อยเถอะไอ้ตัวดี! พี่คนนี้น่ะรู้หรอกว่าสมควรจะลงโทษน้องคนไหนในกรณีอะไรบ้าง"  พี่ใหญ่ว่าแล้วบ่นน้องต่อ
"ไม่พูดแขวะกันซักวันจะได้มั๊ย? ชั้นเบื่อที่จะเถียงกับนายจริงๆ"  คำพูดของพี่ใหญ่ทำให้น้องเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆได้แต่อมยิ้ม เขารู้ว่าพี่ชายคงโดนเคนว่ากระทบเข้าให้
"ชั้นก็เบื่อเหมือนกันแหละน่า แล้วอันที่จริงชั้นโทรมาคุยกับไจ่ไจ๋ไม่ใช่กับนาย"  ได้ยินน้องว่ามาเช่นนี้พี่ใหญ่ก็เม้มปาก
"โอเค....งั้นก็คุยกับน้องต่อเถอะ"  พูดจบก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้ไจ่ไจ๋แล้วลุกเดินจากไปทันที
"เฮ้ย....."  ไจ่ไจ๋ร้องครางเบาๆแล้วมองตามพี่ชายอย่างงงๆ 
"ไจ่ไจ๋ พี่ใหญ่โกรธหรอวะ?"  เมื่อได้ยินเสียงฝ่ายตรงข้ามไจ่ไจ๋ก็ยกโทรศัพท์มาแนบหูอีกครั้ง
"ไม่รู้อ่ะ พี่กลางไปแหย่อะไรพี่ใหญ่อีกเนี่ย? งอนไปไหนแล้วก็ไม่รู้"  ไจ่ไจ๋ต่อว่าพี่ชาย
"อะไรวะ? ทำเป็นใจน้อยไปได้ พูดเล่นแค่นี้เอง"  เคนบ่นอุบ
"ช่างมันแล้วกัน ว่าแต่นายได้ไปดูไอ้พี่รองมันบ้างหรือเปล่า?"  ถามเอากับน้องอีก
"กะว่าก่อนจะขึ้นนอนจะเข้าไปหาพี่รองซักหน่อยเหมือนกัน แต่เห็นพี่ใหญ่บอกว่าพี่รองเอาแต่เงียบพูดอะไรด้วยก็ไม่ค่อยจะยอมตอบ สงสัยคงเสียใจมาก"  ไจ่ไจ๋พูดอย่างเห็นใจพี่ชาย
"อืม.....นายก็ดูๆเขาหน่อยแล้วกัน แล้วพ่อแม่ติดต่อมาบ้างมั๊ย?"  ถามถึงบุพการีบ้าง
"ก็มีโทรมาแต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่รู้เรื่องนะ พี่ใหญ่ก็ไม่อยากให้บอกเพราะไม่อยากให้พ่อแม่กลุ้มใจ"  ไจ่ไจ๋รายงาน
"แต่พี่ว่าบางทีถ้าพ่อแม่รู้สถานการณ์อาจจะดีขึ้นก็ได้นะ เอาเป็นว่าเรื่องนี้พี่จัดการเอง นายแค่คอยดูไม่ให้ไอ้พี่รองมันออกไปเดินเพ่นพ่านข้างนอกแล้วกัน"  เคนสั่งกำชับน้องชาย
"ได้ครับ พี่กลางไม่ต้องห่วงผมกับพี่ใหญ่ดูแลพี่รองได้อยู่แล้ว"  ไจ่ไจ๋รับคำอย่างหนักแน่น
"ดีมาก งั้นเดี๋ยวพี่วางสายก่อนนะ แล้วจะโทรไปใหม่"  จบประโยคนั้นสายก็ถูกตัดไป ไจ่ไจ๋จึงวางโทรศัพท์ลงที่แป้นแล้วทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเดินไปชั้นบนของบ้าน




 

Create Date : 20 กันยายน 2558    
Last Update : 20 กันยายน 2558 22:15:55 น.
Counter : 1394 Pageviews.  

Chapter 89

ตอนที่ 89

"ไจ่ไจ๋....."  เจอร์รี่เอ่ยเรียกน้องชายคนเล็กที่นั่งดูโทรทัศน์ด้วยท่าทีเซ็งๆ 
"กลับมาแล้วหรอครับ"  ไจ่ไจ๋หันกลับมาทักทายพี่ชาย
"อืม....อยู่บ้านคนเดียวหรอ?"  ถามน้องชายต่ออีก
"ใช่"  พูดจบก็หันกลับไปดูโทรทัศน์ต่อ เจอร์รี่มองน้องชายอยู่ครู่หนึ่งแล้ววางของลงก่อนจะมานั่งลงข้างๆ
"ยังโกรธพี่อยู่หรอ?"  ถามพร้อมกับเอามือแตะไหล่น้องชาย
"ผมไม่ได้โกรธ....."  ไจ่ไจ๋ตอบแล้วกดปิดโทรทัศน์
"ผมเองก็อยากจะขอโทษพี่ที่เมื่อวันก่อนพูดจาไม่ดีออกไป"  พูดกับพี่ชายด้วยท่าทีจริงจังเพราะเขาเองก็ไม่สบายใจที่หงุดหงิดแล้วพาลไปลงกับพี่ชาย
"ไม่เป็นไร....พี่ไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว"  เจอร์รี่ยิ้มแล้วขยี้หัวน้องชายด้วยความเอ็นดู ก่อนกลับมาถึงบ้านเขาเองก็หวั่นใจอยู่เหมือนกันว่าน้องเล็กจะอาละวาดใส่เขาหรือไม่แต่เมื่อเหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปดังที่เขาคาดก็ทำให้เขาดีใจไม่น้อย
"พี่ดีกับเจ้าพี่กลางแล้วนะ ถึงจะเหนื่อยหน่อยแต่ก็คุ้มแล้ว"  พี่ใหญ่ชวนน้องคุย
"ดีแล้วครับ เราจะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมซักที"  พูดจบไจ่ไจ๋ก็ซบหน้าลงที่อกพี่ชาย
"พี่รองไปไหน? ทำงานหรอ?"  ถามถึงแวนเนสขึ้นมาบ้าง ซึ่งคำถามนั้นทำให้ไจ่ไจ๋เงียบไป
"ไจ่ไจ๋"  พี่ใหญ่เห็นว่าน้องมีท่าทีแปลกไปจึงเรียกชื่อน้อง
"พี่รองไม่ได้ไปทำงานแต่ออกไปไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน เห็นบอกแต่ว่าจะไปหาเพื่อน"  คำตอบของน้องทำให้เจอร์รี่รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ
"ไปหาเพื่อน? เพื่อนคนไหน?"  ถามน้องต่ออีก
"ผมไม่รู้"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็สบตากับพี่ชายด้วยท่าทีไม่ค่อยสบายใจนัก
"หลังจากที่ผมกับพี่รองกลับมาบ้าน พี่รองก็ออกไปข้างนอกซะเป็นส่วนใหญ่ เมื่อคืนกลับมาตอนตีสาม"  น้องเล็กบอกพี่ชายคนโตด้วยสีหน้าไม่สบายใจนัก
"พอผมถามก็บอกว่านัดเจอเพื่อนเก่า เสร็จแล้วก็ดูเหมือนจะตัดบทไม่ให้ผมถามอะไรอีก"  คำบอกเล่าของน้องทำให้เจอร์รี่รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเสียเฉยๆ เพราะน้องชายแต่ละคนดูเหมือนจะทำเรื่องปวดหัวให้เขากลุ้มใจเล่นอยู่เรื่อย
"เห็นโทรมาบอกว่าคืนนี้ก็คงกลับดึกเหมือนกัน"  แม้รู้ว่าแวนเนสคงต้องลำบากเมื่อกลับมาเจอพี่ใหญ่สอบสวนแต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วเขาเป็นห่วงพี่ชายมากกว่า
"แล้วเขาบอกหรือเปล่าว่าจะไปไหน?"  เจอร์รี่ถามซักไซร้น้องชายคนเล็กต่ออีก
"ก็บอกแค่จะไปหาพี่กลอเรียแล้วจะไปสังสรรค์กับเพื่อนต่อ"  ไจ่ไจ๋ตอบแล้วสบตากับพี่ชายอีกครั้ง
"ผมว่าท่าทางพี่รองดูแปลกๆ เพราะปกติก็โกหกไม่เก่งอยู่แล้วยิ่งมาเป็นแบบนี้อีกผมว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างแหงๆ"  น้องเล็กสันนิษฐาน
"เดี๋ยวพี่จัดการเอง"  พี่ใหญ่ว่าแล้วก็ยิ้มให้น้องชายเล็กน้อยก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาแวนเนส
"ว่างัย?"  เสียงแวนเนสรับสาย
"อยู่ไหน?"  เจอร์รี่ถามกลับไป
"อยู่ที่ร้าน"  แวนเนสตอบกลับมา
"มีอะไรหรือเปล่า?"  แวนเนสย้อนถามกลับมาด้วย
"ชั้นกลับมาถึงบ้านแล้ว"  คำตอบของเจอร์รี่ทำให้คู่สนทนาเงียบไป
"ก็ดี....คืนนี้เจ้าไจ๋จะได้มีเพื่อน"  แวนเนสทำเสียงร่าเริง
"ทำไม? คืนนี้จะไม่กลับบ้านหรอ?"  เจอร์รี่ถามน้องต่ออีก
"ก็ว่าอย่างนั้น นี่....ขอร้องหละ.....อย่าด่าเลยนะ เพิ่งผ่านเรื่องปวดหัวของนายกับเสี้ยวเทียนมาชั้นขอเที่ยวให้หนำใจหน่อยเถอะ"  คำตอบของน้องทำให้เจอร์รี่มั่นใจทันทีว่าน้องชายคงมีเรื่องบางอย่างปิดบังเขา
"จะเที่ยวก็ได้ชั้นไม่ว่า แต่ยังงัยก็ต้องกลับมานอนที่บ้าน"  พี่ใหญ่พูดเสียงเรียบแต่แฝงความเด็ดขาด แล้วก็ได้ยินเสียงถอนหายใจน้องชาย
"ครับ"  จบคำนั้นสายก็ถูกตัดไปทันที
"แปลกมาก"  เจอร์รี่พึมพำแต่ก็ไม่คิดจะต่อสายกลับไปคุยให้ทะเลาะกันเปล่าๆ
"แปลกใช่มั๊ยครับ?"  ไจ่ไจ๋พูดเสริม
"ยังมีอีกเรื่องนะ"  เมื่อได้ยินน้องว่าเช่นนั้นเจอร์รี่ก็ขมวดคิ้วมองหน้าน้องเล็กเป็นเชิงถาม
"เมื่อวานผมไปที่ร้าน แต่พี่กลอเรียกลับดูเงียบๆผิดปกติ"  สิ่งที่น้องพูดมานั้นทำให้พี่ใหญ่เข้าใจความหมายที่น้องกำลังจะบอกเขาได้ทันที
"ทะเลาะกันหรือเปล่า?"  น้องเล็กส่ายหน้าไปมา
"ผมไม่แน่ใจ แล้วก็ไม่กล้าถามพี่กลอเรียด้วย"  พี่ใหญ่มีสีหน้าครุ่นคิด
"พักนี้ก็ไม่เห็นเจ้าพี่รองจะพูดถึงกลอเรียเท่าไหร่เลย ปกติไปหาแฟนกลับมาก็มักจะคุยจ้อให้ฟัง"  พี่ใหญ่ตั้งข้อสังเกต
"แต่พี่เขาจะทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร?"  ไจ่ไจ๋ย้อนถามกลับพร้อมกับมองหน้าพี่ชาย
"ช่วงนี้พี่ก็ยุ่งอยู่กับเจ้าพี่กลางเลยไม่ค่อยได้พูดคุยกับเจ้าพี่รองมากเท่าไหร่"  เจอร์รี่ว่าแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ
"เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ว่าแต่กลับมาอยู่บ้านเนี่ยวันๆทำอะไรกินกันบ้าง?"  หันมาถามน้องชายบ้าง
"ก็อย่างที่บอกพี่กลางนั่นแหละ ผมอยู่คนเดียวก็ขี้เกียจจะออกไปไหนเลยกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่เวลาไปมหาลัยก็กินข้าวนะครับ"  ไจ่ไจ๋ตอบไปตามตรง
"กินแต่ของพวกนั้นมันไม่มีประโยชน์รู้มั๊ย?"  เจอร์รี่ว่าพร้อมกับบีบจมูกน้องชายอย่างเอ็นดู
"ถ้าไอ้พี่กลางกลับมารับรองว่านายโดนมันบ่นหูชาแน่"  น้องเล็กยิ้มแหยๆ
"ก็ทำงัยได้หละครับ ผมไม่มีความสามารถที่จะคิดเมนูทำอาหารกินเองได้ อย่างดีก็ไข่เจียว"  น้องเล็กว่า
"ไข่เจียวไหม้ๆด้วยใช่หรือเปล่า?"  ถามแหย่น้องชายกลับไป
"หึๆๆๆ"  ไจ่ไจ๋หัวเราะเบาๆ
"พี่นึกออกแล้ว"  แล้วเจอร์รี่ก็พูดเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
"อะไรหรอ?"  ไจ่ไจ๋เงยหน้าขึ้นถามพี่ชาย
"พี่ว่าเราไปหาพี่กลอเรียที่ร้านกันดีกว่า บางทีอาจจะรู้ได้ว่าเจ้าพี่รองมันกำลังมีปัญหาอะไรหรือเปล่าแล้วก็ถือโอกาสไปกินข้าวเย็นกันด้วย"  พี่ใหญ่พูดจบก็เลิกคิ้วคล้ายจะถามความเห็นน้องชาย 
"ดีครับ"  ไจ่ไจ๋ตอบอย่างดีใจเพราะเขาเองก็เบื่ออาหารสำเร็จรูปที่บ้านเต็มทีแล้ว
"งั้นก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียสิ พี่เองก็อยากอาบน้ำซักหน่อยเหมือนกัน"  จบคำพูดของเจอร์รี่สองพี่น้องก็แยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวทันที

- ที่ร้าน -
"สวัสดีค่ะ"  เสียงร้องต้อนรับดังขึ้นเหมือนทุกครั้งที่บานประตูถูกเลื่อนเปิดออก 
"อ้าว! พวกคุณเอง"  กลอเรียยิ้มรับแล้วเอ่ยทักทาย
"สบายดีหรือเปล่า ไม่เจอกันนานนะ"  เจอร์รี่เดินไปถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกับกลอเรีย
"สบายดีค่ะ แต่คุณดูซูบลงนะคะ"  กลอเรียว่าพร้อมกับทักเจอร์รี่บ้าง
"พี่ใหญ่เพิ่งกลับมาจากสนามรบครับ"  ไจ่ไจ๋ตอบแทนพี่ชายแล้วหัวเราะเบาๆ
"วันนี้มี่เฟิงไม่มาช่วยหรอพี่กลอเรีย?"  ถามหามี่เฟิงเมื่อมองหาไม่เห็น
"ออกไปธุระจ๊ะ เดี๋ยวกลับมา"  กลอเรียตอบ
"เข้าไปนั่งข้างในก่อนสิคะ เดี๋ยวชั้นหาน้ำหาขนมมาให้"  พูดจบก็เชิญชวนให้เจอร์รี่และไจ่ไจ๋ไปนั่งพักกันด้านหลังร้าน
"ไม่ต้องลำบากหรอก เดี๋ยวเราหากินกันเอง"  เจอร์รี่พูดขัดขึ้นเพราะเห็นว่าในเวลานั้นมีลูกค้าเข้ามาพอดี
"งั้นชั้นบริการลูกค้าก่อนนะคะ แล้วจะเข้าไปคุยด้วย"  พูดจบก็ขอตัวสองหนุ่มไปทำงานต่อ
"พี่รองไม่ได้อยู่ที่นี่"  ไจ่ไจ๋พูดขึ้นทันทีที่กลอเรียจากไป
"นั่นสิ หรือว่าจะกลับไปแล้ว"  เจอร์รี่เองก็มีสีหน้าหนักใจไม่น้อย เขาแน่ใจว่าแวนเนสไม่ได้มาที่นี่ในวันนี้
"เดี๋ยวถามพี่กลอเรียก็รู้"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็เดินไปหาน้ำมารินให้ตัวเองและพี่ชาย
"พี่ว่าไม่ต้องถามหรอก เพราะหากเจ้าพี่ชายตัวดีของนายมาที่นี่จริงๆ กลอเรียต้องพูดถึงอยู่แล้ว"  เจอร์รี่ตั้งข้อสังเกต
"อย่างน้อยต้องบอกว่าแวนเนสเพิ่งกลับไปหรือไม่ก็วันนี้แวนเนสก็แวะมา"  ไจ่ไจ๋ได้ยินก็เห็นด้วยตามนั้น
"แต่ถ้าหากพี่รองไม่ได้มาที่นี่แล้วจะไปไหนหละ? ช่วงนี้พี่รองไม่มีงาน แล้วถ้าจะไปเที่ยวกับเพื่อนก็....."  น้องเล็กส่ายหน้าไปมา
"ตะวันยังไม่ตกดินเลย พี่รองเที่ยวตอนมีแสงสว่างไม่ค่อยเป็นหรอก"  เจอร์รี่อดที่จะขำกับคำพูดของน้องชายไม่ได้
"พี่ก็ว่างั้นแหละ แต่พี่ว่าคราวนี้เจ้าพี่รองของนายต้องมีเรื่องอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรแหงๆ ไม่งั้นไม่ทำตัวลับๆล่อๆแบบนี้หรอก"  แล้วบทสนทนาของสองพี่น้องก็จบลงโดยปริยายเมื่อมี่เฟิงเปิดประตูเข้ามา
"พวกคุณมาหรอเนี่ย?"  มี่เฟิงว่าพร้อมกับทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก
"อ้าว! หรือว่าผมมาไม่ได้? เมื่อวานผมยังมาเลย"  ไจ่ไจ๋ต่อคำทันที
"เห็นพี่กลอเรียยังกลุ้มใจไม่พอหรืองัย?"  มี่เฟิงว่าแล้วเดินไปเทน้ำใส่แก้วอย่างเซ็งๆ
"มี่เฟิงทำไมเราถึงบอกว่ากลอเรียกลุ้มใจ? มีเรื่องอะไรหรอ? บอกพี่ได้มั๊ย?"  เจอร์รี่ถามขึ้นมาบ้าง
"พวกคุณยังจะมีหน้ามาถามอีกหรอ? ทำไมไม่ไปถามน้องชายตัวดีของคุณเองหละ?"  หญิงสาวว่าแล้วกระแทกแก้วน้ำลงที่โต๊ะอย่างไม่พอใจ
"อะไรนะ? นี่คุณหมายความว่าพี่รองกับพี่กลอเรียทะเลาะกันอย่างนั้นหรอ?"  ไจ่ไจ๋รีบเดินไปดักหน้าแล้วถามซักต่อ
"ชั้นจะไม่ตอบอะไรทั้งนั้น เพราะชั้นรู้ว่าพูดอะไรไปเธอก็ต้องเข้าข้างพี่ชายของเธออยู่แล้ว"  พูดจบมี่เฟิงก็ทำท่าจะเดินหนี
"เดี๋ยวสิคุณ! ผมกับพี่ใหญ่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะ แล้วอีกอย่างมีเรื่องอะไรก็บอกมาสิหากว่าพี่ชายผมทำไม่ถูกต้องเราไม่มีทางเข้าข้างเขาแน่นอน"  ไจ่ไจ๋ดึงแขนหญิงสาวเอาไว้อีก
"ชั้นไม่อยากพูดเพราะชั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าทุกวันนี้ชั้นยุให้พี่กลอเรียเลิกกับพี่ชายเธอทุกวัน"  พูดจบมี่เฟิงก็สะบัดหน้าแล้วเดินออกไปทันที ปล่อยให้สองพี่น้องได้แต่มองหน้ากันอย่างเหวอๆ
"พี่ใหญ่ครับ แบบนี้มันชักจะยังงัยๆอยู่นะ"  ไจ่ไจ๋พูดด้วยสีหน้าแหยๆ
"พี่ก็ว่างั้นแหละ เอายังงัยต่อดี?"  เจอร์รี่ว่าแล้วก็ทำหน้าครุ่นคิด
"สภาพการณ์แบบนี้กลอเรียคงไม่บอกอะไรเราแน่ แล้วจะไปคาดคั้นเอากับเจ้าพี่รองมันก็คงไม่ได้เรื่องขึ้นมา"  พี่ใหญ่ว่าแล้วก็มองหน้าน้องเล็ก
"งั้น...."  ไจ่ไจ๋เลิกคิ้วเป็นเชิงถามจนเห็นพี่ชายยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก็เกิดอาการงง
"พี่ใหญ่ครับ"  เรียกพี่ชายอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
"วิธีเดียวก็คือต้องหลอกถามเอาจากมี่เฟิง เพราะดูเหมือนนอกจากเธอแล้วคงไม่มีใครรู้เรื่อง"  น้องเล็กได้ฟังก็พยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจ
"แต่ว่า...."  แล้วก็ตั้งท่าจะถามต่อว่าใครจะเป็นคนหลอกถามแต่เมื่อเห็นสีหน้าพี่ชายแล้วไจ่ไจ๋ก็ได้คำตอบทันที
"ไม่เอานะพี่ใหญ่! ยัยนี่ดุจะตาย เห็นหรือเปล่าว่าเมื่อกี้ยังแว๊ดๆใส่พวกเราอย่างไม่เกรงใจอยู่เลย"  รีบปฎิเสธก่อนที่พี่ชายจะทันได้พูดด้วยซ้ำ
"แต่เขาเป็นรุ่นพี่นายไม่ใช่หรอ? แล้วอีกอย่างนายเองก็เปิดเทอมแล้วด้วยคงได้เจอกันอยู่บ้างแหละ"  พี่ใหญ่กล่าวอ้างเหตุผล
"แต่ว่า...."  ไจ่ไจ๋อ้าปากจะเถียงก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี
"หรือว่านายไม่อยากรู้ว่าเจ้าพี่รองมันทำอะไรให้กลอเรียกลุ้มใจ"  พี่ใหญ่เอาความช่างอยากรู้อยากเห็นเรื่องของชาวบ้านขึ้นมากระตุ้นน้อง
"เฮ่อ! ก็ได้ๆๆๆๆ ผมจะลองดูก็แล้วกัน แต่สงสัยต้องเอาสำลีอุดหูไว้ด้วย"  น้องเล็กตอบรับในที่สุดทำให้พี่ใหญ่อดไม่ได้ที่จะขยี้หัวน้องอย่างเอ็นดู
"ขอโทษทีนะคะ พอดีลูกค้าเยอะเลยปลีกตัวไม่ได้"  ผ่านไปครู่หนึ่งกลอเรียก็เปิดประตูเข้ามาแล้วเข้าร่วมวงสนทนาด้วย
"ดีที่มี่เฟิงกลับมาเร็วเลยอาสาช่วยดูหน้าร้านให้"  พูดจบก็ยิ้มเล็กน้อย
"เจ้าแวนเนสนี่แย่จริงๆ ทั้งที่ตัวเองก็มีส่วนในร้านนี้ด้วยแต่กลับไม่ยอมโผล่หน้ามาช่วยบ้างเลย"  เจอร์รี่แกล้งบ่นเจ้าน้องชายตัวดี
"เขาคงยุ่งน่ะค่ะ อย่าไปว่าเขาเลย"  หญิงสาวทำหน้าเศร้าลงแล้วก็ยิ้มกลบเกลื่อนได้ทันที แต่เจอร์รี่คอยสังเกตอยู่แล้ว
"ไม่ยุ่งหรอกครับ นี่ก็เพิ่งกลับมาจากการท่องเรือสำราญไปกันทั้งบ้านเลย"  เจอร์รี่ว่าทำให้กลอเรียเลิกคิ้วเล็กน้อย
"งั้นหรือคะ?"  เธอเพียงแต่รับคำเท่านั้น
"เรื่องนี้เกิดมาจากพี่ใหญ่คนเดียวครับเลยต้องเดินทางกันทั้งบ้าน"  ไจ่ไจ๋พยายามพูดเพื่อสร้างบรรยากาศ
"เรื่องอะไรมาว่าพี่หละ?"  เจอร์รี่เอาศอกกระทุ้งแขนน้องชาย
"ก็มันจริงนี่ พี่กลอเรียครับที่เราต้องแห่เดินทางไปเที่ยวกันเพราะว่าพี่กลางเขางอนพี่ใหญ่น่ะครับ พี่ใหญ่เลยต้องไปง้อถึงบนเรือเลยแต่ทีนี้พี่กลางเขางอนนานน่ะครับพี่ใหญ่เลยอยากได้ตัวช่วย พวกเราเลยต้องพากันไปหมดบ้านเลย"  คำบอกเล่าของไจ่ไจ๋ทำให้หญิงสาวหัวเราะออกมาได้
"ที่แท้ก็งอนกันนี่เอง"  เธอว่าพลางหัวเราะ
"ไม่รู้มาก่อนว่าจะไปกันไม่งั้นชั้นจะขอไปด้วย คิดถึงคุณพ่อจัง"  คำพูดของกลอเรียทำให้สองพี่น้องลอบมองหน้ากัน
"เจ้าแวนเนสไม่ได้บอกคุณหรอเนี่ย แย่จริงๆเจ้าน้องคนนี้ เห็นทีกลับบ้านไปต้องเรียกมาคุยกันซักหน่อยแล้ว"  เจอร์รี่ว่าพร้อมกับแกล้งส่ายหน้าไปมา
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คนเราก็ต้องมีเรื่องส่วนตัวกันบ้าง เขาไม่จำเป็นต้องบอกชั้นทุกเรื่องหรอก"  พูดจบก็ยิ้มให้สองพี่น้อง
"ว่าแต่วันนี้ว่างกันหรอคะถึงมาที่นี่ได้? หรือว่าอยากมาหาหนังสืออ่าน?"  เธอเปลี่ยนเรื่อง
"อ้อ! พอดีเจ้าไจ่ไจ๋เพิ่งเปิดเทอมเลยพาเขามาหาซื้อหนังสือประกอบการเรียนน่ะครับ"  คำพูดของพี่ชายทำให้ไจ่ไจ๋ขมวดคิ้ว
"มาหาหนังสือหรอจ๊ะ? งั้นไปเดินดูข้างนอกได้เลยนะ หาไม่เจอก็ถามมี่เฟิงดูก็ได้"  กลอเรียหันไปพูดกับไจ่ไจ๋ที่ทำหน้าเหวอๆ
"ไปสิ!"  เจอร์รี่ว่าแล้วส่งสัญญาณให้น้องออกไป ไจ่ไจ๋พยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจนักก่อนจะเดินออกไป
"เจ้านี่ก็ไม่ไหว ปิดเทอมว่างๆตั้งนานไม่มาหาหนังสืออ่าน ต้องรอจนไฟลนก้นแบบนี้ทุกที"  แกล้งบ่นไจ่ไจ๋ต่ออีก
"เด็กๆปิดเทอมก็เป็นธรรมดาค่ะที่อยากจะนั่งๆนอนๆอยู่บ้านสบายๆ"  กลอเรียพูดยิ้มๆ
"หมู่นี่แวนเนสแวะมาบ้างหรือเปล่า?"  เจอร์รี่ถามกลอเรียไปตรงๆ
"ไม่ค่อยบ่อยค่ะ"  เธอตอบแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น
"แต่ชั้นก็เข้าใจเขานะคะ เขาทำงานแบบนี้เรื่องเวลามันยากที่จะจัดตารางได้ตามใจ"  เธอพูดต่อ
"ไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่มั๊ย? ผมขอโทษที่ต้องถามตรงๆเพราะผมสังเกตว่าพักนี้เจ้าแวนเนสเองก็ดูเหมือนจะมีเรื่องกลุ้มใจอยู่ไม่น้อย"  เจอร์รี่ตัดสินใจลองถามหญิงสาวดู
"สำหรับชั้นไม่มีอะไรค่ะ"  เธอตอบแล้วฝืนยิ้มให้เจอร์รี่
"กลอเรีย.....ผมเคยบอกคุณแล้วใช่มั๊ยว่าผมเห็นคุณเหมือนน้องสาว ถ้ามีอะไรพี่คนนี้ยินดีรับฟังเสมอนะ"  เจอร์รี่ว่าพร้อมกับบีบไหล่เธอเบาๆ
"ขอบคุณค่ะพี่ใหญ่ แต่ชั้นไม่เป็นอะไรจริงๆ"  เธอว่าแล้วยิ้มให้เจอร์รี่อีกครั้ง
"ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ดี เพราะพี่คนนี้ก็คงไม่สบายใจหากว่าน้องสาวคนสวยของพี่ต้องนั่งขมวดคิ้วทั้งวัน"  เจอร์รี่พูดแหย่ให้เธออารมณ์ดี
"ชั้นขมวดคิ้วทั้งวันหรอคะ?"  เธอย้อนถามและหัวเราะออกมาได้ในที่สุด
"ผมเห็นตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านจนกระทั่งตอนนี้เลย"  เจอร์รี่เองก็หัวเราะเช่นกัน
"แย่จัง! ไม่น่าหละหมู่นี้ลูกค้าหนีหมด"  เธอแกล้งร้องครางออกมา 
"ถ้าไม่อยากให้ลูกค้าหนีงั้นก็ต้องยิ้มหน่อยนะ"  เจอร์รี่ว่าแล้วก็ยิ้มกว้างให้เธอ ทำให้กลอเรียยิ้มตามออกมาด้วย
"ถ้าชั้นมีพี่ชายอย่างคุณจริง ชั้นคงดีใจมาก"  คำพูดของหญิงสาวทำให้เจอร์รี่เอื้อมมือไปบีบไหล่เธออีกครั้ง
"ตอนนี้ผมก็เป็นพี่ชายคุณแล้วงัย"  กลอเรียก้มหน้าลงเล็กน้อยแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็มีหยาดน้ำตาคลออยู่เต็มเบ้าตาทั้งสองข้าง
"ชั้นฝากคุณบอกแวนเนสด้วยนะคะว่าชั้นไว้ใจเขาเสมอ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรชั้นก็พร้อมที่จะเชื่อ...."  พูดจบหญิงสาวก็ฟุบหน้าลงที่โต๊ะแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างสุดกลั้นท่ามกลางอาการอึ้งๆของเจอร์รี่ 
"ไม่เป็นไรนะ.....พี่ใหญ่อยู่นี่แล้วทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย นิ่งซะๆๆๆ"  เจอร์รี่วางมือลงบนเส้นผมอ่อนนุ่มของกลอเรียอย่างอ่อนโยน เขาลูบมันเบาๆเพื่อปลอบประโลม ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่ากลอเรียคงมีปัญหาอะไรบางอย่างกับน้องชายเขาอย่างแน่นอน

- ที่บ้าน -
"ไจ่ไจ๋....ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปเรียนนะ"  เจอร์รี่บอกน้องชายที่นั่งดูโทรทัศน์ตาแป๋ว 
"ยังไม่ง่วงเลย วันนี้ผมนอนทั้งวันแล้ว ขอดูต่ออีกหน่อยนะ"  ไจ่ไจ๋ตอบแบบไม่หันกลับมาทางพี่ชาย
"อยากโดนตีใช่มั๊ย?"  เมื่อน้องไม่ฟังเจอร์รี่เลยพูดขู่ น้องเล็กหันมาทางพี่ชายพร้อมกับทำหน้ามุ่ยใส่ 
"ถ้าให้พูดอีกครั้งหละโดนแน่!"  พี่ใหญ่ทำเสียงเข้มขึ้นตามลำดับ เขาไม่อยากให้น้องนอนดึกเพราะรู้ดีว่าเจ้าน้องคนนี้ปลุกยากปลุกเย็นมากเพียงใด
"น่าเบื่อ! รีบกลับมาทำไมก็ไม่รู้!"  น้องเล็กบ่นพึมพำเบาๆพร้อมกับปิดโทรทัศน์
"โอ้ย!"  แล้วก็ต้องเปลี่ยนเป็นเสียงร้องเมื่อโดนพี่ชายเขกหัวดังโป๊ก
"อย่างอแงให้มากนักนะ เห็นพี่ยังมีเรื่องปวดหัวไม่พอหรืองัย?"  เอ็ดใส่น้องชายอีก ไจ่ไจ๋เบ้ปากใส่พี่ชายแล้วขยับตัวลุกขึ้นแต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นซะก่อนไจ่ไจ๋จึงนั่งลงตามเดิมแล้วกดรับสาย
"สวัสดีครับ"  เอ่ยทักทายเสียงใส
"พี่เองนะ ยังไม่นอนอีกหรอ?"  เสียงเคนถามมาตามสาย
"กำลังจะไปนอนอยู่เนี่ย ยังไม่ง่วงเลยด้วยซ้ำไป"  ไจ่ไจ๋ตอบดังๆคล้ายจะให้พี่ใหญ่ได้ยินด้วย
"พี่กลางหรอ? พี่คุยด้วย"  เจอร์รี่รู้ว่าเป็นเคนเลยขอให้น้องเปิดลำโพงเพราะอยากคุยกับน้องชายคนกลางด้วย
"ยุ่งจริงๆ"  ไจ่ไจ๋บ่นแล้วเปิดลำโพงให้พี่ชายฟังด้วย
"ว่าใครยุ่งวะ?"  เสียงเคนถามกลับมา
"ก็พี่ใหญ่น่ะสิ...."  ไจ่ไจ๋ยังพูดไม่ทันจบเคนก็ถามแทรกขึ้นมาก่อน
"เออ! แล้วไอ้พี่ใหญ่กลับถึงบ้านแล้วใช่มั๊ย?"  เคนถามน้องชายโดยไม่รู้ว่าน้องเปิดลำโพงอยู่ เจอร์รี่ได้ยินก็ทำตาวาว
"เรียกใครว่าไอ้! ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ! พี่คนนี้ไม่ต้องเคารพกันแล้วใช่มั๊ย!?"  เจอร์รี่แหวใส่โทรศัพท์มือถือของน้องชายคนเล็ก ไจ่ไจ๋เดาว่าเคนคงสะดุ้งอยู่แน่ๆ
"กลับมาเมื่อไหร่โดนตบปากแน่! ลับหลังชั้นพูดจาแบบนี้ได้หรอ!?"  พี่ใหญ่ยังคงด่าไม่หยุด
"ฮัลโหล! โทรศัพท์จะตัดแล้วเหรียญหมดพอดีเลย ไว้ค่อยคุยกันนะ!"  เสียงเคนตอบกลับมาแล้ววางสายไปทันที
"ไอ้ๆๆๆ!!! ไอ้น้องคนนี้! อย่าให้เจอนะจะตีให้หลังลายเลย! มีอย่างที่ไหนมาเรียกพี่ว่าไอ้!"  พี่ใหญ่ยังบ่นไม่หยุด
"แล้วยังมาทำเจ้าเล่ห์ว่าเหรียญหมดอีก กลับมาเมื่อไหร่ได้โดนแน่ๆ!"  ไจ่ไจ๋นั่งขำพี่ชายที่บ่นเป็นหมีกินผึ้ง 
"หัวเราะอะไร? ขำมากนักใช่มั๊ยกับการที่ได้ยินใครมันพูดจาลามปามพี่น่ะ!?"  หันมาเล่นงานน้องเล็กแทน
"เปล่าซักหน่อย ผมขำพี่กลางต่างหาก คืนนี้คงนอนสะดุ้งทั้งคืนแน่"  พูดจบก็อดที่จะหัวเราะต่อไม่ได้
"ผมไปนอนก็ได้ ขอโทรศัพท์คืนด้วย"  ว่าแล้วไจ่ไจ๋ก็ยื่นมือไปขอโทรศัพท์จากพี่ชายคนโต แต่กลับโดนพี่ชายตีมือ
"ไม่ให้! พี่ขอยึดไว้ก่อนคืนนี้เพราะเดี๋ยวเจ้าพี่กลางมันต้องโทรหานายอีกแน่ รอให้พี่เฉ่งมันเสร็จก่อนแล้วจะเอาไปคืนให้"  คำพูดของพี่ชายทำให้ไจ่ไจ๋ทำหน้าแหยๆ
"อาฆาตขนาดนั้นเชียวหรอ?"  ถามพี่ชายกลับ
"เออ! มันอยากมาเจ้าเล่ห์กับพี่ก่อนทำไม? เดี๋ยวจะด่าให้พูดไม่ได้เลย!"  น้องเล็กส่ายหน้าไปมากับอาการโวยวายเหมือนเด็กไม่ได้ดั่งใจของพี่ใหญ่
"ระวังนะด่าพี่กลางมากๆเดี๋ยวพี่กลางจะไม่ยอมกลับบ้าน"  ไม่วายพูดแหย่พี่ชายอีก
"ถ้ามันไม่ยอมกลับพี่จะไปลากคอมันกลับมาเอง!"  เจอร์รี่ตวัดเสียง ในขณะนั้นเสียงโทรศัพท์ของไจ่ไจ๋ดังขึ้นอีกครั้ง
"ตายแน่พี่กลาง"  ไจ่ไจ๋พึมพำเบาๆเมื่อเห็นพี่ชายคนโตกดรับสาย
"ไจ่ไจ๋! นายจะเปิดลำโพงทำไมวะ? พี่เลยโดนไอ้บ้านั่นด่าเลย!"  เสียงเคนที่ดังมาตามสายทำให้เจอร์รี่โมโหจนแทบอยากบีบคอน้อง
"ไม่ต้องเปิดลำโพงให้มันฟังแล้วนะ! คนบ้าอะไรวะ! วันๆเอาแต่ด่าคนอื่น ว่างนักหรืองัยไม่รู้!"  เสียงเคนบ่นตามมาอีก
"เฮ้ย! ไจ่ไจ๋! ทำไมไม่พูดวะ? ได้ยินพี่มั๊ย? ฟังอยู่หรือเปล่า?"  เสียงเคนที่ถามกลับมานั้นทำให้เจอร์รี่ยิ้มแบบโหดๆ จนไจ่ไจ๋รู้สึกเสียวแทน
"ฟังอยู่....พูดต่อสิ!"  เจอร์รี่ตอบคำถามนั้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
"เอ่อ...."  เสียงเคนเริ่มอ้ำอึ้ง
"ถ้าอ้างว่าเหรียญหมดอีกรับรองว่ากลับมานายได้หมดลมหายใจแน่"  น้องเล็กมองพี่ใหญ่ที่ทะเลาะกับโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าแหยๆ เขาดีใจแทนเคนที่อยู่ไกลกันขนาดนี้เพราะหากอยู่ไม่ไกลนักพี่ใหญ่คงขับรถออกไปลากตัวกลับบ้าน แล้วต่อจากนั้นพี่ชายคนโตคงกลายเป็นอาชญากรแน่ๆ
"กลับถึงบ้านนานแล้วหรอ? ชั้นเป็นห่วงเลยโทรมาถามไจ่ไจ๋ดู"  เสียงเคนถามกลับมาแต่หากฟังดูดีๆจะรู้ว่าน้ำเสียงนั้นสั่นเล็กน้อย
"ถ้าอยากรู้จริงทำไมไม่โทรหาชั้นแทน? จะไปถามผ่านน้องทำไม?"  เจอร์รี่ย้อนถามอย่างเอาเรื่อง
"ก็....กลัวว่านายเดินทางอยู่ไม่สะดวกจะรับสาย"  ตอบกลับมาอย่างข้างๆคูๆ
"ตกลงถึงบ้านเรียบร้อยแล้วใช่มั๊ย? งั้นชั้นก็สบายใจแล้ว โทรมาถามแค่นี้แหละ"  เคนพูดเหมือนจะตัดบท
"เดี๋ยว! ฟังให้ดีนะ.....กลัมาถึงบ้านเมื่อไหร่เรามีเรื่องต้องคุยกันยาว แล้วอย่าคิดว่าชั้นจะลืมง่ายๆหละ!"  เจอร์รี่พูดจบก็ตัดสายซะเอง
"ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร! หนอย! บังอาจมาเรียกพี่มาไอ้!"  พี่ใหญ่บ่นในขณะที่ส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้น้องชาย
"ก็พอกันทั้งคู่แหละน่า!"  ไจ่ไจ๋พึมพำในขณะที่รับโทรศัพท์กลับมานึกเสียดายที่ยังไม่ทันได้คุยอะไรกับเคนเลย
"บ่นอะไรอีก! ยังไม่ไปนอนอีกพิรี้พิไรอยู่ได้!"  เอ็ดใส่น้องเล็กอีกรอบ
"ไปเดี๋ยวนี้แหละคร้าบบบ....."  ไจ่ไจ๋ลากเสียงยาวแต่กลับเดินมาหยุดยืนตรงหน้าพี่ใหญ่
"จะไปนอนแล้วมายืนมองหน้าทำไม? อยากมีเรื่องหรอ?"  เจอร์รี่เงยหน้าถามเจ้าน้องชายตัวแสบ
"พี่ใหญ่อ่ะ! เดี๋ยวนี้ไม่รักผมแล้วใช่มั๊ย?"  ไจ่ไจ๋ต่อว่าพี่ชายหน้ามุ่ย
"ไอ้บ้าเอ้ย! กี่ขวบแล้วน่ะเรายังจะมาอ้อนเป็นเด็กๆอีก"  พี่ใหญ่ต่อว่าน้องแต่กลับกางมือออกรอรับร่างน้องชายที่โถมตัวลงมากอด
"โตแล้วอ้อนไม่ได้หรอ?"  ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายในขณะเอาคางเกยที่ไหล่พี่ชาย
"ผมต้องฝึกอ้อนบ่อยๆ อนาคตจะได้อ้อนเมียเก่งๆ"  เจอร์รี่ได้ยินก็เอามือตีก้นน้องเบาๆ
"ตัวเท่าลูกหมาคิดจะมีเมีย!"  ต่อว่าน้องชายยิ้มๆ
"หึๆๆๆ"  ไจ่ไจ๋เองก็ขำกับคำพูดของตัวเอง
"ฝันดีครับพี่ใหญ่"  พูดจบก็หอมแก้มพี่ชายฟอดใหญ่
"เอาข้างนี้ด้วย"  เจอร์รี่ชี้ที่แก้มตัวเองอีกข้าง
"ไหนไม่อยากให้อ้อนงัย?"  น้องเล็กย้อนถามพี่ชาย
"อย่ามาทะเล้น!"  ทำเสียงดุเล็กน้อย ไจ่ไจ๋เลยหอมแก้มพี่ชายแรงๆด้วยความหมั่นไส้
"เป็นเด็กดีแบบนี้พี่ใหญ่รักตายเลย! อื้มมมม!!!"  เจอร์รี่ว่าแล้วก็จูบที่หน้าผากน้องชายแรงๆเช่นกัน
"ไปนอนไป ฝันดีครับ"  พูดทิ้งท้ายแล้วพยักหน้าให้น้องรีบไปนอน ไจ่ไจ๋ยิ้มหวานให้พี่ชายแล้วเดินขึ้นห้องไปแต่โดยดี หลังจากน้องชายไปนอนแล้วเจอร์รี่ก็ถอนหายใจ
"เฮ่อ! ยังเหลือคนที่ต้องจัดการอีกคน!"  บ่นกับตัวเองก่อนจะหยิบรีโมทมาเปิดโทรทัศน์ดูฆ่าเวลาเพื่อรอน้องชายคนรองกลับบ้าน




 

Create Date : 17 มิถุนายน 2557    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2558 19:59:47 น.
Counter : 1290 Pageviews.  

Chapter 88

  ตอนที่ 88

"นี่!"  เคนเอามือตบไหล่พี่ชายคนโตเบาๆ เมื่อเห็นว่าพี่ชายออกมานั่งรับลมอยู่คนเดียว 
"เลิกงานแล้วหรอ?"  เจอร์รี่หันกลับมาก่อนจะถามน้องด้วยน้ำเสียงเนือยๆ เคนพยักหน้าแทนคำตอบ
"ดึกแล้วทำไมยังไม่กลับไปนอนอีก?"  ถามพี่ชายต่ออีก
"ยังไม่ง่วง"  พูดจบก็ถอนหายใจเบาๆ 
"ไจ่ไจ๋หลับไปแล้วหรอ?"  เคนถามถึงน้องชายแล้วทรุดตัวนั่งลงข้างๆ 
"กลับบ้านไปแล้ว"  คำตอบของพี่ชายทำให้เคนถึงกับขมวดคิ้ว
"กลับบ้าน? ตั้งแต่เมื่อไหร่?"  ซักไซร้พี่ชายต่อด้วยความแปลกใจ
"ก็ตอนเรือเทียบท่า กลับไปกับแวนเนส"  เจอร์รี่ตอบแล้วถอนหายใจอีกครั้ง เคนได้ยินก็พอจะเดาสาเหตุได้
"แล้วพ่อแม่หละ?"  ถามถึงพ่อกับแม่ด้วย
"ไม่รู้สิ ตอนเรือเทียบท่าพ่อแม่ก็ลงจากเรือไปแล้วแต่บอกว่าอยากจะไปที่อื่นต่อ"  เคนนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้นก่อนจะพยายามทำเสียงปกติ
"แล้วนายจะอยู่ต่อทำไมเนี่ย? ไม่กลับไปทำการทำงาน"  แกล้งพูดเหมือนว่ากระทบ
"ชั้นอยากจะลานายก่อน"  คำตอบของพี่ชายทำเอาเคนอึ้งไป เขารู้สึกไม่ค่อยดีกับคำพูดของพี่ชายที่เหมือนว่ามันแฝงความหมายอะไรไว้
"บางทีพรุ่งนี้ชั้นอาจจะไม่อยู่กวนใจนายแล้วก็ได้"  ยิ่งฟังในสิ่งที่พี่ชายพูดก็ยิ่งทำให้เคนรู้สึกกังวล
"เจอร์รี่!"  เคนเรียกชื่อพี่ชายด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนัก พี่ใหญ่หันมามองหน้าน้องชายตรงๆอย่างแปลกใจเขาไม่รู้ว่าน้องไม่พอใจอะไรเพราะเขาเองก็กะว่าพรุ่งนี้หากไม่มีอะไรผิดพลาดเขาก็จะกลับบ้านแล้วเช่นกันเพราะหากอยู่ต่อมันก็มีแต่จะทำให้น้องวุ่นวาย 
"ไม่ให้กลับ!"  เคนตวัดเสียง
"หา?"  เจอร์รี่ทำหน้างงๆ
"ก็บอกว่ายังไม่ให้กลับ! หรือถ้าจะกลับก็ไม่ต้องมาคุยกันอีกเลย!"  เคนพูดจบก็ทำท่าจะเดินจากไปแต่เจอร์รี่รีบคว้าแขนน้องไว้ก่อน
"เดี๋ยวสิ! ถ้าไม่ให้กลับแล้วจะให้ชั้นอยู่ต่อทำไม?"  ถามน้องชายอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
"ไม่ต้องอยู่แล้ว! อยากกลับก็กลับไปเลย!"  เคนไม่ตอบแต่ทำฟึดฟัดใส่พี่ชายเพราะรู้ว่าพี่ชายไม่กล้าขัดใจเขาแน่ และหากพี่ชายยังอยู่ใกล้ๆเขาก็คงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับพี่ชายแน่
"อยู่ก็ได้ พี่ใหญ่จะอยู่ต่อจนกว่านายจะไล่พี่กลับ"  รีบพูดเอาใจน้องชายทันที
"ก็ดี! งั้นไปกันได้แล้ว!" พูดจบเคนก็เดินนำพี่ชายไปก่อน
"ไขกุญแจเร็วๆหน่อยได้มั๊ย? ยุงเยอะจะตาย! จะให้ชั้นเป็นไข้เลือดออกตายหรอ?"  เคนบ่นกระปอดประแปดเมื่อเจอร์รี่ไขกุญแจห้องชักช้า
"บ่นจังเลยโว้ย! รอหน่อยไม่ได้หรืองัย?"  เจอร์รี่เองก็บ่นอุบอิบเช่นกัน เขาไม่เข้าใจเจ้าน้องชายคนนี้เลย
"ทำอะไรชักช้างุ่มง่ามเป็นคนแก่ไปได้!"  เคนต่อว่าพี่ชายอีก
"ปากดีนักนะ!"  เจอร์รี่ว่าพร้อมกับทำท่าจะเขกหัวน้องแต่เคนรีบวิ่งเข้าห้องไปก่อนทำให้เจอร์รี่ยกมือเก้อ
"สงสัยว่านี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่นายจะได้มาทำงานบนเรือนี้แล้วมั้ง"  คำพูดของเจอร์รี่ทำให้เคนหันขวับไปทางคนพูด
"ไอ้บ้า! พูดหรือว่าเห่ากันแน่เนี่ย?"  เคนแหวใส่พี่ชาย
"เดี๋ยวจะโดนตบปาก! พูดจาให้มันดีๆหน่อยนะ!"  พี่ใหญ่ชี้หน้าน้องชายอย่างเคืองๆกับคำพูดของน้อง
"ก็นายมาพูดแบบนั้นทำไมหละ? จะแช่งชั้นหรอ?"  เคนไม่วายเถียงกลับไปอีก
"ชั้นหมายความว่าการที่นายมาอยู่ในห้องผู้โดยสารแบบนี้มันผิดกฏไม่ใช่หรอ? แล้วนายเองก็โดนหมายหัวไว้ตั้งแต่เรื่องคราวก่อนพอมาทีนี้ยังทำผิดกฏอีกเดี๋ยวก็โดนไล่ออกจนได้!" พี่ใหญ่อธิบายให้น้องฟังอย่างไม่สบอารมณ์นัก
"เออ! ไม่อยากให้เข้ามาก็บอกสิ! ไปก็ได้!"  เคนว่าแล้วก็ทำท่าจะออกจากห้องแต่พี่ชายก็ดึงแขนไว้อีก
"ชั้นไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่เป็นห่วงว่านายจะโดนตำหนิจนกระทบกับเรื่องการทำงานของนายอีก"  พี่ใหญ่พูดอย่างอ่อนใจ
"ทำไม? กลัวว่าถ้าชั้นถูกไล่ออกแล้วต้องเป็นภาระให้นายเลี้ยงหรืองัย! ถึงไม่มีชั้นก็ไม่ขอเงินนายหรอก!"  เคนพูดออกไปโดยไม่ทันคิดจนเริ่มรู้สึกเมื่อเห็นพี่ชายนิ่งไป
"แต่อาจจะขอยืมเท่านั้นเอง แล้วนายอย่าคิดดอกเบี้ยแพงนะ"  พูดต่อแบบติดตลกเมื่อเห็นว่าพี่ชายเริ่มซีเรียส พี่ใหญ่มองหน้าน้องชายอย่างเหนื่อยใจ
"พี่คนนี้มันหน้าเลือดนักหรืองัย?"  ย้อนถามน้องชายกลับไป
"พูดเล่นเอง เครียดอะไรอีกหละ?"  เคนตีหน้ายุ่งในขณะพูด
"เสี้ยวเทียน เราจะคุยกันดีๆบ้างได้หรือเปล่า?"  พี่ใหญ่ถามพร้อมกับมองไปที่น้องชาย
"ชั้นก็พูดดีกับนายทุกครั้ง มีแต่นายแหละที่ด่าชั้นก่อนทุกที"  เคนยังไม่วายแอบแขวะพี่ชาย
"ให้มันน้อยๆหน่อย! ชั้นเนี่ยนะด่านายก่อน? ถ้าหากนายไม่งี่เง่าเกเรชั้นจะด่านายทำไม?"  พี่ใหญ่เองก็เถียงน้องอย่างไม่ยอมแพ้
"นายนั่นแหละงี่เง่า! เมื่อเช้าคนกำลังมึนๆก็ลากขึ้นมาเทศนาซะยาวเหยียด! เป็นใครจะไม่หงุดหงิดวะ!"  เคนขึ้นเสียงกับพี่ชาย
"อย่าวะสิโว้ย! ชั้นเป็นพี่นะพูดจาให้มันเคารพกันบ้าง!"  เจอร์รี่เอ็ดใส่น้องชายยกใหญ่
"ก็อย่าโว้ยสิวะ! ชั้นเป็นน้องนะพูดจาดีๆกับชั้นบ้างมันจะตายหรืองัย?"  เคนย้อนคำพี่ชายอย่างไม่กลัว
"ไอ้....."  เจอร์รี่ชี้หน้าน้องชายด่าอะไรต่อไม่ออก
"เฮ่อ!"  แล้วก็ได้แต่ถอดถอนใจ
"จะอาบน้ำหรือเปล่า?"  แล้วเจอร์รี่ก็เปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากทะเลาะกับน้องอีก
"เดี๋ยวกลับไปอาบที่ห้อง"  เคนว่าแล้วก็เมียงมองไปทางพี่ชาย เขารู้ดีว่าตอนนี้เจอร์รี่คงมีเรื่องกลุ้มใจหลายอย่าง
"เรื่องที่บริษัท....."  เคนเอ่ยขึ้นเบาๆแล้วสังเกตท่าทีของพี่ชาย
"ชั้นคงไม่ยุ่งแล้วหละ ปล่อยให้พ่อตัดสินใจดีกว่า"  เจอร์รี่ตอบด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย
"ชั้นทำเรื่องยุ่งมามากพอแล้ว"  คำพูดของพี่ชายทำให้เคนเป็นฝ่ายเงียบไปบ้าง
"อันที่จริงชั้นเองก็ผิดด้วย เพราะหากว่าชั้นบอกเรื่องอาเหลียนให้นายรู้แต่แรกบางทีเรื่องมันคงไม่บานปลายขนาดนี้ก็ได้"  พี่ใหญ่มองไปยังน้องชายที่นั่งก้มหน้าก่อนจะเอามือผลักหัวน้องชายเบาๆ
"ไม่หรอก เรื่องนี้มันเป็นความผิดของชั้นเอง คนที่ควรไว้ใจกลับไปหวาดระแวงแต่คนที่ควรจับตามองชั้นกลับมองข้ามไป"  พูดแย้งคำของน้องชายด้วยสีหน้าหมองลง
"ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีกได้มั๊ย? เรื่องมันเกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไปแล้วจะเก็บมาคิดให้รกสมองทำไมกัน"  เคนต่อว่าพี่ชาย
"นายเป็นคนเริ่มพูดเรื่องนี้ก่อนไม่ใช่หรอ?"  พี่ใหญ่ฝืนยิ้มพร้อมกับย้อนคำพูดของน้องชาย
"ชั้นแค่จะถามว่าเรื่องที่บริษัทน่ะไม่มีใครกลับไปดูแลแล้วมันไม่เป็นอะไรหรอ? ก็เท่านั้นเอง"  เคนตวัดเสียงอย่างเสียอารมณ์ที่โดนพี่ชายยอกย้อน
"จะเป็นอะไรก็ช่าง! ชั้นไม่อยากสนใจเรื่องอื่นมากกว่าเรื่องของน้องชายตัวเองอีกแล้ว"  เจอร์รี่ตอบแบบไม่ใส่ใจนัก
"ชั้นไม่ใช่เด็กเล็กๆนะถึงต้องตามมาดูแลกันขนาดนี้ จะบ้าหรืองัย!"  ต่อว่าพี่ชายกลับไปพร้อมกับเบ้ปากใส่
"ชั้นเชื่อว่านายดูแลตัวเองได้ แต่ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เสียไปจะกลับมาเหมือนเดิมได้หรือเปล่า"  พี่ใหญ่มีสีหน้าเศร้าลงอีกครั้ง
"คิดมากน่า!"  เคนบอกปัดแล้วเอนตัวลงบนเตียงพร้อมกับเอาแขนตัวเองหนุนหัว เจอร์รี่มองอากัปกิริยาของน้องด้วยรู้ดีว่าน้องยังเสียใจไม่หายเพราะไม่อย่างนั้นแล้วคงไม่ตัดบทเขาแบบนี้  
"ชั้นไม่โกรธแล้ว"  แล้วเคนก็พูดขึ้นเมื่อเห็นพี่ชายนิ่งไป เจอร์รี่เลิกคิ้วอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
"หลายวันที่ผ่านมาหลายเรื่องที่นายทำมันแทนที่ความรู้สึกที่เสียไปให้กลับมาได้บ้างแล้วหละ"  พูดต่อทั้งทียังนอนอยู่
"อาจจะยังกลับมาไม่เต็มร้อยแต่ก็ทำให้ชั้นไม่รู้สึกแย่มากเหมือนตอนแรกแล้ว"  เจอร์รี่นิ่งเงียบกับสิ่งที่น้องพูด 
"นายไม่จำเป็นต้องพูดเพื่อรักษาน้ำใจชั้นหรอก ยิ่งฟังนายพูดแบบนี้ชั้นยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ นายน่าจะด่าว่าชั้นแรงๆมากกว่า"  เจอร์รี่ว่าแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น
"ด่านายไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา? ดีไม่ดีก็โดนนายซัดจนน่วมซะอีก"  เคนแกล้งต่อว่าพี่ชายก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นมานั่ง
"ด่ามาเถอะชั้นรับรองว่าไม่ทำอะไรนายแน่ๆ"  พี่ใหญ่พูดเปิดทางให้เต็มที่
"ฮึ! อย่างนายน่ะเชื่อได้? เมื่อกี้พูดกระทบนิดๆหน่อยๆก็จะตบปากชั้น"  เคนเถียงพร้อมกับค้อนให้ด้วย พี่ใหญ่จึงได้แต่ถอนใจ
"อันที่จริงชั้นแก้แค้นายไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน"  เมื่อเห็นพี่ใหญ่ทำหน้าขรึมลงอีกเคนก็พูดยิ้มๆ
"หือ?"  เจอร์รี่มีสีหน้างงๆกับคำพูดที่ได้ยิน
"ไม่รู้ตัวเลยใช่มั๊ยหละ?"  พูดจบก็ชี้ไปที่กระเป๋ากางเกงของพี่ชาย เจอร์รี่มองตามมือน้องก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินออกมา
"หมายความว่างัย?"  ยังไม่ค่อยเข้าใจในขณะพลิกกระเป๋าเงินตัวเองไปมาเพื่อสำรวจ
"ข้างใน"  เคนตอบแล้วยักคิ้วให้ เจอร์รี่จึงเปิดกระเป๋าเงินออก
"เฮ้ยยยย!!!!"  แล้วก็ต้องอุทานออกมาเสียงดังเมื่อเห็นรูปของตัวเองที่โดนวาดหน้าจนเละเทะแทบดูไม่ได้
"ไอ้!!...."  ก่อนจะหันมาชี้หน้าน้องชาย เขาทั้งฉุนทั้งขำกับภาพที่ได้เห็น
"ฮ่าๆๆๆ!!! น่ารักมั๊ย? ชั้นใช้จินตานาการสูงส่งเลยนะ!"  เคนหัวเราะร่าพร้อมกับตั้งคำถามถากถางพี่ชายเข้าให้ด้วย
"ฝีมือนายใช่มั๊ย!? มานี่เดี๋ยวนี้นะ! จะตีให้มือหักเชียว! เล่นอะไรไม่รู้จักกาลเทศะ!"  พูดจบก็หันไปตั้งท่าจะเล่นงานน้อง
"อย่านะ! หายกันแล้ว! นายบอกเองว่าไม่ว่าอะไรที่จะทำให้ชั้นหายโกรธนายยอมทุกอย่าง!"  เคนเองก็ร้องโวยวายแล้ววิ่งหนีพี่ชายรอบห้องเช่นกัน
"ชั้นจะกลับห้องพักชั้นแล้ว!"  เคนร้องบอกเมื่อเห็นว่าพี่ชายยังจะจับตัวเขาให้ได้
"จะกลับก็เดินมา ประตูอยู่นี่"  เจอร์รี่ว่าพร้อมกับยืนขวางตรงบานประตูห้อง 
"มันดึกแล้วนายน่ะเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำสิ เดี๋ยวชั้นจะได้กลับห้องเหมือนกัน"  เคนตะล่อมให้พี่ชายไปทางอื่นเพื่อที่ตัวเองจะหนีออกไปได้อย่างปลอดภัยจากฝ่ามืออรหันต์ของพี่ชาย แต่พี่ใหญ่กลับยิ้มโหดๆแล้วพยักหน้า
"ได้เลยน้องรัก"  พูดจบก็เดินไปทางห้องน้ำ เคนเห็นดังนั้นก็รีบก้าวยาวๆไปที่ประตูแต่ก็ถูกพี่ชายคว้าตัวไว้ได้พอดี
"เฮ้ย!! ไม่เอานะพี่ใหญ่! ชั้นขอโทษ! ไว้จะอัดรูปมาคืนให้!"  เคนร้องบอกเมื่อโดนพี่ชายผลักหงายท้องลงไปที่เตียงนอน
"ชั้นต้องการให้มันเป็นเหมือนเดิมเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นชั้นตีนายตายแน่!"  เจอร์รี่ทำหน้าเข้มใส่น้อง
"โหยยย....แล้วชั้นจะลบมันยังงัยหละ?"  เคนโอดครวญทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ 
"แล้วอีกอย่างชั้นไม่ได้ทำนะ"  แล้วก็หาทางหนีทีไล่ได้อย่างทันท่วงที
"แต่เมื่อกี้นายบอกว่าฝีมือนาย"  เจอร์รี่แกล้งถามรุกทั้งทีรู้ดีว่าน้องชายทำแน่นอน
"ไม่ใช่ แวนเนสเป็นคนวาดชั้นแค่พูดเฉยๆ"  เคนปฏิเสธพร้อมกับส่ายหน้า
"แวนเนสมันวาดรูปได้เรื่องกว่านายเยอะ มันคงไม่วาดออกมาเหมือนเด็กอนุบาลหัดวาดรูปหรอกมั้ง?"  คำพูดของพี่ชายทำเอาเคนอ้าปากค้าง
"ดูถูกชั้นเกินไปแล้ว! ทำไมวะ? ถึงชั้นวาดรูปไม่ได้เรื่องแต่ก็เล่นดนตรีได้หลายอย่างนะโว้ย!"  เคนโวยวายเมื่อโดนพี่ชายพูดจี้จุดด้อยของตัวเอง
"สรุปว่ายอมรับว่านายเป็นคนทำ"  พี่ใหญ่พูดกลับมาเรื่องเดิมทำให้เคนอึ้งไปเลย
"แบบนี้ต้องโดนตี!"  พูดจบก็ยกมือขึ้นทำท่าจะตี
"ไม่ใช่นะ! ชั้นไม่ได้วาดหนวด....."  เคนแก้ตัวเพื่อหวังว่าพี่ชายจะลดโทษลงซักนิดก็ยังดี
"หลักฐานหละ?"  เจอร์รี่แกล้งถามน้องต่ออีก
"โทรถามแวนเนสก็ได้"  เคนพูดเหมือนจะท้าทาย
"ได้! แต่ถ้าแวนเนสบอกว่านายทำโดนเพิ่มอีกเท่านึงเลยนะ โทษฐานทำให้ชั้นเปลืองค่าโทรศัพท์"  พูดจบเจอร์รี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแต่ยังไม่ทันจะกดเบอร์เคนก็ดึงออกไปก่อน
"ไม่ต้องโทรก็ได้ แต่นายเป็นคนตาถึงหนิดูก็น่าจะรู้ว่าทั้งรูปเนี่ยหนวดมันสวยที่สุดเพราะฉะนั้นชั้นไม่ใช่คนวาดหรอก"  คำพูดของน้องทำให้เจอร์รี่หลุดขำออกมาจนได้
"ไอ้เด็กบ้า!"  เจอร์รี่เอามือดีดหน้าผากน้องชายเบาๆ แล้วมองรูปในมือตัวเองพร้อมกับส่ายหน้าไปมา
"แค่นี้ก็หายโกรธจริงหรอ?"  ถามพร้อมกับโบกรูปถ่ายในมือไปมา
"ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว"  เคนตอบ เจอร์รี่หรี่ตามองเจ้าน้องชายตัวดีคล้ายต้องการคำตอบที่แน่ชัดกว่านี้
"ถ้านายไม่ตีชั้น รับรองว่าหายโกรธจริงๆเลย"  เคนพูดจบก็ทำให้เจอร์รี่ต้องหัวเราะออกมาอีกรอบ
"โอเคๆๆๆ งั้นหายโกรธพี่ใหญ่จริงๆแล้วนะ"  พูดจบเขาก็เอนตัวลงนอนข้างน้องชาย เคนเอียงหน้าลอบมองพี่ชายที่หลับตาลงด้วยสีหน้าเหนื่อยๆ
"ขอบใจมากนะเสี้ยวเทียน"  พูดกับน้องทั้งที่ยังหลับตาอยู่
"คิดมากอีกแล้ว!"  เคนเอามือทุบลงไปที่ท้องของพี่ชายเบาๆ เพราะรู้ว่าพี่ชายยังรู้สึกผิดกับเขา
"ไม่ได้คิดซักหน่อย พี่ใหญ่แค่เริ่มง่วงเท่านั้นเอง"  พูดจบเจอร์รี่ก็พลิกตัวนอนหันหลังให้น้องชาย เคนขยับตัวลุกขึ้นนั่งแล้วมองพี่ชายอยู่ครู่หนึ่ง
"งั้นชั้นกลับห้องก่อนนะ"  บอกพี่ชายทิ้งท้ายแล้วลุกเดินไปที่ประตู
"เสี้ยวเทียน"  เสียงที่เรียกตามหลังมาทำให้เคนชะงักไป
"มีอีกเรื่องที่ชั้นอยากถาม"  เมื่อหันกลับมาเขาก็พบว่าพี่ชายลืมตามองเขาอยู่
"ว่ามาสิ"  เคนตอบแล้วหมุนตัวเดินกลับ
"ชั้นเคยบอกนายจริงๆหรอว่าใบไม้เป็นสีน้ำตาล?"  คำถามนั้นทำให้เคนเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
"อืม"  ก่อนจะตอบไปตามตรง
"แล้วนายก็เชื่อ?"  เจอร์รี่ถามย้ำอีก
"เชื่อ"  เคนพยักหน้าตอบ
"แม้แต่ตอนนี้?"  ถามต่ออีกครั้ง
"ใช่"  เคนยังคงผงกหัวอย่างเชื่อมั่น
"เสี้ยวเทียนเอ้ย.....ตอนนั้นชั้นคงล้อนายเล่นมากกว่า ใบไม้น่ะมันเป็นสีเขียวต่างหาก"  เจอร์รี่ลุกขึ้นมาก่อนจะพูดกับน้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"โอเค"  เคนตอบรับแล้วทำท่าจะออกไป
"เดี๋ยวสิ"  เจอร์รี่ลุกมาดึงแขนน้องไว้
"นายเชื่อชั้นมั๊ย?"  เจอร์รี่ถามน้องอีก
"เชื่อ"  เคนตอบแล้วยิ้มให้พี่ชาย
"ชั้นไปนอนนะ"  บอกลาพี่ชายอีกครั้ง แล้วเปิดประตูก้าวออกไป 
"พี่ใหญ่ครับ"  เมื่อก้าวออกไปแล้วเคนก็หันกลับมาเรียกพี่ชายที่ยืนนิ่งอยู่กับที่
"หืม?"  เจอร์รี่เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
"ตอนนั้นชั้นหยิบใบไม้แห้งไปถามพี่น่ะ"  พูดจบเคนก็ยิ้มหวานแล้วเดินจากไปทันที
"เฮ่อ! ไอ้ตัวแสบเอ๊ย!"  เจอร์รี่ได้แต่ส่ายหน้ากับความทะเล้นของน้องชายก่อนจะเดินยิ้มกลับมาที่เตียงนอน คืนนี้คงเป็นคืนที่เขาสามารถนอนหลับได้เต็มตาเสียที

- วันรุ่งขึ้น -
"เรือเทียบท่าอยู่ ลงไปเดินเล่นข้างล่างกันมั๊ย?"  คำชวนของน้องชายทำให้เจอร์รี่เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ  
"แล้วเราไม่ต้องทำงานหรอ?"  ย้อนถามน้องกลับไป
"เข้างานช่วงบ่ายน่ะ"  เคนตอบแล้วมองหน้าพี่ชายอย่างต้องการคำตอบ 
"ได้"  พูดจบก็หันกลับไปหยิบกระเป๋าเงินและโทรศัพท์มือถือติดตัวออกมา
"ได้โทรไปหาไจ่ไจ๋บ้างหรือยัง?"  เคนถามพี่ชายในขณะเดินมานั่งที่ม้านั่งตรงท่าเรือ 
"อืม....เจ้าสองคนนั่นถึงบ้านเรียบร้อย"  เจอร์รี่ตอบพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย อันที่จริงเขาเองก็ห่วงน้องเล็กเพราะท่าทางที่น้องแสดงออกเมื่อวานนั้นทำให้เขากังวลว่าน้องจะคิดมาก
"ปล่อยมันอยู่กันสองคนมีหวังบ้านเละแหงๆ"  เคนเกริ่นนำแล้วพูดต่อ
"ชั้นว่านายก็กลับบ้านไปได้แล้วหละ"  พี่ใหญ่เหลือบมองน้องชายแล้ววาดแขนไปโอบไหล่น้อง
"เบื่อหน้าพี่ใหญ่แล้วใช่มั๊ย?"  แกล้งถามน้องชายขึ้นมา
"แหงหละ! นายอยู่ใกล้ๆแบบนี้ทำอะไรทีชั้นเสียวสันหลังทุกที"  จบคำพูดของน้องเจอร์รี่ก็เลื่อนมือมาเคาะหัวน้องเข้าให้
"หน่อยแหนะ! อุตส่าห์เป็นห่วงเลยตามมาดูยังมีหน้ามาหาว่าชั้นตามมาจับผิดอีก"  คำประชดประชันของพี่ชายทำให้เคนหัวเราะออกมาได้ในที่สุด
"ไม่ได้หมายความแบบนั้นซักหน่อย"  เคนว่าแล้วก็มองพื้นทะเลอย่างอารมณ์ดี ทำให้พี่ใหญ่ค่อยโล่งอกที่น้องชายไม่มีท่าทีเฉยเมยกับเขาแล้ว
"พ่อแม่จะกลับเมื่อไหร่?"  เงียบไปครู่หนึ่งเคนก็เอ่ยถามพี่ชายอีกครั้ง
"ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นให้เรียบร้อยก่อนแล้วคงกลับมั้ง"  พูดจบก็ใช้มือโยกหัวน้องเบาๆ
"ถามทำไมหรอ?"  เคนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้า
"เปล่าหรอก แค่อยากชวนพ่อแม่ไปที่ที่นึงด้วยกัน แต่ถ้าพ่อแม่กลับไปก่อนที่ชั้นจะได้กลับบ้านก็ไว้เป็นคราวหน้าก็ได้"  คำตอบของน้องทำให้พี่ใหญ่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
"จะไปไหนหรอ?"  ถามน้องชายต่ออีก เคนหันกลับมามองพี่ชายแล้วส่ายหน้าอีกครั้ง
"ไม่บอก เป็นความลับ"  พี่ใหญ่ผลักหัวน้องเบาๆแล้วขยับเข้าไปกอดคอน้องชาย
"โทรไปคุยกับพ่อแม่ซักหน่อยสิ"  เคนได้ยินก็เม้มปากเล็กน้อย
"พวกเขาห่วงเรามากนะเสี้ยวเทียน"  พูดคล้ายจะเตือนน้องชายกลายๆ เคนถอนหายใจเบาๆแล้วเอนหัวซบลงที่ไหล่พี่ชาย
"ยังไม่อยากคุยก็ไม่เป็นไร"  เมื่อเห็นน้องไม่ตอบเจอร์รี่ก็ไม่เซ้าซี้เพราะกลัวว่าน้องจะคิดมากอีก
"ต่อสายให้หน่อยสิ"  เคนพูดกับพี่ชาย ทำให้คนฟังรู้สึกประหลาดใจ
"หืม?"  เจอร์รี่ทำเสียงย้อนถามคล้ายจะไม่แน่ใจว่าน้องหมายความตามที่พูดจริงหรือเปล่า
"ต่อสายให้หน่อย ชั้นไม่มีโทรศัพท์"  เคนเงยหน้าขึ้นมาแล้วบอกกล่าวเหตุผลกับพี่ชาย
"อ้อ! ได้สิ"  ได้ยินเช่นนั้นเจอร์รี่ก็รีบหยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาแม่
"แม่ครับ กลับบ้านหรือยัง?"  เมื่อฝ่ายคู่สนทนารับสายเจอร์รี่ก็เอ่ยถาม
"ยังไม่ถึงหรอ? เอ่อ.....เสี้ยวเทียนอยากคุยด้วยน่ะครับ"  พูดจบเจอร์รี่ก็ส่งโทรศัพท์ให้น้องชาย
"แม่"  เคนเรียกมารดาสั้นๆ
"ว่างอยู่หรอลูก? แล้วกินข้าวกินปลาหรือยัง? เมื่อคืนได้นอนพักผ่อนบ้างหรือเปล่า?"  คำถามที่ย้อนถามกลับมานั้นทำให้เคนรู้สึกดีอย่างประหลาด ไม่ว่ายังงัยแม่ก็อดที่จะเป็นห่วงเขาด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆไม่ได้
"เรียบร้อยแล้วครับแม่"  เคนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
"แม่ครับ....แม่จะกลับไปที่นู้นเมื่อไหร่?"  เคนถามแม่
"คงอีกซักระยะน่ะลูก ทำไมหรอ?"  แม่ตอบแล้วย้อนถามลูกชายกลับ
"เปล่าครับ ผมแค่อยากให้พ่อแม่อยู่จนผมจะกลับไปบ้านอีกครั้ง"  เคนตอบแล้วพูดต่อ
"ผมอยากให้พ่อแม่ไปที่ที่นึงกับผม"  คำพูดของลูกชายนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะทำให้คนเป็นแม่ดีใจขนาดไหน
"ได้จ๊ะลูก พ่อแม่อยู่รอลูกได้อยู่แล้ว"  เสียงแม่ตอบกลับมาโดยไม่ต้องหยุดคิด แล้วเคนก็ได้ยินเสียงพ่อถามแทรกแม่ตลอดเวลาว่าคุยกับเขาอยู่หรือ เมื่อแม่ตอบแล้วก็ได้ยินเสียงพ่อขอคุยด้วยแว่วๆมา
"ให้แม่คุยก่อนสิพ่อ"  เสียงแม่เอ็ดพ่อเบาๆ โดยมีเสียงพ่อร้องครางเหมือนเด็กๆ ทำให้เคนหัวเราะออกมาได้ เจอร์รี่เองก็ยิ้มออกเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของน้องชาย เขานั่งฟังน้องคุยโทรศัพท์เงียบๆโดยไม่พูดแทรกอะไรขึ้นมา
"ถ้างานทางนั้นยุ่งพ่อแม่กลับไปทำก่อนก็ได้ เพราะว่าเรื่องนี้ผมไม่ซีเรียส เราไปกันเมื่อไหร่ก็ได้"  เคนอธิบายกับแม่ต่อ
"ไม่หรอกลูก เพราะยังงัยเรื่องยุ่งๆทางนี้ก็คงต้องใช้เวลาจัดการอีกซักพักอยู่แล้ว กลับไปกลับมามันจะเสียเวลามากกว่า"  ในขณะที่แม่คุยกับเขานั้นเคนก็ได้ยินเสียงพ่อร้องขอคุยด้วยอยู่ตลอดเวลา 
"แม่ครับ.....ขอผมคุยกับพ่อหน่อย"  แล้วเคนก็ขอคุยกับพ่อบ้างเพราะรู้ดีว่าพ่อคงอยากได้ยินเสียงเขาในตอนนี้
"เสี้ยวเทียน.....พ่อเองนะลูก"  ประโยคแรกที่พ่อพูดมาทำให้เคนหัวเราะขึ้นมาอีก
"ผมรู้ครับ เพราะผมรู้ว่าแม่อยู่ที่ไหนพ่อก็ต้องอยู่ด้วยตลอด"  เคนพูดเป็นเชิงแซวบุพการี
"นั่นสิ พ่อจะแนะนำตัวทำไม"  พ่อพูดด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะ แต่เคนก็พอจะจับน้ำเสียงเกร็งๆของพ่อได้
"พ่อรู้แล้วใช่มั๊ยว่าถ้าผมเสร็จงานเมื่อไหร่เราจะไปที่ที่นึงด้วยกัน"  เคนพูดกับพ่อด้วยน้ำเสียงร่าเริง
"ไปไหนดีหละลูก? อยากไปเที่ยวที่ไหนบอกมาเลย พ่อกลับไปรับลูกมาตอนนี้ยังได้เลยนะ"  พ่อรับปากอย่างกระตือรือร้น
"ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ครับ ผมยังต้องทำงานอีกนาน"  เคนพูดพลางหัวเราะพลาง
"เอาเป็นว่าพ่อแม่รับปากว่าจะไปกับผมแล้วนะ แต่มีข้อแม้นะว่าเราไปกันแค่สามคนพ่อแม่ลูก"  เคนพูดต่อยิ้มๆ
"ได้เลยลูก ว่าแต่ลูกจะกลับมาช่วงไหนนะ?"  พ่อตอบแล้วถามกลับมาอีก
"ก็ปลายเดือนน่ะครับ ตอนแรกว่าจะทำโอทีต่ออีกซักอาทิตย์แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว"  เคนตอบพ่อไปตามสาย
"ดีแล้วลูก อย่าทำงานให้มันหนักนักเลย เดี๋ยวสุขภาพจะพลอยแย่เอา"  พ่อตอบกลับมาอย่างเป็นห่วง
"ผมก็เห็นพ่อกับแม่ทำงานหนักไม่แพ้กันหรอก"  เคนย้อนก่อนจะตัดบท
"พ่อครับ เราคุยกันแค่นี้ก่อนดีกว่า ไว้ผมจะโทรหาใหม่"  ได้ยินเช่นนั้นพ่อก็ตอบรับแต่โดยดี เคนรอให้พ่อวางสายไปก่อนถึงจะส่งโทรศัพท์คืนให้พี่ชาย
"อ้อนพ่อแม่ใหญ่เลยนะ"  เจอร์รี่พูดแหย่ด้วยสีหน้ายิ้มๆ
"ชั้นอ้อนที่ไหน? พูดคุยธรรมดาต่างหาก"  เคนเถียงแล้วทำหน้าเหมือนนึกอะไรได้จึงดึงโทรศัพท์มาจากมือพี่ชาย
"โอ้ย!"  เคนร้องพร้อมกับหดมือกลับเมื่อโดนพี่ชายตีเพี๊ยะเข้าให้ที่มือ
"บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าดึงของจากมือคนอื่น ถ้าจะเอาก็ขอดีๆ"  ดุน้องชายเข้าให้ด้วย
"เรื่องแค่นี้ก็ต้องตีด้วย!"  เคนบ่นอุบแล้วทำท่าจะหยิบโทรศัพท์มา พี่ใหญ่เลยทำท่าจะตีอีกที
"ขอยืมหน่อย"  เคนออกปากอย่างเซ็งๆ
"พูดจาให้มันมีหางเสียงหน่อยได้มั๊ย? ชั้นฟังไม่ออกเลยว่านายสั่งหรือว่าขอร้องชั้นกันแน่"  เจอร์รี่ตำหนิน้องชายอีก เคนลอบถอนหายใจกับความเข้มงวดของพี่ชายก่อนจะลุกขึ้นยืน
"จะไปไหน?"  เห็นน้องลุกขึ้นเจอร์รี่ก็ร้องถามอีก
"ชั้นจะไปใช้โทรศัพท์สาธารณะ"  พูดจบก็เดินดุ่มๆไปที่โทรศัพท์สาธารณะใกล้ๆที่นั่ง เจอร์รี่ถอนหายใจกับความดื้อแพ่งของน้องชายก่อนจะลุกตามไป
"ทำไมถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้! ที่สอนก็เพราะหวังดียังจะมาทำประชดอีก!"  พี่ใหญ่เอื้อมมือไปกดหูโทรศัพท์ก่อนที่น้องจะทันได้ยกขึ้นมา เคนกรอกตาไปมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะหันหน้ากลับไปหาพี่ชายแล้วฝืนยิ้มให้อย่างจงใจ
"ขอโทษครับที่ทำตัวไม่ดี ชั้นสำนึกผิดแล้วพี่ใหญ่จะกรุณาให้ชั้นใช้โทรศัพท์ได้หรือยังครับ?"  ถามประชดพี่ชายกลับไป
"นี่....."  เจอร์รี่ถึงกับพูดอะไรไม่ออกเมื่อน้องเล่นไม้นี้
"ชั้นหยอดเหรียญเองก็ได้ไม่รบกวนโทรศัพท์ของพี่ใหญ่แล้ว ขอความกรุณาให้ชั้นใช้โทรศัพท์เถอะนะครับ"  เคนยังประชดพี่ชายต่ออีก 
"นายนี่มัน....."  เจอร์รี่อยากจะเอ็ดเจ้าน้องชายตัวดีแต่กลับนึกสรรหาคำมาต่อว่าไม่ออก
"เกะกะ!"  แล้วเคนก็พูดเสียงดังใส่หน้าพี่ชายก่อนจะดึงโทรศัพท์มือถือในมือพี่ชายออกมาแล้วเดินเลี่ยงไปทางอื่นเพื่อต่อสายไปหาน้องเล็ก เจอร์รี่ได้แต่ส่ายหน้าแต่ก็เดินตามน้องมาด้วย
"ครับพี่ใหญ่"  เสียงที่รับนั้นฟังดูเนือยๆ
"ไม่ใช่พี่ใหญ่"  เคนพูดแย้งกลับไปแล้วเขาก็ได้ยินน้ำเสียงที่ฟังดูมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าเดิม
"พี่กลาง! คิดถึงจัง!"  เคนยิ้มเมื่อได้ยินแต่เมื่อเห็นพี่ชายยืนอยู่ข้างๆก็หุบยิ้มทันที
"ไม่ต้องมาทำเป็นปากหวาน! เพิ่งจะเห็นหน้ากันหลัดๆนายก็หนีพี่ไปซะแล้ว"  เคนต่อว่าน้องที่ไปโดยไม่ทันร่ำราเขา
"อ้าวๆๆๆ!!!! พูดดีๆหน่อยสิครับ เห็นหน้ากันหลัดๆเขาใช้เนื่องในโอกาสคนที่ตายจากกันต่างหาก ผมยังไม่ตายนะ!"  เสียงไจ่ไจ๋บ่งบอกถึงอาการกระเง้ากระงอด
"อ้าวหรอ? นึกว่าใช้ได้เหมือนกันซะอีก"  เคนว่าพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
"โทรหาน้องหรอ?"  เจอร์รี่สะกิดถามน้องชายเพราะพอจะเดาได้ว่าหากเคนมีรอยยิ้มเช่นนี้คู่สนทนาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากน้องชายคนเล็ก
"ยุ่ง!"  เคนตวัดเสียงใส่แล้วหันหลังหนี เจอร์รี่นึกอยากจะหาก้อนหินมาทุบหัวเจ้าน้องชายจอมเกเรคนนี้เสียจริงๆ
"พี่กลางว่าอะไรผมอีก?"  เสียงที่เคนต่อว่าพี่ชายนั้นดังลอดเข้าไปตามสายโทรศัพท์ทำให้ฟากของน้องชายร้อนตัวขึ้นมาทันที
"พี่ไม่ได้ว่านาย พี่ว่าคนแก่น่ารำคาญบางคนต่างหาก"  เคนไม่วายแขวะกัดพี่ชายไปด้วย
"ปากเก่งนักนะ!"  พี่ใหญ่รู้สึกหมั่นไส้เจ้าน้องชายตัวดีเลยอยากจะตีก้นให้ซักที แต่เคนเหมือนจะรู้จึงรีบเดินไปนั่งที่ม้านั่งตามเดิม
"นอกจากขี้บ่นน่ารำคาญแล้วยังชอบลงไม้ลงมืออีกต่างหาก โหดไม่มีใครเกิน"  เคนนินทาพี่ชายให้น้องฟัง แล้วก็ได้ยินเสียงไจ่ไจ๋หัวเราะมาตามสาย
"ดีกันแล้วใช่มั๊ยครับ? ผมดีใจจริงๆเลย"  ไจ่ไจ๋พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ จนเคนอดที่จะส่ายหน้าไม่ได้
"ก็โอเค พี่จะยอมให้ซักครั้ง"  เคนตอบแล้วพูดเปลี่ยนเรื่อง
"เออนี่....อยู่กับไอ้พี่รองสองคนข้าวปลาอาหารทำยังงัยกัน?"  ถามฝ่ายคู่สนทนาอย่างเป็นห่วง
"ก็กินบะหมี่ง่ายๆกันก็ได้ นี่กลับมาถึงก็กินกันไปคนละสองถ้วย ตอนนี้พี่รองหนีเที่ยวไปแล้ว"  น้องเล็กรายงานกลับมาเสียงใสแจ๋ว
"ไอ้บ้าเอ้ย! พี่บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่ากินของสำเร็จรูปพวกนั้นให้มากนัก! ทำไมไม่ออกไปหาอะไรกินกันวะ!"  เคนได้ยินก็โวยวยใส่ อันที่จริงเขาเองก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าหากไจ่ไจ๋กับแวนเนสอยู่ด้วยกันอาหารหลักคงไม่พ้นพวกบะหมี่สำเร็จรูปทุกมื้ออย่างแน่นอน
"ก็พี่รองเขาออกไปข้างนอกได้ง่ายๆหรืองัยหละ? คิดหรอว่าผมอยากจะกินแต่ของพวกนี้"  เสียงน้องชายบ่นกลับมา
"นายก็ออกไปซื้อก็ได้ หรือไม่ก็โทรสั่ง.....เอ้ย! ห้ามโทรสั่งพวกพิซซ่ามากินทั้งวันนะ นั่นก็ไม่มีประโยชน์เท่าไหร่"  เคนเองก็อดที่จะจู้จี้เรื่องอาหารการกินของน้องไม่ได้
"พี่กลางจะโทรมาบ่นผมเพราะเรื่องพวกนี้หรอ? ไม่เห็นอยากคุยด้วยเลย"  เมื่อได้ยินน้องโอดครวญกลับมาเคนก็ได้แต่ถอนหายใจ
"พรุ่งนี้ผมก็เปิดเรียนแล้วไม่คิดจะถามหน่อยหรอ?"  เสียงไจ่ไจ๋แฝงไปด้วยน้ำเสียงอ้อนเล็กน้อยอาจจะเพราะต้องการให้พี่ชายหยุดบ่นก็เป็นได้
"เออ! เปิดเทอมก็ตั้งใจเรียนหละ แล้วหนังสือหนังหาก็จัดเตรียมให้มันครบๆไว้ก่อนพรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องวิ่งวุ่นหาอีก"  เคนสั่งกำชับน้องชาย
"พรุ่งนี้จะไปเรียนกี่โมง? หากเช้ามากพี่จะได้โทรไปปลุก"  เคนถามต่ออย่างห่วงน้องไปซะทุกอย่าง
"เก้าโมงเช้า"  ไจ่ไจ๋ตอบ
"งั้นเดี๋ยวประมาณเจ็ดโมงพี่โทรไปปลุก"  เคนว่าแล้วก็เพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้
"แต่คงใช้โทรศัพท์สาธารณะโทรไปนะ"  พูดเสริมต่อจากประโยคดังกล่าว
"ครับผม ว่าแต่ตอนนี้พี่กลางไม่ทำงานหรอ?"  ไจ่ไจ๋ถามกลับมาบ้าง
"พี่เข้างานบ่าย ตอนนี้เรือเทียบท่าเลยลงมาเดินเล่นอยู่ท่าเรือนี่แหละ"  เคนตอบแล้วหันไปทางพี่ชายคนโตที่นั่งอยู่ข้างๆ
"เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ใหญ่ก็กลับแล้วหละ คืนนี้ก่อนนอนดูฟืนไฟให้ดีๆแล้วประตูบ้านล็อกให้แน่นหนาหละรู้มั๊ย?"  เคนสั่งโน้นสั่งนี่น้องชายอยู่อีกครู่หนึ่งก่อนจะวางสายไป
"เอ้า! เอาคืนไป!"  เคนว่าโยนเครื่องโทรศัพท์มือถือให้พี่ชายอย่างจงใจจะแกล้ง 
"เฮ้ย!!!"  เจอร์รี่อุทานอย่างตกใจแล้วรีบตะครุบโทรศัพท์ไว้ได้ทัน เคนเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะที่แกล้งพี่ชายได้สำเร็จ
"โอ้ยยยย!!!!"  แต่แล้วก็ร้องลั่นด้วยความเจ็บระคนตกใจที่พี่ชายคว้ามือข้างที่เขาเพิ่งโยนมือถือคืนให้ไปเคาะลงตรงที่เท้าแขนเก้าอี้อย่างแรง
"เจ็บนะโว้ย!! นิ้วมือแตกไปจะว่ายังงัย!"  เคนโวยวายใส่พี่ชายพร้อมกับกุมมือตัวเอง
"อ้อ! เมื่อกี้ยังไม่แตกใช่มั๊ย? ต้องโดนอีกซักที!"  พูดจบก็ดึงมือน้องมาอีก
"ไม่เอา!!"  เคนร้องเสียงหลงแล้วรีบชักมือกลับมาทันที 
"ร้ายนักนะ! ถ้ากล้าทำแบบนี้อีกชั้นจะเอามีดมาสับมือให้ขาดเลย!"  พี่ใหญ่ไม่ดุเปล่าแต่เอื้อมมือไปหยิกที่ต้นแขนของน้องชายค่อนข้างแรง
"โอ้ย!! เจ็บนะ!!"  เคนร้องพร้อมกับจับมือพี่ชายเพื่อจะดึงออกแต่ก็ต้องทำหน้าเหยกว่าเดิมเพราะพี่ชายไม่ปล่อยซ้ำยังออกมาแรงหยิกซ้ำลงไปอีก   
"ชั้นกลัวแล้วววว....ไม่กล้าทำอีกแล้วววว.....ขอโทษคร้าบบบ....."  เคนได้แต่ร้องพร้อมกับยกมือไหว้พี่ชายปะหลกๆ พี่ใหญ่เห็นเช่นนั้นจึงยอมปล่อยมือ
"จำไว้เลยนะ! ห้ามโยนของให้คนอื่นเด็ดขาด!"  พี่ใหญ่ไม่วายสั่งสอนน้องทิ้งท้าย เคนลูบแขนตัวเองด้วยสีหน้าแหยๆเพราะเจ็บ
"ทำไมถึงโหดแบบนี้ก็ไม่รู้ ล้อเล่นนิดเดียวเอง"  บ่นพึมพำออกมาเบาๆ แต่พอเห็นว่าพี่ชายจ้องอยู่ก็ก้มหน้าทันที
"ถ้าจะเล่นก็คิดให้ดีซะก่อนว่ามันสมควรหรือเปล่า เราไม่ใช่เด็กๆแล้วที่จะเล่นอะไรก็ทำโดยไม่ต้องคิด"  เจอร์รี่อธิบายให้น้องฟัง
"ของพวกนี้เราโยนมาแล้วถ้าหากพี่ใหญ่รับไม่ทันมันจะเป็นยังงัย?"  เคนนิ่งไม่ตอบและไม่กล้าสบตาพี่ชายด้วย
"มันก็ตกพื้นแล้วก็เสีย ถ้าผลออกมาแบบนี้แล้วมันคุ้มกับความสนุกเพียงเล็กน้อยหรือเปล่า?"  ย้อนถามน้องชายกลับไปอีกครั้ง
"ถ้ามันเสียหายเพราะเรื่องที่นายเล่นซนพี่รู้สึกเสียดายแต่ถ้าหากนายทำมันหล่นจากมือด้วยความไม่ตั้งใจพี่จะไม่เสียดายเลย"  พูดจบก็เชยคางน้องขึ้นมา เขาไม่ได้อยากจะดุให้น้องกลัวแต่เพียงแค่จะสอนให้เข้าใจว่าทำไมเขาทำต้องลงโทษน้องเท่านั้น
"เข้าใจมั๊ยครับ?"  ถามน้องชายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่กลับโดนน้องชายเอามือทุบที่ไหล่
"นี่!"  พอโดนแบบนี้เจอร์รี่เลยฉุนขาดเขาเงื้อมือขึ้นโดยอัตโนมัติ
"อย่านะ! เพราะเมื่อกี้ชั้นไม่ได้โยนมือถือให้นายซักหน่อยแต่ชั้นเผลอทำร่วงจากมือโดยไม่ได้ตั้งใจ!"  เคนร้องบอกพร้อมกับยิ้มหวาน
"เพราะฉะนั้นเมื่อชั้นไม่ได้ตั้งใจนายก็ว่าชั้นไม่ได้ ดังนั้นเมื่อกี้ชั้นก็แค่เอาคืนเพราะนายทำชั้นเจ็บ"  พี่ใหญ่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเมื่อเจ้าน้องชายตัวแสบเล่นบทดื้อตาใสเช่นนี้
"อย่างนั้นหรอ? แต่ว่าบ้านเราถือหลักอาวุโสคนที่เล็กกว่าไม่มีสิทธิทำอะไรคนที่โตกว่าทุกกรณี เพราะฉะนั้น....."  พี่ใหญ่พูดจบก็เงื้อมือขึ้นอีกครั้ง เคนกลายเป็นฝ่ายอ้าปากค้างบ้างเมื่อพี่ชายมาไม้นี้
"ชั้นว่าเรากลับขึ้นเรือกันดีกว่า ชั้นต้องเตรียมตัวทำงานต่อ"  เคนเปลี่ยนเรื่องเอาดื้อๆแล้วหมุนตัวจะเดินกลับไปขึ้นเรือ
"ถ้าพูดคำเดียวรู้เรื่องโดนแค่สองที แต่ถ้าหนีโดนสองโหล"  คำพูดไล่หลังของพี่ชายทำเอาเคนชะงักกึก
"จะนับหนึ่งถึงสาม.....หนึ่ง.....สอง.....สะ....."  เจอร์รี่พูดแล้วเริ่มนับรวดเดียวจนเกือบจะจบเคนรีบหันกลับมาแล้ววิ่งพรวดเข้าไปหาพี่ชายทันที เจอร์รี่นึกขำเจ้าน้องชายตัวแสบแต่ยังเก๊กหน้าดุ
"ต้องโดนกี่ที?"  ยืนเท้าเอวแกล้งถามเจ้าน้องชายตัวดีต่อ      
"หนึ่งที"  เคนตอบพร้อมกับปั้นยิ้มหวาน
"ถ้าเลือกหนึ่งนั่นหมายถึงหนึ่งโหล"  แกล้งขู่น้องต่ออีก
"สองทีก็ได้"  เคนรีบเปลี่ยน
"สองก็หมายถึงสองโหล"  เจอร์รี่ได้ทีแกล้งน้องต่อ
"เฮ้ย! แต่เมื่อกี้นายบอกว่า......"  เคนตั้งท่าจะแย้ง
"ก็นายมันชอบแหกกฏนักนี่! ชั้นตั้งกฎเอาไว้ก็ดันมาต่อรองอีก แบบนี้ชั้นก็สามารถลดหรือเพิ่มโทษนายได้เหมือนกัน"  คำพูดของพี่ชายทำเอาเคนพูดอะไรไม่ออกจึงได้แต่ถอนหายใจเพราะถ้าขืนเถียงออกไปอีกมีหวังได้โดนพี่ชายตีตายคามือแน่
"ชั้นทุบนายเบาๆเอง อย่าตีชั้นแรงมากนะ"  เคนไม่วายขอร้องพี่ชายก่อนจะยืนกอดอกให้พี่ชายทำโทษแต่โดยดี เจอร์รี่แอบยิ้มแล้วเปลี่ยนไปดีดหูน้องแทน
"โอ้ย!"  เคนร้องด้วยความตกใจที่จู่ๆพี่ชายก็เปลี่ยนใจ
"ดีดหูทำไม? เจ็บนะ!"  เคนโวยวายใหญ่
"แล้วชั้นจะตีนายให้เจ็บมือทำไม? ใส่กางเกงยีนส์หนาซะขนาดนี้ตีลงไปก็ไม่รู้สึกหรอก"  เจอร์รี่พูดพร้อมกับยักคิ้วให้กวนๆ เคนค้อนใส่เสียหลายตลบพร้อมกับเอามือถูใบหูตัวเอง
"พรุ่งนี้รีบไสหัวกลับบ้านไปเลยนะ! ไม่อยากเห็นหน้า!"  เคนพูดเสียงห้วนจบแล้วก็เดินหนี
"นี่! ปากดีเหลือเกินนะ! คอยดูเถอะหากว่านายขาดชั้นแล้วจะรู้สึก!"  เจอร์รี่พูดไล่หลังน้องชาย แล้วเขาก็เห็นน้องหันขวับกลับมาพร้อมกับชูกำปั้นให้ดู 
"ไอ้น้องคนนี้.....ร้ายจริงๆ......"  เจอร์รี่พึมพำกับตัวเองพร้อมกับส่ายหน้าไปมาแต่แน่นอนว่าเขายิ้มได้แบบไม่ต้องฝืนอีกแล้ว




 

Create Date : 17 มิถุนายน 2557    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2558 19:58:14 น.
Counter : 1249 Pageviews.  

Chapter 87

 ตอนที่ 87

"ผมไม่รู้ว่าพี่กลางคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงเป็นคนดีแบบนี้ก็ไม่รู้"  ไจ่ไจ๋บ่นพี่ชายคนกลางอย่างขัดใจ
"หวังว่าพ่อคงไม่ตามใจพี่กลางหรอกนะ"  พูดต่ออีกอย่างไม่สบอารมณ์นัก หลังจากดื่มกันได้ครู่ใหญ่พ่อและแม่ก็เริ่มเพลียจึงขอตัวกลับไปพักผ่อน แต่แวนเนสกับเคนอยากจะดื่มกันต่อดังนั้นเจอร์รี่จึงยกห้องให้น้องชายทั้งสองคนโดยตัวเองมานอนกับน้องเล็กแทน
"พี่ชายของนายคนนี้มันชอบทำอะไรที่คนอื่นนึกไม่ถึงเสมอ"  เจอร์รี่ว่าพร้อมกับลูบหัวน้องไปด้วย
"แล้วพี่ใหญ่จะทำยังงัย? เรื่องคนอื่นนอกจากอาเหลียนน่ะ?"  น้องเล็กเงยหน้าถามพี่ชายต่อ
"ไม่รู้สิ คงต้องปรึกษาพ่อดูก่อน"  พี่ใหญ่ส่ายหน้า
"เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่พี่ไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดขึ้นกับบริษัทเรา"  พูดจบก็ถอนหายใจ ไจ่ไจ๋เองก็เงียบไปครู่หนึ่ง
"พี่ใหญ่ครับ ผมอยากถามอะไรบางอย่างแต่ไม่รู้ว่ามันจะทำให้พี่ใหญ่คิดมากหรือเปล่า?"  พูดออกมาอย่างลังเล
"มีอะไรก็ว่ามาสิ พี่ไม่เป็นไรหรอก"  เจอร์รี่ตอบแล้วขยี้หัวน้องอย่างเอ็นดู
"ตอนแรกพี่ใหญ่เชื่อจริงๆหรอว่าพี่กลางเป็นคนทำ?"  คำถามของน้องทำเอาพี่ใหญ่รู้สึกจุกขึ้นมาเฉยๆ
"เอ่อ.....ถ้าลำบากใจไม่ต้องตอบก็ได้"  แล้วไจ่ไจ๋ก็รีบบอกปัดเพราะเห็นว่าพี่ชายเงียบไป
"พี่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งน่ะ"  เจอร์รี่ตอบน้องตามตรง
"ครึ่งที่เชื่อก็เพราะหลักฐานที่ได้เห็น"  น้องเล็กถอนหายใจเบาๆ
"บางทีผมเองก็อาจจะผิดที่ไม่ยอมบอกพี่ใหญ่ตั้งแต่แรก เพราะผมเองก็พบพิรุธของอาเหลียนพร้อมกับพี่กลางเหมือนกัน"  ไจ่ไจ๋ตำหนิตัวเอง
"พวกนายก็เป็นกันซะแบบนี้ มีเรื่องอะไรไม่ยอมบอกให้พี่รู้"  พี่ใหญ่บ่นน้อง
"ก็พี่กลางกลัวพี่ใหญ่ไม่เชื่อเลยอยากจะสืบให้ได้เรื่องก่อนถึงค่อยบอก ไม่รู้ว่าเรื่องมันจะกลับกลายมาเป็นแบบนี้ไปได้"  น้องเล็กแก้ตัว
"วันนั้นที่ผมออกไปเจอพี่กลาง บอกตามตรงเลยว่าตกใจมากเพราะไม่เคยเห็นพี่กลางเป็นแบบนั้นมาก่อน"  คำบอกเล่าของน้องเล็กทำให้เจอร์รี่หน้าเศร้าลง
"ปกติมีเรื่องอะไรไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ พี่กลางจะโวยวายหรือไม่ก็เก็บตัวเงียบ แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่ พี่กลางทำเป็นร่าเริงทำเป็นยิ้มทั้งที่ในใจของพี่กลางตอนนั้นมันแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว"  ไจ่ไจ๋นึกไปถึงคืนที่เขาวิ่งตามหาพี่ชายแล้วก็นึกสงสารพี่ชาย
"ว่าแต่พี่กลางคงหายโกรธพี่ใหญ่แล้วมั้ง?"  แล้วไจ่ไจ๋ก็เปลี่ยนน้ำเสียงให้ร่าเริง
"พี่ก็ไม่รู้ เจ้าพี่กลางมันยอมคุยกับพี่เป็นปกติแต่ไม่รู้ว่าทำไมพี่ถึงรู้สึกห่างเหินกับมันจัง พี่คงสบายใจกว่าถ้ามันด่าพี่เจ็บๆหรือทำเงียบไม่คุยกับพี่ไปเลย"  น้องเล็กเม้มปากเล็กน้อยแล้วกอดพี่ชายเอาไว้
"ผมมั่นใจว่าพี่กลางต้องให้อภัยพี่ใหญ่แน่ เพราะกับคนอื่นพี่กลางยังยอมให้อภัยโดยไม่ติดใจเอาความอะไรเลย แล้วกับพี่คนที่เป็นพี่ชายแท้ๆเป็นคนที่เลี้ยงเขามากับมือเขาจะให้อภัยพี่ไม่ได้เชียวหรอ?"  ไจ่ไจ๋พูดให้กำลังใจพี่ชาย เจอร์รี่ฟังแล้วก็ยิ้มออกมาได้
"น้องพี่โตขึ้นมากแล้ว รู้จักพูดจาปลอบใจคนอื่นก็เป็น"  พูดกับน้องด้วยแววตาอ่อนโยน
"ผมไม่ได้แค่ปลอบใจนะครับ แต่มันเป็นความจริง"  พี่ใหญ่หยิกแก้มน้องเบาๆ 
"พี่จะเชื่อที่นายบอกแล้วกันนะ"  พูดกับน้องยิ้มๆ
"รับรองว่าเชื่อผมแล้วไม่ผิดหวังแน่"  ไจ่ไจ๋พูดพร้อมกับตบอกตัวอง พี่ใหญ่หัวเราะออกมาได้ในที่สุด
"ระหว่างที่พี่ไม่อยู่เกเรกับพ่อแม่หรือเปล่า?"  เจอร์รี่เปลี่ยนมาคุยเรื่องอื่นกับน้อง
"ไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว ผมน่ะน่ารักจะตายไม่เชื่อไปถามพ่อแม่ได้เลย"  ไจ่ไจ๋ตอบแบบเข้าข้างตัวเอง
"น่าเชื่อจริงๆ"  เจอร์รี่ทำหน้าไม่ค่อยเชื่อ
"จริงๆนะ มีแต่พี่รองแหละที่ชอบทำให้แม่ปวดหัว"  แล้วก็ได้ทีฟ้องพี่ใหญ่ซะเลย
"ทำให้แม่ปวดหัว? มันทำอะไร?"  ถามน้องต่ออีก
"หลายอย่าง พี่ใหญ่ก็รู้ว่าพี่รองน่ะทะเล้นขนาดไหน พอพี่ใหญ่ไม่อยู่พี่รองก็กวนเต็มที่เลย แถมชอบแกล้งผมอีกต่างหาก"  พี่ใหญ่ยิ้มขำๆกับเจ้าน้องเล็ก แน่นอนว่าเขาไม่ได้เชื่อตามที่น้องพูดเลยซะทีเดียว
"งั้นเดี๋ยวกลับบ้านไปพี่ใหญ่จะตีมันให้หัวแตกเลยดีมั๊ย?"  แกล้งถามเจ้าน้องชายตัวดีกลับไป
"ดีครับ"  ไจ่ไจ๋ตอบเสียงใสแจ๋ว
"แต่พี่ว่าเราก็คงทะเล้นไม่น้อยไปกว่าเจ้าพี่รองหรอก"  เจอร์รี่เปลี่ยนมาบีบจมูกน้องเบาๆ
"พี่ใหญ่อ่ะชอบว่าผมทุกทีเลย ไม่อยากคุยด้วยแล้ว"  เมื่อโดนพี่ชายแขวะเข้าให้บ้างไจ่ไจ๋ก็ทำเป็นงอน
"โอ๋ๆๆๆ พี่พูดเล่น น้องพี่คนนี้น่ะออกจะน่ารักไม่มีทางที่จะกวนอารมณ์ใครได้หรอกเนอะ"  เจอร์รี่รีบเปลี่ยนมาชมน้องชาย
"พูดแบบนี้ค่อยน่าฟังหน่อย"  น้องเล็กว่าพร้อมกับยิ้มทะเล้นให้พี่ชาย
"ฮึ! ไอ้ตัวแสบเอ้ย!"  พี่ใหญ่ผลักหัวน้องแล้วตัดบท
"ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วมานอนได้แล้ว" ว่าพร้อมกับพยักหน้าให้น้องไปอาบน้ำ   
"ครับ"  ไจ่ไจ๋รับคำอย่างว่าง่ายแล้วก็ลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำพร้อมกับฮัมเพลงในลำคอเบาๆ

- เวลาต่อมา -
"พอได้แล้วเสี้ยวเทียน"  แวนเนสเอ่ยห้ามเมื่อเห็นว่าน้องยังเปิดกระป๋องเบียร์ต่ออีก
"ไหนบอกวันนี้ไม่เมาไม่เลิกงัย? แล้วนายชวนชั้นเองนะ"  เคนเถียงด้วยสีหน้ามุ่ยๆ
"ก็นายน่ะเมาแล้ว"  แวนเนสว่าพร้อมกับเอื้อมมือจะดึงกระป๋องเบียร์ออกจากมือน้องแต่เคนกลับยกมือหลบแล้วดื่มเข้าไปอีกอึกใหญ่
"เฮ่อ!"  แวนเนสลอบถอนหายใจอย่างเอือมระอา ความจริงที่เขาชวนให้น้องมาดื่มก็เพราะอยากให้น้องรู้สึกเมานิดๆเพื่อที่จะได้ระบายความในใจออกมาให้เขาฟังบ้าง เผื่อน้องจะสบายใจขึ้น แต่เวลาล่วงเลยมานานแล้วเคนกลับคุยเรื่องสัพเพเหระต่างๆจนแวนเนสเริ่มถอดใจและไม่อยากให้น้องดื่มอีก
"แวนเนส....ชั้นอยากถามนายซักเรื่องแต่นายต้องสัญญาว่าจะตอบชั้นตามตรงเหมือนกัน"  แล้วเคนก็พูดพร้อมกับมองหน้าพี่ชาย
"อืม ว่ามาสิ"  แวนเนสพยักหน้ารับแล้วรอฟัง
"ชั้นเป็นคนเลวมั๊ย?"  คำถามนั้นทำให้แวนเนสถึงกับชะงัก
"ถามอะไรไร้สาระ นายจะเป็นคนเลวไปได้ยังงัย"  แวนเนสต่อว่าน้องชาย
"ชั้นทำให้พ่อแม่ร้องไห้ตั้งหลายครั้ง เขาว่ากันว่าคนที่ทำให้พ่อแม่ต้องร้องไห้จะต้องตกนรกหมกไหม้ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีก เรื่องแบบนี้คนดีๆที่ไหนเขาจะทำกัน?"  เคนพูดด้วยสีหน้าซึมๆ
"แถมยังทำให้พี่ใหญ่.....คนที่เลี้ยงชั้นมากับมือผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า....."  พูดพล่ามต่อไปอีก
"นายเมามากแล้วเสี้ยวเทียน เลิกดื่มได้แล้ว"  แวนเนสฉวยโอกาสตอนเคนเผลอดึงกระป๋องเบียร์ออกจากมือน้อง
"ชั้นไม่ได้เมา ชั้นมีสติดี"  เคนแย้งเสียงแข็ง
"ดีบ้าบออะไรกัน! ไปล้างหน้าล้างตาซะไป!"  แวนเนสเอ็ดตะโรใส่น้องชาย แต่เคนกลับนั่งนิ่ง
"ชั้นเคยทำให้ใครภูมิใจบ้างหรือเปล่านะ?"  รำพันออกมาเบาๆ แวนเนสถอนหายใจแล้วลุกมานั่งลงข้างน้องชาย
"ทุกคนในครอบครัวภูมิใจในตัวนายทั้งนั้น"  โอบไหล่น้องชายเอาไว้พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"นายลองบอกชั้นหน่อยสิว่าชั้นทำอะไรให้นายภูมิใจบ้าง?"  เคนถามพี่ชายกลับ
"มีหลายเรื่อง.....อืม.....อย่างเช่นตอนเด็กๆนายขึ้นชื่อว่าเป็นเด็กที่เกเรมากติดอันดับต้นๆของคนที่โดนอาจารย์หมายหัวแต่พอผลสอบออกมานายกลับทำคะแนนได้ดีจนติดลำดับหนึ่งในห้าของระดับชั้น รู้หรือเปล่าว่าชั้นเอาเรื่องของนายไปพูดอวดเพื่อนๆได้เป็นเดือนเลยทีเดียว"  แวนเนสตอบคำถามน้องพร้อมกับยกตัวอย่าง
"แต่ก่อนหน้านั้นนายก็รู้สึกอายที่มีน้องแบบชั้น บางครั้งก็ทำเฉยเมยกับชั้นเหมือนคนไม่รู้จักกันเวลาอยู่ที่โรงเรียน"  เคนแย้งด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำเอาแวนเนสถึงกับสะอึก
"ชั้นไม่อยากคุยกับนายแล้ว"  แวนเนสตัดบทแล้วเก็บกระป๋องเบียร์กับขวดไวน์ที่วางระเกะระกะบนโต๊ะใส่ถุงขยะ
"ทำไมช่วงนี้ชั้นรู้สึกแย่กับตัวเองจัง"  เคนว่าแล้วก็นั่งคอตก แวนเนสเห็นดังนั้นก็หยุดมือแล้วเดินเข้าไปบีบไหล่น้องชายทั้งสองข้าง
"ชั้นรู้นะว่าตอนนี้นายเสียใจ น้อยใจ และก็มีความรู้สึกที่ไม่ดีหลายๆอย่างปะปนอยู่ในใจ"  พูดด้วยน้ำเสียงนุ่นนวล
"นายเองก็เคยผ่านเรื่องร้ายๆกับความรู้สึกแย่ๆแบบนี้มาไม่รู้ตั้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง"  แวนเนสพูดต่อพร้อมกับสบตากับน้องตรงๆ
"ครั้งนี้นายก็ต้องทำได้เหมือนกัน นายควรจะรู้ตัวเองนะว่านายน่ะมีค่ามากแค่ไหน"  เคนยิ้มเยาะที่มุมปากเมื่อได้ยินเช่นนั้น
"ตอนนี้ชั้นไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเลยซักนิด"  เคนตอบโต้พี่ชาย
"เพราะขนาดคนที่ชั้นไว้ใจเขามากที่สุดเขายังไม่ไว้ใจชั้นเลย นั่นแสดงว่าในสายตาของเขาชั้นต้องเป็นคนที่แย่มาก"  แวนเนสถอนหายใจแล้วนั่งลงข้างน้องชาย
"ทำไมต้องแคร์สายตาคนอื่น? นายย่อมรู้ตัวเองดีที่สุดว่านายไม่ได้เป็นแบบนั้น"  แย้งน้องชายต่ออีก
"ทำไมชั้นต้องแคร์? ก็เพราะว่าเขาเป็นคนที่ชั้นรักน่ะสิ ถ้าเป็นตาสีตาสาคนอื่นมากล่าวหาชั้นแบบนี้มันคงไม่กระเทือนความรู้สึกชั้นหรอกแต่นี่....."  เคนพูดมาถึงตรงนี้แล้วก็เริ่มรู้สึกขอบตาร้อนผ่าวเหมือนน้ำตาจะไหลออกมาให้ได้
"ทำไมเขาถึงไม่ไว้ใจชั้น? ทำไมในเวลาที่ชั้นรู้สึกมีความสุขความทุกข์มันถึงต้องเข้ามาแทรกด้วย? ในเวลาที่ชั้นรู้สึกถึงคุณค่าของตัวเองทำไมต้องมีคำพูดที่มาบั่นทอนความรู้สึกนั้นให้ชั้นมองว่าตัวเองด้อยค่าลงด้วย? ทำไมในเวลาที่ชั้นภาคภูมิใจมากที่สุดกลับมีเรื่องที่ทำให้ชั้นต้องรู้สึกแย่จนถึงขั้นคิดอยากจะ....."  เคนพูดมาถึงตรงนี้ก็น้ำตาไหลเป็นทาง
"เสี้ยวเทียน"  แวนเนสดึงน้องเข้ามากอดไว้
"นายลืมไปแล้วหรอว่าชั้นเคยบอกนายว่ายังงัย?"  แวนเนสพลอยน้ำตาไหลไปกับน้องด้วย
"ชั้นเคยบอกว่านายอย่าคิดว่าตัวเองไม่มีใคร เพราะนายยังมีพี่คนนี้อยู่ พี่คนที่พร้อมจะเชื่อนาย พร้อมที่จะร้องไห้กับนาย พร้อมที่จะไปทุกหนทุกแห่งกับนายไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนพี่คนนี้ก็ยอมต่อสู้ไปกับนายด้วย"  เคนได้ยินสิ่งที่แวนเนสพูดมายิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก
"ชั้นพร้อมที่จะรับฟังนายทุกอย่างนะ ขอแค่นายต้องการชั้นก็จะอยู่ตรงนี้"  แวนเนสกอดน้องชายแน่นขึ้น เขาปล่อยให้น้องร้องไห้จนกว่าจะพอใจโดยไม่มีคำปลอบโยนใดๆอีก ผ่านไปครู่ใหญ่เคนก็ผละตัวออกจากเขา
"ขอโทษนะ"  เคนพูดพึมพำเบาๆเอาแล้วเอามือเช็ดหน้าเช็ดตาตัวเอง
"ขอโทษชั้นทำไม? อ้อ! เพราะทำเสื้อชั้นเปื้อนใช่มั๊ย?"  แวนเนสแกล้งถามแซวพร้อมกับชี้รอยน้ำตาที่น้องทิ้งไว้บนเสื้อเขา เคนหันมาทำตาขวางใส่
"โอเคๆๆๆ ไปล้างหน้าล้างตาซะไป"  แวนเนสยกมือยอมแพ้แล้วบอกให้น้องไปล้างหน้าล้างตา เคนหายเข้าไปในห้องน้ำครู่หนึ่งก็เดินกลับออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กๆ 
"เอาไป!"  โยนผ้าขนหนูชุบน้ำผืนนั้นให้แวนเนสเช็ดหน้าด้วยเช่นกัน
"ดีขึ้นเยอะเลย"  หลังจากเช็ดหน้าเสร็จแล้วแวนเนสก็พูดเปรยขึ้นลอยๆ 
"เฮ้ย!!! พอแล้วนะ!!"  แล้วก็เอ็ดตะโรเสียงดังเมื่อเห็นน้องหยิบกระป๋องเบียร์ขึ้นมาจะดื่ม
"เรื่องของนายสิ ชั้นจะกิน"  เคนตอบหน้าตาเฉยยกดื่มอักๆ 
"ชั้นพูดอะไรนายไม่เคยจะเชื่อฟังกันบ้างเลยนะ!"  แวนเนสเอื้อมมือไปเขกหัวน้องอย่างหมั่นไส้
"โอ้ย! เขกมาได้ คนยิ่งมึนๆอยู่....."  เคนบ่นอุบพร้อมกับเอามือลูบหัวตัวเองไปด้วย
"ก็อยากดื้อทำไมหละ! พอแล้ว!"  แวนเนสแหวใส่เข้าให้อีกแล้วจัดการเอาเบียร์ที่เหลืออยู่ในกระป๋องไปเททิ้งในห้องน้ำ
"ประสาทชะมัด! ตอนแรกบอกชั้นว่าให้มาดื่มกันแบบไม่เมาไม่เลิกแต่ชั้นกินไปได้ไม่เท่าไหร่ดันมาห้ามไม่ให้ชั้นดื่มอีก! รู้งี้ไม่โผล่หัวมาแต่แรกหรอก"  เคนพูดประโยคนี้ด้วยน้ำเสียงงึมงำกับตัวเอง
"บ่นอะไรอีก! จะเอาอีกซักทีมั๊ย!?"  ไม่พูดเปล่าแต่ชูมะเหงกหราให้ดูด้วย
"เอาไว้เขกหัวนายเองสิ!"  เคนตวัดเสียงแล้วปัดมือพี่ชายไปทางอื่น
"ฤทธิ์มากนักนะ!"  แวนเนสใช้ช่วงที่น้องเผลอออกแรงผลักลงไปที่เตียง เคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจึงหงายหลังลงไปนอนแผ่หราบนเตียง
"เฮ้ยยยย!!!!!"  เคนร้องลั่นเมื่อแวนเนสล้มทับลงมา
"หนักนะโว้ย!!! โอ้ยยย!!!!"  แวนเนสรีบเอามืออุดปากน้องก่อนที่เคนจะโวยวายไปมากกว่านี้
"อือ!!!"  แล้วเคนก็ดิ้นรนเป็นการใหญ่เมื่อโดนพี่ชายจี้เอว
"ไม่เอาแล้ว!! ฮ่าๆๆๆ!!!!"  สองพี่น้องหัวเราะประสานเสียงพร้อมกับเล่นจี้เอวกันไปมาเหมือนเด็กๆ 
"ไม่เล่นแล้ว ชั้นยอมแพ้"  เคนรีบร้องบอกเมื่อเห็นพี่ชายทำท่าจะจี้เอวเขาอีก
"หึๆๆๆ"  แวนเนสหัวเราะเบาๆแล้วยิ้มให้น้องชาย
"ได้ยินเสียงหัวเราะของนายแล้วชั้นค่อยสบายใจหน่อย"  บอกกับน้องตามตรง
"ไม่ต้องเอามาอ้างเลย! ชอบแกล้งชั้นเรื่อย!"  เคนเอามือผลักหัวพี่ชายอย่างหมั่นไส้
"สบายใจขึ้นหรือยัง?"  แวนเนสถามน้องด้วยน้ำเสียงอ่อยโยน เคนเบ้ปากใส่พี่ชายก่อนจะหัวเราะออกมาเสียเอง
"ถ้ายังหละก็.....ชั้นมีอีกวิธี....."  แล้วแวนเนสก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์
"นี่! ชั้นไม่เล่นแล้วนะ! หัวเราะมากๆเดี๋ยวได้หายใจไม่ออกตายพอดี"  เคนปฏิเสธทันที
"ไม่ได้เล่น! แต่ชั้นจะช่วยนายเอาคืนเจอร์รี่ให้สาสมเลย"  พูดจบก็ยักคิ้วให้น้องชาย
"หาเรื่องอีกแล้ว! ชั้นไม่เอาด้วยหรอกนะ"  เคนว่าแล้วก็หันหลังหนีทันที แต่แวนเนสยังคงตื๊อ
"ไม่ยากหรอก! ลองดูหน่อยเถอะ"  แวนเนสว่าแล้วก็เดินไปเปิดกระเป๋าเดินทางของพี่ชายคนโต
"นายจะทำอะไร?"  เคนย้อนถามอย่างสงสัย และเมื่อเห็นแวนเนสหยิบกระเป๋าเงินพี่ชายออกมาก็รีบร้องห้าม
"เฮ้ย! นายจะทำอะไร? อย่าเลย!"  แวนเนสชะงักก่อนจะจิ๊ปากอย่างขัดใจ
"ชั้นไม่ขโมยเงินมันหรอก! แค่จะเอานี่....."  ว่าแล้วก็หยิบรูปครอบครัวที่พี่ชายพกติดตัวไว้ตลอดออกมา
"รับรองว่าพอมันเปิดกระเป๋าเงินมาต้องผงะ"  พูดจบก็หยิบปากกามาเติมหนวดพี่ชายในรูปแล้วโชว์อวดน้อง เคนเห็นก็หัวเราะ
"ไอ้บ้า! เล่นเป็นเด็กไปได้!"  เคนต่อว่าพี่ชายพลางหัวเราะไปด้วย
"แบบนี้แหละสะใจดี ลองหน่อยมั๊ย?"  แวนเนสว่าแล้วก็ยื่นปากกาให้น้องชาย เคนทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็รับปากกามาจากมือพี่ชาย
"พี่นายคนนี้มันดุยิ่งกว่าหมาหวงกระดูกอีก แบบนี้ต้องเติมเขี้ยว"  ว่าแล้วก็วาดเขี้ยวตรงมุมปาก แวนเนสเห็นก็หัวเราะ
"เขามีแต่หมาหวงก้างไม่ใช่หรอ?"  พูดต่อคำน้องขำๆ
"ต้องเป็นแมวหวงก้างสิเพราะแมวกินปลามันมีก้าง แต่หมาต้องหวงกระดูก"  เคนให้เหตุผลแล้วทำท่าคิดอีก
"เติมเขาด้วยจะได้เหมือนยมทูต เพราะเห็นหน้ามันทีไรเสียวสันหลังวาบเลย"  แวนเนสยิ้มเมื่อเห็นน้องลงมือวาดเติมนั่นเติมนี่ในรูป
"ต้องถือไม้สามง่ามด้วยนะ จะได้เหมือนยมทูตจริงๆ"  แวนเนสออกความคิด
"มันน่ะถือไม้สามง่ามไม่เข้ากันหรอก แต่ถ้าถือไม้เรียวก็โอเค"  ว่าแล้วก็วาดเติมไม้เรียวในมือพี่ชายอีก
"คนบ้าอะไรน่าเกลียดน่ากลัวชะมัด!"  เมื่อเสร็จแล้วเคนก็โชว์ผลงานให้พี่ชายดู 
"ฮ่าๆๆๆ!!! มีสิวด้วยหรอ?"  แวนเนสหัวเราะร่าเพราะภาพที่น้องวาดมันตลกมากจริงๆ
"สะใจหรือยัง?"  ถามน้องต่ออีก เคนยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะส่ายหน้า
"งั้นทำยังงัยอีกหละ? เติมจนไม่มีที่จะวาดอะไรอีกแล้ว"  แวนเนสถามต่อ
"มีสิ หน้าไอ้บ้าคนนี้ยังว่าง"  เคนว่าแล้วก็ใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าแวนเนสในรูป
"เฮ้ย!!! อย่านะโว้ย!!!"  แวนเนสโวยวายแล้วรีบแย่งภาพนั้นไปจากมือน้องชาย
"หึๆๆๆ"  เคนหัวเราะแล้วส่ายหน้า
"พรุ่งนี้มีหวังเราสองคนโดนมันตีตายแน่"  พูดกับพี่ชายยิ้มๆ
"เฮ้ย! นายวาดคนเดียวไม่ใช่หรอ? เกี่ยวอะไรกับชั้นหละ?"  แวนเนสรีบหาทางเอาตัวรอด
"น้อยๆหน่อย! นายเป็นคนชี้นำนะ แล้วอีกอย่างชั้นไม่ได้เติมหนวด"  เคนเถียงฉอดๆ
"งั้นหรอ?"  แวนเนสทำเสียงสูงแต่พอเห็นน้องค้อนใส่ก็ยิ้มทะเล้น
"เรื่องของพรุ่งนี้ก็ค่อยมาว่ากัน แค่ตอนนี้นายสะใจก็พอ"  พูดจบก็เก็บรูปใส่กระเป๋าเงินของพี่ชายตามเดิม 
"นอนกันดีกว่า"  แล้วก็พูดตัดบทกับน้อง เคนล้มตัวนอนทันทีเพราะเขาเองก็รู้สึกง่วงเหมือนกัน
"คืนนี้ชั้นคงฝันร้ายแหงๆเพราะได้เห็นตัวประหลาดที่น่าเกลียดน่ากลัวแบบนั้น"  แวนเนสพูดกับน้อง เคนได้ยินก็หัวเราะคิก
"นายเองก็ระวังไว้เหมือนกันเถอะ"  ว่าพลางเอามือขยี้หัวน้อง 
"ชั้นไม่กลัวหรอก"  เคนตอบแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมถึงหัว 
"หลับตานอนได้แล้ว พรุ่งนี้นายยังมีงานที่ต้องทำ"  แวนเนสพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเพราะรู้ว่าน้องยังไม่หลับ
"แวนเนส.....ขอบคุณมากนะ......"  เคนพูดกับพี่ชายในความมืด แวนเนสไม่ตอบแต่ขยับตัวเข้าไปกอดน้องเอาไว้ เคนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหลับตาลงอย่างอุ่นใจ 

- ตอนสายๆของอีกวัน -
"เหลวไหลจริงๆ! รู้ทั้งรู้ว่าวันนี้ตัวเองมีงานต้องทำยังดื่มซะดึกดื่นพอตอนเช้าก็ลุกไม่ขึ้น! แย่จริงๆ!"  เคนนั่งก้มหน้าอยู่บนโต๊ะอาหารเช้าที่เขาถูกฉุดลากออกมาร่วมโต๊ะกับครอบครัว ในขณะที่พี่ชายคนโตนั่งอบรมเขาชุดใหญ่
"นายก็เหมือนกัน เป็นพี่ซะเปล่าแต่กลับไม่ยอมห้ามน้องบ้าง!"  หันไปต่อว่าแวนเนสด้วย
"สั่งอาหารดีกว่ามั๊ยครับ?"  ไจ่ไจ๋รีบถามแทรกขึ้นมาเมื่อเห็นพี่ใหญ่ตั้งท่าจะบ่นต่อ
"รอพ่อแม่ก่อน"  พี่ใหญ่หันไปตอบเสียงห้วน น้องเล็กเลยได้แต่ยิ้มแหยๆ
"แล้วสภาพแบบนี้จะทำงานได้หรอ? เสียการเสียงานอีกมั๊ยแบบนี้?"  ก่อนจะกลับเข้ามาเทศนาน้องชายต่ออีก
"โอ้ย! ปวดหัว!"  เคนร้องขึ้นอย่างรำคาญก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะ
"เดี๋ยวจะโดน! ไม่ต้องมาทำเป็นรำคาญเลยนะ! เงยหน้าขึ้นมาเดี๋ยวนี้!"  เมื่อเห็นว่าน้องทำท่าฟึดฟัดใส่ก็เอ็ดใส่เสียงเข้ม แต่เคนยังทำเฉย
"เสี้ยวเทียน!!"  เมื่อเห็นน้องยังนิ่งเฉยเหมือนไม่สนใจคำพูดของตัวเองพี่ใหญ่ก็ยกมือขึ้นหมายจะเขกหัวเจ้าน้องชายตัวดีซักที
"อย่าน่า! มันยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่"  แวนเนสรีบห้ามทัพ
"แล้วชั้นอารมณ์ดีนักหรืองัย?"  เจอร์รี่หันมาพาลใส่แวนเนสบ้าง
"ก็ไม่ดีกันหมดนั่นแหละ เอางี้ให้มันไปนอนพักแล้วกัน ตอนเย็นจะได้ลุกไปทำงานไหว"  แวนเนสพยายามไกล่เกลี่ย
"ผมพาพี่กลางไปส่งที่ห้องพักแล้วกัน จะได้ไปตามพ่อแม่มาเร็วๆด้วย"  ไจ่ไจ๋รีบเสนอตัว
"ไม่ต้อง! ให้มันกินข้าวก่อน!"  เจอร์รี่แย้งเสียงห้วน คราวนี้เคนเงยหน้าขึ้นมา
"ไม่กิน!"  ปฏิเสธอย่างชวนทะเลาะ
"ทำไมถึงไม่กิน?"  ย้อนถามน้องชายสีหน้าเอาเรื่อง
"ไม่อยากกิน!"  เคนกระแทกเสียง 
"ต้องกิน!"  เจอร์รี่เน้นคำ
"หยุดเลยทั้งคู่!"  แวนเนสรีบห้ามทัพ
"ไม่อายคนอื่นกันบ้างหรอ? นั่งทะเลาะกันเป็นเด็กๆ!"  ต่อว่าพี่น้องทั้งสองคนอย่างเหลืออด 
"เซ็งชะมัดเลยโว้ย! อุตส่าห์หนีมาทำงานไกลขนาดนี้ยังตามมารังควานอีก!"  เคนจงใจว่ากระทบพี่ชายแต่ก็กระแทกตัวนั่งลงตามเดิม
"นึกว่าชั้นอยากสนใจนักหรืองัย?"  พี่ใหญ่ย้อนคำน้อง
"งั้นก็ไสหัวกลับไปสิ! ไปให้พ้นๆหน้าเลย!"  เคนไล่ส่งทันที
"ปากเก่งนักนะ! เดี๋ยวจะโดน!"  พี่ใหญ่ยกมือเงื้อง่าขึ้นมา 
"พี่รองครับ!!"  ไจ่ไจ๋ที่นั่งมองพี่ชายเถียงกันไปมาร้องขึ้นเสียงดัง ทำให้เคนที่กำลังจะอ้าปากเถียงพี่ชายชะงักไปทันที
"เราสองคนไปนั่งโต๊ะอื่นกันดีกว่า ผมเบื่อ!"  ประโยคหลังน้องเล็กกระแทกเสียงพร้อมกับเอามือตบโต๊ะ ทำให้คนรอบข้างหันมามองเป็นตาเดียว
"ไจ่ไจ๋....ใจเย็นดิวะ....."  เมื่อเห็นน้องเป็นเช่นนั้นเคนก็เสียงอ่อนลงทันที
"ประโยคนี้เอาไว้บอกกับตัวเองเถอะ!!!"  น้องเล็กแหวใส่แล้วลุกจากโต๊ะไปอย่างหงุดหงิด ทำให้พี่ชายทั้งสามคนได้แต่อ้าปากค้าง
"เพราะนายอ่ะ"  เคนหันไปโทษพี่ชาย
"นายนั่นแหละ!"  เจอร์รี่เถียงกลับ
"ยังไม่เลิกกันอีก!"  แวนเนสหันมาเอ็ดพี่น้องทั้งคู่ เคนทำท่าฮึดฮัดก่อนจะมองพี่ชายคนโตอย่างขุ่นเคืองแล้วลุกตามน้องเล็กออกไป
"ไจ่ไจ๋"  เคนเรียกชื่อน้องแล้วเดินไปขวางตรงหน้า แต่เมื่อเห็นหน้าน้องชัดๆแล้วก็ต้องตกใจ
"ร้องไห้ทำไม?"  เอื้อมมือจะแตะไหล่น้องแต่ไจ่ไจ๋ปัดมือออกไม่ให้โดนตัว แล้วเดินหนีออกไปอีก เคนรีบเดินตามออกมาอย่างเป็นห่วง
"พี่ขอโทษ"  เมื่อน้องหยุดยืนอยู่บนชั้นดาดฟ้าของเรือเคนที่ตามมาติดๆก็เอ่ยปากขึ้นมา
"อย่าร้องไห้เลยนะ พี่ขอโทษ"  คราวนี้ไจ่ไจ๋ไม่ได้ปัดป้องเมื่อเคนเดินเข้ามาโอบไหล่
"พวกพี่สองคนเป็นอะไรไป? ทำไมถึงคอยแต่จะทะเลาะกันอยู่ได้? ผมคิดว่าพอเราอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าครอบครัวเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแต่ที่ไหนได้มันกลับยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิมอีก"  ไจ่ไจ๋ตัดพ้อพลางสะอื้น
"ผมต้องนั่งมองพวกพี่ทะเลาะกันทุกวันแบบนี้ผมเองก็อึดอัด ผมไม่อยากอยู่ดูความวุ่นวายดูการตะโกนใส่กัน ผมไม่อยากเที่ยวแล้วผมอยากกลับบ้าน "  เคนลูบหลังน้องอย่างปลอบโยน เริ่มรู้สึกผิดที่ตัวเองมีส่วนทำให้น้องไม่สบายใจ เขารู้ดีว่าไจ่ไจ๋ใส่ใจความรู้สึกของทุกคนแต่ตอนนี้ทุกคนกลับมองข้ามความรู้สึกของน้องไป
"พี่ขอโทษ พี่สัญญาว่าจะไม่ทะเลาะกับพี่ใหญ่อีกแล้ว....อย่าน้อยก็ไม่ใช่ต่อหน้านาย....."  ประโยคหลังเคนพึมพำเบาๆ
"ผมรู้ว่าพี่กลางยังโกรธพี่ใหญ่ เพราะเรื่องแบบนี้เป็นใครก็คงทำใจยอมรับได้ยากเหมือนกัน แต่ในเมื่อพี่ใหญ่เขาก็แสดงความรับผิดชอบทุกอย่างแล้วทำไมพี่กลางถึงยังต้องผูกใจเจ็บด้วยหละ?"  คำถามของน้องชายทำเอาเคนอึ้งไป
"พี่ใหญ่ก็พยายามแล้ว ทำไมพี่ไม่ให้โอกาสเขา? ทีอาเหลียนกับคนอื่นๆพี่ยังไม่ถือโทษโกรธเคืองเขาเลยแต่พี่ใหญ่นี่เป็นพี่ชายแท้ๆนะครับทำไมพี่ถึงอภัยให้เขาไม่ได้ซักที?"  ไจ่ไจ๋ถามตอกย้ำพี่ชายอย่างเหลืออด 
"พี่ไม่ได้ผูกใจเจ็บ พี่เองก็อยากจะลืมเหมือนกัน"  เคนพูดด้วยสีหน้าเศร้าลง
"ถ้ามียาวิเศษที่ไหนที่กินแล้วสามารถลืมความรู้สึกแย่ๆไปได้พี่จะไปหามากินให้จนได้เลย แต่ว่า....."  เคนดันตัวน้องออกห่าง
"ในชีวิตจริงมันไม่มี เพราะฉะนั้นพี่ถึงอยากอยู่เงียบๆเพื่อจัดการกับความรู้สึกที่ว่านั้นคนเดียว"  เคนอธิบาย
"มันแย่มากขนาดนั้นเชียวหรอ?"  ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายทั้งน้ำตา
"ไจ่ไจ๋....นายเคยเจ็บจนรู้สึกหายใจไม่ออกมั๊ย?"  เคนไม่ตอบแต่ย้อนถามน้องแทน
"ตอนนี้พี่รู้สึกแบบนั้น"  พูดจบเคนก็หันหลังกลับแล้วเดินจากไป ทิ้งให้ไจ่ไจ๋ได้แต่ยืนอึ้ง  
"พี่กลางหละ?"  แวนเนสถามน้องเล็กที่เดินกลับมาด้วยท่าทีเซื่องซึม
"ผมไม่รู้"  ไจ่ไจ๋ตอบแล้วนั่งลงด้วยสีหน้าเศร้าๆ 
"ไจ่ไจ๋จ๊ะ.....มีอะไรหรือเปล่าลูก?"  แม่ถามซักไซร้เพราะลูกชายมีท่าทีแปลกไป
"เปล่า...."  ไจ่ไจ๋ส่ายหน้าอีก 
"งั้นเรากินข้าวกันดีกว่า กับข้าวเพิ่งมาร้อนๆเลย"  พ่อพยายามทำเสียงร่าเริงเพราะรู้สึกว่าบรรยากาศเงียบเหงาลงทันตาเห็น
"ดีครับ ผมหิวแล้ว"  แวนเนสพยายามรับช่วงต่อจากพ่อด้วยการตักกับข้าวแล้วกินอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ไจ่ไจ๋ไม่จับช้อนเลย
"เฮ้ย! ช้าหมดอดกินนะโว้ย!"  แวนเนสพูดกับน้องเสียงอู้อี้เพราะเคี้ยวอาหารอยู่เต็มปาก
"เดี๋ยวก็ติดคอตายหรอก!"  เจอร์รี่ดุแวนเนสที่พูดออกมาทั้งที่ยังมีอาหารอยู่เต็มปาก
"พี่ใหญ่อย่าจู้จี้มากได้มั๊ย?"  คำพูดที่ออกมาจากปากของน้องเล็กทำให้ทั้งโต๊ะหยุดการเคลื่อนไหวชั่วคราว
"มันจะอะไรนักหนากับอีแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ! ทำไมต้องคอยดุอยู่นั่นแหละ!"  เจอร์รี่อึ้งกับอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันของน้อง
"วันๆไม่มีอะไรทำแล้วหรืองัยถึงได้คอยแต่จะจับผิดน้องตัวเอง! น้องพี่แต่ละคนมันแย่มากนักหรอถึงต้องคอยคุมซะยิ่งกว่านักโทษซะอีก!"  ไจ่ไจ๋ลืมตัวต่อว่าพี่ชายออกไปชุดใหญ่จนเมื่อพูดออกไปแล้วก็ยังตกใจที่ตัวเองกล้าขนาดนั้น
"ไจ่ไจ๋! ลูกเป็นอะไรไป?"  แม่ถึงกับวางช้อนส้อมลงทันที ไจ่ไจ๋ก้มหน้าลงเพราะรู้สึกว่าน้ำตาเริ่มไหลออกมาอีก
"ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้เพียงแต่ว่าผมไม่ชอบเวลา ณ ตอนนี้เลย"  คำพูดของไจ่ไจ๋ทำเอาต่างคนต่างเงียบ
"ผมแค่อยากให้ครอบครัวเรามีความสุขกันเหมือนกับครอบครัวอื่นเขาบ้าง ไม่ใช่มีแต่คำบ่นคำด่าคำประชดประชันแดกดันกันตลอดเวลา" บรรยากาศทั้งโต๊ะเงียบกริบ
"เราก็มีกันอยู่แค่นี้ไม่ว่าใครมีเรื่องอะไรกันมันก็เจ็บกันหมด แล้วทำไมถึงต้องทรมานกันเองด้วย"  ไจ่ไจ๋พูดพลางสะอื้น
"ผมไม่อยากทนกับความรู้สึกอึดอัดแบบนี้อีกแล้ว!"  พูดจบไจ่ไจ๋ก็ลุกออกไปทันที 
"ไจ่ไจ๋!!"  แวนเนสร้องเรียกแล้วทำท่าจะลุกตามแต่เมื่อเห็นว่าพ่อแม่และพี่ชายพากันนั่งเงียบกันหมดก็ชะงักไป
"ผมไปคุยกับน้องนะครับ"  แวนเนสพูดเบาๆแล้วตามน้องเล็กออกไปโดยที่พ่อแม่และเจอร์รี่ก็ยังคงนั่งนิ่งกันอยู่อย่างนั้น
"เรากลับบ้านกันมั๊ย?"  แวนเนสเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าน้องเริ่มสงบลงบ้างแล้ว หลังจากที่น้องเล็กลุกหนีออกมาเขาก็ตามไปกล่อมจนกระทั่งสามารถพาน้องกลับเข้ามาสงบสติอารมณ์ในห้องพักได้สำเร็จ แต่ก็เล่นเอาเหนื่อยไม่น้อย
"อืม"  ไจ่ไจ๋พยักหน้ารับโดยไม่มองหน้าพี่ชายแม้แต่น้อย
"เรือเทียบท่าเมื่อไหร่เราสองคนจะกลับบ้านทันทีเลยนะ"  แวนเนสเอื้อมมือไปขยี้หัวน้องชายเบาๆ เขาไม่รู้ว่าเคนพูดอะไรกับน้องเล็กแต่ก็เลือกที่จะไม่ถามทั้งสองฝ่ายเพราะไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องราวอะไรให้ต้องกระทบความรู้สึกกันอีก
"อีกไม่กี่วันนายก็จะเปิดเทอมแล้ว ได้เจอเพื่อนๆคงมีเรื่องสนุกๆให้ทำเยอะเลย"  พยายามพูดเพื่อให้น้องไม่ต้องคิดมาก
"คิดหรือยังว่าจะไปเที่ยวไหนเป็นการฉลองการเปิดเทอม?"  ถามน้องชายต่ออีก 
"พี่รอง มีแต่คนเขาฉลองเวลาจะปิดเทอมต่างหาก"  ไจ่ไจ๋แย้งขึ้นพร้อมกับเอามือเช็ดหน้าเช็ดตาตัวเอง เขารู้สึกดีขึ้นเมื่อมีพี่ชายคนนี้อยู่ด้วย
"อ้าวหรอ?"  แวนเนสว่าพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย ไจ่ไจ๋ฝืนยิ้มให้พี่ชายแล้วขยับเข้าไปกอด
"ผมนี่แย่จัง ก่อเรื่องให้พ่อแม่กับพี่ใหญ่เครียดอีกแล้ว"  แวนเนสโอบกอดน้องไว้อย่างปลอบโยน
"ไม่หรอก นายระบายความเครียดออกมาแหละดีแล้ว ขืนเก็บไว้ต่อไปนายคงเส้นเลือดในสมองแตกตายก่อนวัยอันควรแหงๆ"  แวนเนสพูดแบบติดตลก
"บางที....."  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วนิ่งไป
"หืม?"  แวนเนสดันตัวน้องออกห่างเล็กน้อยก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
"บางทีผมเคยคิดว่าไม่อยากเป็นสมาชิกในครอบครัวนี้เลย"  แวนเนสได้ยินก็เม้มปากเล็กน้อย
"เพราะบ้านเรามักจะมีปัญหาที่หนักหนาจนบางครั้งผมแทบทนไม่ได้"  น้องเล็กระบายความรู้สึกออกมาให้พี่ชายคนรองฟังอย่างไม่มีปิดบัง
"ผมแค่อยากมีครอบครับที่มีพ่อแม่ลูกอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กันได้เสมอ"  แวนเนสลอบถอนหายใจเบาๆแต่ก็ไม่ได้แย้งอะไรน้องชาย
"ไม่ใช่แบบนี้.....ไม่ใช่การโต้เถียง ไม่ใช่การนิ่งเงียบ ไม่ใช่การประชดประชัน ไม่ใช่การบังคับกันอย่างนี้"  พูดจบไจ่ไจ๋ก็ซบหน้าลงที่อ้อมอกของพี่ชายอีกครั้ง
"ผมอกตัญญูมากใช่มั๊ยครับ?"  แวนเนสส่ายหน้าแทนคำตอบ
"เรื่องของความคิดมันเป็นสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้ ไม่ว่านายจะคิดยังงัยมันก็ไม่ผิด"  แวนเนสอธิบาย
"แต่ในเมื่อนายยังเป็นสมาชิกของครอบครัวนี้อยู่ เชื่อพี่เถอะว่านายไม่สามารถฝืนใจหันหลังให้กับทุกคนได้"  ไจ่ไจ๋กอดพี่ชายแน่นขึ้น
"แน่นอนว่าผมทำไม่ได้" พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"แหงหละ เพราะว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันงัย"  แวนเนสพูดต่อ
"เพราะฉะนั้นต่อให้เรารู้สึกว่าบ้านเรามันแย่แค่ไหนแต่สุดท้ายเราก็ต้องกลับบ้านกันอยู่ดี"  ไจ่ไจ๋พยักหน้ากับคำพูดของพี่ชาย
"ไม่มีปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้หรอก คราวนี้ก็เหมือนกัน เพียงแต่ว่าอาจจะต้องใช้เวลานานซักหน่อยเท่านั้นเอง"  แวนเนสว่าพร้อมกับโยกหัวน้องชายไปมาเบาๆ
"แต่ถ้ามันนานเกินไปจนเริ่มรู้สึกท้อแล้วหละก็เราก็ควรถอยกลับไปตั้งหลักก่อนดีกว่า"  ไจ่ไจ๋ยิ้มให้พี่ชายอย่างสบายใจขึ้น แม้เวลาปกติพี่ชายคนนี้จะคอยแต่ก่อกวนให้เขาหงุดหงิดแต่ในเวลาที่เขารู้สึกแย่และอยากได้ที่ระบายพี่ชายคนนี้ก็ทำหน้าที่ไม่ดีไม่แพ้ใคร
"พี่รองครับ ขอบคุณมาก"  ไจ่ไจ๋พูดกับพี่ชายอย่างจริงใจ
"ไม่ต้องหรอกเพราะพี่เองก็อยากกลับไปตั้งหลักเหมือนกันแหละ"  แวนเนสพูดยิ้มๆ




 

Create Date : 17 มิถุนายน 2557    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2558 19:57:10 น.
Counter : 1001 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  
 
 

loving_zai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




[Add loving_zai's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com