ภัยแห่งสังสารวัฏนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าภัยอื่นใด - อัสติสะ
Group Blog
 
All blogs
 
๒๒๘-สิ่งที่เกินความจำเป็น(ข่าวสาร)



ทุกวันนี้เราได้รับข่าวสารมากมายในโลกที่ไร้พรมแดนในปัจจุบัน ซึ่งแตกต่างจากสมัยโบราณอย่างมากมาย หากย้อนเวลากลับไปสักประมาณเจ็ดร้อยปี ก็คงไม่มีใครเชื่อว่า มนุษย์จากอีกทวีปหนึ่งจะสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว ผ่านอุปกรณ์ไร้สาย เช่น โทรศัพท์มือถือที่เราใช้งานอยู่ในปัจจุบัน หรือว่ามนุษย์ธรรมดาจะสามารถบินข้ามฟ้า ข้ามมหาสมุทร หรือแม้กระทั่งเดินทางออกไปนอกโลก หรือไปดวงจันทร์ ถ้าเอาเรื่องนี้ไปพูดให้คนสมัยนั้นฟังคงไม่มีใครเชื่อแน่ ๆ

ซึ่งในทางกลับกัน (คิดกันแบบยุติธรรมหน่อยนะครับ) หากมนุษย์ยุคก่อนจะสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ หายตัวได้ สามารถเนรมิตวัตถุได้ตามใจปรารถนา อย่างเช่น ผู้มีฤทธิ์ หรือ พระอรหันต์ในสมัยก่อน คนในยุคนั้น ก็คงคิดว่าคนในอนาคตข้างหน้าต้องไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้เป็นแน่

เป็นข้อสมมติฐานเล็ก ๆ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ข้าพเจ้าเชื่อว่าอิทธิฤทธิ์ และการเวียนว่ายตายเกิด นั้นมีอยู่จริง หากไม่มีจริง ศาสนาพุทธนั้นก็ต้องหมุนกลับ จะมีคำสอนหลาย ๆ บทที่คัดค้านกันไม่ลงตัว แต่ที่คำสอนสามารถยืนยงอยู่ได้นั้นเพราะแต่ละบท แต่ละพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้าสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีธรรมบทใดที่ขัดหรือค้านกัน หากมีธรรมหมวดใดค้านกันนั่นสันนิษฐานได้ว่า เราเองยังไม่มีความเข้าใจในหลักธรรมอย่างกระจ่างชัด หรือไม่ธรรมนั้นก็ไม่ได้ออกมาจากปากของพระอรหันต์เป็นแน่

ทีนี้มาถึงเรื่องการสื่อสารของมนุษย์บ้าง มนุษย์เรารู้จักการสื่อสารกันมาตั่งแต่เราจำความได้ นั่นเพราะเราต่างมีสัญชาติญาณของสัตว์สังคม มีการรวมกลุ่มกันเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันในการมีชีวิตรอด เช่น การพึ่งพากันในการหาอาหารเพื่อดำรงชีวิต การจับคู่เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ การรวมกันเพราะต้องการความปลอดภัยจากศรัตรู หรือแม้กระทั่งป้องกันภัยจากธรรมชาติ เป็นต้น

แต่นับตั่งแต่มนุษย์มีการสื่อสารมากขึ้น คุยกันสะดวกมากขึ้น แต่ความเข้าใจระหว่างกันกับน้อยลง เรามีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากมาย ที่สามารถติดต่อกันได้ในเวลาอันรวดเร็วตลอดเวลา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เราสามารถสื่อสารตกลง ให้ความร่วมมือกัน หรือเข้าใจกันได้ง่ายขึ้นไม่ หากแต่ยิ่งเทคโนโลยีทันสมัยมากเท่าไหร่ มนุษย์กับมีความเข้าใจซึ่งกันและกันน้อยลง มีความขัดแย้งกันมากขึ้น นั่นเพราะเราต่างไม่ได้คัดกรองข่าวสารในการเสพ ไม่ได้ใช้สติพิจารณา กรั่นกรองหาความจำเป็นของข่าวสารนั้น ๆ

ตัวอย่างเช่น พวกคุณเคยตั้งคำถามประเภทนี้กันบ้างไหม ทุก ๆ ครั้งที่คุณเปิดทีวี วิทยุ หรือฟังเพลง นั่นใช่สิ่งที่คุณต้องการหรือจำเป็นต้องรับรู้แค่ไหน บางคนไม่รู้หรอก เพราะเขาทำมาให้ดูก็ดูหากแต่ขาดการพิจารณา เสพข่าวสารบรรเทิงมากมาย จนเกิดเป็นความติดยึดที่เหนียวแน่น สุดท้ายเราก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจของสื่อ และ เหยื่อของโฆษณาสินค้า

คุณลองพิจารณาดูสินค้าบางตัวเช่น ผงซักฟอก ครีมทาผิว น้ำยาล้างห้องน้ำ ฯ ที่โฆษณาเกิดเหตุเช่น ใช้ฝาเดียวก็ขาวเหมือนใหม่ หรือ ล้างฝาเดียวสะอาดทั้งห้อง หรือ ใช้แล้วเห็นผลในเจ็ดวัน ฯ สิ่งเหล่านี้ที่โฆษณามาทุกคนต่างทราบดีว่า มันเกินจริง หรือหากจะจริงก็มีเงื่อนไขมากมายกว่านั้น แต่สื่อพวกนี้ก็ไม่ได้ถูกควบคุมตรวจอย่างจริงจัง



ขอขอบคุณรูปภาพงาม ๆ จาก //www.bangkokbiznews.com มากมายครับ


Create Date : 29 มีนาคม 2553
Last Update : 29 มีนาคม 2553 8:19:44 น. 13 comments
Counter : 466 Pageviews.

 
ผมไม่กลัวข่าวสารเยอะนะครับ
แต่กลัวการกรั่นกรองที่ผิดพลาดในการรับข่าวสาร

อันนี้น่ากลัวมาก

ข่าวสารเยอะไม่เป้นไร
ขอให้เป็นข่าวที่มีมูลความจริงอยู่บ้างก็พอ

ทุกวันนี้ข่าวสารที่ผ่านตา ผ่านหูเรา
ออกจะเป็นโฆษณาชวนเชื่อและทำให้เชื่อซะมาก
โดยเฉพาะข่าวการเมือง




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 มีนาคม 2553 เวลา:8:07:29 น.  

 
พี่ว่ามันเป็นเรื่องธุรกิจล้วนๆ
อย่างข่าว แน่นอน
จรรยาบรรณที่แท้จริงมักไปไม่รอด
กับการทำกำไร
มันยากที่จะสมดุลและไปด้วยกันให้ได้
สิ่งสำคัญมันจึงอยู่ที่ผู้บริโภคในการรับรู้
กลั่นกรองข่าวสารและสื่อต่างๆที่ได้รับ
มันก็เข้าทำนองที่เราต้องเน้นเรื่อง สติ
เป็นหลัก หลุดเมื่อไหร่ ก็ไร้ซึ่งเหตุผลเพราะอารมณ์วิ่งเข้าเส้นชัยไปแล้ว

เดี๋ยวนี้พูดน้อยลง ยิ่งจะสงบมากขึ้น
แต่ก็นั่นแหล่ะ จะพูดมากพูดน้อย
ถ้าคิดดี ทำดี มันก็ดี
แต่คิดไม่ดี ทำไม่ดี มันจะดีได้ยังไง


โดย: ขมเตย วันที่: 29 มีนาคม 2553 เวลา:11:26:16 น.  

 
ข่าวสารมันเป็นสสารอย่างนึง อยู่ที่เราจะเลือกรับอย่างไร อะไรดีเราก็เลือกเฟ้นที่จะรับ อะไรที่เรารู้ว่ามันคือของร้อน ของทุกข์ ถ้าเราจำเป็นต้องรับ โดยบังเอิญ เช่นได้ยินไ้ด้ฟัง ก็ต้องวางลงแล้วไม่ต้องไปขุ่น

มันเป็นธรรมดาของโลกค่ะ


โดย: kaoim วันที่: 29 มีนาคม 2553 เวลา:11:35:17 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 มีนาคม 2553 เวลา:7:12:45 น.  

 
นั่นน่ะสิครับ
หมื่นตาลากผมไปนู่นไปนี่ตลอดเลยนะครับ 5555




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 มีนาคม 2553 เวลา:7:40:37 น.  

 
สวัสดีวันตื่นสายค่ะ

เข้ามาใน office สายแล้ว เด็กๆนั่งทำงานกันเต็มเลย เขินๆไงไม่รู้แฮะ


โดย: ขมเตย วันที่: 30 มีนาคม 2553 เวลา:8:10:53 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณอัส
ใกล้เที่ยงแล้ว ทานข้าวกันดีกว่า


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 30 มีนาคม 2553 เวลา:11:39:49 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 มีนาคม 2553 เวลา:7:15:33 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณอัสติสะ

มาส่งยิ้มและความระลึกถึงค่ะ
สำหรับป้า …บุญคือการทำความดีด้วยใจที่ปล่อยวางไม่หวังผลค่ะ




โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 31 มีนาคม 2553 เวลา:16:09:41 น.  

 
การเสพสื่อก็เหมือนกินอาหาร
ความสำคัญไม่ได้อยุ่ที่ กินแต่อาหารดีๆ
แต่อยุ่ที่กินได้ครบห้าหมู่รึยัง แง่บๆ


โดย: itoursab วันที่: 31 มีนาคม 2553 เวลา:20:21:27 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 เมษายน 2553 เวลา:7:17:52 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 เมษายน 2553 เวลา:7:13:46 น.  

 
แวะมาทักทาย


โดย: bigjinbook วันที่: 7 เมษายน 2553 เวลา:19:42:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อัสติสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ทุกข์ใดจะทุกข์เท่า การเกิด
ดับทุกข์สิ่งประเสริฐ แน่แท้
ทางสู่นิพพานเลิศ เที่ยงแท้ แน่นา
คือมรรคมีองค์แก้ ดับสิ้นทุกข์ทน






Google



New Comments
Friends' blogs
[Add อัสติสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.