Chapter 16

ตอนที่ 16
"มาแล้วจ๊ะ เป็นงัยบ้างไจ่ไจ๋? รอนานมั๊ย?" กลอเรียส่งเสียงคุยกับไจ่ไจ๋อย่างร่าเริง
"ไม่นานหรอกครับ เดี๋ยวผมไปเอาจานชามมาเทนะครับ" พูดจบไจ่ไจ๋ก็ขยับตัวลุกขึ้นจะเดินไปเอาจานชามหลังร้าน
"เรียกมี่เฟิงออกมากินด้วยนะจ๊ะ" กลอเรียพูดไล่หลัง ไจ่ไจ๋เบ้ปากเล็กน้อยเมื่อได้ยินแต่ก็ไม่พูดว่าอะไร
"พี่กลอเรียมาแล้ว ออกไปกินข้าวสิ" ไจ่ไจ๋บอกด้วยท่าทีเซ็งๆ
"ตามสบายเถอะ ชั้นมันลูกจ้างต้องรอให้นายกินเสร็จก่อน" คำประชดนั้นทำเอาไจ่ไจ๋ถอนหายใจเฮือก
"เฮ่อ! คุณก็อย่าประชดผมนักได้มั๊ย? ผมก็ขอโทษแล้วงัย" ไจ่ไจ๋พูดอย่างเหนื่อยใจแล้วทรุดตัวนั่งยองๆข้างๆหญิงสาว
"เธอขอโทษเพราะผลประโยชน์ของตัวเอง ถ้าไม่มีลูกค้าเข้าร้านมาเยอะแยะขนาดเธอจัดการไม่ได้แบบนั้นเธอก็คงไม่ขอโทษชั้น" มี่เฟิงพูดโดยไม่มองหน้าไจ่ไจ๋
"ก็ได้ๆๆๆ ผมยอมรับว่าที่ขอโทษคุณเพราะต้องการให้คุณออกไปช่วย แต่ตอนแรกที่ผมพูดผมไม่ได้ตั้งใจจะว่าคุณแบบนั้นหรอก ผมกำลังไม่สบายใจก็เลยหงุดหงิดไปหน่อย" ไจ่ไจ๋อธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
"งั้นคราวนี้ผมจะขอโทษคุณจากใจจริงก็แล้วกัน ขอโทษครับ" แล้วไจ่ไจ๋ก็เอ่ยคำขอโทษออกมาอย่างจริงใจ หญิงสาวเหลือบมองไจ่ไจ๋แล้วยิ้มที่มุมปาก
"ชั้นรับคำขอโทษก็แล้วกันนะเด็กน้อย" เธอพูดเป็นเชิงกวนอารมณ์ไจ่ไจ๋อีก
"นี่คุณ! ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ คุณอย่าเรียกผมแบบนี้ได้มั๊ย?" ไจ่ไจ๋เริ่มเสียงห้วนขึ้นมาอีก
"ใครที่อายุน้อยกว่าชั้นก็เป็นเด็กทั้งนั้นแหละ" เธอโต้ตอบแล้ววางมือจากงานตรงหน้าลุกขึ้นไปล้างมือ ไจ่ไจ๋มองตามแล้วขยับตัวลุกขึ้นยืนบ้างแต่พอลุกขึ้นก็เห็นรูปเล็กๆตกอยู่ที่พื้นจึงเก็บขึ้นมาดู
"แฟนคุณหรอ?" ไจ่ไจ๋ถามพร้อมกับชูรูปดังกล่าวให้เธอดู มี่เฟิงเห็นก็รีบเดินไปคว้ารูปดังกล่าวกลับคืนมา
"เสียมารยาท! ใครใช้ให้หยิบของๆคนอื่นมาดู?" ต่อว่าไจ่ไจ๋เข้าให้
"อ้าว! ผมอุตส่าห์เก็บขึ้นมาให้ยังจะมาด่าผมอีก! กลัวคนอื่นรู้หรืองัยว่ามีพันธะแล้ว" ไจ่ไจ๋บ่นอุบ
"เธอจะบ้าหรอ!? นี่มันน้องชายชั้นไม่ใช่แฟนตามที่เธอเข้าใจ! ปัญญาอ่อน!" เธอแหวใส่เก็บรูปดังกล่าวใส่กระเป๋า
"น้องก็น้องสิ ไม่เห็นต้องด่าเลย" ไจ่ไจ๋ยังคงงึมงำเบาๆแต่ไม่ได้นึกโกรธเคืองเธอ
"ว่าแต่คุณมีน้องด้วยหรอ? ผมนึกว่าคุณมีแต่พี่สาวซะอีก" ไจ่ไจ๋เอ่ยขึ้นมาลอยๆ หญิงสาวหันมาสบตากับไจ่ไจ๋
"ตอนนี้ชั้นก็เหลือแต่พี่สาว น้องชั้นตายไปแล้ว" ได้ยินดังนั้นไจ่ไจ๋ก็อึ้งไป
"เอ่อ....ผม....ผมขอโทษนะ....ผมไม่รู้...." มี่เฟิงถอนหายใจเบาๆก่อนที่จะพูดตัดบท
"ไปสิ! ไหนบอกว่ามีอะไรให้กินงัย?" ไจ่ไจ๋จึงส่งสัญญาณให้เธอออกไปหน้าร้านส่วนตัวเองก็รีบไปหยิบจานชามแล้วตามออกมาทันที
"พี่กลอเรีย อันนี้อร่อยจังครับ" ไจ่ไจ๋ตักทอดมันขึ้นมากินแล้วก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงพอใจ
"จ๊ะ เจ้านี้เขาทำอร่อยมาก ต้องต่อแถวนานหน่อยพี่ถึงกลับมาช้างัย" กลอเรียตอบแล้วตักอย่างอื่นให้ไจ่ไจ๋อย่างเอาใจ
"มี่เฟิงตักกินสิจ๊ะ เดี๋ยวไจ่ไจ๋ก็แย่งกินหมดหรอก" หันมาพูดกับสาวรุ่นน้องบ้าง
"ค่ะ" เธอรับคำแล้วยิ้มบางๆก่อนที่จะตักกับข้าวกินบ้าง ไจ่ไจ๋เหลือบตามองเธอแล้วตักทอดมันให้
"ชิมดูสิ อร่อยนะ" มี่เฟิงเงยหน้าขึ้นมามอง ไจ่ไจ๋จึงยิ้มให้เธอก่อน
"ขอบใจ" เอ่ยขอบคุณแล้วตักกินอย่างเงียบๆ
"เห็นไจ่ไจ๋บอกว่ามี่เฟิงเป็นรุ่นพี่ที่ชมรมของเขา บังเอิญจังเลยนะจ๊ะ" กลอเรียชวนคุย
"ค่ะ แต่เราไม่ค่อยเจอกันเท่าไหร่ เขาไม่ค่อยเข้าชมรมน่ะค่ะ" มี่เฟิงหันไปตอบกลอเรีย
"อ้าว! ทำไมไม่เข้าชมรมหละจ๊ะ?" กลอเรียหันมาถามไจ่ไจ๋บ้าง ไจ่ไจ๋ก็ได้แต่อึกอักเพราะไม่อยากบอกว่าที่เขาไม่ค่อยเข้าชมรมนั้นก็เป็นเพราะไม่อยากเจอหน้ามี่เฟิงนั่นแหละ
"เขาคงกลัวชั้นมั้งคะพี่กลอเรีย" มี่เฟิงว่าแล้วหันไปยิ้มเยาะให้คู่กรณี ไจ่ไจ๋ทำหน้ามุ่ยใส่แต่ไม่ได้นึกโกรธอะไร
"ใช่ครับพี่กลอเรีย! เขาน่ะเป็นรุ่นพี่ที่โหดมาก รุ่นน้องทุกคนขยาดเขาหมดแหละ" ไจ่ไจ๋ได้โอกาสใส่ไฟหญิงสาว
"นี่! ชั้นโหดตรงไหนไม่ทราบ? แล้วรุ่นน้องคนไหนที่ขยาดชั้น? ไหนเธอลองบอกว่าซิ?" หญิงสาวย้อนถามอย่างหาเรื่อง
"อย่างน้อยก็มีผมคนนึงแหละ" ไจ่ไจ๋สวนกลับพร้อมกับชี้หน้าตัวเอง กลอเรียมองคนทั้งคู่ยิ้มๆ
"เอาหละจ๊ะ อย่าเพิ่งเถียงกัน กินข้าวก่อน" เธอพูดตัดบทเพื่อระงับสงครามน้ำลายที่กำลังจะเกิดขึ้น ไจ่ไจ๋แอบแลบลิ้นใส่มี่เฟิงก่อนที่จะก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ
"พี่กลอเรียคะ วันเสาร์นี้ชั้นขอหยุดนะคะ พอดีพี่สาวไม่สบายชั้นจะกลับไปดูเขาหน่อย" มี่เฟิงหันไปบอกกล่าวกับกลอเรีย
"อ้าว! พี่สาวไม่สบายหรอ? แล้วไม่บอกพี่แต่แรกพี่จะได้ให้เธอหยุดกลับบ้าน" กลอเรียอุทานอย่างตกใจ
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ชั้นถามคนที่บ้านแล้วเขาบอกว่าไม่ค่อยเป็นอะไรมาก แค่โหมทำงานหนักเท่านั้นเอง" เธอปฏิเสธแล้วตักข้าวกินต่อ
"แต่ยังงัยเธอก็ควรกลับบ้านไปดูเขานะจ๊ะ พี่สาวเธอก็มีเธออยู่คนเดียวนี่" ไจ่ไจ๋มองสองสาวคุยกันเงียบๆ
"ชั้นขี้เกียจกลับไปทะเลาะกับเขาค่ะ พอเจอหน้าก็มีแต่จะบังคับให้ชั้นกลับไปอยู่บ้านท่าเดียว" มี่เฟิงว่า
"เขาก็เป็นห่วงแหละจ๊ะ น้องสาวคนเดียวออกมาอยู่ข้างนอกไม่มีใครดูแลแบบนี้เป็นใครก็ต้องห่วงด้วยกันทั้งนั้น" กลอเรียพูดเตือนสติสาวรุ่นน้องกลายๆ
"ชั้นรู้ค่ะ แต่พี่ก็รู้นี่คะว่าพี่สาวชั้นเป็นคนยังงัย?" มี่เฟิงว่าแล้วหันไปทางไจ่ไจ๋
"ถามเขาดูก็ได้ค่ะ" ไจ่ไจ๋ได้ยินการสนทนาที่พาดพิงถึงตัวเองก็ทำหน้าเหรอ
"ชั้นเคยขับรถชนรถเขาค่ะ ตอนนั้นพี่สาวชั้นเป็นคนมาเคลียร์ให้" มี่เฟิงพูดยิ้มๆ
"อ้อ! คุณยอมรับแล้วสิว่าคุณขับรถชนผม?" ไจ่ไจ๋อดที่จะแขวะหญิงสาวไม่ได้
"แล้วชั้นเคยปฏิเสธหรอ?" เธอย้อนถาม
"นี่คุณ! ทำไมคุณกวนขนาดนี้นะ?" ไจ่ไจ๋อดปากไว้ไม่ไหวต่อว่าเธอเข้าให้บ้าง
"งั้นหรอ? ไม่เคยมีใครว่าชั้นแบบนี้เลย เธอเป็นคนแรกนะเนี่ย" หญิงสาวยังกวนไม่เลิก ไจ่ไจ๋เบ้ปากใส่เธออย่างหมั่นไส้แต่ก็เถียงอะไรไม่ออก ส่วนกลอเรียได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ
"ไม่น่าหละ พี่ถึงว่าพวกเธอดูมึนตึงใส่กัน" กลอเรียเอ่ยขึ้น
"เรื่องนั้นผมไม่ถือสาอะไรแล้วหละครับ คิดว่าฟาดเคราะห์" พูดจบไจ่ไจ๋ก็ยักไหล่
"แล้วเรื่องที่งอนกับพี่ชายหละ? หายงอนพวกเขาหรือยัง?" กลอเรียถามต่อเพราะเห็นว่าไจ่ไจ๋ดูอารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว
"ก็.....เหลืออีกนิดนึง เกือบๆจะหายแล้วหละ" ไจ่ไจ๋ตอบพร้อมกับยิ้มให้กลอเรีย
"ไจ่ไจ๋เขางอนพี่ชายที่ไม่สนใจเขาน่ะ พอดีพี่ชายคนกลางของเขาป่วยจนต้องเข้าโรงบาล พี่ชายอีกสองคนก็พากันไปเอาใจพี่ชายคนกลางหมด เขาเลยน้อยใจหนีออกมานี่แหละ" กลอเรียหันไปเล่าให้มี่เฟิงฟัง
"พี่กลอเรีย! บอกเขาทำไมหละ?" ไจ่ไจ๋ร้องพลางทำหน้ามุ่ย
"อ้าว! บอกไม่ได้หรอ?" กลอเรียย้อนถามยิ้มๆ
"ฮึ! เธอนี่นิสัยยิ่งกว่าเด็กอีกแล้วแบบนี้ชั้นเรียกว่าเด็กน้อยไม่ถูกหรอ?" มี่เฟิงก็คอยสำทับไจ่ไจ๋ด้วย
"ตัวเองเป็นผู้ใหญ่ตายหละ! แก่กว่าผมแค่กี่ปีกันเชียว?" ไจ่ไจ๋ย้อนแล้วตักข้าวกินอย่างเคืองๆ กลอเรียกับมี่เฟิงจึงหันไปหัวเราะกันเบาๆ
"เอาหละจ๊ะ ไม่เถียงกันแล้ว กินข้าวเถอะ เสร็จแล้วเราจะได้ปิดร้านกัน" แล้วกลอเรียก็พูดตัดบทเพื่อให้ทุกคนกินข้าวกันต่อ

- ที่โรงพยาบาล -
"นายวิ่งเร็วๆแล้วกระโดดสิ! มาช้าๆแบบนี้ก็ไม่ผ่านซักที" แวนเนสร้องบอกน้องชายในขณะที่ทั้งคู่กึ่งนั่งกึ่งนอนเอาหัวพิงกันอยู่บนเตียงโดยแวนเนสกำลังดูน้องเล่นเกมส์
"นายก็พูดง่ายนี่หว่า ไม่ใช่ว่ากระโดดแล้วมันจะผ่านไปได้นะ" เคนเถียงพี่ชายในขณะที่มือก็ยังบังคับเจ้าเครื่องเกมส์กดอย่างเมามัน
"นายก็ลองก่อนสิ!" แวนเนสว่าพลางเอาศอกกระทุ้งให้น้องทำตามที่เขาบอก
"เออๆๆๆ เดี๋ยวลองใหม่" เคนตอบรับแล้วเล่นตามที่พี่ชายบอก
"นั่นแหละๆๆๆ เอ้า! กระโดด!" แวนเนสเชียร์น้องเสียงดังด้วยพลอยลุ้นไปด้วย
"อึ๋ย!! เย้!!! ผ่านแล้วโว้ย!!" เคนร้องออกมาอย่างดีใจที่ผ่านด่านได้ซักที
"ฮ่าๆๆๆ!! นั่นงัยเห็นมั๊ย? ชั้นบอกแล้วว่าต้องเล่นแบบนี้" แวนเนสได้ทียกตัว
"เออ! พ่อคนรู้มาก! เล่นเองทีไรไม่เห็นนายผ่านเลย" เคนหันไปแขวะพี่ชาย
"ก็ชั้นไม่มือไวเหมือนนายนี่นา" แวนเนสย้อนพร้อมกับผลักหัวน้องเบาๆ
"ด่านสุดท้ายแล้ว! คราวนี้ได้เล่นจนจบเกมส์ซักที" เคนไม่สนใจคำต่อว่าของพี่ชายเพราะกำลังสนุกกับเกมส์อยู่
"เอาให้ผ่านนะ ชั้นจะดูดิ๊ว่าจบแล้วมันจะเป็นยังงัย?" แวนเนสเองก็ลุ้นไปกับน้องด้วยแต่พอได้ยินเสียงเปิดประตูแวนเนสก็กระตุกแขนน้องพร้อมกับกระซิบบอก
"เสี้ยวเทียน! เจอร์รี่มาแล้ว!" เคนได้ยินก็รีบกดหยุดแล้วเอาเกมส์สอดลงใต้หมอน ล้มตัวนอนหลับตาทันที
"ฮึ!" เจอร์รี่ที่เดินเข้ามาทำเสียงในลำคอพลางส่ายหน้าไปมาเพราะเห็นการกระทำของน้องทุกอย่าง เขาเอากระเป๋าสัมภาระของตัวเองวางลงที่โซฟาก่อนที่จะเดินเข้าไปหาน้องชายที่แกล้งนอนหลับตาอยู่บนเตียง
"หลับนานแล้วหรอ?" แกล้งหันไปถามแวนเนสที่นั่งเอามือลูบหัวน้องชายเล่นอยู่
"อืม....เล่นเกมส์ได้ซักพักมันก็หลับ" แวนเนสตอบด้วยสีหน้าเป็นปกติ
"โกหกซึ่งหน้าเลยนะไอ้ตัวแสบ!" พี่ใหญ่ว่าพลางบิดหูแวนเนสไปด้วย
"โอ้ยๆๆๆๆ!!!" เมื่อได้ยินเสียงแวนเนสร้องเคนก็หรี่ตาขึ้นมามองแต่พอเห็นสายตาของพี่ใหญ่ที่จ้องกลับมาแล้วก็รีบหลับตาลงทันที
"ไม่ต้องมาแกล้งหลับ! ชั้นเห็นหมดแล้วว่านายทำอะไรอยู่!" ว่าพลางบิดหูเคนด้วยอีกคน
"โอ้ยย!!!!" เคนร้องพร้อมกับดึงมือพี่ชายออกแล้วเอามือลูบหูร่อยๆ
"เอาเกมส์มานี่เลย!" เคนไม่ยอมให้ซ้ำยังนอนนิ่งอยู่อย่างเดิม เมื่อเป็นดังนั้นเจอร์รี่จึงเอามือควานหาที่ใต้หมอนแล้วหยิบออกมาเอง
"นายอย่าเพิ่งปิดนะ!!" เคนร้องบอกเมื่อเห็นพี่ชายทำท่าจะปิดเกมส์ของเขา
"ชั้นเล่นมาตั้งนาน จะจบเกมส์อยู่แล้ว" ได้ยินดังนั้นพี่ใหญ่ก็ทำหน้าเข้ม
"ยอมรับแล้วใช่มั๊ยว่าเล่นมานานแล้ว?" คำถามนั้นทำเอาเคนถึงกับอึกอัก
"ไม่สบายอยู่ให้นอนพักไม่รู้จักนอนแล้วแบบนี้มันจะหายได้ยังงัย!? คอยดูนะถ้าพรุ่งนี้ไข้ยังไม่ลดชั้นจะไม่ยอมให้นายกลับบ้านเด็ดขาด!" เคนหน้ามุ่ยลงเมื่อโดนพี่ชายดุ
"เล่นอยู่ได้ไอ้เกมส์บ้าๆนี่!" พูดจบก็ดึงตลับเกมส์ออกแล้วปิดเครื่องทันที เคนอ้าปากค้างเมื่อเห็นดังนั้น
"ชั้นบอกว่าอย่าปิดงัย! นายปิดทำไม?" แล้วก็ร้องโวยวายเป็นการใหญ่
"ชั้นปิดแล้วนายจะทำไม?" เดินเข้ามาใกล้น้องพร้อมกับถามอย่างเอาเรื่อง เคนมองพี่ชายด้วยแววตาขุ่นมัวไม่พอใจ
"เอาน่าเสี้ยวเทียน ไว้เล่นใหม่ก็ได้ นอนก่อนนะ" แวนเนสพูดไกล่เกลี่ยขึ้นมาเพราะเห็นว่าพี่ใหญ่เริ่มอารมณ์เสียแล้ว
"นายก็เห็นว่ากว่าจะเล่นผ่านได้มันยากขนาดไหน!?" เคนโวยวายไม่เลิก
"ยังไม่หยุดอีกใช่มั๊ย!?" พี่ใหญ่เสียงเข้มขึ้นมาตามลำดับ
"ใจเย็นๆน่า! น้องมันไม่สบายอยู่นะ" แวนเนสเตือนพี่ชาย
"นอนเร็วเสี้ยวเทียน" บอกกับน้องด้วยแววตาขอร้อง เคนเม้มปากแล้วมองพี่ใหญ่อย่างขุ่นเคือง
"ดื้อด้านนักนะ!" เจอร์รี่เงื้อนมือขึ้นจะตีน้องแต่แวนเนสรีบเข้าห้ามซะก่อน
"อย่าน่า! เดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีกหรอก" แวนเนสเอ่ยเตือนพี่ชาย ได้ยินดังนั้นเจอร์รี่ก็ลดมือลงเปลี่ยนมาเป็นชี้หน้าน้องแทน
"ถ้าขืนยังดื้อแล้วพูดจาไม่เชื่อฟังแบบนี้อีกชั้นเอานายตายแน่!" เคนเห็นพี่ชายเอาจริงก็เริ่มหวั่นๆรู้สึกกลัวอยู่เหมือนกันจึงล้มตัวนอนทันที
"หลับไปเลยนะ! ลืมตาขึ้นมาให้เห็นอีกทีหละน่าดู!" พูดขู่น้องต่ออีก เคนหลับตาลงด้วยสีหน้าบึ้งตึง
"พอเถอะ! น้องมันกลัวแล้ว" แวนเนสว่าแล้วดึงพี่ชายออกมานั่งที่โซฟา
"พูดดีๆไม่เคยฟัง! ไม่ดุก็ไม่กลัว! ยิ่งโตก็ยิ่งดื้อพูดยากพูดเย็นยิ่งกว่าเด็กๆซะอีก! ชั้นไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมันถึงรั้นได้ขนาดนี้! เฮ้อ!" พูดจบเจอร์รี่ก็ถอนหายใจยาวอย่างเอือมระอา
"ด่ามันเสร็จพอหายโกรธแล้วนายก็กลับไปโอ๋มัน แน่จริงตัดหางปล่อยวัดเลยสิ กล้าหรือเปล่า?" แวนเนสว่าพี่ชายเข้าให้บ้าง
"เออ! ว่าจะทำแบบนั้นอยู่เหมือนกันแหละ!" พี่ใหญ่ตวัดเสียง
"ไอ้แสบนั่นอีกคน! เดี๋ยวกลับมาเมื่อไหร่ชั้นเอาเรื่องมันแน่! ทำตัวงี่เง่าชะมัด!" พาลไปว่าน้องเล็กด้วยอีกคน แวนเนสเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร
"นายก็เหมือนกัน! คอยยุยงส่งเสริมน้องให้มันดื้อด้านกับชั้น! ไอ้เรื่องที่ชั้นห้ามน่ะชอบทำนัก!" พี่ใหญ่ไม่พูดเปล่าแต่เหน็บที่ต้นแขนน้องเข้าให้ด้วย
"อู้ยยย.....ชั้นยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ....." แวนเนสพูดเสียงอ่อยๆพลางเอามือลูบแขนตัวเองไปด้วย
"ไม่ทำอะไร!? นายแหละตัวดีเลย! รู้เห็นเป็นใจกับน้องทุกเรื่อง อย่านึกว่าชั้นไม่รู้นะ!" แวนเนสหลบตาวูบในทันที
"ชั้นเป็นคนเลี้ยงพวกนายมากับมือ อยู่กับพวกนายมาตลอดทั้งชีวิต มองแว๊บเดียวก็รู้แล้วว่าพวกนายไปทำอะไรมา ชั้นรู้หมดทุกอย่างแต่บางครั้งก็ขี้เกียจจะพูดให้มันเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาแต่พอชั้นไม่พูดพวกนายก็ได้ใจนึกว่าชั้นไม่รู้ว่าพวกนายไปก่อวีรกรรมอะไรไว้หละสิใช่มั๊ย?" เจอร์รี่บ่นน้องอีกยืดยาว
"โดนเทศน์ซะงั้น ซวยชะมัดเลย" แวนเนสพึมพำกับตัวเองเบาๆ
"บ่นอะไร!?" เจอร์รี่ทำเสียงดุๆ
"เปล่า" แวนเนสตอบพี่ชายเสียงดังฟังชัด
"เวลาชั้นพูดชั้นสอนเนี่ยไม่เคยจดไม่เคยจำ! ได้แต่ฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไม่เคย....." เจอร์รี่ยังพูดไม่ทันจบแวนเนสก็แทรกขึ้นมาก่อน
"จะเทศน์อีกนานมั๊ย? ชั้นจะได้ไปหากาแฟมากินก่อน" แวนเนสแขวะพี่ชายกลายๆ
"เสี้ยวเทียนมันฟังเทศน์จนหลับปุ๋ยไปแล้ว ชั้นเองก็ชักง่วงขึ้นมาตะหงิดๆแล้วเหมือนกัน" พี่ใหญ่พูดอะไรไม่ออกเมื่อโดนน้องยอกย้อนเช่นนี้
"อุ๊ย! ใครโทรศัพท์มาก็ไม่รู้?" แวนเนสว่าพร้อมกับมองไปที่โทรศัพท์มือถือของตัวเองที่เปิดสั่นไว้
"รับได้มั๊ยอะ? หรือว่าต้องฟังเทศน์ให้จบก่อน?" ตีหน้าซื่อถามพี่ชายอีก
"ก็รีบรับสิ!" เจอร์รี่แหวใส่แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
"มาถึงแล้วหรอครับ? เดี๋ยวผมออกไปรับนะ โอเคๆๆ แค่นี้นะครับ" พูดจบแวนเนสก็วางสายแล้วหันมาทางพี่ชาย
"กลอเรียมาถึงแล้ว พาไจ่ไจ๋มาส่งด้วย ชั้นออกไปรับก่อนนะ" เจอร์รี่พยักหน้ารับรู้ แวนเนสจึงรีบเดินออกมาจากห้องมาอย่างรวดเร็ว
"กลอเรียครับ!" แวนเนสเรียกคนรัก กลอเรียจึงหันมาตามเสียง ไจ่ไจ๋เองก็หันมาตามเสียงพี่ชายด้วย
"ผลไม้เยี่ยมเสี้ยวเทียนค่ะ" กลอเรียยิ้มรับพร้อมกับส่งกระเช้าผลไม้ให้คนรัก
"ขอบคุณมากครับ ที่จริงไม่ต้องลำบากก็ได้" แวนเนสเอ่ยขอบคุณพร้อมกับรับมาถือไว้
"ไม่ลำบากเลยค่ะ นิดหน่อยเอง" กลอเรียตอบรับ แวนเนสยิ้มบางๆแล้วเหลือบไปทางน้องชาย
"ว่างัยไอ้แสบ! เกิดงอนอะไรขึ้นมาอีก? รู้เปล่าว่าพี่โดนพี่ใหญ่สวดจนหูชาไปหมดแล้ว" หันไปผลักหัวน้องเบาๆ
"พี่ใหญ่โกรธหรอ?" ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายหน้าแหยๆ
"ความจริงมันก็ไม่ได้โกรธหรอกแต่โดนไอ้พี่กลางมันอาละวาดใส่น่ะสิ เลยอารมณ์ขึ้นซะ.....พี่ก็พลอยโดนร่างแหไปด้วย นายเองก็คงไม่รอดเหมือนกัน แคะหูรอได้เลย" แวนเนสว่า
"แล้วนี่เสี้ยวเทียนเป็นยังงัยบ้างคะ?" กลอเรียถามขึ้นบ้าง
"ก็ยังไข้สูงเหมือนเดิม หมอบอกว่าคงมีไข้สูงแบบนี้ประมาณ 2-4 วันน่ะครับ" แวนเนสตอบแล้วเชิญชวนหญิงสาวไปที่ห้องพักของเสี้ยวเทียน
"สวัสดีค่ะเจอร์รี่" กลอเรียเอ่ยทักทายเจอร์รี่ที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่คนเดียว
"สวัสดีครับ" เจอร์รี่ยิ้มรับแล้วมองเลยไปทางน้องเล็กที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังกลอเรีย
"ไจ่ไจ๋! มานี่ซิ" เรียกน้องเล็กเสียงห้วนเล็กน้อย ไจ่ไจ๋หน้าเบ้ด้วยกลัวจะโดนพี่ชายเล่นงาน
"เอ่อ....ไจ่ไจ๋จ๊ะ ไหนบอกว่าปวดหัวไม่ใช่หรอ? นั่งลงก่อนดีกว่านะจ๊ะ" กลอเรียแก้สถานการณ์โดยการออกหน้าช่วยไจ่ไจ๋ เจอร์รี่ได้ยินก็มีท่าทีอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
"นายปวดหัวหรอไจ่ไจ๋? ไหน? พี่ใหญ่ดูซิ" เจอร์รี่ก้าวไปดึงตัวน้องมาใกล้แล้วเอามืออังที่หน้าผากน้องชาย
"ครับ ผมปวดหัวมากเลย" ไจ่ไจ๋ได้ทีรับมุขของกลอเรียอย่างแนบเนียน
"สงสัยคงเป็นเพราะช่วยงานที่ร้านมากไปหน่อยน่ะค่ะ วันนี้มีหนังสือเข้ามาใหม่ชั้นเลยไหว้วานให้ไจ่ไจ๋ช่วย พอช่วยเสร็จเขาก็มีอาการปวดหัวแบบนี้แหละค่ะ" คำพูดของกลอเรียทำเอาเจอร์รี่เชื่อสนิทใจ ความไม่พอใจที่น้องเล็กงอนเขาแบบไม่มีเหตุผลหายไปจนหมดสิ้น
"ไปให้หมอตรวจมั๊ย?" พี่ใหญ่ถามน้องต่ออย่างเป็นห่วง
"ไม่ต้องหรอครับพี่ใหญ่ ผมแค่อยากนั่งพัก" ไจ่ไจ๋ตอบแล้วส่งสายตาขอบคุณกลอเรีย
"พี่ไปหายาแก้ปวดมาให้นายดีกว่า แป๊บนึงนะ" พูดจบก็ทำท่าจะออกจากห้อง
"แวนเนส หาน้ำหาท่าให้กลอเรียดื่มซะด้วยนะ" กำชับน้องชายคนรองอย่างนึกขึ้นได้แล้วจึงค่อยออกจากห้องไป
"เฮ่อ! รอดตัวไป นึกว่าจะโดนด่าเละซะแล้ว ขอบคุณพี่กลอเรียมากๆเลยนะครับ" ไจ่ไจ๋รีบขอบคุณกลอเรียทันที
"ไม่เป็นไรจ๊ะ แต่แหม....อย่าทำแบบนี้บ่อยนะ พี่เองก็ไม่สบายใจที่ต้องพูดโกหก" หญิงสาวเตือนไจ่ไจ๋กลายๆ
"ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วครับ" ไจ่ไจ๋รับคำพร้อมกับยิ้มแหยๆ
"หึๆๆๆ คุณนี่มาอยู่กับพวกเราได้สบายเลยนะ ไอ้เรื่องช่วยกันปิดบังพี่ใหญ่นี่พวกเราสามคนทำกันเป็นอาชีพ" แวนเนสหัวเราะพลางว่าอย่างอารมณ์ดี หญิงสาวได้แต่ส่ายหัวยิ้มๆ
"ชั้นชักสงสารเจอร์รี่แล้วสิคะ แบบนี้มันสามรุมหนึ่งนี่นา" เธอพูดขึ้นอย่างติดตลก
"หนึ่งรุมสามมากกว่าครับ เจอร์รี่คนเดียวก็จริงแต่มันดุมันตีพวกเราได้ทุกคน ส่วนพวกเราทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากแก้ตัวแทนกันแบบนี้แหละครับ" แวนเนสแย้ง กลอเรียหัวเราะแล้วสาวเท้าเข้าไปดูเคนที่นอนพักผ่อนอยู่
"ไจ่ไจ๋! อะ....นี่ยาแก้ปวด" เจอร์รี่เดินกลับเข้ามาแล้วส่งยาให้น้อง
"ขอบคุณครับ" ไจ่ไจ๋รับมาแล้วมองไปทางแก้วน้ำ
"เดี๋ยวพี่เอาน้ำให้" ได้ยินดังนั้นไจ่ไจ๋ก็ยิ้มเป็นเชิงขอบคุณให้พี่ชาย และเมื่อพี่ชายเผลอเขาก็เอายาใส่กระเป๋ากางเกง
"รีบกินยาเร็ว" พี่ใหญ่บอกน้องพร้อมกับยื่นแก้วน้ำให้ ไจ่ไจ๋กำมือไว้แล้วแกล้งยกขึ้นมาเหมือนเอายาใส่ปากจากนั้นก็ดื่มน้ำจนหมดแก้ว
"กลับบ้านไปนอนพักเอามั๊ย? พี่ไปส่ง" เจอร์รี่นั่งลงข้างน้องพร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่ต้องหรอกครับ อีกซักพักก็คงหาย พี่ครับ....ผมขอโทษนะที่ออกไปโดยไม่บอก" ไจ่ไจ๋รีบชิงขอโทษขึ้นมาก่อนเพราะรู้ว่ายังงัยพี่ใหญ่ก็คงไม่เอาเรื่องเขาแล้ว
"ผมแค่เห็นว่าพี่กลางเขาคงต้องการให้พี่กับพี่รองคอยดูแล ผมอยู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เกะกะเปล่าก็เลยไปหาหนังสืออ่านดีกว่า ใกล้จะสอบแล้วด้วย" เจ้าน้องชายตัวแสบสาธยายพลางตีหน้าเศร้าอย่างสมบทบาท เมื่อได้ยินน้องยกเรื่องเรียนมาอ้างพี่ใหญ่ก็ไม่ติดใจอะไรอีก
"ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่โกรธ แต่วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกหละ พี่สามคนเป็นห่วงนายมากรู้มั๊ย?" แม้จะไม่ว่าอะไรแต่ก็อดที่จะกำชับกำชาน้องไม่ได้
"รู้แล้วครับ" ตอบรับคำพี่ชายแบบชัดถ้อยชัดคำแล้วขยับเข้าไปเอาหัวพิงที่ไหล่พี่ชาย เจอร์รี่เอามือตบหัวน้องชายเบาๆอย่างเอ็นดู
"เออ! อะไรจะเนียนแบบนี้?" แวนเนสแอบนินทาน้องกับคนรักเบาๆ
"แบบนี้ก็ดีแล้วนี่คะ หรือคุณอยากให้มีเรื่องมากกว่านี้?" กลอเรียย้อนถามแวนเนส
"ไม่ใช่ซักหน่อย แค่หมั่นไส้มัน ทำผิดแท้ๆไม่โดนว่าซักคำ ผมเนี่ยนั่งอยู่เฉยๆยังโดนสวดยับเลย" แวนเนสแย้งพร้อมกับฟ้องคนรักเป็นการใหญ่
"คุณไปกวนเจอร์รี่เขาน่ะสิ" หญิงสาวพูดอย่างรู้ทัน
"ยังไม่ได้กวนเลย จริงๆแล้วต้องโทษเจ้านี่!" แวนเนสเอานิ้วจิ้มลงไปที่แก้มน้องชายคนกลางที่กำลังนอนอยู่บนเตียงคนป่วย
"อื้อ!" เคนร้องครางแล้วปัดมือพี่ชายออกอย่างรำคาญ แวนเนสกับกลอเรียจึงหัวเราะออกมาพร้อมกัน
"มันเล่นเกมส์ไม่ยอมหยุด เจอร์รี่มาเห็นเข้าก็เป็นเรื่องเลยทีนี้เพราะเขาบอกให้เสี้ยวเทียนนอนพักมากๆแต่มันดันเล่นเกมส์ไม่เลิก ผมก็พลอยโดนร่างแหไปด้วยหาว่าผมไม่ปรามน้อง แล้วผมเนี่ยเคยขัดใจมันได้ที่ไหนกัน?" กลอเรียยิ้มเมื่อได้ยิน
"ว่าแต่เสี้ยวเทียนกลับบ้านได้เมื่อไหร่คะ?" เธอย้อนถามคนรัก
"ไม่รู้เหมือนกันแต่ดูท่าแล้วเจอร์รี่มันยังไม่ยอมให้กลับง่ายๆแน่ สงสัยพรุ่งนี้ได้ทะเลาะกันอีก" พูดจบแวนเนสก็ทำหน้าเมื่อย
"เสี้ยวเทียนเขาไม่ชอบโรงบาลหรอคะ?" กลอเรียถามอีก
"ใครจะชอบหละครับ? เป็นผมก็คงอยากกลับบ้านเหมือนกัน" แวนเนสว่าพลางขยับตัวขึ้นไปนั่งบนเตียงน้องชาย
"วันนี้ทำงานหนักหรอคะ? ดูคุณท่าทางเหนื่อยๆ" กลอเรียสังเกตสีหน้าคนรักพร้อมกับเอ่ยถามอย่างใส่ใจ
"อืม....วันนี้ยืนถ่ายแบบทั้งวัน โพสท่าจนหัวหมุนไปหมด" แวนเนสตอบ
"ว่าแต่คุณกินอะไรมาหรือยัง? ผมรู้สึกหิวแล้วสิ ลงไปหาอะไรกินเป็นเพื่อนผมหน่อยได้มั๊ย?" แวนเนสทำเสียงอ้อนๆ
"ไปสิคะ ชั้นไปนั่งเป็นเพื่อนแล้วกันเพราะเพิ่งกินข้าวก่อนออกมาที่นี่เอง" หญิงสาวตอบรับคำขอของคนรักอย่างเต็มอกเต็มใจ
"เจอร์รี่ ไจ่ไจ๋ ชั้นจะไปหาอะไรกินซักหน่อย ไปด้วยกันมั๊ย?" แวนเนสหันไปชวนพี่น้องอีกสองคน
"ผมเพิ่งกินกับพี่กลอเรียมาครับ" ไจ่ไจ๋ตอบ ดังนั้นแวนเนสจึงหันไปทางพี่ใหญ่
"ไปเถอะ พี่ยังไม่หิว" เจอร์รี่บอกแล้วโบกมือให้น้องรีบไปกินข้าว
"งั้นเดี๋ยวมานะ" แวนเนสพูดทิ้งท้ายแล้วจูงมือหญิงสาวออกจากห้องไป
"นายง่วงหรือเปล่าไจ่ไจ๋? นอนหนุนตักพี่ก็ได้" หลังจากแวนเนสออกไปเจอร์รี่ก็หันมาพูดกับน้องเล็ก แม้จะไม่รู้สึกง่วงแต่ไจ่ไจ๋ก็ล้มตัวนอนหนุนตักพี่ชายโดยไม่พูดอะไร
"ปวดหัวมากมั๊ย? หรือว่าอ่านหนังสือมากไป?" เมื่อเห็นน้องไม่พูดพี่ใหญ่ก็ยิ่งเป็นห่วง ไจ่ไจ๋มองหน้าพี่ชายแล้วรู้สึกผิดที่หลอกพี่ชาย
"ไม่หรอกครับพี่ ผมแค่รู้สึกเมื่อยอยากนอนเหยียดซักหน่อย" ไจ่ไจ๋ตอบแล้วจับแขนพี่ชายขึ้นมากอด
"หนาวหรอ?" เจอร์รี่ก้มลงถามน้องอีก น้องเล็กส่ายหน้าปฏิเสธ
"ผมนี่งี่เง่าจริงๆ พี่ดีกับผมขนาดนี้ผมยังไม่สำนึกอีก" ไจ่ไจ๋ต่อว่าตัวเองขึ้นมา
"พูดอะไรแบบนี้หละ? ว่าตัวเองทำไมกัน?" เจอร์รี่ลูบหัวน้องชายอย่างรักใคร่
"ก็มันจริง พี่รู้มั๊ยว่าบางทีผมก็มีความคิดชั่วร้ายอยู่ในหัวเหมือนกัน" เจอร์รี่แกล้งทำตาโตเมื่อได้ยิน
"ตายหละ! อย่าบอกนะว่านายคิดจะฆ่าพี่!?" แกล้งทำน้ำเสียงตกใจเพื่อหยอกน้อง
"แหม....ไม่ใช่ซักหน่อย...." ไจ่ไจ๋ร้องครางแล้วกอดแขนพี่ชายแน่นขึ้นอีก
"แค่เคยคิดว่าผมต้องเป็นที่หนึ่งของพวกพี่สามคนเสมอ" พี่ใหญ่ยิ้มบางๆแล้วดึงแก้มน้องอย่างเอ็นดู
"นายก็เป็นที่หนึ่งของพวกพี่อยู่แล้วงัย" ว่าพลางจับหัวน้องโยกไปมาเบาๆ
"ไม่ใช่หรอกครับ เพราะผมเพิ่งคิดได้ว่าสำหรับพวกเราสี่คนแล้วคนที่เป็นที่หนึ่งในใจต้องมีถึงสาม" พี่ใหญ่ได้ยินก็ทำหน้างงๆ
"ก็พี่ใหญ่น่ะมีน้องสามคน ฉะนั้นคนที่เป็นที่หนึ่งของพี่ก็ต้องมีพี่รอง พี่กลางแล้วก็ผมงัย" ได้ยินเช่นนี้เจอร์รี่ก็พยักหน้าอย่างพอเข้าใจ
"นายอยากเป็นที่หนึ่งและหนึ่งเดียวของพวกพี่ โดยที่ไม่อยากเป็นหนึ่งในสามของที่หนึ่งใช่มั๊ย?" ย้อนถามน้องกลับไป
"ผมเคยคิด แต่ตอนนี้ไม่คิดแบบนั้นแล้วหละ" ไจ่ไจ๋ยิ้มให้พี่ชาย
"เพราะความจริงแล้วที่หนึ่งของผมก็ไม่ใช่หนึ่งเดียว แต่ก็มีถึงสามเหมือนกัน" เจอร์รี่หัวเราะออกมาเบาๆกับคำพูดของน้อง
"วันนี้น้องพี่เป็นอะไรเนี่ย? จู่ๆก็มาพูดอะไรที่เข้าใจยากๆแบบนี้?" พูดแหย่น้องชายด้วยความเอ็นดู
"ผมโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ต้องพูดอะไรที่มีหลักการซักหน่อยสิ" ไจ่ไจ๋ว่าพร้อมกับยักคิ้วให้พี่ชาย
"โตเป็นผู้ใหญ่แล้วต่อไปก็จะไม่ยอมอ้อนพี่อีกใช่มั๊ย?" เจอร์รี่ถามน้องต่ออีก
"ทำใจยากจังเวลาน้องโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดเนี่ย" แกล้งรำพันออกมาต่อ
"ไม่หรอกครับ ต่อให้ผมโตแค่ไหนผมก็จะยอมเป็นน้องเล็กๆของพี่เสมอ" น้องเล็กว่าพร้อมกับเอามือประสานกับมือพี่ชาย เจอร์รี่ยิ้มไปกับคำพูดของน้องชาย
"ได้ยินอย่างนี้แล้วค่อยโล่งอกหน่อย ถ้าไม่มีใครมาคอยอ้อนพี่ใหญ่ต้องเหงาแน่ๆ" พี่ใหญ่พูดยิ้มๆ ไจ่ไจ๋ไม่ตอบว่าอะไรแต่ยกมือพี่ชายมาแตะที่แก้มตัวเอง
"ผมรักพี่นะครับ" น้องเล็กว่าแล้วเอาหน้าซุกกับมืออุ่นๆของพี่ชาย
"พี่ก็รักนายเหมือนกัน ไอ้ตัวยุ่ง!" พี่ใหญ่ตอบรับคำน้องด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม




 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2550 11:19:52 น.
Counter : 1216 Pageviews.  

Chapter 15

ตอนที่ 15
"สวัสดีค่ะ อ้าวไจ่ไจ๋!" กลอเรียเอ่ยทักทายเมื่อประตูร้านถูกเลื่อนเปิดแต่พอเงยหน้ามาเห็นก็ร้องอุทานออกมาอีก
"พี่กลอเรีย" ไจ่ไจ๋เรียหญิงสาวด้วยสีหน้าเศร้าๆ
"เธอไม่ไปอยู่ที่โรงบาลหรอ?" ถามไถ่ไจ่ไจ๋อย่างแปลกใจ
"ไปมาแล้วครับ แต่ว่า....." ไจ่ไจ๋หยุดพูดเอาดื้อๆทำเอากลอเรียเริ่มเป็นห่วงเพราะคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเคน
"แต่อะไรจ๊ะ? แล้วเสี้ยวเทียนเป็นยังงัยบ้าง?" ถามซักไซร้ต่ออีก
"พี่กลางไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ พอดีผมเห็นว่าผมอยู่ตรงนั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้ เลยคิดว่ามาหาหนังสืออ่านดีกว่า" ไจ่ไจ๋ตอบเลี่ยงๆเพราะรู้ว่าหญิงสาวสงสัย
"แล้วที่โรงบาลใครอยู่จ๊ะ?" กลอเรียถามไจ่ไจ๋อีก
"พี่ใหญ่กับพี่รองครับ แค่นั้นพี่กลางก็มีคนเอาใจมากเกินพอ" พูดจบก็เดินมานั่งลงข้างๆหญิงสาว กลอเรียรู้สึกว่าท่าทางและน้ำเสียงของไจ่ไจ๋ฟังดูเนือยๆผิกปกติแต่ก็ไม่อยากซักถามอะไรมากมาย
"งั้นตามสบายเลยจ๊ะ พี่ไปหาขนมมาให้กินดีกว่า ฝากร้านแป๊บนึงนะจ๊ะ" ไจ่ไจ๋ผงกหัวรับและหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่ใกล้มือขึ้นมาอ่าน ส่วนกลอเรียเดินเข้าไปหลังร้าน
"เอาอะไรคะพี่กลอเรีย?" เสียงหญิงสาวผู้อ่อนวัยกว่าร้องถามในขณะที่ตัวเองกำลังเช็คสินค้าที่เพิ่งเข้ามาใหม่
"พี่จะเอาหาขนมนมเนยออกไปให้น้องชายเพื่อนน่ะจ๊ะ พอดีเขาแวะมา" ตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้
"น้องเพื่อนหรือน้องแฟนคะ?" พูดหยอกกลับพลางอมยิ้ม กลอเรียตีแขนคนพูดเบาๆแล้วเดินหนีไปจัดของว่างเพื่อนำไปให้ไจ่ไจ๋
"กินอะไรมั๊ยจ๊ะมี่เฟิง?" กลอเรียหันไปถามสาวรุ่นน้องด้วย
"ไม่หละคะ" ตอบพลางย่นจมูกเล็กน้อย กลอเรียยิ้มแล้วนึกขึ้นมาได้ว่าเธอน่าจะโทรหาแวนเนสเพื่อนสอบถามให้แน่ใจว่าไจ่ไจ๋เป็นอะไรกันแน่ เมื่อเป็นดังนั้นกลอเรียจึงไหว้วานให้มี่เฟิงยกขนมออกไปให้ไจ่ไจ๋
"มี่เฟิงจ๊ะ เดี๋ยวช่วยยกนี่ออกไปให้ไจ่ไจ๋หน่อยนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่ขอโทรหาเพื่อนแป๊บนึงแล้วจะตามออกไป" คนถูกไหว้วานละมือจากงานตรงหน้าแล้วรับถาดมาถือไว้อย่างเต็มใจ
"ขอบใจมากนะจ๊ะ" เอ่ยขอบคุณแล้วเดินไปเลื่อนประตูเปิดให้
"ไม่เป็นไรค่ะ" ตอบรับเสร็จก็เดินออกมาหน้าร้าน
"พี่กลอเรียให้ยกขนมมาให้ค่ะ" มี่เฟิงเอ่ยปากเมื่อเห็นไจ่ไจ๋นั่งหันหลังอยู่ ไจ่ไจ๋ได้ยินก็หันมาตามเสียงเรียกพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ
"ขอบคุณ....มาก...." แต่แล้วไจ่ไจ๋ก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นหญิงสาว และเช่นเดียวกันมี่เฟิงก็ชะงักไปเช่นกัน
"คุณ....คุณมาอยู่นี่ได้ยังงัย?" ไจ่ไจ๋หน้าตึงขึ้นมาทันที
"ชั้นก็อยากจะถามเธออยู่เหมือนกัน" หญิงสาวโต้ตอบทันควัน
"ที่นี่เป็นร้านที่พี่ชายผมเป็นหุ้นส่วนอยู่ ทำไมผมถึงจะมาไม่ได้?" ไจ่ไจ๋ตอบด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
"อ้อ! งั้นหรอ?" มี่เฟิงทำเสียงสูงแล้ววางถาดลงบนเคาน์เตอร์
"แล้วคุณหละเป็นใคร? มาทำอะไรที่นี่?" ถามต่อด้วยสีหน้าไม่พอใจ
"ชั้นทำงานอยู่ที่นี่" เธอตอบแบบไม่ใส่ใจท่าทีของไจ่ไจ๋นัก
"ทำงานที่นี่? ให้ตายเถอะ! ใครเป็นคนจ้างคุณมาทำงานที่นี่กัน? แบบนี้ร้านพี่ผมไม่เจ๊งหมดหรอ?" คำพูดของไจ่ไจ๋ทำเอาหญิงสาวหน้าตึง
"นี่เธอ! พูดแบบนี้หมายความว่ายังงัย?" ย้อนถามอย่างหาเรื่อง ไจ่ไจ๋แอบยิ้มเยาะที่ยั่วเธอได้
"ผมก็หมายความว่าคุณไม่ควรมาทำงานเล่นๆที่นี่ เพราะที่ร้านนี้ต้องการคนที่ทำงานแบบขยันขันแข็งเท่านั้น" ไจ่ไจ๋ขยายความด้วยสีหน้าเป็นต่อ
"เธอรู้ได้ยังงัยว่าชั้นทำงานที่นี่เล่นๆ?" มี่เฟิงย้อนถามด้วยท่าทีที่ข่มความโมโหสุดๆ
"ก็ลูกคนรวยอย่างคุณจะมาทำงานเพื่อต้องการอะไร? เงินที่เป็นค่าตอบแทนมันก็คงเป็นแค่เศษเงินของคุณเท่านั้น!" พูดจบไจ่ไจ๋ก็ยิ้มที่มุมปาก
"ชั้นเพิ่งรู้นะว่านอกจากเธอจะเป็นเด็กโข่งแล้วยังเป็นคนปัญญาอ่อนอีก!" คำพูดนั้นทำเอาไจ่ไจ๋หน้าบึ้ง
"กล้าดียังงัยมาว่าผม?" ไจ่ไจ๋ขึ้นเสียง
"แล้วทำไมชั้นจะว่าเธอไม่ได้ในเมื่อเธอใช้ไอคิวต่ำๆของเธอมาตัดสินชั้นแบบนี้!" หญิงสาวย้อนทำเอาไจ่ไจ๋สะอึก แต่ก่อนที่จะเกิดเรื่องเกิดราวมากกว่านี้กลอเรียก็เลื่อนประตูออกมาซะก่อน
"มีเรื่องอะไรกันหรอจ๊ะ? พี่ได้ยินเสียงเอะอะดังไปข้างใน" กลอเรียถามด้วยสีหน้างงๆ
"เปล่า!" มี่เฟิงกับไจ่ไจ๋ตอบพร้อมกับก่อนที่จะเบือนหน้าหนีไปคนละทาง
"งั้น....ไจ่ไจ๋จ๊ะ มานี่กับพี่หน่อย" กลอเรียดึงแขนไจ่ไจ๋แล้วพาเดินมาที่มุมร้าน
"พี่ชายเธอเขากำลังตามหาเธอให้วุ่นกันหมด เธอมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?" สอบถามไจ่ไจ๋ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"พี่กลอเรียโทรไปบอกพี่รองหรอ?" ไจ่ไจ๋ย้อนถาม
"พี่เห็นเธอดูท่าทางไม่สบายใจก็เลยอยากรู้ว่าเธอเป็นอะไรกันแน่เลยโทรไปหาแวนเนส แล้วเขาก็บอกพี่ว่าเขากำลังตามหาเธออยู่เพราะจู่ๆเธอก็ออกจากห้องพักของเสี้ยวเทียนมาโดยไม่บอกกล่าวใครเลย" ไจ่ไจ๋เงียบไป
"มีปัญหาอะไรเล่าให้พี่ฟังก็ได้นะ พี่จะได้ช่วยแก้ยังจ๊ะ" บอกกับไจ่ไจ๋ด้วยน้ำเสียงห่วงใย
"ผม...." ไจ่ไจ๋ตั้งท่าจะเล่าแต่ก็ไม่รู้จะบอกกลอเรียยังงัยดี
"เอาอย่างนี้ เธอไปนั่งกินขนมให้สบายใจก่อน แล้วเราค่อยคุยกันดีมั๊ย?" เมื่อเห็นท่าทีอึกอักของไจ่ไจ๋ กลอเรียจึงคิดว่าให้ไจ่ไจ๋ได้สงบอารมณ์ซักครู่ก่อนน่าจะดีกว่า
"ครับ" ไจ่ไจ๋ผงกหัวรับแล้วเดินกลับมาแต่เมื่อเห็นหน้ามี่เฟิงแล้วเขาก็ทำหน้าบึ้งใส่ หญิงสาวเองก็เบ้ปากใส่ไจ่ไจ๋เช่นกัน
"พี่กลอเรียคะ ชั้นเข้าไปทำงานต่อดีกว่า เดี๋ยวจะมีคนหาว่าชั้นทำงานไม่คุ้มกับเงินที่พี่จ่ายให้ชั้น" พูดจบก็เดินเข้าไปหลังร้านท่ามกลางความงุนงงของกลอเรีย
"พี่กลอเรียครับ ผู้หญิงคนนั้นเขามาทำงานที่นี่ได้ยังงัย?" ไจ่ไจ๋เอ่ยถามกลอเรียหลังจากที่มี่เฟิงหายเข้าไปหลังร้านแล้ว
"อ้อ! พี่ขอให้เขามาช่วยเองแหละจ๊ะ มี่เฟิงเขาอยู่อพาร์ทเม้นต์เดียวกับพี่ ข้างห้องกันเลยน่ะ เราคุยกันบ่อยๆ เห็นมี่เฟิงเขาบอกว่าตอนนี้เรียนปีสุดท้ายแล้วค่อนข้างว่างเลยอยากจะหางานทำเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวจะได้ไม่ต้องขอเงินจากทางบ้าน พี่ก็เลยชวนเขามาช่วยงานพี่" คำบอกเล่าของกลอเรียทำให้ไจ่ไจ๋แปลกใจเล็กน้อย
"เขาอยู่อพาร์ทเม้นต์คนเดียวหรอ?" ถามซักไซร้ต่อพลางหยิบขนมในจานกิน
"จ๊ะ เพิ่งย้ายเข้ามาได้เดือนกว่าๆเอง เขาน่ารักนะ มีมนุษยสัมพันธ์ดีเหมาะที่จะทำงานบริการ" ได้ยินเช่นนี้ไจ่ไจ๋ก็เบ้ปากเล็กน้อย
"ถามทำไมหรอจ๊ะ? หรือว่าเธอรู้จักกันมาก่อน?" กลอเรียถามไจ่ไจ๋กลับบ้าง
"อ้อ! ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวหรอกครับ เขาเป็นรุ่นพี่ผมที่ชมรม" ไจ่ไจ๋ตอบ
"อ้าว! งั้นก็ดีสิ! แหม....พี่ไม่รู้เลยจ๊ะ" กลอเรียพูดพร้อมกับยิ้ม ไจ่ไจ๋จึงยิ้มตอบแบบเฝื่อนๆแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
"พี่กลอเรียครับ พี่รองว่าอะไรผมหรือเปล่า?" ไจ่ไจ๋หันมาถามเรื่องพี่ชาย
"เขาเป็นห่วงเธอมากน่ะจ๊ะเพราะเธอออกมาไม่ได้เอามือถือมาด้วยใช่มั๊ย?" กลอเรียตอบแล้วถามกลับ
"ครับ ผมเดินออกมาเพลินๆแล้วก็คิดอยากจะมาที่นี่เลยขึ้นรถเมล์มาน่ะครับ" หญิงสาวไม่พูดอะไรเพียงแต่รอฟังไจ่ไจ๋เท่านั้น
"วันนี้ตอนอยู่มหาลัยผมเป็นห่วงพี่กลางตลอดเลย พอได้ไปเห็นว่าพี่เขาไม่ได้เป็นอะไรมากก็ค่อยสบายใจหน่อย" ไจ่ไจ๋เริ่มเล่าให้กลอเรียฟัง
"ตอนแรกพี่ใหญ่จะพาผมออกไปหาอะไรกิน แต่พอพี่กลางตื่นพี่ใหญ่กับพี่รองก็พากันไปเอาใจพี่กลางกันหมด พี่กลางเองก็ไม่ได้อยากเจอผมเท่าไหร่ เขาอยากอยู่กับพี่ใหญ่กับพี่รองมากกว่า ผมเห็นว่าผมอยู่ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้ก็เลย...." ได้ฟังดังนี้กลอเรียก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
"ผมโง่มากใช่มั๊ยที่คิดแบบนี้?" ไจ่ไจ๋หันไปถามกลอเรียด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ หญิงสาวไม่ตอบเพียงแต่เอามือตบเบาๆที่หลังมือไจ่ไจ๋เป็นการปลอบใจเท่านั้น

- ที่โรงพยาบาล -
"เจอร์รี่! ชั้นหาน้องไม่เจอว่ะ" แวนเนสเดินกลับมาบอกพี่ชายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"โทรหาหรือยัง?" เจอร์รี่ถามต่อ
"โทรศัพท์มันไม่ได้เอาไปไม่ใช่หรอ?" ว่าพลางมองเลยไปยังกระเป๋าสัมภาระของน้องที่วางกองอยู่ที่โซฟา
"แล้วมันไปไหน?" เจอร์รี่พึมพำพลางทำหน้าครุ่นคิด
"หาน้องไม่เจอหรอแวนเนส?" เคนเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง
"เอ่อ...ไม่รู้มันไปอยู่ไหน สงสัยชั้นคงเดินไม่ทั่ว" แวนเนสตอบเลี่ยงๆเพราะไม่อยากให้เคนต้องคิดมาก
"คนไข้ทานข้าวค่ะ" ก่อนที่จะมีใครพูดอะไรอีกพยาบาลสาวก็ยกถาดอาหารเย็นเข้ามาให้เคน
"ขอบคุณครับ ผมจัดการเอง" เจอร์รี่เดินไปรับถาดอาหารพร้อมกับเอ่ยขอบคุณนางพยาบาล
"ลุกขึ้นมากินข้าวเร็วเสี้ยวเทียน" พี่ใหญ่หันมาบอกน้อง
"ไจไจ๋อยู่ไหน? นายไม่ไปตามน้องหรอ?" เคนถามถึงน้องชายเพราะเริ่มนึกห่วงขึ้นมาพลางคิดว่าตัวเองไม่น่าเล่นอะไรแบบนั้นเลย
"มันก็อยู่แถวนี้แหละ จะไปไหนได้?" พี่ใหญ่พูดแบบไม่ค่อยใส่ใจนักแต่สายตาหันไปทางแวนเนสให้ออกไปตามน้องอีกที
"ชั้นว่าชั้นไปหา....." เคนทำท่าจะลุกขึ้นก็ถูกพี่ใหญ่เอามือขวางตรงหน้าซะก่อน
"จะไปไหน? ชั้นบอกให้กินข้าวใช่มั๊ย?" ถามเสียงเข้มเล็กน้อย เคนจึงค่อยขยับตัวนั่งตามเดิม
"ชั้นยังไม่หิวแล้วก็....." เคนจะบอกพี่ชายว่ายังไม่หิวแต่พอเห็นสายตาที่มองมาของพี่ใหญ่แล้วก็หยุดพูดกระทันหัน
"ไม่ต้องไปห่วงคนอื่นให้มากนัก! เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ!" พี่ใหญ่ต่อว่าน้องชาย เคนเม้มปากเล็กน้อยแต่ไม่ได้เถียงอะไร
"เอ้า! อ้าปากสิ" เจอร์รี่ตักข้าวจะป้อนน้อง แต่เคนดันมือพี่ชายออกเบาๆ
"ไม่ต้องป้อน ชั้นกินเองได้" บอกพี่ชายแล้วทำท่าจะแย่งช้อนมากินเองแต่พี่ใหญ่ไม่ให้
"ไม่ต้อง! กินเข้าไปเร็วๆ กินเองเดี๋ยวก็มัวชักช้าร่ำไรบ่นนั่นบ่นนี่อยู่นั่น" ว่าพลางทำหน้าดุๆ เคนเลยจำต้องยอมให้พี่ชายป้อนข้าว
"นายรู้มั๊ยว่าไจ่ไจ๋มันเป็นไร?" เคนเอ่ยถามพี่ชายขึ้นมา
"ชั้นจะไปรู้มันหรอ? เด็กคนนี้มันเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ตอนแรกก็ดูอารมณ์ดีแต่แป๊บๆก็งอน อะไรของมันก็ไม่รู้" เจอร์รี่ตอบเป็นเชิงบ่นน้อง
"แต่ชั้นรู้" เคนบอกพี่ชาย เจอร์รี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วมองหน้าน้องชายเป็นเชิงถาม
"มันงอนที่นายมาคอยดูแลชั้นแล้วก็ไม่สนใจมัน" เคนพูดต่อ
"ชั้นนี่นะไม่สนใจมัน?" เจอร์รี่ย้อนถามอย่างงงๆ
"อืม....ก็ตอนแรกนายจะพามันไปหาอะไรกินไม่ใช่หรอ? แต่แล้วนายก็ไม่ไปซะเฉยๆ" เคนขยายความ
"ชั้น...." พอได้รู้ดังนั้นเจอร์รี่ก็เริ่มคล้อยตาม ในเวลานั้นแวนเนสก็เดินกลับเข้ามาพอดี
"ไจ่ไจ๋มันไปที่ร้าน ตอนนี้อยู่กับกลอเรีย" แวนเนสบอกสองพี่น้อง
"กลอเรียบอกว่ามันดูท่าทางซึมๆด้วย แต่กลอเรียบอกว่าไม่ต้องห่วงเพราะเดี๋ยวจะลองถามๆมันดู" เจอร์รี่กับเคนหันไปสบตากัน
"ชั้นว่านายสองคนไปรับน้องกลับบ้านดีกว่านะ" เคนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ปล่อยชั้นไว้นี่แหละ ชั้นไม่เป็นไรหรอก" พูดต่อเพราะรู้ดีว่าพี่ชายเป็นห่วงเขา
"ไม่ต้องหรอก ไปตอนนี้เดี๋ยวมันก็งอแงอีก ถ้ามันอยากกลับเดี๋ยวมันก็กลับมาเองแหละ" แวนเนสให้ความเห็น
"นั่นสิ ง้อมันมากๆเดี๋ยวก็เคยตัว เอะอะอะไรก็หนีไปที่อื่นอยู่เรื่อย" เจอร์รี่เห็นด้วยกับแวนเนสเพราะรู้สึกว่าไจ่ไจ๋งอนเขาแบบไม่มีเหตุผล
"ว่าแต่นายได้กำชับกลอเรียหรือเปล่าว่าอย่าให้มันออกไปไหนอีก?" แม้จะพูดเช่นนั้นแต่เจอร์รี่ก็อดเป็นห่วงน้องไม่ได้
"อืม....ชั้นบอกไว้แล้ว กลอเรียบอกว่าหลังร้านปิดจะพามาส่ง เธอจะมาเยี่ยมเสี้ยวเทียนด้วย" แวนเนสตอบ
"แต่ชั้นว่าถ้าพวกนายยังทำเฉยน้องมันจะยิ่งน้อยใจนะ" เคนแย้งพี่ชายทั้งคู่ขึ้นมาอย่างไม่เห็นด้วยเพราะยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ที่ดันไปแกล้งน้องแบบนั้น
"ช่างมันเถอะ! อ้าปากสิ กินข้าวต่อให้หมด" พูดตัดบทแล้วตักข้าวป้อนให้น้องกินอีก
"ชั้นขอกินแค่ครึ่งเดียวได้มั๊ย?" เคนมองข้าวในจานแล้วเงยหน้ามาพูดกับพี่ชาย
"ไม่ได้ ต้องกินให้หมด" พี่ใหญ่ส่ายหน้าพร้อมกับพูดปฏิเสธ
"แต่ชั้นไม่หิว กินแล้วมันพะอืดพะอม" บอกพี่ชายเสียงอ่อยๆ
"มันกินได้แค่ไหนก็พอแค่นั้นเถอะ อย่าบังคับมันมากเลย" แวนเนสช่วยน้องพูดอีกแรง
"เออๆๆ กินครึ่งเดียวก็ได้" แล้วพี่ใหญ่ก็ต้องยอมตามน้องทุกที
"แวนเนส นายช่วยไปหยิบกระเป๋าเป้ของชั้นในรถเจอร์รี่ให้หน่อยสิ" หลังกินข้าวเสร็จแล้วเคนก็หันมาขอร้องพี่ชาย
"ได้สิ ว่าแต่นายจะเอาอะไรหละ?" แวนเนสตอบรับอย่างเต็มใจพร้อมกับซักถามน้องต่อ
"เอาเกมส์บอย" คำตอบของน้องทำให้แวนเนสยิ้มออกมาได้
"อืม....เดี๋ยวไปเอามาให้" แวนเนสตอบรับแล้วเดินไปสะกิดเจอร์รี่ที่นั่งอ่านหนังสือเพลินๆอยู่ที่โซฟา
"เจอร์รี่ ขอกุญแจรถหน่อย" พี่ใหญ่เงยหน้ามองน้อง
"จะเอาไปทำอะไร?" ย้อนถามกลับไป
"มันจะเอาเกมส์บอยของมันน่ะสิ" แวนเนสตอบพลางผงกหัวไปทางน้องชาย
"ปวดหัวอยู่ยังจะเล่นเกมส์อีก! ไม่เอาไม่ให้เล่น! นอนพักไป!" เจอร์รี่หันไปทำหน้าเข้มใส่คนป่วย
"แต่ชั้นเพิ่งจะตื่น" เคนแย้งเสียงอ่อยๆ
"เอาน่า! น้องมันนอนอย่างเดียวก็เบื่อของมันแหละ เล่นนิดๆหน่อยๆไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวมันทนไม่ไหวก็นอนเองแหละ" แวนเนสพูดเข้าข้างน้อง
"นายก็ให้ท้ายมันเรื่อยเลยนะ!" หันมาเอ็ดแวนเนสด้วยอีกคน
"ถ้าไม่ให้เล่นชั้นก็จะกลับบ้านเดี๋ยวนี้แหละ!" เคนร้องโวยวายขึ้นมาบ้าง
"เดี๋ยว....." พี่ใหญ่ทำท่าจะดุน้องแต่พอนึกขึ้นได้ว่าเจ้าน้องชายคนนี้ฤทธิ์มากแค่ไหนก็ยั้งคำพูดไว้ได้ทัน
"เฮ่อ! โอเคๆ นายตามชั้นไปเอาเกมส์มาให้มันแล้วเดี๋ยวชั้นจะขับรถกลับบ้านไปเอาเสื้อผ้าแล้วก็ข้าวของเครื่องใช้มานอนเฝ้ามันซักหน่อย" พูดจบก็พยักหน้าให้แวนเนสเดินตามเขาออกมา
"นี่ถ้ามันหายเมื่อไหร่ชั้นจะคิดบัญชีย้อนหลังให้น่วมเลย! ดื้อชะมัด!" เจอร์รี่เดินบ่นกระปอดกระแปดระหว่างที่เดินไปที่รถ
"นายก็ไปอะไรกับมันนักเล่า? รู้ๆอยู่ว่าเจ้านี่มันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว" แวนเนสพูดปลอบพี่ชาย เจอร์รี่หน้านิ่วแต่ไม่ได้โต้ตอบอะไรจนกระทั่งมาถึงรถ
"เอ้า! เอาไป!" พี่ใหญ่เอื้อมมือเข้าไปหยิบกระเป๋าเป้ของน้องชายมาส่งให้แวนเนส
"แล้วนายอย่าตามใจมันให้มากนักนะ! ให้มันเล่นแค่ 20 นาทีพอ เสร็จแล้วทำยังงัยก็ได้ให้มันนอนพักซะ" สั่งเสียแวนเนสก่อนที่จะพาตัวเองขึ้นไปบนรถ
"ได้ครับ เดี๋ยวจะเอายาพิษยัดปากให้มันนอน" แวนเนสตอบพี่ชายกวนๆ
"กวนนักนะ! เดี๋ยวเถอะ!" พี่ใหญ่ชี้หน้าน้องชายจอมกวนอย่างหมั่นไส้
"หึๆๆๆ ไป! นายรีบไปได้แล้ว ขับรถดีๆหละ" แวนเนสหัวเราะที่ได้แหย่พี่ชายก่อนที่จะกำชับกำชาพี่ชาย
"อืม....นายก็รีบกลับไปดูน้องซะ เดี๋ยวชั้นมา" แวนเนสยืนรอส่งพี่ชายแล้วจึงค่อยกลับเข้าไปในห้องพักของน้องชาย
"เจอร์รี่ไปแล้วใช่มั๊ย?" ทันทีที่เห็นประตูเปิดเคนก็ร้องถามแวนเนสทันที
"ใช่! แหม....พอมันไปร่าเริงขึ้นมาทันทีเลยนะ" แขวะน้องกลายๆแล้วหยิบเครื่องเกมส์บอยมาส่งให้น้อง
"อ๊ะๆๆ!!! พูดยังงัยก่อน?" เมื่อเห็นน้องเอื้อมมือจะมาหยิบแวนเนสก็ยกมือขึ้นสูงกว่าเดิมพร้อมกับเอ่ยทวงคำขอบคุณจากน้อง
"ขอบคุณครับ" เคนพูดอย่างว่าง่ายเพราะขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับพี่ชาย
"ทำตัวน่ารักก็เป็นหนิเราน่ะ ทำไมถึงดื้อกับพี่ใหญ่เขาแบบนั้นหละ?" แวนเนสว่าพร้อมกับขยับตัวขึ้นมานั่งบนเตียงน้องชาย
"ก็มันชอบบังคับชั้นอ่ะ ชั้นอยากกลับบ้านจะตายมันดันเอาชั้นมาทิ้งไว้นี่" เคนรีบฟ้อง
"ก็นายไม่สบายอยู่เขาก็ห่วงน่ะสิ แล้วเจ้าเกมส์นี่ให้เล่น 20 นาทีนะ เสร็จแล้วนายต้องนอน" แวนเนสปรับน้ำเสียงให้ดูจริงจัง
"หยุดเลย! ห้ามต่อรองอะไรทั้งนั้น! นี่ป็นคำสั่งของพี่ใหญ่!" แวนเนสรีบพูดดักเมื่อเห็นน้องตั้งท่าจะเถียง
"อะไรวะ! ตัวไม่อยู่ยังจะมีการสั่งคนโน้นคนนี้ไว้อีก" เคนบ่นพึมพำแต่แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้
"แวนเนส...." เรียกพี่ชายด้วยน้ำเสียงหวานจ๋อย
"อะไร?" แวนเนสตอบรับเป็นการย้อนถาม
"นายให้ชั้นเล่นไปเรื่อยๆเถอะนะ ถ้าง่วงชั้นจะนอนเอง" เคนต่อรองพี่ชายเป็นเชิงขอร้อง
"ไม่ได้หรอก เดี๋ยวมันกลับมาเห็นนายยังนั่งเล่นเกมส์ชั้นก็โดนมันด่าด้วย" แวนเนสปฏิเสธ
"ถ้ามันกลับมาชั้นจะรีบนอนทันทีเลย สัญญา" ยกนิ้วก้อยขึ้นมาแล้วมองพี่ชายตาละห้อย ทำเอาแวนเนสใจอ่อนเพราะน้องชายคนนี้ไม่ค่อยจะอ้อนเขานัก
"เฮ้อ! ก็ได้ๆๆๆ แต่มันมาเมื่อไหร่นายต้องรีบเก็บเจ้าเกมส์นี่แล้วนอนทันทีจริงๆนะ" แวนเนสย้ำคำกับน้องอีกครั้ง
"ครับ" เคนพยักหน้ารับอย่างหนักแน่นแล้วก้มหน้าก้มตาเล่นเกมส์สุดโปรดต่อไป

- ที่ร้านหนังสือ -
"พี่กลอเรียอยู่ไหน?" เสียงห้วนๆของมี่เฟิงเอ่ยถามไจ่ไจ๋
"ไม่รู้!" ไจ่ไจ๋ตวัดเสียงตอบ
"ไม่รู้ได้ยังงัย? ก็เธอนั่งอยู่ตรงนี้ตลอด!" หญิงสาวเริ่มขึ้นเสียงใส่ไจ่ไจ๋
"แล้วงัย? ผมจำเป็นต้องบอกคุณด้วยหรอ?" เงยหน้าขึ้นมาถามด้วยสีหน้ายียวน
"ไม่บอกก็ตามใจเพราะชั้นเองก็ไม่ได้มีส่วนได้เสียในร้านนี้เท่าไหร่ ต่อให้หนังสือที่สั่งมามันไม่ครบชั้นก็ยังได้รับเงินเดือนครบตามจำนวนอยู่ดี!" พูดจบเธอก็หมุนตัวจะเดินกลับไปหลังร้านแต่ไจ่ไจ๋เรียกไว้ก่อน
"เดี๋ยว!" มี่เฟิงหันหน้ากลับมาแล้วจ้องตาไจ่ไจ๋ด้วยความไม่พอใจ
"พี่กลอเรียออกไปซื้ออะไรมากิน เดี๋ยวคงมา" พูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
"เธอนี่ก็เป็นสุภาพบุรุษดีนี่ ปล่อยให้ผู้หญิงออกไปซื้อของมาให้กินในขณะที่ตัวเองนั่งๆนอนๆอยู่เฉยๆแบบนี้" คำพูดนั้นทำเอาไจ่ไจ๋สะอึก
"แล้วมันกงการอะไรของคุณไม่ทราบ? พี่กลอเรียก็เหมือนพี่สาวของผม เขาจะออกไปหาอะไรให้น้องชายกินมันจะเป็นไรไป?" ไจ่ไจ๋เถียง
"ฮึ!" มี่เฟิงเหยียดริมฝีปากเล็กน้อยแล้วเดินหายกลับเข้าไปหลังร้าน ทิ้งให้ไจ่ไจ๋มองตามอย่างโมโห ในขณะนั้นเองก็มีลูกค้าสองสามรายเดินเข้ามาในร้านติดๆกัน
"สวัสดีครับ" ไจ่ไจ๋เอ่ยทักทายแต่น้ำเสียงกลับฟังดูห้วนผิดปกติเพราะยังรู้สึกโมโหหญิงสาวไม่หาย
"ชั้นหาหลังสือเล่มนี้อยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าที่นี่มีขายหรือเปล่า?" ลูกค้าผู้หญิงเดินมาหาไจ่ไจ๋ที่เคาน์เตอร์พร้อมกับยื่นรายละเอียดของหนังสือที่ต้องการให้ไจ่ไจ๋ดู
"รอซักครู่นะครับ" ไจ่ไจ๋ปรับน้ำเสียงให้อ่อนลงแล้วก้มหัวให้ลูกค้ารายนั้นเล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปหาหนังสือดังกล่าวแต่แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่
"เมื่อไหร่พี่กลอเรียจะกลับมานะ?" บ่นพึมพำกับตัวเอง
"คุณครับ ไม่ทราบว่าภาคต่อของหนังสือเล่มนี้ออกหรือยังครับ?" ลูกค้าอีกรายหนึ่งเดินเข้ามาถามไจ่ไจ๋เช่นกัน
"ไหนครับ? อ้อ! เดี๋ยวผมเช็คดูให้นะครับ" ไจ่ไจ๋มองชื่อหนังสือแล้วเดินไปหาที่ชั้นแต่ลูกค้ารายนั้นเดินตามมา
"ผมหาดูหมดแล้วครับแต่ไม่มี เห็นวันก่อนผู้หญิงคนนึงในร้านบอกว่าวางแผงวันนี้วันแรก ไม่ทราบว่าทางร้านได้เอามาหรือยัง?" ลูกค้ารายเดิมบอกกับไจ่ไจ๋
"เอ่อ...." ไจ่ไจ๋มีท่าทีอึกอักเพราะไม่รู้เรื่องหนังสือออกใหม่เลยซักนิด
"คุณคะ! คิดเงินด้วยค่ะ" ลูกค้ารายที่สามร้องบอก ไจ่ไจ๋เริ่มหัวหมุนเพราะทำอะไรไม่ถูก
"ซักครู่นะครับเดี๋ยวผมสอบถามให้" ไจ่ไจ๋บอกกับลูกค้าที่เป็นผู้ชายแล้วรีบเดินมาคิดเงินให้ลูกค้าที่รออยู่หน้าเคาน์เตอร์
"ไม่ทราบว่ามีหรือเปล่าคะ? หนังสือที่ชั้นให้ช่วยหาน่ะค่ะ" ลูกค้ารายแรกถามไจ่ไจ๋ด้วยอีกคน
"กำลังเช็คอยู่ครับ รออีกซักครู่นะครับ" ไจ่ไจ๋ตอบพร้อมกับก้มหัวให้อย่างสุภาพ
"สองเล่มนะครับ" แล้วหันกลับมาสนใจกับลูกค้าที่รอชำระเงิน
"เอ....ชั้นเป็นสมาชิกของที่นี่นะคะ ปกติต้องลด 10% ไม่ใช่หรอ? ทำไมคิดราคาเต็มหละ?" ลูกค้าท้วงติงไจ่ไจ๋
"อ้าว!" ไจ่ไจ๋อุทานออกมาพร้อมกับยกมือเกาหัว
"ซักครู่นะครับ" ไจ่ไจ๋ก้มหัวเป็นเชิงขอโทษแล้วรีบเดินไปหลังร้าน
"นี่คุณ! ออกไปช่วยหน่อยสิ!" ไจ่ไจ๋เรียกหญิงสาวอย่างไว้ฟอร์ม
"ช่วยอะไร? ชั้นมาทำที่นี่เล่นๆไม่ได้จริงจังซักหน่อยทำไมชั้นต้องใส่ใจนักหละ?" มี่เฟิงพูดประชดไจ่ไจ๋
"โอเคๆๆ ผมขอโทษก็ได้ที่พูดจาไม่ดีกับคุณแต่ตอนนี้ลูกค้าเต็มร้านไปหมด แล้วผมก็ไม่รู้ด้วยว่าจะหาหนังสือที่พวกเขาต้องการได้ที่ไหน" ในที่สุดไจ่ไจ๋ก็เป็นฝ่ายอ่อนข้อก่อน
"แบบนี้ค่อยคุยกันได้หน่อย" พูดจบมี่เฟิงก็เดินออกไปหน้าร้าน
"อ้าว! สวัสดีค่ะ!" มี่เฟิงเอ่ยทักลูกค้าที่รอชำระเงินอย่างเป็นกันเอง
"หนูมี่เฟิง แหม....กำลังจะถามหาอยู่พอดี เนี่ย....พอดีน้องผู้ชายคนนั้นเขาคิดเงินพี่แต่ไม่ได้ให้ส่วนลดน่ะจ๊ะ เลยอยากถามรายละเอียดซักหน่อย" ลูกค้ารายนั้นก็ทักมี่เฟิงกลับอย่างสนิทสนมเช่นกัน
"อ้อ! ต้องขอโทษแทนน้องเขาด้วยนะคะ พอดีน้องเขาเพิ่งมาใหม่น่ะค่ะเลยไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร เอางี้....เดี๋ยวหนูแถมที่คั่นหนังสืออันนี้ให้เป็นการขอโทษก็แล้วกันนะคะ" พูดจบเอก็หยิบที่คั่นหนังสือที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกลายน่ารักอันหนึ่งให้
"แหม....ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้" ลูกค้ารายนั้นพูดตามมารยาทแต่ก็รับมา
"คิดใหม่นะคะ ลด 10% ก็เหลือ...." หญิงสาวบอกราคาสินค้าทั้งหมด ซึ่งลูกค้ารายนั้นก็มีสีหน้าพึงพอใจ
"เดี๋ยวหนูห่อปกให้ค่ะ" พูดจบก็หันมาทางไจ่ไจ๋
"มาห่อปกให้คุณเขาหน่อยสิ" เรียกให้ไจ่ไจ๋มาช่วย ไจ่ไจ๋เดินเข้ามาอย่างงงๆ
"หนังสือที่ให้หาตกลงมีหรือเปล่าคะ?" ลูกค้าหญิงรายแรกเดินเข้ามาสอบถามอีก
"นี่อะ...." ไจ่ไจ๋ส่งรายละเอียดที่ลูกค้าให้มาให้กับมี่เฟิง
"อ๋อ! เล่มนี้ค่อนข้างเก่าเลยนะคะ" เธอหันไปพูดคุยกับลูกค้าอย่างฉะฉาน ไจ่ไจ๋เหลือบตาขึ้นมาเธอเล็กน้อยเริ่มรู้สึกว่ามี่เฟิงไม่ได้เป็นแบบที่เขาคิดเลยซักนิดเพราะเธอดูท่าทางเต็มอกเต็มใจให้บริการแก่ลูกค้าอย่างยินดี
"นั่นสิ ชั้นหามาหลายร้านแต่ก็ไม่เจอ" ลูกค้ารายนั้นตอบรับสีหน้าพึงพอใจขึ้นกว่าเดิม
"มาถูกที่แล้วค่ะ มีอยู่เล่มนึงเดี๋ยวไปหยิบมาให้นะคะ" พูดจบก็เดินดุ่มๆไปที่ชั้นหนังสือแล้วหยิบมาให้อย่างรวดเร็วทันใจ
"แหม....ดีจัง! หาตั้งนาน ตกลงเอาเล่มนี้ค่ะ" ลูกค้ารายนั้นยิ้มออก
"ได้ค่ะ ไม่ดูเล่มอื่นไปอีกหรอคะ? วันนี้มีหนังสือมาใหม่เยอะเลย" เธอถามไถ่ลูกค้าอีก
"มีแนะนำมั๊ยคะ?" ลูกค้าคนเดิมถามต่อ
"หนังสือแนะนำมีอยู่ที่ชั้นด้านนี้ค่ะ เลือกดูได้ตามสบายเลยค่ะ" มี่เฟิงกุลีกุจอพาลูกค้าไปยังชั้นหนังสือมาใหม่
"น้องคะ ยังห่อปกไม่เสร็จอีกหรอ?" ลูกค้าอีกรายเร่งไจ่ไจ๋ที่กำลังห่อปกหนังสืออย่างเก้ๆกังๆ มี่เฟิงได้ยินก็รีบเดินเข้ามาทันที
"ชั้นทำเอง เธอไปหยิบถุงมาใส่ไป" บอกกับไจ่ไจ๋เบาๆ
"ก่อนหยิบดูขนาดถุงให้เหมาะกับหนังสือด้วยนะ!" กระซิบกับไจ่ไจ๋เป็นเชิงแขวะ
"ผมรู้แล้วน่า!" ไจ่ไจ๋ตวัดเสียงเล็กน้อยแต่ก็เดินไปหยิบถุงมาใส่หนังสือที่หญิงสาวห่อปกเสร็จแล้ว
"คุณ! ทำไมเช็คหนังสือนานจัง? ตกลงมีหรือเปล่า?" ลูกค้าที่เป็นผู้ชายเดินเข้ามาถามไจ่ไจ๋ด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนัก ไจ่ไจ๋หน้าเจื่อนลงเพราะยังไม่ได้หาให้เลย
"หนังสือภาคต่อที่ออกใหม่วันนี้ใช่มั๊ยคะ?" มี่เฟิงถามแทรกขึ้นมา
"ใช่ครับ ที่คุณบอกผมงัย" ชายคนนั้นหันไปคุยกับหญิงสาวแทน
"มาแล้วค่ะ พอดีว่าเพิ่งแกะออกมาจากสต็อกเลยช้าหน่อย ขอโทษด้วยนะคะ" เธอเอ่ยขอโทษชายคนนั้นอย่างสุภาพ
"ไม่เป็นไรครับ ตกลงว่ามีใช่มั๊ย? ผมเอาเล่มนึง" ชายคนนั้นมีท่าทีอ่อนลงเมื่อได้ฟังเหตุผล มี่เฟิงหันไปมองหน้าไจ่ไจ๋เล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปหยิบหนังสือที่ลูกค้าต้องการมาให้ ไจ่ไจ๋ทำหน้าแหยๆแล้วหลบฉากมายืนเป็นลูกมือคอยหยิบถุงให้หญิงสาวอย่างเดียว เพียงแค่พักเดียวมี่เฟิงก็จัดการกับลูกค้าทุกรายได้โดยที่ทุกคนพออกพอใจ
"เธอนี่มันโง่จริงๆ! ห่อปกแค่นี้ก็ทำไม่เป็น!" หลังจากที่ภายในร้านไม่มีใครแล้วมี่เฟิงก็ต่อว่าไจ่ไจ๋ทันที
"ก็ผม....." ไจ่ไจ๋เถียงไม่ออก
"ไม่ต้องอะไรมากแค่เลือกขนาดปกยังเลือกไม่ถูกเลย กะอีแค่เอาปกพลาสติกมาเทียบวัดกับตัวหนังสือแค่นี้ไม่มีปัญญา!" หญิงสาวได้ทีด่าไจ่ไจ๋เป็นชุด
"คุณอย่ามาด่าผมนะ! ถ้าทำแล้วมาทวงบุญคุณแบบนี้ก็ไม่ต้องก็ได้!" ไจ่ไจ๋เถียงข้างๆคูๆ
"ถ้าชั้นไม่เห็นแก่พี่กลอเรียป่านนี้ชั้นปล่อยให้เธอทำเจ๊งไปนานแล้ว! ไม่มานั่งตามแก้เรื่องที่เธอผูกไว้หรอก! ชั้นมันก็แค่ลูกจ้างไม่ใช่เจ้าของร้านเหมือนเธอหนิ!" ไจ่ไจ๋หน้ามุ่ยเมื่อโดนประชดเข้ามาเต็มๆ
"ไม่ใช่ร้านผมซักหน่อย ของพี่ชายผมต่างหาก" แม้จะรู้ตัวว่าเป็นฝ่ายผิดแต่ไจ่ไจ๋ก็ยังไม่ยอมแพ้
"ชั้นขี้เกียจมาเถียงกับเด็กปัญญาอ่อนแบบเธอ! เสียเวลาทำงาน!" มี่เฟิงส่ายหน้าอย่างสมเพชแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปหลังร้าน
"วันนี้มันวันอะไรวะเนี่ย?" ไจ่ไจ๋บ่นอุบกับตัวเองก่อนที่จะถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย




 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2550 11:18:07 น.
Counter : 1086 Pageviews.  

Chapter 14

ตอนที่ 14
"เสี้ยวเทียน! ทางนี้!" เจอร์รี่ตะโกนเรียกน้องชายที่เดินลงมาด้วยสีหน้าสะลึมสะลือโดยมีชายคนหนึ่งเดินมาข้างๆ
"เป็นยังงัยบ้าง?" เมื่อน้องเดินมาใกล้เจอร์รี่ก็ดึงน้องมากอดพร้อมกับเอามือจับตาเนื้อตามตัวน้องอย่างเป็นห่วง
"ตัวร้อนมากเลย รู้สึกยังงัยบ้าง?" สอบถามอาการน้องเป็นการใหญ่
"เพลียแล้วก็ปวดหัวด้วย" เคนตอบด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
"นี่เพื่อนชั้นหิ้วของมาส่ง" หันไปแนะนำเพื่อนร่วมงานให้พี่ชายรู้จัก
"ขอบคุณมากนะครับ ส่งมาให้ผมเถอะ" เจอร์รี่ดันตัวน้องออกอย่างนุ่มนวลแล้วรีบหันไปรับสัมภาระของน้องมาถือให้
"สวัสดีครับ คุณเป็นพี่ชายเสี้ยวเทียนใช่มั๊ย?" เพื่อนร่วมงานของเคนเอ่ยทักเจอร์รี่
"ครับ ขอบคุณนะครับที่ช่วยน้องผมถือของลงมาให้" เจอร์รี่ผงกหัวรับพร้อมกับขอบคุณอีกครั้ง
"ไม่ลำบากอะไรเลยครับ ปกติเสี้ยวเทียนก็ช่วยผมหลายครั้ง" ตอบรับเจอร์รี่อย่างสุภาพแล้วหันไปทางเคน
"งั้นชั้นไปหละนะ นอนพักมากๆ แล้วก็ขอให้หายเร็วๆ ทริปหน้าเจอกัน" เคนพยักหน้าให้เพื่อนแล้วพยายามยิ้มให้ ส่วนเจอร์รี่ก็ก้มหัวให้เพื่อนของน้องชายเล็กน้อย
"ขอบใจมาก ไว้เจอกัน" เคนตบไหล่เพื่อนเบาๆแล้วยืนมองเพื่อนเดินหันหลังกลับไปขึ้นเรือ
"ขึ้นรถก่อนเร็ว อย่าตากแดดนาน" รีบบอกให้น้องขึ้นไปนั่งบนรถ เคนเดินขึ้นรถด้วยท่าทางเบลอๆในขณะที่เจอร์รี่เอาสัมภาระของน้องไปใส่ไว้หลังรถ
"เอนเบาะนอนลงเถอะ" เมื่อขึ้นรถมาได้พี่ใหญ่ก็หันไปบอกน้องที่นั่งเงยหน้าอยู่เบาะข้างคนขับ เคนครางตอบรับแต่ไม่ได้ทำตามคำนั้นเพราะรู้สึกเพลียจนไม่อยากทำอะไร ดังนั้นพี่ใหญ่จึงจัดการปรับเบาะให้น้องนอนลงซะเอง
"หนาวมั๊ย?" ถามต่อพลางลูบหัวน้องชายเบาๆอย่างเป็นห่วง เคนส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วหลับตาลง
"ได้กินข้าวกินยามาหรือยัง?" พี่ใหญ่ถามซักไซร้น้องอีก
"กินแล้ว" ตอบเสียงแผ่วทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่ เจอร์รี่มองน้องซักพักก็เอี้ยวตัวไปหยิบเสื้อนอกมาคลุมตัวให้น้อง แล้วจึงค่อยออกรถ ในขณะที่ขับรถเจอร์รี่ก็เหลือบมองน้องอยู่ตลอดด้วยความเป็นห่วง เมื่อรถออกตัวมาได้ครู่หนึ่งเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
"ว่างัยแวนเนส?" เจอร์รี่พูดเสียงเบาเพราะไม่อยากรบกวนน้องชายที่กำลังหลับใหลอยู่
"เจอเสี้ยวเทียนหรือยัง?" เสียงแวนเนสถามกลับมา
"เจอแล้ว กำลังขับรถพามันกลับบ้าน ตอนนี้มันหลับอยู่ แวนเนส.....น้องท่าทางไม่ค่อยดีเลยว่ะ" พี่ใหญ่พูดกับแวนเนสเบาๆ
"พามันไปหาหมอสิ ไปให้หมอตรวจดูว่ามันเป็นอะไรกันแน่" แวนเนสตอบพี่ชายมาตามสาย
"อืม....ชั้นก็กะไว้แบบนั้น แต่คงพาไปหาที่โรงบาลประจำน่ะ" พูดโต้ตอบน้องกลับไป
"เออ! หาที่นั่นแหละดีแล้ว หมอว่างัยโทรมาบอกชั้นด้วยนะ เลิกงานแล้วชั้นจะรีบไป" พี่ใหญ่รับคำน้องแล้ววางสายไป ต่อจากนั้นไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก
"พี่ใหญ่! ไปรับพี่กลางหรือยัง?" เสียงน้องเล็กถามมาตามสาย
"อยู่บนรถเนี่ย กำลังจะพาพี่เขาไปโรงบาล" เจอร์รี่ตอบคำถามน้อง
"พี่กลางเป็นอะไรมากหรือเปล่าพี่ใหญ่? ผมขอพูดกับพี่เขาหน่อยสิ" น้องเล็กขอร้องกลับมา
"พี่กลางหลับอยู่น่ะ นายไม่ต้องเป็นห่วง หาหมอเสร็จแล้วพี่จะโทรบอกนายนะ" พี่ใหญ่พูดปลอบน้องเพราะฟังจากน้ำเสียงของไจ่ไจ๋ก็รู้ว่าน้องเป็นกังวลอยู่มาก
"ครับพี่ใหญ่ ผมเลิกเรียนแล้วจะรีบกลับ แค่นี้ก่อนละกัน" จบคำสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป เจอร์รี่เหลือบมองน้องชายที่นอนหลับอยู่ข้างๆด้วยแววตาอ่อนโยนก่อนที่จะหันกลับไปมองทางตามถนนอีกครั้ง จนเมื่อมาถึงโรงพยาบาลเจอร์รี่ก็จึงค่อยปลุกน้อง
"เสี้ยวเทียน....เสี้ยวเทียน...." เรียกพลางเขย่าแขนน้องเบาๆ เคนขยับตัวก่อนที่จะปรือตาขึ้นมา
"ถึงบ้านแล้วหรอ?" ถามพี่ชายด้วยน้ำเสียงงัวเงียแล้วเอามือทุบตรงขมับเบาๆเพราะรู้สึกมึนๆ
"ยัง พี่พานายมาหาหมอก่อน เดินไหวมั๊ย?" เจอร์รี่ตอบพร้อมกับเอามือลูบหน้าลูบตาให้น้อง
"ไม่หาหมอ ชั้นอยากกลับบ้าน" เคนส่งเสียงประท้วง
"ได้ยังงัย? นายไม่สบายอยู่นะ" พี่ใหญ่ว่าแล้วก็เปิดประตูลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาทางด้านที่น้องนั่งอยู่
"ชั้นอยากกลับบ้าน ชั้นจะกลับบ้าน" เคนท้วงติงพี่ชายอีก เจอร์รี่ลอบถอนหายใจเบาๆ
"ให้หมอตรวจก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน นะ....แป๊บเดียวเอง....." พูดเป็นเชิงขอร้องน้องชาย
"ไม่เอา ชั้นอยากกลับบ้าน" เคนยังคงปฏิเสธเพราะรู้สึกไม่สบายตัวเลยพาลรู้สึกหงุดหงิดพี่ชายไปด้วย
"หาหมอก่อน ว่าง่ายๆหน่อยสิ" พี่ใหญ่พูดอย่างอ่อนใจพร้อมกับดึงมือน้องให้ลงมาจากรถ
"ดูสิ นายตัวร้อนแบบนี้ไม่ยอมหาหมอได้ยังงัย?" พี่ใหญ่ปลอบน้องอย่างอดทน
"มาส่งคนไข้หรือเปล่าครับ?" เสียงบุรุษพยาบาลเอ่ยถามขึ้นมาอย่างสุภาพ
"อ้อ! ใช่ครับ!" เจอร์รี่รีบหันไปตอบ
"คนไข้เดินไหวมั๊ยครับ? ต้องการรถเข็นมั๊ย?" เจอร์รี่ค่อยโล่งอกเมื่อมีบุคคลที่สามเข้ามาช่วย เพราะอย่างน้อยๆแล้วน้องชายคงไม่กล้างอแงให้คนอื่นเห็น
"ว่างัย? เดินไหวมั๊ยครับ?" หันกลับมาถามน้องชาย เคนมีสีหน้าบึ้งตึงแต่ก็ยอมลงมาจากรถแต่โดยดี
"ขอบัตรคนไข้ด้วยครับ" บุรุษพยาบาลถามหาบัตรโรงพยาบาล เจอร์รี่รีบหยิบมาส่งให้ทันที
"ไม่ทราบว่าป่วยเป็นอะไรครับ?" ถามซักไซร้ต่ออีก
"ถ้าผมรู้ว่าป่วยเป็นอะไรแล้วจะมาโรงบาลทำไมกัน?" เคนย้อนถามอย่างพาลๆ
"เสี้ยวเทียน!" พี่ใหญ่รีบดุน้องก่อนที่จะหันไปก้มหัวขอโทษบุรุษพยาบาลที่ได้แต่อึ้งกับคำยอกย้อนของเคน
"ขอโทษครับ คือเขามีไข้ขึ้นสูงไม่ยอมลดเลยน่ะครับ เลยอยากทราบว่าเขาป่วยเป็นอะไรแน่" เจอร์รี่บอกพลางก้มหัวขอโทษบุรุษพยาบาลเป็นการใหญ่
"ครับๆๆ งั้นเดี๋ยวรอคิวพบคุณหมอซักครู่นะครับ" พูดจบก็ถือบัตรของเคนเดินไปให้พยาบาลจัดคิวให้
"เกเรมากเลยนะ! ทำไมพูดจาแบบนี้?" พี่ใหญ่หันไปดุน้อง เคนเลยหน้าหงิกยิ่งกว่าเดิม
"แล้วชั้นพูดอะไรผิดตรงไหนไม่ทราบ?" เถียงพี่ชายกลับอย่างหงุดหงิด เมื่อเห็นน้องชวนทะเลาะเจอร์รี่เลยต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้
"โอเคๆๆๆ นายไม่ได้พูดอะไรผิดเลย พี่ขอโทษก็แล้วกัน" พูดจบก็โน้มหัวน้องมาซบที่ไหล่เขา เคนไม่ได้ต่อต้านอะไรแต่ยังหน้างอเหมือนเดิม ซักหนึ่งพยาบาลก็ประกาศเรียกชื่อเคนให้เข้าไปพบหมอ
"ผมเป็นพี่ชายเขา ผมขอเข้าไปด้วยได้มั๊ยครับ?" เจอร์รี่พูดกับพยาบาลที่อยู่หน้าห้องเพราะเขาไม่ไว้ใจให้น้องเข้าไปคนเดียวเนื่องจากน้องยังดูอารมณ์ไม่ค่อยดี
"เชิญค่ะ" พยาบาลสาวพยักหน้าแล้วหลีกทางให้เจอร์รี่เข้าไปในห้องตรวจคนไข้ด้วย
"สวัสดีครับ คนไหนครับคนป่วย?" หมอวัยกลางคนเอ่ยทักสองพี่น้องอย่างสุภาพ
"สวัสดีครับคุณหมอ น้องผมป่วยครับ" เจอร์รี่เอ่ยทักหมอกลับในขณะที่เคนเงียบไม่พูดไม่จา
"เชิญนั่งครับ เป็นอะไรมา?" หมอหันมาถามเคน คำถามนั้นทำเอาเจอร์รี่เริ่มไม่ค่อยไว้ใจกลัวน้องพูดจาก่อกวนหมออีก
"เขามีไข้สูงตั้งแต่เมื่อวานน่ะครับ ไข้ไม่ยอมลดเลย" เจอร์รี่ตอบคำถามนั้นซะเอง
"นายรู้ได้ยังงัยว่าชั้นเป็นไข้ตั้งแต่เมื่อวาน?" เคนหันไปย้อนพี่ชาย หมอเลยได้แต่มองสองพี่น้องงงๆ
"อย่ารวนได้มั๊ย? ชั้นขอร้องหละ?" พี่ใหญ่กระซิบขอร้องน้องชาย เคนจึงหันหน้าหนีไปอีกทาง
"เขาไม่ค่อยอยากมาโรงบาลเท่าไหร่น่ะครับ" เจอร์รี่หันไปพูดกับหมอเบาๆ หมอจึงได้แต่ยิ้มตอบบางๆ
"ขอหมอตรวจหน่อยนะครับ" หมอหันไปพูดกับเคนพร้อมกับเอามือแตะตามเนื้อตามตัวของเคน
"คุณพยาบาลขอปรอทวัดไข้หน่อยครับ" หมอหันไปพูดกับพยาบาลสาว
"หมอขอวัดไข้แป๊บนึงนะ" พูดขอความร่วมมือกับคนป่วย เคนไม่ว่าอะไรยอมให้หมอวัดไข้แต่โดยดี
"อืม....ไข้สูงมาก 40 องศาเชียว" พูดจบก็ซักถามอาการเคนอย่างละเอียด ในตอนแรกเจอร์รี่รู้สึกหวั่นใจว่าน้องจะไม่ให้ความร่วมมือแต่เมื่อได้ยินเคนยอมตอบข้อซักถามของหมอแล้วก็ค่อยโล่งอก
"คุณโดนยุงกัดบ้างหรือเปล่า?" หมอถามพร้อมกับยกแขนเคนขึ้นมาดูเพราะสังเกตเห็นตุ่มแดงๆเล็กๆขึ้นอยู่บริเวณนั้น
"ไม่ทราบสิครับ" เคนตอบแบบไม่ใส่ใจนัก
"ทำไมหรอครับคุณหมอ?" เจอร์รี่อดที่จะถามเสียเองไม่ได้
"จากที่ฟังมามีอาการเหมือนไข้หวัดใหญ่นะครับ....." หมอหยุดพูดพร้อมกับมองไปที่แขนของเคน
"แต่ตุ่มที่ขึ้นมานี่กลับมีลักษณะคล้ายจะเป็นไข้เลือดออก ผมถึงได้ถามว่าคุณโดนยุงกัดบ้างหรือเปล่า?" พูดจบก็มองหน้าเคน
"เสี้ยวเทียน โดนยุงกัดบ้างหรือเปล่า? บอกคุณหมอซิ" พี่ใหญ่มองหน้าน้องชายพร้อมกับทำน้ำเสียงบังคับกลายๆ
"ก็....คงมีบ้าง แต่ไม่น่าจะใช่นะครับ" เคนตอบพร้อมกับแย้งขึ้นมา
"โรคไข้หวัดใหญ่กับโรคไข้เลือดออกจะมีอาการคล้ายกันในระยะแรกนะครับ คนป่วยหลายคนป่วยเป็นไข้เลือดออกแต่มักคิดว่าตัวเองเป็นเพียงไข้หวัดใหญ่เลยไม่ได้สนใจที่จะมาตรวจและทำการรักษาอย่างถูกวิธี โรคนี้คร่าชีวิตคนไปมากแล้วนะครับ" หมอพูดคล้ายจะเตือนกลายๆ เคนได้ยินเลยได้แต่เงียบ
"งั้นคุณหมอหมายความว่าน้องผมเป็นไข้เลือดออกหรอครับ?" เจอร์รี่ซักถามหมอ
"ถ้าจะให้แน่ใจหมอแนะนำว่าให้เจาะเลือดตรวจครับ" หมอตอบแล้วหันไปทางเคน
"เจาะเลยครับหมอ" เจอร์รี่รีบตอบรับโดยพลัน
"ไม่เอา!" เคนร้องแทรกขึ้นมาทันที
"อย่าดื้อน่า!" หันไปทำหน้าดุใส่น้องชาย เคนเลยได้แต่นั่งหน้ามุ่ย
"เจาะเลือดตรวจได้เลยครับหมอ" เจอร์รี่บอกหมอเป็นการยื่นคำขาดกลายๆกับน้องชาย
"ครับ งั้นเดี๋ยวผมขอเตรียมตัวซักครู่" พูดจบหมอก็เดินไปเตรียมอุปกรณ์สำหรับเจาะเลือด
"ชั้นจะกลับบ้าน" เคนร้องประท้วงพี่ชายขึ้นมาอีก
"หาหมอเสร็จค่อยกลับ" บอกน้องชายอย่างอ่อนใจ
"ไม่เอา ชั้นไม่อยากเจาะเลือด ชั้นจะกลับบ้าน" เคนเริ่มรวนขึ้นมาอีก
"เสี้ยวเทียน! ถ้าพี่ใหญ่ตีนายจะเจ็บกว่าถูกเจาะเลือดอีกนะ!" เมื่อเห็นน้องไม่ยอมพี่ใหญ่จึงต้องใช้มาตรการเด็ดขาดกับน้อง
"นายชอบบังคับชั้นเรื่อย!" เคนตัดพ้อพี่ชาย
"ก็เรามันดื้อไม่เข้าเรื่องหนิ ที่พี่บังคับเราเพราะอะไร? ไม่ใช่เพราะพี่เป็นห่วงหรอกหรอ?" พี่ใหญ่ย้อนอย่างเหนื่อยใจ เคนไม่ตอบว่าอะไรแต่หันหลังให้พี่ชาย
"คนไข้เชิญเข้ามาเจาะเลือดค่ะ" เสียงพยาบาลร้องเรียก เคนจึงลุกเดินเข้าไปอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก หลังจากนั้นหมอก็ขอให้สองพี่น้องรอผมตรวจเลือดก่อนและเมื่อผลออกมาก็ปรากฏว่าเคนป่วยเป็นไข้เลือดออกจริงๆ
"น้องผมต้องนอนที่โรงบาลมั๊ยครับ?" หลังจากรับรู้อาการของน้องโดยละเอียดแล้วเจอร์รี่ก็ถามหมอ
"อันที่จริงผมเองอยากให้คนป่วยนอนที่โรงบาลนะครับ แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่ญาติด้วย" หมอตอบ
"ผมก็อยากให้เขานอนค้างที่นี่เหมือนกัน" เจอร์รี่ว่าแล้วหันไปทางน้องชายที่นั่งอยู่ไม่ห่างนักแต่เคนดูท่าทางจะไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
"งั้น....ให้เขานอนดูอาการซักวันก็ดีนะครับ ถ้าไม่มีอะไรน่าห่วงหมอจะให้กลับบ้านได้" หมอว่าพร้อมกับมองหน้าเจอร์รี่อย่างขอคำตอบ
"เอางั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวผมขอคุยกับน้องซักครู่นะครับ" พูดจบเจอร์รี่ก็เดินไปหาน้องที่นั่งหน้ามุ่ย
"เสี้ยวเทียน" พี่ใหญ่เรียกน้องด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลสุดๆ
"กลับได้หรือยังหละ? นายอยากให้ชั้นเจาะเลือดตรวจชั้นก็ยอมหมดแล้ว" เคนเงยหน้าขึ้นพูดกับพี่ชาย
"นอนดูอาการซักคืนนะ" แล้วก็เป็นดังคาดเพราะน้องชายส่ายหน้าทันที
"ไม่เอา! ชั้นจะกลับบ้าน!" เคนเสียงแข็งทันที
"แค่คืนเดียว นะ.....พี่ใหญ่ก็อยู่กับนายด้วย" พี่ใหญ่พยายามต่อรองกับน้อง
"ไม่เอา! ชั้นอยากกลับบ้าน ให้ชั้นกลับบ้านเถอะ" เคนพูดขอร้องพี่ชาย
"แต่หมออยากให้นายนอนดูอาการซักคืนนะ เพื่อความปลอดภัยของนาย" พี่ใหญ่ท้วงติง
"ตัวชั้นเป็นยังงัยใครมันจะมารู้ดีกว่าชั้นได้? ชั้นจะกลับบ้าน!" เมื่อเห็นน้องเริ่มโยเยอีกเจอร์รี่จึงปรับสีหน้าให้ดุขึ้น
"อย่าเอาแต่ใจให้มันมากนักนะ! คืนนี้นายต้องนอนโรงบาล!" พูดจบเจอร์รี่ก็เดินไปจัดการทำเรื่องให้น้องนอนค้างที่โรงพยาบาลโดยไม่สนใจกับคำโต้แย้งของเคนอีก

- ห้องพักผู้ป่วย -
"เดี๋ยวผมจัดการเอง ขอบคุณมากครับ" เจอร์รี่บอกกล่าวกับพยาบาลพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ
"ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป" หันมาบอกน้องที่นอนหน้างออยู่บนเตียง
"เสี้ยวเทียน ไปเปลี่ยนชุดก่อนเร็ว" เดินมาเขย่าตัวน้องเบาๆ เคนปัดมือพี่ชายออกอย่างไม่สนใจ
"ชั้นเริ่มจะหมดความอดทนกับนายแล้วนะ! โตจนป่านนี้แล้วยังงอแงยิ่งกว่าเด็กๆอีก! จะเอายังงัยกันแน่!" พี่ใหญ่ดุน้องเสียงดัง แต่เคนยังนอนนิ่ง
"ยังไม่ลุกอีกใช่มั๊ย!?" พี่ใหญ่เริ่มโมโหกับท่าทีของน้องชาย
"ชั้นบอกให้ลุกไปเปลี่ยนชุด!" คราวนี้พี่ใหญ่ไม่พูดเปล่าแต่กระชากแขนน้องขึ้นมาด้วย เคนเองก็ไม่ยอมเช่นกันเขาสะบัดมือพี่ชายออกอย่างแรง
"ดื้อนักใช่มั๊ย! พูดดีๆไม่เชื่อ! พูดดีๆไม่ฟัง!" เจอร์รี่เหลืออดจึงตีลงที่แขนน้องเข้าให้
"โอ้ย!! ตีทำไมเล่า!?" เคนร้องพลางมองพี่ชายน้ำตาคลอ
"ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรอ!? จะลุกดีๆหรือจะต้องโดนอีกที!?" ว่าพลางถลึงตาใส่น้อง เคนเม้มปากแล้วก้มหน้าลงน้ำตาไหลตามลงมาทันที
"นายไม่เคยรักชั้นเลย ไม่ว่าชั้นจะเป็นอะไรนายก็ดุชั้นบังคับชั้นทุกที" พูดตัดพ้อพี่ชายด้วยน้ำเสียงสั่นๆ พี่ใหญ่ได้ยินก็ใจอ่อนยวบทรุดตัวนั่งลงข้างน้องทันที
"ทำไมพูดแบบนี้หละ? ถ้าพี่ไม่รักนายพี่จะทำแบบนี้หรอ? คิดดูซิเสี้ยวเทียนที่พี่ต้องบังคับนายต้องดุนายเพราะอะไรกัน?" พูดพร้อมกับเอามือลูบหัวน้องเบาๆ
"ปกติเวลามาโรงบาลนายไม่เคยดื้อแบบนี้เลยหนิ วันนี้เป็นอะไรไปน่ะ? หืม?" เคนไม่ได้ตอบแต่เอาหน้าซุกลงที่อ้อมอกอบอุ่นของพี่ชาย
"นายไม่สบายคนที่ปวดใจที่สุดคือพี่นะเสี้ยวเทียน พี่ไม่อยากเห็นนายเจ็บป่วยแบบนี้เลย ถ้าทำได้พี่จะขอเป็นคนที่ต้องนอนโรงบาลแทนนายเอง" พี่ใหญ่กอดน้องไว้อย่างปลอบโยน
"ชั้นขอโทษ ชั้นไม่รู้เหมือนกันว่าชั้นเป็นอะไร มันไม่สบายตัว ปวดหัว หงุดหงิด เหนื่อยแล้วก็เพลียมากด้วย ชั้นถึงอยากกลับบ้าน อยากนอนพักที่ห้องของชั้น อยากอยู่ในที่ที่ชั้นคุ้นเคย" เคนบอกพี่ชายพลางสะอื้น
"โอ๋ๆๆๆ ไม่ต้องร้องแล้วนะ พี่ใหญ่เข้าใจแล้ว" เจอร์รี่ปลอบพลางลูบหลังให้น้องไปด้วย
"นายสบายใจได้นะ พี่จะอยู่กับนายตลอดเวลา รับรองว่าพี่จะไม่ไปไหน โอเคมั๊ย?" เคนไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้ารับ
"แต่ตอนนี้นายไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ เดี๋ยวพี่ใหญ่จะเช็ดตัวให้นายจะได้รู้สึกสบายขึ้นมาหน่อย" พูดจบก็ดันตัวน้องออกอย่างอ่อนโยน
"อืม" เคนตอบรับอย่างว่าง่ายแล้วรับเสื้อผ้าที่นางพยาบาลจัดไว้ให้มาก่อนที่จะเดินเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
"มานอนนี่มา....." เมือเห็นน้องออกมาเจอร์รี่ก็เดินไปจูงน้องให้มานอนลงที่เตียง
"ยังปวดหัวอยู่หรือเปล่า?" เจอร์รี่ถามพลางเอามือปัดเส้นผมที่ปรกหน้าปรกตาน้องออก
"ยังปวดอยู่" เคนตอบด้วยน้ำเสียงเพลียๆ
"งั้นกินยา พี่เพิ่งออกไปขอพยาบาลมาให้" เอื้อมมือไปหยิบยาแก้ปวดและแก้วน้ำมาส่งให้น้อง
"เก่งมาก! เสร็จแล้วเช็ดตัวนะ" เอ่ยชมน้องแล้วหันไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้น้องอย่างแผ่วเบา เคนนอนมองพี่ชายปรนนิบัติตัวเองด้วยท่าทางซึมๆ เริ่มรู้สึกผิดที่ตัวเองทำตัวดื้อรั้นกับพี่ชายทั้งๆที่พี่ชายเป็นห่วงตัวเองขนาดนี้
"งัย? หมดแรงจะพูดจะเถียงแล้วใช่มั๊ย?" เมื่อเห็นน้องเงียบไปเจอร์รี่เลยแกล้งพูดหยอกน้องขึ้นมา เคนไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่หลับตาลงเท่านั้น
"ง่วงก็นอนซะ พี่จะเฝ้านายเอง" ลูบหัวน้องเบาๆแล้วนั่งมองน้องชายจนกระทั่งแน่ใจแล้วว่าน้องหลับไปเรียบร้อยจึงค่อยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
"หมดฤทธิ์ได้ซะทีนะ" ว่าพลางอมยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วเดินเลี่ยงออกมาโทรศัพท์หาน้องอีกสองคน
"แวนเนสหรอ? ชั้นจะโทรมาบอกว่าตกลงหมอให้น้องนอนโรงบาลดูอาการซักคืนนึง" เจอร์รี่บอกน้องชายทันทีที่น้องรับสาย
"แล้วตกลงมันเป็นอะไร?" เสียงแวนเนสถามกลับมา
"ไข้เลือดออก" ตอบน้องชายกลับไปแล้วพูดเสริมว่า
"อ้าว! ตกลงเป็นไข้เลือดออกหรอ? อย่างงี้ก็แย่สิ" จบคำแวนเนสเจอร์รี่ก็ได้ยินเสียงน้องชายคนเล็กร้องอุทานขึ้นมาบ้าง
"นายอยู่กับไจ่ไจ๋หรอ?" พี่ใหญ่ถามน้องไปอย่างสงสัย
"ใช่! พอดีไจ่ไจ๋มันโทรมาหาชั้นแล้วชั้นเลิกงานพอดีมันเลยขับรถมารับ" แวนเนสตอบ
"พี่ใหญ่! พี่กลางไม่เป็นไรมากใช่มั๊ย?" จู่ๆเสียงคู่สนทนาก็เปลี่ยนไป
"ไม่หรอก อยู่ใกล้หมอแบบนี้แล้วไม่ต้องห่วง นายน่ะขับรถมาดีๆแล้วกัน" เจอร์รี่ส่งเสียงเตือนน้อง
"ครับๆๆ ผมจะรีบไปให้เร็วที่สุดเลย" เสียงไจ่ไจ๋ตอบกลับมา
"อ้าวไอ้นี่! บอกให้ขับมาดีๆไม่ได้บอกให้ขับมาเร็วๆ" เจอร์รี่บ่นออกมาอย่างเอือมๆกับนิสัยการขับรถเร็วของน้อง
"พี่ใหญ่เขาว่านายน่ะ" ได้ยินเสียงแวนเนสฟ้องตามมา
"นี่ๆๆๆ พอแล้ว ไม่คุยด้วยแล้ว ถึงแล้วค่อยคุยแล้วกัน แค่นี้แหละ" พี่ใหญ่ตัดบทง่ายเพราะขี้เกียจต่อความกับน้องๆอีก จากนั้นเขาก็เดินกลับมาในห้องพักผู้ป่วยแล้วลากเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียงน้องชาย
"เอะอะอะไรก็หาว่าพี่ไม่รักเราอยู่เรื่อยเลย พูดแบบนี้พี่เสียใจนะ รู้มั๊ยไอ้ตัวแสบ?" พูดเบาๆกับน้องที่หลับใหลอย่างไม่รู้เรื่องพลางเอามือไล้แก้มน้องชายอย่างอ่อนโยน เคนหันหน้าหนีไปอีกทางหนึ่งอย่างรำคาญ เจอร์รี่จึงหัวเราะออกมาได้แล้วเขาก็เลิกยุ่งกับน้องย้ายมานั่งที่โซฟาแทน ผ่านมาได้ครู่ใหญ่แวนเนสกับไจ่ไจ๋ก็มาถึง
"พี่กลาง!!" ไจ่ไจ๋ส่งเสียงเรียกเคนเข้ามาก่อน
"เบาๆสิไจ่ไจ๋! พี่กลางมันหลับอยู่" พี่ใหญ่รีบปรามน้อง
"อ้าว! ยังไม่ตื่นอีกหรอ?" ไจ่ไจ๋พึมพำแล้วเดินเข้าไปดูพี่ชายที่นอนหลับอยู่อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
"ปลุกมันดิ! เรียกให้มันตื่นมาได้แล้ว" แวนเนสร้องบอก
"เฮ้ย! อย่านะ! รู้มั๊ยว่ากว่าชั้นจะเอามันนอนได้น่ะลำบากแค่ไหน?" พี่ใหญ่ร้องห้ามก่อนที่จะมาทำตาขวางใส่แวนเนส
"ไม่รู้" แวนเนสส่ายหน้าตอบออกมาตามตรง
"กวนประสาท! เมื่อไหร่นายจะเลิกกวนชั้นซักทีหืม?" ต่อว่าเจ้าน้องชายจอมกวนด้วยน้ำเสียงห้วนๆ แวนเนสไม่ได้โต้ตอบอะไรเพียงแต่หัวเราะออกมาเบาๆแล้วเดินไปดูน้องชาย
"หมอว่างัยพี่ใหญ่?" ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายคนโตพลางจับมือเคนบีบเบาๆ
"ก็บอกให้นอนดูอาการซักคืน ถ้าไม่เป็นไรมากมายก็จะให้กลับไปพักต่อที่บ้าน" เจอร์รี่ตอบแล้วเดินมาที่เตียงคนป่วยด้วยเช่นกัน
"พี่กลางตัวร้อนมากเลย" น้องเล็กว่าในขณะที่ยังจับมือพี่ชายอยู่
"ใช่! มันไข้สูงแบบนี้แล้วยังจะไม่ยอมมาหาหมออีก พี่ต้องทั้งขู่ทั้งปลอบ ไม่นึกเลยว่าเจ้านี่มันก็งอแงเป็นเด็กๆได้เหมือนกัน" เจอร์รี่ได้ทีเผาเคนให้พี่น้องอีกสองคนฟัง
"แล้วทำงัยมันถึงยอมมานอนหลับปุ๋ยตรงนี้ได้วะ?" แวนเนสถามต่อ
"ก็ซัดมันเข้าไปทีนึง" เจอร์รี่ตอบ
"นิ่งเลยสิทีนี้" แวนเนสพูดต่อขำๆ
"นิ่งอะไรหละ? ร้องไห้ใหญ่ หาว่าชั้นไม่รักมัน ดูมันนะช่างคิดช่างจินตนาการเหลือเกิน" พี่ใหญ่ตอบพลางส่ายหน้าไปมา
"พี่ใหญ่ไปตีพี่กลางทำไมหละ? พี่กลางเขาไม่สบายอยู่นะแทนที่จะโอ๋กลับไปตีพี่เขา" น้องเล็กต่อว่าพี่ใหญ่ด้วยสีหน้าเดือดร้อนแทนเคน
"เดี๋ยวมันตื่นแล้วพี่จะยกให้นายดูแลมัน แล้วคราวนี้แหละนายจะได้คำตอบเอง" เจอร์รี่ตอบน้องเล็กแล้วอดที่จะประชดเล็กๆไม่ได้
"แตะต้องมันไม่ได้เลยนะ หวงมากก็ดูแลกันซะให้พอ!" พูดจบก็เดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาดังเดิม แวนเนสกับไจ่ไจ๋จึงหันไปยักคิ้วให้กัน
"ไม่ใช่ซักหน่อย พูดแค่นี้ทำงอนไปได้ ผมไม่ได้ตั้งใจว่าพี่นะ" น้องเล็กเดินตามมาง้อ
"พี่ไม่ได้งอน" พี่ใหญ่แก้ตัวแต่เบือนหน้าหนีน้อง ไจ่ไจ๋ทำจมูกย่นแล้วจับหน้าพี่ชายหันมาทางเขา
"ไม่งอนแล้วหันหน้าหนีทำไม? หืม?" พูดหยอกพลางดึงแก้มทั้งสองข้างของพี่ชายจับหันซ้ายหันขวาอย่างหมั่นไส้
"ก็หน้านายมันไม่มีอะไรน่าดูหนิ" เจอร์รี่ย้อนพลางยกมือขึ้นมาบีบจมูกน้องไปด้วย
"กินอะไรมาหรือยัง? หิวมั๊ย?" เมื่อนึกขึ้นได้พี่ใหญ่ก็ถามน้อง
"หิวสิ....มีอะไรให้กินมั่งหละ?" น้องเล็กได้ทีอ้อน
"แล้วจะกินอะไรหละ?" ย้อนถามน้องพร้อมกับยักคิ้วกวนๆ
"งั้นพี่ต้องตามมาแล้วผมจะบอกเองว่าจะกินอะไร" พูดจบก็ดึงแขนพี่ชายให้ลุกขึ้นมาเพื่อจะได้พาเขาไปหาอะไรกิน
"ตื่นแล้วหรอเสี้ยวเทียน?" แวนเนสหันมาเห็นเคนลืมตาขึ้นมาก็ร้องทัก เคนกระพริบตาถี่ๆมองแวนเนสแล้วเบนสายตาไปทางพี่ชายคนโตกับน้องเล็ก
"ตื่นแล้วหรอ? รู้สึกยังงัย? ดีขึ้นบ้างหรือเปล่า?" พี่ใหญ่ปล่อยมือน้องเล็กแล้วเดินเข้ามาถามไถ่อาการเคนทันที
"นายจะไปไหนหรอ?" เคนแกล้งถามเพราะเห็นตอนที่พี่ชายจูงมือน้องเล็ก
"ไม่ได้ไปไหนหรอก ชั้นก็เฝ้านายอยู่นี่งัย" เจอร์รี่รีบตอบเพราะกลัวน้องจะต่อว่าว่าไม่รักษาสัญญา
"อ้าว! ไหนบอกจะพาผมไปหาอะไรกินงัย?" ไจ่ไจ๋แย้งแล้วก้าวเข้ามาข้างๆเตียงคนป่วย
"ไม่ไปแล้ว นายหิวก็ไปหาอะไรกินเองแล้วกัน" คำตอบของพี่ชายทำเอาน้องเล็กหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย เคนมองเลยไปที่น้องชายแล้วนึกอยากแกล้งขึ้นมา
"นายเลิกเรียนเร็วจังนะวันนี้" เคนทักน้องชายบ้าง
"อืม....พอเลิกเรียนเสร็จก็รีบมาที่นี่เลย ดีใจจังที่พี่กลางไม่เป็นอะไรมาก" ไจ่ไจ๋ยิ้มตอบพลางพยายามพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง
"นึกว่าเสียใจที่พี่ยังไม่ตายซะอีก" เคนว่าพลางหัวเราะเบาๆ
"พูดจาอะไรไม่เข้าท่าเลย! อ้าว! แล้วจะลุกทำไม?" พี่ใหญ่เอ็ดเข้าให้แต่แล้วก็รีบเข้าประคองเมื่อเห็นน้องขยับตัวลุกขึ้นมา
"ชั้นจะนั่ง" เคนร้องบอก
"มา....ชั้นช่วย...." แวนเนสเองก็เข้าช่วยน้องด้วยเช่นกัน เคนปล่อยให้พี่ชายทั้งสองคนมะรุมมะตุ้มกับเขาโดยไม่ได้โวยวายอะไรออกมาแต่สายตามองไปที่น้องเล็กที่ยืนทำหน้าซึมๆอยู่ไม่ไกล เพียงแค่เห็นสีหน้าเคนก็จับความรู้สึกของไจ่ไจ๋ได้ทันที
"เจอร์รี่.....ชั้นคอแห้งจัง" เคนเห็นทางของน้องเล็กแล้วก็หันไปทำเสียงอ้อนพี่ใหญ่
"เดี๋ยวชั้นเทน้ำให้นะ แป๊บนึง" เจอร์รี่รีบกระวีกระวาดเทน้ำให้น้องโดยเร็วด้วยกลัวว่าเคนจะแผลงฤทธิ์ขึ้นมาอีก
"ค่อยๆดื่มนะ มา....ชั้นจัดการเอง" แวนเนสรับแก้วน้ำมาป้อนให้น้องดื่ม
"แวนเนส ทำไมนายเพิ่งมาหละ? เนี่ย....เจอร์รี่มันตีชั้นด้วย ไม่มีใครช่วยเลย" เคนหันไปฟ้องพี่ชายคนรอง
"ไหนดูซิ? โดนตีตรงไหน? หายเจ็บหรือยัง?" แวนเนสขยับตัวขึ้นมานั่งบนเตียงพร้อมกับโอ๋น้องทันที
"เว่อร์น่า! ตีเบาๆเอง ขี้ฟ้องจริงๆ" พี่ใหญ่เองก็ขยับตัวขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยอีกคน คงเหลือแต่ไจ่ไจ๋ที่ยืนมองอยู่เท่านั้น
"เบาที่ไหนกัน? ซัดเข้ามาซะเต็มแรงเลย!" เคนย้อนแล้วแอบชำเลืองมองน้องเล็ก
"ก็นายดื้อเองหนิ เออๆๆๆ ขอโทษก็ได้ ให้ตีคืนเลยเอ้า!" พี่ใหญ่ยอมแพ้น้องชายแต่โดยดี
"ไม่เอาหรอก ชั้นเอาคืนนายวันนี้แต่จะโดนนายเอาคืนอีกวันหลัง ชั้นไม่โง่หรอก" เคนแย้งพี่ชายพร้อมกับเบ้ปากเล็กน้อย
"เดี๋ยวชั้นเอาคืนให้แทนก็ได้ เอามั๊ย?" แวนเนสถามเอาใจน้อง
"นายกล้าหรอ?" เคนย้อนถามพี่ชายเสียงสูง
"กล้าสิ เพื่อน้องชายสุดที่รักคนนี้พี่รองสู้ตายเลย!" แวนเนสพูดติดตลก แล้วสามพี่น้องก็หัวเราะกันขำๆ ส่วนไจ่ไจ๋นั้นได้แต่ยืนมองพี่ชายสามคนคุยเล่นกันด้วยความรู้สึกน้อยใจที่พี่ชายไม่เรียกให้เขาเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยเลย
"แหม....ที่งี้มาบอกว่าชั้นเป็นน้องสุดที่รัก เวลาปกติไม่เห็นนายจะเอาใจชั้นแบบนี้บ้างเลย" เคนแกล้งเปรยๆขึ้นพร้อมกับสังเกตท่าทางของน้องเล็กไปด้วย ไจ่ไจ๋ได้ยินดังนั้นก็ค่อยรู้สึกตัวจึงหมุนตัวแล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่ได้บอกกล่าวอะไรไว้
"ก็ถ้านายทำตัวน่ารักแบบนี้ตลอดชั้นเองก็จะโอ๋นายบ้างเหมือนกัน แต่ปกตินายชอบทำตัวโวยวายนี่หว่าชั้นก็หมั่นไส้น่ะสิ" แวนเนสแย้ง
"เออๆๆๆ!!! พอได้แล้ว! นายสองคนลุกไปห่างๆเลย!" แล้วเคนก็เปลี่ยนท่าทีจนพี่ชายสองคนตามไม่ทัน
"อะไรวะ? คุยกันอยู่ดีๆจะแผลงฤทธิ์อะไรอีก" เจอร์รี่บ่นอุบขึ้นมาทันที
"คุยบ้าอะไรอีกหละ? น้องไปไหนแล้วไม่เห็นหรืองัย?" เคนแหวใส่แล้วผงกหัวไปที่ประตู
"อ้าว!" แวนเนสกับเจอร์รี่อุทานออกมาพร้อมกัน
"ไม่ต้องอ้าว! ตามน้องไปเร็วๆเลย เดี๋ยวมันน้อยใจตายพอดี! ไม่มีใครสนใจมันบ้างเลย" เคนต่อว่าแล้วไล่พี่ชายสองคนให้ตามน้องเล็กออกไป
"ไปไหนแล้วหละ? เมื่อกี้ยังอยู่เลย" แวนเนสหันมามองหน้าเจอร์รี่พลางถามอย่างแปลกใจ
"บอกว่ามันออกไปแล้ว! ตามมันไปเร็วๆ เดี๋ยวมันน้อยใจไปซื้อน้ำยาล้างห้องน้ำมากินทำงัย?" เคนไล่พี่ชายทั้งสองคนอีก
"บ้าน่า!" เจอร์รี่หันมาเอ็ดน้องก่อนที่จะพยักหน้าให้แวนเนส
"นายตามออกไปดูน้องซิ เดี๋ยวชั้น....." พี่ใหญ่ไม่ได้พูดต่อเพียงแต่เหล่สายตาไปทางเคนเท่านั้น
"เออๆๆๆ เดี๋ยวชั้นตามมันไปเอง" พูดจบแวนเนสก็รีบเดินตามน้องเล็กออกไป




 

Create Date : 05 มกราคม 2550    
Last Update : 5 มกราคม 2550 13:56:23 น.
Counter : 1472 Pageviews.  

Chapter 13

ตอนที่ 13

"หมวกใบนั้นสวยดีนะ คุณใส่ต้องสวยแน่ๆ" แวนเนสชี้ชวนให้กลอเรียมองดูหมวกใบเก๋ที่วางโชว์อยู่หน้าร้าน

"สวยดีค่ะ แต่ชั้นคงไม่ใส่หรอก" กลอเรียว่าแล้วดึงแขนแวนเนสออกห่างจากร้านนั้น

"ทำไมหละ? ผู้หญิงใส่หมวกสีหวานๆแบบนั้นน่ารักดีออก ผมว่าผมซื้อให้คุณดีกว่า" แวนเนสแย้งแล้วดึงมือกลอเรียจะเดินเข้าร้านอีก

"ไม่เอาค่ะ ชั้นไม่ชอบใส่หมวกแล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะใส่ไปที่ไหน วันๆก็อยู่แต่ในร้าน" หญิงสาวแย้งแล้วดึงแวนเนสออกมาอีก

"ใส่ให้ผมดูงัย" แวนเนสว่าพลางชี้หน้าตัวเอง

"ไม่เอาค่ะ ถ้าอยากใส่คุณก็ใส่เอง" พูดจบกลอเรียก็ดึงมือแวนเนสออกแล้วเดินหนี

"ผมใส่เองเดี๋ยวก็น่ารักเกินหน้าคุณน่ะสิ" แวนเนสแหย่จนกลอเรียหัวเราะออกมาในที่สุด

"ไม่เอาก็ไม่เอา เดินไปดูอย่างอื่นดีกว่า" แล้วแวนเนสก็ตามใจคนรักเช่นเคย

"พี่รองกับพี่กลอเรียนี่ดูเหมาะกันมากเลยเนอะพี่ใหญ่" ไจ่ไจ๋เอ่ยขึ้นพลางมองตามหลังพี่ชายกับคนรักที่ชี้ชวนกันดูข้าวของต่างๆ

"อืม...." เจอร์รี่ตอบรับยิ้มๆแล้วกอดคอน้องชาย

"เห็นแบบนี้แล้วพี่ก็คิดอยากจะมีสาวสวยๆไว้เดินควงซักคนบ้างแล้วสิ" ไจ่ไจ๋เหลือบตามองพี่ชายยิ้มๆ

"ครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ได้ยินพี่ใหญ่อยากจะมีแฟน โล่งอกไปที!" พี่ใหญ่ได้ยินดังนั้นก็เหล่มองน้องชายอย่างหาเรื่อง

"นายหมายความว่างัยไอ้ตัวแสบ พี่อยากมีแฟนทำไมนายต้องโล่งอก?" ไจ่ไจ๋ส่ายหัวพลางอมยิ้มน้อยๆ

"ไจ่ไจ๋!" พี่ใหญ่ทำเสียงเข้มคาดคั้นเอาคำตอบจากน้องชาย

"ไม่มีอะไรซักหน่อย ผมโล่งอกเพราะพี่คิดถึงความสุขของตัวเองซักทีงัย" น้องเล็กทำปากหวาน เจอร์รี่เลยยิ้มออกแล้วบีบจมูกน้องอย่างเอ็นดู

"เจอร์รี่ ไจ่ไจ๋ พวกนายหิวหรือยัง?" แวนเนสที่เดินนำอยู่ด้านหน้าเอี้ยวตัวกลับมาถามพี่น้อง

"ทำไม? จะกินข้าวกันหรอ?" เจอร์รี่ไม่ตอบแต่กลับย้อนถามน้องแทน

"อืม....กินข้าวเร็วหน่อยกลอเรียจะได้กลับบ้านไม่ดึก แล้วจะได้มีเวลาพักผ่อนเต็มที่" แวนเนสว่า

"แหม...ห่วงกันจริงเลยนะ" ไจ่ไจ๋กระซิบเป็นเชิงแซวพี่ชาย แวนเนสเลยยักคิ้วให้น้อง

"ก็เอาสิ จะกินอะไรกันดีหละ?" เจอร์รี่ตอบรับในที่สุด

"กลอเรียครับ คุณอยากกินอะไร?" แวนเนสรีบหันไปถามคนรักอย่างเอาใจ

"อะไรก็ได้ค่ะตามใจพวกคุณดีกว่า" หญิงสาวว่า

"ไม่เอา ผมอยากให้คุณเลือกหนิ" แวนเนสทำเสียงเหมือนเด็กๆ

"ชั้นไม่รู้นี่คะว่าจะกินอะไร ให้ไจ่ไจ๋เลือกดีกว่านะคะ ว่างัยจ๊ะไจ่ไจ๋? เธออยากกินอะไร?" กลอเรียบอกปัดมาทางไจ่ไจ๋เอาดื้อๆ

"โหย! ให้มันเลือกก็มีอยู่อย่างเดียว" แวนเนสโอดครวญ

"รู้ได้งัยพี่รอง? ผมไม่ได้กินเป็นแต่ไก่ทอดซะหน่อย" ไจ่ไจ๋เถียงขึ้นมาทันที

"หรอ? งั้นแนะนำทีซิ" แวนเนสเสียงล้อเลียนน้อง

"กินบาร์บีคิวกันดีมั๊ย?" ไจ่ไจ๋ออกความเห็นโดยไม่ต้องคิดมาก

"ก็ดีนะคะแวนเนส แล้วคุณหละคะเจอร์รี่เห็นว่ายังงัย?" กลอเรียถามไถ่ถึงความต้องการของเจอร์รี่ด้วย

"ผมยังงัยก็ได้อยู่แล้ว มากับน้องก็ต้องตามใจทุกที" เจอร์รี่ตอบแบบอารมณ์ดี

"งั้นตกลงไปกินบาร์บีคิวกัน" แวนเนสตัดบทแล้วทั้งสี่คนก็เดินเข้าไปในร้านบาร์บีคิว

"กินกุ้งหรือว่าปลาหมึกดีครับ?" แวนเนสถามคนรัก

"ดีทั้งสองอย่างครับ" ไจ่ไจ๋ตอบแทนขึ้นมาอย่างหมั่นไส้ ทำเอาเจอร์รี่ได้แต่หัวเราะขำๆ

"พี่ไม่ได้ถามนาย ถ้าอยากกินก็สั่งเองสิ" แวนเนสแหวใส่น้อง ไจ่ไจ๋เลยทำจมูกย่นใส่พี่ชาย

"พี่ใหญ่ครับระหว่างไอ้นี่กับไอ้นี่พี่ใหญ่กินอะไรดีครับ?" ไจ่ไจ๋หันไปล้อเลียนพี่ชายโดยการถามเอาใจพี่ใหญ่บ้าง

"ไปล้อพี่เขา" พี่ใหญ่ทำหน้าดุน้องเล็กเพราะเกรงใจกลอเรียที่เป็นผู้หญิงคนเดียวแต่กลับโดนแซว

"อย่าไปสนใจเขาเลยครับ มาว่าเรื่องของเราต่อดีกว่า" แวนเนสหันไปพูดกับกลอเรียด้วยสีหน้าแช่มชื่น

"อะไรนะคะ?" หญิงสาวไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคนรักเท่าไหร่นัก

"อ้าว....ก็เรื่องของเรา....." แวนเนสยังพูดไม่ทันจบเจอร์รี่ก็ส่งเสียงกระแอมขึ้นมาก่อน

"ฮึ่ม!!" กลอเรียหันไปยิ้มขอบคุณเจอร์รี่ก่อนที่จะตีแขนแวนเนสเบาๆเพราะไจ่ไจ๋กำลังนั่งจ้องเธอกับเขาด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม

"คุณนี่พูดครั้งเดียวไม่เข้าใจผมโดนดุเลยเห็นมั๊ย?" แวนเนสว่าเสียงกระเง้ากระงอดแต่เขยิบตัวเข้าไปเบียดกับกลอเรีย

"ชั้นทำอะไรหละคะ? คุณนั่นแหละ" หญิงสาวต่อว่าเขาแล้วขยับตัวหนีแต่แวนเนสก็ขยับตามจนหญิงสาวนั่งตัวลีบติดกำแพงแล้ว

"แวนเนส! เขยิบออกมา!" เจอร์รี่ทำเสียงดุๆ

"เรื่องอะไร เดี๋ยวคนอื่นไม่รู้ว่าชั้นมากับแฟน" ไม่พูดเปล่าแต่เอามือโอบรอบเอวหญิงสาวด้วย กลอเรียเขินจนต้องก้มหน้าหนี

"เดี๋ยวจะโดน!" พี่ใหญ่ชี้หน้าพร้อมกับพูดขู่เบาๆ แวนเนสจึงยอมคลายท่อนแขนแล้วขยับตัวออกมาเล็กน้อยพอให้หญิงสาวนั่งได้สบายขึ้น

"เจอร์รี่คะ แวนเนสชอบแกล้งชั้นแบบนี้ประจำเลยค่ะ แถมเขายังชอบเอาเรื่องของคุณกับไจ่ไจ๋มาเผาให้ชั้นฟังด้วย รู้มั๊ยคะว่าเขาเคยเล่าว่าเขาน่ะเคยแอบตามคุณไป....." กลอเรียตั้งท่าจะฟ้องแต่แวนเนสเอะอะขึ้นมาก่อน

"กลอเรีย! ไหงทำแบบนี้หละ? ไม่เอานะครับอย่าพูดเลยผมไม่แกล้งคุณอีกแล้ว" แวนเนสทำเสียงอ่อยๆ

"พี่รองเล่าว่างัยครับพี่กลอเรีย? เผาอะไรผมบ้าง?" ไจ่ไจ๋รีบถามต่อทันที

"อืม....แวนเนสชอบมาเผาให้พี่ฟังว่าเธอชอบงอแงเหมือนเด็กๆน่ะจ๊ะ" กลอเรียรีบฟ้อง

"ฮึ! ตัวเองเป็นผู้ใหญ่ตายหละ! เราน่ะงอแงยิ่งกว่าน้องอีก!" พี่ใหญ่ได้ทีสำทับน้อง หญิงสาวได้ยินเลยหัวเราะชอบใจ

"ใช่ๆๆ!!! พี่รองนั่นแหละที่เหมือนเด็กนอนไม่พอก็ร้องงอแง เหนื่อยก็ร้องงอแง ยิ่งเวลาคิดถึงพี่กลอเรียนะยิ่งงอแงใหญ่เลย" ไจ่ไจ๋เอาคืนพี่ชายแต่แอบแซวกลอเรียไปด้วย

"ไจ่ไจ๋!! นายก็ไม่ได้ดีกว่ากันซักเท่าไหร่หรอก เงียบไปเลย" เจอร์รี่ต่อว่าน้องเล็กอีกคน ไจ่ไจ๋แกล้งทำเป็นก้มหน้าแต่สายตากลับหันไปมองแวนเนสแล้วลอบยิ้มให้กัน

"อย่าไปสนใจพวกเขาเลยครับ เจ้าพวกนี้ผีเจาะปากมาพูด" เจอร์รี่ยังไม่วายว่ากระทบน้องๆอีก กลอเรียไม่พูดว่าอะไรเพียงแต่หัวเราะออกมาเท่านั้น ผ่านไปครู่หนึ่งพนักงานก็ยกเอาอาหารมาเสริฟ

"พี่ใหญ่กินนี่สิครับ" ไจ่ไจ๋ตักอาหารที่ย่างเสร็จแล้วใส่จานให้พี่ชาย

"ขอบใจมาก นายก็กินด้วยสิ" เจอร์รี่ตักอาหารใส่จานให้น้องด้วยเช่นกัน กลอเรียที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองสองพี่น้องแล้วก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ แวนเนสเหลือบมองคนรักแล้วเม้มปากเล็กน้อยก่อนที่จะยกมือขึ้นปิดตาหญิงสาว

"อุ๊ย! อะไรคะแวนเนส?" เสียงของหญิงสาวทำให้เจอร์รี่กับไจ่ไจ๋ต่างหันไปมองเจ้าของเสียง

"ทำอะไรน่ะแวนเนส!" เจอร์รี่ทำเสียงดุน้อง

"คุณไปมองมันสองคนทำไม? มองแล้วยิ้มด้วย" แวนเนสทำเสียงงอนๆใส่หญิงสาว เล่นเอาพี่น้องพากันส่ายหน้ากับความขี้หึงของแวนเนส

"ทำไมคะ? ชั้นมองไม่ได้หรอ? ก็เจอร์รี่กับไจ่ไจ๋นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับชั้นนี่" กลอเรียย้อนด้วยน้ำเสียงยั่วๆ

"งั้น....นายลุกมานั่งนี้เลยไจ่ไจ๋" แวนเนสบอกน้องชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับกลอเรียให้แลกที่กับเขา

"เอ๊ะ! นายนี่เป็นคนยังงัยนะ เดี๋ยวโดนแน่ๆ! ทำอะไรไม่เข้าเรื่อง" พี่ใหญ่ว่าน้องด้วยท่าทีจริงจัง แวนเนสหน้ามุ่ยลงก่อนหันไปทำหน้างอนใส่หญิงสาว

"สมน้ำหน้า" กลอเรียกระซิบตอกย้ำแวนเนสเข้าให้อีก แต่พอเห็นแวนเนสงอนเข้าจริงๆเธอก็ขยับเข้าไปใกล้แล้วจับมือเขาไว้

"จับทำไม? ผมมันไม่น่ามองไม่น่าเข้าใกล้อยู่แล้วหนิ" แวนเนสประชดเล็กๆแต่ก็ดีใจลึกๆที่กลอเรียง้อเขา

"งั้นพี่กลอเรียมาจับมือผมดีกว่าปล่อยคนแก่ขี้น้อยใจเขาไปเหอะ" ไจ่ไจ๋ได้ทียั่วพี่ชายเล่น

"เดี๋ยวมีเรื่องหรอก! เอามือออกไปไกลๆเลย!" แวนเนสแหวใส่น้องแล้วปัดมือน้องออก

"แวนเนส! คุณนี่งอนไม่เข้าเรื่อง ถ้าขืนยังทำแบบนี้อีกชั้นไม่พูดด้วยแล้วนะคะ" กลอเรียเริ่มเอือมระอากับคนรัก ได้ยินดังนั้นแวนเนสก็เปลี่ยนท่าทีโดยเร็ว

"ไม่เอานะครับ ถ้าคุณไม่คุยกับผม ผมต้องบ้าตายแน่ๆ" ไจ่ไจ๋หัวเราะคิกกับท่าทีที่เปลี่ยนแปลงภายในเสี้ยววินาทีของพี่ชาย ส่วนเจอร์รี่ได้แต่ส่ายหน้า

"นั่นก็เรื่องของคุณค่ะ" กลอเรียพูดเสียงนิ่มๆแต่ค้อนใส่คนรักด้วยความหมั่นไส้ แต่แวนเนสกลับยิ้มหวานให้ทำเอาเธอใจอ่อนทุกที

"ขอโทษครับ กินนี่กันดีกว่า" แวนเนสทำเสียงหวานแล้วตักอาหารใส่จานให้หญิงสาวอย่างเอาใจ

"ขอบคุณค่ะ" กลอเรียพูดเบาๆแล้วตักอาหารกิน

"เวลาเห็นพวกคุณพูดคุยเล่นกันแล้วชั้นรู้สึกอบอุ่นยังงัยก็ไม่รู้ ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าชั้นมีพี่น้องเยอะแบบนี้บ้างก็คงจะดี" หลังจากที่บรรยากาศบนโต๊ะเงียบๆไปกลอเรียก็เป็นฝ่ายชวนคุยขึ้นมา

"ถ้าไม่รังเกียจคุณเรียกผมว่าพี่ใหญ่ก็ได้ ผมยินดีรับคุณเป็นน้องสาวอีกคน" เจอร์รี่เอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน

"นั่นสิครับ แล้วถือว่าผมเป็นน้องชายของพี่ด้วยก็ได้ ผมเองก็อยากมีพี่สาวมานานแล้ว โดยเฉพาะพี่สาวใจดีแบบนี้ผมรักตายเลย" ไจ่ไจ๋รีบเสริมต่อทันที

"พูดจริงหรอคะ?" กลอเรียถามย้ำด้วยความดีใจ

"จริงสิครับ ผมจะดีใจมากที่มีน้องสาวน่ารักแบบนี้" เจอร์รี่ย้ำคำ

"ไม่ได้! ผมคัดค้าน!" แวนเนสพูดแทรกขึ้นมาทันที

"เจอร์รี่น่ะเป็นพี่ชายคนเดียวของผม เรื่องอะไรจะยอมให้คุณใช้ด้วยฟรีๆหละ?" หญิงสาวหันไปมองหน้าคนพูดแบบไม่ค่อยเข้าใจนัก

"ส่วนไจ่ไจ๋น่ะก็เป็นน้องที่ผมเอ็นดูที่สุด ผมไม่ยอมให้มันไปอ้อนใครพร่ำเพรื่อหรอก" แวนเนสพูดต่อ

"ทำเป็นเด็กหวงของไปได้!" พี่ใหญ่ต่อว่าน้องชายตัวแสบอย่างเอือมระอา

"หวงสิ ก็ของๆชั้นหนิ" แวนเนสเถียง

"ผมกับพี่ใหญ่ไม่ใช่สิ่งของซักหน่อย" ไจ่ไจ๋เอ่ยขึ้นเบาๆ

"แต่ความจริงมันก็คือพี่ใหญ่เป็นพี่ชายของพี่และนายก็เป็นน้องชายของพี่" แวนเนสว่าแล้วอมยิ้มเล็กน้อย

"ดังนั้นถ้าหากว่าคุณอยากให้พี่ใหญ่ของผมเป็นพี่ชายของคุณและอยากให้น้องชายของผมเป็นน้องชายของคุณด้วย คุณก็ต้อง....." คราวนี้แวนเนสหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์กับกลอเรีย

"แต่งงานกับผม" ประโยคนี้แวนเนสกระซิบเบาๆข้างหูคนรักทำเอากลอเรียหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย เห็นท่าทางของแวนเนสแล้วเจอร์รี่กับไจ่ไจ๋ก็พร้อมใจกันหันหน้าไปมองที่อื่นโดยแสร้งทำไม่สนใจเพราะกลัวหญิงสาวจะอายมากกว่านี้

"ติ๊ดๆๆๆ" เสียงโทรศัพท์มือถือดังขัดจังหวะขึ้นมาก่อน กลอเรียรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาดู

"คุณพ่อชั้นโทรมาค่ะ ขอตัวซักครู่นะคะ" แวนเนสขยับตัวให้หญิงสาวลุกออกไป

"นี่!" เมื่อหญิงสาวลุกออกไปแล้วเจอร์รี่ก็เอื้อมมือไปตีมือแวนเนสทีหนึ่ง

"หูยยย...." แวนเนสร้องโอดครวญแต่พอเห็นสายตาของพี่ชายก็ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแก้เก้อ

"นี่มันที่สาธารณะ ทำอะไรไม่ดูหน้าดูหลังบ้างเลย เดี๋ยวพอเป็นข่าวก็มาร้องโวยวายอีก" พูดด้วยน้ำเสียงดุๆ

"แหม....ใส่แว่นตาอยู่ไม่มีใครสนใจหรอก" แวนเนสแย้ง

"นั่นสิ ถ้าผมเห็นพี่ที่อื่นแต่งตัวแบบนี้ก็จะจำไม่ได้เล้ยยย....." ไจ่ไจ๋ทำเสียงสูงประชดพี่ชาย แวนเนสยกมือขึ้นจะเล่นงานน้องชายแต่พี่ใหญ่มองอยู่แวนเนสเลยได้แต่เกาหัวตัวเอง

"ทะเล้นจริงๆน่ะเรา! เกิดอะไรขึ้นมาอย่ามาร้องให้ได้ยินเชียว" พี่ใหญ่ว่าพลางส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับน้องชาย ในขณะกลอเรียก็เดินกลับมาพอดี

"คุยเสร็จแล้วหรอ? มา....กินต่อดีกว่าครับ....." แวนเนสรีบเปลี่ยนเรื่องหันไปคุยกับคนรัก แต่พอเห็นสีหน้ากลอเรียแวนเนสก็ขมวดคิ้ว

"กลอเรีย คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?" รีบยืนขึ้นจับแขนหญิงสาวพลางถามอย่างเป็นห่วง เห็นดังนั้นเจอร์รี่กับไจ่ไจ๋ก็พลอยชะงักไปด้วย

"คือว่า...." หญิงสาวมองหน้าคนรักก่อนที่จะหันไปมองเจอร์รี่กับไจ่ไจ๋ด้วย

"คุณพ่อชั้นโทรมาบอกว่าเสี้ยวเทียน....." กลอเรียยังพูดไม่ทันจบเจอร์รี่ก็พลอยพรวดพราดลุกขึ้นตามมาด้วยอีกคน

"เสี้ยวเทียนเป็นอะไรครับ? เสี้ยวเทียนเป็นอะไร?" ถามหญิงสาวอย่างร้อนรน

"เสี้ยวเทียนเขาป่วยน่ะค่ะ คือว่า....." กลอเรียเองก็ลำบากใจที่จะบอกเพราะรู้ดีว่าสามพี่น้องต้องรู้สึกเป็นเป็นห่วงมากเป็นแน่

"เขาป่วยเป็นอะไร? เสี้ยวเทียนมันป่วยเป็นอะไร? แล้วตอนนี้มันเป็นยังงัยบ้าง?" แวนเนสถามหญิงคนรักเป็นชุด

"พวกคุณใจเย็นๆก่อนนะคะ นั่งก่อนเถอะค่ะ" พูดจบหญิงสาวก็บอกให้ทั้งสามคนนั่งลงก่อนเพราะยืนคุยแบบนี้เป็นการเกะกะคนอื่น

"เสี้ยวเทียนเขามีอาการไข้สูงเฉียบพลันค่ะ คุณหมอบอกว่าน่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่" กลอเรียพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

"น่าจะ? นี่หมายความว่าหมอก็ยังไม่แน่ใจด้วยหรอครับ?" เจอร์รี่ถามต่ออย่างรู้สึกไม่ค่อยจะพอใจนัก

"เจอร์รี่! กลอเรียเขาก็แค่รับข่าวมาบอกพวกเรานะ" แวนเนสร้องเตือนพี่ชาย

"เอ่อ....ขอโทษครับ" เมื่อรู้สึกตัวเจอร์รี่ก็รีบขอโทษหญิงสาวทันที

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คือคุณพ่อชั้นบอกว่าที่คุณหมอยังไม่ระบุแน่ชัดว่าเป็นอะไรกันแน่เพราะบนเรือก็ไม่ได้มีเครื่องไม้เครื่องมืออะไรที่เพียบพร้อมเหมือนในโรงพยาบาล ดังนั้นคุณหมอเลยวินิจฉัยจากอาการที่ปรากฏค่ะ" เมื่อได้ฟังเหตุผลแล้วเจอร์รี่ก็ต้องยอมจำนน

"พี่กลอเรียแล้วถ้าหากว่าเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้นมาจริงๆ คนไข้จะทำยังงัยครับ?" ไจ่ไจ๋ถามขึ้นมาบ้าง เขาอยากได้ความมั่นใจว่าพี่ชายเขาจะปลอดภัย

"พี่ไม่ได้ถามจ๊ะ แต่คุณพ่อพี่บอกว่าพรุ่งนี้เรือจะเทียบท่ารับนักท่องเที่ยว ถ้าพวกคุณอยากรับเสี้ยวเทียนมารักษาในโรงพยาบาลก็ไปรับเขาได้ค่ะ คุณพ่อจะเซ็นต์อนุญาตให้เสี้ยวเทียนลาป่วย" ได้ยินดังนั้นสีหน้าของสามพี่น้องก็ค่อยคลายกังวลไปได้

"เราจะไปรับเขาครับ ว่าแต่เรือจะเทียบท่าที่ไหน?" แวนเนสสอบถามสถานที่แล้วจดไว้อย่างละเอียด

"คุณพ่อบอกว่าถ้าเสี้ยวเทียนตื่นขึ้นมาแล้วจะให้เขาโทรหาพวกคุณ ยังงัยก็รอรับโทรศัพท์เขาก็แล้วกันนะคะ" กลอเรียพูดสรุป



- ที่บ้าน -

"พี่ใหญ่ จะเดินอีกนานมั๊ยครับ?" ไจ่ไจ๋เอ่ยขึ้นมาในที่สุดหลังจากนั่งมองพี่ชายเดินวนไปวนมาอยู่ในบ้านตั้งแต่กลับมาแล้ว

"แล้วทำไมพี่กลางมันยังไม่โทรมาอีก? เป็นยังงัยบ้างก็ไม่รู้" เจอร์รี่โอดครวญ

"มันไม่ตายง่ายหรอก! ก็แค่ไข้หวัดใหญ่เอง" แวนเนสว่า

"นายรู้ได้ยังงัย? ถ้าหากว่าน้องมันไม่ได้เป็นแค่ไข้หวัดใหญ่หละ?" เจอร์รี่ย้อน แวนเนสกับไจ่ไจ๋จึงได้แต่หันไปสบตากัน

"เมื่อเช้ามันก็ยังดีๆอยู่ ถ้ารู้สึกไม่สบายทำไมมันไม่บอกแต่แรกหละ? รู้งี้ชั้นไม่ให้มันไปหรอก คอยดูนะชั้นจะให้มันลาออก จะไม่ให้ไปทำงานอะไรที่ไกลหูไกลตาแบบนี้อีกแล้ว" พี่ใหญ่บ่นต่ออย่างเป็นห่วงเป็นกังวล

"มันได้อาละวาดตายปะไร! ก่อนมันจะได้งานนี้มันก็ร้องโอดครวญกับนายตั้งนานสองนานขอให้นายยอมให้มันทำ" แวนเนสแทรกขึ้นมาอีก

"ก็เพราะนายสองคนนั่นแหละเข้าข้างมันแถมเอาพ่อแม่มาอ้าง ชั้นเลยต้องใจอ่อนยอมให้มันทำ" พี่ใหญ่พาลโทษน้องชายทั้งคู่

"อ้าว! ไหงโทษผมหละ? ตอนแรกผมก็ไม่ยอมให้พี่กลางไปทำงานนี้ซักหน่อย" ไจ่ไจ๋แย้งทันที

"แล้วใครมันยุให้พี่กลางมันโทรอ้อนพ่อกับแม่หืม?" พี่ใหญ่ตอกกลับ น้องเล็กเลยได้แต่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

"กริ๊งๆๆๆ!!!" เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นสามพี่น้องลุกพรวดขึ้นพร้อมกัน

"พี่รับเอง" เจอร์รี่ว่าแล้วรีบยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาทันที

"เป็นโฟนด้วย ผมฟังด้วย" แวนเนสกับไจ่ไจ๋ร้องขึ้นพร้อมกัน

"เสี้ยวเทียนหรือเปล่า?" พี่ใหญ่เอ่ยถามออกไป แล้วเมื่อได้ยินเสียงน้องชายตอบกลับมาเจอร์รี่ก็ค่อยโล่งใจรีบเปิดโฟนให้น้องอีกสองคนฟังด้วย

"พี่กลางเป็นยังงัยบ้าง?" ไจ่ไจ๋รีบถามอาการพี่ชายทันที

"ปวดหัว" เสียงเคนตอบกลับมาแบบเนือยๆ

"แล้วนายบอกหมอหรือยัง? หมอให้ยากินหรือเปล่า?" แวนเนสถามบ้าง

"กินยาแล้วก็ไม่หาย ชั้นยังมึนๆอยู่เลย" น้ำเสียงของเคนฟังดูไม่ค่อยดี

"เสี้ยวเทียน หมออยู่หรือเปล่า? ขอพี่ใหญ่คุยกับคุณหมอหน่อย" เจอร์รี่บอกน้องด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย

"หมอไปแล้ว พี่ใหญ่....นายโกรธั้นอยู่หรือเปล่า?" คำถามนั้นทำให้แวนเนสกับไจ่ไจ๋หันมามองเจอร์รี่พร้อมกัน

"ถามอะไรโง่ๆ พี่โกรธนายที่ไหนกัน?" เจอร์รี่ตอบ

"แต่เมื่อเช้านายทำหน้าบึ้ง" เคนแย้งกลับมา

"เปล่าซักหน่อย หน้าพี่ก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว นายอย่าคิดมากสิเพราะคิดแบบนี้งัยถึงได้ปวดหัว ไม่เอาไม่คิดอะไรแล้วนะครับ" พี่ใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

"หมั่นไส้" แวนเนสกระซิบกับไจ่ไจ๋เบาๆ แล้วสองพี่น้องก็หัวเราะกันเบาๆ

"พรุ่งนี้พี่ไปรับกลับบ้านนะเสี้ยวเทียน" พี่ใหญ่พูดต่อโดยไม่สนใจน้องอีกสองคนที่ซุบซิบนินทาเขาอยู่

"อืม" เคนตอบกลับมาสั้นๆ

"แล้วไปทำอะไรมาถึงได้เป็นไข้? นายเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมไม่โทรมาบอกพี่?" พี่ใหญ่ซักไซร้น้องต่ออีก

"ไม่รู้ แต่หลังจากเรือออกจากท่าได้พักหนึ่งชั้นก็เวียนหัวเลยกินยาแก้เมาเรือไป แล้วไข้ก็ขึ้นมาเฉยเลย" เคนตอบ

"นายชอบไปตากแดดตากลมน่ะสิ เวลาชั้นห้ามก็ไม่ค่อยจะเชื่อฟัง" พี่ใหญ่อดที่จะว่าน้องไม่ได้

"เปล่าซักหน่อย" เสียงเคนปฏิเสธกลับมา

"เอาหละๆ นายไปนอนพักซะ พยายามหลับให้ได้โอเคมั๊ย?" เจอร์รี่ตัดบทเพราะอยากให้น้องพักผ่อน

"แต่ชั้นเพิ่งตื่นเองนะ" เคนแย้งกลับมา

"งั้นพี่กลางคุยกับผมก่อนก็ได้" ไจ่ไจ๋รีบพูดแทรก

"ไม่เอา! ไปนอนพักเดี๋ยวนี้เลย!" เจอร์รี่ยื่นคำขาด

"แต่น้องมันเพิ่งตื่นนะ คุยกันก่อน" แวนเนสแย้งพี่ชายบ้าง

"น้องมันไม่สบายอยู่ยังจะคุยอะไรนักหนาเดี๋ยวก็ปวดหัวอีก" เจอร์รี่หันไปเถียงแวนเนส

"ฮึๆๆๆ ไจ่ไจ๋ วันนี้เรียนเป็นงัยบ้าง?" เคนหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงพี่ชายสองคนเถียงกันก่อนที่จะถามไถ่เรื่องของน้องบ้าง

"วันนี้ไม่ได้ไปเรียนครับ พี่ใหญ่ให้หยุดเรียนวันนึง" ไจ่ไจ๋ตอบ

"ชั้นไม่ได้ให้มันหยุด แวนเนสต่างหากตัวตั้งตัวดีทำให้ชั้นไม่ได้ไปทำงานด้วย" คนที่ถูกพาดพิงถึงแก้ตัวพร้อมกับฟ้องกลับโดยพลัน

"ไม่ใช่ชั้นหรอกเสี้ยวเทียน เพราะนายต่างหาก" แวนเนสพูดขึ้นมาบ้าง

"อ้าว! ชั้นอยู่ไกลตั้งหลายกิโลนายยังโทษชั้นอีกหรอ?" เคนว่ามาตามสาย

"แน่นอน เพราะหลังจากส่งนายขึ้นเรือไปแล้วมันสองคนก็ทำหน้าอย่างกับเบื่อโลกยังงัยอย่างงั้น ชั้นก็ต้องเป็นคนดีพาพวกมันไปเที่ยวแก้เครียดน่ะสิ" แวนเนสอธิบายยืดยาว

"ดีตายหละ!" พี่ใหญ่ไม่ว่าเปล่าแต่ผลักหัวคนพูดไปด้วย

"เรื่องอะไรมาผลักหัวชั้นหละ!" แวนเนสต่อว่าพี่ชายแล้วยกมือขึ้นจะเอาคืนแต่พอเห็นพี่ชายใช้สายตาดุๆจ้องหน้าเขา แวนเนสก็แสร้งเอามือเกาหัวแล้วหันไปอุ้มเจ้าถางถางที่เดินมาเคลียคลอด้วยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"พี่กลาง.....พี่รองกำลังซวยแล้วหละ สมน้ำหน้า" ไจ่ไจ๋ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาคุยกับเคนคนเดียวโดยไม่สนใจกับพี่ชายอีกสองคนอีกแล้ว

"ใช่! สมน้ำหน้ามัน เออ....แล้วนายไม่ไปเรียนไม่เป็นไรหรอไจ่ไจ๋? เห็นบอกใกล้สอบแล้วหนิ" เคนถามน้องชายกลับมาบ้าง

"สอบมิดเทอมน่ะพี่กลาง ไม่มีอะไรน่าห่วง ผมเตรียมตัวไว้นานแล้ว" ไจ่ไจ๋ตอบพี่ชายด้วยน้ำเสียงร่าเริง

"ว่าแต่พี่กลางเถอะ ไม่สบายแบบนี้ใครจะดูแลหละ?" ประโยคนี้น้ำเสียงของไจ่ไจ๋ฟังดูเป็นห่วงเป็นใย

"มีพยาบาลคอยดูแลพี่อยู่ ไม่ต้องห่วงนะ" ได้ยินดังนั้นไจ่ไจ๋ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

"คนเดียวกับคนนั้นหรือเปล่า?" ถามพี่ชายกลับไปอีก

"คนไหนหรอ?" เคนแกล้งทำเป็นไม่รู้

"ฮึ! แบบนี้ป่วยจริงหรือแกล้งป่วยกันแน่? ถามจริงเถอะอยากให้พี่ใหญ่ไปรับกลับบ้านหรือเปล่า? หรือว่านอนแอ้งแม้งให้สาวสวยๆดูแลแบบนั้นน่ะดีแล้ว?" น้องเล็กอดที่จะแขวะกัดพี่ชายไม่ได้

"พูดบ้าๆน่า! พี่ไม่ได้แกล้งป่วยซักหน่อย แล้วเขาก็ดูแลพี่แบบคนป่วยคนนึงเท่านั้นเอง ตอนนี้พี่อยากกลับบ้านมาก" น้ำเสียงของพี่ชายทำเอาน้องเล็กเริ่มสงสาร

"พรุ่งนี้ก็ได้กลับแล้วหละ ตอนนี้พี่กลางต้องดูแลตัวเองดีๆนะ เจ็บป่วยตรงไหนพี่ต้องบอกหมอนะพี่" จบคำพูดของตัวเองไจ่ไจ๋ก็ได้ยินเสียงพี่ชายหัวเราะมาเบาๆ

"ครับผม พี่จะดูแลตัวเองอย่างดีจะไม่ยอมตายถ้าหากว่ายังไม่ได้เห็นหน้านาย โอเคมั๊ย?" เคนตอบเป็นเชิงกระเซ้าน้องชาย

"พี่กลางเนี่ย! พูดจาอะไรไม่เห็นดีเลย" น้องเล็กต่อว่าพี่ชายแล้วหน้ามุ่ยเล็กน้อย

"ไม่พูดด้วยแล้ว ไปนอนพักเดี๋ยวนี้เลย ถ้าหากพี่ป่วยหนักกว่านี้ผมจะไม่คุยกับพี่จริงๆด้วย" พูดจบน้องเล็กก็ยื่นโทรศัพท์ไปให้พี่ชายคนโตคุยแทน

"แหย่อะไรน้องอีกเนี่ยหืม?" เจอร์รี่รับโทรศัพท์มาพร้อมกับเอ่ยถาม

"ชั้นแค่บอกมันว่าชั้นจะไม่ยอมตายจนกว่าจะได้เห็นหน้ามันก่อนเท่านั้นเอง" เคนตอบมาตามตรง

"ปากเสีย! ถ้าพี่ได้ยินนายพูดอะไรตายๆอีก พี่จะโกรธนายจริงๆหละคราวนี้" พูดขู่น้องชาย

"คร้าบบบ....ไม่กล้าพูดแล้ว" เมื่อได้ยินเสียงตอบรับของน้องเจอร์รี่ก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

"ตอนนี้ยังอยู่ในห้องพยาบาลหรือเปล่า?" พี่ใหญ่ถามน้องต่อ

"อยู่ ยังนั่งอยู่บนเตียงเลย" เคนตอบคำถามพี่ชายมาตามสาย

"งั้นนอนพักได้แล้ว พรุ่งนี้พี่ใหญ่ไปรับ" พูดตัดบทเพราะเห็นว่าคุยนานพอสมควรแล้ว

"ก็ได้" เคนตอบกลับมาอย่างว่าง่าย

"นอนลงหรือยัง?" ถามน้องต่ออีก

"นอนแล้ว" พี่ใหญ่ยิ้มอย่างพอใจกับคำตอบของน้อง

"คราวนี้หยิบผ้าห่มมาห่มด้วย" สั่งน้องต่อไปอีก เสียงฝ่ายตรงข้ามเงียบลงก่อนที่จะมีเสียงสะบัดผ้าห่มแว่วมา

"ห่มผ้าเสร็จหรือยัง?" ถามน้องต่ออีก

"เสร็จแล้ว" เคนตอบ

"เอาหละ ก่อนนอนต้องพูดอะไรกับพี่ใหญ่ด้วย?" พี่ใหญ่ทวงคำน้องชาย

"นอนแล้วนะ" เจอร์รี่ยิ้มขำๆเมื่อได้ยิน

"ไม่ใช่ พูดผิดแล้ว" เขาได้ยินเสียงน้องชายถอนหายใจดังเฮือก

"ราตรีสวัสดิ์ครับพี่ใหญ่" แล้วเคนก็พูดกลับมาแบบชัดถ้อยชัดคำ

"อืม....ราตรีสวัสดิ์ครับ ทีนี้วางสายแล้วหลับตานอนซะนะ" พูดจบเขาก็รอให้น้องวางสายโทรศัพท์ไปก่อนจึงค่อยโล่งใจที่ได้ส่งน้องเข้านอนแล้ว

"สบายใจแล้วสิ!" แวนเนสแขวะพี่ชายขึ้นมาทันทีหลังจากที่เห็นพี่ชายวางโทรศัพท์แล้ว

"ไปไกลๆเลย กวนประสาทอยู่ได้!" เจอร์รี่ค้อนใส่อย่างหมั่นไส้

"ไม่ไป ชั้นจะอยู่ตรงนี้นายจะทำไม?" แวนเนสลอยหน้าลอยตาพูดพลางขยับเข้าไปเบียดพี่ชาย

"นายนี่น่ารำคาญจริงๆ! ไปห่างๆเลย!" ว่าพลางผลักร่างน้องออก

"ทีชั้นไล่ให้ไปไกลๆแต่กับเสี้ยวเทียนหละนะพูดจ๊ะจ๋าซะหวานจ๋อยเชียว" แวนเนสทำเสียงกระเง้ากระงอด

"ไจ่ไจ๋! ยอมได้หรอ? พี่ใหญ่เขาสนใจแต่ไอ้พี่กลางตัวดีคนเดียวอยู่เนี่ย" แวนเนสหันไปหาตัวช่วย

"วันนี้ยอมให้พี่กลางวันนึง พี่เขาไม่สบายอยู่นี่" ไจ่ไจ๋ว่า พี่ใหญ่ได้ยินก็ยิ้มแล้วขยับเข้าไปกอดคอน้องเล็ก

"นายนี่เป็นคนใจกว้างจริงๆไม่เหมือนใครบ้างคน ขี้อิจฉาแม้กระทั่งน้องตัวเอง" พี่ใหญ่ว่ากระทบแวนเนส

"ไม่ได้อิจฉาซักหน่อย!" แวนเนสเถียง

"งั้นหรอ?" เจอร์รี่ย้อนเสียงสูงพร้อมกับยักคิ้วให้น้องอย่างกวนๆ

"เออ! ไปก็ได้" แวนเนสทำอะไรไม่ได้เลยเดินหนีไปซะเฉยๆ

"พี่ใหญ่ พี่รองงอนแล้วนะ" ไจ่ไจ๋สะกิดพี่ชายให้ดูแวนเนสที่เดินงอนออกไป

"งอนอะไรของมันหละ? เห็นมั๊ยว่ามันไม่ได้เดินออกไปเปล่ามือมันยังถือโทรศัพท์ไปด้วย แบบนี้โทรไปอ้อนแฟนแหงๆ" เจอร์รี่แย้งขึ้น

"เฮ่อ! ตัวเองนั่นแหละน่าอิจฉาที่สุด" ไจ่ไจ๋พึมพำเบาๆพลางมองตามหลังพี่ชายคนรอง

"ทำไม? คิดจะตีท้ายครัวพี่เขาหรอ?" พี่ใหญ่ว่าพลางบีบจมูกน้องไปด้วย

"ก็น่าอยู่หรอก ไม่เห็นหรอว่าพี่กลอเรียน่ารักขนาดไหน?" น้องเล็กหันไปพูดยั่วพี่ชาย

"นี่ๆๆๆ ให้มันน้อยๆหน่อย นายไม่เห็นหรืองัยว่าไอ้พี่รองมันขี้หึงขนาดไหน?" พี่ใหญ่ทำหน้าเข้มใส่น้อง

"แบบนี้แหละน่าแหย่ที่สุดเลย" น้องเล็กไม่กลัวซ้ำยังพูดกวนไม่เลิก

"เดี๋ยวเถอะ! ถ้ามันฆ่านายขึ้นมาพี่ไม่ช่วยนะ" ว่าพลางเอานิ้วจิ้มหน้าผากน้องชายเบาๆ

"ผมก็จะคอยดูว่าพี่ชายของผมจะใจร้ายได้ถึงขนาดนั้นหรือเปล่า? อื้ม!" พูดจบก็หอมแก้มพี่ชายฟอดใหญ่อย่างประจบประแจง

"ฮึ! อ้อนเก่งแบบนี้ใครจะใจร้ายกับนายหละ? หืม?" เจอร์รี่หอมแก้มน้องชายบ้าง

"ไป....ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปเรียน" พูดตัดบทพร้อมกับลุกขึ้นแล้วดึงมือน้อง แต่ไจ่ไจ๋ยังอิดออดเพราะอยากจะขอหยุดอีกวันเพื่อไปรับเคนกลับบ้านด้วย

"ไม่ต้องเลยนะ! พี่รู้ว่านายจะพูดอะไร ลุกขึ้นไปนอน ห้ามงอแง!" พี่ใหญ่พูดดักคออย่างรู้ทันน้อง

"พี่ใหญ่...." น้องเล็กยังไม่ยอมลุก

"ลุกเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นพี่จะไม่คุยด้วย" พี่ใหญ่ขู่น้อง

"กล้าหรอ?" น้องเล็กย้อนถามด้วยสีหน้ากวนๆ

"เดี๋ยวเถอะ!" เมื่อเห็นพี่ชายเงื้อนมือขึ้นไจ่ไจ๋ก็รีบโผเข้ากอดพี่ชายทันที เจอร์รี่เลยได้แต่ยกมือค้างก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ

"ไปนอนก็ได้ แต่พี่ต้องไปส่งผมนะ" ว่าพลางปั้นรอยยิ้มใสซื่อออกมา

"ไอ้ตัวแสบ! ไป!" พูดจบเจอร์รี่ก็ดึงน้องขึ้นมาแล้วพาไปส่งที่ห้องตามความต้องการของเจ้าน้องชายตัวดี





 

Create Date : 29 ธันวาคม 2549    
Last Update : 29 ธันวาคม 2549 11:52:20 น.
Counter : 1235 Pageviews.  

Chapter 12

ตอนที่ 12
"พี่รอง จะขับรถไปไหนน่ะ?" ไจ่ไจ๋ถามเบาๆเมื่อเห็นว่านี่ไม่ใช่ทางที่จะไปโรงเรียนของเขา
"วันนี้พวกนายหยุดซักวันดีกว่า" แวนเนสพูดขึ้นมาโดยจงใจให้พี่ชายที่นั่งอยู่ด้านหลังฟังด้วย
"นายเคยบอกว่าวิชานี้อาจารย์ไม่มีการให้งานในห้องไม่ใช่หรอ?" ไจ่ไจ๋ไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่พยักหน้าเท่านั้น
"แวนเนส! พาน้องไปส่งมหาลัย" พี่ใหญ่ที่นั่งอยู่ด้านหลังพูดเสียงเข้ม
"ต่อให้น้องไปเรียนมันก็คงเรียนไม่รู้เรื่องหรอก จริงมั๊ยไจ่ไจ๋?" หันมาขอเสียงสนับสนุน
"ก็คงจะเป็นแบบนั้น" ตอบแบบไม่ค่อยเต็มเสียงนัก
"นายเองก็เหมือนกัน อารมณ์แบบนี้ก็คงไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานหรอก" แวนเนสพูดถึงพี่ชายบ้าง
"พูดบ้าอะไรน่ะ! ไปส่งน้องที่มหาลัยเดี๋ยวนี้!!" พูดเน้นเสียงหนัก
"นานๆชั้นจะมีวันหยุดซักที พวกนายไปเที่ยวกับชั้นหน่อยไม่ได้หรอ?" แวนเนสเสียงอ่อยลง
"อย่าทำตัวแบบนี้นะ! นายไม่ต้องทำงานแล้วคนอื่นก็ไม่ต้องรับผิดชอบกับงานของตัวเองเลยหรืองัย?" เสียงเข้มขึ้นตามลำดับ
"พี่รอง ส่งผมไปเรียนเถอะ" ไจ่ไจ๋พูดแทรกขึ้นเพราะกลัวพี่ใหญ่จะโมโหขึ้นมาอีก
"ไม่! พี่หิวข้าว เราไปกินข้าวกันดีกว่า" แวนเนสยังคงดึงดัน
"อย่านะครับพี่ใหญ่!! พี่รองขับรถอยู่เดี๋ยวเกิดอุบัติเหตุ!" ไจ่ไจ๋ร้องห้ามเมื่อเห็นพี่ใหญ่ขยับตัวจะเล่นงานคนขับรถ ได้ยินดังนั้นเจอร์รี่จึงชะงักไป แวนเนสแอบอมยิ้มแล้วยักคิ้วให้พี่ชายจากกระจกที่มองด้านหลังรถ
"พี่รอง อย่ายั่วพี่เขาสิ" ไจ่ไจ๋พูดเสียงต่ำ
"ฮ่าๆๆๆ!!!" แวนเนสพูดว่าอะไรเพียงแต่หัวเราะออกมาเท่านั้น
"ขำอะไรน่ะ? พี่ใหญ่โมโหใหญ่แล้วนะ" ไจ่ไจ๋ตีแขนพี่ชายพร้อมกับเอ็ดเบาๆ
"โมโหก็ช่างสิ" แวนเนสว่าพลางยักไหล่แล้วหักรถเลี้ยวเข้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ทันทีที่ดับเครื่องเจอร์รี่ก็เอื้อมมือมาบิดหูเจ้าน้องชายตัวดีอย่างแรงจนแวนเนสหน้าหงายไปข้างหลังตามแรงดึงของพี่ชาย
"โอ้ยยยยย!!!!!!" แวนเนสแหกปากร้องดังลั่น จนไจ่ไจ๋ต้องยกมือขึ้นอุดหู
"พี่ใหญ่ครับอย่าทำพี่รองเลย!" แล้วไจ่ไจ๋ก็ร้องบอกพี่ชายคนโต ความจริงไม่ได้อยากจะช่วยแวนเนสเท่าไหร่ด้วยเอือมระอากับความทะเล้นของพี่ชายแต่เป็นเพราะเขารู้สึกหูอื้อเนื่องจากเสียงร้องของพี่ชายต่างหาก
"เป็นงัยหละ? นี่แหละเขาบอกว่าหัวเราะมากๆแล้วจะได้ร้องไห้ทีหลัง!" เมื่อพี่ใหญ่ยอมรามือไจ่ไจ๋ก็พูดซ้ำเติมแวนเนสที่นั่งเอามือลูบหูตัวเองร่อยๆ
"พูดมากน่า!" แวนเนสเอามือผลักหัวน้องเบาๆ
"ลงมา!" เจอร์รี่ลงรถมาเปิดประตูข้างคนขับแล้วพูดกับแวนเนสเสียงเข้ม ไจ่ไจ๋เห็นก็รีบลงมาอีกคนเพราะกลัวพี่ใหญ่จะลงไม้ลงมือกับแวนเนส
"พี่ใหญ่อย่าโมโหสิครับ" ไจ่ไจ๋รีบไกล่เกลี่ยเพราะนึกว่าเจอร์รี่จะเล่นงานแวนเนสจนเกิดเรื่องบานปลายขึ้นมาอีก
"ลงไปแล้วอย่าตีชั้นนะ" เห็นท่าทางของพี่ชายแล้วแวนเนสก็รู้สึกหวั่นๆ
"ถ้ายังชักช้าหละชั้นตีแน่!" เจอร์รี่ยังคงทำเสียงดุๆ แวนเนสจึงรีบลงมาทันที
"เอากุญแจรถมาด้วย!" ยื่นมือไปขอกุญแจรถจากน้องชาย แวนเนสส่งให้แต่โดยดี
"ขึ้นรถ" สั่งให้น้องขึ้นไปนั่งบนรถตามเดิม ไจ่ไจ๋จึงดันให้แวนเนสเข้าไปนั่งก่อนแล้วตัวเองก็ตามขึ้นไปนั่งที่ตอนหลังของรถด้วยเช่นกัน เมื่อเรียบร้อยกันแล้วเจอร์รี่ก็ออกรถแล้วเลี้ยวออกไป แวนเนสกับไจ่ไจ๋หันไปสบตากัน
"ชั้นหิวข้าว" แวนเนสร้องอุทธรณ์ออกไปเพราะคิดว่าพี่ชายจะพาไจ่ไจ๋ไปส่งแล้วจะเข้าบริษัทอีก แต่เจอร์รี่ก็ไม่ได้พูดว่าอะไร
"ทนเอาหน่อยพี่รอง เดี๋ยวก็ถึงมหาลัยผมแล้วค่อยไปกินกันที่นั่นก็ได้ครับ" ไจ่ไจ๋พูดปลอบแวนเนส เจอร์รี่เหลือบมองน้องชายทั้งสองคนจากกระจกมองหลังรถ
"ชั้นหิวข้าว! ชั้นหิวข้าว!!" แวนเนสไม่ยอมยังรวนพี่ชายไม่เลิก
"หิวข้าว!!! หิวข้าว!!! หิวข้าวโว้ย!!!!" ไจ่ไจ๋รีบเอามืออุดหูเพราะแวนเนสเล่นตะเบงเสียงดังลั่นรถ
"โอ้ย!!! รู้แล้วโว้ย!!!" พี่ใหญ่ร้องสวนออกมา
"จะแหกปากร้องทำไม? กำลังจะพาไปกินอยู่นี่งัย!" ดุเจ้าน้องชายตัวแสบเสียงเข้ม แวนเนสได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าเหรอ
"อ้าว! ก็เมื่อกี้ก็กินได้หนิ" แวนเนสพูดด้วยน้ำเสียงปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"แล้วเรื่องอะไรชั้นต้องให้นายเป็นคนเลือกร้านด้วยหละ?" พี่ใหญ่เถียงกลับ แวนเนสทำหน้างงๆ
"นายจะเลี้ยงทั้งทีทำไมชั้นต้องไปกินอาหารพื้นๆแบบนั้น? ต้องหาอะไรที่แปลกใหม่กว่านี้สิ จริงมั๊ยไจ่ไจ๋?" ประโยคสุดท้ายหันไปหาเสียงสนับสนุนจากน้องชาย ไจ่ไจ๋ทำหน้าเอ๋อๆในตอนแรกแต่พอได้รู้ว่าพี่ใหญ่เพียงแต่แกล้งให้พวกเขากลัวเท่านั้นก็ยิ้มออก
"จริงครับพี่ใหญ่! ขอบคุณนะครับพี่รองที่อุตส่าห์จะเลี้ยงข้าวผม!" แวนเนสทำตาปริบๆเมื่อโดนจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว
"ฮ่าๆๆๆๆ!!!!" พี่ใหญ่หัวเราะร่วนเมื่อเห็นสีหน้าเหวอๆของน้องชายคนรอง
"นี่ๆๆ คุณพี่ชายครับ" พอตั้งสติได้แวนเนสก็ขยับตัวไปสะกิดไหล่พี่ชาย
"อะไร?" เจอร์รี่ตอบรับเป็นเชิงถาม
"เมื่อกี้รู้สึกว่าคุณพี่ชายจะพูดว่า 'พาไปกิน' ไม่ใช่หรอ? ถ้าแบบนี้ก็ต้องตีความหมายได้ว่าพี่จะเลี้ยงพวกเราไม่ใช่หรอครับ?" เจอร์รี่ได้ยินก็อึ้งๆไปเล็กน้อยเมื่อโดนเอาคืน
"นายก็ได้ยินไม่ใช่หรอไจ่ไจ๋?" หันมาขอเสียงหนุนกับน้องเล็กด้วย
"ได้ยินครับ ผมได้ยินแบบนั้นเลย" ไจ่ไจ๋ตอบรับพร้อมกับรอยยิ้มหวานจ๋อย
"อ้าว! เมื่อกี้ยังเข้าข้างพี่อยู่ดีๆ ไหงแปรพรรคซะหละ?" เจอร์รี่ว่าน้องเล็กกลายๆ
"ผมไม่ได้เข้าข้างใครซักหน่อย" พูดพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม แวนเนสหรี่ตามองน้องชายเป็นเชิงถามเช่นเดียวกับสายตาของพี่ใหญ่ที่มองมาเช่นกัน
"เพราะไม่ว่าใครเลี้ยงแล้วผมก็อิ่มทั้งนั้น ฮ่าๆๆๆ!!!!" สุดท้ายแล้วคนที่ได้หัวเราะดังที่สุดก็คือไจ่ไจ๋นั่นเอง

- ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง -
"เอาต้มยำกุ้ง ยำรวมมิตร ผัดกระเพราหมูกรอบ ผัดเผ็ดปลาหมึก กุ้งผัดพริกเผา ผัดฉ่าปลากระพง แกงจืดสาหร่าย" แวนเนสกับไจ่ไจ๋ช่วยกันสั่งอาหารยาวพรืดพลางชี้นิ้วไปที่เมนูเพราะรู้สึกหิวมาก
"เอาทอดมันปลากราย กุ้งฉุบแป้งทอด แล้วก็....." ไจ่ไจ๋ยังพูดไม่ทันจบเจอร์รี่ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
"เอาแค่นี้ก่อนครับ" พูดจบก็หันไปทำตาดุๆใส่น้อง
"ขอไก่ทอดกระเทียมพริกไทยอีกทีด้วยครับ" แวนเนสพูดขึ้นมาอีกอย่างรู้ใจน้องชาย พนักงานยิ้มแล้วจดรายการอาหารตามนั้น
"รับข้าวเป็นโถหรือเป็นจานดีคะ?" ถามกลับอย่างสุภาพ
"เป็นโถครับ! เป็นจานครับ!" แวนเนสกับไจ่ไจ๋ตอบคำถามแรกส่วนเจอร์รี่ตอบคำถามถัดมา
"สามจานครับ" เจอร์รี่สรุป
"แล้วเครื่องดื่มหละคะ?" ถามต่อพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
"เป๊ปซี่! เบียร์สด! น้ำเปล่า!" สามพี่น้องตอบไม่เหมือนกันซักคน พนักงานเลยยิ้มเก้อๆ
"น้ำเปล่าครับ ทั้งสามที่" เจอร์รี่พูดอีกครั้งโดยเน้นเสียงหนัก น้องชายสองคนเลยต้องจำยอมตามนั้น
"รอซักครู่นะคะ" พูดจบก็ก้มหัวให้อย่างสุภาพแล้วเดินไปส่งรายการอาหาร เจอร์รี่ส่งสายตามองน้องชายทั้งคู่ด้วยสายตาดุๆ สองพี่น้องหลบสายตาพี่ชายโดยพร้อมเพรียง
"ถ้ากินกันไม่หมดหละน่าดู!" พูดขู่น้องๆ
"แหม....หิวกันจะตายอยู่แล้ว มันต้องหมดสิ" แวนเนสโอดครวญ
"ความจริงกินแบบนี้น่าจะสั่งน้ำอัดลมนะเพราะจะได้ช่วยย่อย ไม่แน่นท้องด้วย" ไจ่ไจ๋ยังเสียดายน้ำอัดลมที่ตัวเองจะสั่งอยู่
"เดี๋ยวพี่จะอัดให้เอง รับรองว่าช่วยย่อยได้ดีกว่าน้ำอัดลมอีก" พี่ใหญ่ว่า
"แหะๆๆๆ ไม่รบกวนดีกว่าครับ" ไจ่ไจ๋ปฏิเสธพลางยิ้มแหยๆ
"นายก็ไม่ต้องมายิ้ม! คิดจะเมาตั้งแต่หัววันเลยนะ!" หันไปว่าแวนเนสบ้าง
"อะไรหละ? ชั้นแค่เอามาดื่มแก้หนาวเฉยๆ" แวนเนสแก้ตัว
"ยังจะมาพูดอีก!" แหวใส่น้อง
"เออๆๆ ไม่พูดแล้ว อย่าดุนักได้มั๊ย?" แวนเนสต่อว่าพี่ชายกลายๆ
"เฮ่อ!" เจอร์รี่ถอนหายใจแล้วเอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้
"ป่านนี้เรือออกจากท่าแล้วมั้ง?" ไจ่ไจ๋ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูพลางเปรยออกมาเบาๆ
"อืม....ไม่รู้ไอ้พี่กลางจะได้กินอะไรหรือยัง? สงสัยคงต้องง่วนจนกว่าจะได้พักช่วงบ่ายแหงๆ" แวนเนสคุยกับน้อง ได้ยินดังนั้นเจอร์รี่ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
"เสี้ยวเทียนมันไม่ได้กินข้าวเช้าหรอ?" ถามแทรกขึ้นมา
"แทบไม่ได้กินเลย พอนายเดินออกไปมันก็เอาข้าวไปเททิ้งหมด" แวนเนสตอบ ได้ยินดังนั้นเจอร์รี่ก็ล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจะโทรหาเคนแต่แล้วก็ชะงักไปแล้ววางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะแทน
"อ้าว! จะโทรหาใครหรอ? ทำไมไม่โทรหละครับ?" ไจ่ไจ๋แกล้งทำเป็นถามเพราะรู้ว่าเจอร์รี่ตั้งใจจะโทรไปหาเคน
"เปล่า! แค่จะโทรไปบริษัทบอกว่าวันนี้พี่ไม่เข้า" เจอร์รี่ว่าแล้วต่อสายไปที่บริษัทเป็นการกลบเกลื่อน
"นายไม่ไปซักคน ทุกอย่างก็ไม่หยุดตามนายไปด้วยหรอก ยังงัยซะคนอื่นเขาก็ยังทำงานได้ตามปกติ" แวนเนสพูดแทรกขึ้นมา
"ใช่! แต่พอนายหยุดซักคน คนอื่นเขาก็ต้องหยุดเพื่อออกมาตะลอนกับนายด้วย ใช่มั๊ย?" พี่ใหญ่ตัดสายทิ้งแล้วตอกกลับน้องชายบ้าง
"ช่วยไม่ได้ ก็ใครใช้ให้ชั้นมีพี่ชายที่แสนดีกับน้องชายที่แสนจะน่ารักแบบนี้หละ?" แวนเนสพูดพลางยิ้มหวานจ๋อย
"ผมก็ว่างั้นแหละ พี่รองไม่เคยพูดโกหกเลย" ไจ่ไจ๋ได้ทีเออออตามคำพี่ชาย ส่วนพี่ใหญ่ก็ได้แต่อมยิ้ม
"ผมว่า.....เราโทรไปคุยกับพี่กลางกันดีกว่านะ" ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสายไปหาเคน
"พี่กลางไม่รับสาย" ไจ่ไจ๋บอกพี่ชายอีกสองคน
"คงทำงานอยู่แหละ" แวนเนสว่าแล้วเบี่ยงตัวหลบให้พนักงานเอาอาหารวางบนโต๊ะ
"ว้าว! น่ากินจังเลย!" พอเห็นอาหารแล้วไจ่ไจ๋ก็ตาเป็นประกายเหมือนเด็กๆเห็นขนม พี่ชายสองคนสบตากันแบบขำๆกับท่าทางของน้อง
"กินเลยสิ" เจอร์รี่ว่าพร้อมกับยกจานข้าวให้น้อง
"งั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะ" พูดจบไจ่ไจ๋ก็ตักข้าวกินอย่างเอร็ดอร่อย เจอร์รี่กับแวนเนสก็ลงมือกินข้าวด้วยเช่นกัน
"อันนี้อร่อย พี่ใหญ่กินสิครับ" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วตักต้มยำกุ้งให้พี่ชาย
"ขอบใจมาก" เจอร์รี่ยิ้มรับแล้วตักกิน
"อันนี้ก็อร่อย ลองชิมดูสิ" แวนเนสตักผัดเผ็ดปลาหมึกให้พี่ชายเช่นกัน
"ขอบใจ" พี่ใหญ่เอ่ยเบาๆแล้วกินสิ่งที่น้องตักให้
"กุ้งชุบแป้งทอดก็กรอบดีนะ กินดูสิ" แวนเนสตักให้พี่ชายอีก
"ทอดมันปลากรายก็อร่อยไม่คาวเลยด้วย" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ตักให้พี่ใหญ่อีก เจอร์รี่หัวเราะออกมาเบาๆที่น้องๆเอาใจเขากันยกใหญ่
"นี่ๆๆๆ พวกนายตักกินกันเถอะ พี่ตักเองได้" ร้องบอกน้องๆที่กำลังจะตักโน้นตักนี่ให้เขาอีก
"ไม่ได้หรอก ต้องบำรุงให้พี่ใหญ่ซักหน่อย เดี๋ยวนี้พี่ดูผอมลงนะครับ" น้องเล็กว่าพร้อมกับตักโน้นตักนี่ให้พี่ชายอีก
"ผอมเพราะต้องรบกับเด็กดื้อสามคนน่ะสิ" ว่ากระทบน้องๆขึ้นมาลอยๆ แวนเนสกับไจ่ไจ๋ได้ยินก็นิ่วหน้าใส่กัน
"ตักข้าวกินกันได้แล้ว บ่นหิวไม่ใช่หรอ? คุยกันอยู่ได้" พูดเสียงดุเล็กน้อยเมื่อเห็นน้องๆกระซิบกระซาบกันอยู่
"ครับ" ว่าแล้วสามพี่น้องก็กินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย จนกระทั่งเริ่มรู้สึกอิ่มจึงเริ่มสนทนากันอีกครั้ง
"กับข้าวยังเหลือเต็มเลยนะ" เจอร์รี่ว่าพลางมองหน้าน้องชายสองคนที่วางช้อนส้อมกันหมดแล้ว
"พักก่อนดิวะ ให้ยัดเข้าไปทีเดียวยังงัยไหว?" แวนเนสแย้ง
"เออ! ก็มีแต่พวกปากกว้างกว่าท้องทั้งนั้นหนิ สั่งไม่บันยะบันยังเลย" ต่อว่าน้องๆออกมาอีก
"เอาน่า! ชั้นเลี้ยงเองอย่าบ่นมากได้มั๊ย?" แวนเนสตัดบท
"จะใครเลี้ยงก็ไม่ควรทำแบบนี้ ชั้นเคยสอนว่ายังงัย?" เสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย แวนเนสยิ้มเหยๆแล้วแสร้งมองไปทางอื่น
"ร้านนี้ตกแต่งสวยดีเนอะ นายว่าชั้นตกแต่งมุมกาแฟที่ร้านแบบนี้บ้างเป็นงัย?" เปลี่ยนเรื่องคุยหน้าตาเฉยจนพี่ชายถึงกับถอนหายใจ
"ก็สวยนะพี่รอง แต่ผมว่าเราไม่ควรเลียนแบบเขาหรอก ออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของเราเองดีกว่า" ไจ่ไจ๋หันมาคุยกับพี่ชาย
"งั้นหรอ? แล้วพี่จะแต่งยังงัยดีหละ?" ถามน้องต่ออีก
"ถามพี่กลอเรียดูสิ พวกผู้หญิงเขาถนัดเรื่องตกแต่งไม่ใช่หรอ?" น้องเล็กตอบพลางยักคิ้ว
"ถามแล้วเขาก็บอกว่าตามใจพี่เพราะเขาเองก็ไม่ค่อยมีเวลา วันๆดูแลร้านก็หัวปั่นแล้ว นี่ขนาดหาคนช่วยได้แล้วนะ" แวนเนสว่า
"อ้าว! ได้คนมาช่วยแล้วหรอ? ใครหละ?" เจอร์รี่ถามขึ้นมาบ้าง
"คนในอพาร์ทเม้นต์ของกลอเรียเขาน่ะ อยู่ข้างห้องกัน เขาเลยอาสามาช่วยแต่เราก็ให้ค่าตอบแทนเขาเล็กๆน้อยๆเหมือนกัน" แวนเนสตอบ
"เราก็โผล่ไปช่วยเขาบ้างสิ ไม่ใช่พอได้หยุดทีก็หาเรื่องแต่จะเที่ยว" แขวะน้องออกมาอีก
"รู้แล้วน่า! คิดว่าวันนี้ก็จะชวนพวกนายไปด้วย ไปช่วยคิดหน่อยว่าจะตกแต่งมุมกาแฟยังงัยดี?" ว่าพลางมองหน้าพี่น้องสองคน
"ไปสิครับ ผมกำลังอยากได้หนังสืออ่านเล่นอยู่พอดีเลย" ไจ่ไจ๋ตอบรับอย่างกระตือรือร้น แวนเนสยิ้มแล้วขยี้หัวน้องอย่างเอ็นดู
"โทรไปหาพี่กลางอีกรอบดีกว่า" พูดจบไจ่ไจ๋ก็กดโทรศัพท์ไปหาพี่ชายอีก นานทีเดียวกว่าจะมีคนรับสาย
"พี่กลาง! ทำไมรับช้าแบบนี้หละ?" ทันทีที่มีคนรับไจ่ไจ๋ก็ต่อว่าทันที
"เอ่อ....ขอโทษนะคะ คือว่าเสี้ยวเทียนหลับอยู่น่ะค่ะ" ได้ยินดังนั้นไจ่ไจ๋ก็อ้าปากค้างด้วยงงและตกใจ
"มีอะไรหรอไจ่ไจ๋?" แวนเนสถามน้องอย่างสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าของน้องชาย ไจ่ไจ๋ไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่ยื่นโทรศัพท์ให้พี่ชาย
"เสี้ยวเทียน" แวนเนสรับมาแล้วเรียกน้องชาย
"เสี้ยวเทียนหลับอยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าใครโทรมาคะ?" เสียงคู่สนทนาตอบกลับมา
"อะไรหรอไจ่ไจ๋?" เจอร์รี่ถามน้องชาย
"ไม่รู้ มีผู้หญิงรับบอกว่าพี่กลางหลับอยู่" ได้ยินดังนั้นเจอร์รี่ก็มีสีหน้าอึ้งๆ
"คือว่า....ผมเป็นพี่ชายเขาน่ะครับ เสี้ยวเทียนหลับอยู่หรือครับ?" แวนเนสถามกลับไป
"ค่ะ ไม่ทราบมีธุระอะไรฝากไว้มั๊ยคะ?" เสียงคู่สนทนาถามกลับมา
"เอ่อ....ไม่มีครับแค่บอกว่าพี่ชายโทรมา ขอบคุณนะครับ" พูดจบแวนเนสก็วางสายไปแล้วสบตากับน้องเล็กเจื่อนๆ
"มีอะไร?" เจอร์รี่ถามเสียงห้วนๆ
"เปล่า เสี้ยวเทียนมันหลับ" แวนเนสตอบ
"หลับ? นี่มันเวลาที่มันควรจะทำงานแต่ดันหลับหรอ?" ถามพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
"แหม....มันอาจจะเปลี่ยนเวรกับเพื่อนคนอื่นหละมั้ง?" แวนเนสแก้ตัวแทนน้องชาย
"แล้วเมื่อกี้ใครรับ?" ถามซักไซร้ต่ออีก
"ไม่รู้" ตอบเสียงแผ่วพลางสบตากับน้องเล็ก
"ผู้หญิงใช่มั๊ย?" ถามย้ำอีกครั้ง แวนเนสฝืนยิ้มแล้วพยักหน้า
"บางทีอาจจะเป็นเพื่อนกันก็ได้" ไจ่ไจ๋ให้ความเห็น
"เพื่อน? เพื่อนที่ไหนมันมานอนเฝ้ากันแบบนี้? ไอ้นี่มันชักจะเหลวไหลใหญ่แล้ว!" พี่ใหญ่พูดเสียงเข้ม
"แหม....ไว้ค่อยลองถามมันดูก็ได้ บางทีอาจจะไม่ใช่อย่างที่พวกเราคิด" แวนเนสไกล่เกลี่ย
"คิดเงินดีกว่านะ แล้วเราไปที่ร้านกัน" แวนเนสรีบตัดบทเพราะไม่อยากพูดถึงเรื่องเคนอีก

- ที่ร้านหนังสือ -
"อ้าว! มากันหมดเลย" กลอเรียทักพร้อมกับยิ้มต้อนรับพี่น้องของคนรัก
"เหนื่อยหรือเปล่าครับ?" แวนเนสเอามือโอบรอบเอวหญิงสาวหลวมๆพร้อมกับย้อนถาม กลอเรียยิ้มให้บางๆพร้อมกับพยักหน้า แวนเนสจึงใช้จังหวะที่หญิงสาวเผลอหอมแก้มเธอฟอดใหญ่
"หายเหนื่อยหรือยัง?" ถามย้ำอีกครั้งแล้วทำท่าจะหอมแก้มหญิงสาวอีก
"แวนเนสคะ!" หญิงสาวเอ็ดเบาๆแล้วรีบผลักเขาออกเพราะเห็นไจ่ไจ๋มองพร้อมกับรอยยิ้มล้อๆ
"ไปช่วยทำงานเลย! ยืนมองอะไรอยู่ได้!" แวนเนสทำเสียงดุน้องชาย ไจ่ไจ๋หัวเราะเบาๆแล้วยักไหล่เล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปดูหนังสือ
"โอ้ย!" แวนเนสร้องเมื่อนิ้วมือเรียวของพี่ใหญ่เอื้อมมาบิดหูเขา
"มานี่เลย!" พูดเสียงเข้มแล้วดึงหูน้องชายลากมาหลังร้านท่ามกลางเสียงร้องโอดโอยของแวนเนส ส่วนกลอเรียได้แต่ยืนหัวเราะคิกด้วยสมน้ำหน้าแวนเนสที่ชอบแกล้งเธอ
"ทำอะไรไม่ดูหน้าดูหลัง! กลอเรียเขาเป็นผู้หญิงนะ!" พี่ใหญ่ไม่ดุเปล่าแต่ตวัดมือลงที่ต้นแขนน้องด้วย
"หูยยย.....ก็แฟนชั้นอ่ะ....." เถียงเสียงอ่อยๆแล้วเหลือบตาไปค้อนใส่กลอเรียที่ยิ้มให้เขาอย่างยียวนโดยไม่คิดจะช่วยเหลือเลยแม้แต่น้อย
"แล้วนายทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขาได้หรืองัย! ทำไมไม่รู้จักให้เกียรติเขา?" พี่ใหญ่พูดไปตีไป แวนเนสยกมือขึ้นกันแขนตัวเองแล้วถอยหลังหนีพี่ชาย
"ถ้าชั้นเห็นนายทำอะไรรุ่มร่ามแบบนี้อีกจะตีให้ตายเลย! ได้ยินมั๊ย?" พูดขู่เอาไว้แล้วยอมรามือในที่สุด แวนเนสเอามือลูบแขนตัวเองแล้วหันไปทางกลอเรียพร้อมกับทำหน้างอใส่
"ใจร้าย! ผมโดนตีขนาดนี้ยังไม่คิดจะช่วยอีก!" ต่อว่าคนรักด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด
"ขอบคุณนะคะเจอร์รี่ที่ช่วยเอาคืนให้ชั้น" เธอหันไปพูดกับเจอร์รี่พร้อมกับส่งแก้วน้ำให้
"ไม่เป็นไรครับ วันหลังถ้าเจ้านี่ทำอะไรคุณอีกโทรมาบอกผมได้เลย ผมจะจัดการให้" เจอร์รี่พูดกับหญิงสาวแล้วยิ้มให้
"ฮึ! เข้าข้างกันดีจังนะ" แวนเนสเบือนหน้าหนี เจอร์รี่กับหญิงสาวหันไปหัวเราะกันเบาๆ
"ขายดีมั๊ยช่วงนี้?" เจอร์รี่ชวนหญิงสาวคุย
"ดีค่ะ ลูกค้าเยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นแฟนคลับของแวนเนส" พูดจบก็หันไปทางบุคคลที่พูดพาดพิงถึงแต่แวนเนสหันหน้าหนี เจอร์รี่เองก็เหลือบมองไปทางน้องชายพอแวนเนสเห็นพี่ชายมองมาก็หันหน้าหนีไปทางอื่นเช่นกัน
"จริงๆเลยไอ้น้องคนนี้" ว่าพลางส่ายหน้าไปมา
"ผมออกไปหาหนังสืออ่านดีกว่า เดี๋ยวช่วยดูร้านให้ด้วย คุณไปคุยกับเขาเถอะ" พูดจบเจอร์รี่ก็เปิดประตูออกไปด้านนอก
"ดื่มน้ำสิคะแวนเนส" กลอเรียถือแก้วน้ำมาให้แวนเนส
"ฮึ!" ทำเสียงในลำคอแล้วทำงอนใส่
"ดื่มซักนิดนะคะ น้ำมะนาวเนี่ยดื่มแล้วชื่นใจนะ" ง้อคนรักพลางคะยั้นคะยอให้ดื่ม
"มาถึงก็คุยกับคนอื่น ถามถึงแต่คนอื่น ไม่เห็นคุณจะสนใจผมบ้างเลย" ต่อว่าหญิงสาวอย่างงอนๆ
"รู้งี้ไม่โผล่มาให้คุณเห็นหรอก" พูดจบก็หันหลังหนี
"โธ่! คุณก็ทำตัวเป็นเด็กๆไปได้ ชั้นไม่ได้คุยอะไรกับพี่ชายคุณมากมายเลยนะคะ แค่ถามไถ่ตามประสาเท่านั้นเอง" หญิงสาวพูดอย่างอ่อนใจ
"แวนเนสคะ เย็นนี้เราไปกินข้าวด้วยกันก็ได้" ว่าพลางจับแขนเขาเขย่าเบาๆ
"โอ้ยคุณ! ผมเจ็บ!" แวนเนสร้อง กลอเรียจึงรีบปล่อย
"เจ็บหรอคะ? คุณไปโดนอะไรมา?" เธอรีบจับแขนเขาขึ้นมาดู แวนเนสยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อเห็นท่าทีเป็นห่วงของเธอ
"ก็โดนตีเมื่อกี้งัย เนี่ยเป็นรอยมือเลยเห็นมั๊ย?" ได้ทีอ้อนต่อทั้งๆที่ไม่ได้เจ็บอะไรมากมายเลย
"อุ๊ย! เจอร์รี่ตีคุณแรงขนาดนี้เชียวหรอคะ? ชั้นขอโทษนะคะที่ไม่ได้ห้ามเขา ชั้นนึกว่าเขาแค่ตีเบาๆเท่านั้นเอง" กลอเรียลูบแขนแวนเนสเบาๆอย่างอ่อนโยน
"เบาอะไรหละ? เจอร์รี่มันมือหนักจะตาย โอ้ย....เจ็บจังเลย...." แวนเนสแกล้งทำสำออย
"ทายามั๊ยคะ? ชั้นจะเอายาหม่องมาทาให้" ถามอย่างเป็นห่วง
"ไม่เอา ทายาก็ไม่หายหรอก" แวนเนสส่ายหน้า
"แล้วจะทำยังงัยหละคะ?" ถามต่อในขณะมือก็ยังลูบแขนคนรักอย่างแผ่วเบา แวนเนสรีบยื่นหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาวทันที
"อะไรคะแวนเนส?" เธอถามอย่างไม่เข้าใจ
"ถ้าคุณหอมแก้มผมซักทีนึงอาจจะหายเป็นปลิดทิ้งเลยก็ได้" ได้ยินดังนั้นกลอเรียก็หน้าแดงด้วยความเขินอาย
"นะ....." แวนเนสชี้ที่แก้มตัวเองแล้วทำหน้าอ้อนๆ กลอเรียอึกอักแต่แล้วก็นึกอะไรได้
"คุณหลับตาก่อนสิคะ" เธอบอกแวนเนสยิ้มๆ
"ทำไมต้องหลับตาด้วยหละ? ไม่เอาหรอกเดี๋ยวคุณแกล้งผมอีก" แวนเนสส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย
"ชั้นเป็นผู้หญิงนะคะ ชั้นอายค่ะ" หญิงสาวยังตะล่อมเขาต่อ
"ก็ได้ แต่ถ้าผมไม่พอใจต้องเอาใหม่นะ" พูดดักเอาไว้ก่อนที่จะหลับตาลงแต่โดยดี เมื่อแวนเนสหลับตากลอเรียก็ย่องไปที่ประตูแล้วร้องเรียกเจอร์รี่
"เจอร์รี่คะ! แวนเนสแกล้งชั้นอีกแล้ว" ได้ยินดังนั้นแวนเนสก็สะดุ้งรีบลืมตาทันที
"เฮ้ย! คุณขี้โกงหนิ! ไหนบอกจะไม่แกล้งผมงัย?" แวนเนสโวยวาย
"ชั้นแกล้งอะไรหละคะ? มีแต่คุณนั่นแหละที่แกล้งชั้นตั้งแต่เข้ามาแล้ว" เธอย้อน
"ขี้ฟ้องแบบนี้ผมไม่ยอมแล้วหละ!" พูดจบก็ตรงเข้าไปหากลอเรียแล้วคว้าตัวเธอไว้
"อุ๊ย! ชั้นขอโทษค่ะ ไม่เล่นแบบนี้นะคะ!" หญิงสาวดิ้นเมื่อโดนเขากอดเอาไว้แน่น
"ผมไม่ได้เล่นนะ คราวนี้เอาจริง" พอพูดจบก็ก้มหน้าลงจนเกือบชิดกับใบหน้าของหญิงสาว
"ต่อให้โดนตีก็ยังคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มอีก" จบคำก็จูบเบาๆที่ริมฝีปากของหญิงสาวซึ่งกลอเรียก็ไม่ได้ต่อต้าน
"ผมรักคุณนะ" เขาเงยหน้าขึ้นมองตาเธอแล้วบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่แฝงความอบอุ่นไว้เต็มเปี่ยม
"ชั้นรู้ค่ะ" หญิงสาวพูดเบาๆพร้อมกับยิ้มอายๆ
"แล้วคุณหละ?" ถามกลับไปบ้าง
"ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณยังไม่รู้คำตอบอีกหรอคะ?" กลอเรียไม่ตอบแต่กลับย้อนถามเขาแทน แวนเนสยิ้มอย่างมีความสุขแล้วจูบเบาๆที่หน้าผากเธอ
"ปล่อยเถอะค่ะเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า" เธอท้วงเมื่อเห็นว่าแวนเนสยังกอดเธอไว้ไม่ยอมปล่อย
"ผมคิดถึงคุณหนิ คิดถึงมาก....." กระซิบข้างหูเธอเบาๆ
"ปล่อยค่ะ" กลอเรียย้ำคำ แวนเนสเลยจำต้องตามใจเธอ เมื่อผละออกมาได้หญิงสาวก็มีท่าทีเขินอายจนพูดอะไรไม่ถูกส่วนแวนเนสก็ได้แต่ยิ้มกริ่ม
"แวนเนส! แกล้งอะไรกลอเรียอีก?" เสียงเจอร์รี่ดังขึ้นพร้อมกับบานประตูที่ถูกเลื่อนออก
"เปล่า" แวนเนสส่ายหน้า
"ผมได้ยินคุณเรียก เจ้าแวนเนสทำอะไรคุณหรือเปล่า?" เจอร์รี่หันมาถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"เปล่าค่ะ ชั้นแค่เถียงเขาไม่ได้เลยคิดจะแกล้งเขาเองน่ะค่ะ ขอโทษนะคะที่เรียกคุณสุ่มสี่สุ่มห้า" พูดจบก็ก้มหน้างุดเดินออกไปหน้าร้านทันที โดยมีแวนเนสมองตามตาเชื่อม
"ไอ้กะล่อน!!" เมื่อกลอเรียออกไปแล้วพี่ใหญ่ก็เขกหัวน้องแรงๆ แวนเนสร้องพร้อมกับเอามือกุมหัว
"อะไรหละ? หาเรื่องชั้นอีกแล้ว" โวยวายใส่พี่ชาย
"อย่านึกว่าชั้นไม่รู้นะว่านายทำอะไร!" เปลี่ยนมาดึงหูน้องชายแทน
"นี่ๆๆๆ นายแอบดูคนรักเขาจู๋จี๋กันหรอ?" แวนเนสได้ทีต่อว่าพี่ชายแต่สายตากับมีแววเจ้าเล่ห์
"ชั้นก็รู้หรอกว่านายดูอยู่เลยแค่จุ๊บกันนิดหน่อย แต่ถ้านายไม่....." แวนเนสยังพูดไม่ทันจบเจอร์รี่ก็รีบแทรกขึ้นมาก่อน
"หุบปากเดี๋ยวนี้นะ! ชั้นไม่ได้มีนิสัยแบบนั้นนะโว้ย! ก็แค่ได้ยินกลอเรียเรียกชั้นก็เลย....." พูดต่อไม่ออกเพราะรู้สึกกระดากซะเอง
"ก็เลยดูซักหน่อย" แวนเนสว่าพลางยิ้มกริ่ม
"ชั้นไม่ได้ดูนะ ชั้น....ชั้น....ชั้นหันหลังอยู่....." แก้ตัวแบบอึกๆอักๆหน้าแดงขึ้นมาทันที
"หึๆๆๆ" แวนเนสหัวเราะพลางส่ายหน้าไปมา
"ชั้นนอนพักดีกว่าพอมีแรงแล้วจะได้ไปเดทกับแฟน" พอแกล้งพี่ชายได้หนำใจแล้วแวนเนสทิ้งตัวนอนเหยียดยาวที่โซฟาอย่างสบายอารมณ์




 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2549    
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2549 16:09:57 น.
Counter : 1208 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  
 
 

loving_zai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




[Add loving_zai's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com