Chapter 26

ตอนที่ 26
"ไจ่ไจ๋ พี่เดินเร็วหน่อยได้มั๊ยคะ?" เสียงใสๆของหญิงสาวดังขึ้นเป็นเชิงบ่นพร้อมกับเดินมาจับดึงมือคู่สนทนา
"เร็วแล้วครับหลิงหลิง" ไจ่ไจ๋ตอบรับแล้วเดินไปตามแรงจูงของหญิงสาวที่ดูไม่มีท่าทีเหน็ดเหนื่อยจากการเดินเล่นอยู่ภายในสวนสัตว์แห่งนี้เลย
"ชั้นอยากดูลิงอีกค่ะ เราไปดูลิงกันนะ" เอ่ยชวนไจ่ไจ๋แล้วกึ่งลากกึ่งจูงให้เดินเร็วๆ ไจ่ไจ๋เองได้แต่อมยิ้มและส่ายหน้าไปมาอย่างเอ็นดูรุ่นน้องซึ่งเป็นน้องรหัสของตัวเอง
"เราดูลิงกันไปตั้งสามรอบแล้วนะครับหลิงหลิง ไม่เบื่อหรืองัย?" ไจ่ไจ๋ก้าวขามาเดินเคียงข้างพร้อมกับถามยิ้มๆ
"ไม่เบื่อค่ะ ก็มันมีลูกด้วยนี่ ลูกมันน่ารักออก หรือว่าพี่เบื่อแล้วคะ?" ตอบคำถามนั้นอย่างซื่อๆแต่ก็มีการถามไจ่ไจ๋กลับอย่างใส่ใจด้วย
"ไม่เบื่อหรอกครับ พี่ก็ชอบเหมือนกันพอเห็นลิงแล้วนึกถึงพี่ชาย" ไจ่ไจ๋ตอบคำถามหญิงสาวยิ้มๆ
"เอ....ทำไมเห็นลิงแล้วถึงคิดถึงพี่ชายหละคะ?" หลิงเอ๋อเอียงคอพร้อมกับย้อนถามไจ่ไจ๋อย่างสงสัย ไจ่ไจ๋หัวเราะเบาๆก่อนตอบ
"พอดีพี่ชายคนรองของพี่น่ะเขาเป็นคนร่าเริงมาก วันๆก็ไม่ค่อยอยู่สุขเดี๋ยวร้องเพลงเดี๋ยวเดินเดี๋ยววิ่งเดี๋ยวเต้นทำเอาพี่ชายคนโตของพี่ปวดหัวไปหมด พี่ชายคนโตของพี่ก็เลยตั้งฉายาให้พี่ชายคนรองว่าเจ้าลูกลิง เพราะฉะนั้นเวลาพูดถึงลูกลิงคนในครอบครัวพี่ก็จะคิดถึงพี่ชายคนรองเป็นคนแรกเลย" ไจ่ไจ๋เล่าวีรกรรมของพี่ชายให้หลิงเอ๋อฟังด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"แหม.....ฟังดูแล้วครอบครับพี่น่าจะครึกครื้นมากเลยนะคะ ดีจังเลยค่ะ" หลิงเอ๋อได้ฟังก็เอ่ยชม
"ครับ ครอบครัวพี่น่ะอยู่ด้วยแล้วไม่มีความหงอยเหงาเลย" ไจ่ไจ๋ตอบรับคำนั้นอย่างยินดี
"ไปค่ะ....เราไปดูลูกลิงกันอีกดีกว่า" พูดจบหลิงเอ๋อก็ชวนไจ่ไจ๋ไปดูลิงอีก หลังจากเดินดูสัตว์กันจนเหนื่อยสองหนุ่มสาวก็พากันมานั่งในร้านอาหาร
"ร้อนจังเลยนะคะ เมื่อยขาด้วย" ประโยคหลังหลิงเอ๋อทำหน้าเบ้ ไจ่ไจ๋หัวเราะพร้อมกับมองหญิงสาวด้วยแววตาอ่อนโยน
"ก็เราเล่นเดินไม่มีพักเลยหนิ ยังจะมาบ่นอีก" ว่าพลางเอานิ้วจิ้มไปที่หน้าผากของหญิงสาวเบาๆ
"แหม....มาสวนสัตว์ไม่เดินดูสัตว์แล้วเราจะมาทำไมกันหละคะ? ขืนคอยแต่มองคนที่มาด้วยก็เบื่อแย่สิ" หลิงเอ๋อพูดแหย่ไจ่ไจ๋
"ทำยังงัยได้ก็คนที่มากับพี่น่ะน่ารักกว่าอะไรทั้งหมดเลยนี่นา" คำพูดของไจ่ไจ๋ทำเอาหญิงสาวเริ่มเขิน
"ชั้นหิวแล้วค่ะ สั่งอะไรมากินกันดีกว่า" เฉไฉเปลี่ยนเรื่องเพื่อกลบความเขินอาย ไจ่ไจ๋หัวเราะในลำคอแล้วยื่นเมนูให้ ในระหว่างที่นั่งรออาหารโทรทัศน์ก็มีข่าวบันเทิงแล้วเนื้อหาของข่าวก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องใหม่ของแวนเนสด้วย
"อุ๊ย! นั่นแวนเนสนี่นา" หลิงเอ๋ออุทานแล้วจ้องโทรทัศน์ตาไม่กระพริบ ไจ่ไจ๋ได้ยินก็หันไปมองด้วยเช่นกัน
"แวนเนสเขาน่ารักจังเลยนะคะ เป็นผู้ชายที่สดใส ใครอยู่ใกล้แล้วต้องมีความสุขแน่ๆ" เมื่อดูข่าวจบแล้วหลิงเอ๋อก็หันกลับมาพูดกับไจ่ไจ๋
"หลิงหลิงชอบแวนเนสหรอครับ?" ไจ่ไจ๋แกล้งย้อนถาม รู้สึกดีใจเช่นกันที่มีคนชื่นชมพี่ชายของเขา
"ชอบมากเลยค่ะ ชอบตั้งแต่ที่เขาเล่นละครเรื่องแรกเลยนะคะ เป็นแฟนคลับตัวยงเลยก็ว่าได้" หลิงเอ๋อตอบไจ่ไจ๋ด้วยสีหน้ามีความสุขเมื่อพูดถึงดาราที่ชื่นชอบ
"เคยอ่านบทสัมภาษณ์ที่เขาพูดถึงครอบครัว ดูท่าเขาเป็นคนที่รักครอบครัวมากๆเลยนะคะ เห็นบอกมีพี่น้องตั้งสี่คนแหนะ" หลิงเอ๋อคุยต่ออย่างสนุก
"พี่ก็เป็นแฟนคลับของเขาเหมือนกัน" ไจ่ไจ๋บอกกับหญิงสาว
"จริงหรอคะ? พี่ก็เป็นแฟนคลับของเขาเหมือนกันหรอ? ไม่เห็นเคยรู้เลย" หลิงเอ๋อทำตาโตอย่างคาดไม่ถึงเพราะผู้ชายส่วนน้อยจะเป็นแฟนคลับของดาราผู้ชาย
"จริงสิครับ เขาน่ะเป็นฮีโร่ในดวงใจของพี่เชียวแหละ" ไจ่ไจ๋พยักหน้าพร้อมกับพูดเสริม
"ชั้นนึกว่าผู้ชายจะไม่ชอบดารานะเนี่ย" หญิงสาวว่าไปตามความคิดโดยไม่เอะใจเลยว่าแวนเนสจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไจ่ไจ๋
"สำหรับคนอื่นพี่ก็ชอบที่ผลงาน แต่สำหรับคนนี้พี่ชอบทุกอย่างที่เป็นตัวเขาเลยแหละ" คำพูดของไจ่ไจ๋ทำเอาหลิงเอ๋อทำหน้าแหยๆ
"เอ่อ....พี่ไม่ได้ชอบไม้ป่าเดียวกันใช่มั๊ยคะไจ่ไจ๋?" ไจ่ไจ๋ได้ยินก็สะดุ้งโหยง
"ไม่นะครับหลิงหลิง พี่ชอบผู้หญิงแล้วพี่ก็เป็นผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วย" รีบแก้ตัวเป็นพัลวัน หลิงเอ๋อได้ยินก็หัวเราะ
"พูดเล่นค่ะ ไม่เห็นต้องร้อนตัวขนาดนี้เลย" เธอว่าแล้วยกแก้มน้ำขึ้นดื่ม
"กล้าแหย่พี่หรอ? เดี๋ยวเถอะ เวลาทำกิจกรรมของคณะพี่จะแกล้งให้หนักเชียว" ไจ่ไจ๋แกล้งทำหน้าดุใส่
"กลัวแล้วค่ะ พี่อย่าแกล้งชั้นนะคะ" หลิงเอ๋อทำเสียงออดอ้อน ไจ่ไจ๋ลอบยิ้มแต่ยังเก๊กหน้าดุ
"อันนี้ต้องดูก่อนว่าเราทำตัวเชื่อฟังพี่หรือเปล่า?" หลิงเอ๋อได้ยินก็ค้อนใส่
"อย่ามาขู่ซะให้ยากเลย ถ้าพี่แกล้งชั้นนะ ชั้นจะไปขอเป็นน้องบุญธรรมของรุ่นพี่คนอื่น พี่รหัสดุๆแบบนี้ไม่เอา ไม่อยากได้" หญิงสาวย้อนไจ่ไจ๋อย่างแสนงอน
"โอ๋ๆๆๆ พี่คนนี้หรอจะกล้าแกล้งน้องที่แสนจะน่ารักคนนี้ได้ ไม่งอนนะครับ พี่ไม่แกล้งเราหรอก" ไจ่ไจ๋รีบง้อทันที
"ไม่อยากคุยด้วยแล้ว กินข้าวดีกว่า" หลิงเอ๋อทำเป็นไม่สนใจ
"ว้า....น้องเรางอนแล้วทำยังงัยดีน้า?" ไจ่ไจ๋แกล้งเปรยกับตัวเองเบาๆ หญิงสาวเหลือบมองแต่ก็ยังทำเป็นไม่สนใจเหมือนเดิม
"หลิงหลิง เรารู้มั๊ยว่าแวนเนสน่ะเขาร่วมหุ้นกับเพื่อนเปิดร้านหนังสือด้วยนะ บางทีถ้าเราไปที่ร้านหนังสือนั้นเราอาจจะเจอเขาก็ได้" ไจ่ไจ๋ยกเอาพี่ชายขึ้นมาช่วย
"ชั้นรู้แล้วค่ะ เคยแวะไปแล้วด้วยแต่ไม่เห็นจะเจอ" หลิงเอ๋อตอบแบบไม่ใส่ใจ
"แต่ถ้าไปกับพี่แล้วรับรองว่าต้องได้เจอแน่ๆ สนใจมั๊ย?" ไจ่ไจ๋ถามพร้อมกับยักคิ้วอย่างติดทะเล้น
"เชื่อได้? พี่รู้จักกับเขาหรืองัยคะ?" เธอย้อนถามพลางเบ้ปาก
"พนันกันมั๊ยหละ?" ไจ่ไจ๋ไม่ตอบแต่อมยิ้มกรุ้มกริ่ม
"พนันอะไรคะ?" หลิงเอ๋อถามอย่างท้าทาย
"ข้าวหนึ่งมื้อพาเที่ยวหนึ่งวัน" ไจ่ไจ๋ตอบแล้วยักคิ้วหลิ่วตาใส่หลิงเอ๋ออย่างล้อๆ
"ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา รับรองว่าชั้นต้องได้กินข้าวแล้วก็ได้เที่ยวฟรีแน่ๆ" เธอรับคำท้าอย่างมั่นใจว่าไจ่ไจ๋จะไม่รู้จักแวนเนสอย่างแน่นอน
"ดีมาก งั้นเรามาเกี่ยวก้อยสัญญากัน" ไจ่ไจ๋ว่าพร้อมกับชูนิ้วก้อยขึ้นมา
"โอเค!" หลิงเอ๋อก็เอานิ้วก้อยมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยของไจ่ไจ๋อย่างไม่ลังเล
"ถ้าแพ้พนันห้ามงอแงห้ามโอดครวญ แล้วที่สำคัญ.....ห้ามเบี้ยวนะ!" ไจ่ไจ๋ย้ำคำ
"เป็นคนตั้งกฎแล้วจำให้ได้ด้วยนะคะ ไม่ใช่ว่าพอตัวเองแพ้แล้วมาทำหน้าเซ่อบอกว่าลืมหละ ชั้นจะตั้นหน้าพี่ให้ดู" หญิงสาวพูดขู่ ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ทำตาโต
"กล้าตั้นหน้าพี่เชียวหรอ? แบบนี้กัดให้มือขาดก่อนดีกว่า" ว่าแล้วไจ่ไจ๋ก็จับมือหลิงเอ๋อขึ้นมาแล้วทำท่าจะกัด ยังผลให้หลิงเอ๋อร้องเสียงหลง
"โอ้ย! ไม่เอานะคะ!" เสียงอุทานของเธอทำให้โต๊ะรอบข้างหันมามอง
"หึๆๆๆ ไม่เอาก็ได้" ไจ่ไจ๋หัวเราะแล้วคลายมือออกแต่ไม่วายแอบจุ๊บเร็วๆที่หลังมือของหลิงเอ๋อด้วย
"พี่เนี่ย!!" หลิงเอ๋อตีมือไจ่ไจ๋ด้วยความเขินอายแล้วนั่งก้มหน้างุดไม่กล้ามองไปรอบๆ ไจ่ไจ๋เองก็ได้แต่กระหยิ่มยิ้มย่องที่สามารถแกล้งน้องรหัสตัวเองได้
"ชั้นจะไปห้องน้ำค่ะ" เธอบอกไจ่ไจ๋เสียงอ้อมแอ้มแล้วรีบลุกออกไปทันที
"พี่รออยู่นี่นะครับ" ไจ่ไจ๋พูดไล่หลังด้วยน้ำเสียงติดทะเล้นนิดๆ แต่เมื่อเห็นคนรอบข้างมองอยู่ก็เริ่มรู้สึกเขินเช่นกันจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรไปหาแวนเนส
"พี่รอง อยู่ไหนเนี่ย?" ไจ่ไจ๋ถามทันทีที่พี่ชายรับสาย
"อยู่ร้าน มาหาแฟน...." เสียงแวนเนสตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี
"ดีเลย! พี่ห้ามไปไหนนะเดี๋ยวผมจะไปที่ร้าน ห้ามออกไปไหนจนกว่าผมจะไปถึง เข้าใจมั๊ย?" ไจ่ไจ๋ได้ทีสั่งพี่ชายพร้อมกับกำชับกำชาอีกหลายรอบ
"อะไรของนายวะ? วันนี้เป็นอะไรขึ้นมาถึงได้รักพี่คนนี้ผิดปกติ" แวนเนสถามกลับมาด้วยความสงสัย
"ไม่ได้รักผิดปกติหรอก แต่จะพาแฟนไปหา....." ไจ่ไจ๋พูดยิ้มๆ
"หา!!??? อะไรนะ?? นายพูดว่างัยนะ?" เสียงแวนเนสอุทานดังมาด้วยความตกใจ
"พูดได้ครั้งเดียว ถ้าอยากเห็นก็ต้องรอจนกว่าผมจะไปถึง" พูดจบก็ตัดสายพี่ชายทิ้งทันทีแถมยังปิดเครื่องอีกต่างหาก จากนั้นก็เรียกเก็บเงินแล้วไปยืนรอหลิงเอ๋อที่หน้าห้องน้ำ
"อุ๊ย! พี่ไจ่ไจ๋! มายืนทำอะไรแถวนี้คะ?" หลิงเอ๋ออุทานพร้อมกับบ่นเบาๆเพราะเกือบจะเดินชนไจ่ไจ๋
"พี่มารอเรานั่นแหละ ไปกันเถอะ" ว่าแล้วไจ่ไจ๋ก็ฉวยมือของหญิงสาวมาจูง
"เดี๋ยวค่ะ! จะไปไหนคะ?" เธอขืนตัวไว้พร้อมกับตั้งคำถาม
"ไปร้านหนังสือ ไปหาดาราในดวงใจของเราสองคนงัย" ไจ่ไจ๋ตอบ หลิงเอ๋อถอนหายใจเบาๆ
"เลิกเล่นได้แล้วค่ะ อย่ามาอำชั้นซะให้ยากเลย" ว่าพลางดึงมือไจ่ไจ๋ออก
"งั้นตามมาดูว่าพี่อำเราหรือเปล่า?" พูดจบไจ่ไจ๋ก็ดึงมือหญิงสาวไปที่รถแล้วขับไปที่ร้านหนังสือของพี่ชายอย่างรวดเร็ว
"สวัสดีค่ะ!" เสียงกลอเรียเอ่ยทักทายเมื่อประตูร้านถูกผลักออกแต่เมื่อเห็นเป็นไจ่ไจ๋กลอเรียก็อ้าปากจะทักต่อแต่ไจ่ไจ๋ส่งสัญญาณโดยการเอามือทาบปากไว้ กลอเรียจึงไม่พูดอะไรต่อ
"ไหนคะไจ่ไจ๋? แวนเนสที่พี่บอกว่าต้องมาเจอที่ร้านแน่นอน?" หลิงเอ๋อหันไปถามไจ่ไจ๋อย่างเอาเรื่อง
"เดี๋ยวสิครับ ต้องรอแป๊บนึง" ว่าแล้วก็พยักหน้าให้เดินตามมาที่เค้าเตอร์
"ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณแวนเนสอยู่ที่ร้านหรือเปล่าครับ?" ไจ่ไจ๋แกล้งถามกลอเรีย แม้จะงงๆแต่กลอเรียก็รับมุขไจ่ไจ๋
"ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรกับเขาหรือคะ?" คำตอบของกลอเรียทำเอาหลิงเอ๋อเริ่มแปลกใจ
"คือว่าผมพาแฟนคลับตัวยงของเขามาด้วยน่ะครับ เธอคงจะดีใจถ้าได้เจอกับเขา" กลอเรียได้ยินก็อมยิ้ม
"งั้นเดี๋ยวชั้นขอไปถามเขาดูก่อนนะคะว่าจะยอมรับแขกวีไอพีหรือเปล่า?" พูดจบกลอเรียก็เดินเข้าไปหลังร้านเพื่อบอกแวนเนสว่าไจ่ไจ๋มาแล้ว
"พี่คะ นี่พี่ไม่ได้ล้อชั้นเล่นใช่มั๊ย? พี่รู้จักแวนเนสจริงๆหรอ?" หลิงเอ๋อดึงเสื้อไจ่ไจ๋พร้อมกับถามอย่างตื่นเต้น
"คำพูดของพี่นี่มันไม่น่าเชื่อถือเลยใช่มั๊ยครับ?" แกล้งย้อนถามด้วยสีหน้าขรึมๆ
"ไม่ใช่นะคะ แต่ชั้นแค่ไม่แน่ใจว่าพี่จะรู้จักกับเขาเป็นการส่วนตัวแบบนี้นี่นา ขอโทษนะคะ" เธอขอโทษไจ่ไจ๋เสียงอ่อย
"ให้อภัยครับ เห็นว่าน่ารักนะเนี่ยถึงยอมอภัย" ไจ่ไจ๋รับคำขอโทษหน้าตาย เล่นเอาหญิงสาวเขินอีกรอบ แล้วในขณะนั้นแวนเนสก็ผลักประตูออกมาจากหลังร้านทันที
"ไจ่....." อ้าปากจะเรียกน้องชายแต่ไจ่ไจ๋ส่ายหน้าห้ามไว้ก่อนแวนเนสจึงชะงักไป
"แฟนผม....." ไจ่ไจ๋พูดโมเมโดยไม่ออกเสียงพร้อมกับชี้ๆไปที่หลิงเอ๋อที่ยืนอึ้งๆเพราะได้เจอกับดาราที่ชอบแบบใกล้ชิดแบบนี้
"สวัสดีครับ วันนี้มาหาหนังสืออะไรอ่านดี?" แวนเนสแกล้งพูดทักทายกับน้องชาย
"อ้าว! พาเพื่อนมาด้วยหรอ? เชิญหาหนังสืออ่านตามสบายเลยนะครับ" หันมาพูดกับหลิงเอ๋อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"เอ่อ....ค่ะ....." เธอตอบตะกุกตะกักด้วยความประหม่าปนเขินอาย
"เพื่อนผมเป็นแฟนคลับของคุณแวนเนสเลยนะครับ แฟนตัวยงเลยหละ" ไจ่ไจ๋พูดกับพี่ชายยิ้มๆ
"พี่ไจ่ไจ๋คะ เราไปดูหนังสือกันดีกว่า" หลิงเอ๋อพูดเบาๆพร้อมกับดึงเสื้อไจ่ไจ๋ไปด้วย
"อ้าว....เลยอายจนไม่กล้ามองหน้าเขาเลย" ไจ่ไจ๋หัวเราะร่วนแล้วจับมือหญิงสาวเอาไว้
"เห็นมั๊ย? แวนเนสก็แวนเนสเถอะ พี่สามารถเนรมิตมาให้เราเห็นได้ในชั่วพริบตา" พูดอวดตัวเองเป็นการใหญ่ หลิงเอ๋อเลยยิ่งหน้าแดงกว่าเดิม
"พอได้แล้วไจ่ไจ๋ แซวจนน้องเขินไปหมดแล้วนั่น มา....เข้ามานั่งข้างในกันดีกว่า" แล้วแวนเนสก็เป็นคนตัดบทพร้อมกับชวนน้องชายและหลิงเอ๋อให้มานั่งคุยกันหลังร้าน
"พี่คะ....กลับกันดีกว่า ชั้น.....ชั้นไม่กล้าคุย....." หลิงเอ๋อกระซิบบอกกับไจ่ไจ๋เสียงแผ่ว ไจ่ไจ๋หัวเราะเบาๆ
"ทำไมไม่กล้าหละ พี่ก็อยู่กับเราด้วยงัย รับรองนะครับว่าพี่ชายของพี่น่ะไม่ดุหรอก" ได้ยินเช่นนี้หลิงเอ๋อก็เงยหน้าขึ้นมองไจ่ไจ๋
"ไปสิครับ พี่ชายของพี่ก็รอที่จะเห็นเราอยู่นานเหมือนกัน" พูดจบก็รีบพาหลิงเอ๋อเข้ามาหลังร้าน
"ทำตัวตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจนะ" แวนเนสพูดกับหลิงเอ๋อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
"ค่ะ" เธอรับคำเสียงอ้อมแอ้มไม่ค่อยกล้าสบตาแวนเนสเท่าไหร่
"หนูชื่ออะไรนะ? หลิงเอ๋อใช่หรือเปล่า? พี่ได้ยินไจ่ไจ๋เขาพูดถึงหนูบ่อยๆ" แวนเนสถามด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง
"ใช่ค่ะ หนูเป็นน้องรหัสของพี่ไจ่ไจ๋" หลิงเอ๋อตอบคำถามเสียงแผ่ว ในขณะที่ไจ่ไจ๋ได้แต่นั่งหัวเราะ
"ไจ่ไจ๋!! เราก็ชอบแกล้งน้อง เดี๋ยวเถอะ!" แวนเนสหันไปดุน้องชายแต่ไม่จริงจังนัก
"แหม....มันก็ต้องมีซักนิดสิครับ หลิงหลิง พี่ขอแนะนำอย่างเป็นทางการเลยนะครับว่าแวนเนสคนนี้น่ะ เป็นพี่ชายคนรองของพี่เอง" ไจ่ไจ๋หันไปบอกกับหญิงสาวด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง
"ค่ะ" หลิงเอ๋อเงยหน้าขึ้นมาตอบรับคำไจ่ไจ๋แต่ไม่วายค้อนใส่ด้วย
"หึๆๆๆ พี่ไม่ได้โกหกนะครับ" แก้ตัวออกมาก่อนที่จะโดนต่อว่า
"แต่บอกความจริงไม่หมดใช่มั๊ย?" แวนเนสต่อคำน้องชายทันที
"ถูกต้อง!" ไจ่ไจ๋ผงกหัวรับคำพี่ชายอย่างลื่นไหล
"หลิงหลิง ถ้าโดนพี่ไจ่ไจ๋แกล้งอะไร หนูมาบอกพี่ได้เลย เดี๋ยวพี่จัดการให้" แวนเนสหันไปพูดคุยกับหญิงสาวรุ่นน้อง
"ขอบคุณค่ะ พี่ไจ่ไจ๋น่ะแกล้งหนูประจำเลย นี่ก็หลอกหนูไม่ยอมบอกว่าเขาเป็นพี่น้องกับพี่แวนเนส" ด้วยความเป็นกันเองของแวนเนสทำให้หลิงเอ๋อเริ่มหายประหม่า
"แถมเมื่อกี้พี่ไจ่ไจ๋ยังบอกว่าเวลาเห็นลิงแล้วคิดถึงพี่แวนเนสด้วยค่ะ" เอ่ยปากฟ้องตามมา
"นี่! เอาใหญ่เลยนะไจ่ไจ๋ กล้านินทาพี่ลับหลังหรอ?" หันไปขยี้หัวน้องชายด้วยความหมั่นไส้แกมเอ็นดู
"ไม่ได้นินทานะครับ ผมไม่ได้ระบุชื่อซักหน่อยว่าเป็นพี่" ไจ่ไจ๋รีบแก้ตัว
"หลิงหลิงใส่ร้ายพี่ รู้ได้ยังงัยว่าพี่ว่าพี่แวนเนสเขา?" หันไปทำหน้ามุ่ยใส่หลิงเอ๋อ
"ก็พี่บอกเองนี่คะว่าเห็นลูกลิงแล้วคิดถึงพี่ชายคนรอง แล้วพี่แวนเนสก็เป็นพี่ชายคนรองของพี่ไม่ใช่หรอ?" เธอต่อปากต่อคำกับไจ่ไจ๋
"หึๆๆ" แวนเนสหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"อย่าไปเถียงกับพี่ไจ่ไจ๋เขาเลย พี่ไจ่ไจ๋น่ะเขาเหมือนปลาไหลพอโดนว่าอะไรหน่อยก็จะหาข้อแก้ตัวไปได้เรื่อยๆ เอาชนะเขายากน่ะ" แวนเนสเองก็ได้ทีนินทาน้องชายเช่นกัน
"จริงค่ะ แล้วยังชอบใช้ความเป็นพี่รหัสรังแกหนูด้วยนะคะ อะไรไม่ได้ดั่งใจก็ขู่ว่าจะแกล้งเวลาทำกิจกรรมของคณะ" หลิงเอ๋อเองก็ผสมโรงกับแวนเนสอย่างแนบเนียน ส่วนคนถูกนินทาซึ่งหน้าก็ได้แต่มองพี่ชายทีมองน้องรหัสทีอย่างเคืองๆ
"ไม่น่าพามาเจอแต่แรกเลย รู้งี้ไปเที่ยวที่อื่นต่อดีกว่า" พึมพำดังๆเพราะต้องการจะให้คนอื่นได้ยินด้วย แต่ก่อนที่จะได้คุยอะไรกันต่อประตูก็ถูกเลื่อนเปิดพร้อมกับกลอเรียที่เอาน้ำขนมกับขนมเข้ามาให้
"กินขนมกันก่อนค่ะ" บอกกล่าวกับสองหนุ่มกับอีกหนึ่งสาว
"มี่เฟิงเพิ่งซื้อขนมมาใหม่ๆเลย" ได้ยินดังนั้นไจ่ไจ๋ก็กุลีกุจอรับจานขนมและแก้วน้ำมาวางให้พี่ชายและหลิงเอ๋อ
"แล้วมี่เฟิงหละครับ? ไม่ให้เข้ามากินด้วยกันหละ?" แวนเนสถามถึงหญิงสาวอีกคน
"น้องเขากำลังดูแลลูกค้าอยู่ค่ะ เดี๋ยวคงเข้ามาหรอก บางทีสิ้นเดือนนี้เราน่าจะเพิ่มเงินเดือนให้น้องเขานะคะ ขยันทำงานกว่าเจ้าของร้านบางคนอีก" ประโยคหลังกลอเรียพูดเหน็บแนมแวนเนส
"แหม....ขืนผมออกไปก็ร้านพังสิครับ อุตส่าห์มาอยู่เป็นเพื่อนยังไม่เห็นคุณค่าอีก" แวนเนสทำเสียงกระเง้ากระงอด เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
"หลิงหลิงครับ คนนี้พี่กลอเรียเป็นหุ้นส่วนของพี่แวนเนส แล้วก็เป็น......" ไจ่ไจ๋ยังพูดไม่ทันจบกลอเรียก็พูดแทรกขึ้นก่อน
"เป็นเพื่อนแวนเนสน่ะจ๊ะ" คำพูดของกลอเรียทำเอาแวนเนสหน้ามุ่ยตั้งท่าจะแย้งแต่กลอเรียกลับพูดตัดบท
"ตามสบายนะจ๊ะ พี่ขอไปดูหน้าร้านก่อน คนซาแล้วจะเข้ามาคุยด้วย" พูดจบก็ลุกเดินออกไปทันที
"เดี๋ยวพี่มานะครับ คุยกันไปก่อน" แวนเนสว่าแล้วรีบลุกตามคนรักออกไปทันที
"กลอเรีย หมายความว่างัยที่ว่าเราเป็นแค่เพื่อนกันน่ะ?" แวนเนสดึงมือกลอเรียไว้แล้วพาไปคุยกันที่มุมร้านที่ไม่มีคนอยู่
"แวนเนสคะ น้องคนนั้นเขาเป็นแฟนคลับของคุณนะคะ" กลองเรียแย้งคำของคนรัก
"แล้วยังงัยหละครับ?" แวนเนสย้อนถาม
"แล้วเขาก็คงมีสังคมกับคนที่ชอบคุณเหมือนๆกัน" กลอเรียให้เหตุผล
"ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี" แวนเนสยังคงส่ายหน้า
"ก็ถ้าแฟนคลับของคุณรู้ว่าเราเป็นแฟนกัน ความนิยมของคุณอาจจะลดลงนะคะ แล้วอีกอย่างคุณก็เคยบอกว่ากฎของบริษัทห้ามคุณมีแฟนในระหว่างสัญญาห้าปี" กลอเรียขยายความให้คนรักฟัง
"บริษัทไม่ได้ห้ามผมมีแฟนแต่ห้ามแต่งงานต่างหาก แล้วอีกอย่างผมไม่สนหรอกว่าความนิยมของผมจะลดลงหรือเปล่า ผมไม่ขัดข้องเลยที่จะเปิดเผยให้คนอื่นรู้ว่าคุณเป็นคนรักของผม ไม่ว่าผลที่ตามมาจะออกมาในรูปแบบไหนก็ตาม" แวนเนสยืนกรานเสียงหนักแน่น
"แวนเนสคะ ตอนนี้คุณเป็นคนของสาธารณะชนแล้วนะคะ คุณจะยึดถือความคิดของตัวเองอย่างเดียวไม่ได้หรอกค่ะ" กลอเรียอธิบายให้แวนเนสฟังด้วยเหตุผล
"แล้วอีกอย่างชั้นอยากเห็นคุณมีอนาคตที่สดใสอยู่ในวงการนี้ต่อไปนานๆนะคะ และการที่คุณจะสามารถอยู่ต่อไปได้ก็ต้องมีแรงสนับสนุนจากแฟนคลับเป็นสำคัญอยู่แล้ว จริงอยู่ที่ว่าบางคนอาจจะชอบคุณเพราะคุณเป็นตัวของตัวเอง แต่ก็มีคนบางส่วนที่ชอบคุณเพราะรูปลักษณ์ภายนอกเช่นกัน" แวนเนสฟังเหตุผลของคนรักแล้วก็นิ่งไป
"คุณจะให้ผมโกหกว่าผมยังไม่มีแฟนไม่มีคนรักอย่างงั้นหรอ? ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอกเพราะมันเหมือนกับเป็นการไม่ให้เกียรติคุณ" แวนเนสแย้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ไม่หรอกค่ะแวนเนส แค่เราสองคนซื่อสัตย์ต่อกัน อย่างอื่นก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว เรื่องนี้เรารู้กันแค่สองคนก็พอแล้วค่ะ แล้วอีกอย่างชั้นไว้ใจคุณนะคะ" พูดจบเธอก็จับมือแวนเนสแล้วบีบเบาๆ ได้ยินเช่นนี้แวนเนสก็ยิ้มออกแล้วพยักหน้า
"ผมโชคดีที่สุดเลยที่ได้เจอผู้หญิงที่ดีแบบคุณ ผมรักคุณนะครับ" ว่าแล้วแวนเนสก็โน้มใบหน้าลงมาจูบเบาๆที่หน้าผากของคนรัก
"กลับเข้าไปคุยกับน้องเถอะค่ะ เดี๋ยวชั้นช่วยมี่เฟิงดูแลลูกค้าก่อน" เธอเอามือแตะลงที่แก้มแวนเนสแล้วพูดกับเขาเบาๆ แวนเนสพยักหน้าแล้วจึงเดินกลับไปหลังร้าน

- เวลาต่อมา -
"อ้าว.....หน้ามุ่ยออกมาเชียว ไปกินรังแตนที่ไหนมา?" มี่เฟิงเอ่ยทักไจ่ไจ๋ที่เดินหน้างอออกมาจากหนังร้าน
"อย่ากวนประสาทผมได้มั๊ย? คนยิ่งเซ็งๆอยู่" ไจ่ไจ๋ตวัดเสียงพูดกับหญิงสาว
"โดนแย่งแฟนหรืองัย?" พูดแหย่ไจ่ไจ๋อย่างยียวน
"คุณนี่! เจอหน้ากันทีไรต้องต่อปากต่อคำกับผมทุกทีเลย โรคจิตหรือเปล่า?" ไจ่ไจ๋ต่อว่าสาวรุ่นพี่เข้าให้อีก
"คงเป็นเธอต่างหากหละมั้งที่เป็นโรคจิต" เธอย้อนคำไจ่ไจ๋อีก ไจ่ไจ๋มองหน้าเธอแล้วอ้าปากจะต่อว่าแต่แล้วก็กลับขี้เกียจจะเถียงด้วยขึ้นมาเฉยๆ
"เอาหละๆ ชั้นไม่แกล้งแล้ว เธอเป็นอะไรไปหละ? ไม่พอใจใครที่ไหนมา?" มี่เฟิงยอมเลิกราแล้วถามไจ่ไจ๋ดีๆ
"ก็พี่รองน่ะสิ คุยกับแฟนผมอย่างกับคนรู้จักกันมาซักสิบปีได้ คุยกันไม่เห็นหัวผมบ้างเลย" ไจ่ไจ๋บอกด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเซ็งๆ
"หึงหละสิ" เธอพูดอย่างรู้ทัน ไจ่ไจ๋มองหน้าเธอแล้วเม้มปากเล็กน้อย
"นี่แหละความรักแบบวัยรุ่น แง่งอนกันแบบไม่มีเหตุผล ถ้าเธอรักแฟนเธอจริงเธอควรจะไว้ใจเขา" มี่เฟิงพูดเป็นเชิงสอน
"ผมไว้ใจหลิงหลิง แต่ไม่ไว้ใจพี่ชายผมต่างหาก พี่รองน่ะกะล่อนจะตาย" ไจ่ไจ๋แย้งแล้วถอนหายใจเฮือก
"แล้วใหญ่เลย พี่ชายเธอก็มีพี่กลอเรียอยู่ทั้งคน พูดแบบนี้ไม่เป็นการดูถูกเขาไปหน่อยหรอ?" เธอเตือนสติไจ่ไจ๋กลายๆ
"พี่กลอเรียก็แค่แฟนไม่ใช่ภรรยาซักหน่อย" ไจ่ไจ๋รวนต่ออย่างไม่มีเหตุผล
"หลิงหลิงก็แค่แฟนเธอไม่ใช่ภรรยาเหมือนกันนะ" เธอเอาคำของไจ่ไจ๋มาพูดย้อน
"คุณนี่! จะพูดให้ผมสบายใจขึ้นหรือทำให้แย่กว่าเดิมกันแน่?" เมื่อโดนต่อว่าปาวๆไจ่ไจ๋เลยต่อว่าเธอกลับบ้าง
"ก็เธอมันเป็นเด็กไม่รู้จักโตเองนี่ ชั้นพูดให้ข้อคิดเธอก็หาว่าชั้นต่อว่า จะไปไหนก็ไปเถอะชั้นขี้เกียจคุยกับเธอแล้ว" แล้วมี่เฟิงก็พูดตัดบทอย่างเบื่อๆกับความดื้อรั้นของไจ่ไจ๋
"เฮ่อ!" ไจ่ไจ๋ถอนหายใจแล้วมองเข้าไปหลังร้านก็เห็นพี่ชาย กลอเรีย และหลิงเอ๋อกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน
"คุณ.....ที่ชมรมเป็นยังงัยบ้าง?" ไจ่ไจ๋เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
"ก็เรื่อยๆน่ะ เธอถามทำไม ไม่เคยนึกจะเข้าไปอยู่แล้วนี่" มี่เฟิงตอบแล้วมองหน้าไจ่ไจ๋
"ตั้งแต่อาทิตย์หน้าผมจะค่อนข้างว่าง แล้วจะแวะเข้าไปนะ" พูดจบก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้
"เออ...นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ที่ชมรมมีโครงการประกวดวาดภาพ มีมติให้คนในชมรมส่งภาพวาดเข้าประกวดกันด้วย ถ้าใครชนะจะได้รับการคัดเลือกให้ไปประกวดวาดภาพระหว่างมหาลัยด้วย" หญิงสาวพูดขึ้นอย่างนึกขึ้นได้
"งั้นหรอ? แต่ผมคงไม่ส่งหรอก ใกล้สอบแล้วด้วย อีกอย่างคงไม่มีอารมณ์วาดเท่าไหร่" ไจ่ไจ๋ตอบรับแบบไม่ใส่ใจนัก
"ชั้นสงสัยจริงๆว่าเธอน่ะชอบวาดรูปจริงหรือเปล่า? เพราะเท่าที่เห็นเธอไม่กระตือรือร้นที่จะร่วมกิจกรรมอะไรของชมรมเลยซักครั้ง การประกวดวาดภาพเนี่ยสมาชิกในชมรมของเราต่างเฝ้ารอกันทั้งนั้นเพราะนี่เป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงฝีมือกันได้อย่างเต็มที่" ไจ่ไจ๋เบ้ปากใส่มี่เฟิงแต่แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้
"จริงสิ เคยได้ยินมาว่าคุณเคยชนะการประกวดวาดภาพในต่างประเทศด้วยหรอ? ผมไม่เคยเห็นรูปวาดของคุณเลย" หญิงสาวยิ้มบางๆแล้วพยักหน้า
"รูปนั้นมีคนติดต่อขอซื้อไปแล้ว ชั้นขายได้สองแสนเชียวหละ" ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ทำตาโต
"ตั้งสองแสนเชียวหรอ!? โอโห! เก่งจังเลย" ชมออกมาจากใจจริง
"ว่าแต่ทำไมคุณขายซะหละ? ไม่เสียดายหรอ?" มี่เฟิงส่ายหน้าไปมา
"ถ้าภาพนั้นอยู่กับชั้นมันก็ไม่มีความหมายอะไรเท่าไหร่นักหรอก เวลาชั้นวาดภาพชั้นก็จะมีอารมณ์ร่วมไปกับภาพนั้นในขณะที่วาด แต่เมื่อวาดเสร็จแล้วชั้นก็จะไม่มีความรู้สึกพิเศษอะไรกับมันอีก" ไจ่ไจ๋มองหญิงสาวอย่างทึ่งๆ
"คุณก็แปลกคนนะ สำหรับผมน่ะถ้าวาดรูปเสร็จแล้วผมก็จะเก็บไว้ พอผ่านไปนานๆก็จะเอาออกมาดู พอได้ดูแล้วก็จะระลึกถึงความรู้สึกตอนที่วาดได้ด้วยแหละ" ไจ่ไจ๋พูดคุยกับหญิงสาวต่อเริ่มรู้สึกหายหงุดหงิดไปบ้างแล้ว
"ภาพที่คุณชนะการประกวดเป็นภาพวาดเกี่ยวกับอะไรหรอ?" ไจ่ไจ๋ถามต่อ
"ภาพคนน่ะ" เธอตอบสั้นๆ
"งั้นก็ต้องมีคนเป็นแบบให้ด้วยน่ะสิ" พูดพึมพำต่อเองเบาๆ
"ใช่ แล้วนายแแบบของชั้นก็คือน้องชายชั้นเอง" ไจ่ไจ่ได้ยินก็อึ้งๆไปเพราะรู้มาว่าน้องชายของมี่เฟิงเสียชีวิตไปแล้ว
"ขอโทษนะครับที่ถามซักไซร้มากไปหน่อย" ไจ่ไจ๋เอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิด
"ไม่เป็นไรหรอก" เธอส่ายหน้าแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ ไจ่ไจ๋เองก็ไม่รู้อะไรจึงนั่งเงียบๆเช่นกัน
"มานั่งอยู่นี่กันเอง ได้เวลาปิดร้านแล้วจ๊ะ" เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้แต่ทั้งคู่มารู้สึกตัวกันอีกทีก็ตอนกลอเรียเดินออกมาพร้อมกับบอกกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง
"หนีออกมาคุยกับมี่เฟิงนี่เอง ทิ้งน้องเลยนะ" แวนเนสต่อว่าน้องชายขึ้นมาบ้าง
"เขาก็คงเต็มใจถูกทิ้งให้อยู่กับไอดอลในดวงใจหละมั้ง?" ไจ่ไจ๋พูดประชดหลิงเอ๋อ
"ฟังพูดเข้า! ไป....ไปช่วยพี่เขาปิดร้านจะได้กลับบ้านกัน" แวนเนสว่าแล้วดึงแขนให้น้องชายลุกขึ้น
"ใครจะกลับบ้านกับพี่? ผมจะไปส่งหลิงหลิง พี่น่ะมายังงัยก็กลับเองสิ" ไจ่ไจ๋ปฏิเสธแวนเนส
"อ้าว! ทำไมทำแบบนี้หละคะพี่? พี่แวนเนสน่ะอยู่บ้านเดียวกับพี่ก็ต้องกลับด้วยกันสิคะ ส่วนชั้นน่ะเดี๋ยวกลับเองก็ได้พี่ไม่ต้องไปส่งหรอก" หลิงเอ๋อพูดแย้งขึ้นมา
"เป็นห่วงกันจังนะ" ไจ่ไจ๋ไม่วายพูดแขวะน้องรหัสตัวเองอีก
"เกเรอีกแล้วไจ่ไจ๋! ไม่อยากให้กลับด้วยพี่นั่งแท็กซี่กลับเองก็ได้ นายไปส่งน้องเถอะ" แวนเนสพูดตัดปัญหาเสียเองเพราะพอจะรู้ว่าน้องไม่ค่อยจะพอใจ
"พี่คะ ถ้าพี่ไม่ให้พี่แวนเนสกลับด้วย พี่ก็ไม่ต้องไปส่งชั้นหรอกค่ะ ต่างคนต่างกลับกันให้หมดนั่นแหละ" หลิงเอ๋อว่าแล้วสะพายกระเป๋าขึ้นมา
"ก็ได้ๆๆ กลับด้วยกันหมดนี่แหละ พี่กลอเรียครับ เดี๋ยวผมไปส่ง มี่เฟิงคุณก็กลับด้วยกันนะ" ไจ่ไจ๋หันไปบอกกับรุ่นพี่ด้วย
"ไม่หละ ชั้นเอารถมาแล้วพี่กลอเรียก็กลับกับชั้นได้" เธอปฏิเสธแล้วหันไปทางกลอเรียเป็นเชิงปรึกษา
"พี่กลับกับมี่เฟิงได้จ๊ะ อยู่อพาร์ทเม้นต์เดียวกันอยู่แล้วเธอจะได้ไม่ต้องเทียวมาเทียวไป" กลอเรียพูดเสริมอีกแรง
"งั้นก็ตามใจครับ" ไจ่ไจ๋พยักหน้าก่อนที่จะร่ำลาสองสาวแล้วเดินออกไปเฉยๆ
"แล้วเจอกันนะครับกลอเรีย พี่ไปนะมี่เฟิง" แวนเนสเองก็ลาสองสาวด้วย หลิงเอ๋อเองก็ลาหญิงสาวรุ่นพี่ทั้งสองคนด้วยเช่นกัน จากนั้นแวนเนสก็ชวนหลิงเอ๋อไปที่รถที่มีน้องชายสตาร์ทรถรออยู่ด้วยสีหน้าง้ำงอ




 

Create Date : 20 มีนาคม 2550    
Last Update : 20 มีนาคม 2550 22:39:45 น.
Counter : 1042 Pageviews.  

Chapter 25

ตอนที่ 25
"ทำไมบ้านเงียบจัง น้องไปไหนกันหมดครับ?" เจอร์รี่ที่กลับมาจากทำงานเอ่ยถามพ่อกับแม่ที่นั่งดูโทรทัศน์กันอยู่เงียบๆ
"เสี้ยวเทียนกับไจ่ไจ๋ตามแวนเนสไปห้องอัดน่ะลูก" แม่ตอบลูกชายยิ้มๆ
"แล้วไจ่ไจ๋ขามันยังเจ็บอยู่แบบนั้นน่ะนะ? ทำไมแม่ปล่อยให้น้องไปหละ?" เจอร์รี่ย้อนถาม
"ก็น้องมันงอแงน่ะสิ พ่อกับแม่ห้ามแล้วแต่น้องไม่ยอม แวนเนสก็เลยยอมพาไปด้วย" พ่อเป็นคนให้เหตุผลแทน เจอร์รี่ได้ยินก็ส่ายหน้ากับความดื้อรั้นของน้องชาย
"เดี๋ยวแผลอักเสบแล้วจะสมน้ำหน้าให้ดู" พ่อกับแม่ได้ยินก็หันไปสบตากันยิ้มๆ
"เออ....เจอร์รี่จ๊ะ พรุ่งนี้พ่อแม่จะกลับกันแล้วนะ" แม่เกริ่นนำขึ้นมาก่อน
"กลับพรุ่งนี้แล้วหรอ? เร็วจัง" เจอร์รี่ทวนคำพร้อมกับพึมพำต่อเบาๆ
"ลูกคงไม่งอแงเหมือนน้องนะจ๊ะ เมื่อคืนแม่ต้องปลอบไจ่ไจ๋อยู่ตั้งนานกว่าจะเลิกงอแงได้" แม่พูดหยอกลูกชายคนโต
"ผมไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ" เจอร์รี่ปฏิเสธแล้วหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอ่าน ทำให้เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วขณะ
"เอ่อ.....เจอร์รี่.....พ่อกับแม่มีเรื่องอยากปรึกษาลูกซักหน่อยน่ะ" แล้วพ่อก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา
"มีเรื่องอะไรหรอครับ?" เจอร์รี่ตอบรับแล้วลดหนังสือพิมพ์ในมือลงต่ำ
"เรื่องที่เสี้ยวเทียนจะขายบ้านอาเจียงน่ะลูก" ได้ยินเช่นนี้เจอร์รี่จึงพับหนังสือพิมพ์เก็บแล้ววางลงบนโต๊ะตามเดิม
"พ่อกับแม่ไม่เห็นด้วยกับน้องหรอครับ?" ถามพ่อแม่ด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน
"ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยหรอกนะ แต่เราเป็นห่วงความรู้สึกของเสี้ยวเทียนมากกว่าเพราะแม่เชื่อว่าต่อให้น้องบอกว่าตัดใจได้แล้วจริงๆแต่มันก็ต้องมีความรู้สึกเสียดายอยู่บ้างแหละ แม่ไม่อยากให้น้องต้องมานั่งเสียใจทีหลัง" เจอร์รี่ได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อย
"พ่อแม่ครับ ผมขอพูดตรงๆเลยนะ แต่พ่อแม่อย่าคิดมากนะครับ" เจอร์รี่ว่าพร้อมกับมองหน้าพ่อกับแม่สลับกันไปมา
"พูดมาเถอะลูก" พ่อว่าแล้วรอฟังในสิ่งที่ลูกชายจะพูด
"ผมรู้สึกว่าการที่น้องบอกจะขายบ้านอาเจียงก็เพราะต้องการทำให้พ่อแม่สบายใจ เหมือนน้องไม่อยากให้พ่อแม่ต้องกังวลว่าน้องจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับเรื่องในอดีตอีก" พ่อกับแม่ได้ยินก็มีสีหน้าขรึมลง
"ถ้าจะให้ผมมอง.....ผมรู้สึกว่าน้องยังรักและก็ผูกพันกับบ้านหลังนั้นอยู่มาก แต่ในขณะเดียวกันน้องก็คงอยากจะตัดใจจากมันเหมือนกัน ตอนนี้เหมือนน้องยืนอยู่ตรงกลาง อยากกลับไปหาอดีตแต่ก็ห่วงปัจจุบันอยู่เหมือนกัน ฉะนั้นน้องเลยเลือกที่จะตัดอดีตทิ้งเพื่อทำปัจจุบันให้ดีที่สุด" เจอร์รี่พูดวิเคราะห์น้องชายให้พ่อแม่ฟังอย่างละเอียด
"แม่จะไม่ตำหนิเสี้ยวเทียนเลยหากว่าเสี้ยวเทียนบอกว่าเขารักอาเจียงมากกว่าแม่" แม่พูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
"แม่ครับ แม่อย่าพูดแบบนี้สิ ผมเชื่อว่าสำหรับน้องแล้วพ่อกับแม่เป็นที่หนึ่งเสมอ ผมรู้จักน้องดีครับแม่" เจอร์รี่พูดปลอบพร้อมกับยืนกรานเสียงหนักแน่น
"พ่อกับแม่ต้องขอบใจลูกมากเลยนะเจอร์รี่ เพราะตั้งแต่อาเจียงเสีย ลูกเองก็ต้องรับภาระดูแลเสี้ยวเทียนอยู่คนเดียวเพราะน้องไม่เอาพ่อกับแม่เลย ตอนนี้คนที่เข้าใจน้องมากที่สุดก็คือลูก เราถึงอยากจะปรึกษาเรื่องนี้กับลูกงัย" แม่พูดกับลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เจอร์รี่ยิ้มแล้วกุมมือแม่ไว้รอคอยให้แม่พูดต่อไป
"พ่อกับแม่คิดจะซื้อบ้านอาเจียงขึ้นมาน่ะจ๊ะ แต่ก็กลัวน้องจะไม่พอใจ ลูกเห็นว่ายังงัย?" แม่พูดต่อพร้อมกับถามความเห็นลูกชาย เจอร์รี่นิ่งไปพักหนึ่ง
"ถ้าถามผม.....ผมว่าน้องคงไม่ยอม" เจอร์รี่ตอบไปตามความคิดของตัวเอง
"พ่อกับแม่ก็ไม่ได้คิดจะบอกกับเสี้ยวเทียนตรงๆหรอก แต่พ่อจะให้ลูกน้องคนสนิทของพ่อเป็นคนติดต่อขอซื้อแล้วค่อยมาโอนต่อให้พ่อทีหลัง" พ่ออธิบายให้ลูกชายฟัง
"แล้วต่อจากนั้นพ่อจะโอนต่อให้เป็นชื่อของลูกทั้งสี่คน แบบนี้ลูกเห็นว่างัย?" อธิบายจบก็ถามความเห็นลูกชาย
"ที่พ่อแม่อยากจะซื้อขึ้นมาก็เผื่อว่าวันนึงน้องอาจอยากจะกลับไปที่นั่นใช่มั๊ยครับ?" เจอร์รี่ไม่ตอบแต่กลับย้อนถามพ่อแม่อย่างพอจะเดาความรู้สึกของบุพการีออก
"ใช่แล้วลูก อย่างน้อยถ้าน้องคิดถึงก็ยังมีที่ให้ไป ดีกว่าที่จะปล่อยให้น้องต้องนั่งจมอยู่กับความทรงจำ" พ่อตอบพลางพยักหน้ารับ
"ถ้าพ่อแม่คิดแบบนี้ก็ทำไปเถอะครับ แต่ผมเสนอว่าเราอย่าเพิ่งบอกอะไรเสี้ยวเทียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ รอให้เวลาผ่านไปซักระยะหนึ่งก่อน ให้น้องเข้มแข็งกว่านี้อีกซักนิดแล้วเราค่อยว่ากันอีกที" เจอร์รี่เสนอความเห็นคิดเห็น ซึ่งพ่อแม่ก็เห็นด้วย
"พ่อ....แม่ว่าเราสองคนโชคดีมากเลยนะที่มีลูกชายเป็นเด็กดีกันทุกคน" เงียบกันไปซักพักแม่ก็หันไปพูดกับพ่อด้วยความภาคภูมิใจ
"พ่อก็ว่าอย่างนั้นแหละ" พ่อพยักหน้ารับคำแม่อย่างเห็นด้วย
"โดยเฉพาะลูกนะจ๊ะเจอร์รี่ แม่ขอบใจลูกที่สุดที่ทำหน้าที่แทนพ่อกับแม่ได้อย่างไม่มีข้อบกพร่อง" แม่ว่าพร้อมกับเอามือโอบไหล่ลูกชาย
"ไม่ขนาดนั้นหรอกครับแม่ ผมทำได้ไม่ดีเท่ากับพ่อแม่หรอกเพราะเวลาใครดื้อพ่อแม่ไม่เคยโมโหใส่ไม่เคยดุด่าหรือเฆี่ยนตีเลยซักครั้ง แต่ผมทำแบบพ่อกับแม่ไม่ได้ ลองน้องมันมาดื้อด้านงอแงกับผมสิ โดนตีก้นลายแน่ๆ" เจอร์รี่แย้งขึ้นยิ้มๆ
"ลูกพ่อโหดแบบนี้นี่เองถึงได้คุมน้องอยู่ ขนาดเสี้ยวเทียนที่ว่าดื้อแพ่งที่สุดลูกยังเอาอยู่เลย" พ่อว่าพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"บางทีเสี้ยวเทียนก็ทำผมฉุนขาดเหมือนกันนะครับ เกือบจะตีมันตายหลายครั้งแล้ว" เจอร์รี่บ่นเจ้าน้องชายตัวแสบให้พ่อแม่ฟัง
"เอาหน่าลูก น้องน่าสงสารออก อะไรยอมให้น้องได้ก็ยอมเถอะลูก" แม่พูดไกล่เกลี่ยแต่ดูเหมือนจะเข้าข้างเคนมากกว่า
"แม่ต้องมาดูว่าเวลามันเอาแต่ใจน่ะฤทธิ์มากขนาดไหน? ขนาดไจ่ไจ๋ที่ว่างี่เง่างอแงมากๆแล้วยังเทียบเสี้ยวเทียนไม่ติดฝุ่นเลย" เจอร์รี่นินทาน้องชายต่อ
"พ่อแม่ก็มัวแต่ให้ท้ายมันจนผมแทบจะแตะต้องมันไม่ได้แล้วเนี่ย" บ่นอุบต่อเบาๆพร้อมกับทำหน้ามุ่ย
"หึๆๆๆ" พ่อแม่หัวเราะออกมาเบาๆ
"ไหนรายงานแม่มาหน่อยซิลูกว่าระหว่างที่พ่อกับแม่ไม่อยู่ใครก่อวีรกรรมอะไรบ้าง?" แม่ถามความเป็นไปของบรรดาลูกชาย
"เยอะแยะมากเลยครับ ผมพูดวันนี้คงไม่จบหรอก" เจอร์รี่ตอบพร้อมกับทำหน้าเมื่อย
"เริ่มจากเจ้าแวนเนสก่อนเลยนะครับ เจ้านี่น่ะไปมีเพื่อนใหม่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ละคนนะผมเห็นแล้วส่ายหน้าเลย" เจอร์รี่เล่าให้พ่อกับแม่ฟัง
"ทำไมหละลูก? เขานิสัยไม่ดีหรอ?" พ่อถามต่ออย่างเป็นการเป็นงาน
"มันก็ไม่เชิงหรอกครับพ่อแต่พวกเขาเป็นคนชอบเที่ยวแล้วก็ไม่มีการงานทำเป็นหลักแหล่ง แถมยังเคยพาน้องไปแข่งมอเตอร์ไซด์ด้วย" ได้ยินดังนั้นแม่ก็ทำหน้าตกใจ
"ตายแล้ว! แล้วแวนเนสก็ไปกับเขาหรอ?" ถามซักไซร้ลูกชายต่อ
"อย่างมันน่ะปฏิเสธเขาเป็นหรือเปล่าหละครับ? เรื่องนี้ผมรู้เพราะถามเอากับพวกกลุ่มเพื่อนน้องนั่นแหละ ตอนแรกน้องโกหกผมว่าไม่เคยไปแข่งมอเตอร์ไซด์แต่พอโดนจับได้ก็เลยยอมสารภาพ" พ่อกับแม่ฟังจบก็ได้แต่ถอดถอนใจ
"แล้วตอนนี้น้องยังไปไหนมาไหนกับเพื่อนกลุ่มนี้อยู่หรือเปล่า?" พ่อถามขึ้นมาบ้าง
"เท่าที่รู้ก็ไม่เห็นน้องไปไหนกับเพื่อนกลุ่มนี้แล้วนะครับ ผมเองก็มีบอกเสี่ยวจือให้ช่วยดูให้อีกแรงเพราะปกติแล้วแวนเนสเขาจะให้เสี่ยวจือเป็นคนไปส่งเวลาไปไหนมาไหน" คำตอบของเจอร์รี่ทำให้พ่อแม่ค่อยคลายกังวลไปได้เล็กน้อย
"ลูกคนนี้เหลวไหลจริงๆ กลับมาต้องเรียกมาคุยด้วยซะแล้ว" แม่บ่นลูกชายคนรองพลางส่ายหน้าไปมา
"แม่ครับ ผมว่าแม่อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลยนะครับ ตอนที่ผมรู้ผมเองก็อบรมน้องไปแล้ว และน้องก็สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรแบบนั้นอีก" เจอร์รี่ออกหน้าแทนน้อง
"นั่นสิแม่ ลูกคงไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นแล้วหละ ขืนเราพูดไปก็เหมือนกับไปตอกย้ำความผิดของลูกนะ" พ่อเห็นด้วยกับคำพูดของเจอร์รี่
"ก็ได้ แม่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้ให้แวนเนสได้ยิน ว่าแต่เสี้ยวเทียนกับไจ่ไจ๋คงไม่ได้ก่อเรื่องปวดหัวให้ลูกแบบแวนเนสใช่มั๊ย?" แม่ถามถึงลูกชายอีกสองคนบ้าง
"เสี้ยวเทียนไม่ทำให้ผมปวดหัวขนาดแวนเนสแต่ก็ไม่น้อยไปกว่ากันเท่าไหร่หรอกครับ" เจอร์รี่พูดยิ้มๆแล้วสังเกตท่าทีของแม่เมื่อพูดถึงเคน
"ทำไม? น้องทำอะไร?" พ่อถามแทรกขึ้นมาด้วยเช่นกัน
"ไม่เชิงว่าทำอะไรหรอกครับ แต่เสี้ยวเทียนน่ะมันเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจเลยแหละ ผมขัดใจอะไรทีนะอาละวาดจนบ้านแทบพัง แถมยังขี้งอนขี้น้อยใจมากกว่าแต่ก่อนอีกด้วย ซ้ำยังชอบหาเรื่องทะเลาะกับผมอยู่บ่อยๆ" เจอร์รี่เอ่ยปากฟ้องแต่พ่อกับแม่ไม่มีทีท่าว่าจะตำหนิอะไรเคนเลย
"เรื่องแค่นี้เอง แม่ว่าเราก็ใช่ย่อยเหมือนกันโตแล้วยังไปนั่งทะเลาะกับน้องอีก" แม่ว่าพร้อมกับต่อว่าลูกชายด้วย เจอร์รี่เบ้ปากเมื่อเห็นพ่อแม่ดูจะมีท่าทางเข้าข้างเคนจนออกนอกหน้า
"ผมไม่นั่งทะเลาะกับมันหรอกครับ หมั่นไส้มากๆก็ให้กินไม้เรียวแทนข้าวเท่านั้นเอง" ได้ยินดังนั้นแม่ก็ทำหน้าเข้มใส่ลูกชายทันที
"ทำไมลูกต้องตีน้องด้วย รู้ก็รู้ว่าน้องเป็นโรคประจำตัว เวลาน้องร้องไห้มากๆจะพาลหายใจไม่ออก แล้วตอนนั้นที่ไฟไหม้ร่างกายของน้องก็ได้รับผลกระทบรุนแรงมีแผลเป็นตั้งหลายที่ ลูกยังจะใจร้ายตีน้องได้ลงคออีกหรอ?" แม่ต่อว่าลูกชายชุดใหญ่ เจอร์รี่เลยได้แต่ทำตาปริบๆ
"แม่ครับ ใจเย็นก่อน ผมพูดเล่นเอง" เจอร์รี่รีบเบรกก่อนที่จะโดนแม่ต่อว่าอีก
"แล้วพูดเล่นอะไรแบบนี้? ลูกคนนี้หนิ!" แม่บีบจมูกลูกชายแล้วโยกไปมาอย่างหมั่นไส้ ในขณะที่พ่อได้แต่หัวเราะ
"แตะต้องไม่ได้เลยนะครับเจ้าเสี้ยวเทียนเนี่ย แม่สบายใจได้เลยเพราะไม่ว่าผมทะเลาะกับใครผมก็ต้องเป็นฝ่ายง้อไอ้พวกทะโมนทุกครั้งนั่นแหละ" เจอร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ
"น่ารักมากจ๊ะลูกแม่ นอกจากลูกจะเป็นลูกชายที่น่ารักของแม่แล้วยังเป็นพี่ชายที่แสนดีของน้องๆอีกนะเนี่ย" แม่รีบง้อลูกชายคนโตเต็มที่
"ฮึ! ผมก็เป็นได้แค่นี้แหละ อะไรที่ทำถูกใจก็รอดตัวไปอะไรที่ทำไม่ถูกใจก็โดนตำหนิ" เจอร์รี่ตัดพ้อแล้วหันหน้าหนีอย่างงอนๆ
"อ้าว.....ลูกเลยงอนเลย เห็นมั๊ยแม่น่ะว่าลูกมาก" พ่อแกล้งต่อว่าแม่
"โอ๋ๆๆๆ อย่างอนเลยนะจ๊ะ ลูกน่ะน่ารักและก็แสนดีที่สุดแล้วเจอร์รี่" แม่รีบขยับเข้าไปกอดแล้วโอ๋ลูกชายเป็นการใหญ่
"แม่ก็เหมือนกันครับ" เจอร์รี่ว่าแล้วหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่ พ่อมองสองแม่ลูกแล้วก็ได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข
"เหลืออีกคนนึงที่ลูกยังไม่ได้รายงานแม่นะ" แม่ว่าพร้อมกับโยกหัวลูกชายไปมาอย่างเอ็นดู
"ไจ่ไจ๋หรอครับ? พูดแล้วไม่รู้พ่อแม่จะเชื่อผมหรือเปล่า? เพราะว่าช่วงที่ผ่านมานี้น้องไม่ก่อเรื่องให้ผมปวดหัวเลย" เจอร์รี่เอ่ยชมน้องเล็กจากใจจริง
"อาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมาน้องได้เจอะเจอกับเรื่องราวหลายๆอย่างเลยทำให้น้องโตขึ้น มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เวลาจะทำอะไรก็เริ่มคิดถึงคนอื่น ใส่ใจกับความรู้สึกนึกคิดของคนรอบข้าง รับฟังเหตุผลเวลาที่มีข้อขัดแย้งเกิดขึ้น กล้ายอมรับผิดในสิ่งที่ตัวเองทำและยอมปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ผมภูมิใจใจตัวน้องมากเลยครับ" เจอร์รี่พูดถึงน้องเล็กพร้อมกับรอยยิ้ม
"อืม.....พ่อไม่สงสัยเลยว่าทำไมแวนเนสกับเสี้ยวเทียนถึงว่าลูกลำเอียงรักน้องไม่เท่ากัน" พ่ออดที่จะแซวลูกชายไม่ได้
"พ่อครับ ก็มันจริงนี่นา ผมไม่ได้เข้าข้างไจ่ไจ๋ซักหน่อยแต่น้องทำตัวดีจริงๆนี่" เจอร์รี่เถียงพ่อ
"แล้วการที่น้องไม่เชื่อฟังลูกเลยทำให้ได้แผลแบบนั้นหละจ๊ะ?" แม่แกล้งถามแหย่ลูกชายต่อบ้าง
"ถึงจะโตขึ้นแต่น้องก็ยังมีความเป็นเด็กอยู่นะครับ ก็เป็นธรรมดาที่น้องจะมีความดื้อรั้นแบบเด็กๆบ้าง แต่พ่อแม่ก็เห็นไม่ใช่หรอว่าน้องเองก็ยอมรับผิดแล้วก็สัญญาว่าจะไม่ดื้อกับผมอีกแล้วด้วย" เจอร์รี่แก้ตัวแทนน้องชายสุดที่รักขนานใหญ่ พ่อกับแม่จึงได้แต่สบตากันยิ้มๆ
"จ๊ะ....น้องชายคนเก่งของลูกน่ารักเสมอ....." แม่เออออไปกับลูกชายเพราะก็รู้สึกเหมือนกันที่ว่าไจ่ไจ๋มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ยังไม่ทันได้คุยกันต่อเสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้น นั่นบ่งบอกได้ว่าความวุ่นวายกำลังจะกลับมาแล้ว
"ไจ่ไจ๋!! เอาเปรียบกันไปหน่อยหรือเปล่าวะ? จะให้แบกตลอดเลยหรืองัย?" เสียงเคนต่อว่าน้องชายดังแว่วเข้ามา
"ผมเจ็บแผล เดินไม่ได้ ช่วยน้องแค่นี้ไม่ได้หรืองัย?" เสียงไจ่ไจ๋ดังแทรกขึ้นตามมา พ่อแม่และเจอร์รี่หันไปทางต้นเสียงพร้อมกันแล้วก็เห็นว่าไจ่ไจ๋กำลังกอดรัดเคนเอาไว้เพื่อให้เคนแบกเขาเข้ามาในบ้าน
"ยังจะนั่งมองเฉยอีก! มาเอาน้องชายของนายไปสิ!" เคนโวยวายใส่พี่ชายคนโตที่ได้แต่นั่งหัวเราะ
"เดี๋ยวเถอะไอ้ตัวดี! กล้าสั่งชั้นหรอ?" เจอร์รี่เอ็ดใส่น้องเข้าให้ เคนเม้มปากอย่างเถียงไม่ได้ก่อนที่จะแกะแขนน้องที่โอบรอบคอเขาออกแล้วโยนน้องลงบนโซฟาอย่างแรง
"โอ้ย!" ไจ่ไจ๋ร้องแล้วเอามือคลำแผ่นหลังที่กระแทกลงบนโซฟาอย่างแรงโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
"เสี้ยวเทียน!! ทำไมทำน้องแรงๆแบบนี้!" เจอร์รี่ต่อว่าเคนแล้วรีบเดินเข้ามาดูน้องเล็ก
"ก็มันหนักนี่หว่า บอกให้ช่วยไม่ช่วยเอง" เคนเถียงพี่ชาย
"โอ้ย....เจ็บจังเลยพี่ใหญ่.....หลังหักหรือเปล่าก็ไม่รู้? โอ้ยยย....." แม้จะไม่ได้เจ็บมากแต่ไจ่ไจ๋ก็อ้อนพี่ชายเป็นการใหญ่ พ่อกับแม่พากันส่ายหน้ากับความเจ้าเล่ห์ของลูกชายคนเล็ก
"เสี้ยวเทียน! นายนี่นะ....." พี่ใหญ่หันมาจะเล่นงานน้องชายคนกลางแต่เคนก็ยกมือขึ้นโดยอัตโนมัติ
"สู้ชั้นหรอ!?" พี่ใหญ่ดุน้องเสียงเข้ม
"เปล่า" เคนปฏิเสธแต่ยังจับมือพี่ชายเอาไว้
"เปล่าหรอ!? กล้ามากนะ!! เอาใหญ่แล้ว!!" พี่ใหญ่ดึงมือน้องชายออกแล้วเงื้อนมือขึ้นจะตีแต่พ่อกับแม่ร้องห้ามเสียงหลง
"อย่าตีน้อง!" เคนใช้จังหวะที่พี่ชายชะงักรีบลุกหนีไปนั่งกับพ่อทันที
"ระวังตัวไว้เถอะ" เจอร์รี่ชี้หน้าเคนพร้อมกับพูดขู่ก่อนที่จะหันมาทางไจ่ไจ๋
"ไจ่ไจ๋เป็นอะไรมากหรือเปล่า? เจ็บตรงไหนบ้าง? บอกพี่ใหญ่ซิ" ถามน้องด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับใช้มือคลำแผ่นหลังน้องไปด้วย
"เจ็บหลังเนี่ย พี่กลางโยนลงมาซะแรงเชียว โอ้ย....เจ็บแผลด้วย......" ไจ่ไจ๋ได้ทีอ้อนพี่ชายต่อ
"โอ้ยยย.....หลังหักแล้วมั้งเนี่ย? แผลก็คงจะติดเชื้อหรือไม่ก็โดนบาดทะยักกินแน่ๆเลย ถ้าต้องถูกตัดขาจะทำยังงัยดี? ใครจะอุ้มใครจะดูแลใครจะเข็นรถเข็นให้หละเนี่ย?" เคนพูดกระแนะกระแหนน้องชายขึ้นมาอย่างหมั่นไส้ พ่อกับแม่หัวเราะไปกับคำพูดของเคน
"เสี้ยวเทียน! ไอ้ปากเสีย! แช่งน้องแบบนี้ได้ยังงัย?" เจอร์รี่หันมาทำตาเขียวใส่เคน
"ใครแช่ง? ไม่ได้แช่งเลยซักนิด" เคนลอยหน้าลอยตายียวนใส่พี่ชายเพราะรู้ว่าพี่ชายทำอะไรตัวเองไม่ได้
"ไอ้....." พี่ใหญ่ชี้หน้าน้องแต่พูดอะไรไม่ออกเลยได้แต่ส่งสายตาคาดโทษเอาไว้แต่เคนก็ไม่ได้สนใจ
"แล้วพี่รองหละจ๊ะเสี้ยวเทียน ไม่ได้กลับมาพร้อมกันหรอ?" แม่ถามลูกชายคนกลางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"พี่รองประชุมครับแม่ เลยให้ผมกับน้องนั่งแท็กซี่กลับมาก่อน เห็นบอกว่าพี่รองจะได้ถ่ายภาพยนตร์น่ะครับ เขาตื่นเต้นน่าดู" เคนเล่าให้แม่ฟังอย่างกระตือรือร้น
"แล้ววันนี้พี่รองก็ร้องเพลงผิดคีย์บ่อยมากเลย โดนโปรดิวเซอร์ดุตั้งหลายรอบแหนะ สงสัยมัวแต่ตื่นเต้นที่จะได้เล่นหนังใหญ่" พ่อกับแม่ฟังลูกชายเล่าอย่างใส่ใจ
"แล้วพี่เขาจะได้เล่นหนังเกี่ยวกับอะไรลูก?" พ่อถามต่ออีก
"เห็นบอกว่าได้เล่นเป็นนักมวยครับ พี่รองต้องฝึกชกมวยด้วย มีนางเอกเป็นคนเกาหลีด้วยแหละ ผมเคยเห็นหน้าแล้ว สวยมากเลย" ประโยคหลังเคนหลิ่วตาอย่างกะล่อน พ่อกับแม่พากันหัวเราะอย่างเอ็นดู
"พี่กลางขโมยซีนไปหมดเลยนะ ไม่เหลือให้ผมเล่ามั่งเลย" เสียงน้องเล็กพูดแทรกขึ้นมาอย่างงอนๆ เคนได้ยินก็หัวเราะ
"ก็เห็นนายยังอ้อนพี่ชายสุดที่รักอยู่นี่ พี่ก็เลยเล่าคนเดียวซะเลย" เคนพูดโต้ตอบน้องยิ้มๆ
"เออ....เจอร์รี่.....ชั้นมีเรื่องจะฟ้อง" เคนหันไปพูดกับพี่ใหญ่อย่างนึกขึ้นได้
"ฟ้องเรื่องอะไร?" ย้อนถามเสียงห้วนพร้อมกับค้อนใส่น้องชายไปด้วย
"วันนี้น้องชายสุดที่รักของนายไม่ยอมกินยาที่หมอให้มา แถมยังเอาแผลไปโดนน้ำอีกด้วย ตอนนี้บวมกว่าเมื่อวานอีก" ไจ่ไจ๋ได้ยินเคนฟ้องพี่ชายก็รีบแก้ตัวขึ้นมาทันที
"ไม่ใช่ไม่ยอมกินยานะครับ แต่ว่ายามันตกพื้นแล้วจะให้ผมกินเข้าไปได้ยังงัย?" ไจ่ไจ๋แก้ตัวพร้อมกับย้อนถามเคน
"พี่ไม่เห็นว่ามันตกพื้น แต่พี่เห็นนายดีดมันลงพื้น" เคนย้อนแล้วยักคิ้วให้น้อง เจอร์รี่ได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าเข้มใส่น้องเล็ก
"ไจ่ไจ๋! ทำไมเกเรแบบนี้?" น้องเล็กก้มหน้าหลบตาพี่ชายทันที
"แล้วยังจะเอาแผลไปโดนน้ำอีก! อยากโดนตัดขาหรืองัย?" เอ็ดใส่น้องต่ออีก
"นั่นสิไจ่ไจ๋ ทำไมถึงไม่ระวังตัวเลย รู้ๆอยู่ว่าตัวเองเป็นแผลยังจะเล่นน้ำอีกหรอ?" แม่ต่อว่าลูกชายคนเล็กด้วยอีกคน
"แบบนี้พ่อจะไม่ให้ออกไปไหนจนกว่าแผลจะหายแล้วนะ ไม่รู้จักรักษาตัวเองเลย แบบนี้ใช้ไม่ได้เลยนะลูก" พ่อตำหนิไจ่ไจ๋ด้วยอีกคน
"ผมไม่ได้เล่นน้ำซักหน่อย แต่น้ำมันหกใส่ก็เท่านั้นเอง พี่กลางก็พูดเกินไป" ไจ่ไจ๋แก้ตัวแล้วต่อว่าเคนอีก
"พี่พูดเกินไปที่ไหน? พี่เตือนนายตั้งหลายรอบแล้วแต่นายก็เอาแต่เล่นเอาแต่คุยจนไม่ระวังน้ำมันถึงหกโดนแผล แล้วยังจะดื้อไม่ยอมไปล้างแผลอีกด้วย" เคนย้อนพร้อมกับฟ้องต่อ
"ไจ่ไจ๋! เรานี่น่าตีจริงๆเลย! พี่เขาเตือนแล้วทำไมไม่รู้จักฟัง? แล้วเป็นยังงัย? ชาตินี้แผลจะหายมั๊ย?" เจอร์รี่หันมาดุน้องเล็กอีก
"ผมก็ไปล้างแผลมาแล้วนะพี่ใหญ่ หมอยังบอกเลยว่าแผลเริ่มแห้งแล้ว" น้องเล็กแก้ต่างให้ตัวเองเสียงอ่อยๆ
"ถ้าพี่กับพี่รองไม่บังคับให้ไปนายก็ไม่ยอมไป ติดเล่นอยู่นั่นแหละ" เคนทำเสียงดุน้องชายด้วยอีกคน เมื่อถูกรุมตำหนิไจ่ไจ๋เลยได้แต่ก้มหน้านิ่ง
"น้องเล่นอะไรจ๊ะ?" แม่ถามเคน
"เล่นคีย์บอร์ดครับ เล่นก็ไม่เป็นเพลง กดเล่นไปเรื่อยจนคนอื่นเขาปวดหัวกันไปหมด พอมันหยุดเล่นได้เขาถอนหายใจโล่งอกไปตามๆกันเลย" เคนพูดติดตลกเพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น แล้วก็ได้ผลเพราะคนอื่นๆพากันหัวเราะออกมาได้
"พอผมบอกจะพาน้องกลับก่อนคนอื่นเขามีสีหน้าดีใจกันสุดๆเลย คิดดูสิครับว่าไจ่ไจ๋เนี่ยน่ารักขนาดไหน?" คำพูดของเคนทำให้ไจ่ไจ๋เงยหน้าขึ้นมาค้อนใส่ เคนหัวเราะแล้วลุกเดินไปหาน้องก่อนที่จะเอื้อมมือขยี้หัวน้องชายอย่างเอ็นดู
"พูดเล่นน่ะครับ ใครๆก็พากันเอ็นดูไจ่ไจ๋กันหมด เขายังบอกเลยว่าวันหลังให้ไปอีกแต่ขออย่างเดียวอย่าเล่นคีย์บอร์ดเท่านั้นเอง" จบคำพูดของเคนเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
"พี่กลางอ่ะ! แซวอยู่ได้!" น้องเล็กต่อว่าพี่ชายด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง
"หึๆๆๆ" เคนหัวเราะในลำคอแล้วนั่งลงข้างน้อง
"ตกลงนายพาน้องไปทำแผลมาแล้วใช่มั๊ย?" เจอร์รี่ถามด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน
"อืม หมอบอกว่าแผลเริ่มแห้งแล้วหละ คาดว่าอีกสองสามวันแผลคงแห้งสนิท" เคนตอบคำถามพี่ชาย
"งั้นไปเอายามาให้น้องกินสิ กินข้าวกันมาแล้วใช่มั๊ย?" พี่ใหญ่พูดต่ออีก
"กินแล้ว น้องกินยาแล้วด้วย" เคนเงยหน้าขึ้นตอบพี่ชาย
"อ้าว.....น้องเอายาที่ไหนมากินหละ?" แม่ถามขึ้นมาบ้าง
"ผมซื้อที่ร้านขายยาให้น้องกินครับ" เคนตอบ
"แล้วมันปลอดภัยหรอ? นายดูดีหรือเปล่าว่าตัวยามันใช่อย่างเดียวกันกับที่หมอให้น้องมา?" เจอร์รี่ได้ยินดังนั้นก็ถามซักไซร้น้องชายต่ออีก เคนได้ยินก็ทำหน้าเมื่อย
"พี่ครับ ไจ่ไจ๋น่ะน้องชั้นเหมือนกันนะ อะไรที่มันเป็นอันตรายชั้นไม่ให้น้องกินหรอกน่า" คำตอบของเคนทำเอาพ่อแม่และไจ่ไจ๋ถึงกับอมยิ้ม
"ใครจะไปรู้ นายอิจฉาน้องอยู่แล้วนี่อาจคิดจะกำจัดน้องก็ได้" เจอร์รี่พูดแขวะน้องหน้าตาย
"ถ้าชั้นคิดจะกำจัดใครก็คงจะเป็นนายคนแรกแหละ" เคนพึมพำเบาๆแต่เจอร์รี่ก็ได้ยิน
"เสี้ยวเทียน!! ไอ้น้องบ้า!! คิดจะฆ่าชั้นหรอ?" ชี้หน้าน้องพร้อมกับโวยวาย เคนทำหน้าเหรอเพราะไม่คิดว่าพี่ชายจะได้ยิน
"พ่อแม่ฟังมันพูดนะ มันคิดจะฆ่าพี่มัน! ไม่น่าเลี้ยงให้มันโตมาขนาดนี้เลย!" เจอร์รี่โวยวายเป็นการใหญ่
"เจอร์รี่.....ก็ลูกแหย่น้องก่อนนี่ น้องก็เลยแหย่ลูกกลับก็เท่านั้นเอง" พ่อพูดด้วยน้ำเสียงปลอบประโลม
"ซวยแน่พี่กลาง พี่ใหญ่โวยวายใหญ่เลย" ไจ่ไจ๋ได้ทีกระซิบทำลายขวัญพี่ชาย เคนเห็นท่าทีเป็นเดือดเป็นร้อนของพี่ชายแล้วก็ได้แต่ทำหน้าแหยๆ
"ชั้นพูดเล่นเฉยๆ ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยซักนิด" เคนแก้ตัวเป็นพัลวัน
"ถ้าไม่คิดนายไม่พูดหรอก" พี่ใหญ่สวนกลับ เคนอ้าปากค้างเพราะไม่นึกว่าพี่ชายจะเอาเรื่องเขา
"เจอร์รี่ ลูกก็ไปอะไรกับน้องนักหละ? น้องก็บอกแล้วว่าแค่ล้อเล่นเฉยๆ" แม่ช่วยลูกชายพูดอีกแรงแต่เจอร์รี่ยังทำหน้างอ
"ไปง้อสิพี่กลาง กอดเขาหน่อยหอมเขานิดนึง เดี๋ยวก็หาย" ไจ่ไจ๋แกล้งพี่ชายต่อเพราะรู้ว่าเจอร์รี่คงไม่ได้โกรธเคนจริงๆหรอก
"ต้องขนาดนั้นเลยหรอ?" เคนโอดครวญแต่ก็ลุกไปนั่งใกล้ๆพี่ชาย
"ขอโทษ....." พูดเบาๆพร้อมกับสะกิดแขนพี่ชาย ไจ่ไจ๋หันไปยักคิ้วกับพ่อแม่แล้วส่งสัญญาณให้รอดูต่อไป
"ไปไกลๆ!" พี่ใหญ่พูดเสียงห้วนแล้วเอาแขนหลบไม่ให้น้องสะกิด
"พี่ใหญ่.....โกรธจริงๆหรอ? ชั้นขอโทษที่เล่นแรงไปหน่อย ต่อไปชั้นจะไม่พูดอะไรแบบนี้ให้ได้ยินอีกแล้ว" เคนพูดเสียงอ่อยๆ เจอร์รี่ลอบยิ้มแต่ก็ยังแกล้งทำเป็นเฉย
"พี่ใหญ่ครับ ยกโทษให้ชั้นเถอะ" ว่าพลางขยับเข้าไปกอดพี่ชาย เจอร์รี่เหลือบตามองน้องชายที่เอาหัวซบอยู่ที่ไหล่ตัวเองยิ้มๆแต่พอน้องเงยหน้าขึ้นมามองก็แกล้งทำหน้าบึ้งอีก พ่อแม่และไจ่ไจ๋นั่งมองพลางกลั้นยิ้มเต็มที่
"อื้ม! หายโกรธนะครับพี่ใหญ่....." เคนตัดสินใจหอมแก้มพี่ชายตามคำแนะนำของน้อง เจอร์รี่เลยยิ้มออกมาได้ในที่สุด เขาโน้มหัวน้องชายเข้ามาใกล้แล้วหอมแก้มน้องเสียฟอดใหญ่
"อื้ม! หายโกรธก็ได้" เคนทำหน้างงๆเพราะไม่คิดว่าพี่ชายจะหายโกรธง่ายขนาดนี้ แต่เมื่อได้ยินเสียงพ่อแม่และน้องชายหัวเราะเขาก็รู้ทันทีว่าถูกแกล้งอีกแล้ว
"ชอบแกล้งกันเรื่อยเลย สนุกนักหรืองัย?" บ่นอุบอิบพลางก้มหน้าด้วยความเขิน
"สนุกสิ นานๆจะเห็นพี่กลางทำแบบนี้ซักที ฮ่าๆๆๆ!!!" ไจ่ไจ๋ว่าพลางหัวเราะร่วน
"กว่านายจะยอมหอมแก้มพี่ใหญ่แต่ละทีต้องใช้แผนหลอกล่อแบบนี้ทุกครั้ง" เจอร์รี่เองก็หัวเราะออกมาด้วยเช่นกัน เคนทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชายทั้งรู้สึกเสียฟอร์มและก็อายด้วย
"เอาข้างนี้ด้วยซิ ขอเหมือนเมื่อกี้นี้น่ะ" เจอร์รี่ชี้แก้มตัวเองอีกข้างพร้อมกับพูดแหย่น้องอีก
"ไปไกลๆเลย จะไปอาบน้ำแล้ว" เคนเอามือดันหน้าพี่ชายออกแล้วลุกหนีขึ้นห้อง ไจ่ไจ๋เห็นท่าทางของเคนแล้วก็เอามือปิดปากหัวเราะไม่หยุด
"เจ้าตัวแสบ ป่วนเขาได้แล้วมีความสุขจริงนะ" แม่ย้ายมานั่งลงข้างๆลูกชายคนเล็กพร้อมกับหยิกแก้มลูกชายเบาๆ
"แหม....ก็พี่กลางอยากแกล้งผมก่อนนี่ ก็ต้องเอาคืนซักหน่อย ความจริงพี่ใหญ่น่าจะแกล้งโกรธพี่กลางให้นานกว่านี้จะได้เห็นพี่กลางอ้อนนานกว่านี้หน่อย" ไจ่ไจ๋ว่าพร้อมกับหันไปทางพี่ใหญ่
"ไม่ไหวหรอก ขืนทำงอนมันมากเดี๋ยวมันหมดความอดทนแล้วมาอาละวาดใส่พี่แทนจะทำยังงัยหละ?" เจอร์รี่ตอบน้องชายยิ้มๆเช่นกัน
"เราก็สนุกที่แกล้งน้องได้" พ่อดึงหูลูกชายคนโตอย่างหมั่นไส้
"โอ้ย.....พ่ออ่ะ...." เจอร์รี่ร้องครวญครางเบาๆแต่แล้วก็ขยับเข้าไปกอดพ่อ
"ก็ลูกพ่อน่ะมันน่าแกล้งดีมั๊ยหละ? เวลาที่ผมแกล้งน้องผมเห็นนะว่าพ่อก็แอบหัวเราะด้วยเหมือนกัน" เจอร์รี่ว่าพร้อมกับหรี่ตามองพ่ออย่างจับผิด
"ทำงัยได้ พ่อก็ชอบดูเวลาเสี้ยวเทียนอ้อนลูกเหมือนกันนี่นา" พ่อตอบรับพลางหัวเราะในลำคอ
"พ่อก็เป็นไปกับเขาด้วย ทำเอาลูกเขินจนไม่กล้านั่งคุยต่อเลย" แม่เอ่ยปากต่อว่าพ่อด้วย
"แม่อย่าพูดเลยครับ ผมก็เห็นแม่แอบหัวเราะพี่กลางเหมือนกัน" ไจ่ไจ๋พูดดักคอแม่ขึ้นมาด้วยอีกคน
"แม่เปล่าซักหน่อย" แม่รีบแก้ตัวทันที
"แต่แม่แค่มีความสุขที่เห็นลูกๆหยอกล้อเล่นกันก็เลยหัวเราะเท่านั้นเอง" จบคำแม่คนอื่นๆก็พากันหัวเราะออกมาด้วย หลังจากเสียงหัวเราะเงียบไปพักหนึ่งไจ่ไจ๋ก็ขยับเข้าไปกอดและเอาหัวซบลงกับอ้อมอกของแม่
"พรุ่งนี้จะกลับแล้วหรอ?" ถามเปรยขึ้นมาเบาๆ
"จ๊ะ เมื่อคืนเราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรอ? ว่าจะไม่มีการงอแงไม่มีการทำหน้าเศร้า" แม่ก้มหน้าลงมาพูดกับลูกชาย
"ก็ผมไม่อยากให้แม่ไปนี่นา มาทั้งทีอยู่แค่อาทิตย์เดียวเอง" ไจ่ไจ๋เริ่มจะโยเยเพราะยังไม่อยากให้แม่กลับไป
"พอพ่อแม่กลับไปแล้วอีกไม่กี่วันพี่กลางก็ต้องไปทำงานอีก ไหนพี่รองจะถ่ายหนังใหญ่อีก แบบนี้ก็ไม่มีใครอยู่บ้านกับผมน่ะสิ" น้องเล็กพูดเสียงอ่อยหน้าเศร้า
"พี่ใหญ่นี่งัยหละ? นายเอาพี่ไปไว้ไหน?" เจอร์รี่พูดแทรกขึ้นมาบ้าง
"พี่ใหญ่บางทีก็ทำงานกลับบ้านดึกอ่ะ ทิ้งผมอยู่กับแมวทุกที" ต่อว่าพี่ชายกลับไปบ้าง
"งั้นเอาอย่างงี้ พอนายเลยเรียนแล้วไปหาพี่ที่ทำงานสิ เราจะได้กลับบ้านพร้อมกัน" พี่ใหญ่ยื่นข้อเสนอ
"ไม่เอาหรอก ผมไปเห็นพี่ทำงานแล้วปวดหัวแทน ผมไปอยู่กับพี่จะพลอยทำให้พี่ไม่เป็นอันทำงานอีก" น้องเล็กว่าพลางส่ายหน้าดิก
"พ่อ....." ไจ่ไจ๋เรียกบิดาในขณะที่ยังซบหน้าอยู่ที่อ้อมอกของแม่
"ว่างัยลูก?" พ่อย้อนถามลูกชาย
"พ่อไม่คิดจะขายบริษัททิ้งแล้วกลับมาอยู่บ้านเราหรอ? ผมว่านะถ้าเราขายก็คงได้เงินเยอะพอดู แล้วเรามาทำร้านขายของเล็กๆกันดีกว่า ไม่ต้องเอาร้านใหญ่โตไม่ต้องมีสาขาไม่ต้องมีลูกจ้าง เราช่วยกันทำเองภายในครอบครัว มีกันตั้งหกคนคงพออยู่หรอก" คำพูดของไจ่ไจ๋ทำเอาพ่อกับแม่หันไปสบตากันโดยอัตโนมัติ
"ซักวันนึงลูก.....ซักวันนึงนะไจ่ไจ๋ อีกไม่นานนักหรอก พ่อแม่จะกลับมาอยู่ใกล้ๆลูก" พ่อให้คำมั่นกับลูกชาย ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ผงกหัวขึ้นมา
"พ่อพูดจริงนะครับ" ถามย้ำพ่ออย่างต้องการคำสัญญา
"จริงสิลูก ธุรกิจน่ะไม่ใช่ว่าคิดจะเลิกแล้วก็เลิกได้ปุบปับนะ พ่อขอเวลาเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน แล้วพ่อกับแม่จะกลับมาแน่นอน" พ่อยิ้มแล้วย้ำคำให้ลูกชายมั่นใจ
"พ่อเองก็แก่แล้วคงไม่คิดจะทำงานไปจนตายหรอก บั้นปลายชีวิตพ่อเองก็ต้องการกลับมาอยู่กับลูกหลานนี่แหละ แต่อยู่ที่ว่าเมื่อถึงเวลานั้นแล้วลูกๆยังอยากให้พ่อกลับมาอยู่ด้วยหรือเปล่า?" พ่อว่าแล้วแกล้งถามลองใจลูกชาย
"อยากสิครับ" เจอร์รี่กับไจ่ไจ๋ตอบพ่อพร้อมกัน ได้ยินเพียงแค่นั้นพ่อก็อดที่จะยิ้มด้วยความปลื้มใจไม่ได้
"ถ้าพ่อแม่กลับมาผมจะไม่ยอมให้พ่อแม่ต้องทำงานหนักอีกแล้ว ผมจะทำงานเลี้ยงพ่อกับแม่เอง" ไจ่ไจ๋พูดกับบุพการีทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"แล้วเลี้ยงพี่ด้วยหรือเปล่า?" เจอร์รี่ถามกระเซ้าน้องชายบ้าง
"แน่นอนสิครับ ผมจะเลี้ยงพ่อแม่แล้วก็พวกพี่ๆตลอดไปเลย" คำพูดของไจ่ไจ๋สร้างรอยยิ้มให้กับคนฟัง
"แน่นอนจ๊ะ ครอบครัวเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป" แม่ตอบรับคำลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน




 

Create Date : 20 มีนาคม 2550    
Last Update : 20 มีนาคม 2550 22:38:47 น.
Counter : 1233 Pageviews.  

Chapter 24

ตอนที่ 24
"เดินดีๆ.....ค่อยๆนะ....." เสียงพี่ใหญ่ร้องกำกับน้องเล็กที่กำลังเดินเขยกลงบันไดมาทำให้แวนเนสกับเคนหันไปมองพร้อมกัน
"เหมือนที่คิดไว้ไม่มีผิด" เคนพึมพำแล้วเบ้ปากเล็กน้อยเพราะคิดไว้แล้วว่าพี่ใหญ่โกรธน้องเล็กได้ไม่นาน
"พี่รองวันนี้ไม่ทำงานหรอ?" ไจ่ไจ๋เอ่ยทักแวนเนสอย่างอารมณ์ดี
"อืม" แวนเนสตอบรับสั้นๆแล้วหันกลับไปสนใจหน้าจอโทรทัศน์ต่อ
"ไหนบอกว่าต้องเข้าห้องอัดไม่ใช่หรอ? ทำไมไม่ไปทำงานหละ?" เจอร์รี่ถามแวนเนสต่อ
"ไม่ไป" แวนเนสตอบสั้นๆดังเดิมโดยไม่ได้ละสายตาจากหน้าจอโทรทัศน์จนเจอร์รี่รู้สึกถึงความผิดปกติของน้อง
"มันเป็นอะไร?" สะกิดแขนเคนพร้อมกับถามโดยไม่ออกเสียง
"ทำตามความต้องการของนายงัย" เคนตอบพี่ชายด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ดูเหมือนพี่ใหญ่จะยังไม่ค่อยเข้าใจ
"พี่รองกับพี่กลางเป็นอะไรกันหรือเปล่าครับ? วันนี้ดูแปลกๆ" ไจ่ไจ๋พูดแทรกขึ้นมาบ้าง
"พวกพี่แค่รู้สึกปรับตัวไม่ทันน่ะ" เคนตอบแล้วยักไหล่เล็กน้อย พี่ใหญ่มองน้องชายทั้งสองคนสลับกันไปมาอย่างงงๆเพราะไม่รู้ว่าน้องเป็นอะไรกัน
"เป็นอะไรถึงปรับตัวไม่ทัน ไปเที่ยวทะเลแค่สองวันกลับมาต้องปรับตัวขนานใหญ่กันเชียวหรอ?" พี่ใหญ่พยายามพูดสร้างบรรยากาศ
"ก็คงเป็นอย่างงั้น" เคนเป็นคนตอบอีกเช่นเคยในขณะที่แวนเนสยังคงนั่งเงียบๆ
"พี่รอง หนังเรื่องนี้สนุกมากหรอ? มองไม่วางตาเลย" ไจ่ไจ๋ขยับเข้าไปถามแวนเนสบ้าง
"ก็ดี" แวนเนสถามคำตอบคำเหมือนเดิม จนเจอร์รี่กับไจ่ไจ๋หันไปสบตากันโดยอัตโนมัติ
"พี่รอง ตอนแรกของหนังเรื่องนี้มันเป็นยังงัยหรอ?" น้องเล็กพยายามชวนพี่ชายคุยอีก
"ไว้ดูเองสิ" แวนเนสตอบโดยไม่หันมามองหน้าน้องชาย น้องเล็กยิ้มเจื่อนเพราะพอจะรู้สึกได้ว่าพี่ชายคงมีอะไรบางอย่างที่ไม่สบอารมณ์นัก
"แวนเนส" เคนเรียกพี่ชายบ้าง
"อะไรหรอเสี้ยวเทียน?" แวนเนสละสายตามามองหน้าคนเรียก
"วันนี้ชั้นจะเอาเจ้าพีพีกับถางถางไปทำความสะอาดที่คลีนิกซักหน่อย นายไปด้วยกันมั๊ย?" เคนเอ่ยชวนพี่ชาย
"ไปสิ จะไปตอนนี้เลยหรือเปล่า?" แวนเนสตอบรับแล้วถามน้องต่อ
"ไปตอนนี้เลย นายไปช่วยจับเจ้าสองตัวนั่นมาหน่อยนะ ชั้นจะไปเอากระเป๋ามาใส่พวกมัน" เคนได้ทีใช้พี่ชาย
"ได้สิ งั้นเดี๋ยวชั้นเอามันไปไว้หน้าบ้านเลยนะ คลีนิกก็อยู่ไม่ไกลเราเดินไปก็แล้วกันเนอะ" แวนเนสว่าแล้วเสนอความคิดเห็น
"ได้ เดินไปก็ดีเหมือนกันไม่เปลืองน้ำมัน แถมเจ้าพีพีกับถางถางจะได้เดินเล่นเปิดหูเปิดตาข้างนอกด้วย" คำพูดของเคนทำให้แวนเนสหัวเราะออกมาได้
"ไปเอากระเป๋ามาเถอะ เดี๋ยวชั้นเอามันไปรอหน้าบ้าน" พูดจบแวนเนสกับเคนก็ลุกแยกย้ายกันออกไปทิ้งให้เจอร์รี่กับไจ่ไจ๋นั่งงงงวยกับอาการของสองพี่น้อง
"พี่ใหญ่ครับ พี่รองกับพี่กลางเขาไม่พอใจอะไรพวกเราหรือเปล่า?" เมื่อแวนเนสกับเคนออกไปแล้วไจ่ไจ๋ก็ขยับเข้าไปถามพี่ชาย
"ไม่รู้สิ แต่พี่ว่าก็ไม่น่าจะมีอะไรนะ พี่เองก็ไม่ได้ทำอะไรมันซักหน่อย" เจอร์รี่ตอบโดยไม่ทันคิดว่าเมื่อคืนเขาต่อว่าอะไรแวนเนสไป
"แต่มันต้องมีอะไรแน่ ไม่งั้นพี่รองไม่ดูเงียบๆแบบนี้หรอก พี่กลางก็เหมือนกันไม่ค่อยคุยเหมือนปกติเลย" ไจ่ไจ๋พูดออกมาตามความคิดของเขา
"พี่ใหญ่ไปว่าอะไรพี่เขาหรือเปล่า?" ถามพี่ชายต่ออีก
"ไม่มีนะ พี่จะไปว่าอะไรพวกมันเล่า?" พี่ใหญ่ส่ายหน้าปฏิเสธทันที
"งั้น.....พี่เขาเป็นอะไรอ่ะ? ผมว่าผมเองก็ไม่ได้ทำอะไรพี่เขาซักหน่อย" ไจ่ไจ๋ทำหน้าครุ่นคิด
"ช่างเขาเถอะ เดี๋ยวก็หายของมันเองนั่นแหละ นายน่ะมาล้างแผลดีกว่า" พี่ใหญ่ตัดบทแล้วลุกขึ้นไปหยิบอุปกรณ์มาล้างแผลให้น้อง
"แผลยังไม่แห้งเลย ยังเจ็บมากมั๊ย?" เมื่อแกะผ้าพันแผลออกมาแล้วเจอร์รี่ก็ดูจะมีสีหน้ากังวล
"ไม่เจ็บเท่าเมื่อวานแล้วครับ ดีขึ้นเยอะเลย" ไจ่ไจ๋พูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงเพื่อให้พี่ชายสบายใจ
"ถ้านายเชื่อฟังพี่ซักหน่อยก็ไม่เจ็บตัวแบบนี้หรอก เฮ่อ! ทำไมถึงดื้อนักนะ" พี่ใหญ่อดที่จะบ่นต่อไม่ได้
"พี่ใหญ่ครับ พี่อย่าบ่นมากสิ เดี๋ยวน้ำลายพี่กระเด็นใส่แผลคราวนี้จะไปกันใหญ่นะ" พูดติดตลกแล้วแอบหัวเราะเบาๆ
"หมายความว่างัยไอ้ตัวดี? หนอย! เดี๋ยวจะโดน!" เมื่อรู้ตัวว่าโดนน้องหลอกด่าทางอ้อมพี่ใหญ่ก็โวยใส่
"ล้อเล่นเองครับ แหม....แค่นี้ทำเป็นโวยวาย" ไจ่ไจ๋ว่าพลางทำจมูกย่น เจอร์รี่หมั่นไส้จึงออกแรงเช็ดแผลน้องแรงๆ
"โอ้ยๆๆๆ!! พี่ใหญ่อ่ะ! เบาๆหน่อยสิ! ผมเจ็บนะ!" น้องเล็กกลายเป็นฝ่ายโวยวายบ้าง
"เจ็บสิดี! วันหลังมันจะได้ไม่กล้าดื้ออีก!" เจอร์รี่พูดเสียงดุๆ
"ดุแบบนี้ใครมันจะไปกล้าดื้อหละ?" น้องเล็กบ่นอุบอิบแต่เมื่อพี่ใหญ่เงยหน้าขึ้นมามองก็ปั้นยิ้มหวานให้ทันที
"เรานี่ไปติดนิสัยทะเล้นแบบนี้มาจากใครกันนะ? เรื่องแบบนี้พี่ไม่เคยสอนเลย" บ่นน้องออกมาอีกอย่างอดไม่ได้
"เรื่องแบบนี้มันอยู่ในสายเลือดครับ สืบทอดกันต่อๆมา" ไจ่ไจ๋พูดเสียงเจื้อยแจ้ว
"สงสัยนายคงได้เลือดพี่รองมันมาเยอะหละมั้ง? เพราะนิสัยแบบนี้พี่ไม่เคยมี" พี่ใหญ่โทษไปถึงน้องชายคนรอง
"หึๆๆๆ" น้องเล็กหัวเราะในลำคอแต่ไม่ได้โต้ตอบอะไร หลังจากล้างแผลให้น้องเสร็จแล้วเจอร์รี่ก็ช่วยพยุงน้องชายออกไปนั่งเล่นหน้าบ้านเพราะตัวเองตั้งใจจะย้ายต้นไม้ในกระถางลงปลูกที่สนามหญ้าและไม่อยากทิ้งให้น้องอยู่ในบ้านคนเดียว
"พี่ใหญ่ เราน่าจะขุดบ่อเลี้ยงปลากันนะ พื้นที่แถวนี้ยังโล่งอยู่เลย" ไจ่ไจ๋เสนอความคิดเห็น
"พี่ก็คิดๆอยู่เหมือนกัน ว่าจะปรึกษาพ่อแม่ดูก่อนน่ะ" เจอร์รี่เห็นด้วยกับความคิดของน้องชาย
"หรือไม่ก็ทำน้ำตกเล็กๆไว้ก็ดีนะ แล้วจัดสวนให้สวยๆหน่อย เปลี่ยนบรรยากาศพื้นที่ภายในบ้านบ้าง" เมื่อพี่ชายเห็นด้วยน้องเล็กก็เสนอความคิดสร้างสรรค์ต่อทันที
"อืม....พี่จะเอาความคิดนายไปให้พ่อกับแม่พิจารณา แต่ว่านึกยังงัยถึงอยากจะทำโน้นทำนี่ขึ้นมา?" ย้อนถามน้องชายยิ้มๆ
"เปล่าหรอกครับ แต่เมื่อวานดูรายการเกี่ยวกับการตกแต่งสวน เห็นว่าเขาทำสวยดี เลยอยากให้บ้านเรามีสวนสวยๆแบบนั้นบ้าง" ไจ่ไจ๋ตอบคำถามพี่ชาย
"พอมีแบบนั้นแล้วนายจะเห่อไปได้ซักกี่วัน? อยากให้บ้านดูดีก็ต้องหมั่นดูแล พี่ไม่เคยเห็นนายจะดูดำดูดีอะไรในบ้านเลยซักนิด" น้องเล็กได้ยินพี่ชายจะหาเรื่องบ่นตัวเองอีกก็เบ้ปาก
"แม่บอกผมว่าตอนนี้ผมมีหน้าที่เรียนอย่างเดียวอย่างอื่นไม่ต้องไปสนใจ" แก้ตัวขึ้นมากลายๆ พี่ใหญ่ได้ยินก็ส่ายหน้าเล็กน้อยแต่ไม่ต่อความอะไรกับน้องอีก
"พ่อแม่กลับมาแล้ว!!" ผ่านไปครู่หนึ่งไจ่ไจ๋ก็ร้องอย่างดีใจเพราะเห็นรถเลี้ยวเข้ามาในบ้าน และเมื่อรถจอดสนิทแวนเนสกับเคนก็เปิดประตูรถลงมาพร้อมกับเจ้าพีพีกับถางถาง
"อ้าว! กลับมาพร้อมกันเลย แอบไปเที่ยวไหนไม่ชวนผมหรือเปล่า?" ไจ่ไจ๋ร้องทักบุพการีกับพี่ชายทั้งสองคน
"พ่อแม่กลับมาแล้วหรอครับ" เจอร์รี่ทักทายพ่อกับแม่
"จ๊ะ อากาศร้อนออกลูกมัวมาทำอะไรเนี่ย?" แม่ตอบรับแล้วย้อนถามลูกชาย
"ผมย้ายต้นไม้ในกระถางมาปลูกลงดินครับ ต้นมันเริ่มโตขึ้นแล้ว" เจอร์รี่ตอบพร้อมกับใช้หลังมือปาดเหงื่อ
"พีพี ถางถาง ตัวสะอาดเอี่ยมเลยนะ แหม.....หอมฉุยด้วยสิ" ไจ่ไจ๋เดินเข้าไปเอามือลูบหัวเจ้าแมวน้อยทั้งสองตัว
"พี่กลางทำอะไรให้มันบ้างครับเนี่ย?" ไจ่ไจ๋ถามพี่ชาย
"ก็ทำเหมือนทุกที" เคนตอบพลางยักไหล่ น้องเล็กได้ยินก็ทำหน้าเจื่อนลงแต่ก็ฝืนยิ้มเหมือนไม่ได้รับรู้ถึงความผิดปกติของพี่ชาย
"แล้วนายหละแวนเนส ไปช่วยเสี้ยวเทียนทำความสะอาดเจ้าสองตัวนี้หรือไปช่วยป่วนให้ยุ่งกันแน่?" พี่ใหญ่หันมาพูดหยอกแวนเนสบ้าง
"ชั้นมันเป็นตัวยุ่งอยู่แล้วหนิ วันๆก่อแต่เรื่องมีแต่ปัญหา" พูดจบแวนเนสก็เดินเข้าไปในบ้านเสียเฉยๆทิ้งให้พี่ใหญ่ได้แต่ยืนอึ้งๆ
"อะไรวะ? พูดเล่นแค่นี้ก็งอน" พี่ใหญ่บ่นอุบพร้อมกับมองตามน้องอย่างไม่เข้าใจ
"เจอร์รี่ ลูกทำอะไรให้น้องไม่พอใจหรือเปล่า? เพราะพ่อเห็นว่าวันนี้น้องดูเงียบๆไปนะ พอถามก็บอกว่าไม่ควรจะพูดมากเดี๋ยวจะมีปัญหาอีก" พ่อหันมาถามลูกชายคนโต ได้ยินเช่นนั้นแล้วเจอร์รี่ก็เริ่มคิดได้ว่าเมื่อคืนนี้เขาได้ต่อว่าน้องไป
"ผม.....เฮ่อ!....." เจอร์รี่พูดไม่ออกเลยได้แต่ถอนใจ
"ไม่ไปคิดได้ซะชาติหน้าเลยหละ?" เคนพูดแขวะพี่ชายขึ้นมาด้วยหมั่นไส้ที่พี่ชายความรู้สึกช้า
"เกินไปแล้วเสี้ยวเทียน เดี๋ยวเหอะ!" เอ็ดน้องด้วยน้ำเสียงดุๆ เคนเบ้ปากแล้วเดินตามแวนเนสเข้าไปอีกคน
"ตกลงมันเรื่องอะไรครับพี่ใหญ่?" ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายเมื่อได้รู้แน่แล้วว่าสาเหตุที่แวนเนสและเคนดูมึนตึงแบบนี้เป็นเพราะใคร
"นั่นสิจ๊ะ เมื่อคืนแม่ก็เห็นน้องยังดีๆกันอยู่นี่ ลูกไปทำอะไรน้อง?" แม่ถามซักไซร้ด้วยอีกคน
"เปล่าหรอกแม่ พอดีเมื่อคืนเห็นว่าจู่ๆไจ่ไจ๋ก็รีบขึ้นห้องไปแล้วพ่อกับแม่ก็ตามขึ้นไปติดๆก็รู้ว่าคงมีเรื่องอะไรกัน ผมเลยถามคาดคั้นเอาจากน้อง แวนเนสเขาบอกว่าเขาเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้ไจ่ไจ๋เถียงพ่อ พอผมฟังแล้วก็เลยดุแวนเนสฐานที่พูดจาอะไรไม่คิดจนทำให้เกิดเรื่อง คงงอนที่โดนผมดุแหละ" เจอร์รี่เล่ารายละเอียดให้พ่อแม่และน้องเล็กฟัง
"เจ้าเสี้ยวเทียนมันก็รักพี่ชายคนดีของมันเหลือเกิน พาลมาโกรธผมด้วยหละมั้ง?" ประโยคนี้เจอร์รี่บ่นพึมพำเบาๆ
"งั้นพี่ใหญ่ก็รีบไปง้อพี่เขาสิ ไม่งั้นผมโดนพี่เขาเหมาไปด้วยนะ" ไจ่ไจ๋เร่งพี่ชายยิกๆ
"ไม่ง้อ! อยากงอนก็ช่างมัน" เจอร์รี่ปฏิเสธแล้วหันกลับไปสนใจกับการย้ายต้นไม้ลงดินต่อ พ่อแม่และไจ่ไจ๋ก็ได้แต่มองหน้ากันไปมา

- เวลาอาหารเย็น -
"แวนเนส เป็นอะไรไปหละลูก?" แม่ถามเมื่อเห็นแวนเนสเอาแต่นั่งเขี่ยข้าวด้วยท่าทางเบื่อๆ สมาชิกคนอื่นๆจึงพลอยหยุดมือไปด้วย
"เปล่าครับ" แวนเนสส่ายหน้าตอบเสียงแผ่วแล้วตักข้าวกินเงียบๆ
"พ่อว่าวันนี้บ้านเราดูเงียบๆพิกล รู้สึกกันบ้างมั๊ย?" พ่อถามลอยๆขึ้นโดยไม่ได้เจาะจงที่ใครเป็นพิเศษ
"แบบนี้ก็ดีเหมือนกันครับพ่อ ประสาทหูของผมจะได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น" เจอร์รี่พูดโต้ตอบพ่อพร้อมกับเหลือบมองแวนเนสด้วยสีหน้ากวนๆ แต่แวนเนสไม่สนใจก้มหน้าก้มตากินข้าวในส่วนของตัวเองต่อไป
"ไม่เห็นดีเลยพี่ใหญ่ ดูแล้วขาดสีสันไปตั้งเยอะ" ไจ่ไจ๋แย้งแล้วเปลี่ยนสายตาไปที่แวนเนส
"พี่รองทำไมไม่คุยเลยหละ?" พูดเป็นเชิงง้องอนพี่ชาย
"นายจะให้พี่เขาคุยไปทำไม? เดี๋ยวประสาทหูของใครบางคนจะเสื่อมประสิทธิภาพไปเปล่าๆ" เคนพูดโต้ตอบน้องแทนแวนเนส ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ทำหน้าบอกไม่ถูกมองไปทางพี่ใหญ่บ้าง
"แวนเนส นี่นายงอนชั้นจริงๆหรอ?" เจอร์รี่ถามออกมาตรงๆ แต่แวนเนสไม่ได้ตอบซ้ำยังไม่ได้สนใจคำพูดของพี่ชายอีกด้วย
"แวนเนสจ๊ะ พี่ใหญ่เขาพูดกับลูกแหนะ" แม่จึงต้องช่วยพูดอีกแรง
"หรอครับ?" แวนเนสตอบรับแล้วเงยหน้าขึ้นมองมารดา
"ทำตัวเป็นเด็กๆ" พี่ใหญ่บ่นน้องอุบอิบ แต่แวนเนสก็ไม่ได้สนใจกินข้าวต่อจนหมดแล้วขอตัวลุกออกไปจากโต๊ะกินข้าว
"เฮ่อ! แม่คงช่วยไม่ได้แล้วนะจ๊ะ ลูกจัดการง้อเอาเองก็แล้วกัน" แม่พูดกับเจอร์รี่
"ไม่ง้อหรอกแม่ ช่างมันเถอะ" เจอร์รี่ยักไหล่แบบไม่ใส่ใจนัก
"ได้ยังงัยหละลูก? จะปล่อยให้น้องนิ่งเงียบแบบนี้ต่อไปหรอ? พ่อไม่ยอมหรอกนะ พ่อเป็นห่วงน้อง" พ่อแย้งขึ้นทันที
"นั่นสิพี่ใหญ่ พี่รองเขายิ่งน้อยใจพี่อยู่แล้ว ยิ่งพี่ทำเป็นไม่สนใจเขาอีกเดี๋ยวพี่รองเสียใจนะ" ไจ่ไจ๋พูดเสริมขึ้นมาอีก
"พี่รองเขาเสียใจมันไปเกี่ยวอะไรกับพี่ใหญ่หละ? ถ้าคนที่เสียใจเป็นนายก็ว่าไปอย่าง" เคนพูดแทรกเป็นเชิงแขวะพี่ชายขึ้นมาอีก เจอร์รี่หันขวับมองคนพูดทันที
"พี่กลาง ทำไมพูดแบบนี้หละ?" น้องเล็กโอดครวญ เคนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วยกจานไปเก็บเดินตามแวนเนสไปอีกคน
"เจอร์รี่ ที่น้องพูดแบบนั้นหมายความว่ายังงัยกันจ๊ะ?" แม่ถามลูกชายคนโตทันที เจอร์รี่มองหน้าพ่อกับแม่สลับกันไปมาก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ
"ก็เจ้าสองคนนั่นชอบหาว่าผมลำเอียงรักน้องไม่เท่ากันน่ะสิครับ โตป่านนี้แล้วยังคิดอะไรแบบนี้ได้อีก" ประโยคหลังบ่นอุบกับตัวเอง
"แล้วมันจริงมั๊ยหละ?" พ่อถามต่อ
"พ่อครับ พ่อเห็นผมเป็นคนยังงัยกัน? ไม่ว่าน้องคนไหนผมก็รักเหมือนกันหมดนั่นแหละ" เจอร์รี่โอดครวญเมื่อได้ยินคำถามของพ่อ
"พ่อไม่ได้ตั้งใจจะว่าลูกซักหน่อย แค่ถามดูเฉยๆ" พ่อแก้ตัวต่อทันที
"เอะอะอะไรก็หาว่าผมรักแต่ไจ่ไจ๋โอ๋แต่ไจ่ไจ๋ ไม่ได้ดูเลยว่าตัวเองทำตัวยังงัยกัน" บ่นต่อออกมาอีก
"ลูกน่าจะดีใจนะจ๊ะที่น้องเป็นแบบนี้กันเพราะนั่นหมายถึงว่าแวนเนสกับเสี้ยวเทียนน่ะรักลูกและก็ต้องการให้ลูกสนใจน้องอยู่เหมือนกัน" แม่พยายามพูดในแง่ดี
"เวลาผมพูดผมสอนเจ้าพวกนั้นก็หาว่าผมจู้จี้ พอไม่ยุ่งก็หาว่าไม่สนใจอีก เฮ่อ! ทำไมพ่อกับแม่ถึงต้องให้ผมเกิดมาเป็นพี่พวกมันด้วยเนี่ย?" เจอร์รี่บ่นอุบออกมาอีก พ่อกับแม่หันไปสบตากันยิ้มๆ
"เพราะพ่อกับแม่รู้งัยว่าลูกน่ะต้องทำหน้าที่พี่ใหญ่ของน้องๆได้อย่างสมบูรณ์แบบแน่ๆ" พ่อพูดด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม
"ผมลาออกได้มั๊ยเนี่ย? ไม่อยากเป็นพี่พวกมันแล้ว" เจอร์รี่พูดพลางทำหน้ามุ่ย
"ไม่ได้หรอกครับพี่ใหญ่ ตำแหน่งนี้ไม่สามารถหาใครมาแทนพี่ได้อีกแล้วหละ ฉะนั้นพี่คงต้องรับกรรมต่อไป" น้องเล็กพูดแทรกขึ้นมายิ้มๆ
"หึๆๆๆ" พ่อกับแม่เลยพลอยหัวเราะออกมาด้วย ส่วนเจอร์รี่ได้แต่ส่ายหน้าไปมาแล้วรวบช้อนส้อมรวมกัน
"อิ่มแล้วก็ไปคุยกับน้องได้แล้วจ๊ะ" แม่บอกอย่างพอจะรู้ว่ายังงัยซะเจอร์รี่ก็ต้องไปง้อแวนเนส
"เฮ่อ! น่าเบื่อจริงๆเลย" แม้จะบ่นแต่เจอร์รี่ก็ลุกออกไป
"พี่ใหญ่เป็นแบบนี้ทุกทีเลย ปากก็บ่นแต่จริงๆแล้วก็ใจอ่อนทุกที" ไจ่ไจ๋พูดกับพ่อและแม่ยิ้มๆ
"เราก็อย่าดื้อกับพี่เขามากนักนะ พี่ใหญ่เขาเหนื่อยออกที่ต้องดูแลลูกกับพี่ชายลูกอีกสองคน บางทีเวลาใครงอนหรือใครทะเลาะกับพี่ใหญ่ พี่เขาก็โทรมาคร่ำครวญกับแม่บ่อยๆ" แม่พูดให้ลูกชายคนเล็กฟัง
"แม่ครับ เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยก่อเรื่องอะไรให้พี่ใหญ่แล้วนะ พี่รองกับพี่กลางน่ะก่อเรื่องมากกว่าผมอีก" ไจ่ไจ๋แก้ตัวพร้อมกับพูดโทษพี่ชายอีกสองคน
"พ่อจะเชื่อดีมั๊ยเนี่ย?" พ่อย้อนถามพลางอมยิ้ม
"เชื่อสิครับพ่อ เดี๋ยวนี้ผมโตแล้วนะ แล้วก็เป็นคนมีเหตุผลซะด้วย" ไจ่ไจ๋พูดยกยอตัวเองด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ พ่อกับแม่หันไปสบตากันยิ้มๆ
"ได้ยินแบบนี้พ่อกับแม่ก็ดีใจ แถมยังหายห่วงไปได้เยอะเลย" แม่พูดโดยที่สายตามองลูกชายอย่างเอ็นดู
"อาจเป็นเพราะลูกเรามีแฟนกับเขาแล้วก็ได้มั้ง?" พ่อพูดเป็นเชิงแซว ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ทำตาโต
"ใครบอกกันว่าผมมีแฟนแล้ว?" ย้อนถามด้วยท่าทีโวยวายนิดๆ
"ไม่รู้อะไรซะแล้ว ต่อให้พ่อกับแม่ไปอยู่ส่วนไหนในจักรวาลก็จะต้องติดตามความเป็นไปของลูกทุกเรื่องอยู่แล้ว" พ่อเองก็พูดยกยอความสามารถของตัวเองบ้าง
"โห! งั้นบ้านเราเปิดสำนักงานักสืบกันเลยดีกว่า พ่อแม่เป็นผู้บริหาร พี่ใหญ่เป็นหัวหน้านักสืบ พี่รองกับพี่กลางเป็นผู้ช่วยของพี่ใหญ่ ส่วนผม....." พูดมาถึงตรงนี้ไจ่ไจ๋ก็ยิ้มกริ่ม
"ลูกจะทำอะไรจ๊ะ?" แม่ถามอย่างสนุกไปกับความคิดของลูกชาย
"ผมจะทำงานฝ่ายบัญชี เก็บรายได้ทั้งหมดเข้ากระเป๋า.....เอ้ย! เข้าบริษัท" จบคำพูดของลูกชายพ่อกับแม่ก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
"ไจ่ไจ๋.....ปีนี้ลูกจะอายุครบ 20 แล้วใช่มั๊ยจ๊ะ?" แม่ถามลูกชายพร้อมกับรอยยิ้ม
"ใช่ครับ ผมจะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วนะ" ไจ่ไจ๋ตอบแม่อย่างฉะฉาน
"แล้วลูกอยากได้อะไรเป็นพิเศษมั๊ย?" พ่อถามลูกชายต่อบ้าง ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วโอบไหล่พ่อกับแม่ไว้คนละข้าง
"อยากสิครับ อยากให้พ่อกับแม่อยู่กับผมตลอดไป อยู่ต่ออีกไปอีกร้อยปีเลย" ไจ่ไจ๋ทำปากหวาน
"ไม่ไหวหละมั้ง? แค่นี้พ่อก็แก่มากแล้ว" พ่อแย้งลูกชายด้วยสีหน้ายิ้มๆ
"ไม่แก่ซักหน่อย พ่อยังดูเป็นหนุ่มอยู่เลย พ่อรู้มั๊ยครับว่าผมเคยเอารูปครอบครัวเราให้เพื่อนดู แล้วผมแกล้งบอกว่าพ่อน่ะเป็นพี่ชายคนโตส่วนแม่เป็นพี่สาวคนเดียวของผมเพื่อนยังเชื่อเลยนะ" ไจ่ไจ๋เล่าให้พ่อกับแม่ฟังเสียงเจื้อยแจ้ว พ่อกับแม่ได้ยินก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
"แล้วผมก็บอกเพื่อนอีกว่าพี่ใหญ่น่ะเป็นพ่อ เพื่อนก็เชื่อเหมือนกัน" เล่าจบไจ่ไจ๋ก็หัวเราะตามออกมาด้วย
"ลูกคนนี้หนิเฮี้ยวจริงๆ! ถ้าพี่ใหญ่รู้หละเคืองตายเลย" แม่ว่าพลางขยี้หัวลูกชายด้วยความรัก
"มาเถอะลูก มานั่งกินข้าวกันต่อดีกว่า" พ่อตัดบทแล้วชวนให้แม่กับลูกชายนั่งกินข้าวกันต่อ

- ห้องนอนแวนเนส -
"ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเสี้ยวเทียน" แวนเนสบอกกล่าวกับน้องชายที่เดินตามเขาเข้ามา เคนได้ยินก็เกิดอาการงงๆ
"เปลี่ยนทำไม? จะไปไหนหรอ?" เคนย้อนถามพี่ชาย
"ไปหาเหล้ากินกัน" ชวนน้องพร้อมกับหยิบเสื้อยืดที่แขวนอยู่ในตู้ออกมาเปลี่ยน
"ไปตอนนี้น่ะหรอ?" เคนถามย้ำอีกครั้งหนึ่ง
"เออสิ ทำไม? หรือว่านายก็ไม่อยากไปกับชั้น?" เคนรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
"ไม่ใช่ซักหน่อย ชั้นแค่ถามดูเฉยๆเห็นว่าเพิ่งกินข้าวเสร็จจะออกไปกินต่ออีกแล้วหรืองัย?" เคนให้เหตุผลกับพี่ชาย
"ถ้าชั้นอยู่บ้านต่ออีกซักห้านานทีได้อกแตกตายแน่ๆ นายไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วไป!" แวนเนสว่าแล้วไล่น้องอีกครั้งหนึ่ง เคนเอามือเกาหัวแล้วเดินหมุนตัวออกจากห้องก็เจอกับเจอร์รี่ที่ยืนอยู่พอดี
"จะไปไหนกัน?" ถามเคนแต่สายตามองเข้าไปในห้องนอนของแวนเนส
"แวนเนสมันชวนชั้นไปกินเหล้า" เคนตอบแล้วทำท่าจะเดินกลับห้องแต่เจอร์รี่รั้งแขนน้องเอาไว้ก่อน
"ไม่ต้องไปเลยนะ" เคนมองหน้าพี่ชายแล้วตั้งท่าจะเถียงแต่แวนเนสกลับเดินมาแล้วพูดแทรกขึ้น
"ไปสิเสี้ยวเทียน ชั้นเรียบร้อยแล้ว" แวนเนสบอกกับน้องโดยไม่สนใจพี่ชาย
"ทำไมต้องออกไปกินเหล้าด้วย?" เจอร์รี่เปลี่ยนสายไปที่แวนเนสพร้อมกับเอ่ยถาม
"แล้วไปไม่ได้หรืองัย?" แวนเนสไม่ตอบแต่ย้อนถามพี่ชายแทน เจอร์รี่ถอนหายใจแล้วปล่อยแขนน้องชายคนกลาง
"นายออกไปก่อนเสี้ยวเทียน ชั้นขอคุยกับแวนเนสหน่อย" พูดจบดุนหลังแวนเนสให้กลับเข้ามาในห้องโดยที่ตัวเองก็ตามเข้ามาแล้วปิดประตูทันที
"ชั้นไม่อยากคุยกับนาย" แวนเนสพูดเสียงเรียบ
"อย่างอนเป็นเด็กๆไปหน่อยเลย ประชดชั้นแบบนี้มันดีนักหรืองัย?" พี่ใหญ่พูดอย่างอ่อนใจ
"ชั้นจะไปกินเหล้ากับน้องนั่นหมายความว่าชั้นประชดนายหรอ? สำคัญตัวเองผิดไปหน่อยมั้ง?" แวนเนสย้อนเข้าให้ เจอร์รี่ถอนใจออกมาเบาๆแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง
"เอาหละ ชั้นรู้นะว่านายงอนที่ชั้นต่อว่านายเมื่อคืน" แวนเนสเบือนหน้าหนีไม่ได้โต้ตอบอะไร
"ชั้นขอโทษที่ว่านายแรงไปหน่อย แต่ชั้นกลัวว่าพ่อกับน้องจะมีเรื่องกันก็เลยว่านายออกไปโดยไม่ทันได้คิด" แวนเนสหันกลับมามองพี่ชายแล้วนิ่งไปพักหนึ่ง
"ใช่ กับชั้นน่ะนายอยากจะด่าจะว่าอะไรก็พูดออกมาตรงๆไม่เคยต้องคิดหรอกว่าชั้นจะรู้สึกยังงัย? แต่ถ้าหากเป็นไจ่ไจ๋ต่อให้นายโกรธแค่ไหนนายยังสามารถกลั่นกรอกคำพูดก่อนได้ทุกครั้ง" แวนเนสตอบโต้พี่ชายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
"แวนเนส....." พี่ใหญ่ครางออกมาอย่างอ่อนใจ
"แต่ชั้นไม่โทษนายหรอก เพราะมาคิดดูแล้วชั้นมันก็เป็นตัวปัญหาจริงๆแหละ ทุกครั้งที่เกิดเรื่องมันก็มาจากความปากไม่ดีของชั้นทั้งนั้น นายไม่ต้องห่วง ต่อไปจากนี้ชั้นจะปรับปรุงตัวจะไม่กวนประสาทใครอีกแล้วด้วย" พูดต่อด้วยสีหน้าเศร้าลง
"ไอ้ลูกลิงเอ้ย.....อย่าทำแบบนี้ได้มั๊ย?" เจอร์รี่ว่าพร้อมกับยกมือขึ้นจะลูบหัวน้องแต่แวนเนสเอียงหัวหลบไม่ยอมให้พี่ชายแตะโดน
"แบบนี้ก็ไม่ให้ทำแบบนั้นก็ไม่ให้ทำแล้วนายต้องการให้ชั้นเป็นแบบไหนกันหละ?" ย้อนถามพี่ชายเสียงเรียบ เจอร์รี่ได้ยินก็อึ้งไป
"ชั้นยอมตามใจทุกคนในบ้านได้เสมอแหละ ต้องการอะไรกันก็แค่สั่งมาชั้นทำให้ได้อยู่แล้ว" พูดจบก็มองหน้าพี่ชายตรงๆ
"แวนเนส ชั้นขอโทษจริงๆที่ทำให้นายรู้สึกแย่ขนาดนี้ ยกโทษให้ชั้นเถอะนะ" เจอร์รี่ขอร้องน้องชาย
"นายขอโทษชั้นทำไม? นายไม่ได้ทำอะไรเลยซักนิด ชั้นต่างหากหละต้องขอโทษนายที่สร้างแต่ความเดือดร้อนก่อแต่เรื่องปวดหัวให้ตลอดเวลา" แวนเนสแย้งพี่ชายกลับทันที
"ไม่ใช่นะแวนเนส นายไม่ได้ทำให้....." เจอร์รี่ยังพูดไม่ทันจบแวนเนสก็แทรกขึ้นมาก่อน
"ถ้าชั้นไม่ได้ทำให้นายปวดหัวจริงนายคงไม่ด่าชั้นหรอก นายเป็นคนมีเหตุผลนี่ ถ้าชั้นไม่ได้ทำอะไรผิดนายจะว่าอะไรชั้นได้?" พี่ใหญ่เจอเข้าแบบนี้ก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก
"แต่ที่ชั้นโดนนายด่าทุกวันก็แสดงว่าชั้นทำตัวไม่ดี ทำตัวแย่ ก่อแต่เรื่องสร้างแต่ปัญหา" แวนเนสยังคงพูดต่ออย่างอัดอั้นตันใจ
"แวนเนส ไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย ไม่ใช่เลยนะ นายไม่ได้ทำให้ชั้นหนักใจไม่ได้ก่อปัญหาให้ชั้นเลยซักนิด" พี่ใหญ่พยายามปลอบโยนน้อง แวนเนสมองหน้าพี่ชายแล้วเริ่มทำหน้าเบ้
"แล้วนายด่าชั้นทำไม?" ถามเสร็จก็ปล่อยโฮออกมาด้วยความน้อยใจ พี่ใหญ่รั้งตัวน้องเข้ามากอดพร้อมกับโอ๋เป็นการใหญ่
"พี่ใหญ่ผิดเอง พี่ใหญ่นี่แหละที่ปากไม่ดีพูดอะไรไม่คิด พี่ใหญ่ขอโทษ โอ๋ๆๆๆ เจ้าลูกลิงของพี่นิ่งนะครับ อย่าร้องไห้เลยนะ" พี่ใหญ่ปลอบโยนน้อง
"รู้หรือเปล่าว่าคำพูดของนายทำให้ชั้นเสียใจขนาดไหน? ที่ชั้นชอบพูดเล่นพูดแหย่ก็เพราะไม่อยากให้ใครในบ้านรู้สึกเครียด แต่สิ่งที่ชั้นได้กลับมาคือการถูกตำหนิถูกต่อว่าถูกสั่งให้หุบปาก" แวนเนสว่าพลางสะอึกสะอื้น พอเจอร์รี่ได้ยินก็พลอยน้ำตาซึมไปด้วย
"พี่ขอโทษ.....พี่ขอโทษ....." เจอร์รี่พึมพำซ้ำไปซ้ำมา เขาอยากจะเรียกคำพูดที่เคยต่อว่าน้องออกไปกลับคืนมาเสียเหลือเกิน
"ถ้าการที่ชั้นทำแบบนั้นมันทำให้นายไม่ชอบใจไม่พอใจชั้นจะไม่ทำแบบนั้นอีกก็ได้ ต่อไปนี้ชั้นจะพูดมากจะไม่พูดอะไรไร้สาระอีกต่อไปแล้ว" แวนเนสยังสะอื้นไม่หาย
"อย่านะแวนเนส นายอย่าทำแบบนั้นเลยนะ ขอร้องหละ......ทำตัวให้เหมือนเดิม เป็นเจ้าลูกลิงที่สดใสร่าเริงของพี่ต่อไปนะ....." พี่ใหญ่เช็ดหน้าเช็ดตาให้น้องพลางพูดขอร้อง
"ไม่เอา! ต่อไปชั้นจะไม่เล่นแล้ว ชั้นจะทำตัวเงียบขรึม ไม่พูดเล่นอะไรอีกแล้วด้วย" แวนเนสตวัดเสียงใส่พี่ชายงอนๆ
"ถ้านายทำแบบนั้นแล้วพี่คนนี้จะทำยังงัยหละ?" พี่ใหญ่ว่าพลางเอานิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าให้น้อง
"ทำยังงัยก็ช่าง! ชั้นต้องสนใจด้วยหรืองัย?" แวนเนสพูดด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด
"นายไม่รักพี่ใหญ่แล้วหรอ? นายอยากเห็นพี่ช้ำใจตายหรืองัย?" เจอร์รี่ย้อนถามน้องบ้าง
"ชั้นไม่มีความสำคัญพอที่จะทำให้นายช้ำใจตายได้หรอก ชั้นไม่ใช่น้องชายสุดที่รักของนายหนิ" แวนเนสอดที่จะพูดกระแนะกระแหนไปถึงน้องเล็กไม่ได้
"เอาอีกแล้ว หยิบเรื่องนี้มาพูดได้ทุกที" เจอร์รี่บ่นอุบอิบ
"ทำไม? จะสั่งให้ชั้นหุบปากอีกหรืองัย?" แวนเนสย้อนอย่างผู้ที่เหนือกว่า
"เปล่า ใครจะกล้าสั่งให้นายทำแบบนั้นหละ?" พี่ใหญ่รีบปฏิเสธเสียงนุ่มแต่ก็ลอบถอนหายใจเบาๆ แวนเนสเห็นท่าทางของพี่ชายแล้วก็แอบอมยิ้ม
"ก๊อกๆๆ!!!" เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเคนที่โผล่หน้าเข้ามา
"แวนเนส ชั้นแต่งตัวเรียบร้อยแล้วนะ" เคนร้องบอกพี่ชายยิ้มๆเพราะพอจะรู้ว่าพี่ชายทั้งคู่เคลียร์กันเข้าใจแล้ว
"ดีเลย งั้นเดี๋ยวเราไปกัน" แวนเนสตอบรับแล้วเอามือลูบหน้าตัวเอง
"เดี๋ยวๆๆๆ นี่จะไปไหนกัน?" เจอร์รี่ถามขัดขึ้น
"ก็บอกไปแล้วงัยว่าจะไปกินเหล้ากัน" เคนตอบแทนพี่ชาย
"ชั้นไม่....." เจอร์รี่กำลังจะห้ามน้องแต่แวนเนสพูดดักคอขึ้นมาก่อน
"จะไม่ให้ไปหรืองัย? มีปัญหาอะไรนักหรอ?" แวนเนสถามพี่ชายอย่างหาเรื่อง เจอร์รี่เลยได้แต่อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก
"นั่นสิ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?" เคนถามย้ำพี่ชายด้วยอีกคน
"มะ....ไม่มี....." พี่ใหญ่ตอบเสียงตะกุกตะกักเพราะรู้ว่าตอนนี้ตัวเองไม่ควรขัดใจน้อง
"ไม่มีก็ดี เดี๋ยวชั้นล้างหน้าแป๊บนึงนะ นายรอก่อนเสี้ยวเทียน" พูดจบแวนเนสก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อแวนเนสเข้าห้องน้ำไปแล้วเจอร์รี่ก็ปราดเข้าไปหาเคนทันที
"เราน่ะตัวตั้งตัวตีชวนพี่เขาออกไปกินเหล้าใช่มั๊ย?" จับแขนน้องไว้ข้างหนึ่งแล้วใช้มืออีกข้างชี้หน้าน้องพร้อมกับถามเสียงดุๆ
"เปล่าซักหน่อย แวนเนสเป็นคนชวนชั้นต่างหาก" เคนปฏิเสธพลางส่ายหน้าไปมา
"เขาชวนแล้วเราก็ไปหรอ?" ถามน้องต่ออีก
"ก็เออน่ะสิ มันสัญญาว่าจะเลี้ยงด้วย แบบนี้ไม่ไปก็โง่แล้ว" เคนลอยหน้าลอยตาตอบ
"ฉลาดตายหละ!" เจอร์รี่เขกหัวน้องอย่างหมั่นไส้ เคนตั้งท่าจะโวยวายแต่พอเห็นพี่ชายขยับมือจะซ้ำก็เลยไม่กล้า
"อย่ากลับดึก! แล้วก็ห้ามเมากลับบ้านหละ!" สั่งกำชับกำชาน้องชายเสียงแข็ง
"อันนี้ไม่รับปากเพราะชั้นตามใจเจ้ามือ" เคนตอบพี่ชายอย่างกวนๆ
"ถ้านายตามใจมันชั้นก็จะเล่นงานนาย" พี่ใหญ่พูดขู่
"อะไรวะ แบบนี้ก็มีด้วย บังคับมันไม่ได้ก็มาขู่ชั้นแทนหรอ?" เคนโอดครวญ
"เออ! ก็อยากไปกับมันดีนักหนิ!" เจอร์รี่ตวัดเสียง ในขณะนั้นแวนเนสก็เดินออกมาพอดี
"เรียบร้อยแล้วเสี้ยวเทียน ไปกันเลยดีกว่า" แวนเนสร้องบอกพร้อมกับเดินเข้าไปกอดคอน้อง
"ไปสิ" เคนพยักหน้าแล้วเดินไปตามแรงโอบของพี่ชาย
"ไปนะพี่ใหญ่ แล้วจะเที่ยวเผื่อ" แวนเนสหันกลับมาพูดกับพี่ชายคนโตอย่างยียวนแล้วพาน้องชายเดินออกไป




 

Create Date : 13 มีนาคม 2550    
Last Update : 13 มีนาคม 2550 10:25:21 น.
Counter : 1152 Pageviews.  

Chapter 23

ตอนที่ 23
"นายไปนั่งกับเจอร์รี่ข้างหน้าโน้น น้องจะได้เหยียดขาได้" เคนไล่แวนเนสเมื่อเห็นพี่ชายจะก้าวตามขึ้นมานั่งกับเขาและน้อง
"ไม่เอา ชั้นนั่งกับนายสองคนนี่แหละ ให้ไจ่ไจ๋เหยียดขามาพาดขาชั้นก็ได้" แวนเนสส่ายหน้าแล้วเสนอแนะแนวทางให้
"เผื่อน้องมันจะนอนด้วย นายไปนั่งข้างหน้าไป" เคนไม่ยอมให้พี่ชายมานั่งด้วยเพราะกลัวน้องจะนั่งไม่สบายเพราะที่เท้าก็มีแผลอยู่ด้วย
"นายก็ไปนั่งกับมันเองสิ เดี๋ยวชั้นนั่งกับไจ่ไจ๋เอง" แวนเนสก็ไม่ยอมเช่นกัน
"เถียงกันเสร็จยังจ๊ะ? พี่ใหญ่มาโน้นแล้วนะ" แม่พูดยิ้มๆเมื่อเห็นเจ้าลูกชายตัวแสบมัวแต่เกี่ยงกัน
"ไปสิ!" เคนไล่พี่ชายอีกรอบ แวนเนสทำหน้างอแต่ก็จำใจต้องไปนั่งด้านหน้ากับพี่ชาย
"เอาหละ เรียบร้อยกันละนะ" เมื่อเห็นลูกๆขึ้นมานั่งบนรถกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วพ่อก็เอ่ยขึ้นอีกรอบ
"เราจะกลับบ้านกันหละ" พูดจบก็เริ่มออกรถอย่างช้าๆ เมื่อรถเริ่มเคลื่อนที่เคนก็มองบ้านอาเจียงจนเหลียวหลัง ไจ่ไจ๋ที่นั่งอยู่ข้างๆก็มองพี่ชายอย่างเข้าใจ
"เป็นอะไรหรือเปล่าพี่กลาง?" ขยับเข้าไปถามเบาๆ
"ไม่เป็นไร" ตอบน้องเบาๆเช่นกันโดยไม่ได้ละสายตาจากจุดที่มองอยู่เลย แวนเนสได้ยินก็เอี้ยวตัวมามองน้องชายทั้งคู่แว๊บหนึ่งแล้วค่อยเอื้อมมือไปสะกิดพี่ชาย
"อะไร?" ถามเสียงห้วนเพราะยังติดเคืองๆน้องอยู่จนไม่ได้ยินน้องชายอีกสองคนคุยกัน
"เสี้ยวเทียนมันดูหงอยๆไปถนัดตาเลยว่ะ มันจะเป็นอะไรหรือเปล่า?" แวนเนสกระซิบกับพี่ชายเบาๆเพราะไม่อยากให้พ่อแม่ได้ยิน ดีที่พ่อกับแม่นั้นก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะสนใจกับบรรดาลูกชายเท่าใดนัก เจอร์รี่ได้ยินก็หันไปมองด้านหลังแล้วก็เห็นเคนยังมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยท่าทีเหม่อๆ
"ปล่อยมันเถอะ นายเองก็อย่าพูดอะไรไป เดี๋ยวพ่อแม่จะไม่สบายใจ" หันกลับมากระซิบเตือนน้องเบาๆเช่นกัน แวนเนสพยักหน้าแล้วนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็เริ่มทนกับความเงียบไม่ได้
"เสี้ยวเทียน! เอาเกมส์มายืมเล่นหน่อยซิ!" พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง
"หา? อะไรนะ?" เมื่อได้ยินพี่ชายเรียกเคนก็ถามย้ำอีกครั้งเพราะไม่ได้ฟังว่าพี่ชายพูดอะไร
"แหม! เจอสาวสวยหน่อยไม่ได้มองจนเหลียวหลังเลยนะ!" แวนเนสพูดสร้างบรรยากาศขึ้นมาทั้งๆที่รู้ว่าน้องไม่ได้มองผู้คนด้านนอกนั้นเลย
"จะบ้าหรอ!? ชั้นมองวิวทิวทัศน์โว้ย! ไม่ได้มองผู้หญิง อย่าเอาไปเทียบกับตัวเองหน่อยเลย" เมื่อโดนใส่ร้ายเคนก็เถียงฉอดๆขึ้นมาทันที ทำเอาพี่น้องทั้งสามคนค่อยรู้สึกโล่งอกหน่อย
"แวนเนส! แกล้งอะไรน้องอีกหละลูก?" เสียงแม่ต่อว่าแวนเนสดังตามมา
"ไม่ได้แกล้งนะแม่ แต่ผมเห็นเจ้าเสี้ยวเทียนเนี่ยมันมองสาวคนเมื่อกี้จนเหลียวหลังเลยจริงๆนะ" แวนเนสยังคงใส่ไฟน้องชายต่ออีก
"ก็บอกว่ามองทิวทัศน์!" เคนแหวใส่พี่ชายอีก
"จริงหรอ? งั้นทำไมต้องทำตาเชื่อมด้วยหละ?" แวนเนสยังทำเสียงล้อเลียน พ่อกับแม่เลยอดที่จะหัวเราะไม่ได้
"ไอ้บ้า!! นายน่ะสิทำตาเชื่อม! คอยดูนะกลับไปชั้นจะฟ้องกลอเรีย!" เคนไม่พูดเปล่าแต่ชี้หน้าขู่พี่ชายด้วย เสียงหัวเราะจึงค่อยดังขึ้นอีกครั้ง
"เฮ้ยๆๆๆ!!! เดี๋ยวโดนเตะ!" เมื่อน้องพูดพาดพิงถึงคนรักแวนเนสก็เริ่มขึ้นเสียงบ้าง
"ก็ลองสิ!" เคนท้าทายแล้วยักคิ้วยั่วพี่ชาย
"เดี๋ยวลงรถได้ก่อนเถอะ!" แวนเนสกัดฟันพูดพร้อมกับชี้หน้าน้องกลับ เคนเลยหันไปหัวเราะกับน้องเล็ก
"ยังจะมาหัวเราะอีก! บอกให้เอาเกมส์มายืมเล่นหน่อย! หยิบออกมาซักที!" ตวัดเสียงพูดกับน้องอีก
"ไม่ให้" เคนปฏิเสธแบบชัดถ้อยชัดคำ
"เจอร์รี่! นายเลี้ยงมันมายังงัยมันถึงได้งกแบบนายเลยเนี่ย?" แวนเนสหันมาแขวะพี่ชายเล่นบ้าง พ่อกับแม่ได้ยินก็ได้แต่หันไปสบตากันแล้วส่ายหน้าด้วยระอากับความทะเล้นของลูกชายคนรอง
"เดี๋ยว....." ได้ยินดังนั้นเจอร์รี่ก็ยกมือขึ้นจะทุบหัวคนพูดให้ซักทีแต่แวนเนสก็ยกแขนกันได้ทันท่วงที
"หึๆๆๆ" ไจ่ไจ๋ขยับเข้าไปเอาหัวซบที่ไหล่เคนแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ เจอร์รี่ได้ยินก็หันขวับมามอง ไจ่ไจ๋หยุดหัวเราะแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แทน
"ระวังตัวไว้เถอะ!" ชี้หน้าพร้อมกับพูดขู่
"ไม่เคยกลัว" พึมพำออกมาเบา
"นี่! เกเรใหญ่แล้ว" เคนได้ยินก็ทำเสียงดุเพื่อปรามน้องแต่ไจ่ไจ๋กลับทำปากยื่นใส่เคนบ้าง
"ยังไม่หยุดอีก" เคนบีบปากน้องพร้อมกับต่อว่าไปด้วย
"โอ้ยๆๆๆ.....ไม่พูดแล้ววว....." น้องเล็กเสียงอ่อยลงทันที เคนมองหน้าเจ้าน้องชายตัวดีด้วยสายตาดุๆ
"ผมปวดแผลจัง โอ้ยยย.....ปวดตุ้บๆเลย....." เปลี่ยนเป็นเสียงออดอ้อนอย่างรู้งาน เคนถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วบีบจมูกน้องอย่างหมั่นไส้
"ยกขาขึ้นมาแล้วเหยียดไปทางโน้น ก็มัวแต่เอาเท้าแตะพื้นแบบนี้มันจะไม่ปวดได้ยังงัย?" ประโยคหลังพูดเป็นเชิงบ่นพร้อมกับจัดการท่านั่งให้น้องใหม่
"ผมมีพ่อตั้งสองคนแล้ว แค่นี้ก็มากพอแล้วหละ พี่กลางเป็นพี่ชายผมเหมือนเดิมเถอะนะ" เมื่อเห็นพี่ชายจะบ่นอีกไจ่ไจ๋ก็รีบพูดดักคอขึ้นมาก่อน
"นายมีพ่อสองคนตั้งแต่เมื่อไหร่? อย่าบอกนะว่าหาพ่อตาได้แล้ว?" แวนเนสได้ยินก็หูผึ่งรีบหันมาซักไซร้ทันควัน
"ไม่ใช่พ่อตาหรอก! พ่อเรานี่แหละ" เจอร์รี่หันกลับมามองคนพูดด้วยสีหน้าเอาเรื่องเพราะรู้ว่าน้องเล็กกำลังประชดเขาว่าทำตัวเหมือนพ่อ
"ฮ่าๆๆๆ!!!" เพียงแค่นั้นแวนเนสก็เข้าใจทันที เคนเองก็พลอยหัวเราะออกมาด้วย ส่วนพ่อกับแม่ได้แต่อมยิ้มแต่ไม่ได้พูดเสริมหรือแย้งอะไร
"ขำนักหรืองัย?" นิ้วมือเรียวของพี่ใหญ่บิดหูแวนเนสอย่างหมั่นไส้
"โอ้ย!!!" แวนเนสเปลี่ยนเป็นเสียงร้องในทันที ส่วนเคนเองหยุดหัวเราะโดยอัตโนมัติเพราะกลัวจะโดนเหมือนแวนเนส
"หูยยย....ชั้นไม่ได้พูดซักหน่อย" แวนเนสส่งเสียงประท้วงพลางใช้มือลูบหูตัวเองไปด้วยแต่พอเห็นสายตาของพี่ชายก็ก้มหน้าลงทันที
"หึๆๆๆ" เห็นท่าทางของแวนเนสแล้วไจ่ไจ๋ก็ก้มหน้าลงหัวเราะเบาๆ เจอร์รี่จึงหันไปทางเจ้าน้องชายตัวแสบบ้าง
"หยุดหัวเราะได้แล้ว อยากโดนเหมือนพี่รองหรืองัย?" เคนก้มลงเอ็ดน้องเบาๆ
"เจอร์รี่....พ่อว่าลูกน่าจะดีใจนะที่น้องๆให้ความเคารพลูกเหมือนกับลูกเป็นพ่อของน้องอีกคนน่ะ" พ่อพูดแหย่ลูกชายพร้อมกับรอยยิ้ม
"พ่อ!!" เจอร์รี่เรียกบิดาอย่างขัดใจกับคำพูดของพ่อ
"นั่นสิจ๊ะ แม่เองก็ว่าลูกเหมือนเป็นพ่อของน้องเหมือนกันนะ" แม่เห็นด้วยกับสมาชิกคนอื่นๆ
"แม่อ่ะ! ผมหน้าแก่ขนาดเป็นพ่อเจ้าพวกนี้ได้เลยหรอ?" เจอร์รี่เริ่มโอดครวญเมื่อไม่มีใครเข้าข้าง เสียงหัวเราะของเจ้าตัวแสบสามคนจึงค่อยดังขึ้นมาอีก
"แม่ไม่ได้ว่าลูกหน้าแก่ซักหน่อย แม่หมายถึงการกระทำของลูกต่างหาก" แม่แย้งคำพูดของลูกชายพร้อมกับพยายามกลั้นหัวเราะ
"แม่ว่าผมขี้บ่นงั้นสิ" พูดสวนขึ้นมาอย่างรู้ทัน เสียงหัวเราะของน้องชายทั้งสามคนจึงดังขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เจอร์รี่เม้มปากแล้วเหล่มองแวนเนสเป็นคนแรกเพราะนั่งใกล้มือที่สุด
"แหะๆๆๆ....." เมื่อเห็นสายตาดุๆของพี่ชายมองอยู่แวนเนสก็เริ่มลดเสียงลงจนเปลี่ยนมายิ้มแหยๆแทน
"ใครบังอาจมาว่าพี่เราแก่หว่า? ไม่แก่ซักหน่อย หน้ายังเอ๊าะๆอยู่เลย ใครไม่รู้นึกว่าเป็นนักศึกษาน้องใหม่นะเนี่ย" แวนเนสรีบหยอดคำหวานใส่พี่ชาย คำพูดของแวนเนสทำเอาเคนกับไจ่ไจ๋กลั้นหัวเราะกันแทบแย่
"พี่เราออกจะสดใสน่ารัก ไม่ได้ขี้บ่นเหมือนใครว่าซักหน่อย" พูดจบก็ขยับเข้าไปซบหัวลงที่ไหล่พี่ชาย เจอร์รี่เหลือบมองเจ้าน้องชายตัวดีแล้วยกมือขึ้นมาบีบจมูกน้องอย่างหมั่นไส้
"ไอ้ทะเล้น! เฮี้ยวจริงๆเลยเชียว!" กัดฟันต่อว่าน้องชายไปด้วย แวนเนสแอบหัวเราะเบาๆแต่ก็กอดพี่ชายไว้
"ไปห่างๆเลย! ไม่ต้องมากอด! รำคาญ!" พี่ใหญ่เอามือดันหน้าแวนเนสพร้อมกับพูดตวัดเสียง
"ทำไมพูดแบบนี้หละ? พี่ใหญ่ไม่รักชั้นแล้วหรอ? ฮือๆๆๆ เสียใจที่สุดเลย" แวนเนสทำท่าเหมือนเด็กๆ เรียกเสียงหัวเราะจากน้องๆและพ่อกับแม่ได้เป็นอย่างดี
"ไอ้บ้า! โตจะตายอยู่แล้วยังเล่นเป็นเด็กๆอีก" แม้จะว่าน้องแต่เจอร์รี่ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้
"ไปเลย! ไม่รักก็ไม่ต้องมายิ้มให้ ไม่ยุ่งด้วยก็ได้" แวนเนสทำเสียงกระเง้ากระงอดแล้วขยับตัวออกห่างพี่ชาย
"โอ๋ๆๆๆ ใครว่าไม่รักหละ? พี่รักนายจะตายไป รักจะแย่แล้วเนี่ย" พี่ใหญ่เป็นฝ่ายขยับตัวเข้าไปง้อ แวนเนสมองหน้าพี่ชายแล้วทำแก้มป่อง
"อื้มๆๆๆ!!!" พี่ใหญ่หอมแก้มน้องแรงๆหลายๆที จนแวนเนสต้องดันหน้าพี่ชายออก
"พอเลยๆๆๆ!!! เดี๋ยวแก้มชั้นช้ำหมด! อุตส่าห์ถนอมไว้ให้กลอเรีย เลอะน้ำลายหรือเปล่าเนี่ย?" บ่นพลางเอามือเช็ดแก้มตัวเองไปด้วย
"อู้ยยยย.....กลอเรียเขาจะเอานายอย่างงั้นแหละ! เป็นชั้นนะแถมข้าวสารอีกสิบตันยังขอคิดดูก่อนเลย!" พูดเหน็บแนมน้องอย่างหมั่นไส้
"ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวชั้นจะบอกให้พ่อกับแม่เพิ่มเป็นแถมข้าวสารยี่สิบตัน รับรองว่าชั้นขายออกแน่ๆ" แวนเนสต่อคำพี่ชายหน้าตาย
"ฮ่าๆๆๆ!!! สรุปว่าพี่รองจะเป็นเจ้าสาวหรือเจ้าบ่าวอ่ะ?" ไจ่ไจ๋หัวเราะพร้อมกับร้องถามขึ้นมาบ้าง
"ไม่รู้ดิ แต่พอถึงเวลาเข้าเรือนหอนะพี่จะให้พี่กลอเรียอุ้ม แล้วพอเข้าไปเสร็จพี่ก็จะ....." แวนเนสยังพูดไม่ทันจบก็โดนพี่ชายเขกหัวซะก่อน
"ทะลึ่ง!" ทำหน้าดุใส่น้อง แวนเนสอมยิ้มไม่ได้พูดต่อแต่ล้มตัวนอนหนุนตักพี่ชายหน้าตาเฉย เจอร์รี่ถอนหายใจแล้วเอามือทุบหัวน้องเบาๆอย่างหมั่นไส้
"ขำอยู่ได้ ไม่เจ็บแผลแล้วหรืองัย?" เคนกัดฟันพูดต่อว่าน้องเล็กอย่างหมั่นไส้พร้อมกับกอดน้องแรงๆ
"ยังเจ็บอยู่เลย โอ้ยๆๆๆ ทั้งเจ็บทั้งปวดเลยแหละ" น้องเล็กตีหน้าละห้อยทำเสียงอ่อยอ้อนพี่ชายเป็นการใหญ่
"น่าเชื่อตายหละ หน้าระรื่นซะขนาดนี้" เคนว่าน้องต่ออีก
"แหม....แล้วจะให้ผมนั่งร้องว่าเจ็บอยู่ตลอดเวลาหรืองัยหละครับ? ก็ต้องคุยอย่างอื่นถึงจะได้ลืมไปว่ากำลังเจ็บแผลอยู่" ไจ่ไจ๋พูดกับพี่ชายพลางยิ้มหวาน
"ฮึ! ไอ้แสบ" เคนยิ้มออกมาในที่สุดแล้วอดไม่ได้ที่จะขยี้หัวน้องอย่างเอ็นดู

- ที่บ้าน -
"ไจ่ไจ๋ ตื่นเถอะ ถึงบ้านแล้ว" เคนตบแก้มน้องพร้อมกับเรียกเบาๆ ไจ่ไจ๋ขมวดคิ้วแล้วปัดมือพี่ชายออกอย่างไม่สนใจ
"ไจ่ไจ๋ ตื่นได้แล้วลูก เข้าบ้านแล้วจะได้นอนยาวๆเลย" แม่เรียกลูกชายคนเล็กบ้าง
"อือ....ครับ...." ไจ่ไจ๋ครางเสียตอบรับในลำคอแต่ไม่ได้ขยับตัวลุกขึ้นมาเลย
"อือแล้วยังไม่ลุกขึ้นมาอีก ลุกได้แล้วเร็วๆ" เคนตบแก้มน้องอีกครั้ง
"ครับๆๆ ลุกก็ได้" ตอบเสียงงัวเงียแล้วขยับตัวลุกขึ้นมา
"โอ้ยย....ปวดแผลจัง....." เมื่อขึ้นมานั่งได้ไจ่ไจ๋ก็ทำหน้าเบ้
"ก็คงปวดอยู่หรอก บวมซะขนาดนี้" เคนว่าคล้ายจะบ่นๆ
"พี่อุ้มนายลงไปมั๊ย?" แวนเนสที่เพิ่งจะตื่นขึ้นเช่นกันเอ่ยถามน้อง
"ก็ดีนะ" พูดจบก็กางแขนทั้งสองข้างเพื่อจะให้พี่ชายอุ้ม
"พูดเล่นโว้ย! อุ้มเข้าไปยังงัยไหว? ตัวไม่ใช่เล็กๆ" แวนเนสแหวใส่เมื่อเห็นน้องจะเอาจริง คนที่เหลือรวมทั้งไจ่ไจ๋พากันหัวเราะ
"มา....พ่อพยุงลูกลงไปเอง" พูดจบพ่อก็ช่วยไจ่ไจ๋ลงมาจากรถ
"เจอร์รี่มาช่วยพ่อพยุงน้องอีกข้างสิ" เมื่อเห็นว่าไจ่ไจ๋ยังเดินไม่ค่อยถนัดจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากลูกชายคนโตด้วย เจอร์รี่เบ้ปากเล็กน้อยเพราะยังไม่หายเคืองน้องแต่ก็เดินเข้าไปช่วยอย่างเสียไม่ได้
"เสี้ยวเทียน ลงมาช่วยกันขนของเลย อย่าทำนิ่ง" แวนเนสร้องเรียกน้องชายเมื่อเห็นว่าเคนยังนั่งเฉยไม่ยอมลงมาจากรถ
"นายก็ขนเข้าไปก่อนดิ ชั้นโดนเหน็บกินขา" เคนโบกมือไล่พี่ชายพร้อมกับเอามือทุบขาตัวเองเบาๆ
"อ้าว! ทำไมถึงโดนเหน็บกินได้หละ?" แวนเนสย้อนถาม
"ก็ชั้นนั่งอยู่ท่าเดียวไม่ได้ขับเลยนี่หว่า กลัวแผลน้องจะกระเทือน ไจ่ไจ๋มันก็เล่นนอนยาวเลย ชั้นเหลือที่นั่งนิดเดียวเอง" เคนบ่นพร้อมกับเอ่ยปากฟ้อง แวนเนสหัวเราะแล้วเอื้อมมือไปจับแขนน้อง
"มา....ชั้นช่วยพยุงลงไป" พูดจบก็ดึงน้องออกมาแล้วพยุงเข้าไปในบ้าน
"อ้าว! เสี้ยวเทียน เป็นอะไรไปลูก?" เมื่อแม่เห็นแวนเนสพยุงเคนเข้ามาก็ถามอย่างตกใจเพราะคิดว่าเคนไม่สบายขึ้นมาอีก
"เปล่าหรอกครับ น้องไม่ได้เป็นอะไร?" แวนเนสตอบแทนน้องชายแล้วช่วยให้น้องนั่งลงบนโซฟา
"แล้วทำไมต้องพยุงน้องมาด้วยหละ?" พ่อถามต่อ
"เสี้ยวเทียนโดนเหน็บกินขาเพราะไจ่ไจ๋มันนอนหนุนตักมาตลอดทางเลย" ตอบพลางหัวเราะเบาๆไปด้วย
"อ้าว! พี่กลางเมื่อยแล้วทำไมไม่บอกผมหละ?" ไจ่ไจ๋ได้ยินดังนั้นก็หันไปพูดกับพี่ชายอย่างห่วงใย
"ไม่เป็นไรหรอก แค่เหน็บกินเอง" เคนว่าพร้อมกับยิ้มให้น้อง
"พี่กลางนี่น่ารักที่สุดเลย" ไจ่ไจ๋พูดยอพี่ชายเสียยกใหญ่
"แหงอยู่แล้ว" เคนตอบรับหน้าตาเฉย
"หลงตัวเองชะมัด" แวนเนสว่าน้องพลางส่ายหน้าแล้วเดินไปขนสัมภาระทั้งหมดเข้ามาในบ้าน
"ผมจะไปชงกาแฟซักหน่อย พ่อแม่เอามั๊ยครับ?" เจอร์รี่ถามบุพการีทั้งสองคน
"ชงให้พ่อซักถ้วยก็ดีเหมือนกัน" พ่อตอบซึ่งแม่ก็พยักหน้าด้วยเช่นกัน
"ชั้นขอเก๊กฮวยร้อนไม่ใส่น้ำตาลนะ" แวนเนสพูดแทรกขึ้นมา พี่ใหญ่เลยยกมะเหงกให้
"เออ! จำไว้เลยนะ ทำให้แค่นี้ไม่ได้" แวนเนสต่อว่าพี่ชายหน้ามุ่ย
"มีพี่ชายอยู่คนเดียวก็ใช้อะไรไม่ได้ซักอย่างวันๆเอาแต่ข่มน้อง" เมื่อเห็นเจอร์รี่หันหลังแวนเนสก็บ่นไล่หลังเพราะนึกว่าพี่ชายจะไม่ได้ยินแต่เจอร์รี่ได้ยินจึงหันกลับมามองอย่างเอาเรื่อง
"ขอโทษ ชั้นพูดเล่นเฉยๆ" รีบขอโทษพี่ชายก่อนจะโดนพี่ชายเล่นงาน เจอร์รี่ชี้หน้าน้องเป็นการคาดโทษแล้วเดินเข้าไปในครัว
"เฮ่อ! เกือบไปแล้ว......" แวเนนสถอนหายใจโล่งอกเมื่อพี่ชายไม่กลับมาเล่นงานตัวเอง
"เราก็ทะเล้นน่ะแวนเนส! พูดจาอะไรไม่ดูกาลเทศะ พี่เขาอารมณ์ไม่ดีอยู่" แม่ต่อว่าลูกชายให้อีกคน
"แหม....ผมพูดเล่นเฉยๆ ใครจะไปรู้หละว่าพี่ใหญ่ยังไม่หายเครียด" แวนเนสแก้ตัวอุบอิบแล้วหันไปโทษน้องเล็ก
"เพราะนายนั่นแหละทำให้พี่ใหญ่อารมณ์ไม่ดี พี่เขายังไม่หายโกรธที่นายไม่เชื่อฟังเขาเดินไปไหนมาไหนไม่ยอมใส่รองเท้าเลยต้องเจ็บตัวแบบนี้" ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ทำจมูกย่นใส่พี่ชาย
"แล้วพี่ใหญ่เดือดร้อนอะไรด้วยหละ? ผมก็เจ็บของผมคนเดียวพี่เขาไม่ได้มาเจ็บด้วยซักหน่อย" เถียงพี่ชายกลับ
"ไจ่ไจ๋! ลูกพูดแบบนี้ได้ยังงัย? ไม่รู้หรืองัยว่าพี่ใหญ่รักลูกมากขนาดไหน? แค่ลูกเป็นอะไรนิดเดียวพี่เขาก็แทบจะไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว" พ่อพูดกับลูกชายคนเล็กด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"แต่เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้วหนิ มันแก้ไขอะไรไม่ได้ ทำไมพี่ใหญ่ต้องโมโหกับเรื่องที่ผ่านมาแล้วด้วย" ไจ่ไจ๋ไม่วายเถียงพ่ออีก
"ไจ่ไจ๋!!!" แม่และพี่ชายสองคนร้องปรามน้องเล็กเสียงเข้ม
"พ่อไม่นึกเลยว่าลูกจะเกเรได้ขนาดนี้ ทำผิดแล้วแทนที่จะสำนึกได้กลับมาเถียงข้างๆคูๆแบบนี้อีก" คราวนี้ไจ่ไจ๋ก้มหน้าลงทันที
"พ่อ....." แม่เอามือแตะที่แขนพ่อแล้วส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยเป็นการปรามไม่ให้พ่อดุลูกชายอีก ในเวลานั้นเจอร์รี่ก็ถือถาดที่วางเครื่องดื่มร้อนๆออกมาพอดี เมื่อเห็นหน้าพ่อดูเครียดๆและหน้าน้องเล็กดูซึมๆเขาเริ่มนึกสงสัยแต่ไม่ได้ถามอะไร
"กาแฟครับพ่อ" เจอร์รี่วางถาดลงที่โต๊ะแล้วหยิบถ้วยกาแฟมายื่นให้พ่อ
"ขอบใจมากลูก" พ่อพูดเบาๆแล้วรับกาแฟมาจิบ
"นี่ของแม่ครับ" ส่งกาแฟอีกแก้วหนึ่งให้แม่ด้วย แม่เอ่ยขอบคุณลูกชายแล้วรับมาดื่มเช่นกัน
"ที่เหลือนั่นเก๊กฮวยร้อนของพวกนาย แก้วทางขวาไม่ใส่น้ำตาล" บอกน้องชายทั้งสามคนแบบรวมๆ
"ขอบคุณครับ" แวนเนสกับเคนขอบคุณพี่ชายเบาๆแต่ไจ่ไจ๋ยังนั่งก้มหน้าอยู่เช่นเดิม
"เอ่อ....ไจ่ไจ๋.....พี่ว่านายขึ้นไปนอนข้างบนดีกว่า เห็นบ่นปวดแผลไม่ใช่หรอ?" เคนเอ่ยทำลายบรรยากาศขึ้นมาเมื่อเห็นน้องเล็กยังนั่งนิ่ง
"มา....พี่จะพาไป" พูดจบก็เดินเข้าไปจะพยุงน้อง
"ไม่ต้องหรอกครับพี่กลาง ผมไปเองดีกว่า" ไจ่ไจ๋ปฏิเสธแล้วพยุงตัวลุกขึ้นเดินเขยกๆขึ้นบันไดไป พ่อถอนหายใจพร้อมกับวางถ้วยกาแฟลงแล้วตามไจ่ไจ๋ขึ้นไป
"แม่ไปด้วยดีกว่า" แม่ว่าแล้วรีบตามพ่อไปอีกคน เจอร์รี่มองตามน้องเล็กและพ่อแม่อย่างงงๆก่อนที่จะหันมาทางน้องชายอีกสองคน
"เกิดอะไรขึ้น?" เอ่ยถามน้องชายทั้งคู่
"เปล่าหรอก" เคนปฏิเสธพร้อมกับส่ายหน้า
"อย่าปิดบังชั้น" พี่ใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงคาดคั้น เคนจึงหันไปสบตากับแวนเนส
"ชั้นเป็นตัวต้นเหตุเองแหละ" แวนเนสพูดเสียงอ่อยแล้วก้มหน้าหลบตาพี่ชาย
"ชั้นแกล้งพูดว่าน้องเป็นต้นเหตุที่ทำให้นายอารมณ์ไม่ดี แล้วน้องมันก็เถียงเลยโดนพ่อดุ แล้วก็เป็นแบบที่เห็นแหละ" แวนเนสเล่าด้วยสีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
"ทั้งปีเลยเชียว! หาเรื่องเก่งเป็นที่หนึ่ง! ปากน่ะหุบไว้บ้างก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ!" เมื่อได้ยินดังนั้นพี่ใหญ่เอ็ดใส่น้อง แวนเนสก้มหน้ารับผิดแต่โดยดี
"วันไหนไม่ได้ก่อเรื่องมันอยู่ไม่เป็นสุขหรืองัย!?" พูดจบก็เดินตามพ่อแม่และน้องเล็กขึ้นไปด้วย แวนเนสยังนั่งก้มหน้านิ่งดังเดิมเขาไม่ได้ต้องการให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลย
"ไม่มีเหตุผลเลย ตัวเองนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด" เคนต่อว่าพี่ใหญ่อย่างเดือดร้อนแทนแวนเนส
"ทะเลาะกับไจ่ไจ๋ทีไรก็หาเรื่องมาลงที่เราสองคนทุกที!" แวนเนสได้ยินก็ค่อยเงยหน้าขึ้นมามองน้องชาย
"ช่างเถอะเสี้ยวเทียน ชั้นผิดเองจริงๆแหละ ชั้นมันปากไม่ดี พูดจาอะไรไม่คิดให้ดีซะก่อน" แวนเนสแก้ตัวแทนพี่ชาย
"คราวหน้าคราวหลังชั้นควรหุบปากให้สนิทอย่างที่เจอร์รี่มันว่าจริงๆแหละ" พูดต่อด้วยสีหน้าเศร้าๆ เคนถอนหายใจแล้วเอามือตบไหล่พี่ชายเบาๆ

- ที่ห้องไจ่ไจ๋ -
"ก๊อกๆๆ!!!" เสียงเคาะประตูดังขึ้นแต่ไจ่ไจ๋ไม่ได้สนใจที่จะเดินไปเปิดให้เพราะตอนนี้เขากำลังนอนร้องไห้อยู่บนเตียงด้วยเสียใจที่โดนพ่อดุ
"ไจ่ไจ๋" ประตูถูกเปิดออกโดยบิดาที่เดินตามขึ้นมาติดๆ เมื่อพ่อเห็นลูกชายกำลังนอนร้องไห้อยู่ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วเดินเข้าไปนั่งลงบนเตียงข้างๆลูกชาย
"ลูกร้องไห้ทำไม?" พ่อเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลไม่มีแววโกรธเคืองอะไรเลย
"พ่อ....ผมไม่ได้มีเจตนาจะเถียงพ่อ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น" ไจ่ไจ๋พูดพลางสะอึกสะอื้น
"พ่อรู้ พ่อรู้ว่าลูกพูดออกมาโดยไม่ทันคิด" พ่อพูดอย่างพอเข้าใจแล้วลูบหัวลูกชายด้วยความรัก แม้ว่าลูกชายคนนี้จะดื้อดึงซักแค่ไหนแต่พ่อก็ไม่เคยโกรธลงซักที
"ผมขอโทษ ผมขอโทษที่พูดแบบนั้น" ไจ่ไจ๋ดึงมือพ่อมาแนบไว้กับใบหน้าของตัวเอง พ่อยิ้มแล้วพยักหน้ารับ ในขณะนั้นแม่ก็ตามขึ้นมาพอดี
"พ่อ....ทำอะไรลูกหรือเปล่า?" แม่ถามอย่างตกใจเพราะเห็นไจ่ไจ๋กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่
"เปล่านะแม่ พ่อยังไม่ทันทำอะไรเลย ขึ้นมาถึงก็เห็นลูกร้องไห้อยู่เนี่ย" พ่อปฏิเสธพร้อมกับแก้ตัวเป็นพัลวัน
"ร้องไห้ทำไมไจ่ไจ๋? พ่อไม่ได้ตั้งใจจะดุลูกซักหน่อย พ่อเขาสอนเราเฉยๆเอง" แม่นั่งลงอีกข้างหนึ่งของไจ่ไจ๋แล้วโอบกอดลูกชายไว้
"ใช่ พ่อแค่ไม่อยากให้ลูกเป็นเด็กก้าวร้าวหรือมองข้ามความห่วงใยของคนอื่น" พ่อพูดเสริมคำแม่
"ที่พี่ใหญ่เขายังโมโหลูกอยู่ก็เพราะเขาเป็นห่วงลูกมาก เขาเห็นลูกเจ็บพี่เขาเองก็ไม่สบายใจเหมือนกัน พ่อถึงไม่อยากให้ลูกต่อว่าพี่ใหญ่หรือมองว่าพี่เขาจู้จี้อะไรกับลูก" พ่ออธิบายให้ลูกชายฟังต่อซึ่งไจ่ไจ๋เองก็นั่งฟังคำที่พ่อพูดอย่างตั้งใจ
"พ่อครับ.....ผมไม่ได้เถียงนะ แต่สงสัยว่าการที่พ่อแม่ พี่รองและก็พี่กลางไม่ดุผมนั่นหมายถึงว่าไม่เป็นห่วงผมหรอ?" พ่อหันไปทางแม่เป็นเชิงโยนไปให้แม่เป็นคนตอบ
"ไม่ใช่ไม่ห่วงจ๊ะ เราทุกคนเป็นห่วงลูกกันทั้งนั้น แต่ที่พี่ใหญ่เขาแสดงท่าทีแบบนั้นก็เพราะว่าพี่เขาเคยเตือนลูกมาแล้วใช่มั๊ย?" ไจ่ไจ๋ได้ยินก็พยักหน้าหงึกๆ
"แต่ลูกก็กลับมองข้ามคำเตือนของพี่เขาจนทำให้ตัวเองต้องเจ็บตัว ถ้าตอนนั้นลูกเชื่อฟังคำของพี่เขาซักนิดตอนนี้ลูกจะเป็นแบบนี้มั๊ยจ๊ะ?" แม่ย้อนถามลูกชาย
"ไม่ครับ" ไจ่ไจ๋ตอบแล้วพูดต่อ
"ผมเข้าใจทุกอย่างแล้วครับ แล้วต่อไปนี้ผมก็จะเชื่อฟังเวลาที่พี่ใหญ่เขาสอน" พ่อกับแม่หันไปยิ้มให้กันอย่างโล่งใจที่ลูกชายพูดง่ายกว่าที่คิด
"แน่ใจนะว่าจะทำได้อย่างที่พูด?" เสียงเจอร์รี่ดังขึ้นพร้อมกับขายาวที่ก้าวเข้ามาในห้องน้องชาย
"พี่ใหญ่" น้องเล็กเรียกพี่ชายแล้วเดินเขยกๆเข้าไปกอด เจอร์รี่อ้าแขนรับแล้วยิ้มได้ในที่สุด
"งัยหละไอ้ตัวยุ่ง? ดื้อมากนักเลยต้องมานอนร้องไห้คนเดียวเลย" พูดหยอกน้องชายแล้วใช้มือเช็ดคราบน้ำตาให้น้องอย่างแผ่วเบา
"พี่ใหญ่ ผมขอโทษนะครับ ความจริงผมไม่ได้ละเลยคำสั่งสอนของพี่นะ แต่ตอนนั้นผมคิดว่าเดินแค่นิดเดียวก็ถึงรถแล้วเลยไม่ได้หยิบรองเท้ามาใส่ให้เสียเวลา" น้องเล็กกอดพี่ชายพร้อมกับพูดเสียงอ่อยๆ
"ต่อไปนี้ผมก็ไม่กล้าเดินไปไหนมาไหนโดยไม่ใส่รองเท้าอีกแล้วหละ ไม่ว่าจะใกล้หรือไกลก็จะต้องใส่รองเท้าไปด้วยทุกครั้ง" เจอร์รี่ยิ้มแล้วขยี้หัวน้องอย่างเอ็นดู
"ดีมาก! เด็กดีของพี่ ไป....ไปนอนที่เตียงเถอะ อย่าเดินมากเดี๋ยวแผลจะหายช้า" ว่าแล้วเจอร์รี่ก็พาน้องมาที่เตียง
"ปวดแผลมากหรือเปล่า? แล้วกินยาไปหรือยัง?" ถามไถ่น้องเล็กอย่างห่วใย
"ปวดนิดหน่อยครับ แต่แม่ให้กินยาเข้าไปแล้วอีกซักพักคงดีขึ้นกว่านี้" ไจ่ไจ๋ตอบแต่ยังกอดพี่ชายไม่ยอมปล่อย พ่อกับแม่หันไปสบตากันยิ้มๆ
"ลูกยอมคุยกับน้องแล้วต่อไปอาการน้องคงดีวันดีคืนหละ จิตใจเบิกบานเหมือนเดิมแล้วหนิ" แม่พูดแซวลูกชาย
"ใช่สิครับแม่ ตอนได้แผลใหม่ๆนะผมเครียดมากเลย กลัวพี่ใหญ่จะโกรธกลัวจะโดนตีซ้ำด้วย" ประโยคหลังน้องเล็กพูดเสียงแผ่วลง พ่อกับแม่หัวเราะออกมาพร้อมกัน
"พี่ก็อยากจะตีเราเหมือนกันแหละ แต่เห็นแก่ว่านายเองก็เจ็บมากแล้วเลยยกโทษให้ซักครั้ง" ว่าพลางบีบจมูกน้องอย่างหมั่นไส้
"รักพี่ใหญ่ที่สุดในโลกเลย แต่อย่าให้พี่รองกับพี่กลางได้ยินนะเดี๋ยวพี่เขาสองคนจะน้อยใจ" กระซิบกับพี่ชายต่อเบาๆ เจอร์รี่หัวเราะแล้วโยกหัวน้องไปมา
"เข้าใจกันแบบนี้ก็ดีแล้ว งั้นพ่อกับแม่ก็ขอตัวกลับห้องหละ รู้สึกเพลียจัง" พ่อว่าพร้อมกับหันไปพยักหน้ากับแม่
"พ่อกับแม่ไม่นอนกับผมหรอ?" ไจ่ไจ๋ถามด้วยสีหน้าอ้อนๆ
"คืนนี้ไม่ดีกว่านะจ๊ะ เดี๋ยวแผลลูกจะโดนกระทบแล้วก็ไม่หายซักที" แม่ว่าพร้อมกับหยิกแก้มลูกชายอย่างเอ็นดู
"จริงด้วย งั้นราตรีสวัสดิ์นะครับพ่อแม่" ไจ่ไจ๋เองก็ไม่โยเยยอมให้พ่อกับแม่กลับไปนอนที่ห้องแต่โดยดี
"ราตรีสวัสดิ์ลูก มา.....ขอพ่อกอดหน่อย" พ่อว่าพร้อมกับกางมือรอลูกชาย ไจ่ไจ๋รีบขยับเข้าไปกอดแล้วเอียงแก้มให้พ่อหอมเสร็จแล้วก็หอมแก้มพ่อกลับด้วย
"มาหาแม่บ้างซิ" ไจ่ไจ๋ผละตัวออกจากอ้อมกอดพ่อมาโผเข้าสู่อ้อมกอดของแม่บ้าง
"อื้ม! คนดีของแม่ฝันดีนะจ๊ะ" แม่ว่าพร้อมกับหอมแก้มลูกชายฟอดใหญ่
"ฝันดีเช่นกันครับแม่" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วหอมแก้มแม่บ้าง
"ราตรีสวัสดิ์ครับ" เจอร์รี่พูดกับพ่อแม่แล้วเดินไปส่งที่ประตูจากนั้นก็กลับมาหาน้องที่เตียงอีก
"พี่ใหญ่นอนกับผมนะ" น้องเล็กได้ทีอ้อนพี่ชาย
"แม่ก็บอกแล้วงัยว่าเดี๋ยวแผลนายจะกระเทือน" เจอร์รี่ว่า
"แต่พี่ใหญ่....ถ้าผมนอนคนเดียวแล้วเกิดอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมาใครจะช่วยหละ? หรือถ้าผมปวดแผลขึ้นมาใครจะเอายาให้กินหละ? หรือถ้าหิวน้ำขึ้นมาใครจะรินน้ำให้หละ? เท้าก็ยังเจ็บอยู่เดินเหินก็ไม่สะดวกอยู่ด้วย ไม่สงสารน้องหรอ?" เมื่อพี่ชายทำท่าจะปฏิเสธไจ่ไจ๋ก็รีบอ้อนต่อเสียยกใหญ่ เจอร์รี่มองหน้าเจ้าน้องชายตัวดีแล้วทำหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง
"ถ้าไม่ดื้อแต่แรกจะเป็นแบบนี้มั๊ยหละ?" ไจ่ไจ๋ไม่ตอบว่าอะไรแต่ทำหน้าละห้อยใส่พี่ชาย เจอร์รี่เห็นสีหน้าของน้องแล้วก็ใจอ่อนทุกที
"ก็ได้ นอนด้วยก็ได้ แต่พี่ขอไปล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วกัน" ตอบรับคำน้องในที่สุดแล้วเดินเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ ส่วนไจ่ไจ๋มองตามพี่ชายพลางกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างพึงพอใจที่พี่ชายยอมตามใจเขาดังเช่นทุกครั้ง




 

Create Date : 13 มีนาคม 2550    
Last Update : 13 มีนาคม 2550 10:23:48 น.
Counter : 1207 Pageviews.  

Chapter 22

ตอนที่ 22
"โอ้ย! เหนื่อยจัง!" ไจ่ไจ๋ร้องโอดครวญพลางหายใจหอบถี่ด้วยความเหนื่อย ในขณะที่แวนเนสนั้นยังหัวเราะได้อยู่
"บอกให้ยอมแพ้กลางทางก็ไม่เชื่อ" ต่อว่าน้องแล้วเข้าไปลูบหลังให้
"เฮ้ย! พวกนายโดนหมาไล่ฟัดมาหรืองัยถึงได้วิ่งตื่อกลับมาแบบนี้?" เคนร้องทักพี่น้องทั้งสองคน ได้ยินดังนั้นแวนเนสกับไจ่ไจ๋ก็หันไปมองหน้ากันแล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาชุดใหญ่ ยังผลให้เคนได้แต่ทำหน้างงๆ
"เป็นบ้าอะไรกันวะ? เหนื่อยจนเพี้ยนเลยหรืองัย?" ต่อว่าพี่น้องสองคนออกมาอีก
"เดี๋ยวนายก็รู้ว่าเราโดนใครไล่มา?" แวนเนสพูดด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะ ได้ยินเช่นนั้นเคนก็พอที่จะเข้าใจเลยพลอยขำตามพี่น้องไปด้วย
"เล่าเรื่องตลกอะไรกันอยู่จ๊ะ?" แม่เดินออกมาทักทายลูกชายที่นั่งหัวเราะกันอยู่
"เรื่องตลกที่พวกเรารู้กันได้แค่สามคนเท่านั้นครับแม่" ไจ่ไจ๋เงยหน้าตอบมารดาแล้วได้ทีโผเข้าไปกอด
"หัวใจผมเต้นแรงมั๊ยแม่?" จับมือแม่มาวางทาบบนหน้าอกตัวเอง
"อืม ไปทำอะไรกันมาหละลูก?" แม่พยักหน้าพร้อมกับซักถามลูกชาย
"ไม่ได้ทำอะไรหรอกครับ เพียงแต่พอได้อยู่ใกล้ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกคนนี้แล้วหัวใจผมก็เต้นแรงทุกที" ไจ่ไจ๋ทำปากหวาน แม่เลยได้แต่ขยี้หัวลูกชายอย่างเอ็นดู
"โอ้ย!!" แวนเนสแกล้งร้องขึ้นมาเสียงดัง ทำให้ทุกคนหันมามองทางเขากันหมด
"เป็นอะไรลูก?" แม่ถามด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย
"มดกัดครับ รู้สึกว่าน้ำตาลมันจะร่วงออกมาจากคนแถวๆนี้นะ เอ่อ....ผมรู้สึกคลื่นไส้ด้วยสิ รู้สึกเหมือนจะอาเจียน สงสัยเอียนคำหวานๆมากไปหน่อย" แวนเนสแขวะน้องชายออกมาชุดใหญ่ ไจ่ไจ๋เลยค้อนขวับเข้าให้
"เวลาตัวเองอ้อนแฟนน่ะหวานกว่านี้เป็นร้อยเป็นพันเท่า" พึมพำออกมาเบาๆแต่ทุกคนก็ได้ยินกันหมด แม่เลยได้แต่ส่ายหัวกับคู่ซี้คู่นี้
"แล้วพี่ใหญ่หละ? ไม่ได้เดินกลับมาด้วยกันหรอ?" ได้ยินแม่ถามสามพี่น้องก็อมยิ้มขึ้นมาอย่างรู้กัน
"ไม่ครับ พี่ใหญ่เดินตามมาทีหลัง" แวนเนสตอบ ในขณะนั้นเจอร์รี่ก็เดินกลับเข้ามาพอดี แวนเนส เคนและไจ่ไจ๋ถึงกับต้องกลั้นหัวเราะกันเต็มที่เพราะนึกไปถึงคำถามของเคนในตอนแรกที่ว่าโดนหมาไล่ฟัดมา
"ตื่นแล้วหรอเสี้ยวเทียน? ยังมีไข้อยู่หรือเปล่า?" เอ่ยถามทันทีที่เห็นหน้าเคน
"อืม.....ไม่...." เคนพยักหน้าและส่ายหน้าต่อเป็นการตอบคำถามพี่ชาย
"ไหนดูซิ" เอื้อมมือมาอังหน้าผากน้องชายแล้วก็โล่งใจที่เจ้าน้องชายตัวดีตัวไม่ร้อนแล้ว
"นี่!" แม่ตีลงที่แขนลูกชายคนโตทีหนึ่ง
"โอ้ย! แม่ตีผมทำไมเนี่ย?" เจอร์รี่ร้องออกมาอย่างงงๆ
"ยังจะมาถามอีก! ออกไปข้างนอกทำไมถึงไม่ใส่รองเท้า?" แม่ย้อนถามด้วยน้ำเสียงดุๆแล้วชี้ลงไปที่เท้าของลูกชาย เจอร์รี่ก้มลงมองเท้าตัวเองอย่างอึ้งๆก่อนที่จะเปลี่ยนสายตาไปมองหน้าน้องชายคนเล็กแต่ไจ่ไจ๋ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ซะอย่างงั้น
"แล้วเดินไปถึงไหนต่อไหน เดี๋ยวเศษแก้วเศษอะไรแหลมๆก็ทิ่มเอาหรอก โตแล้วยังทำตัวเป็นเด็กๆอีก วิ่งไปโน้นไปนี่เท้าเปล่าได้ยังงัยกัน?" แม่ยังบ่นลูกชายต่อในขณะที่แวนเนสปล่อยก๊ากออกมาแล้ว
"แวนเนส! ขำอะไร?" แม่หันไปดุเจ้าลูกชายจอมซ่าส์ด้วย
"เปล่าครับ แต่รู้สึกแถวนี้จะมีแพะนะแม่" แวนเนสว่าในขณะที่ยังหัวเราะไปด้วย
"อะไรของนายวะ?" เคนถามอย่างไม่เข้าใจเพราะไม่รู้เรื่องตั้งแต่ต้น แวนเนสไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่ผงกหัวไปทางน้องเล็ก
"เป็นงัยพี่ใหญ่? เลยโดนแม่ดุเลยเห็นมั๊ย? ผมบอกแล้วไม่เชื่อว่าให้กลับมาเอารองเท้าก่อน เห็นหรือยังว่าโทษของการไม่ฟังคำตักเตือนของผมน่ะเป็นยังงัย?" ไจ่ไจ๋ทำเนียนไปต่อว่าพี่ชายด้วยอีกคน ยังผลให้เจอร์รี่อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก เคนเห็นดังนั้นก็พอจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
"ไจ่ไจ๋ ที่นายใส่อยู่น่ะรองเท้าใครหรอ? เหมือนไม่ใช่ของนายนะ" เคนแกล้งถามขึ้นมาบ้าง ไจ่ไจ๋ได้ยินก็เลิกคิ้วแล้วแกล้งทำหน้าตกใจ
"ตายหละ! นี่ผมใส่รองเท้าผิดหรอเนี่ย? แหม....ขอโทษทีนะครับ ไม่ทันดู" ไจ่ไจ๋ยังไหลไปได้เรื่อยๆในขณะที่แม่เริ่มเอะใจ
"อ๋อ! รองเท้าคู่นี้ของพี่ใหญ่นี่เอง เลอะทรายหมดเลยอ่ะ ผมเคาะออกให้แล้วกันนะ" พูดจบไจ่ไจ๋ก็ถอดรองเท้าแล้วแล้วเคาะลงที่พื้นเพื่อให้ทรายที่ติดอยู่หลุดออก เจอร์รี่ยืนเท้าเอวมองเจ้าน้องชายตัวแสบพลางพยักหน้าหงึกๆไปด้วยและรอดูว่าน้องจะทำยังงัยต่อ
"สะอาดเหมือนเดิมแล้ว" ว่าพลางยิ้มแหยๆเมือเห็นว่าความซวยเริ่มมาเยือน
"พ่ออยู่ไหนหรอพี่กลาง?" เฉไฉหันไปถามเคน
"อยู่นี่ลูก" เสียงพ่อตอบกลับมา ไจ่ไจ๋เห็นก็รีบเข้าไปกอดพ่อแล้วเอาพ่อเป็นโล่กำบัง
"ผมอยากกินขนมน่ะพ่อ ไปกินขนมกับผมเถอะนะ" พูดจบก็รีบดึงมือพ่อกลับเข้าไปในบ้านทันที
"เฮ่อ! ไอ้ตัวแสบ!" เห็นดังนั้นเจอร์รี่ก็ถอนหายใจพร้อมกับพึมพำเบาๆ
"ตกลงเป็นไจ่ไจ๋หรือจ๊ะที่ไม่ได้ใส่รองเท้าออกไป?" แม่หันมาถามลูกชายคนโต เจอร์รี่ทำหน้ามุ่ยใส่แม่เล็กน้อย
"จะเป็นใครแม่ก็ตีผมไปแล้วหนิ" แวนเนสกับเคนเห็นท่าทางของพี่ชายแล้วก็หันไปหัวเราะกันคิกคัก
"ขอโทษจ๊ะ แม่ไม่รู้นี่ ลูกก็ไม่บอกแม่ก่อน" แม่พูดต่อเสียงแผ่วๆ แต่เจอร์รี่ก็ยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"อย่างอนนักเลย เดี๋ยวแม่ไปจัดการเจ้าน้องชายตัวแสบของลูกให้ก็ได้" พูดจบแม่ก็หอมแก้มลูกชายฟอดใหญ่เป็นการขอโทษ เจอร์รี่เลยค่อยยิ้มออกก่อนที่จะเอามือทั้งสองข้างแตะลงที่แก้มของแม่เบาๆ
"พูดแล้วทำให้ได้นะครับ อื้ม!" ย้ำคำแม่แล้วหอมแก้มแม่กลับ
"เข้าบ้านกันเถอะครับ แดดร้อน" พูดกับแม่จบก็เอี้ยวตัวหันมาหาเคน
"เราก็เข้ามาด้วย อย่าตากแดด เดี๋ยวไข้ขึ้นอีก" เอ่ยเตือนน้องอย่างเป็นห่วง
"ครับ" เคนตอบรับแล้วดึงแขนแวนเนสเดินตามเข้าไปด้วย เมื่อเข้ามาถึงก็ปรากฎว่าไจ่ไจ๋กำลังนั่งหยิบขนมหลายอย่างป้อนให้พ่อกินอย่างเอาใจ เห็นเช่นนั้นแล้วก็ทำเอาสมาชิกคนอื่นอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
"แม่ พี่ใหญ่ พี่รอง พี่กลาง มากินด้วยกันสิครับ" ไจ่ไจ๋เอ่ยชวนอย่างใจดีแล้วปั้นรอยยิ้มซื่อๆออกมาเพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตัวเอง
"ฮึ! ไม่ต้องมาทำเป็นหน้าซื่อตาใสหรอกไอ้ตัวดี! พี่ไม่ลืมหรอกนะว่านายทำอะไรไว้" เจอร์รี่เดินเข้ามาผลักหัวแล้วชี้หน้าน้องอย่างคาดโทษ น้องเล็กยิ้มแหยๆแล้วหยิบขนมป้อนให้พี่ชายทันทีอย่างประจบ
"กินดูสิครับ อันนี้พ่อซื้อมาฝากจากที่โน้นเลยแหละ" พี่ใหญ่ค้อนใส่แต่ก็ยอมกินขนมที่น้องป้อนแต่โดยดี
"ร้ายนักนะเรา!" แม่เดินมานั่งลงข้างๆลูกชายแล้วต่อว่าเบาๆ ไจ่ไจ๋หัวเราะแหะๆ
"นี่ๆๆ แล้วพี่ไม่ต้องกินหรืองัย?" แวนเนสประท้วงขึ้นมาพร้อมกับหยิบถุงขนมที่หมดแล้วมาเขย่าให้น้องดู
"เดี๋ยวผมไปเอาที่รถมาเพิ่มให้ก็ได้ครับ ยังมีอีกเยอะเลย" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็รีบลุกวิ่งออกไปข้างนอกทันที
"เฮอะ! พอมีความผิดติดตัวหละใช้ง่ายเชียวนะ!" แวนเนสแขวะกัดน้องชายแต่ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้
"น้องไปทำอะไรมาลูก?" พ่อถามเพราะไม่รู้เรื่องราวอะไร แม่จึงเป็นคนเล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อฟังพอฟังจบพอก็หัวเราะพร้อมกับหันไปทางเจอร์รี่
"ลูกเลยโดนแม่ดุแทนน้องเลยสิ" พูดพลางหัวเราะขำ
"ก็ใช่น่ะสิครับ พ่อแม่เห็นหรือยังว่าลูกชายของแม่แต่ละคนมันแสบกันขนาดไหน?" เจอร์รี่ตอบด้วยสีหน้ามุ่ยๆ
"หึๆๆๆ เออ....แล้วทำไมน้องออกไปนานจัง? ไม่ใช่หนีไปวิ่งเล่นที่ไหนอีกนะ" เคนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าน้องยังไม่กลับมา
"ไม่รู้ป่านนี้รื้อข้าวของในรถจนเละไปหมดหรือยัง?" พึมพำต่ออย่างไม่ค่อยจะไว้ใจเจ้าน้องชายจอมยุ่งเท่าไหร่นัก
"แวนเนสไปดูน้องซิลูก" พ่อได้ยินดังนั้นก็เอ่ยใช้แวนเนสแต่เคนกลับเสนอตัวขึ้นก่อน
"ผมไปดูเองครับ" พูดจบเคนก็เดินออกไปดูน้อง
"อ้าว! หายไปไหนนะ?" เมื่อเดินมาถึงก็เห็นประตูรถเปิดค้างไว้อยู่
"ไจ่ไจ๋!" เคนร้องเรียกแล้วเดินวกกลับไปดูด้านหลังบ้านก็พบน้องชายยืนอยู่
"แอบหนีมาทำอะไรอยู่ตรงนี้? อย่าบอกนะว่าก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก?" เคนเอ่ยถามน้องด้วยน้ำเสียงเอ็นดู
"พี่กลาง....." น้องเล็กหันหน้ากลับมาทางพี่ชายสีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
"ไจ่ไจ๋! เป็นอะไรน่ะ?" เคนรีบเดินเข้าไปหาน้องทันที
"ผมก่อเรื่องขึ้นมาจริงๆแหละ" พูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆแล้วก้มลงมองที่เท้าตัวเอง เคนขมวดคิ้วแล้วก้มลงมองที่พื้นแต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นหยดเลือดไหลซึมออกมาจากฝ่าเท้าของน้องชาย
"ไจ่ไจ๋! ไปทำอะไรมา?" เคนร้องอย่างตกใจแล้วรีบคุกเข่าลงดูบาดแผลของน้องชายทันที
"ผมวิ่งออกมาที่รถ เห็นว่ามาเอาของใกล้ๆแค่นี้เองเลยไม่ได้ใส่รองเท้าแต่เผอิญไปเหยียบถูกก้อนหินแหลมๆเข้า" น้องเล็กสารภาพกับพี่ชายเสียงอ่อนอ่อยน้ำตาคลอด้วยความเจ็บ
"เข้าบ้านเร็ว! เดี๋ยวพี่จะล้างแผลให้" พูดจบเคนก็ทำท่าจะพยุงน้องแต่ไจไจ๋กลับส่ายหน้า
"ไม่เข้าบ้านนะพี่กลาง ผมไม่อยากให้คนอื่นเห็น" ไจ่ไจ๋ร้องห้าม
"ได้ยังงัยกันเล่า? นายโดนบาดขนาดนี้ แผลลึกหรือเปล่าก็ไม่รู้ นายต้องรีบล้างแผลนะ!" เคนเอ็ดใส่น้องเข้าให้
"ก็ผมกลัวพี่ใหญ่ตีซ้ำนี่นา" พูดจบไจ่ไจ๋ก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เคนมองหน้าน้องก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ
"ไม่หรอก พี่จะไม่ยอมให้พี่ใหญ่ตีนายได้ เชื่อพี่นะไจ่ไจ๋" เคนปลอบโยนน้อง คำปลอบใจของพี่ชายทำให้ไจ่ไจ๋ยอมในที่สุด เขาจึงขยับตัวเข้าไปกอดคอพี่ชายเอาไว้
"ค่อยๆนะ อย่าให้เท้าโดนพื้น" เคนพยุงตัวน้องไว้อย่างแน่นหนาแล้วพากลับเข้าไปในบ้าน
"กว่าจะมากันได้นะ พี่หายอยากไปนานแล้ว" แวนเนสบ่นอุบเมื่อเห็นน้องทั้งคู่อยู่หน้าประตูบ้าน
"พ่อแม่ครับ! น้องโดนหินบาดที่เท้า เลือดออกมาเยอะมากเลย" ได้ยินดังนั้นทุกคนก็รีบลุกพรวดเข้าไปหาไจ่ไจ๋ทันที
"ตายแล้วลูก! ไปทำอีท่าไหนถึงได้แผลมาขนาดนี้!" แม่อุทานอย่างตกใจ
"พาน้องไปล้างแผลก่อนเถอะครับ ไม่รู้ว่าแผลลึกมากหรือเปล่า?" เคนรีบตัดบทแล้วพาน้องเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากล้างเลือดที่ไหลซึมออกจนหมดแล้วแม่ก็ใช้ผ้าขนหนูกดไว้ที่บาดแผลลูกชายเพื่อห้ามเลือดต่อ
"พาไปคลีนิกเถอะครับ ให้หมอทำแผลให้ดีกว่า" เจอร์รี่เสนอเมื่อเห็นว่าบาดแผลของน้องยังมีเลือดไหลซึมอยู่
"งั้นพ่อกับแม่พาน้องไปเอง ลูกสามคนอยู่รอที่นี่แล้วก็เตรียมเก็บของเลยแล้วกัน" พ่อหันมาสั่งก่อนที่จะช่วยกันกับแม่พยุงไจ่ไจ๋ไปที่รถเพื่อพาไปทำแผล
"ทำไมมันถึงได้โดนหินบาดเท้าได้? ไม่ได้ใส่รองเท้าใช่มั๊ย?" หลังจากพ่อแม่และน้องเล็กออกไปแล้วเจอร์รี่ก็หันมาซักถามเคน
"ก็....ไม่รู้ดิ...." เคนปฏิเสธเสียงแผ่วเพราะไม่อยากให้พี่ชายโกรธน้อง
"ถึงนายไม่พูดชั้นก็รู้อยู่หรอก ปกป้องกันเข้าไป! เรื่องแบบนี้เก่งๆกันทั้งนั้น!" พี่ใหญ่เลยดุเคนให้ด้วย
"ก็ไม่รู้จริงๆ ชั้นออกไปก็เห็นน้องมันได้แผลแล้ว" เคนแก้ตัวเสียงแผ่ว
"อย่างนายน่ะมีหรอจะไม่รู้ว่าน้องมันไปทำอะไรมา? เข้าข้างกันดีนักแหละ!" พี่ใหญ่ว่าเข้าให้อีกชุด เคนก้มหน้าหลบตาพี่ชายในขณะที่แวนเนสได้แต่หัวเราะเบาๆ
"ขำอะไร!? ตลกมากนักหรืองัย?" หันมาเอ็ดแวนเนสด้วยอีกคน
"เออ! ตลกดี" แวนเนสตอบด้วยสีหน้ากวนๆแล้วรีบกระโดดออกห่างจากรัศมีฝ่ามือของพี่ชายโดยพลัน
"กวนนักนะ! เดี๋ยวจะโดน!" ชี้หน้าน้องพร้อมกับพูดขู่ แวนเนสยิ้มแล้วยักคิ้วให้พี่ชายก่อนที่จะหันไปกอดคอน้องชาย
"ไปเก็บของกันดีกว่าเสี้ยวเทียน อย่าอยู่แถวนี้เลยมันไม่ปลอดภัย" พูดจบก็โอบไหล่น้องขึ้นไปเก็บของที่ชั้นบน
"เวลาก็ผ่านไปเร็วเหมือนกันนะ เหมือนเมื่อวานเรายังมาเล่นกันอยู่ที่นี่เลย" เคนทิ้งตัวนอนลงที่เตียงพร้อมกับมองไปรอบๆห้องนอนที่เคยเป็นของเขาอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
"นั่นสิ เมื่อก่อนพอถึงวันเสาร์ไม่อาเจียงพานายไปที่บ้านพ่อแม่ก็จะพาชั้นกับเจอร์รี่มาที่นี่ แล้วถ้าได้มาทีไรนายก็จะร่ำร้องแล้วก็ตื๊อให้ชั้นกับเจอร์รี่นอนค้างด้วยทุกที" แวนเนสเองก็นอนลงข้างน้องแล้วพูดคล้อยตามน้องชายเช่นกัน ในขณะนั้นเจอร์รี่ก็เดินตามขึ้นมาพอดี
"ยังจะมานอนเล่นกันอีก! ทำไมไม่เก็บข้าวเก็บของ!?" ต่อว่าน้องชายทั้งคู่แล้วเดินมายืนเท้าเอวมองเจ้าน้องชายตัวดีสองคน
"อย่าบ่นน่า!" แวนเนสว่าพี่ชายพร้อมกับขยับตัวลุกขึ้นนั่งแล้วส่งสัญญาณให้เจอร์รี่เอียงหูเข้ามาใกล้
"เสี้ยวเทียนมันกำลังคิดถึงเรื่องสมัยก่อน" ได้ยินดังนั้นเจอร์รี่ก็มองเลยไปทางเคนที่นอนเหม่อออกไปทางหน้าต่าง
"พอถึงวันเสาร์ชั้นจะมานอนอยู่ตรงนี้แล้วมองออกไปข้างนอกเพื่อรอเวลาที่จะได้เจอกับพวกนาย" เคนเอ่ยขึ้นมาเสียงเบาแต่ไม่ได้ละสายตาจากจุดที่มอง ได้ยินดังนั้นพี่ชายทั้งสองคนก็หันไปสบตากัน
"นายคิดถึงพี่ใหญ่กับพี่รองมากเลยหรอ?" เจอร์รี่เอ่ยถามยิ้มๆแล้วเดินมานั่งลงตรงหน้าน้องชาย เคนเงยหน้าขึ้นมองพี่ใหญ่
"ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่อาเจียงดูแลชั้นอย่างดีก็จริงนะ แต่บางครั้งชั้นก็เหงาแล้วก็คิดถึงบ้านด้วย" เคนไม่ได้ตอบคำถามนั้นแต่กลับบอกเล่าความรู้สึกตัวเองให้พี่ชายฟัง เจอร์รี่มองน้องด้วยแววตาอ่อนโยนแล้วลูบหัวน้องเบาๆ
"พี่เองก็คิดถึงนายเหมือนกัน ช่วงที่นายมาอยู่กับอาเจียงบ้านเราขาดสีสันไปเยอะเลย พี่รองก็ไม่รู้จะแกล้งใครดี" ประโยคหลังพูดติดตลกเพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น
"ใช่ๆๆๆ ชั้นโครตคิดถึงนายเลย แบบว่าเล่นอะไรก็ไม่สนุก อำใครเล่นก็ไม่ได้เพราะไม่มีใครเชื่อชั้นเลยนอกจากนาย" แวนเนสรีบเสริมต่อจากพี่ชายทันที
"นายจะว่าชั้นโง่ใช่มั๊ย?" เคนตะแคงหน้ากลับมาถามแวนเนส พี่ชายทั้งคู่เลยหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน
"ไม่ใช่ซักหน่อย ชั้นจะบอกว่านายซื่อต่างหาก" แวนเนสแก้ตัวแต่ก็ยังไม่หยุดหัวเราะ เคนค้อนใส่พี่ชายแล้วขยับตัวขึ้นมานั่งบ้าง
"นายตัดสินใจดีแล้วหรอที่จะขายบ้านหลังนี้น่ะ? ไม่เสียดายหรืองัย?" เงียบกันไปพักหนึ่งเจอร์รี่ก็ถามน้องอย่างเป็นการเป็นงานเพราะดูท่าแล้วน้องยังรู้สึกผูกพันกับที่นี่มาก
"ชั้นตัดสินใจดีแล้วหละ เหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้นทำให้ชั้นรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับชั้น" เคนตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"คนเราจะติดอยู่กับอดีตตลอดไปไม่ได้หรอก ไม่งั้นก็เดินไปไม่ถึงอนาคตซักที" เจอร์รี่กับแวนเนสได้ยินก็หันไปสบตากัน
"คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว" เจอร์รี่โน้มหัวน้องมาซบที่ไหล่ตัวเอง
"นายไม่ติดกับอดีตได้ก็ดีนะแต่ก็ไม่ต้องถึงขนาดจะลืมมันให้หมด" แวนเนสพูดต่อพร้อมกับเอื้อมมือไปขยี้หัวน้องเบาๆ
"ชั้นจะลืมเฉพาะเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ ส่วนเรื่องที่ชั้นคิดถึงแล้วมีความสุขชั้นก็จะจำมันไว้ไปตลอดชีวิตเลยแหละ" เคนบอกกับพี่ชายยิ้มๆ
"บอกได้มั๊ยว่าเรื่องไหนที่นายคิดถึงแล้วมีความสุข?" พี่ใหญ่ก้มหน้าลงมาถามน้องชาย
"บอกไม่ได้ เป็นความลับ" เคนเงยหน้าขึ้นมาแล้วตอบพี่ชายด้วยสีหน้าอมยิ้ม
"หัดมีความลับกับพี่ชายแล้วหรอ?" พี่ใหญ่ว่าพลางดึงแก้มน้องทั้งสองข้างไปด้วย
"ทำไม? ชั้นจะมีความลับบ้างไม่ได้หรืองัย?" เคนย้อนถามด้วยน้ำเสียงกวนๆ พี่ใหญ่หันไปหาแวนเนสแล้วพูดปรึกษา
"เราจะล้วงเอาความลับจากน้องกันดีมั๊ยแวนเนส?" แวนเนสได้ยินก็พยักหน้าตอบรับโดยไม่ต้องคิด
"ไม่มีทาง! ยังงัยชั้นก็ไม่บอก!" เคนส่ายนิ้วไปมาพร้อมกับยืนกรานหนักแน่น
"งั้นก็ลองดู!!" แวนเนสว่าแล้วก็ใช้ช่วงที่เคนเผลอรวบตัวน้องชายไว้แล้วจับนอนลงบนเตียงจากนั้นก็ช่วยกันกับเจอร์รี่จี้เอวน้อง เคนหัวเราะลั่นพลางดิ้นขลุกขลักไปมาอยู่บนเตียงทั้งต่อว่าทั้งขอร้องพี่ชายทั้งคู่ให้หยุดแกล้งเขา เมื่อรุมแกล้งน้องกันพอหอมปากหอมคอแล้วพี่ชายทั้งคู่ก็ปล่อยตัวน้องเป็นอิสระ
"นิสัยไม่ดี! ชอบรวมหัวกันแกล้งชั้นเรื่อยเลย!" เมื่อหลุดออกมาได้เคนก็ต่อว่าพี่ชายทั้งคู่
"ฮ่าๆๆๆ!!!" เจอร์รี่กับแวนเนสเอาแต่หัวเราะเพราะขำที่ทั้งหน้าทั้งหัวของน้องตอนนี้ยุ่งพอๆกัน เมื่อเห็นพี่ชายหัวเราะกันไม่หยุดเคนก็ค้อนใส่ด้วยสีหน้ามุ่ยๆ
"โอ๋ๆๆๆ ไม่แกล้งแล้ว พี่สองคนไม่แกล้งนายแล้วอย่างอนเลยนะ" เจอร์รี่พูดง้อพร้อมกับโยกหัวน้องไปมาเบาๆ
"ไม่ต้องมายุ่งเลย! ชั้นไม่ไว้ใจพวกนายหรอก!" เคนแหวใส่พร้อมกับปัดมือพี่ชายออก ในขณะนั้นโทรศัพท์ของเคนก็ดังขึ้นพอดี
"น้องเป็นงัยบ้างครับพ่อ?" เมื่อเห็นว่าเป็นพ่อโทรมาเคนก็ซักถามทันที
"ไม่เป็นไรแล้วลูก แผลไม่ได้ลึกแต่เป็นรอยยาวเท่านั้นเองเลยไม่ต้องเย็บแผล ตอนนี้หมอทำแผลให้เสร็จแล้ว พ่อกำลังจะพาน้องกลับ พวกลูกเก็บของกันเสร็จหรือยัง?" พ่อตอบกลับมาพร้อมกับถามลูกชายด้วยในคราวเดียวกัน
"กำลังเก็บกันอยู่ครับ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว" เคนตอบแล้วส่งสัญญาณให้พี่ชายอีกสองคนรู้ว่าน้องเล็กไม่ได้เป็นอะไรมาก
"โอเค งั้นอีกเดี๋ยวพ่อคงถึงแล้ว แล้วค่อยคุยกันนะลูก" เคนตอบรับคำพูดแล้ววางสายไป
"น้องไม่เป็นไรมากใช่มั๊ย?" แวนเนสถามทันทีที่เคนกดวางสาย
"อืม พ่อบอกว่าแผลไม่ลึกแต่เป็นรอยยาว หมอทำแผลให้น้องเสร็จแล้วกำลังจะกลับ" เคนตอบพี่ชายแล้วลุกขึ้นยืน
"พ่อบอกให้นายสองคนรีบเก็บของซะ! มัวแต่โอ้เอ้กันอยู่ได้!" ได้ทีชี้นิ้วสั่งพี่ชายทั้งคู่ต่อ เจอร์รี่กับแวนเนสมองน้องชายตาปริบๆ
"ยังจะมามองอีก! ไปเก็บของ!" เอ็ดใส่พี่ชายเข้าให้อีก
"รู้แล้วคร้าบบบ....คุณชายก็ควรจะเก็บของคุณชายเองด้วยนะครับ....." แวนเนสกัดฟันพูดกับน้องอย่างหมั่นไส้
"นายก็เก็บให้สิ! ชั้นเป็นคุณชายนะ!" เคนแกล้งวางมาดกับพี่ชาย
"เดี๋ยวคุณชายจะโดนตี! ไม่รู้จักมีสัมมาคารวะบ้างเลย!" พี่ใหญ่พูดแทรกขึ้นมาบ้าง เคนได้ยินก็ยิ้มแหยๆแล้วรีบลุกไปหยิบกระเป๋าเดินทางของตัวเองออกมาทันที
"หึๆๆๆ" แวนเนสแอบหัวเราะเยาะน้อง เจอร์รี่จึงเปลี่ยนสายตามาที่แวนเนสด้วย
"นายก็ไม่ต้องหัวเราะ! ไปช่วยน้องเก็บของ!" เอ็ดแวนเนสเข้าให้อีกคน คราวนี้เคนเป็นฝ่ายแอบหัวเราะบ้าง แวนเนสย่นจมูกใส่พี่ชายแล้วเดินไปนั่งลงข้างน้องเพื่อช่วยเก็บของ พี่ใหญ่ส่ายหน้ากับความทะเล้นของเจ้าน้องชายทั้งคู่
"พับดีๆสิ อย่ายัดลงไปแบบนั้น ไม่มีระเบียบกันเลย" ต่อว่าน้องๆขึ้นมาอีกเมื่อเห็นน้องชายทั้งสองคนช่วยกันยัดเสื้อผ้าลงใส่กระเป๋าโดยไม่ได้พับก่อน
"โธ่! เสื้อผ้ามันใส่แล้วกลับไปก็ต้องซักไม่เห็นต้องพับเลย" เคนโอดครวญพร้อมกับอธิบายเหตุผลให้พี่ชายฟัง
"ใส่แล้วก็ต้องพับ! อย่าทำเป็นคนไร้ระเบียบกันหน่อยเลย!" ได้ยินดังนั้นแวนเนสกับเคนก็หันไปทำหน้าเมื่อยใส่กันแต่ก็หยิบเสื้อผ้าทั้งหมดออกมาพับแต่โดยดี ผ่านไปพักหนึ่งสามพี่น้องก็เก็บของเสร็จหมดเรียบร้อยและเป็นเวลาเดียวกันกับที่พ่อแม่พาไจ่ไจ๋กลับมาพอดี
"ไม่ลืมอะไรกันแล้วนะ" พี่ใหญ่ถามย้ำแล้วมองไปรอบๆห้อง
"ไม่น่าจะลืมแล้วหละ" แวนเนสตอบแล้วหยิบกระเป๋ามากองรวมกันไว้
"งั้นก็ลงไปข้างล่างกัน" ชวนน้องชายทั้งคู่ลงไปหาพ่อแม่และน้องเล็ก เจอร์รี่กับแวนเนสหยิบของขึ้นมาถือไว้แต่เคนกลับยืนอยู่เฉยๆ พี่ชายสองคนสบตากันเล็กน้อย
"ลืมอะไรหรอเสี้ยวเทียน?" แวนเนสเดินเข้ามาถามน้อง เคนส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยแต่สายตายังคงมองไปรอบๆห้อง
"ลาก่อนนะครับอาเจียง ขอบคุณที่ส่งผมคืนให้ครอบครัว" เคนพึมพำออกมาเบาๆ พี่ใหญ่ได้ยินก็วางของในมือลงแล้วขยับเข้าไปยืนข้างๆพร้อมกับเอามือโอบไหล่น้องชายไว้
"ตอนไฟไหม้ ชั้นคิดว่าอาเจียงจะต้องพาชั้นไปอยู่ด้วยแน่ๆ แต่สุดท้ายอาเจียงก็คืนชั้นให้พ่อ" เคนพูดต่อเบาๆ เจอร์รี่โน้มหัวน้องลงมาซบที่ไหล่ตัวเองอย่างอ่อนโยน ส่วนแวนเนสก็มองน้องชายอย่างเข้าใจความรู้สึกของเคนดีว่าคงอยากบอกลาที่นี่ เคนซบหน้าลงที่ไหล่พี่ชายคนโตแล้วนิ่งไปนานก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมา
"ลงไปข้างล่างกันเถอะ! กลับบ้านเราดีกว่า!" พูดกับพี่ชายทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงร่าเริง พี่ชายทั้งคู่ยิ้มให้น้องแล้วพยักหน้า จากนั้นสามพี่น้องก็เดินตามกันลงบันได

- ชั้นล่าง -
"เป็นงัยมั่งไอ้ตัวแสบ? หายซ่าส์เลยสิทีนี้!" แวนเนสทักน้องเล็กที่นั่งหน้าจ๋อยอยู่ข้างๆแม่
"ไม่เป็นไรเท่าไหร่หรอกครับ" ตอบเสียงแผ่วแล้วก้มหน้าก้มตาอยู่อย่างนั้นเพราะกลัวพี่ใหญ่ดุ
"ทำไมถึงโดนหินบาดเท้าได้?" แล้วพี่ใหญ่ก็ถามขึ้นดังคาด น้องเล็กขยับเข้าไปเบียดแม่เป็นการหาตัวช่วย
"น้องออกไปหยิบของโดยไม่ใส่รองเท้าจ๊ะ" แม่ตอบแทนลูกชายคนเล็ก
"แม่อ่ะ....บอกทำไม? เดี๋ยวพี่ใหญ่ก็ดุผม....." ไจ่ไจ๋พูดกับแม่เสียงแผ่ว
"คิดว่าแม่ไม่บอกแล้วพี่จะไม่รู้หรือยังงัย? พูดเท่าไหร่เตือนเท่าไหร่ไม่เคยฟัง! ต้องรอให้เจ็บตัวแบบนี้ก่อนทุกครั้ง!" เจอร์รี่ทำเสียงดุน้อง
"ก็ผมคิดว่า....." ไจ่ไจ๋ทำท่าจะเถียงแต่ก็ต้องหยุดกระทันหันเมื่อประสานสายตาดุๆของพี่ใหญ่
"อย่าดุน้องอีกเลยเจอร์รี่ ยังงัยซะน้องก็ได้รับบทเรียนแล้ว" พ่อพูดไกล่เกลี่ยขึ้นมาก่อน เจอร์รี่ทำหน้ามุ่ยใส่พ่อเพราะพ่อชอบออกตัวปกป้องทุกครั้งที่เขาดุน้อง
"ผมขอโทษครับพี่ใหญ่ พี่จะดุจะตีผมก็ได้แต่อย่าโกรธผมเลยนะ" น้องเล็กพูดเสียงอ่อนอ่อย
"มาขอโทษพี่ทำไม? ขนาดพ่อกับแม่ยังไม่ว่าอะไรนายเลยซักคำแล้วพี่เนี่ยจะมีสิทธิอะไรไปโกรธนายหละ?" ว่าประชดน้องกลับแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
"แม่ว่าไปแล้วจ๊ะ" แม่บอกแล้วเปลี่ยนที่นั่งมานั่งข้างเจอร์รี่แทน
"แล้วมาบอกผมทำไมกัน? ไม่ได้อยากรู้เลย" เจอร์รี่พูดเสียงแข็งนิดๆ
"นี่! พูดแบบนี้กับแม่ได้ยังงัย? พูดจาให้มันดีๆหน่อยสิ!" แวนเนสได้ทีดุพี่ชายบ้าง เจอร์รี่เปลี่ยนสายตามายังคนพูด
"เอ่อ....ไจ่ไจ๋! แผลนายเนี่ยสรุปว่าไม่ต้องเย็บใช่มั๊ย?" รีบเปลี่ยนเรื่องหันไปคุยกับน้องเล็กทันที
"ไม่ต้องครับ" น้องเล็กตอบเบาๆ ส่วนพ่อกับแม่ได้แต่ส่งยิ้มให้กันด้วยขำกับความทะเล้นของแวนเนส
"งั้นก็ดีแล้ว ไม่งั้นคนแถวนี้เป็นห่วงแย่" แวนเนสตอบพร้อมกับเหล่ไปทางพี่ชายคล้ายจะแหย่แต่เมื่อเห็นพี่ชายไม่เล่นด้วยก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ
"ผมกับเสี้ยวเทียนเก็บของกันเสร็จแล้วครับ เราจะกลับกันเลยหรือเปล่า?" หันไปถามพ่อแก้เก้อ
"หึๆๆๆ ลูกก็ชอบไปกวนพี่เขา แบบนี้หละสิถึงได้ถูกดุเอาบ่อยๆ" พ่อหัวเราะพร้อมกับพูดอย่างอารมณ์ดี
"นายเจ็บแผลมากหรือเปล่าไจ่ไจ๋?" เคนหันมาถามอาการน้องชายด้วยความเป็นห่วง
"พอทนครับพี่กลาง" ไจ่ไจ๋ตอบเบาๆพร้อมกับเหลือบมองพี่ใหญ่แต่เจอร์รี่ทำเป็นไม่สนใจ
"เดี๋ยวอีกซักพักนายจะอาจจะปวดระบมมากกว่านี้ก็ได้ หมอให้ยาแก้อักเสบหรือยาแก้ปวดมาหรือเปล่า?" เคนถามน้องต่ออีก
"ให้มาทุกอย่างเลยจ๊ะ แล้วหมอก็กำชับด้วยว่าห้ามให้เท้าโดนน้ำแล้วก็ต้องล้างแผลทุกวัน" แม่เป็นคนตอบแทนให้
"แล้วน้องกินยาหรือยังครับ?" เคนถามซักไซร้ไม่เลิก
"กินไปเมื่อกี้แล้วจ๊ะ" แม่ตอบยิ้มๆ รู้สึกดีใจที่เห็นลูกๆเป็นห่วงเป็นใยและรักใคร่กันขนาดนี้
"อยากกลับบ้านกันหรือยังลูก?" พ่อเอ่ยถามขึ้นมาใหม่เมื่อทุกคนเงียบเสียงลงอีกครั้ง
"เสี้ยวเทียน อยากกลับบ้านหรือยัง?" เมื่อไม่มีเสียงใครตอบพ่อเลยหันไปถามเคนแบบเฉพาะเจาะจงเพราะไม่แน่ใจว่าเคนยังอยากจะอยู่ต่อหรือไม่
"อยากแล้วครับ เรารีบกลับหน่อยจะได้ถึงไม่เย็นมากแล้วจะได้มีเวลาพักผ่อนกันเยอะๆ" เคนพยักหน้ารับพร้อมกับพูดเสริม
"งั้น....เจอร์รี่พยุงน้องหน่อยสิลูก" พ่อหันไปพูดกับลูกชายคนโตแบบบังคับกลายๆ
"น้องคงไม่ต้องให้พยุงหรอกมั้ง? แผลแค่นี้เรื่องเล็ก ไกลหัวใจตั้งเยอะ" พูดประชดน้องเล็กเพราะยังไม่หายโกรธน้อง ได้ยินแบบนี้ไจ่ไจ๋เองก็เริ่มหน้าตึง
"เราก็เป็นซะแบบนี้!" แม่เลยเอ็ดเข้าให้ เจอร์รี่หน้ามุ่ยลงเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นขยับจะเข้าไปช่วยน้องแต่ไจ่ไจ๋กลับส่ายหน้าแล้วพยุงตัวลุกขึ้นเอง
"นั่นสิครับแม่ แค่นี้เองไม่เห็นจะเป็นไรเลย ยังห่างไกลความตายอีกเยอะ" พี่ใหญ่มองหน้าน้องแล้วอ้าปากจะต่อว่าแต่แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร
"พูดอะไรน่ะไจ่ไจ๋? ไม่เห็นดีเลย" เคนปรามน้องเบาๆ
"ไม่ดีก็ช่าง ไม่ต้องช่วยหรอก ผมเดินเองได้" พูดจบก็เดินกระเผลกๆออกไปอย่างงอนๆพี่ชายคนโต เห็นท่าทางน้องเล็กแล้วพ่อแม่ แวนเนสและเคนก็หันไปมองเจอร์รี่พร้อมกัน
"เป็นงัยหละ? ประชดไม่เข้าเรื่อง" เคนต่อว่าพี่ชายเข้าให้ พี่ใหญ่ชี้หน้าน้องแล้วอ้าปากจะเถียงแต่เคนก็ดักคอขึ้นมาก่อน
"ไม่ต้องเถียงเลยนะ!" เจอร์รี่อ้าปากค้างเมื่อโดนน้องเอ็ดเข้าให้ พ่อกับแม่แอบอมยิ้มแต่ไม่ได้แสดงออกโจ่งแจ้งนักเพราะรู้ว่ายังงัยเคนก็ไม่ควรจะต่อว่าพี่ชายแบบนี้
"เดี๋ยวก่อน.....เดี๋ยวโดนแน่ๆ....." เจอร์รี่งึมงำคาดโทษน้องชายอยู่คนเดียวเพราะพอจะรู้ว่าพ่อกับแม่ต้องเข้าข้างเคนอย่างแน่นอน
"ยังจะบ่นอีก! สอนไม่จำ!" เคนว่าพี่ชายทิ้งท้ายแล้วรีบเดินตามน้องเล็กออกไปทันทีด้วยรู้ว่าหากพูดไปแล้วยังยืนอยู่คงได้โดนพี่ชายเล่นงานแน่ๆ
"เสี้ยวเทียน! ไอ้...." เจอร์รี่ถึงกับด่าไม่ออกเมื่อโดนน้องว่าเข้าไปเช่นนี้ พ่อแม่และแวนเนสเองก็พยายามกลั้นหัวเราะด้วยเช่นกัน
"ยิ้มทำไม!?" เมื่อทำอะไรเคนกับไจ่ไจ๋ไม่ได้ก็หันมาพาลเอากับแวนเนสแทน
"ชั้นยิ้มอยู่หรอ?" แวนเนสย้อนถามทั้งๆที่ตัวเองยังคงยิ้มแฉ่ง
"เดี๋ยว....." ยกมือชี้หน้าน้องแต่แวนเนสรีบวิ่งตามน้องชายสองคนออกไปด้วย คราวนี้พ่อกับแม่หัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างกลั้นไม่อยู่แต่ก็เพียงเบาๆเท่านั้นเพราะไม่อยากให้ลูกชายอารมณ์เสียไปมากกว่านี้
"พ่อครับ แม่ครับ" เจอร์รี่เริ่มหน้ามุ่ยที่พ่อกับแม่เห็นว่าการที่น้องลามปามเขาแบบนี้เป็นเรื่องตลก
"ไปเถอะลูก ขึ้นรถได้แล้ว" แม่บอกพร้อมกับพยายามกลั้นยิ้ม เจอร์รี่หน้ามุ่ย
"พ่อกับแม่ชอบให้ท้ายพวกมันอยู่เรื่อย ผมถึงได้....." เจอร์รี่ยังพูดไม่ทันจบพ่อก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
"พ่อไม่สงสัยเลยว่าทำไมพักหลังๆมาลูกถึงได้หน้าแก่ขึ้นมาก เพราะตั้งแต่มาถึงพ่อได้ยินแต่ลูกบ่นน้องยังไม่หยุดเลยเนี่ย ไป.....ขึ้นรถได้แล้ว....." พ่อว่าแล้วตัดบทโดยการโอบไหล่แม่ไปที่รถด้วย เจอร์รี่อ้าปากค้างไปพักหนึ่งก่อนที่จะเดินตามไปขึ้นรถอย่างเคืองๆ




 

Create Date : 13 มีนาคม 2550    
Last Update : 13 มีนาคม 2550 10:23:00 น.
Counter : 1139 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  
 
 

loving_zai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




[Add loving_zai's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com