ภัยแห่งสังสารวัฏนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าภัยอื่นใด - อัสติสะ
Group Blog
 
All blogs
 
๔๒๑ - ศาสนาบนเปลือกมะพร้าว




“อาจารย์ครับ จริง ๆ แล้ว คนเราไม่ต้องนับถือศาสนาก็ได้ใช่ไหมครับ...” ลูกศิษย์วัยรุ่นถามอาจารย์วัยชรา ในขณะที่ทั้งสองมีโอกาสสนทนากันสองต่อสอง หลังชั่วโมงเรียน พุทธศาสนาเสร็จสิ้นลง

“แล้วเธอคิดว่า...ศาสนาคืออะไรล่ะ” ผู้เป็นอาจารย์ย้อนถาม

“ก็คงเป็นความเชื่อครับ เชื่อในเรื่องใดเรื่องหนึ่งสืบ ๆ กันมา โดยหาเหตุผลไม่ได้” ลูกศิษย์ตอบ

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องนับถือก็ได้...” ผู้เป็นอาจารย์ตอบ

“ทำไมตอบง่ายจังครับ ผมนึกว่าอาจารย์จะมีคำสอนเก๋ ๆ กว่านี้เสียอีก”

“จะให้ตอบอย่างไรเล่า หมู หมา กา ไก่ มันไม่ต้องมีศาสนา มันก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ จริงไหม?...พรุ่งนี้เธอไปยื่นใบลาออกจากศาสนานี้เลยนะ” อาจารย์พูดล้อเล่น แต่ท่าทางเอาจริง

“ผม ๆ ไม่รู้จะไปลาออกจากที่ไหนครับ ลาออกกับอาจารย์ได้ไหม” ลูกศิษย์พูดกวนอารมณ์

“เหอะ ๆ อาจารย์ไม่มีหน้าที่ให้ใครมาเปลี่ยนศาสนา หรือ เซ็นอนุมัติลาออกกับใครหรอก หากเธอเข้าใจว่า ศาสนานี้ เป็นเพียงความเชื่อที่สืบต่อกันมาอย่างไร้เหตุผล มันก็มีอยู่สองทางคือ หนึ่ง เธอออกไปนับถือศาสนาใหม่ที่มีเหตุผล เชื่อถือได้มากกว่า หรือ สอง เธอลองทำความเข้าใจกับศาสนานี้ดูใหม่ ว่าเป็นความรู้ที่ไร้เหตุผลจริง ๆ หรือเปล่า หรือที่เธอว่า หาเหตุผลไม่ได้นั้น เธอปฏิบัติตามหลักศาสนาที่ถูกต้องแล้วหรือยัง หรือยังไม่ได้ปฏิบัติก็ทึกทักเอาเอง ”

ลูกศิษย์ได้ฟังคำอาจารย์ ถึงกับอึ้งนิ่งไปครู่ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขานับถือพุทธศาสนาเป็นแต่เพียงธรรมเนียมปฏิบัติตามพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย เท่านั้น แต่ก็ไม่ได้เข้าใจความหมายของศาสนาที่ลึกซึ้งอะไร เรื่องราวที่ศาสนาพุทธสอนล้วนแต่เป็นเรื่องดี แต่เขาเองก็ไม่เคยทำได้อย่างที่ศาสนาสอนไว้แม้เพียงครึ่งเดียว เพราะคำสอนของพุทธศาสนาที่พระทั้งหลายบรรจงเทศน์ ก็ล้วนแต่ขัดกับความต้องการขั้นพื้นฐานทางจิตใจและพื้นฐานทางสังคมในปัจจุบัน เขาสังเกตว่ายิ่งศาสนาพุทธเจริญรุ่งเรือง ทำไมมองไปทางไหนก็เห็นมีแต่คนกินเหล้า เมายา มีขโมย หรือ มีข่าวข่มขืนไม่เว้นแต่ละวัน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น หรือคนทุกวันนี้เป็นชาวพุทธแต่เพียงในบัตรประชาชน อย่างที่ได้ยินกันมาจริง ๆ

“ฮืม ๆ เธอกำลังคิดว่า พุทธศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี แล้วทำไมบ้านเมืองเราทุกวันนี้จึงเต็มไปด้วยความวุ่นวายใช่ไหม ข้อนี้หรือเปล่า ที่เธอตั้งแง่สงสัยในศาสนานี้” ผู้เป็นอาจารย์พูดทักอย่างรู้ทัน

“อาจารย์ทราบ ๆ ได้ไงครับ ผมยังไม่ทันบอกเลย...” ลูกศิษย์ร้องดัง

“อาจารย์มองสีหน้าเธอก็รู้แล้ว และเธอก็ไม่ใช่คนแรกในชีวิตอาจารย์ ที่ถามเรื่องนี้...”

“ถ้าอย่างนั้น อาจารย์ช่วยตอบผมทีครับ ว่าทำไม...”

“โดยพื้นฐานของคำสอนในศาสนา ก็ล้วนสอนให้ทุกคนเป็นคนดี และรู้จักการกระทำความดี ไม่ว่าจะเป็นความดีในขั้นใด ๆ ก็ตาม หากแต่ว่าทั่วไปนั้น ก็เพียงรับรู้ แต่ไม่ยอมปฏิบัติ หรือปฏิบัติก็เพียงการยึดถือในสิ่งที่ไม่ได้เป็นแก่นสาร หรือปฏิบัติก็เพียงเล็กน้อย หนักกว่านั้นก็ทึกทักเอาเองว่า ตัวเองเป็นชาวพุทธที่ดีแล้ว เพราะเข้าวัดบริจาคทาน ถวายสังฆทานบ่อย ๆ อย่างอื่นไม่ต้องสนใจ คิดว่าเท่านี้ก็เป็นอันเพียงพอแล้ว หากแต่พุทธศาสนา สอนเรื่องการขัดเกลาจิตใจเป็นหลัก การบริจาคทานของคนทั่วไปนั้น ก็ยังมีความโลภผสมปนเปอยู่ เช่น ทานครั้งนี้ขอจงส่งผลให้ถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง หรือไม่ก็หวังผลตอบแทนในสิ่งหนึ่งสิ่งใด เหล่านี้ไม่ใช่ทานบริสุทธิ์ อันเป็นขั้นที่ขจัดความตระหนี่ของจิตใจซึ่งเป็นเป้าหมายแห่งการทำทานในพุทธศาสนาได้ แต่เป็นการติดสินบนต่อพระพุทธรูป ต่อศาสนา คิดว่าศาสนาพุทธจะสามารถบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองขาดได้ เรื่องศีลก็เช่นเดียวกัน ศีลเป็นพื้นฐานของความสงบของบุคคล และของสังคม เป็นข้อปฏิบัติที่ทำให้คนเราไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะในทางกาย วาจา แต่เมื่อทุกคนละเลยเรื่องศีล ก็มีการกระทบกระทั่งทางกาย วาจา มันก็เลยขาดความสงบในตัวบุคคล คนก็ต่างเพ่งมอง ไม่ไว้ใจซี่งกันและกัน สังคมก็เลยพลอยมีแต่เรื่องวุ่นวาย ตามมา และเกิดปัญหาที่ซับซ้อน ยากต่อการแก้ไขมากขึ้นเรื่อย ๆ”

ลูกศิษย์นิ่งเงียบ ปล่อยให้อาจารย์ได้สาธยายต่อว่า

“คนเราทุกวันนี้จึงตั้งแง่ในศาสนา แต่ไม่เคยตั้งแง่ต่อตัวเอง ส่องกระจกทุกวัน แต่มองไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง...มันเหมือนตัวด้วงฟันทู่ที่พยายามกัดกินเปลือกมะพร้าว แล้วก็รับรู้แค่รสชาติของเปลือกมะพร้าวเท่านั้น เจาะไม่ถึงเนื้อในกะลา มันก็ท้อและบ่นว่าลูกมะพร้าวนี้ไม่มีอะไร มีแต่เปลือก มันบ่นกับตัวเองไม่พอ ยังไปบ่นกับคนอื่นอีก มันน่าขำไหมล่ะ...” อาจารย์พูดจบ ลูกศิษย์หนุ่มเริ่มมีอาการหน้าชา เพราะคิดว่าอาจารย์พูดกระทบตัวเองอย่างจัง

“ผมว่า ผมจะยังไม่เขียนใบลาออกจากศาสนาตอนนี้ก็ได้ครับ ขอศึกษาความรู้เพิ่มเติมจากอาจารย์ก่อน แล้วค่อยว่ากัน...” ลูกศิษย์พูดอย่างเขิน ๆ


“เอ่อ ว่ะ เฮ้ย...” อาจารย์สบถเบา ๆ ก่อนจะเดินหันหลังจากไป



Thank you image from //www.bengreenfieldfitness.com


Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2556 11:35:48 น. 5 comments
Counter : 665 Pageviews.

 
พี่ก๋าโหวตสาขาธรรมะให้เลยนะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:12:08:34 น.  

 
หวัดดีค่ะ ..
มาเรียนด้วยค่ะ ..
ได้ข้อคิดดีๆ ..


โดย: tifun วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:13:26:34 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
...
แวะมาทักทายในช่วงงานเยอะแยะคร้า คุณอัสติสะ

...
ไปทำงานก่อนน๊าคะ


โดย: Nissan_n วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:15:33:54 น.  

 
สวัสดีตอนสายๆครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:10:54:52 น.  

 

...
เมื่อเช้าแถวบ้านหมอกลงหนาด้วยค่ะ
คุณอัสติสะ
มีความสุขมากมากนะคะ


โดย: Nissan_n วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:11:04:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อัสติสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ทุกข์ใดจะทุกข์เท่า การเกิด
ดับทุกข์สิ่งประเสริฐ แน่แท้
ทางสู่นิพพานเลิศ เที่ยงแท้ แน่นา
คือมรรคมีองค์แก้ ดับสิ้นทุกข์ทน






Google



New Comments
Friends' blogs
[Add อัสติสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.