Chapter 46

ตอนที่ 46

"มาแต่เช้าเลยนะคะ" กลอเรียหันไปทักทายคนรักที่เดินหน้ามุ่ยเข้ามา

"ผมหิวข้าว คุณไปกินข้าวกับผมหน่อยนะ" แวนเนสไม่พูดพร่ำทำเพลงแต่เดินไปจูงมือกลอเรีย

"มี่เฟิง พี่ฝากร้านเดี๋ยวเดียวนะ แล้วจะซื้อขนมมาฝาก" แวนเนสหันไปบอกกล่าวเด็กสาวรุ่นน้องด้วย

"ตามสบายค่ะ ช่วงเช้าคนไม่เยอะเท่าไหร่ ชั้นดูร้านคนเดียวได้ค่ะ" เธอตอบพร้อมกับยิ้มให้ ดังนั้นแวนเนสจึงพากลอเรียออกจากร้านไปที่รถ

"ทะเลาะกับใครมาคะ? หน้าตาบึ้งตึงเชียว" หญิงสาวสอบถามคนรักอย่างเป็นห่วง

"คืนนี้ให้ผมนอนที่ร้านนะ ผมจะไม่กลับบ้านแล้ว" แวนเนสพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ

"ทะเลาะกับเจอร์รี่มาอีกแล้วหรอ?" กลอเรียถามอย่างพอจะรู้เพราะเมื่อไหร่ที่แวนเนสงอนใครมาก็จะวิ่งมาหาเธอทุกที

"ไม่ได้ทะเลาะ" แวนเนสปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม

"งั้นทำไมต้องมานอนที่ร้านด้วยคะ?" เธอตั้งคำถามต่อ แวนเนสเหลือบมองคนรักเล็กน้อย

"ผมก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างสิ ช่วงนี้น้องๆไม่อยู่บ้านมันเงียบๆยังงัยก็ไม่รู้ เลยไม่อยากอยู่บ้าน" แวนเนสตอบเป็นเชิงเถียงข้างๆคูๆ

"อืม.....งั้นก็ตามใจค่ะ ดีเหมือนกันเพราะได้ยินมาว่าช่วงนี้ร้านค้าส่วนใหญ่ในแถบนี้ถูกงัดเป็นประจำ คุณมานอนเฝ้าก็น่าจะดี" แวนเนสได้ยินก็เหลือบมองหน้าคนรัก

"ห่วงร้านมากกว่าห่วงผมหรอ? คุณไม่กลัวว่าโจรจะงัดร้านแล้วเข้ามาทำร้ายผมหรืองัย? อยากเป็นหม้ายหรอ?" แกล้งถามล้อคนรัก

"คุณนี่เฮี้ยวจริงๆเลยนะคะ! ชั้นไปเป็นอะไรกับคุณตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมคุณเป็นอะไรไปแล้วชั้นต้องเป็นหม้ายด้วย?" แวนเนสเลยเริ่มยิ้มออกเมื่อเห็นหญิงสาวโวยวาย

"อ้าว! ถามแปลกๆ.....คุณก็เป็นว่าที่ภรรยาผมน่ะสิ บอกไว้ก่อนนะว่าคุณหลวมตัวเป็นแฟนกับผมแล้วยังงัยก็หนีไม่รอดหรอก" ว่าพลางทำหน้ากรุ้มกริ่มกับคนรัก

"ทะเล้นจริงๆเลยเชียว! ชั้นไม่อยากคุยกับคุณแล้ว" พูดจบหญิงสาวก็รีบเบือนหน้าหนีแต่เพราะอายมากกว่าจะโกรธ

"โอ๋.....อยากงอนไปเลยนะ ผมก็ปากไม่ดีแบบนี้แหละ อย่าถือสาผมเลย....." รีบง้อคนรักซะยกใหญ่ กลอเรียหันมาทำหน้าดุใส่

"ตั้งใจขับรถหน่อยสิคะ เอาแต่เล่นอยู่ได้" แวนเนสได้ยินก็ทำหน้าล้อเลียนเธอแต่ก็หันกลับไปดูทางและขับรถมาจนถึงร้านอาหาร

"ตอนเช้ากินอะไรง่ายๆก็แล้วกันแล้วมื้อเย็นผมจะเลี้ยงอาหารอร่อยๆ" พูดจบก็ชวนกลอเรียลงไปที่ร้าน

"ผมขอโจ๊กที่นึงแล้วก็กาแฟถ้วยหนึ่ง" แวนเนสสั่งอาหารแล้วมองหน้าคนรัก

"ชั้นขอกาแฟกับขนมปังปิ้งแผ่นนึงค่ะ" กลอเรียสั่งอาหารของเธอแล้วมองหน้าแวนเนส

"ไม่คิดจะเล่าให้ชั้นฟังจริงๆหรือคะ?" แวนเนสได้ยินก็ทำเฉไฉ

"เล่าเรื่องอะไรครับ?" ย้อนถามพลางทำหน้าซื่อ

"ก็เล่าว่าทำไมวันนี้คุณถึงอารมณ์เสียแต่เช้า? แถมยังประกาศอีกว่าจะไม่กลับบ้าน แบบนี้มันไม่ใช่นิสัยปกติของคุณเลยนี่คะ" กลอเรียพูดด้วยท่าทางค่อนข้างจริงจังเพราะเป็นห่วงแวนเนส

"ก็.....เฮ่อ!" แวนเนสเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังงัยเลยได้แต่ถอนใจ เมื่อเป็นดังนั้นหญิงสาวจึงไม่เซ้าซี้อีก

"ตามใจค่ะ ถ้าคิดว่าเก็บอยู่ในใจคนเดียวแล้วคุณจะสบายใจกว่าก็ไม่เป็นไร" พูดจบอาหารที่สั่งก็มาเสริฟพอดี

"ความจริงก็ไม่มีอะไรมากหรอก ผมอาจจะคิดมากไปเอง" แวนเนสตัดสินใจเล่าให้หญิงสาวฟัง

"ก็ตั้งแต่เสี้ยวเทียนไปทำงานแล้วเอาไจ่ไจ๋ไปเที่ยวด้วย เจอร์รี่ก็ทำงานจนกลับบ้านดึกดื่นทุกวัน อย่างเร็วก็เที่ยงคืนกว่าอย่างช้าสุดๆก็เกือบตีสอง" กลอเรียยกกาแฟขึ้นดื่มแต่ก็ไม่ได้พูดแทรกอะไร

"แล้วช่วงนี้ผมเองก็ไม่มีงานอะไร อยู่บ้านคนเดียวก็เหงาเหมือนกัน บางทีก็นั่งรอจนเขากลับบ้านเพื่อที่อยากจะคุยเล่นกันบ้างแต่พอเขากลับมาก็เหนื่อยแล้ว เวลาผมคุยก็เหมือนเขาไม่ค่อยอยากจะคุยด้วยซักเท่าไหร่ แบบนี้มันน่าน้อยใจมั๊ยหละ?" เล่าให้กลอเรียฟังด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ

"วันนั้นที่ผมไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วกลับเกินเวลาที่เขากำหนดผมก็ถูกตี ตอนนั้นผมก็บอกเขาไปตรงๆแล้วว่าผมไม่อยากอยู่บ้านคนเดียวถึงต้องออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ แล้วเขาก็รับปากกับผมว่าจะไม่กลับบ้านดึกแต่ผลมันก็ไม่ต่างกันซักเท่าไหร่หรอกเพราะเขากลับบ้านเร็วขึ้นก็จริงแต่หอบงานกลับมาทำด้วยแล้วถ้าผมชวนคุยเวลาที่เขาทำงานก็จะโดนด่าหาว่าผมเป็นตัวยุ่งตัวป่วน แต่พอไจ่ไจ๋โทรมาไม่ว่าเขาจะทำอะไรอยู่ก็ต้องรีบรับโทรศัพท์ทันทีแถมยังคุยกันตั้งนานอีกด้วย เจอแบบนี้ผมเลยบอกให้เขาไม่ต้องเอางานกลับมาทำแล้วให้ทำให้เสร็จๆจากที่บริษัทเลย" กลอเรียเอื้อมมือไปตบหลังมือคนรักเบาๆ

"เฮ่อ! ผมนี่ไม่ได้เรื่องเลยเนอะ ขี้งอนเป็นเด็กๆไปได้....." แวนเนสเล่าจบแวนเนสก็ต่อว่าตัวเอง

"ไม่หรอกค่ะ ฟังจากที่คุณเล่ามามันก็น่าน้อยใจอยู่เหมือนกัน" กลอเรียพูดปลอบใจคนรัก

"แต่ชั้นก็เห็นใจเจอร์รี่นะคะ เพราะดูท่าทางแล้วงานเขาก็หนักเอาการอยู่เหมือนกัน" แวนเนสได้ยินก็พยักหน้า

"ก็ใช่ งานเขาค่อยข้างหนักเพราะหลังจากที่ผมกับเสี้ยวเทียนออกจากบริษัทมาแล้ว งานส่วนของผมกับเสี้ยวเทียนก็ไปถมอยู่ที่เขาเกือบหมด" แวนเนสตอบพร้อมกับขยายความให้ฟัง

"งั้นทำไมคุณถึงไม่ช่วยงานเจอร์รี่เขาหละคะ? เจอร์รี่ทำงานคนเดียวต้องกลับบ้านดึกดื่นขนาดนั้นแต่ถ้าคุณไปช่วยเขางานก็จะเสร็จเร็วขึ้นแล้วผลที่คุณจะได้รับก็คือคุณเองก็ไม่ต้องนั่งเหงาอยู่บ้านคนเดียวแถมเจอร์รี่เขาก็ไม่เหนื่อยมากด้วย แล้วเขาก็จะมีเวลาว่างไปกินข้าวกับคุณหรือคุยเล่นกับคุณได้ด้วยนะคะ" กลอเรียแจกแจงเหตุผลให้แวนเนสฟังตรงๆ แวนเนสฟังแล้วก็เงียบไป

"ชั้นว่าเจอร์รี่เขาคงไม่ได้ไม่อยากจะคุยกับคุณหรอกค่ะ แต่คนเราเวลาเหนื่อยๆก็ต้องอยากพักผ่อนด้วยกันทั้งนั้น ฉะนั้นการพูดโต้ตอบอะไรกับใครอาจจะฟังดูเนือยๆเหมือนถามคำตอบคำ ชั้นว่าคุณอย่าคิดมากกับข้อนี้เลยนะคะ" กลอเรียพูดเสริมแต่ก็ปลอบโยนคนรักอยู่ในที แวนเนสคิดตามคำพูดของหญิงสาวแล้วก็เห็นว่าเป็นจริงตามที่เธอพูด

"แหม.....คุณเนี่ยเป็นแฟนผมหรือเป็นแฟนเจอร์รี่กันแน่? เข้าอกเข้าใจกันดีจังเลยนะ" แกล้งพูดกระแนะกระแหนหญิงสาวก่อนที่จะยกกาแฟขึ้นมาดื่ม

"ถ้าเจอร์รี่คิดจะจีบชั้นบางทีชั้นอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้นะคะ" กลอเรียพูดตอบโต้แวนเนสด้วยสีหน้านิ่งๆ ทำเอาแวนเนสถึงกับสำลักกาแฟ

"เฮ้ย! ไม่ได้นะ! ถ้าคุณกล้าเปลี่ยนใจจากผม....." แวนเนสทำหน้าเข้มใส่คนรัก

"คุณจะทำไมคะ?" เธอแกล้งย้อนถามพร้อมกับซ่อนรอยยิ้มไว้

"ผมก็จะตื๊อให้คุณกลับมาหาผม" แวนเนสตอบหน้าตาเฉยๆ กลอเรียก้มหน้าลงแล้วอมยิ้มกับคำพูดนั้น

"แล้วผมก็แน่ใจว่าคุณต้องแพ้ลูกตื๊อของผมอย่างแน่นอน" แวนเนสเห็นหญิงสาวยิ้มก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆพร้อมกับพูดอย่างมั่นใจ

"เจอคนกะล่อนอย่างคุณไม่แพ้ก็แปลกแล้ว เลิกพูดมากแล้วทานโจ๊กได้แล้วค่ะเย็นชืดหมดแล้ว" เธอว่าแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องทันที แวนเนสจึงยิ้มออกแล้วเอนตัวกลับมานั่งกินโจ๊กด้วยสีหน้ามีความสุข

"เย็นนี้คุณอยากกินอะไรครับกลอเรีย?" แวนเนสถามคนรักทั้งๆที่มือยังถือช้อนกินอาหารเช้ายังไม่หมด ในขณะนั้นโทรศัพท์ของแวนเนสก็ดังขึ้นเขารีบหยิบออกมาแต่พอเห็นเป็นเบอร์พี่ชายก็เบ้ปากเล็กน้อย

"ไม่รีบรับหละคะ?" กลอเรียถามอย่างสงสัยเพราะเห็นสีหน้าของแวนเนสเป็นแบบนั้น

"คุณรับให้หน่อย บอกว่าผมไม่ว่างคุย" พูดจบก็ยัดเยียดโทรศัพท์ให้กลอเรียรับแทน

"คุณนี่จริงๆเลย" แม้จะบ่นแต่เธอก็รับสายให้

"สวัสดีค่ะเจอร์รี่" เธอเอ่ยทักทายไปอย่างสุภาพ

"กลอเรียหรอ? แวนเนสอยู่มั๊ย?" เสียงเจอร์รี่ถามมาตามสาย

"อยู่ค่ะ แต่เขาทานข้าวอยู่" กลอเรียตอบพร้อมกับให้เหตุผล

"อ้อ! งั้นผมไม่รบกวนแล้วไว้ค่อยโทรมาใหม่แล้วกัน" พอรู้ว่าน้องกำลังกินข้าวกันอยู่เจอร์รี่ก็ไม่อยากกวน

"ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่คุณมีอะไรฝากบอกเขามั๊ยคะ?" กลอเรียซักถามต่อ

"เอ่อ....บอกเขาว่าวันนี้กลับบ้านเร็วหน่อยแล้วกัน ผมจะทำกับข้าวรอ คุณก็มาทานมือเย็นด้วยกันนะ"
เจอร์รี่ว่าพร้อมกับชวนหญิงสาวด้วย

"ได้ค่ะ แล้วจะบอกเขาให้นะคะ" พูดจบแล้วทั้งคู่ก็วางสายพร้อมกัน

"เขาว่างัย?" แวนเนสถามทันทีที่กลอเรียยื่นโทรศัพท์คืนให้

"เจอร์รี่บอกว่าวันนี้ให้คุณรีบกลับบ้าน....." กลอเรียยังพูดไม่ทันจบประโยคแวนเนสก็รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที

"เฮอะ! ยังมีหน้ามาสั่งให้คนอื่นกลับบ้านเร็วๆอีก ทีตัวเองนะกลับมาตีหนึ่งตีสองก็ไม่มีใครว่า" หญิงสาวได้ยินก็ส่ายหน้าไปมากับความไม่รู้จักโตของคนรัก

"ชั้นยังพูดไม่จบเลยนะคะ ที่เจอร์รี่บอกให้คุณกลับบ้านเร็วหน่อยเพราะเขาจะทำกับข้าวเตรียมไว้ให้....." กลอเรียพูดมาถึงตรงนี้ก็โดนแวนเนสพูดแทรกขึ้นมาอีก

"เรื่องอะไรผมต้องกลับไปกินข้าวที่เขาทำด้วย? ผมนัดกับคุณแล้วว่าจะกินมื้อเย็นด้วยกัน อะ....คุณโทรไปบอกเขาให้หน่อยว่าไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลังผมไม่กลับไปกินข้าวที่บ้านแน่ๆ" หญิงสาวถอนหายใจเบาๆแล้วผลักโทรศัพท์ในมือแวนเนสออก

"คุณบอกเขาเองเถอะค่ะ เพราะชั้นรับปากกับเขาแล้วว่าชั้นจะไปทานข้าวที่บ้านคุณ" แวนเนสได้ยินดังนั้นก็อ้าปากจะพูดแต่หญิงสาวพูดแทรกขึ้นมาต่อ

"เจอร์รี่ชวนชั้นไปด้วยค่ะ แต่ถ้าหากคุณไม่กลับไปกินข้าวที่บ้านคุณก็ไม่เป็นไรชั้นไปคนเดียวก็ได้เพราะถือว่าเจอร์รี่ชวนชั้นแล้ว" พูดจบก็ใช้ส้อมจิ้มขนมปังขึ้นมากิน แวนเนสมองหน้าคนรักด้วยสีหน้ามุ่ยๆ

"กลอเรีย....ผมจะบอกอะไรคุณให้นะ...." แกล้งทำเสียงเข้ม

"ว่านอกจากคุณแล้วผมไม่ยอมให้ใครขัดใจผมแบบนี้เด็ดขาด" กลอเรียได้ยินก็ไม่พูดโต้ตอบเพียงแต่ยิ้มยียวนให้คนรัก

"อื้ม!" แล้วแวนเนสก็ฉวยโอกาสตอนที่หญิงสาวเผลอดึงมือเธอมาจูบ

"แวนเนส! คุณนี่!" กลอเรียตีเพี๊ยะเข้าที่มือของคนรัก

"ขืนทำอะไรรุ่มร่ามอีกชั้นจะไม่พูดกับคุณแล้วนะคะ" พูดขู่ด้วยสีหน้าบึ้งนิดๆ

"ขอโทษคร้าบบบบ....." แวนเนสพูดเสียงยานคราง

"เมื่อไหร่คุณจะกินหมดซักทีคะ? ที่ร้านมี่เฟิงอยู่คนเดียวนะ" ต่อว่าแวนเนสออกมาอีก แวนเนสได้ยินจึงรีบก้มหน้าก้มตาตักโจ๊กกินอย่างรวดเร็ว พอเห็นอย่างนั้นแล้วกลอเรียก็อดที่จะยิ้มกับความไม่รู้จักโตของคนรักไม่ได้



- ตอนเย็น -

"โห! กลับมาเร็วกว่าที่คิดอีก พี่ใหญ่ยังทำกับข้าวไม่เสร็จเลย" เจอร์รี่เดินออกมาต้อนรับน้องชายกับแฟนสาวที่กลับมาถึงบ้านแล้ว

"เห็นมั๊ย? คุณอ่ะจะรีบให้กลับมาทำไมก็ไม่รู้!" แวนเนสหันไปโทษคนรัก

"ก็ต้องมาช่วยเจอร์รี่ทำสิคะ ใจคอคุณจะรอกินอย่างเดียวเลยหรืองัย?" เมื่อได้ยินคำต่อว่านั้นแวนเนสก็ถึงกับอ้าปากค้างส่วนเจอร์รี่แอบเอามือปิดปากขำเจ้าน้องชายตัวดี

"ไม่ช่วย! ก็อยากเรียกให้กลับมากินเองทำไมหละ? ไม่ได้ขอร้องให้ทำให้กินซักหน่อย คุณก็ไม่ต้องช่วยมาดูหนังกับผมดีกว่า" พูดจบก็จะดึงมือหญิงสาวไปที่ห้องนั่งเล่นแต่กลอเรียขืนตัวไว้

"คุณอยากดูก็ดูไปคนเดียวเถอะค่ะ ชั้นจะไปช่วยเจอร์รี่ทำกับข้าว" พูดจบก็หันไปทางเจอร์รี่

"ให้ชั้นช่วยนะคะ" เจอร์รี่เพียงแต่ยิ้มและพยักหน้าแทนคำตอบแล้วนำทางหญิงสาวเข้าไปในครัว ส่วนแวนเนสได้แต่ทำหน้ามุ่ยแล้วไปกระแทกตัวนั่งที่โซฟาอย่างขัดใจ

"นับวันเจ้าแวนเนสนี่ยิ่งร้ายขึ้นทุกที" เจอร์รี่พูดเป็นเชิงบ่นให้กลอเรียฟัง

"เลยลำบากคุณที่ต้องคอยฟังเขาบ่นให้ฟัง หูชาหรือเปล่า?" แล้วก็ถามหญิงสาวแบบติดตลก

"ไม่หรอกค่ะ ปกติแวนเนสเขาก็ชอบคุยไปเรื่อยๆเจอเรื่องอะไรมาเขาก็ระบายออกมาหมด แบบนี้ก็ดีไปอีกแบบนะคะ" เธอตอบยิ้มๆแล้วหยิบถุงผักขึ้นมา

"เมนูคืออะไรคะ?" เอ่ยถามเจอร์รี่พร้อมกับรอยยิ้ม

"เสต็กกับสลัดผักครับ เห็นแวนเนสเขาบ่นว่าอยากลดน้ำหนักลงอีกหน่อยเลยทำอาหารที่ไม่มีแป้งให้ ไม่รู้จะถูกปากคุณหรือเปล่า?" ตอบคำถามนั้นพร้อมกับแสดงความห่วงใยกลอเรียด้วย

"ชั้นทานได้ทุกอย่างแหละค่ะ งั้นเดี๋ยวชั้นจัดการสลัดผักให้แล้วกัน ส่วนคุณจัดการเสต็กนะคะ" เธอพูดพร้อมกับสรุปหน้าที่ให้

"ได้เลยครับ" เจอร์รี่รับคำแล้วเอาเนื้อหมูออกมาหมัก

"แวนเนสเขาได้บอกคุณหรือเปล่าว่าเขาโกรธผมเรื่องอะไร?" เจอร์รี่ถามกลอเรียออกไปตรงๆเพราะเขารู้ว่าแวนเนสต้องเล่าให้กลอเรียฟังแน่นอน

"อ้อ! เขางอนที่คุณทำงานกลับบ้านดึกแล้วพอเขาจะคุยด้วยคุณก็เหนื่อยแล้ว" กลอเรียตอบยิ้มๆ

"เฮ่อ! เจ้าน้องคนนี้ไม่รู้จักโตซักที ไม่ยอมฟังเหตุผลอะไรเลย....." เจอร์รี่บ่นเจ้าน้องชายตัวดีของเขา

"เมื่อวันก่อนโน้นเขาก็โกหกผมบอกว่าจะออกไปสังสรรกับเพื่อนสมัยเรียนมหาลัย แต่ที่ไหนได้ดันไปกับเพื่อนกลุ่มใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน แถมเพื่อนกลุ่มนั้นของเขายังดูท่าทางไม่ค่อยน่าเชื่อถือด้วย ผมเคยจับได้ว่าเขาเคยแอบไปแข่งมอเตอร์ไซด์กับเพื่อนกลุ่มนี้ ตอนนั้นก็ทะเลาะกันไปรอบนึงแล้ว คราวนี้ยังจะมาโกหกอีก" เจอร์รี่แฉพฤติกรรมของเจ้าน้องชายตัวยุ่งให้กลอเรียฟัง

"คุณห่วงเขามากเลยหรือคะ?" กลอเรียย้อนถามเจอร์รี่

"ห่วงสิครับ เขาเป็นคนหัวอ่อนแถมยังเป็นคนที่ใครจะจูงไปไหนก็ได้ มองอะไรในดีตลอดอีกด้วย" เจอร์รี่ตอบออกไปตรงๆ

"เมื่อก่อนคุณพ่อชั้นก็เข้มงวดกับชั้นแบบนี้เหมือนกันนะคะ สมัยเรียนชั้นแทบจะไม่มีวีรกรรมมาเล่าสนุกๆให้คนอื่นฟังได้เลย เพราะทุกวันก็ตื่นเช้าไปเรียนพอเรียนเสร็จก็กลับบ้านมาทำการบ้าน อาบน้ำเข้านอน ตื่นเช้ามาก็เหมือนเดิมอีก พอถึงวันหยุดเสาร์อาทิตย์จะออกไปเที่ยวก็ได้แต่คุณพ่อจะไปด้วยแล้วท่านจะหาร้านนั่งรอพร้อมกับกำหนดเวลาให้กลับมาเจอท่าน ซึ่งจะเป็นแบบนี้ตลอดจนกระทั่งชั้นเรียนจบ" กลอเรียเล่าให้เจอร์รี่ฟัง เจอร์รี่ได้ยินก็ละมือจากการหมักเนื้อเสต็กแล้วหันหน้ามาทางคู่สนทนา

"คุณเป็นผู้หญิงแถมยังเป็นลูกสาวคนเดียวอีกต่างหาก เป็นธรรมดาครับที่คุณพ่อคุณต้องคุมเข้มขนาดนี้ ถ้าผมมีน้องสาวผมเองก็คงต้องทำเหมือนกับที่คุณพ่อของคุณทำนั่นแหละ" เจอร์รี่ให้เหตุผล

"ชั้นเข้าใจค่ะ แต่บางทีชั้นก็อึดอัดเหมือนกัน ยิ่งรู้สึกแบบนั้นมากขึ้นตอนช่วงที่ชั้นฝึกงานเพราะพอถึงเวลาเลิกงานแล้วคุณพ่อจะมารอรับทำให้ชั้นไม่สามารถไปไหนมาไหนกับเพื่อนร่วมงานได้เลย แถมยังโดนที่ทำงานล้อว่าเป็นลูกแหง่อีกต่างหาก ตอนนั้นชั้นเลยตัดสินใจพูดคุยกับคุณพ่ออย่างเป็นจริงเป็นจังว่าไม่ต้องการให้ท่านคอยควบคุมชั้นเหมือนเด็กๆอีก....." กลอเรียหยุดพูดแล้วยิ้มบางๆให้เจอร์รี่

"ท่านก็รับปากค่ะแต่มีข้อแม้ว่าจะปล่อยชั้นหลังจากชั้นเรียนจบแล้ว พอชั้นเรียนจบและได้เข้าทำงานขึ้นมาจริงๆชั้นกลับคิดถึงช่วงเวลาที่มีคุณพ่อมารอรับนะคะ" เจอร์รี่เองก็ยิ้มให้กลอเรีย

"คุณเป็นเด็กดีมาตลอด ผมเชื่อว่าตอนนี้คุณพ่อของคุณคงวางใจปล่อยให้คุณได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ได้แล้ว" กลอเรียไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่พยักหน้ารับ

"ผมอาจจะพูดเหมือนคนแก่ไปหน่อย แต่คุณเชื่อผมเถอะว่าคุณพ่อของคุณท่านยังคงไม่กล้าละสายตาออกจากคุณแน่นอน" เจอร์รี่ว่าอย่างพอจะเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อ

"ชั้นเชื่อค่ะ" เธอตอบพร้อมกับยิ้มให้

"ทุกครั้งที่ชั้นฟังเวลาแวนเนสพูดถึงพวกคุณชั้นก็นึกอยากมีพี่น้องอย่างเขาบ้าง เห็นบางทีเวลาคุณให้อะไรหรือคุณชมอะไรเขาเขาก็จะมาเล่าให้ชั้นฟังอย่างดีใจ หรือเวลาที่โดนคุณดุหรือตำหนิอะไรเขาก็จะเดินหน้ามุ่ยมาบ่นให้ชั้นฟัง เห็นแบบนั้นแล้วชั้นสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกคุณทุกครั้งเลย" กลอเรียเล่าให้เจอร์รี่ฟังพลางหัวเราะเบาๆ

"ผมเดาว่าคงมีกรณีอย่างหลังมากกว่ากรณีแรกใช่มั๊ยครับ?" เจอร์รี่เองก็พลอยหัวเราะไปด้วย

"เจ้าแวนเนสนี่เขาร้ายแบบเงียบๆน่ะครับ ปกติแล้วเขามีเรื่องอะไรก็จะเล่าให้ผมฟังเกือบหมด.....ที่บอกว่าเกือบหมดเพราะมีบางเรื่องที่เขาไม่กล้าคุยกับผมตรงๆ" เจอร์รี่เริ่มเผาน้องชายให้หญิงสาวฟังบ้าง

"เรื่องอะไรคะที่เขาไม่กล้าคุยกับคุณ?" หญิงสาวย้อนถามด้วยความอยากรู้

"เรื่องที่เวลาเขาเกิดน้อยใจผมขึ้นมางัยครับ เจ้าหมอนี่เวลาเขาน้อยใจผมก็จะไปแอบนั่งเศร้าอยู่คนเดียว จำได้เลยว่าตอนที่เสี้ยวเทียนเกิดใหม่ๆแวนเนสเขาอิจฉาเสี้ยวเทียนจะตายไป เพราะว่าปกติผมจะอยู่กับเขาเกือบตลอดเวลาและก็สนใจเขาคนเดียวแต่พอมีเสี้ยวเทียนผมก็หันไปสนใจไปเล่นกับเสี้ยวเทียนด้วย ทุกครั้งที่เขาเห็นผมเล่นกับเสี้ยวเทียนเขาก็จะหนีไปนั่งอยู่คนเดียว" กลอเรียได้ฟังเรื่องสมัยเด็กๆของคนรักแล้วก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้

"แต่แวนเนสเขาก็ร้ายนะครับ มีอยู่ครั้งนึงผมซื้อขนมที่เขาชอบมาสองห่อจะให้เขาห่อนึงแล้วให้เสี้ยวเทียนห่อนึง แต่พอเสี้ยวเทียนกินแล้วเกิดติดใจขึ้นมาผมเลยให้เสี้ยวเทียนกินขนมอีกห่อนึงนั้นด้วยและจะออกไปซื้อมาให้แวนเนสใหม่ แต่พอเจ้าแวนเนสเขาเห็นว่าเสี้ยวเทียนกินส่วนของเขาไปแล้วก็งอนใหญ่หนีไปเก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง ผมก็เลยรีบออกไปซื้อขนมมาให้เขาแต่พอกลับมาก็เจอเสี้ยวเทียนร้องไห้ลั่นบ้านเลย พอถามแม่แม่ก็บอกว่าเสี้ยวเทียนโดนแวนเนสหยิกจนเลือดซิบเลย" เจอร์รี่เล่าวีรกรรมในวัยเด็กของน้องด้วยสีหน้าขำๆ

"โห! ทำถึงขนาดนั้นเลยหรือคะ?" กลอเรียอุทานอย่างคาดไม่ถึงว่าแวนเนสจะร้ายได้ถึงขนาดนั้น

"ไม่น่าเชื่อนะคะว่าอย่างแวนเนสเนี่ยจะอิจฉาคนอื่นเป็นด้วย" เธอว่าเพราะเห็นว่าคนรักของเธอนั้นมองอะไรในแง่ดีเกือบตลอด

"เป็นธรรมดาน่ะครับ ตอนเด็กๆบางทีผมก็อิจฉาน้องๆเหมือนกัน เพราะผมน่ะเป็นลูกคนโตแม่บอกเสมอว่าผมต้องดูแลน้องและเสียสละให้น้อง ตอนนั้นก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นะครับเพราะรู้สึกว่าน้องเกิดมาแล้วแย่งทุกอย่างไปจากผม ทำไมผมมีอะไรถึงต้องให้น้องก่อนทุกที แต่พอทุกครั้งที่เห็นน้องยิ้มให้เดินเข้ามากอดมาหอมแก้มมาบอกว่ารักผมความอิจฉานั้นก็ค่อยๆเลือนหายไปจนไม่รู้สึกแบบนั้นมานานมากแล้ว" เจอร์รี่เล่าไปยิ้มไปเมื่อคิดถึงบรรดาน้องชายจอมยุ่งทั้งสามคน

"คุณเป็นพี่ชายที่ดีมากเลยค่ะ ชั้นยังไม่รู้เลยว่าหากชั้นมีน้องบ้างชั้นจะรักน้องได้เหมือนคุณหรือเปล่า?" กลอเรียเอ่ยชมเจอร์รี่ออกมาจากใจจริง

"ผมคิดว่าคนเรามีสัณชาตญาณของความเป็นพ่อเป็นแม่นะครับ หึๆๆๆ.....ผมพูดเหมือนคนแก่อีกแล้ว....." เจอร์รี่ว่าแล้วก็หัวเราะกับคำพูดของตัวเอง

"ไม่หรอกค่ะ เพราะชั้นก็คิดเหมือนคุณนั่นแหละ" เธอว่าแล้วก็หัวเราะตามไปด้วย ในขณะนั้นเองแวนเนสก็โผล่หน้าเข้ามาดูพอเห็นคนรักคุยยิ้มกับพี่ชายก็เกิดอาการหวงขึ้นมา

"ทำกับข้าวกันเนี่ยสนุกมากนักหรืองัย?" พูดเสียงห้วนแล้วเดินมาแทรกตรงกลางระหว่างเจอร์รี่กับกลอเรีย

"สนุกค่ะ แต่พอคุณเข้ามาแล้วมันกร่อยยังก็ไม่รู้" กลอเรียแขวะแวนเนสหน้าตายทำเอาเจอร์รี่กลั้นหัวเราะไม่ทันเลยหัวเราะออกมาอย่างไม่ปิดบัง

"นี่!!!" แวนเนสไม่กล้าตอบโต้กลอเรียจึงหันไปแหวใส่พี่ชายแทน

"ขอโทษๆๆๆ....." เจอร์รี่รีบขอโทษขอโพยน้องแต่ยังคงอมยิ้มอยู่

"ชอบแขวะผมนักนะ เดี๋ยวเถอะ.....อย่าเผลอแล้วกันจะหอมให้แก้มช้ำเลย....." แวนเนสพูดขู่กลอเรียด้วยสีหน้ามุ่ยสนิท

"เดี๋ยวพี่ใหญ่นี่แหละจะตีเราให้ก้นช้ำเลย พูดจาอะไรแบบนี้!" รีบหันไปดุน้องทันที แวนเนสไม่ตอบโต้อะไรแต่ทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชายแล้วก้าวเข้าไปยืนเบียดคนรัก

"คุณทำอะไรอยู่ ให้ผมช่วยนะ" พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานผิดกับที่กิริยาที่ทำกับพี่ชายโดยสิ้นเชิง

"กำลังจะหั่นผักทำสลัดค่ะ เห็นเจอร์รี่บอกว่าคุณอยากจะลดน้ำหนักลงอีกหน่อยเลยจะไม่กินอาหารจำพวกแป้ง เจอร์รี่เขาก็เลยทำเสต็กกับสลัดให้คุณแทน" กลอเรียบอกแวนเนส

"คุณเห็นมั๊ยคะว่าพี่ชายคุณน่ะเขาห่วงใยคุณขนาดไหน? นี่ถ้าชั้นเป็นคุณคงจะดีใจมากที่มีคนเอาใจใส่ชั้นขนาดนี้" แวนเนสได้ยินก็เบ้ปากใส่

"ถ้าคุณอยากให้ใครเอาใจคุณมากๆก็บอกผมสิ ผมอาสารับหน้าที่นั้นตลอดชีวิตเลย" แม้จะเคืองพี่ชายแต่ก็ไม่วายทำปากหวานใส่คนรัก เล่นเอากลอเรียแก้มร้อนผ่าวด้วยความเขินอาย

"อะฮึ่ม!" เจอร์รี่กระแอมเตือนน้องชาย แวนเนสหันมาค้อนใส่ก่อนที่จะหยิบผักที่เรียงรายอยู่ในกะละมังมาหั่น

"ระวังมือด้วยนะ" ไม่วายเตือนน้องซ้ำอีก

"เอาแต่บ่นอยู่นั่นแหละ! มีอะไรทำก็ไปทำซะสิ!" แวนเนสแหวใส่พี่ชายก่อนจะหันมาช่วยคนรักหั่นผัก เจอร์รี่มองเจ้าน้องชายตัวดีอย่างหมั่นไส้ก่อนจะเอื้อมมือไปเหน็บที่บั้นเอวของน้องชาย

"โอ้ยยยย.....ไอ้...." แวนเนสร้องครางออกมาเบาๆแล้วหันไปมองหน้าพี่ชายกะจะต่อว่าให้สาสมแต่พอเห็นสายตาดุๆของพี่ชายแล้วก็ไม่กล้าเพราะกลัวจะโดนหยิกอีกเลยรีบหันหน้ากลับมาแล้วก้มหน้าก้มตาหั่นผักโดยไม่พูดอะไรต่อ

"เห็นหรือยังครับว่าเจ้านี่น่ะฤทธิ์มากขนาดไหน" เจอร์รี่หันไปบ่นกับกลอเรียเบาๆซึ่งหญิงสาวก็ได้แต่อมยิ้มกับท่าทางกระเง้ากระงอดเหมือนเด็กๆของคนรัก



- เวลาต่อมา -

"ขอบคุณสำหรับอาหารเย็นนะคะ" กลอเรียเอ่ยขอบคุณเจอร์รี่อีกครั้งก่อนจะลากลับ

"ไม่ให้ผมไปส่งจริงหรอ?" แวนเนสถามคนรักต่ออย่างเป็นห่วง

"นั่นสิครับ ให้แวนเนสเขาไปส่งดีกว่า ฟ้ามืดแล้ว" เจอร์รี่เองก็เป็นห่วงหญิงสาวเช่นกัน

"เพิ่งจะหัวค่ำเอง เมื่อก่อนชั้นทำงานกลับบ้านดึกกว่านี้ตั้งเยอะ" หญิงสาวปฏิเสธอีกครั้ง

"ไม่ต้องส่งหรอกค่ะ เดี๋ยวคุณก็ต้องเทียวมาเทียวไป ชั้นกลับเองได้แล้วถึงเมื่อไหร่จะโทรมาบอก" เมื่อเห็นว่าเซ้าซี้ไม่ได้ผลแวนเนสจึงต้องจำยอม

"ก็ได้ แต่ผมเดินออกไปเรียกรถให้คุณก็แล้วกัน" เมื่อได้ยินดังนี้หญิงสาวก็พยักหน้ารับ

"ไปนะคะเจอร์รี่ แล้วก็ขอบคุณอีกครั้งสำหรับอาหารเย็นมื้ออร่อย" เจอร์รี่ยิ้มแล้วพยักหน้ารับ

"ยินดีครับ วันหลังมาอีกนะ" เมื่อร่ำรากันเสร็จแล้วแวนเนสก็จูงมือหญิงสาวเดินออกไปส่งขึ้นรถแท็กซี่

"กลับไปก็อย่างอแงกับเจอร์รี่เขาอีกนะคะ เขาอุตส่าห์ทำเพื่อคุณซะขนาดนี้" หญิงสาวเอ่ยเตือนคนรักขึ้นมากลายๆ

"แหม.....นี่คุณห่วงมันหรือว่าห่วงผมกันแน่เนี่ย?" แวนเนสทำเสียงกระเง้ากระงอด

"ก็ห่วงคุณทั้งสองนั่นแหละค่ะ อยู่บ้านเดียวกันแต่กลับไม่ยอมพูดจากันดีๆแบบนี้น่าอึดอัดออกนะคะ" เธอพยายามพูดเกลี้ยกล่อมคนรัก

"ก็ได้ๆๆๆ ผมสัญญาว่าจะไม่กวนประสาทมันก่อนแต่ถ้ามันกวนผมก่อนอันนี้ก็ไม่อยู่ในสัญญานะ" คำพูดนั้นทำให้หญิงสาวหัวเราะออกมาได้ แม้นิสัยของแวนเนสจะเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโตแต่เมื่อเวลาที่เธอต้องการใครซักคนเขาก็เป็นที่พึ่งให้เธอได้เช่นกัน

"คุณกลับบ้านไปก็รีบพักผ่อนนะ ผมว่าเดี๋ยวนี้คุณน่ะผอมลงไปเยอะเลย" หันมากำชับคนรักบ้าง

"ค่ะ" เธอรับคำสั้นๆ แวนเนสยิ้มให้ก่อนที่จะโบกมือเรียกรถแท็กซี่ที่วิ่งผ่านมา

"เชิญครับ" เปิดประตูให้หญิงสาวขึ้นไปนั่ง

"ชั้นไปนะคะ แล้วเจอกันค่ะ" เธอโบกมือลาแวนเนส

"ครับ ถึงแล้วอย่าลืมโทรมาบอกหละ" แวนเนสรับคำพร้อมกับกำชับคนรักอีกครั้งหนึ่งก่อนจะปิดประตูให้แล้วยืนมองจนรถหายลับตาไปจึงค่อยเดินกลับเข้าบ้าน

"รอส่งจนกลอเรียขึ้นรถเลยหรือเปล่า?" เมื่อเข้ามาในบ้านเจอร์รี่ก็เอ่ยถามทันที

"กลอเรียน่ะแฟนชั้น ชั้นรู้หรอกว่าต้องทำยังงัย" แวนเนสอดที่จะก่อกวนพี่ชายไม่ได้แต่พอพูดออกไปแล้วก็เพิ่งนึกถึงที่สัญญากับหญิงสาวไว้จึงเปลี่ยนคำพูดใหม่

"ส่งขึ้นรถเรียบร้อยแล้วหละ" เจอร์รี่ได้แต่ส่ายหน้ากับเจ้าน้องชายตัวดี

"มานั่งนี่ซิ พี่อยากคุยกับเราซักหน่อย" ตบเบาะบนโซฟาข้างๆเขาพร้อมกับเรียกให้น้องมานั่ง

"ไม่ได้รอโทรศัพท์จากไจ่ไจ๋อยู่หรอ? หรือว่าน้องมันไม่ว่างคุยด้วยหละ?" แล้วแวนเนสก็หลุดปากประชดพี่ชายอีกจนได้

"เฮ่อ! ทำไมนายถึงกัดชั้นไม่เลิกซักทีนะ" เจอร์รี่ได้ยินเช่นนั้นก็ต่อว่าน้องออกมาบ้าง แวนเนสทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แต่ก็เดินมานั่งลงข้างๆ

"ยังไม่หายงอนชั้นอีกหรอ?" เจอร์รี่เอ่ยถามพร้อมกับใช้มือขยี้หัวน้องชายเบาๆ

"ชั้นงอนนายไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา? นายก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้วหนิ" พูดประชดพี่ชายออกมาอีกโดยไม่รู้ตัว

"เฮ่อ!" เจอร์รี่ได้แต่ถอนใจที่น้องเอาแต่ประชดเขา แวนเนสจึงเริ่มรู้สึกตัว

"พรุ่งนี้.....ขอไปบริษัทด้วยได้มั๊ย?" เอ่ยถามพี่ชายเสียงอ่อนลง

"ได้สิ อยากไปเจอเพื่อนๆใช่มั๊ย?" เจอร์รี่รีบตอบรับคำน้องทันที

"ก็ส่วนนึงแต่จริงๆแล้วชั้นอยากจะไปช่วยนายทำงานด้วย" ได้ยินดังนั้นพี่ใหญ่ก็เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ

"เห็นช่วงนี้นายทำงานหนักทุกวัน ไหนๆชั้นเองก็ว่างอยู่ด้วยน่าจะช่วยนายได้บ้าง" พี่ใหญ่จึงเริ่มยิ้มออก ซึ่งเขาก็พอจะเดาออกว่าที่แวนเนสยอมเป็นฝ่ายอ่อนข้อให้เขาเพราะว่ากลอเรียคงพูดโน้มน้าวเจ้าน้องชายตัวดีของเขาให้แน่ๆ

"ปลื้มใจจริงๆที่น้องยังมีแก่ใจอยากจะช่วยพี่ชาย" ได้ยินคำชมเช่นนี้แวนเนสก็เป็นฝ่ายยิ้มบ้าง

"แต่พี่ต้องจ่ายค่าจ้างให้เราด้วยหรือเปล่า?" พอพี่ชายพูดเช่นนี้แวนเนสก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์

"ชั้นไม่เอาอะไรมากหรอก ขอแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนนายก็พอแล้ว" พี่ใหญ่ได้ยินก็บีบจมูกน้องอย่างหมั่นไส้

"งั้นนอนอยู่บ้านเถอะน้องรัก พี่ใหญ่กลัวนายจะทำงานเหนื่อย" แวนเนสหัวเราะร่าเริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว

"พูดเล่นน่า! ชั้นไม่เอาเงินของนายหรอก แต่ว่า......" แวนเนสหยุดพูดแล้วมองหน้าพี่ชาย

"แต่ว่าอะไร?" พี่ใหญ่ถามต่อ

"ชั้นขอค่าจ้างเป็นข้าวสามมื้อ แล้วที่สำคัญชั้นต้องมีสิทธิเลือกร้านเองด้วย" แวนเนสบอกเงื่อนไขพี่ชาย

"โอเค พี่ใหญ่แถมทริปพาไปเที่ยววันอาทิตย์นี้อีกด้วย แต่มีข้อแม้ว่าถ้านายทำตัวดีเท่านั้นนะ" แวนเนสได้ยินก็มีสีหน้าดีใจ

"จริงนะ! พูดแล้วห้ามคืนคำด้วย ต้องพาไปจริงๆนะ" ย้ำคำกับพี่ชายเหมือนเด็กๆ

"ของแถมน่ะจะได้หรือเปล่าพี่จะตัดสินจากพฤติกรรมของนาย ถ้าทำตัวดีนอกจากจะพาไปเที่ยวแล้วอยากได้อะไรจะซื้อให้ แต่ถ้างอแงไม่เชื่อฟังก็อดไปแล้วกัน" ประโยคหลังพี่ใหญ่พูดไปพลางบีบจมูกน้องไปด้วย

"ชั้นสัญญาว่าจะไม่ดื้อ นายสั่งอะไรชั้นจะทำทุกอย่างเลย" แวนเนสรับคำพี่ชายอย่างกระตือรือร้น

"จริงหรอ? งั้นเริ่มจาก.....ไปล้างจานให้หน่อยได้หรือเปล่า?" เจอร์รี่แกล้งถามแหย่น้อง

"โอเค!" พูดจบแวนเนสก็ขยับตัวลุกขึ้น

"ล้างครัวให้ด้วยนะ" แกล้งสั่งน้องชายต่ออีก แวนเนสเริ่มชะงักไปแต่ก็พยักหน้ารับ

"เสร็จแล้วช่วยเข้าไปปัดฝุ่นในห้องเสี้ยวเทียนกับไจ่ไจ๋ให้ด้วยเพราะพวกมันไม่อยู่ไม่มีใครเข้าไปทำให้" พี่ใหญ่เลยได้ทีแกล้งน้องต่อไป

"อืม เดี๋ยวเข้าไปทำให้" แวนเนสตอบรับแล้วจะเดินเข้าไปล้างจานในครัว

"อ้อ! มีอีกอย่าง.....ขัดห้องน้ำด้วยก็ดีนะ รู้สึกพื้นมันลื่นๆน่ะเดี๋ยวจะลื่นล้มเอา" คราวนี้แวนเนสขมวดคิ้วแล้วเหลียวกลับมามองพี่ชาย

"อ้าว! ทำให้ไม่ได้หรอ? งั้นก็ไม่เป็นไร.....อดไปเที่ยวก็แล้วกัน" พูดจบก็ยักคิ้วให้น้องชายแบบติดกวนเล็กน้อย แวนเนสทำหน้ามุ่ย

"เออ! เดี๋ยวทำให้ทุกอย่างนั่นแหละ!" พูดเสียงห้วนๆแล้วเดินเข้าไปในครัวแต่เมื่อกำลังจะลงมือล้างจานแวนเนสก็คิดเปลี่ยนใจเดินกลับออกมา

"ทำไมล้างจานเสร็จเร็วจัง?" เจอร์รี่แกล้งถามทั้งๆที่รู้ดีว่าน้องยังไม่ได้ทำเลย

"ทำไมชั้นต้องทำด้วย?" แวนเนสย้อนถามพี่ชาย

"ชั้นไม่ใช่เด็กสามขวบซักหน่อยที่จะต้องมีผู้ปกครองพาไปเที่ยว ถึงนายไม่พาชั้นไปชั้นก็สามารถไปกับคนอื่นได้ เพื่อนๆชั้นมีตั้งเยอะแยะ แฟนชั้นก็มี ทำไมชั้นต้องง้อนายด้วย?" ได้ยินเจ้าน้องชายตัวแสบร่ายยาวเจอร์รี่ก็อมยิ้มเพราะเขานึกอยู่แล้วว่าน้องต้องงอแงแบบนี้

"ก็ตามใจ ดีเหมือนกันจะได้ไม่เปลืองเงิน" พี่ใหญ่ทำเป็นไม่สนใจ แวนเนสเลยยิ่งหน้ามุ่ยกว่าเดิมก่อนที่จะกระแทกตัวนั่งลงที่โซฟาตัวเดียวกับพี่ชายแล้วหันไปคว้าหูโทรศัพท์บ้านขึ้นมาแล้วกดเบอร์โทรศัพท์อย่างเชี่ยวชาญ

"แม่.....แม่ทำอะไรอยู่ครับ?" แวนเนสเอ่ยถามหลังจากต่อสายกับคู่สนทนาได้ ส่วนเจอร์รี่พอได้ยินน้องคุยก็หันมามอง

"ผมคิดถึงแม่จัง คิดถึงพ่อด้วย" แวนเนสได้ทีอ้อนบุพการียกใหญ่ เจอร์รี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะนั่งดูว่าเจ้าน้องชายตัวดีจะเอาอะไรไปฟ้องแม่

"แม่....ผมอยากไปหาแม่จัง แม่ให้ผมไปหาแม่นะ....." พอได้ยินดังนั้นเจอร์รี่ก็ถึงกับสะดุ้งเพราะไม่นึกว่าน้องจะมาไม้นี้

"เฮ้ย! จะบ้าหรอ? คิดอยากจะไปก็ไปได้หรืองัย?" รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที แวนเนสเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายแล้วค้อนใส่

"ยุ่งอะไรด้วย! ชั้นไปหาแม่ก็ออกเงินเองไม่ได้ขอนายซักหน่อย เดือดร้อนอะไรด้วย?" พูดกับพี่ชายด้วยน้ำเสียงห้วนๆ

"ออกเองก็ไม่ให้ไป! อย่างี่เง่านะ!" พี่ใหญ่ทำเสียงเข้มใส่น้อง

"แม่....พรุ่งนี้ผมจะไปทำเรื่องถ้าทุกอย่างเรียบร้อยจะโทรบอกแม่อีกทีนะครับ" แวนเนสไม่สนใจคำพูดของพี่ชายแต่หันกลับไปพูดนัดแนะกับแม่แทน

"ชั้นไม่อนุญาตให้นายไปไหนทั้งนั้น! เอามานี่ชั้นคุยกับแม่เอง!" พูดจบก็ดึงหูโทรศัพท์ออกมาจากมือน้องชาย คราวนี้กลายเป็นแวนเนสที่เป็นฝ่ายอมยิ้มบ้าง

"แม่.....อ้าว....." เจอร์รี่เรียกบุพการีแต่ปรากฏว่าสายนั้นกลับไม่มีเสียงอะไร ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนสายตามายังน้องชายที่ยักคิ้วให้เขาบ้าง

"ไอ้ลูกลิง! นี่นายไม่ได้โทรไปหาแม่จริงๆใช่มั๊ย?" ลุกขึ้นยืนเท้าเอวแล้วจ้องหน้าเจ้าน้องชายตัวดีอย่างเคืองๆ

"ฉลาดนี่!" แวนเนสดีดนิ้วเปราะพร้อมกับรอยยิ้มยียวน

"เฮี้ยวนักนะ!" ชี้หน้าน้องพร้อมกับเอ็ดใส่เสียงดัง

"เอาเป็นว่าถ้าอาทิตย์นี้นายไม่พาชั้นไปเที่ยว ชั้นก็จะไปเอง แล้วก็ไปต่างประเทศด้วย....." แวนเนสรีบพูดข่มพี่ชายทันทีเพราะรู้ว่าตอนนี้เขากำลังเป็นต่อพี่ชาย

"ไอ้....." พี่ใหญ่ถึงกับพูดอะไรไม่ออก

"ไปนอนหละนะ" พูดจบก็ยิ้มหวานให้พี่ชายอย่างยียวนแล้วเดินผิวปากขึ้นห้องไปอย่างอารมณ์ดี

"เฮ่อ! ไอ้ตัวแสบเอ้ย....." พี่ใหญ่จึงได้แต่ถอดถอนใจกับความทะเล้นของเจ้าน้องชายตัวแสบคนนี้ แต่ไม่วายหันไปล็อกโทรศัพท์บ้านไม่ให้โทรออกได้อีกเพราะเขาเองก็กลัวน้องชายจะโทรไปฟ้องแม่แล้วหนีเขาไปจริงๆเหมือนกัน




 

Create Date : 30 ธันวาคม 2550    
Last Update : 30 ธันวาคม 2550 21:33:37 น.
Counter : 1151 Pageviews.  

Chapter 45

ตอนที่ 45

"อะฮึ่ม!" เสียงกระแอมนั้นทำให้เคนที่กำลังนั่งเหม่อลอยหันกลับมาทางต้นเสียง

"หัวหน้า" เอ่ยทักเมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนเป็นใคร คนถูกทักยิ้มให้แล้วนั่งลงข้างๆเคน

"นอนไม่หลับหรอ?" เอ่ยถามแต่สายตากลับจ้องมองไปยังผืนน้ำเบื้องหน้าไม่ได้มองหน้าคู่สนทนา

"ครับ" เคนตอบรับไปตามจริง

"ถ้าคิดมากเรื่องที่ถูกพักงานหละก็ชั้นต้องขอโทษเธอด้วยนะ" เปลี่ยนสายตามองทางเคน

"ไม่ต้องครับหัวหน้า เรื่องนี้เป็นเพราะผมผิดเองจริงๆ หัวหน้าทำตามกฎของบริษัทก็ถูกต้องแล้ว" เคนรีบปฏิเสธเมื่อเห็นว่าหัวหน้าของเขาเองก็อึดอัดใจไม่น้อย

"ความจริงเรื่องถูกพักงานน่ะไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร แต่ที่ผมกลุ้มใจเพราะว่า......" เคนยังพูดไม่ทันจบหัวหน้าซึ่งเป็นพ่อของกลอเรียก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

"เรื่องเงินใช่มั๊ย? ถ้าเป็นแบบนั้นชั้นทำเรื่องให้เธอเบิกเงินล่วงหน้าก่อนได้นะ" เคนได้ยินก็ยิ้มแล้วส่ายหน้าอีก

"เรื่องเงินก็ไม่ใช่ปัญหาครับ เงินเก็บผมก็มีอยู่ไม่เดือดร้อนอะไร" ได้ยินเช่นนั้นคู่สนทนาก็เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

"แต่ที่ผมกลุ้มใจเพราะไม่รู้จะบอกพี่ชายยังงัยดี" เคนเฉลยให้ฟังในที่สุด

"พี่ชาย? แวนเนสน่ะหรอ?" ถามกลับเพราะเคยเจอแวนเนสหลายครั้งแล้ว

"แวนเนสน่ะไม่เท่าไหร่หรอกครับเพราะถ้าผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังเขาก็คงเข้าใจ แต่พี่ชายคนโตนี่สิครับ....." พอพูดถึงพี่ชายคนโตเคนก็อดที่จะรู้สึกหนาวๆขึ้นมาไม่ได้

"พี่ชายคนโตของพวกเธอ เห็นแวนเนสเคยบอกว่าชื่ออะไรนะ?....เจอร์รี่.....ใช่หรือเปล่า?" พ่อของกลอเรียถามกลับอย่างไม่ค่อยแน่ใจเพราะแวนเนสเคยเล่าเรื่องของเจอร์รี่ให้ฟังอยู่บ้าง

"ใช่แล้วครับ ชื่อเจอร์รี่" เคนพยักหน้ารับตามนั้น

"แวนเนสเคยเล่าให้ฟังว่าพี่ชายของพวกเธอน่ะดุมาก กลัวเขาจะดุเอาหละสิ?" หัวหน้าถามเคนกลับ

"ถ้าลำพังแค่ดุอย่างเดียวผมจะไม่กลุ้มใจขนาดนี้เลย แต่เขาตีด้วยนี่สิครับ......" เคนพูดพลางทำหน้าแหยๆ

"หา? พี่ชายเธอยังลงโทษน้องด้วยการตีอยู่อีกหรอ? ตอนนั้นชั้นนึกว่าแวนเนสเขาพูดเล่นนะนั่น" ย้อนถามกลับอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

"ไม่ได้พูดเล่นหรอกครับ ทุกวันนี้เรายังโดนไม้เรียวกันเป็นประจำ โดนหนักหรือเบาแล้วแต่กรณี" เคนตอบพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ

"เธอก็บอกเขาไปตรงๆสิ เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เขาฟัง ชั้นว่าเขาน่าจะเห็นใจเธอมากกว่าจะตำหนิหรือลงโทษเธอนะ" หัวหน้าเคนพูดตามความคิดของตัวเอง

"แค่เขารู้ว่าผมถูกพักงานนี่ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่แล้ว และยิ่งถ้ารู้ว่าถูกพักงานเพราะทะเลาะวิวาทกับผู้โดยสารนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ผมโดนตีตายแน่....." เคนบอกอย่างรู้นิสัยของพี่ชายดี

"เอาอย่างนี้มั๊ย? ให้ชั้นพูดกับพี่ชายเธอให้ อย่างน้อยชั้นก็เป็นหัวหน้างานของเธอเขาคงรับฟังบ้าง" เสนอตัวจะช่วยอย่างจริงใจ

"ขอบคุณนะครับหัวหน้า แต่ผมไม่รบกวนดีกว่าเพราะผมคิดว่าบางทีอาจจะไม่บอกเรื่องนี้กับเขา" เคนว่าพร้อมกับก้มหัวให้ผู้อาวุโสกว่า

"อ้าว! แล้วถ้าเขามารู้ทีหลังหละ?" สอบถามต่ออย่างเป็นห่วง

"ไจ่ไจ๋สัญญากับผมแล้วว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กับพี่ใหญ่......" เคนไม่พูดต่อเพียงแต่มองหน้าคู่สนทนาอย่างลำบากใจ

"เอาเถอะ ชั้นไม่ตำหนิอะไรเธอหรอกเพราะตอนนี้ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ ความจริงเธอก็โตแล้วเรื่องบางอย่างคงไม่จำเป็นต้องรายงานให้พี่ชายรู้ก็ได้ แต่ยังงัยก็คิดดีๆแล้วกัน" เคนได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออก

"ขอบคุณหัวหน้ามากนะครับ" ก้มหัวให้อย่างนอบน้อม

"ไม่เป็นไรหรอก เธอเองก็อย่าคิดมากเลย" พูดจบก็ตบไหล่เคนเบาๆ

"ไปนอนพักผ่อนให้สบายเถอะ" เคนยิ้มให้เล็กน้อยเมื่อได้ยิน

"ผมขอนั่งรับลมอีกพักนึง หัวหน้าไปพักผ่อนเถอะครับ" คู่สนทนาพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินจากไป

"เฮ่อ! จะทำยังงัยดีวะเนี่ย?" เคนบ่นกับตัวเองเบาๆพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่

"พี่กลาง" เสียงของไจ่ไจ๋ที่ร้องเรียกนั้นทำให้เคนหันไปทางต้นเสียงก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อเห็นน้องเดินงัวเงียออกมาหาเขา

"ลุกขึ้นมาทำไม?" ทำเสียงดุๆใส่น้องชาย ไจ่ไจ๋ไม่ตอบแต่เดินเข้ามาหาแต่ด้วยความงัวเงียและไม่ทันระวังจึงสะดุดขากางเกงชุดนอนตัวเองหกล้ม

"โอ้ย!" ไจ่ไจ๋ร้องด้วยน้ำเสียงตกใจ

"ฮ่าๆๆๆ!!! ไอ้บ้าเอ้ย.....ทำไมซุ่มซ่ามแบบนี้!" เคนหัวเราะก๊ากเมื่อเห็นน้องนอนราบไปกับพื้นแต่ก็รีบลุกขึ้นไปหิ้วตัวน้องขึ้นมาด้วย

"โอ้ย....ผมเจ็บนะ.....หัวเราะอยู่ได้....." ไจ่ไจ๋โอดครวญเมื่อโดนพี่ชายหัวเราะเยาะ

"ก็อยากซุ่มซ่ามทำไมหละ? แล้วเป็นงัยมั่ง? เจ็บตรงไหน?" เคนต่อว่าน้องแต่ก็มีแก่ใจถามไถ่อีกด้วย

"เจ็บแขน" ไจ่ไจ๋ตอบหน้ายุ่งแล้วเอามือจับที่ข้อศอก

"อุ๊ย! เลือดไหล" เมื่อแตะลงไปแล้วไจ่ไจ๋ก็เพิ่งรู้สึกว่ามีเลือดไหลซึมออกมา เคนได้ยินก็ตกใจเพราะไม่นึกว่าน้องจะได้แผล

"ตายแล้ว! เลือดไหลด้วยหรอเนี่ย? ไปๆๆๆๆ ไปทำแผลดีกว่า" ว่าแล้วเคนก็พาน้องชายไปยังห้องพยาบาล

"ขอโทษครับ อ้าว.....อี้เจวียน คุณอยู่เวรหรอ?" เคนเปิดประตูเข้าไปในห้องพยาบาลแต่เมื่อเห็นพยาบาลที่อยู่เวรเป็นคนที่เขาคุ้นเคยด้วยก็เอ่ยทักออกไป

"ใช่ค่ะ คุณไม่สบายหรือคะเสี้ยวเทียน?" พยาบาลสาวหันมาตอบพร้อมกับย้อนถาม ไจ่ไจ๋มองพี่ชายก่อนที่จะมองหน้าหญิงสาวแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

"ผมไม่เป็นไรหรอกแต่น้องชายผมเขาซุ่มซ่ามหกล้มเลยได้แผลมา รบกวนช่วยทำแผลให้หน่อยได้มั๊ยครับ?" เคนตอบกลับไปอย่างสุภาพ

"งั้นรีบเข้ามาก่อนเลยค่ะ" เมื่อรู้ว่าไจ่ไจ๋มีบาดแผลก็รีบเชิญให้เข้ามาข้างใน

"ล้างแผลก่อนนะคะ" บอกกับไจ่ไจ๋แล้วใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดแผลให้ไจ่ไจ๋

"อู้ยยย....." ไจ่ไจ๋นิ่วหน้าเพราะรู้สึกแสบแผล

"ชั้นเช็ดแรงไปหรือเปล่าคะ?" สอบถามเมื่อเห็นสีหน้าเหยเกของไจ่ไจ๋

"ไม่หรอกครับแต่พอโดนน้ำแล้วมันแสบ" ไจ่ไจ๋ตอบพร้อมกับปั้นยิ้มแหยๆให้

"สำออย! แผลแค่นี้เอง" เคนต่อว่าน้องเข้าให้เพราะเห็นว่าแผลนั้นไม่ได้ใหญ่โตอะไรนักหนา

"ก็มันเจ็บนี่" ไจ่ไจ๋หันไปเถียงพี่ชาย

"แผลแบบนี้จะรู้สึกเจ็บแบบตึงๆน่ะค่ะ เพราะอยู่ตรงข้อศอกพอดี แต่เดี๋ยวใส่ยาเสร็จแล้วชั้นจะเอาผ้าก๊อซพันให้แล้วกันจะได้ป้องกันเชื้อโรค" ไจ่ไจ๋ยิ้มรับแล้วปล่อยให้หญิงสาวทำแผลให้

"คราวนี้มาเที่ยวหรอคะเสี้ยวเทียน?" หันไปถามเคนเพราะเห็นว่ามากับน้องชาย

"เปล่าหรอกครับ มาทำงานนั่นแหละ แต่น้องชายเขาปิดเทอมเลยเอามาเที่ยวด้วย วุ่นวายมากเลย....." เคนตอบพร้อมกับแขวะน้องไปด้วยในประโยคสุดท้าย

"อ้าวๆๆๆ!!! ผมไม่ได้ขอร้องให้พี่พามานะ พี่กลางต่างหากที่เสนอให้ผมมาด้วยเอง ยังจะมาบ่นอีก" ไจ่ไจ๋ได้ยินพี่ชายว่าก็เถียงกลับทันควัน

"งั้นกลับไปเลย แล้ววันหลังก็ไม่ต้องไปไหนด้วยกันอีก" เคนยืนเท้าเอวจ้องหน้าน้องอย่างหาเรื่อง

"พี่พยาบาลดูสิครับ พี่ชายผมร้ายกาจขนาดไหนเป็นคนเอาผมมาแล้วยังไล่กลับไปอย่างไม่ใยดีอีก" ไจ่ไจ๋ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับพี่ชายแต่กลับไปทำเสียงน่าสงสารกับหญิงสาวแทน

"เสี้ยวเทียนคะ น้องชายคุณยังเจ็บอยู่อย่าดุเขาเลยค่ะ" หันไปปรามเคนกลายๆ เคนได้ยินก็ได้แต่เม้มปากจ้องหน้าน้องชายอย่างขุ่นเคือง

"ขอบคุณพี่พยาบาลมากนะครับ" ไจ่ไจ๋ยิ้มหวานจ๋อยให้หญิงสาว

"ไม่เป็นไรค่ะ แต่ไม่ต้องเรียกว่าพี่พยาบาลหรอก พี่ชื่ออี้เจวียนค่ะ" เธอแนะนำตัวกับไจ่ไจ๋

"ผมชื่อไจ่ไจ๋ครับ เป็นน้องชายของเขาคนนั้นแหละ" ไจ่ไจ๋ผงกหัวไปทางพี่ชาย

"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ" เธอยิ้มรับแล้วใช้ผ้าก๊อซพันแผลให้ไจ่ไจ๋

"ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำนะคะ" เธอสั่งกำชับไจ่ไจ๋ก่อนจะเดินไปล้างมือ

"นี่แหนะ!" เคนได้ทีเดินมาเขกหัวเจ้าน้องชายตัวดี

"โอ๊ย! เขกหัวผมทำไมอ่ะ? ปวดหัวเลย....." ไจ่ไจ๋ได้ทีร้องโอดครวญต่อ

"อย่าเว่อร์ให้มากนักนะ" กัดฟันพูดพร้อมกับเอามือบีบแก้มน้องอย่างหมั่นไส้

"ปวดหัวด้วยหรอคะ?" อี้เจวียนได้ยินแว่วๆว่าไจ่ไจ๋บอกว่าปวดหัวจึงเอ่ยถามขึ้นมาอีก

"ไม่ใช่หรอกครับ เขาแค่ทำสำออยน่ะ" เคนชิงตอบแทนน้องชายขึ้นมา

"น้องไม่สบายยังจะมาว่าสำออยอีก" ไจ่ไจ๋ทำเสียงกระเง้ากระงอดใส่พี่ชาย เคนเลยเอื้อมมือไปขยี้หัวน้องจนยุ่งเหยิง

"ขอบคุณนะครับอี้เจวียนที่อุตส่าห์ทำแผลให้เจ้าตัวยุ่ง" หันไปขอบคุณหญิงสาวพร้อมกับยิ้มให้ด้วย

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันเป็นหน้าที่ของชั้นนี่ค่ะ ดีใจซะอีกที่มีคนเข้ามาพูดคุยด้วย ไม่งั้นนั่งเหงาอยู่คนเดียว" เธอตอบรับอย่างเต็มใจ

"โห! พี่อี้เจวียนต้องอยู่เวรคนเดียวหรอครับ? แล้วต้องอยู่นานเท่าไหร่? ทั้งคืนเลยหรอ? แล้วพี่ไม่กลัวผีหรอ?" หญิงสาวหัวเราะเบาๆกับคำถามยาวเป็นพรืดของไจ่ไจ๋

"นายจะบ้าหรอ!? ไม่มีใครเขาบ้ากลัวผีแบบนายหรอก ไร้สาระ!" เคนหันไปเอ็ดน้องชายที่ถามมากความจนเกินไป

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะเสี้ยวเทียน" เธอหันไปบอกไม่ให้เคนว่าน้องก่อนจะหันมาตอบไจ่ไจ๋

"พี่ไม่กลัวหรอกค่ะ เพราะอาชีพของพี่นี่ถ้ามัวแต่กลัวแล้วเราจะสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ยังงัย? แล้วอีกอย่างพี่ก็ชินซะแล้วน่ะค่ะ" พูดด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง

"ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ต้องเคยเห็นศพคนด้วยสิ" ไจ่ไจ๋ถามต่อย่างสนใจ

"ไจ่ไจ๋!" เคนเอ่ยปรามน้องชายเพราะเห็นว่าน้องชวนคุยเรื่องที่ไม่ค่อยเหมาะสมนัก

"ขอโทษครับพี่อี้เจวียน" ไจ่ไจ๋เองก็พอจะรู้ตัวจึงรีบขอโทษขอโพยหญิงสาว

"ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ เรื่องศพนี่พี่ก็เห็นจนชินแล้วค่ะ เมื่อก่อนตอนฝึกงานใหม่ๆต้องเข็นศพเข้าไปเก็บในห้องเย็นด้วย แรกๆก็กลัวนะคะแต่พอนานๆเข้าก็หายกลัวไปเอง" เธอตอบคำถามอย่างเต็มใจ

"เห็นมั๊ย? พี่เขาเป็นผู้หญิงยังไม่กลัวเลย ไม่เหมือนนายเป็นผู้ชายซะเปล่ากลับกลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง" เคนได้ทีซ้ำเติมน้องชายเข้าให้

"เมื่อคืนก่อนโน้นเขาดันไปได้ยินเจ้าหน้าที่บนเรือเล่ากันถึงเรื่องผีที่ลือกันน่ะครับ เจ้านี่กลัวใหญ่ร้องงอแงจะกลับบ้าน ไม่ได้เรื่องเลย" เคนหันไปเผาน้องชายให้หญิงสาวฟัง

"อ้าว! เรื่องอะไรมาว่าผมหละ? ก็ได้ยินมาแบบนั้นก็ต้องกลัวสิ" ไจ่ไจ๋เถียงพี่ชายข้างๆคูๆ เคนกับอี้เจวียนจึงหันไปหัวเราะด้วยกัน

"กลับห้องไปนอนดีกว่า พี่อี้เจวียนครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่ทำแผลให้" ไจ่ไจ๋รีบตัดบทแล้วขอตัวจะกลับห้องพัก

"ยินดีค่ะ อย่าลืมนะคะว่าอย่าให้แผลโดนน้ำ" เธอตอบรับพร้อมกับสั่งกำชับไจ่ไจ๋อีกครั้ง

"ครับ" ไจ่ไจ๋ผงกหัวรับแล้วเปิดประตูเดินออกไป

"ขอบคุณมากนะครับ แล้วว่างๆจะมาคุยด้วย" หญิงสาวพยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้ม ดังนั้นเคนจึงเดินตามน้องชายออกไป

"มองอะไร?" ถามน้องเสียงห้วนๆเมื่อเห็นน้องมองหน้าตัวเอง

"สนิทกันจริงๆเลยนะ" น้องเล็กได้ทีพูดกระแนะกระแหนพี่ชาย

"พูดเรื่องอะไร?" เคนแกล้งทำเฉไฉไม่เข้าใจ

"ก็พี่อี้เจวียนน่ะสิ ไหนบอกว่าแค่เพื่อนคุยกันงัย?" น้องเล็กย้อน เคนหยุดเดินแล้วเอามือเท้าเอวมองเจ้าน้องชายตัวดี

"ก็เพื่อนที่พอจะคุยกันได้ แล้วนายจะมาซักถามอะไรพี่อีกไม่ทราบ?" ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ทำจมูกย่นใส่

"ไม่ได้อยากจะซักถามอะไรซักหน่อย แค่เก็บข้อมูลไปรายงานพี่ใหญ่" พูดจบก็เดินดุ่มๆกลับห้องพัก

"ไอ้บ้านี่......พี่จะคุยอะไรกับใครต้องถามความเห็นพวกนายด้วยหรืองัย?" เคนต่อว่าน้องชายไล่หลังแต่ก็เดินตามน้องไปด้วย



- ที่บ้าน -

"เฮ้ย! ปิดทำไมอ่ะ?" แวนเนสโวยวายเมื่อพี่ชายเดินมาปิดวิทยุที่เขากำลังร้องตามไปอย่างเมามันส์

"แล้วจะเปิดเสียงดังลั่นบ้านทำไม? ชั้นขับรถมายังไม่ทันเข้าเขตบ้านก็ได้ยินเสียงเพลงดังลั่นออกไปข้างนอกแล้ว ทำไมไม่รู้จักไม่เกรงใจชาวบ้านเขามั่ง!?" เอ็ดใส่น้องชายชุดใหญ่

"ก็ฟังเพลงร๊อคอ่ะ มันก็ต้องเสียงดังๆสิ" แวนเนสเถียงแล้วหันไปจะเปิดเพลงฟังต่อแต่ก็โดนพี่ชายตีมือดังเพี๊ยะ แวนเนสสะบัดมือเบาๆแล้วเงยหน้ามองพี่ชาย

"ถ้าเปิดขึ้นมาอีกชั้นจะให้นายไปยืนแหกปากบนดาดฟ้าทั้งคืนเลย" พูดกับน้องด้วยสีหน้าดุๆ

"ก็อยู่คนเดียวมันเหงา ชั้นไม่อยากอยู่บ้านเงียบๆ" พูดเสียงอ่อยๆ

"ชวนไปบริษัทด้วยก็ไม่เอา แล้วจะมาบ่นทำไมกัน?" ต่อว่าน้องอย่างไม่จริงจังนักก่อนที่จะทรุดตัวนั่งลงข้างๆ แวนเนสเลยได้ทีนอนหนุนตักพี่ชาย

"ที่บริษัทนายก็ทำงาน ชั้นไปก็ต้องนั่งเงียบๆอยู่ดี ขืนชวนคุยเดี๋ยวนายก็ด่า" พูดแขวะพี่ชายหน้ามุ่ย

"รู้เหมือนกันหรอว่าเราน่ะมันเป็นตัวป่วน" พูดแหย่น้องชายพร้อมกับลูบหัวน้องอย่างเอ็นดู

"ฮึ! ลองชั้นไม่อยู่กับนายด้วยอีกคนเถอะ จะได้มีคนแก่ขี้เหงานั่งร้องไห้คิดถึงน้องๆทุกวันแน่" พูดอวดตัวขึ้นมาทันทีเลย

"นั่นสินะ ถ้านายไม่อยู่ด้วยอีกคนพี่ใหญ่เหงาตายแน่ๆเลย" เจอร์รี่เห็นด้วยกับคำพูดของน้องชาย

"ถึงชั้นอยู่ด้วยนายก็เหงาอยู่ดี ชั้นรู้นะว่าตอนกลางคืนนายก็แอบนอนคิดถึงเจ้าไจ๋มัน" แวนเนสพูดเหน็บแนมพี่ชาย

"รู้ดีจังนะ" ว่าพลางบีบจมูกน้องชายเบาๆ แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาวางข้างๆตัว

"รอน้องชายคนโปรดโทรมาหละสิ" แวนเนสเห็นก็ถามกระแนะกระแหนพี่ชาย

"ใช่แล้ว ชั้นคิดถึงมันจังเลย" เจอร์รี่ตอบพร้อมกับบ่นเบาๆ แวนเนสมองพี่ชายอย่างหมั่นไส้แต่เขารู้สึกหิวจึงไม่เหน็บแนมพี่ชายอีก

"ไปกิน....." แวนเนสอ้าปากจะชวนพี่ชายกินข้าวแต่พูดยังไม่ทันจบเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

"ไจ่ไจ๋หละสิ" แวนเนสพูดขึ้นอย่างพอจะรู้เพราะเห็นพี่ชายมองโทรศัพท์พร้อมกับรอยยิ้ม

"อืม....โทรมาได้ซักทีรอตั้งนาน......" พยักหน้าพร้อมกับตอบคำถามแล้วกดรับสายทันที แวนเนสแอบเบ้ปากใส่เพราะในแต่ละวันพอกลับบ้านมาได้ก็นั่งรอให้น้องเล็กโทรมาหาตลอด

"พี่ใหญ่.....เจ็บแขนจังเลย....." เสียงไจ่ไจ๋ออดอ้อนมาตามสาย ได้ยินดังนั้นเจอร์รี่ก็บอกให้แวนเนสที่นอนหนุนตักเขาอยู่ลุกขึ้น แวนเนสทำหน้ามุ่ยๆแต่ก็ลุกขึ้นมานั่ง

"ไปทำอะไรมาหละถึงได้เจ็บแขน?" เจอร์รี่ย้อนถามน้องกลับไปนึกเป็นห่วงขึ้นมาเหมือนกัน

"หกล้ม....พี่ใหญ่คิดดูนะผมหกล้มจนเลือดซิบแต่พี่กลางยังยืนมองหัวเราะอยู่ได้ ใจร้ายมั๊ยหละ?" เสียงน้องเล็กฟ้องฉอดๆแล้วเจอร์รี่ก็ได้ยินเสียงน้องชายอีกคนโวยวายแทรกเข้ามา

"นี่ๆๆๆ น้อยๆหน่อยนะโว้ย! นายล้มพี่ก็พาไปทำแผลยังจะมาว่าพี่ใจร้ายอีก ใครใช้ให้ซุ่มซ่ามหละ?" เจอร์รี่หัวเราะในลำคอเมื่อได้ยินเสียงน้องชายสองคนถกเถียงกัน

"พี่ใหญ่ กลับไปพี่ใหญ่ต้องจัดการพี่กลางให้ผมนะเพราะพี่เขาดูแลผมไม่ดี" ไจ่ไจ๋ยังฟ้องเสียงแจ๋วๆตามมาอีก

"ดูแลไม่ดีกะผีอะไรกันวะ? ดึกดื่นป่านนี้พี่ยังไม่ได้กลับเข้าห้องไปนอนเลยเนี่ย!" เจอร์รี่หัวเราะออกมาอีก แวนเนสได้ยินจึงมองหน้าพี่ชายตาปริบๆ

"ฟังด้วย ไม่รู้เรื่อง" บอกให้พี่ชายเปิดลำโพงเพราะเขาจะได้ฟังด้วย เจอร์รี่จึงกดเปิดลำโพงแล้วถือโทรศัพท์ห่างออกจากตัวเล็กน้อย

"ใครใช้ให้อยู่นี่หละ? จะไปนอนก็ไปเลย!" ไจ่ไจ๋ยังคงเถียงพี่ชายไม่ลดละ แวนเนสได้ยินก็ยิ้มออก

"ไจ่ไจ๋ ทำไมพออยู่ไกลบ้านแล้วคึกจังเลยวะ!" แวนเนสเอ่ยแซวน้องชายออกไป

"พี่รอง! พี่ยังไม่นอนหรอ? ดีเลย.....ผมจะเล่าให้ฟังว่าพี่กลางแกล้งผมยังงัยมั่ง เนี่ย.....เมื่อคืนก่อนโน้นผมกลัวผีแทบตาย.....โอ๊ย!.....เขกหัวผมทำไมหละพี่กลาง!" ไจ่ไจ๋ร่ายยาวให้พี่ชายฟังอยู่ดีๆก็ต้องเปลี่ยนเป็นเสียงร้องเพราะโดนเคนเขกหัว

"ก็นายจะปากมากทำไมหละ? ฟ้องอยู่นั่นแหละ รู้งี้ไม่เอามาด้วยแต่แรกหรอก" เสียงเคนบ่นอุบมาแว่วๆ เจอร์รี่กับแวนเนสหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

"ไจ่ไจ๋ เอาเจ้าพี่กลางมาคุยกับพี่ใหญ่หน่อย เดี๋ยวพี่จะเฉ่งมันให้" เจอร์รี่พูดขอสายเคน

"ไม่คุย! จะกลับห้องแล้ว!" เสียงเคนปฏิเสธห้วนๆ

"พี่กลาง!!! ห้ามไปนะผมยังไม่ทันได้หลับเลย!" เสียงน้องเล็กโวยวายแต่เสียงนั้นแผ่วเบาลงเหมือนคู่สนทนาอยู่ไกลจากโทรศัพท์แบบฉับพลัน จากนั้นก็มีเสียงน้องชายทั้งคู่เถียงกันไปมาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเปลี่ยนเสียงคู่สนทนาที่มารับสาย

"เจอร์รี่! นายสั่งลาน้องชายสุดที่รักของนายตอนนี้เลยเพราะคืนนี้ชั้นจะจับมันโยนทิ้งทะเลแน่!" เสียงเคนบอกกับพี่ชายด้วยน้ำเสียงห้วนๆ

"น้อยๆหน่อยเรา.....น้องแค่ล้อเล่นทำเป็นอารมณ์เสียไปได้ แล้วน้องล้มได้ยังงัย? ทำไมถึงไม่ดูแลน้องฮึ?" เจอร์รี่ต่อว่าเคนกลับไป

"มันหกล้มชั้นก็ผิดหรอเนี่ย? นายต้องให้ชั้นจับตาเฝ้าดูมันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยหรืองัย?" เสียงเคนพูดค่อนขอดพี่ชายกลับมา

"โธ่! นายน่าจะรู้นะเสี้ยวเทียนว่าไอ้น้องคนเล็กเนี่ยมันเป็นเทวดามาเกิด เป็นอะไรไปนิดเดียวคนแถวนี้ก็แทบเต้นแล้ว" แวนเนสพูดแทรกขึ้นพร้อมกับช่วยน้องกระแนะกระแหนพี่ชายคนโต

"จะหาเรื่องชั้นหรืองัยเนี่ย?" เจอร์รี่จ้องหน้าเจ้าน้องชายจอมไฮเปอร์ แวนเนสรีบลุกยืนแล้วแย่งโทรศัพท์ในมือพี่ชายไป

"นายรู้มั๊ย? อยู่บ้านเจอร์รี่มันเอาแต่บ่นว่าคิดถึงไจ่ไจ๋ ดูมันนะ.....ชั้นก็อยู่กับมันด้วยทั้งคนไม่เห็นจะสนใจใยดีเลย วันๆเอาแต่นั่งจ้องโทรศัพท์พอสายเข้าหน่อยหละยิ้มร่าเลย แบบนี้มันน่าน้อยใจมันเนี่ย?" แวนเนสบ่นพี่ชายให้เคนฟัง

"ฮ่าๆๆๆ!!! นายก็หนีมันไปเที่ยวดิวะ ปล่อยมันบ้าไปคนเดียว" เคนหัวเราะเสียงดังพร้อมกับแนะนำพี่ชาย

"เที่ยวได้ที่ไหนหละ? มันไม่ยอมให้ไปอ่ะ วันนั้นไปกลับมาก็โดนตี ใจร้ายชะมัดเลย" แวนเนสฟ้องฉอดๆ

"นี่ๆๆๆ!!! นินทากันสนุกปากเชียวนะ!" เจอร์รี่พูดแทรกขึ้นเพราะได้ยินบทสนทนาของน้องชายทั้งคู่อย่างชัดเจน

"งั้นเดี๋ยวชั้นกลับไปแล้วเราค่อยไปเที่ยวกันสองคน ปล่อยให้มันอยู่ด้วยกันจนหนำใจไปเลยดีมั๊ย?" เคนพูดปลอบใจพี่ชายคนรอง

"ไม่ได้พี่กลาง! พี่จะไปเที่ยวไหนอีก? เอาผมไปด้วยนะ.....ให้ผมไปด้วยนะ....." เสียงน้องเล็กรีบร้องแทรกขึ้นมาทันที ทำเอาพี่ชายทั้งสามคนหัวเราะออกมาได้

"ไม่ให้ไปหรอก! ดูซิเนี่ย.....แค่นายหกล้มพี่ใหญ่ก็แทบจะฆ่าพี่ตายอยู่แล้ว ต่อไปพี่จะไม่เอานายไปไหนด้วยอีกเด็ดขาด" เสียงเคนหันไปแหวใส่น้อง

"ไม่จริงหรอก พี่ใหญ่ไม่เห็นว่าอะไรพี่กลางซักคำ เนอะพี่ใหญ่เนอะ" น้องเล็กรีบขอเสียงสนับสนุนจากพี่ใหญ่เพราะกลัวไม่ได้เที่ยวอีก

"ว่าสิ กลับมาพี่จะเขกหัวมันซักสองทีด้วย เพราะมันดูแลนายไม่ดี เอาน้องชายพี่ไปแล้วทำให้ได้แผลกลับมาแบบนี้พี่ใหญ่ไม่ยอมหรอก" เจอร์รี่พูดยิ้มๆ แวนเนสเบ้ปากแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้พี่ชาย

"หมั่นไส้โว้ย! ไปนอนดีกว่า!" พูดประชดดังๆแต่ก็ยังมีแก่ใจเอ่ยราตรีสวัสดิ์กับน้องๆ

"เสี้ยวเทียน ไจ่ไจ๋ พี่ไปนอนก่อนนะ ราตรีสวัสดิ์" พูดจบก็เดินขึ้นห้องนอนของตัวเอง

"อ้าว!" เจอร์รี่อุทานออกมาพลางมองตามหลังน้องชายก่อนที่จะส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย

"เสี้ยวเทียน ไจ่ไจ๋ เราสองคนก็รีบเข้านอนได้แล้ว" พูดตัดบทน้องชายทั้งคู่

"จะไปง้อพี่รองหละสิ" เสียงไจ่ไจ๋พูดดักคออย่างรู้ทัน

"อืม....หมู่นี้พี่ขัดใจอะไรมันไม่ได้เลย งอนพี่ตลอด....." เจอร์รี่ตอบด้วยน้ำเสียงขำๆ

"โอเค! งั้นแค่นี้แล้วกันพี่ใหญ่ พี่กลางยืนมองตาเขียวแล้ว" เสียงไจ่ไจ๋บอกพี่ชายอย่างขำๆเช่นกัน

"เวลานอนอย่าลืมห่มผ้านะ" พี่ใหญ่สั่งกำชับน้องชายแล้วจึงค่อยวางสายไป จากนั้นก็รีบตามแวนเนสขึ้นไปข้างบน

"ไอ้ลูกลิงเอ้ย....หาเรื่องงอนพี่ใหญ่อีกแล้วนะ....." นั่งลงบนเตียงน้องชายพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"ส่งน้องรักนอนเสร็จแล้วสิ" แวนเนสยังพูดแขวะพี่ชายอีก

"น้องรักของพี่ยังงอนพี่อยู่เลย" พี่ใหญ่ทำปากหวานกับน้อง

"ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี กลับห้องไปเลยปะ!" แวนเนสต่อว่าพี่ชายเพราะรู้ว่าพี่ชายแกล้งพูดให้เขาดีใจเล่นเท่านั้น

"อื้ม! อย่างอนไปเลยนะ เวลาใครไม่อยู่บ้านพี่ก็คิดถึงทั้งนั้นแหละ....." หอมแก้มน้องเสร็จก็พูดง้อน้องชายเป็นการใหญ่

"แต่ใครคนนั้นไม่ใช่ชั้นเพราะเวลาชั้นไปทำงานนายไม่เห็นจะรอคอยโทรศัพท์จากชั้นเลย" แวนเนสไม่หลงคารมพี่ชายง่ายๆ

"รู้ได้ยังงัย? มองเห็นด้วยหรอ?" ย้อนถามน้องชายกลับไปบ้าง

"ชั้นไม่ได้โง่หนิ เพราะเวลาชั้นโทรหานายก็ไม่ค่อยรับสายชั้น" พูดจบก็นอนหันหลังให้พี่ชายทันที

"ก็นายชอบโทรมาเวลาชั้นประชุมนี่นา" เจอร์รี่แก้ตัวแล้วแกล้งต่อว่าน้องชาย

"เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเจ้าลูกลิงคนนี้ก็อิจฉาน้องเป็นเหมือนกัน" ว่าพลางเอามือขยี้หัวน้องไปด้วย

"ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย ชั้นไม่อยากคุยกับนายแล้ว ชอบทำตัวลำเอียงให้เห็น" ต่อว่าพี่ชายจบก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าทันที

"ว่าชั้นลำเอียงอีกแล้ว ไหนอธิบายมาหน่อยซิว่าชั้นลำเอียงตรงไหน?" เจอร์รี่พูดเป็นเชิงบ่นพร้อมกับถามย้ำกับน้อง

"อย่าให้พูดเลย!" แวนเนสกระแทกเสียงใส่

"ไม่พูดงั้นก็แสดงว่านายน่ะหาเรื่องชั้นโดยไม่มีข้อเท็จจริงอะไรเลย" ว่ากระทบน้องชายกลายๆ แวนเนสได้ยินจึงลุกขึ้นมานั่ง

"ทำไมจะไม่มีข้อเท็จจริง! ก็เห็นๆอยู่ว่าวันๆนายเอาแต่ทำงาน เวลาไจ่ไจ๋อยู่ไม่เห็นนายจะทำงานจนดึกดื่นมืดค่ำแบบนี้เลย มีแต่รีบกลับบ้านมาอยู่เป็นเพื่อนมัน" พี่ใหญ่ได้ยินก็เลิกคิ้ว

"ก็ชั้นบอกว่าจะกลับบ้านเร็วแต่นายเองไม่ใช่หรอที่บอกว่านายอยู่คนเดียวได้ให้ชั้นทำงานต่อให้เสร็จน่ะ" ย้อนน้องชายกลับไปอย่างซื่อๆ

"ชั้นพูดว่าไม่เป็นไรแล้วนายก็เออออด้วยงั้นหรอ? ไม่เคยห่วงที่ชั้นต้องอยู่คนเดียวบ้างเลยใช่มั๊ยเนี่ย?" แวนเนสแหวใส่พี่ชายเข้าให้เพราะที่เขาพูดนั้นก็เพราะไม่อยากให้พี่ชายต้องเสียงานเพราะเขา

"อ้าว! ตกลงนี่มันอะไรกัน? นายอยากให้ชั้นกลับบ้านเร็วหรืออยากให้ชั้นทำงานให้เสร็จกันแน่?" พี่ใหญ่ก็ยังไม่เข้าใจความต้องการของน้องอยู่ดี

"ถ้าเป็นไจ่ไจ๋พูดแบบนี้นายจะเข้าใจแบบไหนหละ?" แวนเนสย้อนถาม

"ชั้นก็คงกลับบ้านเร็วเพราะรู้ว่าน้องมันชอบพูดเพื่อให้ชั้นสบายใจ" ตอบน้องอย่างพาซื่อ

"ฮึ! มีน้องที่แสนดีคนเดียวหนิ! ไปไกลๆเลย!" พูดจบก็กระแทกตัวนอนหันหลังให้พี่ชายอีก

"เฮ่อ! ทำไมหมู่นี้เอาใจยากจัง?" เจอร์รี่พูดอย่างอ่อนใจ แต่แวนเนสกลับนอนนิ่งไม่คุยด้วย

"ถ้าไม่อยากพูดงั้นชั้นกลับห้องนะ ง่วงแล้ว....." พูดจบก็ขยับตัวลุกขึ้น แวนเนสหันกลับมามองด้วยความน้อยใจที่พี่ชายไม่ง้อ

"กลับมาไม่เคยถามซักคำว่าชั้นกินข้าวกินปลาบ้างหรือยัง? หิ้วท้องรอตั้งนานสองนานพอนายกลับมาก็รอแต่จะคุยโทรศัพท์กับน้อง ไม่เห็นจะใยดีชั้นเลยซักนิด" พี่ใหญ่ได้ยินดังนั้นก็อึ้งไปเหมือนกัน เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าการกระทำของเขาจะทำให้น้องคิดมาก

"เอ่อ.....นายยังไม่ได้กินข้าวหรอแวนเนส? งั้น.....ชั้นลงไปทำอะไรให้กินนะ" พูดเอาใจน้องชายสุดๆ

"ไม่ต้องหรอก นายเหนื่อยแล้วนี่ ไปนอนเถอะ ชั้นเองก็กินไม่ลงแล้ว" แวนเนสปฏิเสธแล้วก็ซุกหน้าลงกับหมอน

"แวนเนส ลงไปกินอะไรซักหน่อยเถอะนะ ไม่งั้นเดี๋ยวปวดท้องแย่เลย" เดินกลับมานั่งลงบนเตียงน้องพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

"นอนหลับก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว" พูดปฏิเสธพี่ชายทั้งที่ยังหลับตาอยู่

"ชั้นขอโทษที่ไม่ได้ใส่ใจนายเท่าที่ควร อย่าโกรธชั้นเลยนะ ชั้นผิดไปแล้ว" เอ่ยขอโทษน้องชายด้วยสีหน้าสลดลง แต่แวนเนสไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่นอนนิ่งอยู่อย่างนั้น

"โอเค....นายจะโกรธชั้นก็ได้แต่อย่าประชดชั้นด้วยการทรมานตัวเองแบบนี้เลย ลุกขึ้นแล้วลงไปกินข้าวก่อนเถอะ" พูดขอร้องให้น้องไปกินข้าวเพราะกลัวน้องจะนอนปวดท้อง

"ชั้นไม่ตายง่ายๆหรอก ออกไปปิดไฟให้ด้วยก็แล้วกัน" พูดทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่เล่นเอาพี่ใหญ่ถึงกับพูดอะไรไม่ออก

"เฮ่อ!" เจอร์รี่ถอนหายใจเบาๆก่อนจะเดินไปปิดไฟแล้วออกไปจากห้องของน้องชายอย่างเงียบๆ



- ตอนเช้า -

"ตื่นแล้วหรอแวนเนส? มากินข้าวสิ.....วันนี้ชั้นทำข้าวต้มรวมมิตรสูตรเจ้าเสี้ยวเทียนมันเลยนะเนี่ย นายต้องกินเยอะๆนะเพราะเมื่อคืนก็ไม่ได้กินข้าวหนิ" เจอร์รี่รีบเอ่ยชวนน้องชายทันทีที่เห็นน้องเดินลงมา แวนเนสมองหน้าพี่ชายก่อนที่จะมองไปที่นาฬิกา

"เก้าโมงกว่าแล้วทำไมยังไม่ไปทำงานอีก?" ถามพี่ชายกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

"วันนี้ไม่มีงานเท่าไหร่เลยกะว่าจะหยุดซักวัน" พี่ใหญ่ไม่ได้บอกตรงๆว่าที่หยุดเพราะต้องการจะง้อแวนเนส

"ก็ดีนะหยุดพักผ่อนซะบ้าง" แวนเนสว่าพร้อมกับรอยยิ้มแบบฝืนๆ

"อืม....นั่งลงสิกินข้าวกันนะ....." ชวนน้องเสร็จก็รีบลุกขึ้นจะตักข้าวให้แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อน้องพูดขึ้น

"ขอโทษทีนะ วันนี้มีนัดแล้ว" พูดปฏิเสธแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าเงินกับโทรศัพท์มือถือใส่ในกระเป๋ากางเกง เจอร์รี่มองตามน้องชายอย่างหนักใจเขารู้ดีว่าแวนเนสยังน้อยใจเขาอยู่

"เอ่อ.....จะไปหากลอเรียหรอ? ให้ชั้นไปด้วยได้มั๊ย?" เอ่ยขอตามน้องชายไปด้วย

"ถ้าชั้นบอกว่าไม่ได้หละ?" แวนเนสตอบด้วยน้ำเสียงไม่ใยดีพี่ชายซักเท่าไหร่เล่นเอาเจอร์รี่ถึงกับยิ้มค้าง

"งั้นก็ไม่เป็นไร" ตอบน้องชายเสียงแผ่ว

"แล้วจะกลับกี่โมง?" ตัดสินใจถามน้องขึ้นมาอีก

"นายก็สั่งมาสิว่าชั้นจะต้องก้าวขากลับเข้าบ้านตอนกี่โมง?" แวนเนสที่กำลังจะเดินออกจากบ้านย้อนถามพี่ชายกลับ พี่ใหญ่ได้ยินก็อึ้งไป

"ชั้นไปหละ" เมื่อเห็นพี่ชายไม่พูดแวนเนสจึงเอ่ยลาสั้นๆแล้วออกจากบ้านไปทันที

"มีเรื่องให้ปวดหัวได้ไม่หยุดไม่หย่อนเลยเชียว" บ่นพึมพำกับตัวเองแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาน้องเล็ก

"ตื่นหรือยังไจ่ไจ๋?" เอ่ยถามเมื่อน้องรับโทรศัพท์

"ตื่นตอนพี่โทรมานี่แหละ" เสียงน้องเล็กตอบกลับมาอย่างงัวเงีย

"พี่โทรมารบกวนนายหละสิ" เจอร์รี่เพียงแต่พึมพำเบาๆแต่ไจ่ไจ๋ก็ได้ยิน

"ไม่หรอกครับ ความจริงพี่กลางก็เข้ามาปลุกทีนึงแล้วแต่นอนเล่นต่ออีกหน่อยเลยเผลอหลับไป ดีนะที่พี่ใหญ่โทรมาซะก่อนไม่งั้นพี่กลางเข้ามาผมโดนด่าแน่ๆ" เจอร์รี่ยิ้มเมื่อได้ยินน้องรายงานแต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเพราะตอนนี้น่าจะเป็นเวลางานของเคน

"อ้าว! เจ้าพี่กลางของนายมันไม่ทำงานหรอ? ทำไมถึงจะได้มาวุ่นวายกับนายหละ?" ย้อนถามน้องกลับไป เสียงคู่สนทนาเงียบไปพักหนึ่ง

"ทำสิครับแต่.....เอ่อ.....พี่เขาสลับเวลาทำงานกับเพื่อนน่ะครับ" เสียงไจ่ไจ๋ตอบอย่างตะกุกตะกักจนเจอร์รี่สงสัยจะถามต่อแต่เหมือนน้องชายจะรู้ทันเพราะเปลี่ยนเรื่องมาถามเขาแทน

"เมื่อคืนง้อพี่รองสำเร็จมั๊ย?" พอได้ยินเช่นนี้เจอร์รี่ก็ถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ลืมคำถามที่ตั้งใจจะถามน้องต่อจนหมด

"ไม่สำเร็จ วันนี้มันงอนออกจากบ้านไปแต่เช้าเลย" พี่ใหญ่เล่าให้น้องฟังตามจริง

"อ้าว! ตกลงพี่รองเขางอนจริงหรอ? ผมก็นึกว่าแค่อารมณ์อยากจะอ้อนพี่ใหญ่เท่านั้นเอง" เสียงไจ่ไจ๋อุทานแล้วถามกลับมาอย่างเป็นห่วง

"แล้วพี่รองเขาไปไหนครับ? พี่ใหญ่น่าจะตามเขาไปนะ ทำเป็นไม่สนใจเดี๋ยวเขายิ่งน้อยใจใหญ่" พี่ใหญ่ได้ยินก็ถอนหายใจออกมาอีก

"พี่ก็ขอไปกับมันแล้วแต่มันไม่ยอมให้ไป แต่พี่เดาว่าน่าจะไปหาแฟน" ตอบคำถามนั้นเสร็จทั้งเจอร์รี่และไจ่ไจ๋เองก็เงียบไป

"พี่รองงอนเพราะผมเป็นต้นเหตุหรือเปล่า?" แล้วเสียงน้องเล็กก็ถามกลับมาค่อนข้างจริงจัง

"บ้า....ไม่ใช่เพราะนายหรอกแต่เป็นเพราะพี่ทำงานกลับบ้านดึกแล้วทิ้งมันอยู่คนเดียวต่างหาก" พี่ใหญ่รีบปฏิเสธทันที

"แล้วทำไมพี่ใหญ่ถึงต้องกลับบ้านดึกด้วยเล่า? รู้ๆอยู่ว่าพี่รองเขาขี้เหงาออก" ต่อว่าพี่ชายตามมาอีก

"ก็มันบอกพี่เองว่ามันอยู่คนเดียวได้ให้พี่เคลียร์งานให้เสร็จๆไปเลยค่อยกลับบ้าน พี่ไม่รู้หนิว่ามันก็พูดไปอย่างนั้นเอง" ประโยคหลังเหมือนจะแก้ตัวกลายๆ

"แล้วอีกอย่างพี่เองก็ไม่ค่อยอยากกลับบ้านเร็วซักเท่าไหร่เพราะกลับมาแล้วบ้านมันเงียบเหงายังงัยก็ไม่รู้ ยิ่งเวลาไม่มีนายมาคอยคุยจ้อให้ฟังด้วยแล้วพี่ยิ่งไม่ค่อยอยากกลับบ้านซักเท่าไหร่" ว่าแล้วก็พูดอ้อนน้องชายต่ออีก แล้วเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะของน้องชายดังมาตามสาย

"พี่ใหญ่ครับ เราก็คุยกันทุกวันอยู่แล้วนี่งัย ถึงตัวผมไม่อยู่บ้านแต่พี่ก็โทรหาผมได้ทุกเมื่อที่อยากคุยนี่นา" เจอร์รี่ยิ้มเมื่อได้ยินน้องพูดเช่นนั้น

"แล้วนี่เดี๋ยวผมก็กลับบ้านแล้ว เห็นมั๊ยว่าแป๊บๆสองอาทิตย์ก็จะผ่านไปแล้วเนี่ย" น้องเล็กพูดเสียงแจ้วๆตามมาอีก

"รีบกลับมาเร็วๆนะ พี่อยากกอดนายเต็มแก่แล้ว สัญญากับพี่เลยนะว่ากลับมาแล้วนายต้องมาให้พี่นอนกอดชดเชยสองอาทิตย์ที่นายไปเที่ยวด้วย" เจอร์รี่ทำเสียงกระเง้ากระงอดใส่น้องอีก

"สัญญาครับสัญญา ว่าแต่ตอนนี้พี่ใหญ่ควรจะไปตามง้อใครก่อนหรือเปล่า?" ไจ่ไจ๋รับปากพร้อมกับถามพี่ชายกลับ

"เฮ่อ! ไม่อยากจะง้อมันแล้ว งี่เง่าชะมัดเลย พี่อุตส่าห์ลงทุนหยุดงานเพื่อจะอยู่บ้านเป็นเพื่อนมันแล้วดูนะมันกลับออกไปข้างนอก แบบนี้มันน่าตีมั๊ยเนี่ย?" เจอร์รี่บ่นให้น้องฟังยาวยืด

"เอาน่าๆๆๆ เอาใจพี่รองเขาหน่อยเถอะ เดี๋ยวน้อยใจมากๆพี่จะได้เสียเงินก้อนใหญ่เหมือนอย่างกรณีพี่กลางอีกนะ" เมื่อโดนน้องแหย่เช่นนี้แล้วเจอร์รี่ก็หัวเราะออกมาได้

"นั่นสิ.....พี่ชายของนายสองคนงอนพี่ทีไรกระเป๋าตังค์พี่แฟบลงหลายนิ้วเลย" พูดพลางหัวเราะอย่างขำๆ

"พี่ใหญ่ครับ เดี๋ยวผมจะไปอาบน้ำ แล้วค่อยโทรคุยกันอีกนะ" เสียงไจ่ไจ๋พูดตัดบทพี่ชาย

"โอเค แล้วค่อยคุยกัน" เจอร์รี่ยอมรับง่ายๆแล้วรอให้น้องวางสายไปก่อน จากนั้นเขาก็นั่งครุ่นคิดอยู่ว่าจะตามไปง้อแวนเนสที่ร้านหนังสือดีหรือไม่

"ไม่ตามไปดีกว่า ไหนๆก็ลาหยุดแล้ว พักผ่อนอยู่บ้านคนเดียวก็สบายใจดีเหมือนกัน" ว่าแล้วเจอร์รี่ก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจก่อนที่จะหากิจกรรมทำเพื่อผ่อนคลายความเครียด




 

Create Date : 30 ธันวาคม 2550    
Last Update : 30 ธันวาคม 2550 21:32:18 น.
Counter : 1181 Pageviews.  

Chapter 44

ตอนที่ 44

"ทำแบบนี้จะดีหรอพี่กลาง?" ไจ่ไจ๋แทบจะตะโกนถามพี่ชายเพราะบรรยากาศในห้องอาหารกึ่งผับมีแต่เสียงอึกทึกครึกโครม

"ทำอะไร?" เคนย้อนถามน้องทั้งๆที่รู้ดีว่าน้องกำลังพูดถึงเรื่องอะไร

"ก็พี่พาผมมานั่งในที่แบบนี้ พี่ใหญ่รู้เข้าจะทำยังงัย? ไจ่ไจ๋ตอบด้วยสีหน้าไม่สบายใจ

"นี่.....ก่อนมาพี่ก็ถามความสมัครใจของนายแล้วนะ จะมามีปัญหาอะไรตอนนี้อีก?" เคนเริ่มทำหน้าขรึมเพราะติดไม่พอใจที่ไจ่ไจ๋มัวแต่ห่วงหน้าพะวงหลัง

"ก็พี่ใหญ่สั่งผมไว้ว่าถ้าพี่กลางพามานั่งดื่มนั่งกินในที่แบบนี้ให้ปฏิเสธ" น้องเล็กตอบด้วยสีหน้าเจื่อนลงเพราะกลัวโดนพี่ชายดุ แต่เคนกลับหัวเราะ

"นายจะบ้าหรืองัย! ที่นี่ก็มีแค่เราสองคน ถ้าเราไม่พูดแล้วพี่ใหญ่จะรู้ได้ยังงัยฮึ?" ย้อนถามน้องชายกลับไป

"นายนี่ขี้กังวลจนเกินไปแล้ว แถมยังหัวอ่อนจนเข้าขั้นอีกต่างหาก" ต่อว่าน้องต่ออีก

"เรื่องอะไรมาว่าผมหละ? ผมก็แค่ไม่อยากโกหกพี่ใหญ่แล้วก็ไม่อยากทำให้พี่เขาเป็นห่วงก็เท่านั้นเอง" ไจ่ไจ๋พูดแย้งขึ้นมาบ้าง

"ไจ่ไจ๋เอ้ย.....เรื่องบางเรื่องน่ะนายไม่จำเป็นต้องรายงานให้พี่ใหญ่เขารู้ก็ได้ นายมาเที่ยวนะไม่ได้มาทำวิจัยให้พี่ใหญ่ถึงจะได้ต้องเล่าทุกอย่างที่ทำให้พี่เขารับรู้ทั้งหมด" เคนอธิบายให้น้องฟังอย่างอ่อนใจ

"อ้าว! แล้วถ้าพี่เขาโทรมาตอนนี้หละ?" ไจ่ไจ๋ย้อนถามกลับไป เคนไม่ตอบเพียงแต่หยิบโทรศัพท์มือถือของน้องชายมาแล้วกดปิดเครื่อง

"พี่กลาง! เดี๋ยวพี่ใหญ่เขาติดต่อไม่ได้ก็พลอยจะเป็นห่วงอีกนะ" ไจ่ไจ๋ขัดขึ้นทันที

"ช่างพี่ใหญ่เถอะน่า! ดึกป่านนี้แล้วถ้ายังจะโทรมาอีกหละก็ถือว่าเสียมารยาทอย่างแรง" เคนพูดยังไม่ทันขาดคำโทรศัพท์มือถือของตัวเองก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นพี่ใหญ่ที่โทรมา

"ใครโทรมาอ่ะพี่กลาง?" ไจ่ไจ๋ถามเมื่อเห็นเคนทำหน้ายิ้มๆ

"คนไม่มีมารยาทโทรมา" คำตอบนั้นทำเอาไจ่ไจ๋หัวเราะก๊าก

"ไม่รับหรอ?" ถามต่ออีกเมื่อเห็นเคนไม่สนใจที่จะรับสายนั้น

"จะรับให้โดนด่าทำไมหละ?" เคนว่าแล้วก็เลื่อนแก้วเหล้ามาให้น้องชาย

"พี่หมั่นไส้มัน ปล่อยให้กังวลใจเล่นซักพักก่อนแล้วค่อยโทรกลับ" น้องเล็กได้ยินก็ย่นจมูกใส่พี่ชาย

"พี่กลางอ่ะนะ หาเรื่องใส่ตัวอยู่เรื่อย แล้วนี่ถ้าพี่ใหญ่ต่อว่าเรื่องที่ผมปิดมือถือจะทำยังงัยเนี่ย?" ต่อว่าพี่ชายต่ออีก

"นายก็บอกไปสิว่าหลับแล้ว แบตหมดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เรื่องแค่นี้ต้องให้สอนอีกหรืองัย?" เคนตอบคำถามนั้นอย่างคล่องแคล่ว

"แหม.....ใครมันจะไปลื่นเป็นปลาไหลเหมือนพี่กลางหละ?" น้องเล็กยอกย้อนแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม

"นี่! ชมหรือด่าเนี่ย?" เคนเอื้อมมือมาดึงแก้มน้องอย่างหมั่นไส้แกมเอ็นดู

"ชมสิครับ....." ไจ่ไจ๋ตอบยิ้มๆแล้วขยับเข้าไปหอมแก้มพี่ชายอย่างประจบ เคนหัวเราะแล้วเอามือขยี้หัวน้องเบาๆ ในขณะนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของเคนก็ดังขึ้นมาอีก

"คนไม่มีมารยาทโทรมาอีกแล้ว" เคนบอกน้องชายพลางหัวเราะไปด้วย

"รับเถอะครับพี่กลางอย่าแกล้งพี่เขาอีกเลย" ไจ่ไจ๋เตือนให้พี่ชายเลิกเล่น

"รับอยู่แล้วหละ ขืนให้มันโทรมาเป็นรอบที่สามคืนนี้พี่โดนเทศน์หูชาแน่ๆ" เคนว่าแล้วเอานิ้วจิ้มหน้าผากน้องชายเบาๆ

"นั่งรอตรงนี้ห้ามไปไหน พี่จะเข้าไปรับโทรศัพท์ในห้องน้ำเดี๋ยวเดียว" สั่งกำชับน้องชายเอาไว้พร้อมกับขยับตัวลุกขึ้น

"ทราบแล้วครับ" ไจ่ไจ๋รับคำแล้วยิ้มให้พี่ชาย เคนยิ้มตอบแล้วขยี้หัวน้องอีกครั้งก่อนที่จะเดินไปเข้าห้องน้ำ หลังจากพี่ชายลุกไปแล้วไจ่ไจ๋ก็ตักอาหารบนโต๊ะกินอย่างเอร็ดอร่อย และในระหว่างที่ไจ่ไจ๋กำลังนั่งกินอาหารเพลินๆก็มีชายหนุ่มสองคนเดินเข้ามาหา

"ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคนที่มาด้วยไปไหนแล้ว?" คำทักทายนั้นทำให้ไจ่ไจ๋เงยหน้าขึ้นมอง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักผู้ชายสองคนนี้มาก่อน

"เอ่อ....พวกคุณ....." ไจ่ไจ๋เอียงคอทำหน้างงๆ

"ถ้าไม่รังเกียจเราขอนั่งด้วยได้หรือเปล่า?" หนึ่งในนั้นว่าและโดยไม่รอคำตอบก็นั่งลงข้างไจ่ไจ๋ทันที ไจ่ไจ๋ขยับตัวหนีอย่างตกใจ

"คือ....ผมจำไม่ได้ว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อน พวกคุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ?" ไจ่ไจ๋มองคนทั้งสองด้วยท่าทีไม่ไว้ใจ

"เราไม่เคยรู้จักกันจริงๆนั่นแหละ แต่ต่อจากนี้เราอาจจะเป็นเพื่อนกันก็ได้ จริงมั๊ย?" ชายคนเดิมพูดพร้อมกับเอื้อมมือจะมาจับมือไจ่ไจ๋แต่ไจ่ไจ๋ชักมือหลบทัน

"น้องชาย ไม่เห็นต้องตกใจเลย ยังงัยเราก็เป็นพวกเดียวกันอยู่แล้ว ไม่อยากมีเพื่อนประเภทเดียวกันหรอ?" ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ทำตาโตพอจะรู้แล้วว่าชายทั้งสองคนนั้นไม่ได้เป็นผู้ชายแท้ๆ ไจ่ไจ๋ยิ้มไม่ออกได้แต่มองหาพี่ชายอย่างเดียว

"แฟนน้องหน้าตาดีเหมือนกันนี่ แต่พี่ถูกใจน้องมากกว่า" ไจ่ไจ๋ได้ยินก็สะดุ้ง

"ผม....ผมไม่ได้เป็นแบบนั้นนะครับ คือ.....คนที่มาด้วยน่ะเขาเป็นพี่ชายผม" รีบแก้ตัวพัลวัน

"ไม่ต้องอายหรอก พี่สังเกตตั้งแต่เข้ามาแล้ว น้องกับแฟนน่ารักดีออกเดี๋ยวกอดกันเดี๋ยวหอมแก้มกัน" ไจ่ไจ๋อ้าปากค้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น

"มีอะไรน่ะไจ่ไจ๋!" ในตอนนั้นเองเคนก็เดินกลับมาพร้อมกับส่งเสียงถามค่อนข้างดัง เขาเองก็ตกใจที่เห็นน้องนั่งตัวลีบโดยมีชายอีกสองคนมาร่วมโต๊ะด้วย

"พี่กลาง!!" ไจ่ไจ๋เห็นหน้าพี่ชายก็ดีใจลุกพรวดเดียวไปเกาะแขนพี่ชายแน่น

"เกิดอะไรขึ้นไจ่ไจ๋? ใครทำอะไรนายหรือเปล่า?" เคนเห็นท่าทีของน้องก็พลอยตกใจไปด้วย

"มะ....ไม่ได้เป็นไร......" ตอบแบบตะกุกตะกักแล้วส่งสายตาไปที่คนแปลกหน้าสองคนนั้น

"พวกคุณเป็นใคร?" เคนหันขวับกลับไปถามด้วยน้ำเสียงกระตุกเล็กน้อย

"ใจเย็นๆ เราแค่อยากรู้จักเท่านั้นเอง" คำตอบนั้นทำเอาเคนลืมตัวมองชายตรงหน้าทั้งคู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า

"ต๊าย! เสียมารยาท! ดูมองเข้า!" หนึ่งในนั้นต่อว่าต่อขานขึ้นมา เคนจึงค่อยรู้สึกตัว

"เขาเป็นแบบนั้นอ่ะ" ไจ่ไจ๋กระซิบบอกพี่ชาย

"รู้แล้ว! เห็นแค่นี้ก็รู้แล้ว!" เคนกระซิบกลับแล้วหันมายิ้มแหยๆให้ชายแปลกหน้าทั้งสองคน

"คือผมกับน้องไม่ใช่......" เคนตั้งท่าจะอธิบายแต่ก็โดยพูดแทรกขึ้นมาก่อน

"จะอายอะไรกัน พี่เห็นน้องสองคนจู๋จี๋กันตั้งแต่เข้ามาแล้ว เห็นหมดแล้ว ไม่ต้องปิดบังหรอก" หนึ่งในนั้นว่าพลางยิ้มหวานให้

"นี่มันน้องชายผมไม่ใช่แฟน!!" เคนพูดเสียงดังจนคนรอบข้างหันมามอง

"เพิ่งคบกันหละสิ ก็แบบนี้แหละแรกๆก็อาย" คู่สนทนาไม่ฟังเสียงซ้ำยังพูดต่อด้วยท่าทางสบายๆ เคนทำหน้าบอกไม่ถูกก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นมาได้

"ไจ่ไจ๋ เอาบัตรประชาชนออกมาซิ" หันไปบอกน้อง แม้จะงงๆแต่ไจ่ไจ๋ก็หยิบบัตรประชาชนมาให้พี่ชายซึ่งเคนก็หยิบของตัวเองออกมาด้วยเช่นกัน

"นี่ครับ เราเป็นพี่น้องกันจริงๆ พ่อแม่เดียวกันเลย" เคนให้ดูหลักฐานเพื่อยืนยัน

"จริงด้วย ตกลงเป็นพี่น้องกันหรอเนี่ย?" สองคนนั้นดูพลางซุบซิบกันเอง

"เชื่อแล้วว่าเป็นพี่น้องกันจริงๆ แต่ว่าน้องชายคุณน่ารักนะ" หนึ่งในนั้นพูดกับเคน ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ยึดแขนพี่ชายเอาไว้แน่น เคนหันมามองน้องชายแล้วก็อดที่จะขำไม่ได้

"ยกให้เอามั๊ยครับ?" ย้อนถามยิ้มๆ

"พี่กลาง!!" ไจ่ไจ๋ตีแขนพี่ชายดังเพี๊ยะ

"ท่าทางเขาคงไม่ยอมหรอก แต่ถ้าเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็มาหาพี่ได้แถวๆนี้นะ" หันมาพูดหยอกไจ่ไจ๋เล่น
ด้วย แต่ไจ่ไจ๋กลับซุกหน้าหลบข้างหลังพี่ชายไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาเลย

"กลัวอะไร?" หลังจากผู้มาเยือนจากไปแล้วเคนก็หันมาถามน้องขำๆ ไจ่ไจ๋มองพี่ชายด้วยสีหน้าบึ้งตึง

"ผมจะกลับห้องพัก!" พูดจบก็ลุกขึ้นทันที

"เฮ้ย! ไปคนเดียวเดี๋ยวโดนฉุดหรอก" เคนร้องเตือนน้องชายขำๆแต่ไจ่ไจ๋ได้ยินแล้วก็ชะงักรู้สึกกลัวกับคำพูดของพี่ชายเหมือนกัน

"ลุกเดี๋ยวนี้เลยนะพี่กลาง!!!" กระแทกเสียงใส่พี่ชายหน้าหงิกหน้างอ

"โอเคๆๆๆ ไปก็ได้" เคนยอมตามน้องแต่ไม่วายแอบขำอีกด้วย เขารีบเรียกเก็บเงินแล้วพาน้องกลับไปที่ห้องพักทันที

"นายนี่เสน่ห์แรงจริงๆเลยนี่หว่า ฮ่าๆๆๆ!!!" เมื่อกลับเข้าห้องพักแล้วเคนก็แซวน้องอีก ไจ่ไจ๋เลยยิ่งหน้างอหนักกว่าเก่า

"ถ้าพี่มาช้ากว่านี้สงสัยนายเสร็จแน่" พูดต่อพลางหัวเราะร่วน

"อย่าพูดมากได้มั๊ย? คิดแล้วขนลุก!" ไจ่ไจ๋แหวใส่แล้วเอามือลูบแขนตัวเองไปด้วยก่อนที่จะเดินไปนั่งหน้ากระจกแล้วส่องดูหน้าตัวเองหันซ้ายทีขวาทีอย่างสำรวจ

"ทำอะไรของนายวะ?" เคนถามเมื่อเห็นน้องทำท่าทางดังกล่าว

"พี่.....หน้าผมนี่มันเหมือนเป็นแบบนั้นจริงหรอ?" จู่ๆไจ่ไจ๋ก็ถามไจ่ไจ๋ขึ้นมาอย่างสงสัย เคนได้ยินก็หัวเราะออกมาอีกรอบ

"หน้าตานายน่ะไม่เหมือนหรอก แต่ท่าทางอาจจะมีเข้าข่าย" ได้ยินดังนั้นไจ่ไจ๋ก็เปลี่ยนสายตามามองหน้าพี่ชาย

"หมายความว่างัย? พี่ว่าผมตุ้งติ้งงั้นหรอ? ผมไม่เคยทำอะไรแบบนั้นซักหน่อย" พูดอย่างพาลหาเรื่องพี่ชาย

"ไม่ใช่เรื่องตุ้งติ้งหรอก แต่ไอ้เรื่องที่นายชอบกอดประจบใครไปทั่วน่ะสิ ผู้ชายแมนๆที่ไหนเขาจะทำแบบนั้น" เคนตอบน้องชายยิ้มๆ

"ผมไปกอดใครคนอื่นที่ไหนกัน จะมีก็แต่พวกพี่กับพ่อแม่เท่านั้นแหละที่ผมจะกอด" น้องเล็กเถียงกลับ

"แล้วคนอื่นที่เขาเห็นจากภายนอกเขาจะรู้มั๊ยว่านายกอดกับคนในครอบครัวน่ะ วันหลังดูสถานที่หน่อยก็ดี" น้องเล็กหันไปค้อนใส่คนพูด

"ก็พี่นั่นแหละตัวดี ชวนผมไปนั่งกินข้าวในนั้นทำไมก็ไม่รู้!" โทษพี่ชายหน้าตาเฉย

"ฮึ! แล้วไอ้ตอนแรกที่ถามใครมันกระดี๊กระด๊าอยากจะไปกันหละ?" เคนย้อนเจ้าน้องชายตัวดีเข้าให้ ไจ่ไจ๋เบ้ปากใส่แล้วถามพี่ชายต่อ

"แล้วเมื่อกี้พี่ใหญ่ว่ายังงัย?" เคนได้ยินก็หัวเราะหึๆในลำคอ

"ไม่รู้เหมือนกัน พี่ฟังไม่ทันเพราะมันด่าเป็นชุดเลย หาว่าพี่จงใจไม่รับโทรศัพท์ รู้ดีอย่างกับตาเห็นแหนะ" ไจ่ไจ๋ได้ยินก็หัวเราะด้วยเช่นกัน

"ผมว่านะพี่ใหญ่ต้องมีญาณวิเศษแน่ๆเลย เพราะไม่ว่าเราจะทำอะไรพี่เขาก็รู้หมดทุกเรื่องแม้จะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยก็ตาม" พูดนินทาพี่ชายคนโตแบบติดตลก

"พี่ก็ว่างั้นแหละ ยังคิดอยู่เลยว่าตอนนั้นที่มันโดนปล้นน่ะมันตายไปแล้วจริงๆหรือเปล่า? แล้วที่เราเห็นๆกันอยู่ทุกวันนี้เป็นวิญญาณมันหรือเปล่าเนี่ย?" เคนเองก็พลอยผสมโรงกับน้องไปด้วย

"หูยยย.....พี่กลางอย่าพูดแบบนี้สิ....." ไจ่ไจ๋ได้ยินเช่นนั้นก็พูดเป็นเชิงปรามพี่ชาย

"นี่.....นายคงไม่คิดว่าที่พี่พูดเป็นเรื่องจริงหรอกนะ ไม่ใช่ว่ากลับไปนายไม่กล้าเข้าใกล้พี่ใหญ่เพราะนึกว่าพี่เขาเป็นวิณญาณนะไจ่ไจ๋" พูดดักคอน้องชายขึ้นมาก่อนเพราะรู้ดีว่าน้องเป็นคนขี้กลัว

"พี่กลาง! พูดจาอะไรไม่เห็นดีเลย ไม่เอาไม่คุยด้วยแล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า" พูดจบไจ่ไจ๋ก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพาดที่บ่า

"ระวังเวลาล้างหน้าหน่อยนะ ไม่แน่เวลาลืมตาขึ้นมาอาจจะ......" เคนพูดค้างไว้แค่นั้นเพราะโดนน้องชายแหวใส่เสียก่อน

"พี่กลาง!!!" คราวนี้น้องเล็กแหวใส่พี่ชายด้วยสีหน้าจริงจัง

"อะไรเล่า! พี่หมายถึงว่าเวลาล้างหน้าต้องแน่ใจว่าล้างสะอาดแน่แล้วถึงค่อยลืมตาไม่งั้นฟองสบู่เข้าตาแล้วมันจะแสบ คิดไปถึงไหน?" เคนเฉไฉแก้ต่างให้ตัวเองหน้าตาเฉย แต่เมื่อเห็นน้องยังยืนมองด้วยสีหน้าบึ้งตึงเคนก็แอบยิ้มแบบเจ้าเล่ห์

"ถ้ากลัวพี่เข้าไปอาบน้ำให้นายก็ได้ เอามั๊ยหละ?" พอได้ยินพี่ชายพูดเช่นนั้นน้องเล็กก็หน้าแดง

"ไม่ต้องยุ่งเลย" พูดจบก็คว้าหมอนใกล้มือปาใส่พี่ชายแต่เคนก็รับไว้ได้ทันซ้ำยังหัวเราะเจ้าน้องชายขี้กลัวไปด้วย

"ไม่ให้ยุ่งงั้นพี่กลับห้องก็ได้ นอนเองแล้วกันวันนี้" พูดจบก็ทำท่าจะลุกขึ้นแต่ถูกน้องชายโถมตัวเข้าใส่จนหงายหลังไปบนเตียง

"ถ้ากล้าหนีผมไปก็ลองดูสิ!" พูดจบไจ่ไจ๋ก็เอามือจี้เอวพี่ชายเป็นการแก้แค้น เคนหัวเราะเสียงดังลั่นแล้วเอามือผลักร่างน้องชายเป็นพัลวัน

"ไม่หนีๆๆๆ!!! ฮ่าๆๆๆ!!! พอแล้วไจ่ไจ๋!!!" เคนร้องขอให้น้องชายหยุด ไจ่ไจ๋มองหน้าพี่ชายที่หัวเราะจนน้ำตาไหลแล้วก็อดที่จะขำไม่ได้แต่ยังแกล้งทำหน้าบึ้งใส่

"ชอบแกล้งดีนัก! คอยดูกลับไปผมจะฟ้องพี่ใหญ่ คราวนี้ได้มีคนโดนตีจนก้นลายกันบ้างหละ" เคนเบ้ปากใส่แล้วเอื้อมมือไปบีบจมูกน้องชายขี้ฟ้อง

"กลัวจะแย่แล้วครับ.....จะไม่แกล้งน้องชายคนนี้อีกแล้ว....." กัดฟันพูดกับเจ้าน้องชายตัวดี

"ดีมาก! ให้รู้ซะมั่งว่าใครเป็นใคร" ไจ่ไจ๋ได้ทีพูดข่มพี่ชาย

"เฮ้ย! เดี๋ยวยันโครมไปโน้นเลย! หนอย! เล่นด้วยหน่อยแล้วเอาใหญ่เลยนะ" เคนทำตาดุใส่น้อง น้องเล็กเลยกลายเป็นฝ่ายยิ้มแหยๆบ้าง

"ล้อเล่น.....อื้ม!!.....อย่าเพิ่งไปไหนนะครับอยู่เป็นเพื่อนกับผม......" ไจ่ไจ๋หอมแก้มพี่ชายพร้อมกับเอ่ยปากอ้อนแต่ยังพูดไม่ทันจบเคนก็ต่อประโยคให้อย่างเสร็จสรรพ

"อยู่เป็นเพื่อนกับผมจนกว่าผมจะหลับ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วคืนนี้ผมคงต้องเปิดไฟสว่างโร่แล้วนั่งตาค้างทั้งคืนเพราะกลัวผีแน่ๆ" ไจ่ไจ๋ทำจมูกย่นเมื่อพี่ชายรู้ทันเขาทุกที

"ไปๆๆๆ รีบไปอาบน้ำเลย พี่รออยู่นี่แหละรับรองว่าไม่ไปไหนหรอก" แล้วเคนก็ไล่ให้น้องไปอาบน้ำเสียทีเพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว น้องเล็กเองก็รีบลุกเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างว่าง่ายเพราะกลัวว่าต่อล้อต่อเถียงด้วยอีกแล้วพี่ชายจะหนีเขาไปจริงๆ



- วันต่อมา -

"ตื่นแล้วก็รีบอาบน้ำแล้วเอาบัตรอาหารเช้าลงไปกินข้าวซะ วันนี้เรือจะเทียบท่ารับนักท่องเที่ยวถ้าอยากเที่ยวก็อย่าโอ้เอ้" ไจ่ไจ๋อมยิ้มเมื่ออ่านข้อความของพี่ชายคนกลางที่เขียนโน๊ตไว้ให้เขา จากนั้นก็รีบอาบน้ำแล้วลงไปถือบัตรอาหารเช้าลงไปที่ห้องอาหาร

"ที่เดียวนะคะ" พนักงานรับบัตรมาพร้อมกับถามย้ำไจ่ไจ๋

"ที่เดียวครับ" ไจ่ไจ๋ตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้พนักงานหญิงคนนั้น

"เชิญทางนี้ค่ะ" นำทางไจ่ไจ๋มานั่งและแนะนำว่าเช้านี้มีอาหารอะไรบ้าง จนเมื่อแนะนำเสร็จแล้วก็เชิญให้ไจ่ไจ๋ไปตักอาหารตามอัธยาสัย

"กินอะไรดีน้า....." ไจ่ไจ๋มองดูอาหารหลากหลายชนิดที่วางเรียงรายอยู่พลางครุ่นคิดอย่างตัดสินใจ

"เอาไข่ดาว เบคอน ไส้กรอก แล้วก็โกโก้ร้อนซักถ้วยก่อนดีกว่า เออ....ซีเรียลด้วยก็ดี....." เมื่อตัดสินใจได้แล้วไจ่ไจ๋ก็ลงมือตักอาหารมานั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย ไจ่ไจ๋กินไปพลางมองผู้คนที่เริ่มทยอยเข้ามากินอาหารเช้าอย่างเพลิดเพลินใจ ในวันนี้เขาไม่รู้สึกประหม่าเหมือนในวันแรกแล้วเพราะในวันแรกที่พี่ชายสั่งให้เขาลงมากินข้าวคนเดียวนั้นเขาได้แต่เงอะๆงะๆทำอะไรไม่ค่อยถูก แต่เขาก็รู้สึกดีที่อย่างน้อยเขาก็ได้ประสบการณ์เล็กๆน้อยๆกลับไปบ้างแล้ว

"อืม....อร่อยจัง!" ไจ่ไจ๋พึมพำกับตัวเองแต่ยังรู้สึกไม่ค่อยอิ่มจึงมองหาของกินต่อ

"เอาขนมปังปิ้งซักสองแผ่น น้ำส้มคั้นแก้วนึง แล้วก็ข้าวต้มอีกซักชามน่าจะอิ่มกำลังดี" ว่าแล้วไจ่ไจ๋ก็ลุกขึ้นไปตักอาหารแล้วกลับมานั่งกินต่อ จนเมื่อกินเสร็จแล้วไจ่ไจ๋ก็ลุกจะออกไปเดินรับลมเล่นข้างนอก แต่ในขณะที่เขาเดินออกตรงทางออกนั้นก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาชนเขาอย่างจัง

"โอ้ย!" ไจ่ไจ๋ตัวเซไปตามแรงปะทะนั้น

"เฮ้ย! เดินยังงัยกันวะไม่มองบ้างเลย!" น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวนั้นทำให้ไจ่ไจ๋อึ้งไป เขาเงยหน้ามองป้ายที่เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นทางออก

"มองหน้าแบบนี้จะหาเรื่องหรืองัย!?" หนุ่มใหญ่คู่กรณีจ้องหน้าไจ่ไจ๋ตาเขม็ง คนรอบข้างต่างพากันหันมามอง ไจ่ไจ๋เองก็ไม่อยากมีเรื่องจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขอโทษออกไปก่อน

"ขอโทษครับ ผมซุ่มซ่ามเองที่ไม่ทันดู" พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแล้วทำท่าจะเดินเลี่ยงออกไปแต่ชายคนนั้นกระชากแขนไจ่ไจ๋ไว้ไม่ยอมให้ไป

"ง่ายแค่นี้หรืองัย!? รู้หรือเปล่าว่าชั้นเป็นใคร?" ไจ่ไจ๋ได้ยินดังนั้นก็เริ่มโกรธจึงมองคู่กรณีด้วยแววตาแข็งกร้าว แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรชายคนนั้นก็เงื้อนหมัดขึ้นจะชกไจ่ไจ๋

"ผั๊วะ!!!" แต่แล้วกลับมีหมัดหนักๆซัดเข้าที่หน้าคนอวดเก่ง

"พี่กลาง!!" ไจ่ไจ๋ร้องอุทานเมื่อเห็นว่าเป็นพี่ชายที่สวนหมัดใส่คู่กรณีตรงหน้าจนล้มลง แล้วทำท่าจะเข้าไปซ้ำแต่เสียงเอะอะของผู้คนรอบข้างก็ดังขึ้นพร้อมกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบนเรือที่วิ่งกรูกันเข้ามาห้ามทัพไว้

"แกเป็นใครวะ!! กล้าดียังงัยมาชกหน้าชั้น!!" คู่กรณีของไจ่ไจ๋ถึงกลับเลือดขึ้นหน้าชี้หน้าเคนแล้วตวาดใส่เสียงดัง

"แล้วคุณเป็นใคร!? กล้าดียังงัยมาหาเรื่องน้องชายผม!?" เคนไม่ตอบแต่ย้อนถามกลับไปด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวไม่แพ้กัน

"น้องแกมันเดินซุ่มซ่ามมาชนชั้นน่ะสิ!" ชายคนนั้นตวาดใส่เคนอีก

"คุณตาบอดหรืองัย? ป้ายเขาเขียนไว้ชัดเจนว่านี่มันทางออก แล้วคุณเดินสวนทางเข้ามานี่มันถูกต้องแล้วหรืองัย!?" เคนตวาดกลับไปพร้อมกับชี้ไปที่ป้ายอย่างโมโห

"พวกคุณสองคนหยุดเถียงกันได้แล้ว!" เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดแทรกคนทั้งคู่ ก่อนที่จะหันไปสั่งลูกน้องคนอื่น

"พาไปสงบสติอารมณ์กันก่อนแล้วค่อยสอบสวน" จบคำนั้นเข้าหน้าที่ก็ตรงเข้าคุมตัวเคนและชายคนนั้นไว้

"พี่กลาง!" ไจ่ไจ๋เองก็ถึงกลับหน้าเสียที่เรื่องบานปลายมาถึงขนาดนี้

"นายไม่เป็นไรนะไจ่ไจ๋?" หันไปถามน้องชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"ไม่เลยครับ" ไจ่ไจ๋ส่ายหน้าขอบตาร้อนผ่าวเหมือนน้ำตาจะไหลให้ได้

"ไม่ต้องกลัวนะ" เคนพูดปลอบใจน้องชายแล้วเดินตามเจ้าหน้าที่ไปแต่โดยดี ไจ่ไจ๋เองก็เดินตามไปด้วยแต่เมื่อถึงห้องสำหรับคุมตัวไจ่ไจ๋ก็ถูกห้ามไม่ให้เข้าไป

"พี่ชายผมไม่ผิดนะครับ เขาแค่ช่วยผม....." ไจ่ไจ๋พยายามบอกเจ้าหน้าที่

"เราจะสอบสวนเรื่องราวทั้งหมดเองครับ คุณรอข้างนอกก่อน" เจ้าหน้าที่บอกกับไจ่ไจ๋ก่อนจะพาตัวเคนเข้าไปในห้องนั้น ไจ่ไจ๋มองตามพี่ชายอย่างเป็นห่วงแล้วเดินวนอยู่หน้าห้องนั้น

"ไจ่ไจ๋" เสียงเรียกนั้นทำให้ไจ่ไจ๋เปลี่ยนสายตาไปยังต้นเสียงก็พบว่าเป็นพ่อของกลอเรีย

"คุณอา" ไจ่ไจ๋ก้มหัวทักทายด้วยสีหน้าหนักใจ

"ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวอาช่วยไกล่เกลี่ยให้" พ่อของกลอเรียพูดด้วยน้ำเสียงปลอบโยนอยู่ในที ไจ่ไจ๋พยักหน้ารับแล้วฝืนยิ้มให้ พ่อของกลอเรียจึงเคาะประตูแล้วแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบว่าเคนเป็นลูกน้องของเขา เจ้าหน้าที่จึงยอมให้เข้าไปด้วย ในระหว่างนั้นไจ่ไจ๋ก็นั่งรออย่างกระวนกระวาย จนผ่านไปครู่ใหญ่ทุกคนก็ทยอยกันออกมาจากห้องนั้น

"พี่กลาง" ไจ่ไจ๋รีบลุกขึ้นไปหาพี่ชาย เคนกอดคอน้องแล้วตบไหล่น้องเบาๆ

"หมดเรื่องแล้ว" เคนบอกน้องแล้วยิ้มให้ ไจ่ไจ๋สวมกอดพี่ชายอย่างโล่งใจ ในขณะนั้นคู่กรณีก็เดินตามออกมาแล้วมองสองพี่น้องก่อนจะเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร

"เขาว่ายังงัยบ้าง?" ไจ่ไจ๋สอบถามพี่ชาย

"ก็ไกล่เกลี่ยกันได้" เคนตอบน้องสั้นๆแล้วหันไปก้มหัวให้พ่อของกลอเรีย

"ขอบคุณมากนะครับหัวหน้า" เอ่ยขอบคุณขึ้นมาเบาๆ

"ลำบากหน่อยนะ" คำตอบนั้นทำให้ไจ่ไจ๋สงสัยแต่ก็ยังไม่ได้ถามอะไรออกมาในตอนนั้น

"งั้น.....ไปพักผ่อนเถอะ" พูดจบก็ตบไหล่เคนแล้วเดินจากไป ไจ่ไจ๋มองตามพ่อของกลอเรียก่อนที่จะหันมามองหน้าพี่ชาย

"ไป....ไปที่ห้องพักของนายดีกว่า......" เคนพูดตัดบทก่อนที่น้องจะทันได้ถามอะไรออกมา

"แล้วพี่กลางไม่ต้องทำงานต่อหรอ?" เคนอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะยิ้มให้น้องแล้วจูงมือน้องกลับมาที่ห้องพัก

"พี่กลางครับ ตกลงว่าผู้ชายคนนั้นเขา......" ไจ่ไจ๋ยังถามไม่ทันจบเคนก็ชิงตอบก่อน

"เขายอมจบเรื่อง" เคนตอบพร้อมกับลูบหัวน้องชายไปด้วย

"พอดีพ่อของพี่กลอเรียเขาช่วยพูดให้น่ะ แต่ก็พูดเป็นเชิงขู่ว่าถ้าจะเอาเรื่องกันให้ถึงที่สุดเรือเทียบท่าเมื่อไหร่ก็ต้องไปโรงพักให้ตำรวจจัดการ ไอ้หมอนั้นมันก็กลัวอยู่เหมือนกันเพราะมันเป็นคนหาเรื่องนายก่อนมันเลยยอมจบเรื่องเพราะมันรู้ตัวว่าผิดเหมือนกัน" ไจ่ไจ๋ได้ฟังก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ

"เพราะผมแท้ๆเลยทำให้พี่กลางเดือดร้อน" พูดตำหนิตัวเองด้วยสีหน้าเศร้าๆ

"พูดอะไรแบบนี้หละ? ถ้าพี่ไม่ทำแบบนี้พี่เองนี่แหละที่จะเสียใจที่ปกป้องนายไม่ได้" น้องเล็กมองหน้าพี่ชายแล้วขยับเข้าไปกอด

"ทำไมจู่ๆพี่ถึงเข้ามาช่วยผมได้หละ?" ถามพี่ชายต่ออีก

"พอดีพี่เอาอาหารมาเติมแล้วได้ยินเสียงเอะอะพอดี พอหันไปเห็นว่าเป็นนายพี่ก็เลยจัดการไอ้หมอนั้นซะ" เคนตอบคำถามน้องด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

"พ่อของพี่กลอเรียตำหนิพี่หรือเปล่าครับ?" ไจ่ไจ๋ถามต่ออีก เคนลูบหัวน้องอย่างแผ่วเบาแล้วยิ้มบางๆ

"ไม่หรอก" แม้พี่ชายจะพูดเช่นนั้นแต่ไจ่ไจ๋ก็พอจับน้ำเสียงไม่สบายใจของพี่ชายได้

"พี่กลาง.....บอกผมมาตรงๆเถอะครับว่ามีเรื่องอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า?" ผละตัวออกจากอ้อมกอดของพี่ชายแล้วถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"บอกว่าไม่มีอะไรงัยหละ ถามเซ้าซี้จัง" เคนแกล้งต่อว่าน้องชายเพราะไม่อยากบอกน้องว่าเขาถูกลงโทษโดยการให้พักงานหนึ่งเดือนและไม่จ่ายเงินเดือนให้ด้วย

"ผมไม่เชื่อ มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น พี่อย่าปิดบังผมเลย" น้องเล็กรู้ดีว่าพี่ชายต้องมีเรื่องบางอย่างที่ไม่อยากบอกเขา พอโดนคาดคั้นเอาหนักขึ้นเคนเลยได้แต่ถอนหายใจยาว

"ไม่มีอะไรหรอก พี่ก็แค่ถูกลงโทษให้พักงานตามกฎของบริษัท" เมื่อเห็นว่าน้องคงซักไม่เลิกเคนเลยบอกไปตรงๆ น้องเล็กได้ยินก็มีสีหน้าตกใจ

"อะไรนะ! พี่ถูกลงโทษหรอ? ไม่ยุติธรรมเลย! พี่ไม่ได้ทำผิดอะไรซักหน่อย!" พอตั้งสติได้ไจ่ไจ๋ก็โวยวายยกใหญ่

"ไจ่ไจ๋....." เคนพยายามจะบอกน้องว่าไม่เป็นไรแต่ไจ่ไจ๋กลับไม่สนใจฟัง

"ผมจะไปบอกพ่อพี่กลอเรียว่าเรื่องนี้พี่ไม่ผิด แล้วผมจะไปเอาเรื่องไอ้หมอนั่นที่มันหาเรื่องผมก่อน เรือเทียบท่าเมื่อไหร่ผมจะไปแจ้งความ!" ไจ่ไจ๋ลุกพรวดจะออกไปเอาเรื่อง ตอนนี้เขาโกรธมากจริงๆ

"ไจ่ไจ๋!! อย่า! ไม่ต้อง......ไม่ต้องทำแบบนั้น....." เคนรีบดึงน้องมากอดไว้เพราะรู้ดีว่าน้องกำลังโกรธ

"ช่างมันเถอะ พี่ไม่เป็นไรหรอก เงินเก็บพี่ก็มีเยอะนะ มีพอซื้อขนมให้นายได้ทุกเดือนแม้จะไม่ได้ทำงานเลยด้วย" เคนพยายามพูดปลอบน้องชายแบบติดตลก

"ส่วนไอ้หมอนั่นก็ปล่อยมันเถอะ แล้วมันจะได้รับกรรมเองนั่นแหละ" แม้พี่ชายจะพยายามปลอบโยนแต่ไจ่ไจ๋ก็ยังไม่หายโมโห

"ผมไม่ยอมหรอกพี่กลาง! พี่ถูกพักงานได้ยังงัย? ไม่มีเหตุผลเลย!" ไจ่ไจ๋พูดเสียงแข็ง

"เรื่องนั้นโทษใครไม่ได้หรอก.....ไจ่ไจ๋.....พี่ว่านายควรจะดีใจนะที่พี่จะได้อยู่บ้านกับนายไปตลอดทั้งเดือนเลย" ต่อให้พี่ชายพยายามนำทางให้เห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมากแค่ไหนแต่ไจ่ไจ๋ก็ยังไม่หายโมโห

"ผมนี่แย่จริงๆ สร้างปัญหาให้พี่อีกแล้ว" พูดตำหนิตัวเองแล้วทิ้งตัวนั่งลงตามเดิม

"อย่าโทษตัวเองสิ นายไม่ได้ทำผิดอะไรเลยนะ พี่ต่างหากที่ผิดเพราะพี่ดูแลนายไม่ดีปล่อยให้โดนไอ้หมอนั่นรังแก" ไจ่ไจ๋ไม่พูดว่าอะไรเพียงแต่สบตากับพี่ชายด้วยแววตาอ่อนลง

"พี่กลาง.....ถ้าผมไม่มีพี่อยู่ด้วยไม่รู้ว่าป่านนี้ผมจะเป็นยังงัย ขอบคุณมากนะครับ" เคนได้ยินก็ยิ้ม

"ไม่ต้องหรอก พี่บอกแล้วงัยว่าพี่มีน้องชายแค่คนเดียว ถ้าพี่ปกป้องนายไม่ได้ก็แย่แล้วหละ" พูดจบก็รั้งตัวน้องชายมากอดไว้ ไจ่ไจ๋เองก็ซุกหน้าลงที่อ้อมอกของพี่ชายอย่างอุ่นใจ


- เวลาต่อมา -

"เดินเร็วๆสิไจ่ไจ๋!" เคนเร่งน้องชายที่เดินงัวเงียลงจากเรือเพราะเพิ่งโดนพี่ชายลากขึ้นมา

"โธ่! กำลังหลับสบายๆเลย" ไจ่ไจ๋บ่นแต่ก็เดินไปตามแรงจูงของพี่ชาย

"งั้นกลับไปนอนมั๊ย? ไม่ต้องเที่ยวมันเแล้ว" เคนว่าพร้อมกับทำหน้าหาเรื่องน้อง

"ไม่เอาๆๆๆ เที่ยวสิครับพี่กลาง ว้าว! อากาศดี๊ดี....." ไจ่ไจ๋รีบทำเสียงประจบทันทีอย่างรู้งาน เคนส่ายหน้าไปมาแล้วเอามือขยี้หัวน้องชายอย่างหมั่นไส้

"เรือจะอยู่เทียบท่านานมั๊ยครับพี่กลาง?" ไจ่ไจ๋หันมาถามพี่ชายต่อ

"ก็ราวๆสองชั่วโมงได้ คงไปไหนไกลๆไม่ได้หรอก" เคนตอบน้องชาย

"อืม....ไม่เป็นไร เดินเล่นแถวนี้ก็พอ พี่กลางเอากล้องถ่ายรูปมาด้วยหรือเปล่า?" น้องเล็กว่าแล้วถามพี่ชายต่ออีก

"เอามาสิ ว่าแต่นายแบบน่ะพร้อมจะให้พี่ถ่ายรูปให้หรือยัง?" เคนย้อนถามน้องกลับยิ้มๆ

"พร้อมแล้ว แต่ว่าอย่าลืมจ่ายค่าตัวนะ" พูดจบไจ่ไจ๋ก็ยืนเก๊กท่าให้พี่ถ่ายรูปทันที เคนหัวเราะแล้วคว้ากล้องมากดชัดเตอร์ถ่ายภาพให้น้องชาย

"นี่ๆๆๆ ไม่อายชาวบ้านเขาบ้างหรืองัย?" เคนต่อว่าน้องชายที่เก๊กท่าตลกๆให้เขาถ่ายรูป

"อยู่กับพี่กลางจะอายทำไม?" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็เร่งให้พี่ชายถ่ายรูปให้เขาอีก

"นายกับไอ้พี่รองนี่เหมือนกันเลย เจอกล้องหน่อยไม่ได้ เต๊ะท่าซะน่าเตะเชียว" เคนพูดพาดพิงไปถึงพี่ชายคนรอง

"หึๆๆๆ" น้องเล็กไม่ว่าอะไรเพียงแต่หัวเราะในลำคอเท่านั้น

"เออ! ผมถ่ายภาพให้พี่บ้างดีกว่า" ว่าแล้วก็เดินมาแย่งกล้องจากมือพี่ชาย

"ไม่เอา! นายถ่ายรูปไม่สวย ถ่ายออกมาทีไรดูไม่ค่อยจะได้เลย" เคนแย้งแล้วดึงกล้องกลับคืนมา

"แหม.....กะอีแค่ถ่ายรูปจะอะไรนักหนา แค่ถ่ายไว้ดูเป็นที่ระลึกก็พอแล้วไม่ต้องเน้นภาพสวยฝีมือดีหรอกน่า ไม่ได้เอาไปส่งประกวดซักหน่อย ไป.....ไปยืนตรงนั้น!" บ่นพี่ชายเสร็จก็ชี้นิ้วให้พี่ชายไปยืน

"ถ้าถ่ายออกมาแล้วพี่ดูอ้วนนะจะด่าให้......" เคนบ่นงึมงำเพราะกลัวน้องจะถ่ายรูปออกมาแล้วตัวเองไม่หล่อเพราะกล้องแบบนี้เป็นกล้องแบบของมืออาชีพที่มีออพชั่นให้ปรับเปลี่ยนเยอะมาก

"เอาหละนะ.....หนึ่ง....สอง.....สาม!" เคนยิ้มเต็มทีเมื่อได้ยินเสียงน้องชายนับแต่แล้วไจ่ไจ๋กลับลดกล้องลง

"อ้าว! ทำไมไม่ถ่ายหละ?" เคนโวยวายเมื่อเห็นว่าน้องยังไม่ได้ถ่ายภาพให้ตัวเอง

"ผมลืมไปว่าปุ่มกดมันอยู่ตรงนี้" น้องเล็กว่าพลางหัวเราะแหะๆ

"ไอ้บ้า! แค่ปุ่มกดยังไม่รู้ว่าจะกดตรงไหนงั้นก็อย่าถ่ายเลย!" ในขณะที่เคนกำลังโวยวายไจ่ไจ๋ก็กดถ่ายภาพพี่ชายทันที

"เฮ้ย!!! ถ่ายภาพอะไรของนายวะ?" เคนเลยยิ่งโวยวายใหญ่ ไจ่ไจ๋หัวเราะร่าแล้วกดถ่ายภาพพี่ชายอีกหลายภาพ

"ไจ่ไจ๋! อย่ากดมั่วดิวะมันเปลืองฟิล์ม!" พูดจบก็เดินเข้าไปแย่งกล้องถ่ายรูปออกมาจากมือน้องชาย

"ก็ผมอยากได้รูปของพี่กลางที่ดูเป็นธรรมชาตินี่นา ตอนนี้ได้สมใจแล้ว ฮ่าๆๆๆ!!!" ไจ่ไจ๋ให้เหตุผลพร้อมกับหัวเราะไปด้วย

"ธรรมชาติบ้าบออะไรวะ! หูยยย.....ออกมาต้องไม่หล่อแหงๆ....." พูดจบก็อดที่จะบ่นงึมงำต่อไม่ได้

"อ้อ! เพิ่งรู้ว่าพี่กลางกลัวตัวเองจะไม่หล่อด้วย....." ไจ่ไจ๋ได้ยินก็เอ่ยแซวแต่เคนหันมาทำตาขวางใส่ก็ปั้นยิ้มหวานให้แทน

"ไอ้ทะเล้น! ไม่ต้องมายุ่งกับกล้องของพี่อีกเลย!" เคนทำเสียงห้วนใส่น้อง

"โอ๋ๆๆๆ ล้อเล่นเองครับ มา.....เรามาถ่ายรูปคู่กันบ้างดีกว่า" พูดจบก็ดึงกล้องจากมือพี่ชายแล้ววิ่งไปขอให้คนแถวนั้นช่วยถ่ายรูปให้ตัวเองกับพี่ชาย

"ขอบคุณมากนะครับ" หลังจากที่ถ่ายภาพเสร็จแล้วไจ่ไจ๋ก็เอ่ยขอบคุณคนถ่ายภาพให้อย่างสุภาพ เคนมองน้องชายแล้วอดที่จะยิ้มไม่ได้

"อืม.....นายพัฒนาขึ้นเหมือนกันนะ เพราะเมื่อก่อนเวลาจะเข้าไปไหว้วานใครนายจะอายไม่ค่อยกล้า" เมื่อน้องเดินกลับมาส่งกล้องคืนให้เคนก็เอ่ยชมน้อง

"แหงสิ! เพราะผมได้เรียนรู้ความหน้าด้านมาจากใครแถวๆนี้!" พูดจบก็ดีดตัวออกห่างจากรัศมีเท้าที่พี่ชายขยับยกขึ้นมาจะเตะเขา

"ไจ่ไจ๋! ไอ้น้องบ้า! มาให้เตะซะดีๆเลย!" เคนชี้หน้าน้องพร้อมกับโวยวาย น้องเล็กหัวเราะก่อนที่จะวิ่งหนีพี่ชายซึ่งเคนก็วิ่งตามน้องไปด้วย

"ฮ่าๆๆๆ!!!" ไจ่ไจ๋มานั่งลงหัวเราะบนม้านั่งข้างทางเมื่อเห็นพี่ชายยืนหอบแฮ่กๆห่างออกไปไม่ไกลนัก

"โอ๋.....เหนื่อยมั๊ยครับ? มานั่งพักเร็ว....." แล้วก็ลุกไปจูงมือพี่ชายมานั่ง

"นี่แหนะ!" เขกหัวน้องชายดังโป๊กแล้วนั่งหอบแฮ่กๆอยู่อย่างนั้น ไจ่ไจ๋อมยิ้มแล้วควักผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้พี่ชาย

"กวนนักนะเราน่ะ!" เคนต่อว่าน้องแต่ก็ยอมให้น้องเช็ดหน้าให้ น้องเล็กหัวเราะเบาๆแล้วนั่งเอนตัวพิงพนักม้านั่งนั้น

"ถ้าพี่ใหญ่กับพี่รองมาด้วยคงจะดีไม่น้อยเลยเนอะ" พูดเปรยขึ้นมาลอยๆ เคนได้ยินก็เหลือบมองน้องชาย

"คิดถึงพวกพี่เขาหละสิ" พูดอย่างรู้ใจน้อง ซึ่งน้องเล็กก็พยักหน้ายอมรับตามนั้น

"ไว้คราวหน้าเราชวนพี่เขาสองคนมาด้วยดีมั๊ย?" เคนว่าพร้อมกับวาดแขนออกไปกอดคอน้องชาย

"ดีครับ" ไจ่ไจ๋หันมายิ้มให้แล้วทั้งคู่ก็นั่งสูดอากาศกันเงียบๆอยู่พักหนึ่ง

"พี่กลางครับ แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นจะบอกพี่ใหญ่มั๊ย?" ไจ่ไจ๋เอ่ยถามขึ้นมา คำถามนั้นทำเอาเคนเสียวสันหลังวาบ ถ้าพี่ใหญ่รู้เข้าเขาคงโดนพี่ชายเล่นงานตายแน่เพราะพี่ชายไม่ชอบให้เขาก่อเรื่องทะเลาะวิวาทกับใคร

"ไจ่ไจ๋.....นายอย่าเพิ่งบอกให้พี่ใหญ่รู้ถึงเรื่องวันนี้เลยนะ ไว้พี่จะหาทางบอกพี่ใหญ่เอง" บอกน้องชายด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ

"ผมรู้ครับพี่กลาง พี่ไม่ต้องห่วงนะผมจะไม่มีวันพูดถึงเรื่องนี้ให้พี่ใหญ่รู้เด็ดขาด ผมสัญญา....." ไจ่ไจ๋ให้คำมั่นกับพี่ชายเพราะพอจะรู้ว่าต่อให้พวกเขาเล่าความจริงออกไปพี่ชายก็ไม่เข้าข้างพวกเขาแน่เพราะเรื่องการชกต่อยกับคนอื่นนั้นพี่ใหญ่ถือเป็นความผิดร้ายแรง

"ขอบใจมาก" เคนกล่าวขอบคุณพร้อมกับยิ้มเฝื่อนๆ

"เรื่องนี้ผมต้องเป็นคนรับผิดชอบเต็มๆ ถ้าไม่ใช่เพราะผมขี้ขลาดพี่กลางก็คงไม่เดือดร้อน พี่ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก" น้องเล็กพูดกับพี่ชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"เด็กโง่.....นายไม่ได้ขี้ขลาดเลยซักนิดเดียว และก็เลิกโทษตัวเองซักทีเพราะเรื่องนี้น่ะมันจบแล้ว" เคนว่าพร้อมกับเอามือตบแก้มน้องชายเบาๆอย่างรักใคร่

"เราไปเดินเล่นกันต่อดีกว่า ตรงสุดทางโน้นมีร้านไอติม สนใจมั๊ย?" เคนเปลี่ยนเรื่องโดยการชวนน้องไปกินของโปรดเพราะไม่อยากให้น้องต้องมานั่งโทษตัวเองอีก

"จริงหรอ? งั้นเรารีบไปกันเลย!" ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ตอบรับอย่างดีใจลืมเรื่องซีเรียสไปได้ในทันที

"ร้านตรงนั้นน่ะหรอพี่กลาง ดีจัง! กำลังอยากกินไอติมอยู่พอดีเลย" ว่าแล้วก็ลุกขึ้นอย่ากระฉับกระเฉง

"หึๆๆๆ เด็กหนอเด็ก....." เคนมองท่าทางของน้องชายด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก

"ตรงนั้นแหละ ไป.....ไปกินไอติมกัน....." ว่าแล้วเคนก็ลุกขึ้นพร้อมกับยื่นมือไปจูงมือน้องแล้วพาเดินไปยังที่หมาย




 

Create Date : 30 ธันวาคม 2550    
Last Update : 30 ธันวาคม 2550 21:30:46 น.
Counter : 1178 Pageviews.  

Chapter 43

ตอนที่ 43

"เฮ้ย! จะกลับแล้วจริงๆหรอวะ?" หนึ่งในกลุ่มเพื่อนร้องถามย้ำเมื่อเห็นว่าแวนเนสจะกลับแล้วจริงๆ

"ต้องกลับแล้วว่ะ อยู่ต่อไม่ได้จริงๆ" แวนเนสบอกทั้งที่ใจจริงก็ยังไม่อยากกลับเช่นกันเพราะยังรู้สึกสนุกอยู่

"กลัวอะไรกับแค่พี่ชายวะ? เป็นชั้นนะจะต่อยให้หน้าหงายเลยบังอาจมายุ่งย่ามอะไรกับชีวิตคนอื่นนักหนาเนี่ย" เพื่อนอีกคนพูดแทรกขึ้น

"นายไม่ใช่ชั้นก็พูดได้นี่หว่า พี่ชายชั้นเหมือนคนอื่นที่ไหนกัน" แวนเนสว่าพลางทำหน้าเบ้

"เอาเป็นว่ามื้อนี้ชั้นเลี้ยงก็แล้วกัน ขอโทษจริงๆที่อยู่ต่อไม่ได้แล้ว โอเคนะ....." ว่าแล้วก็ควักเงินยื่นให้หนึ่งในกลุ่มเพื่อน

"เออๆๆๆ ตามใจนายก็แล้วกันว่าแต่คราวหน้าต้องโต้รุ่งกันนะ สัญญามาก่อน" เมื่อเห็นว่าเพื่อนจะยังเซ้าซี้ให้ได้แวนเนสจึงรับคำเอาง่ายๆเพราะกลัวจะกลับบ้านไม่ทันตามเวลาที่พี่ชายกำหนดไว้

"ได้ๆๆๆ ไว้คราวหน้า ชั้นไปหละ!" เสร็จแล้วก็รีบเผ่นออกไปเรียกรถแท็กซี่ทันที

"เที่ยงคืนครึ่งแล้วจะทันมั๊ยเนี่ย?" เมื่อขึ้นมานั่งบนรถได้แวนเนสก็พึมพำออกมาแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าควรโทรหาพี่ชายก่อนจึงล่วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงแต่แล้วก็หาไม่เจอ

"มือถือ!" อุทานออกมาจนคนขับรถหันมามอง

"เอ่อ....ขอโทษครับ....." แวนเนสเอ่ยขอโทษเบาๆก่อนที่จะถอนหายใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาฝากโทรศัพท์มือถือไว้กับเพื่อนคนหนึ่ง

"เยี่ยมเลยแวนเนสเอ้ย....." เอามือเคาะหัวตัวเองพร้อมกับต่อว่าตัวเองไปด้วย

"ช่างมันโว้ยพรุ่งนี้ค่อยไปเอา" ว่าแล้วก็นั่งแหงนหน้าพิงกับพนักเบาะรถยนต์ แต่แล้วรถก็เบรกกระทันหันทำเอาเขาถึงกับหน้าทิ่ม

"ขอโทษครับ! คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?" คนขับรถหันมาขอโทษขอโพย แวนเนสโบกมือ

"ไม่เป็นไรครับ เกิดอะไรขึ้นหรอ?" ถามคนขับรถกลับไป

"สงสัยชนสุนัข รอซักครู่นะครับ" ว่าแล้วคนขับรถก็เดินลงไปดู แวนเนสมองนาฬิกาข้อมือแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เพราะเหลืออีกประมาณสิบห้านาทีจะตีหนึ่งแล้ว

"เอ่อ....." แวนเนสเปิดประตูรถเพื่อจะบอกคนขับรถว่าจะขอไปเรียกคันอื่นแทนแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรคนขับก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

"ผมรบกวนคุณหน่อยนะครับ มันบาดเจ็บ ผมต้องพามันไปหาหมอก่อน คุณช่วยผมอุ้มมันใส่รถหน่อยได้มั๊ย?" แวนเนสอ้ำอึ้งแต่ก็สงสารเจ้าหมาน้อยตัวนั้นเหมือนกันเขาจึงช่วยอุ้มมันขึ้นรถอย่างเลี่ยงไม่ได้

"ขอบคุณมากครับ คุณนี่น้ำใจงามจริงๆ พอดีผมเป็นคนรักสัตว์น่ะครับพอชนเขาแล้วก็ต้องรับผิดชอบ" แวนเนสยิ้มแหยๆ

"เอาเป็นว่าผมจ่ายเงินให้คุณตรงนี้แล้วผมต่อคันอื่นไปดีกว่า" ว่าแล้วแวนเนสก็ควักเงินจ่ายให้คนขับ

"ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้เสียเวลา" คนขับรถรับเงินมาแล้วขอโทษขอโพยแวนเนสต่ออีกยกใหญ่

"ไม่เป็นไรครับ.....ไม่เป็นไร......" แวนเนสยิ้มแห้งๆให้แล้วบอกให้คนขับรถรีบพาเจ้าสุนัขตัวน้อยไปทำแผล จากนั้นเขาก็โบกรถแท็กซี่คันใหม่ พอขึ้นมานั่งได้แวนเนสก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะจากตรงนี้ไปที่บ้านก็ถือว่าไม่ไกลเท่าไหร่แล้ว

"เหลืออีกประมาณสิบนาที น่าจะทันนะ...." พึมพำกับตัวเองแล้วเอนตัวพิงกับเบาะรถยนต์แต่แล้วก็ต้องทำตาปริบๆเมื่อรถจอดข้างทาง

"ขอโทษนะครับ ผมขอเข้าห้องน้ำสาธารณะตรงนี้หน่อย" คนขับหันมาบอกแล้วโดยไม่รอคำตอบก็ลงจากรถไปทันที

"อ้าวเฮ้ย!!!" แวนเนสอุทานเสียงดังแต่ก็ไม่ทันเพราะคนขับรถเดินดุ่มๆลงไปแล้ว

"ตายหละหว่า......แล้วจะกลับบ้านทันหรอเนี่ย?" บ่นอุบกับตัวเองด้วยสีหน้าบอกไม่ถูก เขานั่งกระวนกระวายอยู่บนรถสลับกับมองนาฬิกาไปด้วย เพียงไม่นานคนขับรถก็เดินออกมาแต่แวนเนสรู้สึกว่าคนขับนั้นไปนานเหลือเกิน

"ขอโทษจริงๆนะครับ แบบว่าทนไม่ไหวจริงๆ" หันมาขอโทษขอโพยแวนเนสอีกครั้ง แวนเนสจึงได้แต่ยิ้มแหยๆให้

"ไม่เป็นไรครับแต่ช่วยขับเร็วหน่อยได้มั๊ยครับ คือผมจำเป็นต้องไปให้ถึงที่หมายก่อนตีหนึ่งน่ะครับ" แวนเนสพูดอย่างเกรงใจ คนขับรถยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู

"เหลือไม่ถึงห้านาที ผมไม่รับรองว่าจะทันนะครับแต่จะพยายาม" พูดจบก็ออกรถโดยทันที แวนเนสนั่งหายใจไม่ทั่วท้องกระวนกระวายไปตลอดทาง เขามองนาฬิกาไปด้วยตลอดแต่สุดท้ายแล้วก็เกินมาเกือบสิบนาที

"เกินนิดหน่อยคงไม่เป็นไรนะครับ" คนขับรถว่าพร้อมกับเอี้ยวตัวมาทางแวนเนสที่ส่งยิ้มอย่างฝืดเคืองแทนคำตอบ

"ครับ อันนี้ไม่ต้องทอน" ส่งเงินให้คนขับเรียบร้อยแล้วก็รีบวิ่งเข้าบ้านทันที เมื่อเข้ามาถึงก็พบว่าพี่ชายนั่งรอเขาอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

"เอ่อ....." แวนเนสตั้งท่าจะพูดแต่เจอร์รี่ก็แทรกขึ้นมาก่อน

"เจ็ดนาที!" พูดเสียงเข้มพร้อมกับมองน้องชายด้วยแววตานิ่งๆ

"คือว่า....." อ้าปากจะอธิบายแต่พี่ชายก็พูดแทรกขึ้นมาอีก

"ไปหยิบไม้เรียวมา!" สั่งน้องด้วยน้ำเสียงดุดันทำเอาแวนเนสถึงกับสะดุ้ง

"เจอร์รี่นายฟังชั้นก่อนสิ......" พยายามจะอธิบายเหตุผลให้ฟังแต่พี่ชายกลับไม่ฟังซ้ำยังย้ำคำสั่งด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น

"ไปหยิบไม้เรียวมา!" แวนเนสถอนหายใจเบาๆแล้วพยายามจะอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้พี่ชายฟังอีกครั้ง

"แต่ที่ชั้นกลับมาไม่ทันเพราะว่าระหว่างทาง......" ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากพี่ชายก็พูดแทรกขึ้นมาอีกแต่คราวนี้พูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดจนแวนเนสไม่กล้าเถียง

"ถ้าต้องให้ชั้นพูดอีกเป็นครั้งที่สามชั้นจะฟาดนายเพิ่มเป็นสองเท่า!" แวนเนสได้ยินดังนั้นก็เดินไปหยิบไม้เรียวมาส่งให้พี่ชายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

"หันหลัง!" แวนเนสทำหน้าละห้อยใส่พี่ชาย

"จะไม่ฟังชั้นพูดจริงๆหรอ?" พูดเสียงอ่อนอ่อยหวังให้พี่ชายสงสารแต่พี่ใหญ่ไม่สนใจซ้ำยังจับตัวน้องให้ยืนในท่าที่เขาจะตีได้สะดวก

"ชั้นนั่งแท๊กซี่กลับมาแต่ว่าคันแรกขับชนหมาก็เลยต้อง.....โอ้ย!!!...." แวนเนสพยายามบอกพี่ชายถึงเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นแต่พี่ชายไม่ฟังเสียงตวัดไม้เรียวลงมาทันที

"โอ้ยยย!!!" แวนเนสร้องออกอีกเมื่อโดนพี่ชายตีซ้ำลงมาอีกทีหนึ่ง แม้พี่ชายจะไม่ได้ตีหนักมือเท่าไหร่แต่ก็เล่นเอาน้ำตาซึมเหมือนกัน

"ยืนนิ่งๆ!" พี่ใหญ่ทำเสียงดุเมื่อเห็นแวนเนสถอยหลังหนี

"อย่าตีชั้นอีกเลยนะ.....ชั้นเจ็บ....." แวนเนสขอร้องพี่ชายด้วยสีหน้าเหยเก

"เรื่องนี้เราตกลงกันไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ชั้นเองก็ย้ำนายหลายครั้งแล้วว่าให้กลับบ้านให้ตรงเวลา และในเมื่อนายไม่ทำตามที่เราตกลงกันไว้นายต้องยอมรับผลของมันโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งนั้น" พี่ใหญ่พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

"ทำผิดแล้วก็ต้องยอมรับผิด เจ็บแค่ไหนก็ต้องอดทน" พูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง แวนเนสมองพี่ชายทั้งน้ำตาแต่ก็กัดฟันทนยอมให้พี่ชายตีจนครบ

"ไม่ต้องร้อง!" เอ่ยด้วยน้ำเสียงดุๆเมื่อเห็นแวนเนสทำหน้าเบ้เหมือนจะร้องไห้ ส่วนแวนเนสพอโดนดุซ้ำน้ำตาก็ไหลลงอาบแก้มทันที

"เงียบ! ถ้าไม่เงียบชั้นจะตีซ้ำ!" พี่ใหญ่ทำเสียงเข้มขึ้นตามลำดับพร้อมกับเงื้อนไม้เรียวในมือขึ้นขู่ด้วย

"ไม่เอาแล้ว!" แวนเนสว่าพลางรีบเอามือเช็ดน้ำตา เจอร์รี่มองเจ้าน้องชายตัวดีสงสารก็สงสารแต่ก็โมโหด้วยเช่นกัน

"ขึ้นห้องไปอาบน้ำแล้วเข้านอนได้แล้ว!" แวนเนสมองพี่ชายตาแดงๆก่อนจะเดินขึ้นห้องไปแต่โดยดี พี่ใหญ่มองตามหลังน้องชายก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ ความจริงกับแวนเนสแล้วเขามักจะหลีกเลี่ยงการลงโทษด้วยวิธีนี้ เพราะรู้ดีว่าหากแวนเนสโดนเขาตีแล้วก็ไม่รู้จะไปให้ใครโอ๋เพราะน้องมีเขาเป็นพี่ชายคนเดียว ไม่เหมือนเคนกับไจ่ไจ๋ที่แม้จะโดนเขาดุหรือลงโทษก็ยังมีพี่ชายอีกคนที่ตามเข้าไปโอ๋ทุกครั้ง แต่สำหรับครั้งนี้เขาเห็นว่าควรจะต้องลงโทษให้น้องหลาบจำเสียบ้าง

"พี่ก็ไม่ได้อยากจะใจร้ายกับนายหรอกนะ แต่นายไม่ทำตามกติกาที่ตั้งไว้นี่" พูดจบก็ถอนหายใจอีกครั้งแล้วเดินออกไปปิดประตูบ้านด้านนอก ในระหว่างที่เขาปิดประตูอยู่นั้นก็มีมอเตอร์ไซด์มาจอดหน้าบ้าน เจอร์รี่มองชายสองคนบนมอเตอร์ไซด์อย่างระแวดระวัง จนเมื่อชายสองคนนั้นลงจากมอเตอร์ไซด์แล้วเดินตรงเข้ามาหาเจอร์รี่ก็รีบหันหลังกลับทันที

"นี่! อย่าเพิ่งไปสิ!" เสียงเรียกนั้นทำให้เจอร์รี่หันกลับมา สายตาก็มองหาอาวุธป้องกันตัวเผื่อว่าจะเป็นคนไม่ประสงค์ดี

"มาหาใครครับ?" เอ่ยถามออกไปแต่ก็ยืนห่างประตูบ้านพอสมควร

"อ้าว! จำพวกเราไม่ได้หรอ?" หนึ่งในนั้นพูดด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะ เจอร์รี่ขมวดคิ้วพยายามครุ่นคิดแต่ก็นึกไม่ออก

"พวกเราเป็นเพื่อนแวนเนสงัย! ตอนนั้นนายก็ออกไปเที่ยวด้วยกันนี่นา" พอได้ยินเช่นนี้เจอร์รี่ก็ค่อยนึกขึ้นมาได้

"อ้อ! จำได้แล้วครับ แต่ถ้ามาหาแวนเนสตอนนี้เขาหลับไปแล้ว ไว้ค่อยมาวันอื่นเถอะนะ" พูดเป็นเชิงไม่อยากต้อนรับกลายๆ

"ไม่ได้มาหาหรอกแต่เอาโทรศัพท์มาคืน พอดีมันลืมไว้" พูดจบก็ยื่นโทรศัพท์มือถือของแวนเนสผ่านทางช่องของประตู

"มันรีบออกมาเลยลืมไว้ที่ชั้น ฝากไปให้มันด้วยแล้วกัน" เจอร์รี่รับโทรศัพท์ของน้องมาถือไว้เริ่มเอะใจขึ้นมา

"วันนี้แวนเนสกับพวกคุณ......" เจอร์รี่ยังพูดไม่ทันจบหนึ่งในนั้นก็ต่อให้

"ก็ใช่งัย! เราออกไปเที่ยวด้วยกัน เสียดายที่นายติดงานเลยมาด้วยไม่ได้" ได้ยินดังนั้นเจอร์รี่ก็อึ้งไปนึกไม่ถึงว่าน้องจะโกหกเขา

"อืม....พอดีผมงานยุ่ง ยังงัยก็ขอบคุณมากนะครับที่เอาโทรศัพท์มาคืนให้" พูดจบก็ก้มหัวให้เล็กน้อยก่อนที่จะเดินเข้าบ้านไปด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก เขากลับเข้ามาในบ้านแล้วนั่งสะกดอารมณ์อยู่ที่โซฟาซักพักก่อนที่จะเดินขึ้นไปหาแวนเนสที่ห้องนอน

"ชั้นเพิ่งอาบน้ำเสร็จกำลังจะนอน" แวนเนสพูดด้วยน้ำเสียงหงอยๆแล้วหันกลับไปเอาผ้าขนหนูแขวนที่ราวตากผ้า

"มานี่ซิ" สั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แวนเนสเหลียวกลับไปทางพี่ชายแล้วจึงค่อยเดินเข้าไปหา

"นายรู้ใช่มั๊ยว่าสิ่งที่ชั้นเกลียดที่สุดคือการโกหก" คำพูดประโยคนั้นทำเอาแวนเนสถึงกับนิ่งงัน

"ตอบชั้นมาซิ" ถามย้ำคาดคั้นเอาคำตอบ

"รู้" แวนเนสตอบเสียงแผ่วพร้อมกับพยักหน้าไปด้วย

"รู้แล้วทำไมยังทำ?" คำถามต่อมาทำเอาแวนเนสตกใจเพราะคิดไม่ถึงว่าพี่ชายจะรู้เรื่องวันนี้

"นายพูดถึงเรื่องอะไร?" ย้อนถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ

"นายรู้อยู่แก่ใจนะแวนเนสว่าชั้นหมายถึงอะไร?" พี่ใหญ่ว่าพร้อมกับล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะจับมือน้องขึ้นมาแล้ววางโทรศัพท์มือถือคืนให้

"ชั้นผิดหวังในตัวนายจริงๆ" พูดจบก็หันหลังจะเดินออกไปแต่ก็ถูกน้องชายวิ่งเข้าไปสวมกอดจากทางด้านหลัง

"ชั้นขอโทษ" พูดจบแวนเนสก็ร้องไห้โฮ พี่ใหญ่เม้มปากแล้วนิ่งไปพักหนึ่งก่อนที่จะจับมือน้องที่กอดตัวเองอยู่ออกแล้วหันหน้ากลับมา

"จะเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่? นายทำลายความไว้ใจของชั้นแล้วจะเรียกมันกลับคืนมาด้วยคำว่าขอโทษง่ายๆเพียงแค่นี้น่ะหรอ?" ว่าพลางจับแขนน้องแล้วเขย่าด้วยอารมณ์โกรธ แวนเนสเลยยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก

"หรือเป็นเพราะชั้นมันเป็นพี่ชายที่ไม่ได้เรื่อง? นายถึงไม่ไว้ใจชั้น ไม่กล้าพูดความจริงกับชั้น" แวนเนสส่ายหน้าปฏิเสธแล้วจะเข้าไปกอดพี่ชายแต่กลับถูกผลักออกมา

"ต่อจากนี้ไปอยากจะทำอะไรไม่ต้องมาบอกชั้นอีก! ชั้นไม่อยากฟังคำโกหกซ้ำๆของนาย!" พูดจบก็จะหมุนตัวจะเดินออกไป

"ชั้นไม่ได้อยากโกหกแต่ชั้นก็ไม่รู้ว่าจะพูดความจริงกับนายยังงัย" คำพูดของน้องทำเอาเจอร์รี่หยุดชะงักแต่ไม่ได้หันกลับมา

"ชั้นรู้ว่านายไม่ชอบให้ชั้นคบหากับเพื่อนกลุ่มนี้ ก็เพราะชั้นรู้งัยชั้นถึงไม่กล้าบอกความจริงกับนาย" แวนเนสพูดพลางสะอื้น

"แต่ทำไมชั้นถึงไปคบกับไอ้เพื่อนพวกนั้น? เพราะตอนนี้ไม่มีใครว่างสำหรับชั้นซักคน!" เจอร์รี่ยืนนิ่งเมื่อได้ฟังในสิ่งที่น้องพูด

"ชั้นไม่ชอบบ้านที่ว่างเปล่า ไม่ชอบความเงียบ ไม่ชอบอยู่คนเดียว" ได้ยินเช่นนี้ท่าทีของเจอร์รี่ก็เริ่มมีท่าทีอ่อนลงแต่ไม่ได้พูดตอบโต้อะไร

"แต่ชั้นก็บังคับใครไม่ได้ ชั้นบังคับให้น้องกลับมาอยู่เป็นเพื่อนชั้นไม่ได้ บังคับให้นายหยุดงานไม่ได้ บังคับให้กลอเรียอยู่กับชั้นตลอดเวลาไม่ได้" แวนเนสยังคงพูดต่อไป

"ทำไมชั้นจะไม่รู้ว่าพวกนั้นคบกับชั้นเพราะว่าต้องการให้ชั้นพาไปเลี้ยง ทำไมชั้นจะไม่รู้ว่าไอ้พวกนั้นมันคบกับชั้นเพราะผลประโยชน์ของตัวเอง แต่ทั้งๆที่รู้ทำไมชั้นยังโง่ไปคบหากับพวกมัน" แวนเนสระเบิดอารมณ์ที่อัดอั้นของตัวเองออกมาบ้าง

"เพราะชั้นเหงา.....ชั้นต้องการเพื่อน.....แม้จะเป็นแค่เพื่อนกินก็ยังดี....." พูดจบก็เดินไปทิ้งตัวนอนร้องไห้บนเตียง พี่ใหญ่เหลียวกลับมามองน้องชายที่นอนสะอื้นจนตัวโยนแล้วนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ เจอร์รี่เดินลงไปนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นพักใหญ่เขาเองก็รู้สึกผิดที่ไม่ทันได้สังเกตน้องชายว่าน้องก็ต้องการเพื่อนคุยเพื่อนเล่น แต่เขากลับปล่อยให้น้องอยู่บ้านคนเดียวเพราะคิดไปเองว่าน้องคงอยู่ได้

"เฮ่อ!" แล้วเจอร์รี่ถอนหายใจออกมาดังๆก่อนจะมองไปที่นาฬิกาที่บอกเวลาว่าจะตีสามแล้ว เขามองไปทางบันไดแล้วครุ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาน้องในห้องอีกครั้ง เมื่อเขาเข้ามาในห้องแวนเนสก็พบว่าน้องชายนอนหลับไปแล้ว เจอร์รี่เดินเข้ามานั่งคุกเข่าลงที่ข้างเตียงของน้องชายแล้วมองน้องอย่างสงสาร

"พี่ผิดเองที่ทำแต่งานจนลืมนึกไปว่ายังมีนายรออยู่ที่บ้าน" พี่ใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบหัวน้องอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะหันไปหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวให้น้องชาย

"ขนาดเพื่อนนายที่ดูเหมือนจะไม่สนใจนายซักเท่าไหร่ยังสามารถให้ความสุขกับนายได้ แต่กับพี่ที่ดูแลนายมาตั้งแต่เล็กยังไม่รู้เลยว่าจะสามารถให้ความสุขกับนายได้ยังงัย" เจอร์รี่มองน้องชายน้ำตาคลอก่อนจะฟุบหน้าลงที่เตียงแล้วผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย จนมาสะดุ้งตื่นเพราะน้องชายพลิกตัวแล้วปัดมือมาโดน

"ตุ๊บ!" เขาค่อยเอามือขยี้ตาตัวเองก่อนจะค่อยยันตัวลุกขึ้นแล้วเขาก็พบว่าตอนนี้ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว เขาหันกลับมาที่เตียงหยิบผ้าห่มที่น้องชายถีบร่นลงไปอยู่ที่ปลายเตียงขึ้นมาห่มให้

"อรุณสวัสดิ์" พูดกับน้องแล้วจูบเบาๆที่หน้าผากน้องชาย แล้วหมุนตัวจะกลับไปอาบน้ำที่ห้องแต่แล้วก็ต้องหันกลับมาเพราะได้ยินเสียงร้องของแวนเนส

"โอ้ย" เจอร์รี่เดินกลับมาที่เตียงก็พบว่าน้องลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว

"เป็นอะไรหรอ?" เอ่ยถามน้องด้วยน้ำเสียงไม่มีแววโกรธเคืองอีกแล้ว แวนเนสมองพี่ชายด้วยความงัวเงียเพราะเพิ่งตื่น เมื่อเห็นน้องไม่พูดเจอร์รี่ก็คิดว่าน้องคงโกรธเขาอยู่

"นอนต่อเถอะ ยังเช้าอยู่เลย" พูดจบก็ทำท่าจะหมุนตัวเดินออกไปแต่ถูกน้องชายดึงมือไว้ก่อน

"ว่างัย?" ถามพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แวนเนสไม่ตอบแต่ขยับตัวนั่งคุกเข่าบนเตียงแล้วใช้แขนทั้งสองข้างโอบรอบลำคอพี่ชายพร้อมกับซบหน้าลงที่ไหล่ของพี่ชายด้วย

"ชั้นยังเจ็บก้นไม่หายเลย" แวนเนสพูดจบแล้วก็เงยหน้ามองพี่ชาย

"วันหลังตีเบาๆหน่อยนะ" พูดจบก็ซบหน้าลงที่ไหล่ของพี่ชายตามเดิม พี่ใหญ่อึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะกอดน้องตอบแล้วซบหน้าลงที่หัวน้องชายอีกทอดหนึ่ง รู้สึกผิดคาดอยู่เหมือนกันที่เจ้าน้องชายตัวดีไม่มีวี่แววว่าจะอาละวาดใส่เขาเลย

"ยังเจ็บมากหรือเปล่า? เป็นแผลมั๊ย? เดี๋ยวพี่ใหญ่ทายาให้" ดันตัวน้องออกแล้วถามด้วยความเป็นห่วง แต่แวนเนสส่ายหน้า

"ไม่เป็นแผลแต่เป็นรอยไม้เรียว" พูดจบก็ทำหน้ากระเง้ากระงอดใส่พี่ชาย

"นายอ่ะมือไม่แม่นเลย ตีเจ็ดทีชั้นได้มาเจ็ดแนว แทนที่จะตีซ้ำให้โดนที่เดิมจะได้เจ็บที่เดียว" แกล้งพูดติดตลกเพราะรู้ว่าพี่ชายเองก็เสียใจที่ตีเขา

"อืม.....วันหลังพี่จะกะให้มือแม่นๆกว่านี้......" เจอร์รี่เอ่ยพลางยิ้มเศร้ากับน้อง แวนเนสจึงคลายมือทั้งสองข้างที่กอดพี่ชายอยู่ออกแล้วเลื่อนมาดึงแก้มพี่ชายแทน

"ไม่ถูก นายต้องพูดว่าวันหลังพี่ใหญ่จะไม่ตีน้องคนนี้อีกแล้วต่างหาก ตอบแบบนี้ได้ใจกว่าเยอะ นี่อะไร....คนเค้าประชดก็รับปากเค้าหน้าตาเฉย ไม่ได้เรื่องเลย" แวนเนสแกล้งต่อว่าพี่ชายอีก คราวนี้พี่ใหญ่ไม่ตอบแต่รั้งหัวน้องชายมาซบที่ไหล่ของตัวเอง

"พี่ใหญ่นี่ไม่ได้เรื่องจริงๆนั่นแหละ น้องชายตัวเองเหงาจะแย่ยังคอยจะห่วงแต่ทำงานอีก" พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆดังเดิม แวนเนสกอดพี่ชายตอบแล้วใช้มือตบหลังพี่ชายเบาๆ

"เรื่องที่ผ่านมาเราจะไม่พูดถึงมันอีกก็แล้วกันนะ" พูดกับพี่ชายเป็นเชิงปลอบ แล้วผละตัวออกมา

"เรื่องทั้งหมดมันผิดที่ชั้นไม่ยอมสื่อสารกับนายให้เข้าใจ ถ้าชั้นบอกนายว่าเหงาตั้งแต่แรกนายคงไม่อยู่ทำงานดึกดื่นทุกวันหรอก" แวนเนสพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"ชั้นก็ผิดเหมือนกันที่ปล่อยนายอยู่บ้านคนเดียวแถมยังจะเข้มงวดกับนายเวลาออกไปไหนมาไหนอีกด้วย" เจอร์รี่ว่าพลางเอามือลูบหัวน้องชายอย่างอ่อนโยน

"นายคงอึดอัดมากใช่มั๊ยที่มีพี่ชายบ๊องๆแบบนี้" แวนเนสหลุดหัวเราะคิกออกมาเมื่อได้ยินพี่ชายต่อว่าตัวเอง

"บ๊องนิดๆแบบนี้ก็พอรับได้แต่อย่าบ๊องจนหลุดโลกหละ" พูดจบก็เอามือเคาะหัวพี่ชายเบาๆแล้วก็หัวเราะอย่างขำๆ เจอร์รี่เองก็พลอยหัวเราะตามน้องไปด้วย

"เจอร์รี่.....นายเป็นพี่ชายที่ดีชั้นเคยบอกตั้งหลายครั้งแล้ว และจนถึงวันนี้ชั้นก็ยังยืนยันคำเดิม" แวนเนสพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง

"ขอบใจมากแวนเนส" พี่ใหญ่ตบไหล่น้องชายเบาๆก่อนที่จะจับไหล่ทั้งสองข้างของน้องชายแล้วดันออกห่างจากตัวเขา

"นอนต่อซะ นายเพิ่งนอนได้นิดเดียวเอง" บอกให้น้องนอนต่อเพราะเห็นว่าน้องได้หลับไปเพียงไม่นานเท่านั้น

"นายก็ต้องนอนเหมือนกัน" แวนเนสว่าเพราะรู้ว่าพี่ชายได้งีบน้อยกว่าเขาแถมยังต้องนั่งหลับอยู่ข้างเตียงเขาอีกด้วย

"วันนี้ห้ามไปทำงานด้วย ไม่งั้นชั้นจะป่วนให้นายไม่เป็นอันทำอะไรเลย" พูดขู่พี่ชายอยู่ในที พี่ใหญ่เลยต้องขยับขึ้นไปเอนตัวลงบนเตียงน้องชาย

"คิดถึงน้องจัง" แวนเนสขยับตัวไปนอนกอดพี่ชายพร้อมกับเปรยขึ้นเบาๆ

"ทีตอนนั้นเชียร์ให้น้องไปกันจัง ตอนนี้จะมาบ่นทำไมหละ?" ต่อว่าน้องชายกลับไปบ้าง เมื่อเห็นพี่ชายตั้งท่าจะบ่นต่อแวนเนสก็ซุกหน้าลงที่อกพี่ชายพร้อมกับแกล้งอ้าปากหาว

"ฮึ! ไอ้เจ้าเล่ห์! พอจะโดนดุก็ง่วงทันทีเลยใช่มั๊ย?" ต่อว่าน้องชายอย่างรู้ทัน

"ไม่ใช่ซักหน่อย แต่วันนี้ชั้นสามารถหลับได้โดยไม่ต้องฟังเทศน์ นายก็อย่าบ่นให้เปลืองน้ำลายเลย" พูดจบก็หาวออกมาจริงๆ เจอร์รี่ขยี้หัวเจ้าน้องชายจอมกวนอย่างหมั่นไส้

"งั้นก็หลับตานอนได้แล้ว" กระซิบสั่งให้น้องชายนอนต่อ แวนเนสไม่พูดว่าอะไรอีกเพียงแต่หลับตาลงตามคำของพี่ชาย



- บนเรือสำราญ -

"โอ้ย! โทรมาอยู่นั่นแหละ พี่ทำงานอยู่นะไจ่ไจ๋" เคนบ่นทันทีที่รับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

"พี่กลางอ่ะ ผมไม่รู้จะทำอะไรนี่" เสียงน้องชายพูดอ่อยๆ

"ก็หาอะไรทำไปสิ ไปเล่นเกมส์ ไปออกกำลังกาย หรือไปนวดในสปาก็ได้ นายเล่นโทรมาทุกสิบนาทีแบบนี้อยากให้พี่ตกงานหรืองัย?" เคนเอ็ดน้องเข้าอีกชุดใหญ่

"ผมขอโทษ" น้ำเสียงของน้องชายอ่อนอ่อยยิ่งกว่าเดิม

"เอาเถอะๆๆๆ อีกประมาณครึ่งชั่วโมงพี่จะเลิกแล้ว เดี๋ยวจะไปหา โอเคนะ" เมื่อได้ยินเสียงน้องชายแล้วเคนก็อดสงสารไม่ได้

"ครับพี่กลาง ผมจะหาหนังสืออ่านฆ่าเวลาก็แล้วกัน" น้ำเสียงของน้องชายฟังดูดีขึ้น เคนตอบรับสั้นๆแล้วกดสายทิ้งก่อนที่จะรีบมาทำงานต่อ

"ขอโทษนะครับหัวหน้า" เคนทำหน้าเจื่อนๆเมื่อเห็นหัวหน้ามองมาทางเขา

"ไม่เป็นไรหรอก อันที่จริงตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีออเดอร์เข้ามาเท่าไหร่แล้ว ถ้าเธอจะเลิกงานก่อนเวลาซักหน่อยก็ได้นะ" หัวหน้าของเคนซึ่งเป็นพ่อของกลอเรียบอก

"ไม่ได้หรอกครับ เพื่อนๆยังไม่เลิกกันเลย" เคนรีบปฏิเสธทันทีเพราะไม่อยากเอาเปรียบเพื่อน

"ทำเป็นเกรงอกเกรงใจกันไปได้ ทำงานแทนกันแค่นี้น่ะเรื่องเล็ก เวลาที่ชั้นแว๊บหนีนายยังช่วยเข้างานแทนให้เลย" เพื่อนร่วมงานที่สนิทกับเคนที่สุดพูดแบบติดตลก เรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นๆได้พอสมควร เคนยิ้มให้เพื่อนแต่ก็ส่ายหน้าปฏิเสธอีก

"ไม่ต้องหรอก" บรรดาเพื่อนร่วมงานต่างพากันยิ้มเพราะรู้ดีว่าเคนนั้นเป็นคนมีน้ำใจและไม่เคยคิดเอาเปรียบเพื่อนๆเลย จนเมื่อถึงเวลาเลิกงานจริงๆแล้วเคนก็รีบวางมือแล้วลาทุกคนเพื่อออกไปหาน้องทันทีเพราะกลัวว่าน้องอยู่คนเดียวจะเหงา

"อ้าว.....ไปไหนของมัน....." เมื่อมาเคาะประตูที่ห้องพักของน้องชายแล้วไม่พบตัวน้องเคนก็บ่นพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาน้อง เขารออยู่นานแต่น้องก็ไม่รับสาย

"อะไรของมันเนี่ย?" เคนบ่นออกมาอีกแล้วจะกดโทรหาน้องอีกทีแต่ไจ่ไจ๋ก็เดินมาแตะไหล่เขาเบาๆ

"ออกไปไหนมา?" ยิงคำถามทันทีที่เห็นหน้าน้องเล็ก

"ผมออกไปเดินเล่นมา" ไจ่ไจ๋ตอบแต่มีสีหน้าแปลกๆ

"ไปเดินเล่นแล้วทำไมต้องทำหน้าแบบนี้ด้วย?" เคนถามน้องชายต่ออีก ไจ่ไจ๋ไม่ตอบแต่ดึงมือพี่ชายเข้ามาในห้องพักของเขา

"พี่กลาง.....เมื่อกี้ผมได้ยินเจ้าหน้าที่เขาคุยกัน" เมื่อปิดประตูลงได้ไจ่ไจ๋ก็บอกเล่าให้พี่ชายฟัง

"นี่! ทำไมถึงแอบไปฟังคนอื่นเขาคุยกัน ไม่มีมารยาทเลยนะไจ่ไจ๋" เคนได้ยินก็ดุน้องทันที น้องเล็กทำหน้าจ๋อยๆแล้วแก้ตัวเสียงอ่อยๆ

"ผมไม่ได้แอบฟัง แต่ผมไปนั่งรับลมเล่นแล้วได้ยินพวกเขาคุยกันพอดี" เคนมองหน้าเจ้าน้องชายตัวแสบก่อนจะถอนหายใจเบาๆ

"แล้วยังงัยต่อ?" ถามไถ่น้องชายต่ออีก

"แหนะ! ตัวเองก็อยากรู้เหมือนกันใช่มั๊ย?" ไจ่ไจ๋พูดแหย่เพราะเห็นท่าทีของพี่ชายก็มีแววว่าสนใจเรื่องที่เขาพูดอยู่เหมือนกัน

"ทะลึ่งใหญ่แล้ว! ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูดเลย!" เคนแกล้งทำเป็นดุน้องกลบเกลื่อน แต่ไจ่ไจ๋กลับยิ้มเล็กน้อย

"กวนประสาทนักนะ! พี่กลับไปนอนพักดีกว่าแบบนี้" พูดจบก็ทำท่าจะเดินออกไปแต่น้องเล็กก็รีบคว้ามือพี่ชายไว้ก่อน

"อย่าเพิ่งสิครับ ผมบอกก็ได้" เมื่อได้ยินน้องชายว่าเช่นนี้แล้วเคนก็หมุนตัวกลับมาพร้อมกับแจกมะเหงกให้น้องหนึ่งป๊อก

"เล่าก็ได้.....ผมได้ยินเขาคุยกันว่าบนเรือเนี่ยมีผีด้วย" เพียงแค่ได้ยินน้องชายเกริ่นนำเคนก็ถอนหายใจแรงๆออกมาทันที

"ผีเผอที่ไหนกันวะ? พี่ทำงานมาเป็นปีแล้วยังไม่เคยเจอซักที" ต่อว่าน้องชายไปด้วย

"มันก็แค่เรื่องหลอกกันเล่นเท่านั้นแหละ ตอนแรกๆพี่เข้ามาก็เคยมีเพื่อนๆพูดกันแต่ไม่เห็นจะมีใครเคยเจอเลยซักคน" ไจ่ไจ๋ได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มกลัว ลำพังตอนแรกที่ได้ยินเขาก็เริ่มใจไม่ดีแล้วเพราะห้องพักนี้เขานอนคนเดียว ยิ่งพอได้รู้ว่าพี่ชายก็เคยได้ยินมาเหมือนกันความกลัวจึงเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

"พี่กลางก็เคยได้ยินหรอ? ที่เขาเล่าว่าผีจะมาเคาะประตูห้องพักไล่ไปเรื่อยๆทุกวันๆละห้องแล้วแต่ว่าใครจะซวย" เคนหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อได้ยินน้องว่าเช่นนั้น

"งั้นสงสัยพี่จะโชคดีเพราะอยู่ว่ามาเป็นปีแต่ไม่เคยมีใครมาเคาะประตูห้องพักของพี่เลย หรืออาจจะมีแต่พอดีว่าพี่หลับลึกไปหน่อยผีมันเลยไม่อยากรอเลยเปลี่ยนไปเคาะห้องอื่นแทนหละมั้ง" เมื่อเห็นพี่ชายทำเป็นเรื่องตลกไจ่ไจ๋ก็ตีแขนพี่ชายเบาๆ

"พี่กลาง! เรื่องแบบนี้ใครเขาให้ลบหลู่กัน? ไม่เชื่อก็เงียบปากไว้สิ" เคนไม่ว่าอะไรเพียงแต่ส่ายหน้าเท่านั้น

"นี่.....อย่าบอกนะว่านายเชื่อเรื่องหลอกเด็กแบบนั้น?" ถามดักน้องอย่างรู้ทัน

"คืนนี้พี่นอนเป็นเพื่อนผมไม่ได้หรอ?" ถามพลางมองพี่ชายตาละห้อย

"จะบ้าหรอ? พี่เป็นพนักงานมานอนห้องพักผู้โดยสารได้ยังงัย? อยากเห็นพี่ตกงานจริงๆใช่มั๊ยเนี่ย?" ว่าพลางบีบจมูกน้องชายไปด้วย

"ถ้างั้นผมไปนอนกับพี่ก็ได้" พูดต่อพลางทำหน้าขอร้องพี่ชายสุดฤทธิ์

"ยิ่งไม่ได้ใหญ่ พี่ไม่ได้นอนคนเดียวนะ" เคนปฏิเสธอีก

"นั่นงัย! เพราะพี่กลางมีเพื่อนนอนด้วยก็เลยไม่กลัว ลองมานอนคนเดียวมั่งสิ" เมื่อพี่ชายไม่ยอมน้องเล็กจึงเริ่มงอแง

"ถึงนอนคนเดียวพี่ก็ไม่กลัว แล้วนายก็ไม่ต้องไปกลัวเรื่องไร้สาระที่เขาแต่งขึ้นเพื่อหลอกเด็กแบบนั้นด้วย" เคนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นเล็กน้อย

"ก็ผมกลัวหนิ" ไจ่ไจ๋ทำหน้าเบ้คล้ายจะร้องไห้

"ไจ่ไจ๋! อย่าทำตัวเป็นเด็กๆไปหน่อยเลย ที่พี่ให้นายมาด้วยครั้งนี้ก็เพราะพี่หวังให้นายได้พึ่งตัวเองบ้าง ไม่ใช่ว่าเอะอะอะไรก็จะหาเรื่องมานอนมุดกับพี่ทุกครั้ง ต่อไปไม่มีพี่อยู่ด้วยแล้วนายจะทำยังงัย?" ไจ่ไจ๋ส่ายหน้าดิกไม่รับฟังคำที่พี่ชายพูดเพราะรู้สึกกลัวเรื่องที่ได้ยินมา

"ไม่รู้หละ พี่กลางรับปากพี่ใหญ่ว่าจะดูแลผม ถ้าคืนนี้พี่กลางไม่นอนกับผมหรือไม่ให้ผมไปนอนกับพี่ ผมจะฟ้องพี่ใหญ่" เคนมองเจ้าน้องชายตัวดีอย่างหมั่นไส้

"ฟ้องไปเลย! แล้วคืนนี้นายก็ต้องนอนที่นี่คนเดียวนั่นแหละ!" พูดจบก็ทำท่าจะลุกออกไป

"พี่กลาง!!!" ไจ่ไจ๋ร้องเรียกพี่ชายเสียงดังลั่นแล้วรีบลุกตามไปดึงแขนพี่ชายทันที ทำเอาเคนถอนหายใจดังเฮือก

"ไจ่ไจ๋.....นายแยกแยะหน่อยว่าอะไรเป็นอะไร ฟังอะไรมาแล้วหัดคิดซะบ้างไม่ใช่ปักใจทุกอย่างที่ได้ยินมาแบบนี้ โตซักทีได้มั๊ย?" พูดจบก็ดึงมือน้องชายออก

"ผมอยากกลับบ้าน! ผมจะกลับบ้าน!" ไจ่ไจ๋เริ่มน้ำตาซึมเมื่อเห็นว่าพี่ชายไม่ใจอ่อนกับเขา

"อย่าเอาแต่ใจให้มากนักนะ! คิดอยากจะกลับก็กลับได้หรอ? ใหญ่มาจากไหนกัน?" ได้ยินพี่ชายพูดเช่นนี้แล้วไจ่ไจ๋เงยหน้ามองพี่ชายอย่างผิดหวังเพราะนอกจากพี่ชายจะไม่ปลอบเขาแล้วยังดุเขาอีกด้วย

"ถ้าอยากจะกลับบ้านนายก็โดดลงทะเลแล้วว่ายน้ำกลับไปเองก็แล้วกัน!" พูดประชดน้องด้วยความหงุดหงิด

"อย่าท้านะ!" ไจ่ไจ๋ได้ยินพี่ชายพูดเช่นนี้จึงต่อคำประชดของพี่ชายไปอย่างนึกโกรธ เคนมองหน้าน้องชายเล็กน้อยแล้วเดินออกไปพร้อมกับปิดประตูดังโคร้ม หลังออกมาจากห้องพักของน้องแล้วเคนก็มานั่งรับลมเพื่อให้อารมณ์เย็นลง

"อ้าว! ไม่ไปหาน้องหรอ?" เสียงทักทายนั้นทำให้เคนที่นั่งอยู่เงียบๆเงยหน้าขึ้นมอง

"หัวหน้า.....ยังไม่ไปนอนพักผ่อนหรอครับ" คนถูกถามยิ้มๆแล้วมานั่งลงข้างๆเคน

"คนแก่ไม่ต้องการเวลานอนมากเหมือนเด็กๆหรอก" เคนยิ้มตอบบางๆแต่ไม่พูดอะไร

"น้องชายหลับแล้วสิถึงออกมานั่งเล่นได้" ชวนเคนพูดคุย

"เปล่าหรอกครับ แต่เราเถียงกันนิดหน่อย ผมเลยเดินออกมารับลมเย็นๆเผื่ออารมณ์จะเย็นลง" เคนตอบออกไปตามจริง

"แวนเนสพี่ชายเธอเคยเล่าให้ชั้นฟังว่าน้องชายคนเล็กของเธอขี้งอนเหมือนเด็ก พอได้มาเจอกันแล้วชั้นว่าเขาก็ยังดูเด็กจริงๆนั่นแหละ" เคนมองหัวหน้างานของเขาแล้วก็ยิ้มเล็กน้อย

"ผมยังนึกอยู่เลยว่าคิดผิดหรือเปล่าที่พาเด็กงอแงมาเที่ยวด้วยเนี่ย" จบคำพูดเคนทั้งสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน

"ชั้นว่าดีออกนะเพราะน้องชายดูจะเชื่อฟังเธอมาก เทียบกับเด็กหนุ่มคนอื่นๆแล้วถือว่าเขาเป็นเด็กที่เข้าหาครอบครัวมากกว่าเข้าหาเพื่อนๆ แบบนี้คงไม่มีเรื่องให้เธอกับพี่ๆเป็นห่วงได้หรอก" พ่อของกลอเรียพูดตามความคิดของคนเป็นผู้ใหญ่

"ก็ดีอย่างเสียอย่างน่ะครับ ดีตรงที่ว่าเขาว่านอนสอนง่ายแต่เสียตรงที่เขาไม่ค่อยกล้าทำอะไรด้วยตัวเอง ถ้าพวกผมไม่คอยแนะนำให้เขาเองก็จะไม่กล้าตัดสินใจเอง" เคนอธิบายให้ฟัง แต่ในระหว่างนั้นเคนก็เห็นเจ้าหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยบนเรือพากันวิ่งกรูไปทางท้ายเรือคล้ายกับว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น

"เอ๊ะ! มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?" หัวหน้าของเขาลุกขึ้นแล้วมองตามเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าวพลอยทำเอาเคนลุกตามไปด้วย

"ไปดูซักหน่อยดีกว่า เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้เตรียมตัวทัน" พูดจบทั้งสองคนก็พากันเดินตามเจ้าหน้าที่ไป

"ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นครับ?" เคนถามเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่เดินผ่านหน้าเขา

"เอ่อ.....พอดีมีคนเห็นบางอย่างตกลงจากเรือน่ะครับ ไม่แน่ใจว่าเป็นคนทำของหล่นหรือมีคนโดดลงไป เรากำลังจะให้ปล่อยเรือชูชีพเพื่อให้เจ้าหน้าที่ลงไปค้นหาครับ" ทันทีที่ได้ยินเข้าหน้าที่คนนั้นตอบเคนก็ใจหายวาบเพราะนึกไปถึงคำพูดที่เขาประชดน้องชายแล้วน้องชายท้าเขากลับ

"ไจ่ไจ๋....." เคนร้องครางชื่อน้องออกมาเบาๆหน้าซีดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

"เสี้ยวเทียน เธอเป็นอะไร......" พ่อของกลอเรียเห็นสีหน้าเคนก็ตกใจแต่ยังไม่ทันถามจบประโยคเคนก็วิ่งปรื๋อไปยังห้องพักของน้องชายทันที

"ก๊อกๆๆๆ!!!!" เขาเคาะประตูห้องรัวๆอย่างแรงๆติดต่อกันหลายครั้งแต่ก็ไม่มีสุ่มเสียงการเคลื่อนไหวภายในห้องนั้นเลย เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงวิ่งพรวดพราดไปยังกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่กำลังเตรียมการอยู่

"จะทำอะไรครับคุณ!" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบคว้าตัวเคนที่ทำท่าว่าจะโดดลงไป

"น้องชายผม! ต้องเป็นน้องชายผมแน่ๆ!" เคนตอบเสียงดังพร้อมกับพยายามดิ้นรนเพื่อจะกระโดดลงไปช่วยน้อง แต่เคนก็ถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาดึงตัวไว้พร้อมกับหัวหน้าก็เข้ามาพูดปลอบด้วย

"เสี้ยวเทียน! เธอใจเย็นๆก่อน ไม่มีเหตุผลเลยนะที่น้องชายเธอจะกระโดดลงไป" พยายามพูดปลุกปลอบเคนให้คิดในแง่ดี

"ต้องใช่สิ! ต้องใช่เขาแน่ๆ! ก็ผมเป็นคนท้าให้เขากระโดดลงไปเอง!" เคนร้องบอกพร้อมกับดิ้นไปด้วย

"พี่กลาง!" เสียงไจ่ไจ๋ร้องเรียกทำให้เคนหยุดชะงักเขาหันไปตามเสียงเรียก็พบว่าน้องยืนมองเขาด้วยสีหน้าตกใจ

"พี่กลาง.....พี่เป็นอะไรครับ?" รีบเดินเข้ามาหาพี่ชาย เคนผละออกจากการเหนี่ยวรั้งของเจ้าหน้าที่สามสี่คนแล้วตรงเข้าสวมกอดน้องชายทันที

"นายจะทำให้พี่หัวใจวายหรืองัย! หายไปไหนมา!!?" จับแขนน้องทั้งสองข้างเขย่าอย่างแรง ไจ่ไจ๋ทั้งงงทั้งตกใจไม่นึกว่าพี่ชายเขาจะตื่นตระหนกถึงขนาดนี้

"ผมไปเดินเล่นครับ.....แค่ไปเดินเล่นเอง......" ไจ่ไจ๋ตอบแล้วลูบมือพี่ชายที่บีบต้นแขนเขาแน่น

"ผมไม่ได้เป็นอะไร ไม่ได้เป็นอะไรเลยครับพี่กลาง....." เคนมองหน้าน้องชายตาแดงกล่ำเพราะนึกว่าน้องจะทำอะไรโง่ๆอย่างที่พูด

"ขอโทษนะครับพี่กลาง ขอโทษที่ทำให้พี่เป็นห่วง" พูดด้วยน้ำเสียงคล้ายจะปลอบให้พี่ชายเย็นลง

"ไม่มีอะไรแล้วเสี้ยวเทียน น้องชายเธอปลอดภัยดี" หัวหน้าของเคนเดินเข้ามาปลอบก่อนที่จะหันไปขอโทษบรรดาเจ้าหน้าที่แทนลูกน้อง

"ขอโทษด้วยครับ มีการเข้าใจผิดกันนิดหน่อย ขอโทษจริงๆครับ" หนึ่งในเจ้าหน้าที่พยักหน้ารับคำขอโทษแล้วหันไปดำเนินการต่อ

"พาพี่ชายไปที่ห้องพักเธอสิ" ไจ่ไจ๋ก้มหัวให้พ่อของกลอเรียเล็กน้อยแล้วหันไปก้มหัวขอโทษเจ้าหน้าที่อีกครั้งก่อนจะโอบเอวพี่ชายแล้วพาเดินเข้าไปในห้องพักของเขา

"พี่กลางครับ......" หลังจากที่นั่งเงียบกันพักใหญ่ไจ่ไจ๋ก็เอ่ยปากเรียกพี่ชายเบาๆแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อเคนก็พูดแทรกขึ้มาก่อน

"มานอนได้แล้ว" ไจ่ไจ๋ชะงักแล้วเหลือบมองสีหน้านิ่งๆของพี่ชาย

"ไม่ได้ยินที่พี่พูดหรอ?" เคนพูดย้ำอีกครั้งแต่ไม่ได้มองหน้าน้องชาย ไจ่ไจ๋เม้มปากเล็กน้อยก่อนที่จะล้มตัวนอนลงที่เตียง หลังจากน้องนอนลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วเคนก็เอนตัวลงนอนข้างๆน้องแต่หันหลังให้

"ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง" น้องเล็กพูดเสียงแผ่วเพราะนึกว่าพี่ชายยังโกรธเขาอยู่ เคนได้ยินแล้วแต่ไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่นอนลืมตานิ่งเงียบเช่นเดิม

"พี่คิดว่าผมจะทำอะไรโง่ๆแบบนั้นจริงๆน่ะหรอ?" พูดต่อเมื่อเห็นพี่ชายไม่ยอมพูด

"นายไม่โง่หรอกแต่คนที่โง่คือพี่เอง" เคนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบทำเอาน้องเล็กอึ้งไปก่อนจะค่อยๆขยับเข้าไปกอดแล้วเอาหน้าซบกับพี่ชาย เคนหลับตาลงช้าๆรับรู้ถึงหยดน้ำอุ่นๆที่ไหลลงมาตรงซอกคอของเขา

"พี่โง่จริงๆนั่นแหละ ทำไมพี่ไม่ห่วงชีวิตตัวเองบ้างเลย? ทำไมพี่ต้องรักผมมากกว่าตัวเองด้วย?" ไจ่ไจ๋ยิ่งพูดก็ยิ่งสะอื้นแรงขึ้น

"ผมมีค่ามากขนาดนั้นเลยหรอ? ผมคู่ควรที่พี่จะเอาชีวิตเข้าแลกเชียวหรอ?" เคนยังคงนอนหลับตานิ่งแต่มีหยดน้ำตาไหลลงมาบนหมอน

"พี่ห้ามทำแบบนี้อีกนะ.....ถือว่าผมขอร้อง.....เพราะถ้าพี่เป็นอะไรไปผมคงทนอยู่ต่อไปไม่ได้....." ไจ่ไจ๋ว่าพลางสะอื้นจนตัวโยน

"แล้วพี่อยู่ได้หรอ? ถ้าไม่มีนายคิดว่าพี่จะทนอยู่ต่อไปได้หรอ?" เคนย้อนถามน้องกลับไป ยังผลให้ไจ่ไจ๋ยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก

"นายรู้หรือเปล่าว่าตอนที่พี่หานายไม่เจอพี่กลัวแค่ไหน? นายรู้หรือเปล่าว่าตอนที่พี่คิดว่านายอาจจะกระโดดลงไปเพื่อประชดคำพูดของพี่แล้วในใจพี่กลัวมากมายขนาดไหน?" เคนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือไม่ต่างไปจากน้องชาย

"ในนาทีนั้นพี่คิดได้อย่างเดียวก็คือพี่ต้องหานายให้เจอไม่ว่าด้วยทางใดก็ตาม" น้องเล็กได้ยินก็กอดพี่ชายแน่นขึ้น

"ผมขอโทษ พี่จะดุผมจะตีผมจะลงโทษผมยังงัยก็ได้ แต่ผมขออย่างเดียวพี่อย่าร้องไห้เพราะผมเลย....." น้ำตาของพี่ชายคือการลงโทษที่เจ็บปวดมากที่สุดสำหรับไจ่ไจ๋

"อย่าลงโทษผมด้วยวิธีนี้.....ได้โปรดเถอะครับพี่กลาง....." เคนไม่ตอบว่าอะไรแต่จับมือของน้องที่กอดตัวเองอยู่ออกแล้วค่อยพลิกตัวหันหน้าไปหา

"พี่ไม่ได้ลงโทษนาย แต่นายต่างหากที่กำลังลงโทษพี่อยู่" ว่าพลางยกมือเช็ดน้ำตาให้น้องอย่างแผ่วเบา

"หลับซะ.....แล้วพอตื่นขึ้นมาก็ลืมเรื่องทุกอย่างให้หมด....." เคนเลื่อนมือมาลูบหัวน้องชาย

"ต่อไปพี่จะไม่บังคับให้นายต้องเผชิญหน้าคนเดียวอีก พี่ใหญ่พูดถูก.....นายยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะยืนหยัดด้วยตัวเอง.....พี่ผิดเองที่ชอบสอนนายแบบข้ามขั้นตอนทั้งๆที่รู้ดีว่านายเองก็ยังไม่พร้อมสำหรับบทเรียนที่ยากขนาดนี้....." ไจ่ไจ๋ยกมือขึ้นมาแตะริมฝีปากพี่ชายเป็นเชิงห้ามไม่ให้พี่ชายพูดต่อ

"พี่กลางไม่มีสิทธิเรียกเอาประสบการณ์ที่พี่สอนให้ผมเรียนรู้คืนไปนะครับ เหตุการณ์วันนี้ผมจะไม่มีวันลืม ไม่มีทางที่ผมจะลืมว่าครั้งนึงพี่ชายของผมจะทำในสิ่งโง่ๆเพียงเพราะไม่อยากสูญเสียน้องชายเซ่อๆคนนี้ไป....." คำพูดของน้องทำเอาเคนยิ้มได้ทั้งน้ำตา

"เดี๋ยวเถอะ! ว่าพี่โง่หรอ?" เคนแกล้งดุพร้อมกับเคาะหัวน้องเบาๆ

"พี่ชายโง่น้องชายเซ่อ มันก็ดูเข้ากันดีไม่ใช่หรอ?" น้องเล็กแกล้งย้อนถามพี่ชาย เคนคลี่ยิ้มบางๆก่อนตอบน้องชาย

"ก็จริงของนาย" จบประโยคนั้นแล้วสองพี่น้องก็ส่งยิ้มให้กันอย่างอบอุ่น




 

Create Date : 30 ธันวาคม 2550    
Last Update : 30 ธันวาคม 2550 21:28:18 น.
Counter : 8539 Pageviews.  

Chapter 42

ตอนที่ 42

"ทำไมกลับดึกจัง?" ทันทีที่เจอร์รี่ก้าวขาเข้าบ้านเสียงแวนเนสก็บ่นขึ้นมาในทันใด

"ก็อยู่เคลียร์งานที่บริษัทน่ะสิ" ตอบน้องชายพร้อมกับเอามือบีบที่ต้นคอตัวเองเพื่อไล่ความเมื่อยล้า


"ช่วงนี้งานยุ่งมากหรอ?" ถามพี่ชายกลับไปอีก

"ก็ยุ่งเกือบตลอดแหละ แต่ตอนนี้เจ้าไจ๋ไม่อยู่บ้านชั้นก็เลยอยู่เคลียร์งานที่บริษัทให้เสร็จไปเลยทีเดียวจะได้ไม่ต้องขนกลับมาทำที่บ้าน" เจอร์รี่ตอบพร้อมกับขยายความให้น้องฟัง แวนเนสลอบถอนหายใจ

"เป็นอะไร? ถอนหายใจทำไม?" เมื่อเห็นท่าทางของน้องแล้วเจอร์รี่ก็ถามอย่างสงสัย

"เปล่า ไม่ได้เป็นไร" แวนเนสปฏิเสธพร้อมกับปั้นยิ้มให้พี่ชายทั้งที่จริงๆแล้วเขาเองก็รู้สึกเหงาๆเพราะตอนนี้เป็นช่วงที่เขาได้หยุดพักแต่กลับไม่มีใครอยู่บ้านเลย

"แล้วนี่ทำไมยังไม่ขึ้นนอนอีก?" ถามน้องต่อเพราะเห็นว่าตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว

"กำลังจะไป" ตอบเสร็จก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจซ้ายทีขวาที

"วันนี้ได้โทรหาน้องบ้างมั๊ย?" หันไปถามพี่ชายต่ออีก

"ไจ่ไจ๋มันเพิ่งโทรมาเมื่อตอนหัวค่ำบอกว่าวันนี้เสี้ยวเทียนชวนมันไปว่ายน้ำเล่น เห็นบอกว่าเหนื่อยเลยเข้านอนเร็วหน่อยน่ะ" เล่าให้น้องฟังแล้วพยักหน้าไปทางบันได

"ไป.....ขึ้นไปนอนได้แล้ว......" บอกให้น้องรีบไปนอนแต่แวนเนสกลับเดินมากอดเอวพี่ชาย

"ไม่ต้องอ้อนเลย วันนี้ชั้นเหนื่อยไม่มีอารมณ์จะเล่นด้วยแล้ว" ว่าอย่างพอจะรู้ว่าน้องจะมาอ้อนเขา

"นอนด้วยคนนะ" ขอพี่ชายด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ พี่ใหญ่มองหน้าละห้อยของเจ้าน้องชายตัวดีก่อนที่จะบีบจมูกน้องเบาๆ

"ถ้าเข้าไปแล้วนอนเลยน่ะได้ แต่ถ้าหากจะชวนคุยชั้นเตะส่งกลับห้องเลยนะ" กัดฟันพูดกับเจ้าน้องชายขี้อ้อน

"รับรองว่าไม่ชวนคุย" แวนเนสรับปากแข็งขัน

"งั้นก็ไปช่วยปิดบ้านก่อน" พูดจบก็เดินเข้าไปสำรวจฟืนไฟในครัวส่วนแวนเนสก็เดินไปล็อกประตูบ้าน จากนั้นก็เดินตามพี่ชายขึ้นมาบนห้องแต่ยังไม่ยอมนอนนั่งรอจนพี่ชายอาบน้ำเสร็จ

"น้องไม่อยู่กันบ้านก็เงียบลงไปเยอะเลยเนอะ" เอ่ยกับพี่ชายพร้อมกับเหยียดแขนบิดขี้เกียจก่อนที่จะล้มตัวลงนอน เจอร์รี่ยิ้มบางๆก่อนที่จะหยิบผ้าห่มมาห่มให้น้องชายแล้วค่อยเอนตัวนอนลงข้างน้องบ้าง

"ปกติก่อนนอนจะต้องมีเจ้าไจ๋มาอ้อนมาคุยจ้อให้ฟัง พอมันไม่อยู่แล้วนายรู้สึกเหมือนขาดอะไรบ้างหรือเปล่า?" ถามพี่ชายต่ออีก

"อืม.....เหมือนกับว่ายังทำกิจวัตรประจำวันไม่ครบ" ตอบน้องชายยิ้มๆ

"ชั้นว่าแล้วนายต้องคิดถึงน้องแหงๆ" พี่ใหญ่หันหน้ามาทางคนพูด

"แล้วเราไม่คิดถึงน้องหรืองัย?" ย้อนถามกลับไปบ้าง

"ก็คิดถึงแหละ แต่มันไม่มาเจ๊าะแจ๊ะกับชั้นมากเท่านายก็เลยไม่เท่าไหร่" แวนเนสตอบแล้วพลิกตัวหันมาทางพี่ชายแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย

"งั้นช่วงนี้นายก็เลยจะอยู่ทำงานที่บริษัทให้เสร็จทุกวันเลยใช่มั๊ย?" เจอร์รี่ยักคิ้วให้น้องแทนคำตอบ แวนเนสลอบถอนใจออกมาเบาๆเพราะใจจริงแล้วอยากให้พี่ชายกลับบ้านเร็วๆเพื่อที่จะได้มาอยู่เป็นเพื่อนเขาเพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่เขาได้หยุดงานพอดี

"ถอนหายใจแบบนี้หมายความว่างัย?" เอานิ้วจิ้มที่แก้มน้องชายเบาๆพร้อมกับย้อนถามไปด้วย

"ชั้นถอนหายใจตอนไหน?" แวนเนสรีบปฏิเสธเพราะรู้ว่าพูดไปก็จะทำให้พี่ชายต้องคอยห่วงเขาจนต้องหอบงานกลับมาทำที่บ้านอีก

"ก็เมื่อกี้ชั้นเห็นนี่" พี่ชายพูดยืนยัน

"นายน่ะท่าจะประสาทคนถอนหายใจก็ต้องมีความหมายด้วยหรืองัย?" เถียงพี่ชายข้างๆคูๆ เจอร์รี่ยิ้มเล็กน้อยเพราะพอจะรู้สาเหตุที่น้องอยากจะอ้อนเขา

"พรุ่งนี้หลังชั้นเลิกงานเราไปหาอะไรกินข้างนอกดีมั๊ย?" แวนเนสได้ยินก็มีสีหน้าดีใจ

"พูดจริงๆนะ" ย้ำคำพี่ชายอย่างกระตือรือร้น

"ชั้นจะหลอกนายทำไมหละ?" รับคำน้องยิ้มๆก่อนที่จะเอื้อมมือไปบีบจมูกน้องชาย

"ก่อนขึ้นมานอนชั้นบอกว่ายังงัย? ห้ามชวนคุยใช่มั๊ย?" ต่อว่าเจ้าน้องชายตัวดีแบบไม่จริงจัง

"ชั้นเริ่มชวนคุยก่อนหรอ?" ถามกลับพี่ชายด้วยสีหน้าซื่อๆ

"กวนประสาท!" เอ็ดน้องเสียงดุเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปปิดโคมไฟข้างเตียง

"พรุ่งนี้ชั้นจะไปช่วยกลอเรียที่ร้านแล้วบ่ายแก่ๆจะเข้าไปหาที่บริษัทนะ นายจะได้ไม่ต้องมารับชั้นอีก" บอกกล่าวกับพี่ชายเอาไว้

"ตามใจ" พี่ใหญ่ว่าพร้อมกับอ้าปากหาวเพราะง่วงเต็มที

"แล้วพรุ่งนี้เรากินอะไรที่ไหนกันดีหละ?" แวนเนสยังคุยไม่เลิก

"ค่อยว่ากันพรุ่งนี้เถอะ ชั้นง่วงจนตาจะปิดอยู่แล้ว" พูดจบก็อ้าปากหาวอีกครั้ง

"แหม.....ก็ต้องคิดไว้ก่อนสิ จะได้ไม่เสียเวลา" แวนเนสพูดแย้งแล้วเอาศอกกระทุ้งแขนพี่ชายเบาๆ

"ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้นแหละ หลับตานอนได้แล้ว" ว่าเจ้าน้องชายจอมยุ่งแล้วพลิกตัวนอนหันหลังให้

"กินราเมนกันดีมั๊ย?" แวนเนสยังตามรังควานพี่ชายอยู่อีก

"แวนเนส! ถ้าพูดขึ้นมาอีกครั้งหละก็กลับไปนอนที่ห้องเลยนะ!" ทำเสียงดุเจ้าน้องชายตัวดี

"โธ่! ก็ชั้นยังไม่ง่วงหนิ คุยเป็นเพื่อนกันก่อนสิ" ว่าพลางขยับเขย่าตัวพี่ชายไปด้วย

"ชั้นเหนื่อยแล้วก็ง่วงจะตายอยู่แล้วนายยังจะคุยบ้าอะไรอีก!" คราวนี้พลิกตัวกลับมาพร้อมกับสีหน้ายุ่งๆ

"บอกดีๆก็ได้ไม่เห็นต้องดุเลย" บ่นอุบเบาๆด้วยสีหน้าจ๋อยๆ

"บอกดีๆตั้งกี่เที่ยวแล้วเราฟังหรือเปล่า?" ไม่พูดเปล่าแต่เอื้อมมือไปดึงหูเจ้าคนช่างกวนด้วย

"โอ้ยๆๆๆๆๆ......ไม่พูดแล้วๆๆๆๆ......" แวนเนสร้องครวญครางพลางเอามือลูบหูตัวเองไปด้วย

"แค่นี้ต้องลงมือกันด้วย ดุเป็นบ้าเลย" บ่นอุบอิบกับตัวเองเบาๆ

"ยังไม่เลิกบ่นอีกหรอ?" เลื่อนมือลงมาหยิกที่พุงน้องชายอีก แวนเนสทำหน้าเบ้พร้อมกับจับมือพี่ชายออก

"หลับตานอนเดี๋ยวนี้เลย!" สั่งด้วยน้ำเสียงดุๆเพราะตอนนี้เขาง่วงเต็มทีแล้ว แวนเนสรีบหลับตาลงทันทีเพราะรู้ว่าพี่ชายเริ่มหงุดหงิดแล้ว พี่ใหญ่ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนที่จะกระชับผ้าห่มให้น้อง

"กู๊ดไนท์....." แวนเนสพูดพึมพำเสียงแผ่วทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่ พี่ใหญ่เห็นแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา

"กู๊ดไนท์....ไอ้ตัวยุ่ง....." พูดตอบกลับน้องชายก่อนที่จะขยับเข้าไปกอดน้องเอาไว้แล้วหลับตาลงด้วยเช่นกัน



- วันต่อมาที่บริษัท -

"เฮ้ยแวนเนส!" เสียงทักทายนั้นทำให้แวนเนสต้องหันหลังกลับไปทางต้นเสียงจนเมื่อเห็นบรรดาเพื่อนที่เคยร่วมงานร้องเรียกเขาก็ยิ้มอย่างร่าเริง

"งัยวะ! คิดถึงพวกนายจัง!" แวนเนสเดินรี่เข้าไปจับไม้จับมือเพื่อนฝูงอย่างดีใจ

"พวกชั้นก็ทำงานอยู่นี่ตลอดถ้านายคิดถึงจริงทำไมไม่แวะมาหาหละ?" เพื่อนพูดเป็นเชิงแขวะแต่ไม่ได้จริงจังนัก

"ก็ชั้นมีงานต้องทำเหมือนกันหนิ เนี่ย....เพิ่งได้หยุดช่วงนี้เอง" แวนเนสแก้ตัวก่อนที่จะถามสารทุกข์สุขดิบของเพื่อนๆ เขาคุยกับเพื่อนอยู่พักหนึ่งก็ถามหาพี่ชาย

"เห็นเจอร์รี่มั๊ยอ่ะ? ชั้นไปดูที่ห้องทำงานไม่เห็นอยู่เลย" ถามไถ่เอาจากเพื่อนๆ

"ผู้จัดการออกไปตั้งแต่บ่ายแล้ว เห็นว่าลูกค้ารายใหญ่มีปัญหาเรื่องสินค้าผู้จัดการเลยออกไปดูเอง" ได้ยินแวนเนสก็หน้ามุ่ยลงเล็กน้อย

"ไม่เห็นบอกกันซักคำ" บ่นพึมพำอยู่คนเดียวก่อนจะยิ้มให้รับเมื่อเพื่อนๆบอกว่าใกล้เวลาจะเลิกงานแล้ว

"โอเค.....งั้นไว้ว่างๆเรานัดไปกินข้าวกันนะ" แวนเนสพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะร่ำลาเพื่อนฝูงแล้วเดินกลับไปนั่งรอเจอร์รี่ในห้องทำงาน จนเมื่อรอได้พักใหญ่ๆก็ไม่มีทีท่าว่าพี่ชายจะกลับมาดังนั้นเขาจึงโทรไปหา

"อะไรวะ! ปิดเครื่องซะอย่างงั้น!" มองโทรศัพท์ในมือสีหน้ามุ่ยสนิทก่อนที่จะถอนหายใจดังเฮือกแล้วเปลี่ยนไปโทรหาน้องชายบ้าง

"ครับพี่รอง" เสียงไจ่ไจ๋ตอบรับเจื้อยแจ้วอย่าแจ่มใส

"ทำอะไรอยู่?" แวนเนสถามน้องชายกลับไป

"อยู่ในฟิตเนท กำลังออกกำลังกายอยู่ เดี๋ยวกลับไปผมจะมีซิกส์แพ็คเหมือนพี่รองแล้ว" แวนเนสหัวเราะเมื่อได้ยินคำคุยของน้องชาย

"นึกยังงัยไปออกกำลังกาย? เวลาพี่ชวนไม่เห็นนายอยากจะไปเลย" แวนเนสย้อนถามน้องต่อ

"ไม่ออกไม่ไหวอ่ะพี่รอง ไม่งั้นกลับไปผมอ้วนแข่งกับพี่กลางแน่ๆ เพราะพี่กลางเขาซื้อบัตรอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ให้ผมเกือบทุกมื้อ แล้วผมน่ะก็รู้จักคุณค่าของเงินใช่มั๊ย? เลยกินแบบซะคุ้มเงินของพี่กลางทุกสตางค์เลยแหละ" น้องเล็กเล่าให้เขาฟังอย่างติดตลก

"ไอ้บ้า! เล่นยัดเอาๆเดี๋ยวก็ท้องแตกตายหรอก เพลาๆมั่งไอ้น้อง" แวนเนสเองก็เตือนน้องชายไปด้วย

"โธ่พี่รอง! ก็พี่กลางบอกเองว่าอยากให้ผมมาหาประสบการณ์ผมก็เลยต้องกินให้ครบทุกอย่างน่ะสิ แล้วพี่ต้องมาเห็นว่าอาหารแต่ละอย่างเนี่ยน่ากินขนาดไหน? พูดแล้วก็อยากจะให้ถึงมื้อเย็นเร็วๆจัง" แวนเนสยิ้มได้ทุกทีที่ได้คุยกับเจ้าน้องชายคนนี้

"พี่กลางเขาให้นายไปหาประสบการณ์ชีวิตไม่ใช่ให้ไปกินแหลกแบบนั้น นายเองก็อย่ายัดเข้าไปจนจุกหละไม่งั้นนอนปวดท้องแล้วไม่ต้องโทรมาร้องแงๆให้ฟังเลยนะ" อดไม่ได้ที่จะเตือนน้องอีก

"ถึงจะจุกก็ยอมครับงานนี้ เพราะอาหารอร่อยทุกอย่างเลยจริงๆแถมมีให้เลือกเยอะแยะอีกด้วย ทั้งอาหารไทย จีน ญี่ปุ่น ฝรั่ง อ้อ! พี่กลางให้ผมดื่มไวน์ด้วย รสชาดดีเหมือนกันนะเนี่ย" ได้ยินน้องสาธยายถึงของกินแวนเนสก็เริ่มหิวขึ้นมาตะหงิดๆ

"นี่ๆๆๆ ให้มันน้อยๆหน่อยนะ ไอ้พี่กลางของนายน่ะตัวดีนักเชียวนำทางนายตลอด" ต่อว่าน้องชายเข้าให้

"ถ้าพี่ใหญ่รู้หละก็กลับมาพี่กลางมันโดนตีหัวแตกแน่ นายเองก็จะโดนเทศน์หลายตลบเหมือนกัน" ยกเอาพี่ชายคนโตขึ้นมาขู่

"แหม.....พี่รองก็อย่าฟ้องสิ ผมน่ะไว้ใจพี่ที่สุดเลยนะถึงยอมเล่าให้ฟังทุกอย่าง" น้ำเสียงน้องชายฟังดูออดอ้อนเต็มที่

"พี่ไม่ฟ้องหรอกแต่ที่พี่พูดก็เพราะเป็นห่วง" แวนเนสตอบโต้น้องชาย

"ครับ ผมเข้าใจว่าพี่เป็นห่วง และผมรับรองเลยนะว่าจะไม่ก่อปัญหาอะไรขึ้นมาเด็ดขาด" เสียงน้องเล็กยืนกรานหนักแน่น

"ได้ยินนายพูดแบบนี้พี่ค่อยวางใจหน่อย" แวนเนสเริ่มยิ้มออกอีกครั้ง

"แล้วนี่พี่รองทำอะไรอยู่? พี่ใหญ่กลับบ้านหรือยัง?" ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายกลับมาบ้าง คำถามนั้นทำเอาแวนเนสหน้ามุ่ยลงอีก

"พี่อยู่บริษัทน่ะสิ แต่พี่ใหญ่ไปหาลูกค้า" ตอบด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ

"โดนพี่ใหญ่บังคับให้มาช่วยงานหรอ?" ถามกลับมาด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะ

"เปล่า....แต่มันนัดพี่กินข้าวเย็นพอดีวันนี้พี่เข้าไปช่วยพี่กลอเรียที่ร้านเสร็จแล้วเลยแวะเข้ามา ถ้ารู้ว่ามันจะไปพบลูกค้าแบบนี้พี่ไม่มาหรอกไปกินข้าวกับแฟนดีกว่า" พูดด้วยน้ำเสียงติดงอนเล็กน้อย

"อ้าว! เป็นงั้นไป" เสียงน้องชายหัวเราะมาตามสาย

"พี่รองครับ ผมมีสายซ้อนเข้ามาน่ะ พี่ถือสายรอเดี๋ยวนะ" เมื่อได้ยินน้องพูดเช่นนั้นแวนเนสจึงตัดบทสนทนา

"ไม่ต้องหรอก พี่แค่โทรมาถามดูเฉยๆ ไม่มีอะไรแล้ว งั้นแค่นี้แล้วกัน" เขารอฟังน้องพูดตอบกลับมาก่อนที่จะวางสายไป

"จะหกโมงอยู่แล้วทำไมยังไม่กลับมาอีก แล้ววันนี้ชั้นจะได้กินข้าวเย็นมั๊ยเนี่ย?" แวนเนสมองไปที่นาฬิกาพลางบ่นอุบก่อนที่จะไถลตัวลงนอนที่โซฟานั้นแล้วผล็อยหลับไป มาตื่นอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

"สวัสดีครับ" แวนเนสตอบรับโดยไม่ได้ดูเบอร์ที่เรียกเข้าเพราะกำลังงัวเงียอยู่

"แวนเนส วันนี้ชั้นไปกินข้าวกับนายไม่ได้แล้ว ขอโทษด้วยนะ" เสียงพี่ชายพูดมาตามสาย

"งั้นหรอ?" แวนเนสมีสีหน้าผิดหวังก่อนที่จะยันตัวลุกขึ้นมานั่ง

"หาข้าวหาปลากินซะ แล้วไปเจอกันที่บ้าน โอเคนะ" พูดจบก็ตัดสายทิ้งโดยที่แวนเนสยังไม่ทันได้พูดอะไร

"โอเคกับนายคนเดียวน่ะสิ เฮ่อ!" บ่นอุบอิบก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า

"รู้งี้ไม่อยู่รอหรอก ดูสิ.....มาตั้งแต่ห้าโมงกว่า นี่มันเกือบจะสองทุ่มแล้วค่อยโทรมาบอก ไม่ให้รอไปจนถึงพรุ่งนี้เช้าเลยหละ!" บ่นต่ออย่างงอนๆแล้วหันไปเก็บของก่อนที่จะเดินไปเรียกแท็กซี่กลับบ้าน เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วเจ้าพีพีกับถางถางก็เดินมาล้อมหน้าล้อมหลังเขา แวนเนสจึงจัดหาอาหารให้พวกมันกิน

"ที่พวกแกต้องทนหิวนานไม่ใช่เพราะชั้นนะ พวกแกต้องโทษเจอร์รี่เพราะเขาหลอกให้ชั้นไปนั่งรอแกล่วอยู่ที่บริษัทไม่งั้นชั้นก็กลับบ้านเร็วแล้วพวกแกก็จะไม่ต้องทนหิวนานขนาดนี้" แวนเนสต่อว่าพี่ชายให้สัตว์เลี้ยงทั้งสองฟังก่อนที่จะลูบหัวพวกมันอย่างเอ็นดูแล้วเดินเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ

"ติ๊ดๆๆๆๆ" เสียงโทรศัพท์ของแวนเนสดังขึ้นมาเขาจึงรีบเดินมารับ

"สวัสดีครับ" เอ่ยทักทายออกไปเพราะเบอร์ที่เรียกเข้ามานั้นไม่คุ้นเท่าไรนัก

"ชั้นเองนะแวนเนส จำได้หรือเปล่า?" คำย้อนถามนั้นทำเอาแวนเนสหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะนึกออกว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนที่เคยมาหาเขาที่บ้าน

"อ้อ! จำได้สิ.....ว่างัยหละ?" เอ่ยถามกลับ

"ไม่ได้เจอกันตั้งนาน พรุ่งนี้มาเจอกันหน่อยมั๊ย?" คำชักชวนนั้นทำให้แวนเนสลังเลยังไม่กล้ารับปาก

"พรุ่งนี้ตอนกลางคืนหรอ?" ย้อนถามเพื่อนกลับไป

"ใช่! นายจะมาหรือเปล่า? หรือว่านายต้องขออนุญาตพี่ชายก่อน?" ประโยคหลังคล้ายจะล้อเลียน พอได้ยินเช่นนี้แวนเนสจึงตกปากรับคำไปทันที

"ไปสิ! จะให้เจอกันกี่โมง? แล้วเจอกันที่ไหน?" หลังจากรู้ชื่อร้านและเวลานัดแล้วเขาก็คุยกับเพื่อนอีกพักหนึ่งก่อนจะวางสายไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็ไม่ค่อยสบายใจนักเพราะถ้าพี่ชายรู้ว่าเขาจะไปกับเพื่อนกลุ่มนี้อีกคงโดนอบรมยกใหญ่แถมอาจจะไม่ได้ไปอีกต่างหาก

"ทำงัยได้? ก็นายอยากไม่มีเวลาว่างไปกับชั้นเองนี่นา......" คิดหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองก่อนที่จะเดินเข้าไปในครัวแล้วทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมานั่งกิน ในระหว่างที่เขากำลังนั่งกินอยู่นั้นพี่ชายก็กลับเข้ามา

"ทำไมกินของพวกนี้หละ?" เมื่อเห็นแวนเนสนั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่เจอร์รี่เดินมาผลักหัวน้องพร้อมกับต่อว่าไปด้วย

"แล้วจะให้ชั้นกินอะไรหละ?" เงยหน้าขึ้นเถียงพี่ชายด้วยน้ำเสียงงอนๆ

"ก็ซื้อตามร้านข้างนอกมากินสิ" ตอบเสร็จก็มาทรุดตัวนั่งลงข้างน้องชาย

"ชั้นนั่งแท็กซี่จากร้านไปหานายที่บริษัทเพื่อที่จะได้ออกไปกินข้าวด้วยกัน แต่แล้วนายกลับหายไปโดยไม่บอกชั้นล่วงหน้าปล่อยให้รอแหงกอยู่ตั้งสามสี่ชั่วโมงแล้วโทรมาบอกแค่ว่าไปด้วยไม่ได้แล้ว ชั้นเลยต้องเรียกแท็กซี่จากบริษัทเพื่อที่จะนั่งกลับบ้าน" ได้ยินน้องพูดแบบนี้เจอร์รี่ก็อ้าปากจะแย้งแต่แวนเนสยกมือขึ้นห้ามไว้ก่อนที่จะสาธยายต่อ

"ทำไมชั้นถึงซื้ออะไรกินไม่ได้ หนึ่งเพราะนั่งแท็กซี่จะให้เขาแวะโน้นแวะนี่ก็เกรงใจเขาต้องมาจอดรถรอ สองเพราะอาชีพชั้นเลยไม่สะดวกที่จะนั่งรถเมล์และไม่สามารถจะแวะที่ไหนได้ตามใจชอบ เคลียร์มั๊ยครับ?" อธิบายจบก็ถามประชดพี่ชายไปด้วย พี่ใหญ่ได้ยินก็ถอนหายใจ

"โอเค.....ชั้นผิดเอง....." ยอมรับผิดอย่างไม่อยากจะเถียงกับน้อง

"พรุ่งนี้ชั้นสัญญาว่าจะไปกินข้าวด้วย ถ้าเคลียร์งานเสร็จเร็วชั้นอาจจะลาครึ่งวันแล้วกลับมาอยู่บ้านเป็นเพื่อนนายด้วย" ยื่นข้อเสนอให้น้องอย่างต้องการง้อเต็มที่

"ไม่ต้อง! พรุ่งนี้ชั้นมีนัดกับเพื่อนแล้ว" พูดจบแวนเนสก็ตักบะหมี่กินต่อ

"เพื่อนที่ไหน?" ถามซักไซร้น้องต่อทันที แวนเนสอ้ำอึ้งเล็กน้อย

"เพื่อนที่ไหนสำคัญด้วยหรอ?" ไม่ตอบคำถามนั้นแต่กลับกวนประสาทพี่ชายแทน

"งั้นก็ไม่ต้องไป แล้วถ้าพรุ่งนี้ชั้นกลับมาไม่เจอนายที่บ้านหละก็โดนหนักแน่!" เจอร์รี่ไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วยแต่ยื่นคำขาดให้น้องทันที

"โหย.....นายอย่าเป็นอย่างนี้สิ....." แวนเนสเสียงอ่อยลงทันที

"แล้วชั้นถามดีๆจะกวนประสาททำไม!?" ทำเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย

"ใครควรจะโกรธใครมากกว่าเนี่ย?" แวนเนสบ่นอุบก่อนจะถอนหายใจดังเฮือก

"งั้นก็บอกมาสิว่าจะไปกับเพื่อนที่ไหน?" ตวัดเสียงใส่น้องชาย แวนเนสเริ่มลังเลว่าจะพูดความจริงกับพี่ชายดีหรือไม่

"แวนเนส!" เรียกชื่อน้องเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ

"เพื่อนสมัยเรียนมหาลัย" แวนเนสตัดสินใจโกหกพี่ชายเพราะถ้าบอกว่าไปกับเพื่อนกลุ่มนั้นพี่ชายคงไม่ปล่อยให้เขาไปอย่างแน่นอน

"ไปกันกี่คน?" ถามน้องต่ออีก

"ก็ไปกันทั้งกลุ่มนั่นแหละ ทำไมนายต้องถามเซ้าซี้ด้วย?" ตอบเสร็จก็ต่อว่าพี่ชายด้วย

"แล้วทำไมนายถึงต้องตอบแบบขยักขย่อนด้วยหละ? ตอบออกมาทีเดียวไม่ได้หรืองัย?" พี่ใหญ่ตอกกลับเข้าให้บ้าง แวนเนสเอามือเกาหัวก่อนที่จะเฉไฉไปยกชามบะหมี่ขึ้นมากินต่อ

"แล้วจะไปทำอะไรกัน? ไปกี่โมงกลับกี่โมง?" ว่าแล้วก็ทวงคำตอบจากน้องอีก แวนเนสเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องเพราะพี่ชายเล่นถามไม่เลิกซึ่งถ้ายังถูกถามซักแบบนี้ต่อไปเขาคงเผยพิรุธให้พี่ชายจับได้แน่นอน

"แวนเนส!" เรียกชื่อน้องอีกครั้ง

"ให้ชั้นกินเสร็จก่อนไม่ได้หรืองัย? ชั้นยังกินไม่อิ่มเลยนะ!" ต่อว่าพี่ชายเข้าให้ เจอร์รี่มองเจ้าน้องชายตัวดีก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วลุกขึ้นยืน

"ชั้นจะขึ้นไปอาบน้ำแล้วจะลงมาเอาคำตอบ" พูดจบก็เดินขึ้นห้องไปอาบน้ำ

"เฮ่อ! หรือจะบอกความจริงไปดีวะ?" แวนเนสพึมพำปรึกษาตัวเองอย่างไม่สบายใจนัก

"แต่ถ้าบอกก็ไม่ได้ไปแหงๆ" พูดแย้งกับความคิดที่ลังเลของตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจออกมาอีก

"เอาวะ! ไหนๆก็พูดไปแล้วขืนพูดกลับไปกลับมาโดนมันเทศน์ยาวแน่ๆ เอ.....แต่ถ้าโดนจับได้เราไม่ตายเลยหรอ?" คิดได้เช่นนี้ก็เริ่มกลัวการถูกลงโทษอยู่เหมือนกัน

"แต่ถ้าไม่บอกมันก็ไม่รู้หรอก แล้วอีกอย่างแค่ไปกินข้าวกับเพื่อนมันไม่เห็นเสียหายตรงไหนเลยนี่" คิดได้เช่นนี้แล้วแวนเนสก็ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะไม่บอกความจริงกับพี่ชายว่าเขาจะไปกับใคร เมื่อได้คำตอบแล้วเขาก็กินบะหมี่ในชามจนหมดแล้วเป็นฝ่ายขึ้นไปหาพี่ชายเอง

"งัย? ไอ้ตัวดี!" เจอร์รี่กำลังยืนเช็ดหัวอยู่หน้ากระจกเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นน้องชายเดินเข้ามาในห้องเขา

"อาบน้ำเสร็จแล้วหรอ?" แวนเนสเดินเข้าไปกอดพี่ชาย

"ตัวเหนียว! อย่ามากอด" พี่ใหญ่ต่อว่าน้องแบบไม่จริงจังนักแต่ก็ใช้ผ้าขนหนูเช็ดหัวต่อ

"อื้ม!" แวนเนสหอมแก้มพี่ชายฟอดหนึ่งเป็นการเปลี่ยนเรื่องเผื่อว่าพี่ชายจะลืมไปแล้วว่าถามอะไรเขาไว้

"ไม่ต้องมาทำเป็นอ้อนเลย ชั้นยังรอคำตอบนายอยู่นะ" พี่ใหญ่เอาศอกกระทุ้งหน้าอกน้องเบาๆพร้อมกับทวงถาม

"โหย! นายเนี่ยทำอย่างกับชั้นเป็นเด็กๆเลยนะ จะไปไหนมาไหนทีถามโน้นถามนี่ยิ่งกว่าตำรวจสอบสวนผู้ต้องหาซะอีก" เจอร์รี่หันไปบีบจมูกน้องชายหลังจากได้ยินน้องพูดแขวะ

"แล้วเราน่ะไม่ใช่เด็กหรืองัย? เห็นอ้อนพี่งอนพี่ได้ทุกวันแบบนี้?" แวนเนสทำจมูกย่นใส่แล้วเดินไปนั่งบนเตียงพี่ชาย

"ตกลงว่าชั้นนัดกินข้าวกับเพื่อนสมัยเรียนมหาลัย นัดเจอที่ร้านเวลาสามทุ่ม แล้วเพื่อนๆไปกันครบทั้งกลุ่ม" แวนเนสเอ่ยคำพูดที่เตรียมมาไว้แล้ว

"ทำไมนัดกันดึกจัง? แล้วจะกลับกี่โมง?" ไม่วายตั้งคำถามกับน้องอีก

"โธ่! ก็เพื่อนมันทำงานกันทุกคนนี่กว่าจะเลิกงานกว่าจะเดินทางมาถึงกว่าจะคุยกว่าจะกินกว่าจะถามสารทุกข์สุขดิบกันเสร็จก็ปาเข้าไปตั้ง......" แวนเนสยังพูดไม่ทันจบประโยคพี่ชายก็แทรกขึ้นมาก่อน

"สามชั่วโมง ชั้นให้เวลานายสังสรรกับเพื่อนถึงเที่ยงคืน เสร็จแล้วรีบกลับบ้าน" แวนเนสอ้าปากค้างเมื่อได้ยิน

"หูยยย.....นานๆจะได้เจอกันทั้งที ปล่อยๆไปหน่อยไม่ได้หรอ?" โอดครวญต่อทันที

"เวลาตั้งสามชั่วโมงยังไม่พออีกหรืองัย? ชั้นว่ามันมากเกินไปด้วยซ้ำ" เจอร์รี่เถียงกลับ แวนเนสถอนหายใจเบาๆก่อนที่จะขยับเข้าไปกอดพี่ชายที่เดินมานั่งลงที่เตียง

"ขอสี่ชั่วโมงละกัน พอตีหนึ่งปุ๊บชั้นจะกลับทันทีเลย" ออดอ้อนขอต่อรองกับพี่ชายแต่เจอร์รี่ก็ส่ายหน้าปฏิเสธ

"โธ่! พี่ใหญ่ครับ....." แวนเนสยังตื๊อพี่ชายต่ออีก

"ชั้นไม่สนใจว่านายจะออกมาเมื่อไหร่แต่ถ้าตีหนึ่งแล้วนายยังไม่ถึงบ้าน......เกินมากี่นาทีชั้นฟาดตามจำนวนนั้นเลย!" แวนเนสได้ยินก็ทำหน้าเจื่อนๆ

"โหดเกินไปหรือเปล่า? ชั้นไม่ได้ขับรถไปเองนะจะเร็วจะช้าก็ต้องอยู่ที่คนขับสิ ถ้าเกิดมีเหตุติดขัดอะไรที่ไม่ได้เกิดจากตัวชั้นหละ?" แย้งพี่ชายขึ้นมาบ้าง

"ถ้านายกลับบ้านตอนเที่ยงคืนโดยอาศัยรถแท็กซี่ เวลาในตอนนั้นชั้นมั่นใจว่ารถไม่ติดอย่างแน่นอน แล้วเวลาหนึ่งชั่วโมงสำหรับเดินทางนั้นต่อให้รถเสียจนนายต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ชั้นว่ามันมากมายเหลือเฟือเลยด้วยซ้ำ ฉะนั้นชั้นจะไม่สนใจเหตุผลอะไรทั้งนั้น ถ้านายกลับบ้านไม่ตรงตามเวลาที่ชั้นกำหนด ชั้นจะลงโทษทันทีโดยไม่ถามหาเหตุผลใดๆทั้งสิ้น" พูดกับน้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง แวนเนสฟังแล้วก็จนใจเพราะพี่ชายพูดแบบนี้แล้วคงแย้งอะไรอีกไม่ได้ต้องก้มหน้ายอมรับอย่างเดียว

"แบบนี้ทุกที" บ่นอุบพร้อมกับลุกขึ้นยืน

"จะไปไหน?" เจอร์รี่ถามเมื่อเห็นน้องลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้ามุ่ยๆ

"ไปจะนอนแล้ว!" ตอบพี่ชายเสียงห้วน

"อาบน้ำให้สบายตัวก่อนแล้วค่อยนอน" สั่งกำชับเหมือนทุกครั้ง

"ชั้นจะกลับไปนอนที่ห้องของชั้น สกปรกโสโครกยังงัยก็เตียงชั้น ไม่เลอะเตียงนายซักหน่อย" พูดตอกกลับด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดแล้วทำท่าจะเดินออกไปแต่พี่ใหญ่กลับดึงมือไว้
"ก็เพราะเป็นแบบนี้งัยพี่ใหญ่ถึงต้องเข้มงวดกับเรา อื้ม! ไป.....จะกลับไปนอนที่ห้องก็ไปเลย......" เจอร์รี่ต่อว่าน้องเป็นเชิงบ่นแต่ก็จูบเบาๆที่หน้าผากน้องชายก่อนจะปล่อยตัวน้องให้กลับห้องของตัวเอง



- วันต่อมา -

"ว่างัยไจ่ไจ๋?" พี่ใหญ่รับโทรศัพท์ขึ้นมาได้ก็ถามคนที่โทรเข้ามาทันที

"คิดถึงพี่ใหญ่จัง" ได้ยินเช่นนี้แล้วเจอร์รี่ก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

"คิดถึงจริงหรอ? ไม่ใช่เที่ยวเพลินจนลืมพี่คนนี้ไปแล้วหรอ?" ย้อนคำน้องกลับไป

"ใครจะลืมพี่ชายที่แสนดีของผมได้หละครับ ตอนนี้ผมเพิ่งกินมื้อเย็นเสร็จ อิ่มจนพุงกางเลย เมื่อกี้เลยโดนพี่กลางบ่นไปชุดนึง พี่เขาหาว่าผมกินมากเกินพิกัด" เจอร์รี่หัวเราะกับเรื่องเล่าของน้อง

"นี่! แล้วทำไมเราถึงกินมากมายซะขนาดนั้นฮึ? ตะกละซะไม่มี...." แกล้งว่าน้องชายซ้ำเติมเข้าให้

"ก็ของมันน่ากินนี่ ถ้าพี่มาด้วยพี่ก็ต้องกินเหมือนผมนั่นแหละ" เสียงน้องเล็กโต้ตอบกลับมา

"พี่ไม่ตะกละเหมือนนาย กินแค่อิ่มพี่ก็พอแล้ว" เถียงน้องกลับไปอีก

"แหม....ผมน่ะทำตามคำสอนของพี่ยังจะมาว่าผมอีก" ได้ยินเช่นนี้เจอร์รี่ก็เลิกคิ้ว

"คำสอนของพี่?" ทวนคำอย่างไม่ค่อยเข้าใจ

"ใช่ครับ ก็พี่ใหญ่เคยสอนว่าเวลากินน่ะต้องกินทุกอย่างให้หมดไม่ใช่หรอ? นี่ผมก็ทำตามแล้วงัย กินทุกอย่างเลย" ไจ่ไจ๋พูดเสียงเจื้อยแจ้ว

"พี่สอนแบบนั้นหรอไอ้ตัวดี? พี่เคยบอกแต่ว่าข้าวในจานมีแค่ไหนก็ต้องกินให้หมด แล้วถ้าจะตักอะไรกินก็ให้ตักแค่พอกินเท่านั้น ไม่เคยสอนให้ฟาดเรียบซะทุกอย่างแบบที่นายพูดซักหน่อย" เจอร์รี่รีบแก้ให้น้องทันที แล้วก็ได้ยินเสียงเจ้าน้องชายตัวดีหัวเราะมาตามสาย

"อ้าวหรอ? ผมจำผิดหรอเนี่ย?" พูดเสียงปนหัวเราะทำให้เจอร์รี่พลอยหัวเราะไปด้วย

"ทะเล้นนักนะเรา! แล้วนี่เจ้าพี่กลางทำงานอยู่หรอ?" ถามถึงน้องชายอีกคนบ้าง

"เลิกแล้วครับ แต่พี่เขาขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวเราจะไปนวดในสปากัน" ไจ่ไจ๋รายงานเสียงสดใส

"อิจฉาคนได้เที่ยวจริงๆเล้ยยยย......" เจอร์รี่แกล้งบ่นเปรยๆ

"ชวนให้มาก็ไม่มาแล้วจะมาบ่นทำไมหละ?" น้องเล็กต่อว่าพี่ชายเข้าให้

"จะให้ไปได้ยังงัยกันหละ? ขืนปล่อยเจ้าพี่รองอยู่บ้านคนเดียวมันวีนตายแน่เลย แล้วอีกอย่างพี่ไม่ได้ว่างงานเหมือนนายซักหน่อย" เจอร์รี่ย้อนเข้าให้แล้วก็ได้ยินเสียงน้องชายหัวเราะ

"แล้วนี่พี่รองเขาไปทำงานหรือเปล่า? เอ๊ะ....แต่เห็นพี่เขาบอกช่วงนี้ได้หยุดนี่นา" ไจ่ไจ๋ว่าก่อนที่จะพูดอย่างนึกขึ้นได้

"มันไปร่อนกับเพื่อนแล้วสิ เมื่อวานพี่นัดมันไปกินข้าวแต่พอดีสินค้าที่ส่งให้ลูกค้ามีปัญหาพี่เลยต้องไปหาลูกค้าด้วยตัวเอง ไอ้พี่รองของนายมันก็งอนใหญ่พี่เลยจะชดเชยด้วยการจะพามันไปกินข้าววันนี้แต่มันดันนัดเพื่อนออกไปซะแล้ว" เจอร์รี่เล่าให้น้องฟัง

"แหม.....อยู่กันสองคนยังจะงอนกันอีกนะ ยังงัยพี่ใหญ่ก็ต้องเอาใจพี่รองเขาหน่อยละกัน ไม่มีผมอยู่ด้วยก็งี้แหละเหงากันหมดหละสิ" ไจ่ไจ๋ไม่วายพูดเอาความดีเข้าตัวทำให้พี่ใหญ่ได้แต่ส่ายหัวยิ้มๆ

"เออพี่ใหญ่.....งั้นไว้แค่นี้ก่อนนะใกล้ได้เวลานัดกับพี่กลางแล้ว" แล้วไจ่ไจ๋ก็เป็นฝ่ายพูดตัดบท

"อืม ไว้ค่อยคุยกันอีก พี่เองก็จะกลับบ้านแล้วเหมือนกัน" เจอร์รี่ตอบรับแล้วก็วางสายไป เขาหันไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบสองทุ่มก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้งแล้วต่อสายไปหาแวนเนส

"ทำไมถึงติดต่อไม่ได้หละเนี่ย?" เจอร์รี่พึมพำแล้วต่อสายไปอีกครั้งแต่ก็ติดต่อไม่ได้ดังเดิม

"คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ" พูดกับตัวเองต่อแต่ก็เริ่มห่วงน้องขึ้นมาตะหงิดๆเพราะปกติแล้วแวนเนสจะเปิดมือถือไว้ตลอดเวลาเนื่องจากต้องติดต่อเรื่องงาน

"สงสัยคงไม่อยากให้ใครโทรไปกวน" หาเหตุผลให้น้องก่อนที่จะเก็บของทั้งหมดแล้วกลับบ้าน เมื่อกลับมาถึงบ้านเจอร์รี่ก็จัดการให้อาหารเจ้าพีพีกับถางถางเสร็จแล้วก็เดินเข้าครัวแล้วเทอาหารที่ซื้อมาสำหรับตัวเองกินบ้าง

"เฮ่อ! ไอ้พวกตัวแสบไม่อยู่ บ้านก็เงียบเหงาลงไปจริงๆ....." หลังกินข้าวเสร็จแล้วเจอร์รี่ก็บ่นกับตัวเองเบาๆ จากนั้นก็ตัดสินใจเอางานมานั่งทำ จนกระทั่งเที่ยงคืนกว่าเขาก็ทำงานทุกอย่างจนเสร็จ

"ลองโทรไปหามันอีกครั้งดีกว่า" พูดกับตัวเองแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือมาต่อสายหาแวนเนสอีกครั้งแต่ก็ติดต่อไม่ได้อยู่ได้

"จะปิดเครื่องทำไมเนี่ย!?" บ่นต่อออกมาอย่างหงุดหงิดเพราะอยากรู้ความเป็นไปของน้องในตอนนี้ เจอร์รี่นั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็เปลี่ยนไปโทรหาไจ่ไจ๋แทน

"ครับ" แต่เป็นเสียงของเคนที่รับสาย

"น้องหละ?" ถามหาน้องเล็กจากเคน

"อาบน้ำอยู่ มีอะไรหรือเปล่า?" เสียงเคนตอบก่อนที่จะถามพี่ชายกลับมา

"เปล่าหรอก ชั้นแค่อยากจะถามว่าวันนี้แวนเนสได้โทรหาพวกนายบ้างมั๊ย?" เจอร์รี่ปฏิเสธก่อนที่จะตั้งคำถามกับน้อง

"วันนี้หรอ? ไม่มีนะไม่เห็นเจ้าไจ๋เล่าให้ฟังแล้วกับชั้นก็ไม่มีโทรมา ทำไม? ทะเลาะกันหรอ?" เคนตอบก่อนจะถามพี่ชายต่ออีก

"เปล่า แต่พอดีวันนี้มันออกไปสังสรรกับเพื่อนแล้วชั้นก็โทรหามันตั้งแต่หัวค่ำจนถึงตอนนี้ยังติดต่อไม่ได้เลยเป็นห่วงมันน่ะถึงได้จะถามพวกนายว่ามันมีโทรมาหาบ้างหรือเปล่า?" พี่ใหญ่เล่าให้น้องฟัง

"มันคงรู้ว่านายต้องโทรจิกมันหละมั้งเลยชิงปิดเครื่องซะก่อน" เคนพูดปลอบพี่ชายแบบติดตลกเพราะไม่อยากให้พี่ชายคิดมาก

"นี่! ชั้นซีเรียสนะ! เล่นอะไรดูเวล่ำเวลาบ้าง!" พูดด้วยน้ำเสียงดุๆเพราะเป็นห่วงแวนเนสจริงๆ

"แค่นี้ต้องดุด้วย.....เอาน่าๆๆๆ ชั้นว่ามันไม่เป็นไรหรอก บางทีอาจจะแบตหมดหรือไม่มีคลื่นก็ได้ นายก็อย่าคิดมากเลย" เคนพูดปลอบพี่ชาย

"อืม....ชั้นอาจจะคิดมากเกินไปจริงๆนั่นแหละ ว่าแต่นายยังไม่นอนอีกหรอ?" หันมาถามคู่สนทนาบ้าง

"จะนอนยังงัยหละ? ต้องกล่อมไอ้ตัวดีให้มันหลับก่อนชั้นถึงจะกลับห้องพักได้" เมื่อได้ยินน้องบ่นเจอร์รี่ก็ค่อยยิ้มออก

"น้องไม่ดื้อกับนายใช่มั๊ย? แล้วทุกอย่างราบรื่นดีใช่หรือเปล่า?" สอบถามน้องชายต่ออีก

"ไม่ดื้อหรอกแต่ก็มีงอแงบ้าง พอดีเมื่อวานเพื่อนป่วยชั้นเลยต้องเข้างานแทนเพื่อนน้องเลยเกิดอาการงอนนิดหน่อยแต่ไม่ได้งอนอะไรมากมาย" เคนเล่าให้พี่ชายฟัง

"งั้นก็ดีแล้ว เอาหละ......ไม่มีอะไรแล้วแค่นี้ก่อนนะ ราตรีสวัสดิ์" ว่าแล้วก็พูดตัดบทเพราะเห็นว่าดึกมากแล้ว

"ราตรีสวัสดิ์ครับ" เคนรับคำพี่ชายแล้ววางสายไป เจอร์รี่รอให้น้องวางสายไปก่อนจึงค่อยต่อสายไปหาแวนเนสอีกครั้งแต่ก็ยังติดต่อไม่ได้อยู่ดี เขาถอนหายใจแล้วเหลือบตาไปมองนาฬิกา

"นี่มันจะตีหนึ่งอยู่แล้วนายอยู่ที่ไหนกันแน่เนี่ยไอ้ลูกลิง?" บ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ

"ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย" ว่าแล้วก็ได้แต่นั่งถอนถอนใจอยู่อย่างนั้น




 

Create Date : 30 ธันวาคม 2550    
Last Update : 30 ธันวาคม 2550 21:26:43 น.
Counter : 1273 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  
 
 

loving_zai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




[Add loving_zai's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com