ภัยแห่งสังสารวัฏนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าภัยอื่นใด - อัสติสะ
Group Blog
 
All blogs
 
๔๒๔ - ดินแดนแห่งแสงสี (ตอนที่ ๑)




ชายนักเดินทางยังคงเดินทางไปเรื่อย ๆ จุดหมายปลายทางคือฟากฝั่งพระนิพพานนั้น แม้ทราบแน่ชัดว่ามีอยู่จริงหลังจากผ่านดินแดนแห่งแรงปรารถนา แต่เขาเองก็ไม่สามารถคาดคะเนระยะทางได้จริง ๆ

แล้วดินแดนนิพพานนั้นอยู่ไกลมากขนาดนั้นเชียวหรือ ?

บางครั้งเมื่อเขาเหนื่อยจากการเดินทางมาก ๆ คำถามเหล่านี้ก็มักจะผุดขึ้นในหัว การเดินทางรอนแรมนั้น มันไกลแสนไกลจริง และระหว่างทางก็พบอุปสรรคมากมาย มีอยู่หลายครั้งที่เขาแทบจะเอาชีวิตไม่รอด คนธรรมดาเมื่อประสบเหตุการณ์ประเภทนี้ก็ย่อมถอดใจหันหลังกลับบ้านกันแทบทุกราย

'นี่กระมัง...ดินแดนนิพพานจึงเป็นดินแดนที่สรรพสัตว์ เดินทางไปถึงได้ยาก และมีจำนวนน้อยที่จะประสบความสำเร็จ '

เขามักจะปลอบใจตัวเองด้วยคำพูดอะไรประเภทนี้ เพราะการเดินทางแล้ว นอกจากตัวเองก็ไม่มีใครเดินทางมาด้วย การรู้จักปลอบใจและให้กำลังใจตัวเอง ในยามที่ท้อแท้สิ้นหวัง ดูจะเป็นเรื่องจำเป็นมาก สำหรับการเดินทางในครั้งนี้

สำหรับวันนี้ เขาได้เดินทางพ้นออกมาจากป่าดงดิบแห่งหนึ่ง และกำลังเดินทางเข้าสู่เมืองที่เป็นดังสีสันแห่งหุบเขา เป็นเมืองที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพรศาลเมืองหนึ่ง มีคนสัญจรพลุกพล่าน บนอากาศก็เต็มไปด้วยยวดยานพาหนะที่คนเหล่านั้นประดิษฐ์ขึ้น ชายนักเดินทางไม่เคยเห็นเมืองที่มีชีวิตชีวา และตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อน ชาวเมืองชายหญิง กลุ่มใหญ่ร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน ตามท้องถนนมีทั้งคนเดิน และพาหนะสำหรับขนส่ง เสียงดังฮึม ๆ จากเครื่องจักรดังอยู่ตลอดเวลา ไม่แน่ใจว่าคนเมืองเหล่านั้นสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไร โดยที่ประสาทหูไม่เสียไปเสียก่อน
อาคารบ้านเรือนก็ดูทันสมัย มีอาคารสูงลิบลับอยู่หลายตึก ชายนักเดินทางรู้สึกงุนงงว่าคนเหล่านั้น อาศัยอยู่บนตึกสูงลิบเช่นนั้นได้อย่างไร ไม่กลัวตกลงมาหรือถล่มลงมาบ้าง การแต่งตัวของชาวเมือง ก็นับว่าแปลกประหลาด เต็มไปด้วยเสื้อผ้าที่ดูสูดตา จะว่าน่ามองก็ไม่ใช่ จะว่าน่าเกลียดก็ไม่เชิง

"เฮ้ย ๆ พวกนาย ดูลุงแขนด้วนคนนั้นสิ ท่าทางจะเป็นพวกชาวป่าชาวเขา บ้านนอกคอกนา ดูการแต่งตัวเสื้อผ้าขาดเป็นริ้ว ยังกะขอทาน ฮ่ะ ๆ " ชาวเมืองวัยรุ่น ๓ - ๔ คนบังเอิญมองเห็นชายนักเดินทางเข้าพอดี พูดล้อเลียน โดยที่ชายนักเดินทางเองก็ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกนินทาในระยะประชิดตัว

"ตามหาอะไรหรือลุง..." ชายวัยรุ่นอีกคนที่ท่าทางจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม นึกสนุกจึงร้องทัก ทำให้ชายนักเดินทางต้องหันหลังกลับมาเพื่อตอบคำถาม เขามองหน้ากลุ่มวัยรุ่นที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสันแสบตากลุ่มนี้ ด้วยความอึดอัดใจก่อนตอบออกไปว่า

"เอ่อ...ผมเป็นนักเดินทางครับ กำลังเดินทางไปยังดินแดนนิพพาน พอดีผ่านมาเมืองนี้"

"นิพงนิพพานอะไร เกิดมาไม่เคยรู้จัก อยากขอของกินก็บอกมาตามตรงเถอะ..." เด็กวัยรุ่นคนที่ถาม พูดดูหมิ่น

"ไม่รู้จักก็ไม่เป็นไร แต่ผมไม่ได้เป็นขอทานอย่างที่พวกคุณเข้าใจหรอก แค่อยากจะเอาของป่ามาแลกเสบียงอาหาร เพื่อใช้เดินทางเท่านั้น"

"โอ้ลุง ของป่าของดอยอะไรกัน สมัยนี้เขาไม่นิยมแล้ว เขาใช้แต่ของทันสมัย ลุงดูโน้นสิ ห้างสรรพสินค้าเยอะแยะมากมาย เขาขายแต่ของที่มีใบอนุญาตเท่านั้น เขาไม่มีวันอยากได้ของ ๆ ลุงหรอก" เด็กคนนั้นพูดต่อ

"เอ้อ...เมืองนี้มันยังไงกัน ประหลาดดีจริง ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน...ทั้งการแต่งตัวและมารยาทการต้อนรับของคนที่นี่แย่จริง ๆ " ชายนักเดินทางบ่นเบา ๆ เพื่อไม่ทำให้วัยรุ่นกลุ่มนั้นได้ยิน

"ลุงพูดว่าอะไรนะ..." มีเด็กคนหนึ่งในกลุ่มหูดี

"เหอะ ๆ เปล่าหรอก ผมแค่บ่นว่าไม่เคยเห็นเมืองแบบนี้มาก่อนเลย นับตั้งแต่เดินทางมา แปลกดีจริง..." ชายนักเดินทางแก้ตัว แบบไม่ต้องโกหก

"เฮ้อ แล้วไป ว่าแต่พวกเราอย่าไปยุ่งกับลุงแกดีกว่า เผลออาจจะโดนหางเลข ว่าคบกับคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย จะยุ่งไปใหญ่ ไปกันเถอะ..." เด็กวัยรุ่นที่ดูจะเป็นหัวหน้ากลุ่มคนนั้นพูดตัดบทสนทนา

"ไปก่อนนะลุง เดินทางปลอดภัยล่ะ ระวังพวกตำรวจนอกรีตด้วยนะ พวกนี้โหดใช่เล่น มันจับยัดคดีลุงเข้าคุกได้ไม่รู้ตัว " วัยรุ่นคนหนึ่งร้องเตือน ก่อนทั้งหมดจะพาเดินจากไป
"ตำรวจหรือ...คืออะไรกัน จับเข้าคุกด้วย คุกอะไร...? " ชายนักเดินทางพูดด้วยความงวยงง เพราะคุกที่เขาเข้าใจนั้น มันคือนรกที่เผ็ดร้อน ตามที่อาจารย์ของเขาเคยอธิบายไว้ และเมืองต่าง ๆ ที่เขาจากมา ก็ไม่เคยพบเห็นคุกมาก่อน

ซึ่งก็แน่นอนว่าดินแดนที่เขาผ่านมานั้น ล้วนปกครองและอยู่ด้วยอำนาจแห่งกุศลกรรมดี ไม่มีคดีแห่งการผิดศีลธรรม ไม่จำเป็นต้องมีกฎหมาย ไม่มีตำรวจ ไม่มีรัฐบาล ไม่มีสื่อสารมวลชน ไม่มีการปลุกระดมให้คนเกลียดและเข่นฆ่ากัน ฯ แต่ไม่ใช่ที่นี่ เพราะเดินแดนแห่งนี้ ปะปนคละคนกันด้วยหมู่แห่งคนดีและคนเลว และคนที่ประพฤติผิดศีลธรรมก็มีมากเกินกว่าครึ่ง นรก สวรรค์ พรหมโลก นิพพาน ก็ไม่มีใครรู้จัก อยู่กันด้วยอำนาจแห่งความลุ่มหลงในกาม

Thank you image from //www.scenicreflections.com

อ่านต่อตอน ๒




Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2556 20:13:29 น. 6 comments
Counter : 765 Pageviews.

 
สวัสดีตอนค่ำๆนะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:21:28:34 น.  

 
ขอบคุณสำหรับกำลังใจ

เขียนสนุกชวนติดตามยังกะเป็นนิยายทีเดียว

ไลค์ค่ะ


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:22:39:01 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
...
ถ้าตกน้ำนุ้ยลอยเลยนะคะ อิอิ

เพราะมีห่วงยางส่วนตัวไปด้วยค่ะ คล้องไว้ซะรอบตัวเลยคร้าาา

...
มีความสุขมากมากนะคะ คุณอัสติสะ
เพิ่งแวะมาทักได้ค่ะ ยุ่งเชียววันนี้


โดย: Nissan_n วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:17:04:57 น.  

 
ยังไม่ขึ้นตอนใหม่ ไม่เป็นไร ...วางหัวใจไว้ก่อนค่ะ



คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ อัสติสะ เรียบร้อยแล้วนะคะ

คุณเหลือ อีก 0 ดวง สำหรับวันนี้ค่ะ


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:14:03:38 น.  

 
สวัสดีค่ะ..

น่าสงสารคุณลุงคนนั้น หรือจะสงสารเด็กหนุ่มคนนั้นดีล่ะ..?

ยังไงก็ขอให้มีความสุขมากๆในทุกๆวันนะค่ะ



โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:15:50:20 น.  

 
บอกเล่าเก้าสิบล็อกอินของคุณให้เพื่อนได้รู้
และล็อกอินที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ
กิจกรรมดีดีของเรา
บล็อกนี้ เราเปิดกว้าง เพื่อคุณ ^^










โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 1 มีนาคม 2556 เวลา:17:00:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อัสติสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ทุกข์ใดจะทุกข์เท่า การเกิด
ดับทุกข์สิ่งประเสริฐ แน่แท้
ทางสู่นิพพานเลิศ เที่ยงแท้ แน่นา
คือมรรคมีองค์แก้ ดับสิ้นทุกข์ทน






Google



New Comments
Friends' blogs
[Add อัสติสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.