หมอแนะนำให้ใช้ walker ด้วย จะเดินง่ายขึ้น
สามวันต่อมา ค่อยยืนไหว ยืนถ่ายบ้าง
เรื่องปั๊มนม เพราะเรายังต้องปั๊มให้ลูกกินอยู่
ช่วงแรกๆนี่วัดใจมากเลย ว่าเราจะปั๊มนมต่อดีไหม คือแบบตูจะเลิกเลยดีไหมว้าา ตัวเองก็เอาตัวจะไม่รอดแล้ว
คืออยู่ในสภาพนี้อ่ะคะ คิดไม่ออกว่าจะปั๊มไหวมั้ย
แต่ที่สุดก็กลั้นใจ เอาวะ ปั๊มต่อ ให้ลูกหมูสองคนกิน อดทนหน่อยๆๆ
ลากขากลับไปเก็บกรวยปั๊มนม ฮึ่บๆ
เป็นคุณแม่ต้องอดทน
........
ว่าด้วยเรื่องขา
ช่วงอาทิตย์แรกก็มีอาการปวดตุ๊บๆนิดนึงค่ะ หมอให้ยามาก็กินยา ก็ดีขึ้น
เราพยายามไม่ใช้ขาเยอะ พยายามนอนยกขา
เฝือกนี่ก็พยายามไม่ให้โดนน้ำ อาบน้ำต้องมัดถุงพลาสติกสองชั้น
ส่วนลูกนี่งดอุ้มชั่วคราว ลำบากแต่ก็ต้องทนเนอะ
ลูกๆบางทีก็เหมือนไม่เข้าใจ ทำไมแม่ไม่อุ้มหนูเลย
มันจำเป็นนะลูก แม่ก็อยากอุ้มหนูใจจะขาดอยู่แล้ว
วันอาทิตย์ที่ 28 พค. 60 นัด f/u ครั้งที่1 มานัดดูขา
หมอชมว่ารอยหักมันดูดีขึ้นนะ เหมือนมันมีการเชื่อมกันเกิดขึ้นดี
อาจเป็นเพราะเราไปหาหมอเร็ว และใส่เฝือกด้วยค่ะ มันเลยดูเชื่อมกันเร็ว
แต่ก็ยังถอดไม่ได้ เพราะยังไม่หายขาด
สรุปใส่เฝือกต่ออีกหนึ่งอาทิตย์
วันอาทิตย์ที่ 4 กค. 60นัด f/u ครั้งที่ 2
หมอชมว่าดูดี น่าจะหายได้ตามกำหนด
และให้เปลี่ยนเป็นเฝือกอ่อนแทน ให้ใส่ต่อ 10 วัน
ซึ่งอันนี้มันโอเคกว่าเดิมเยอะ ถอดได้ไรได้ อาบน้ำสบายหน่อย
วันพุธที่ 14 กค. 60 นัด f/u ครั้งที่ 3 อาการดีขึ้นเยอะ แทบไม่รู็สึกอะไรเวลาลงนน.แล้ว
หมอเลยสั่งให้เปลี่ยนเฝือกอ่อนให้มันสั้นลง ใส่ต่อสองอาทิตย์ แต่ตอนกลางวันให้พันเป็นผ้ายืดแทน
ช่วงนี้คือชิลมาก เดินเหมือนจะหายขาดแล้ว แค่ระวังอย่าไปโดนอะไรแรงๆ เดี๋ยวหักอีก
ต่อมา
วันพุธที่ 28 กค. 60 นัด f/u ครั้งที่ 4
หมอบอกรอยที่หักหายแล้ว จะไม่ใส่เฝือกก็ได้แล้วนะ
สรุปว่าหายแล้วก๊าบบ ไม่ต้องพันผ้าแล้วจ้า เย้ๆๆๆๆ
แบบว่าอินี่ดีใจมากกกก
เพราะที่ผ่านมาคือชีวิตนี้ลำบากกับการที่ต้องใส่เฝือกมากไม่อยากจะบอกว่าลำเค็ญขนาดไหน
1 ช่วงแรกคือเดินแทบจะไม่ได้ต้องใช้วอร์คเกอร์ตลอด แล้วใส่รองเท้าไม่ได้เดินไปข้างนอก ก็ใส่ไม่ได้จ้าา ลำบากมาก
2 เลี้ยงลูกไม่ได้ อุ้มไม่ได้ สุดลำเค็ญ
3 อาบน้ำลำบาก เฝือกห้ามเปียก ยืนสระผมไม่ได้ ต้องให้คนไปส่งร้านทำผมโลด
4 ขึ้นลงบันไดไม่ได้ต้องใช้ก้นกระเถิบขึ้น อนาถกว่านี้มีอีกไหม
5 อดไปเดินนอกบ้านอย่างสมบูรณ์แบบ
6 อดพาลูกลงเรียนว่ายน้ำ
7 อดเล่นโยคะ อันนี้เฮิร์ดหนักมาก กำลังจะไปได้สวยแท้ๆ ท่ากำลังมา กำลังแขนกำลังมี นี่ก็ฝันสลายไปเลย
8 อ้วนขึ้นด้วย แทนที่จะได้เล่นโยคะชิลๆ ลดอ้วน ดั๊นเจือกเล่นไม่ได้ จะโหมออกกำลังกายก็ไม่ได้ เพราะขาไม่เอื้อ ฮือๆๆ
9 กลัวอ้วน จะคุมอาหารก็ไม่ได้ กลัวแคลเซียมขาด เพราะ...
10 นมก็ยังต้องปั๊มอยู่ จะเลิกได้ยังไง
11 ตั้งใจเอาลูกหัดดื่มขวดก็อด เพราะขาไม่อำนวย
12 เอาลูกเข้านอนก็ไม่ได้ เพราะเข้าคอกกั้นเด็กไม่ได้ มันสูง ปีนไม่ไหว
13 อยากจะเลิกนมมื้อดึก ช่วงนั้นก็ลำบากเพราะลำพังตัวเองยังเอาตัวไม่รอด
14 ช่วงนั้นฮารุดันมีไข้ เราก็ต้องเช็ดตัวตลอด ทั้งๆที่ใส่เฝือก ต่อมาฮารุหายฮานาเป็นอีกจ้า เช็ดตัววนไป ลากขาวนไป
15 เลยไม่ได้พาลูกฉีดวัคซีนสักที เลยนัดมาเป็นเดือนแล้ว
16 และไม่ได้พาเด็กไปหาหมอฟันด้วย ไม่รู้ป่านนี้ฟันผุถึงไหนแล้วรึเปล่า
17 ที่เสียใจอย่างคือช่วงนั้นอากู๋ (พี่ชายแม่) ที่เรารักและเคารพมากๆ ประสบอุบัติเหตุอาหารติดคอ จนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา ไม่ฟื้น ที่สุดก็เสียชีวิตที่รพ. แต่เราแทบจะไม่ได้ไปเยี่ยมอากู๋เลย จนไปก็วันเกือบสุดท้ายที่แกจะเสียนั่นแหล่ะ
18 และเราก็อดไปไหว้ศพอากู๋ที่วัด เพราะขาที่ไม่อำนวย
19 ตอนนั้นพี่ศักดิ์จะมีโปรเจ็คพาไปเที่ยวพัทยา รร.ที่เค้าสัมมนา และด้วยขาที่เดี้ยงเช่นนี้สรุปว่าก้ออดไปตามระเบียบ
20 เฮ้อออ พิมพ์จนเหนื่อย เกือบจะครบยี่สิบล่ะ อ่ะไหนๆก็ไหนๆ เอาให้ครบ
อดพาลูกเดินเที่ยวเล่นทั้งยามเช้าและยามเย็นตั้งหลายวัน เสียดายโอกาสนั้นจริงๆ
อ่าครบยี่สิบข้อจนได้ ที่เราเสียโอกาสอะไรไปตั้งเยอะแยะ
นี่ขนาดใส่แค่เฝือกแค่เดือนกว่าๆ เรายังเสียอะไรไปตั้งมากมาย
แต่ก็โชคดีที่หมอก็บอกว่าหายเร็วนี่ เราดีขึ้นเร็วมาก ขาตอนนี้ก็เดินไปเกือบเป็นปกติ
แล้วก็ถือว่าเป็นการโชคดีของชีวิต ที่ผ่านตรงนี้มาได้ เพราะกว่าจะก้าวผ่านมาทีละก้าว มันเหมือนยาวนานมากกก ทั้งที่มันแค่เดือนกว่าเองนะ
เราคงต้องเพิ่มความระมัดระวังให้กับชีวิตให้มากขึ้นนะจะเดินเหินแบบไม่ระวังตัวไม่ได้แล้วล่ะ
ที่สำคัญขาก็ยังไม่หายดี ถ้าเดินไประวังสะดุดอีก งานนี้แย่แน่ๆ ต้องระวังตัวมากๆแล้ว
กว่าจะหาย นานโคตร เข็ด !!!!!