Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2567
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
31 สิงหาคม 2567
 
All Blogs
 
เที่ยวประวัติศาสตร์แดนมังกร (2): ส่านซี


มาต่อกันกับทริปเที่ยวจีนช่วงเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา บล็อกก่อนพาชมมณฑลเหอหนานวันที่ 1-2 ของทัวร์ บล็อกนี้จะเป็นการท่องเที่ยวส่านซีในวันที่ 3-4 ซึ่งเป็นที่ตั้งของสุสานตุ๊กตาดินเผาอันเป็นหมุดหมายหลักของทริปนี้

 
 
DAY 3
 

คณะทัวร์นั่งรถไฟความเร็วสูงออกจากเหอหนานกลับมาถึงซีอานตอนเที่ยงตรง กลับมาขึ้นรถบัสเข้าตัวเมือง เห็นกำแพงล้อมรอบเมืองนั่นคือซีอานครับ

กำแพงเมืองซีอานเพิ่งสร้างขึ้นสมัยราชวงศ์หมิง (ราว 600 ปีก่อน) แต่บริเวณนี้ถูกสร้างเป็นเมืองโดยจิ๋นซีฮ่องเต้เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางการปกครองตั้งแต่เมื่อ 2,200 ปีก่อนเรียกว่าเสียนหยาง เมื่อเข้าราชวงศ์ฮั่นก็ย้ายเมืองหลวงไปฉางอาน ที่อยู่ทางตะวันออก จากนั้นได้เปลี่ยนเมืองฉางอานเป็นซีอานในสมัยราชวงศ์หมิง

 


 


สถานที่แรกที่เราแวะในซีอานคือห้าง Suning เข้าไปกินไหตี้เหลาต้นตำรับครับ (ไกด์บอกว่าชื่อจริงออกเสียงว่า ไหตี่เลา) สั่งได้ไม่บันยะบันยัง ปรุงน้ำจิ้มได้สนุกเหมือนเคย แถมมีเมนูที่ไทยไม่มีอย่างเนื้อม้ากับเนื้อแพะด้วย แต่ตอนเสิร์ฟเส้นนุ่มกังฟู เขาเต้นไม่สวยเท่าที่ไทยนะ



สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกของเมืองซีอานคือวัดลามะกว่างเหริน เป็นวัดพุทธแบบทิเบตแห่งเดียวในซีอาน และใหญ่โตที่สุดในประเทศจีน สร้างในสมัยจักรพรรดิคังซีแห่งราชวงศ์ชิง  

 
 

วัดกว่างเหริน
(Guang Ren Temple)

 

ภาพนักรบมองโกลล่ามเสือในกำแพง มีโซ่เหล็กเป็นตัวแทนของเทพผู้เป็นที่นับถือทั้งสามองค์ในศาสนาพุทธแบบทิเบต คือ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ และพระวัชรปาณีโพธิสัตว์ มีตัวอักษรมองโกล ทิเบต และฮั่น แสดงถึงความเป็นศูนย์รวมจิตใจข้ามชาติพันธุ์ของวัดนี้

อารามมหาวิหาร ภายในประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมพันมือพันตา


อารามต่างๆ จะมีรูปเคารพของเทพเจ้าในศาสนาพุทธแบบมหายาน ทั้งพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ พระชัมภละ ฯลฯ ด้วยรูปแบบศิลปะที่แตกต่างจากวัดพุทธที่เราคุ้นเคยกันเลยดูเพลินเลยครับ

 


ระฆังแบบทิเบตไม่ใช้ตี แต่ใช้มือหมุนเอา
ถือว่าการหมุนระฆังก็เหมือนการได้อ่านพระสูตร

 


พังพอนหน้าวิหารพระชัมภละ เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง
ถือเคล็ดว่าหากลูบตัวพังพอนเข้าหาตัวจะมีลาภได้เงินได้ทอง

 


หอสวดมนต์กำลังสวดกันแบบทิเบตเลย วัดทิเบตก็แรร์แล้ว ยังได้เห็นตอนกำลังประกอบกิจของสงฆ์ด้วย


วัดจะเรียงวิหารเล็กสุดอยู่ด้านหน้า และใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนถึงด้านในสุดคือ วิหารพระสูตร ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ประดิษฐานรูปพระพุทธเจ้าในวัย 12 พรรษา และพระศรีอารย์สูง 10 เมตรยืนด้านหลัง ด้านซ้ายมีพระบรมสารีริกธาตุ ด้านขวามีรูปหล่อของเจ้าหญิงเหวินเฉิงผู้ริเริ่มความสัมพันธ์ระหว่างจีนและทิเบตตั้งแต่ยุคราชวงศ์ถัง โดยพระเจ้าซรองเสนกัมโพ กษัตริย์ทิเบต ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเหวินเฉิง ธิดาของจักรพรรดิถังไท่จง และสร้างวัดลามะขึ้นที่กรุงลาซา ในทิเบต ชั้นบนเก็บพระสูตร 6,600 เล่มที่สังคายนาในปี 1710 สมัยราชวงศ์หมิง



มาต่อกันครับกับกำแพงเมืองซีอาน เห็นอยู่รอบเมือง แต่จุดที่เที่ยวกันคือสันกำแพงครับ ขึ้นไปเดินได้เอารถไปขับได้แบบถนนกว้างๆ เลย
 

กำแพงเมืองซีอาน
(Xi'an City Wall)

 

กำแพงเมืองซีอาน สร้างขึ้นในปี 1370 สมัยราชวงศ์หมิง โดยสร้างต่อจากกำแพงพระราชวังสมัยราชวงศ์ถัง เดิมเป็นเนินดิน และพัฒนาเป็นกำแพงอิฐในปี 1568 จากนั้นได้มีการปรับปรุงรูปแบบกำแพงและการระบายน้ำหลายครั้งจนมีสภาพดังปัจจุบัน สูง 12 เมตร ล้อมรอบเมืองกินพื้นที่ 36 ตร.กม. กลายเป็นหนึ่งในกำแพงเมืองที่ใหญ่โตและเก่าแก่ที่สุดของจีนจนถึงทุกวันนี้ ส่วนกำแพงเมืองจีนไม่นับนะครับ อันนั้นเก่ากว่ายาวกว่า แต่ไม่ใช่กำแพงเมือง


ด้านในมีนิทรรศการแสดงประวัติศาสตร์ของกำแพงนิดหน่อย เดินขึ้นไปชั้นบนมีขายของที่ระลึกด้วย แต่เย็นนี้จะไปเดินถนนมุสลิมอยู่แล้ว เลยยั้งใจไว้ก่อน


ทางเดินด้านบนกว้าง 12-14 เมตร ยาว 14 กม. หากจะเดินด้านบนวนให้รอบจะใช้เวลา 4 ชม. มีร้านขายของให้ช้อปประปราย ช่วงเย็นคนนิยมมาเดินหรือขี่จักรยานกัน แต่ตอนนี้ห้าโมง แดดยังโหดเหี้ยมอำมหิตอยู่ หากเดินนานๆ อาจกลายเป็นบ๊วยเค็มให้คนจีนแพ็คไปขายตาม TEMU


เริ่มแดดร่มลมตก ทัวร์นี้ไม่มีบังคับเข้าร้านของรัฐบาลจีนนะครับ (เลยทำให้ทัวร์แพงไปด้วย) แหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมของซีอานก็ต้องถนนคนเดินหุยหมินเจีย หรือเรียกอีกชื่อว่า ถนนมุสลิม เป็นแหล่งรวมสตรีทฟู้ดที่อยู่ระหว่างหอระฆังและหอกลองเมืองซีอาน
 

ถนนคนเดินหุยหมินเจีย
(Xi'an Muslim Culture Street)

 

ซีอานเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายไหม มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับต่างแดนมาตั้งแต่ยุคโบราณ แถวนี้เป็นชุมชนมุสลิมในจีน เรียกว่าชาวหุย เดิมมีมัสยิดหลายแห่ง แต่พอปฏิวัติวัฒนธรรมมัสยิดส่วนใหญ่ก็ถูกปรับไปเป็นอย่างอื่น

 
 


ทุเรียนครับ ไม่รู้อิมพอร์ตจากไทยแลนด์หรือเปล่า
คนจีนจะกินทุเรียนเหมือนมาเลย์คือชอบเละๆ กลิ่นแรงๆ
ไทยชอบสุกห่ามๆ พอส่งไปจีนก็เละพอดี

 


มีรูปปั้นสำริดอยู่ตรงทางเข้าทั้งสองข้าง
เห็นแล้วนึกถึงเอเชียทีค

 


อาหารมีหลากหลายทั้งบะหมี่เนื้อ วุ้นเส้นแพะ แพะย่าง ปลาหมึกย่าง ซอฟท์ครีม น้ำผลไม้ปั่น เกี๊ยวน้ำมันรา โยเกิร์ตนมแพะ ไอศครีม นานสอดไส้เนื้อผัด ขนมและของที่ระลึก ฯลฯ ไม่มีหมูนะครับ

 


ถนนยาว 500 เมตร เดินสุดทางจะเป็นหอกลอง สร้างในปี 1380
สมัยราชวงศ์หมิง ภายในมีกลองใบใหญ่ไว้ตีตอนพระอาทิตย์ตกดิน

 


ไม่ได้อะไรติดมือเลย ของที่ระลึกก็ไม่น่าซื้อ
ขาเดินกลับเลยเอาซะหน่อย น้ำทับทิมแก้วละ 20 หยวน
(100 บาท) ร้านนี้ราคาสูงกว่าร้านอื่น
แต่คั้นจากผลทับทิมสดให้เห็นกันจะๆ
อร่อยสมเป็นผลไม้ประจำถิ่นของมณฑลนี้

 


มื้อเย็นวันนี้กินที่โรงแรมหนานฟาง 南方酒店 (ขอบคุณคุณต่อสำหรับคำอ่านภาษาจีนครับผม) ชอบไก่แช่เหล้ากับเป็ดอบ ปลานึ่งซีอิ๊วมีเกือบทุกมื้อแต่ไม่เบื่อครับ อร่อย หน้าร้านมีปลาลิ้นหมาหน้าตาน่ากินมาก คุณไกด์เลยจะจัดให้มื้อต่อไป สปอยล์กันแบบสุดๆ


คืนนี้กลับมาพักที่โรงแรมที่พักคืนแรก Grand Melia Xian กรุ๊ปทัวร์จะนอนที่นี่อีกสองคืน รวมเป็นสามคืน นอกจากห้องหรู แอร์เย็น เน็ตดีแล้ว อาหารเช้ายังหลากหลายสุดๆ มีให้กินยันอาหารสเปน ส่วนข้อเสียอย่างห้องน้ำไม่มีสายฉีดตูดนั้น นับเป็นชะตากรรมร่วมที่ประสบทุกโรงแรมโดยไม่อาจหลีกหนี

 
 
DAY 4


วันสุดท้ายของการเดินทาง (ไม่นับวันกลับ) จะไปเที่ยวชมสุสานจิ๋นซี ซึ่งส่วนที่เปิดให้เข้าชมคือพื้นที่ฝังตุ๊กตาทหารดินเผา ส่วนตัวสุสานที่ฝังศพจิ๋นซีจริงๆ ยังไม่ได้ขุดขึ้นมานะครับ
 

นั่งรถบัสไปนอกเมือง 35 กม. ระหว่างทางผ่านน้ำพุร้อนหัวชิง ที่หยางกุ้ยเฟยกับฮ่องเต้เสวียนจง ชอบมาแช่น้ำร้อนกัน

หยางกุ้ยเฟยเป็น 1 ใน 4 สาวงามในประวัติศาสตร์จีน จึงเป็นพรีเซนเตอร์ถึงความแช่น้ำร้อนที่นี่แล้วผิวสวยได้เป็นอย่างดี

 


 
 
 

สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้
(Mausoleum of the First Qin Emperor)

 

ถึงทางเข้าสุสานก็มีด่านสกรีนเข้าคิวยาวเหยียดตรวจตั๋วตรวจพาสปอร์ตราวกับไปต่างประเทศอีกรอบ วันนี้แดดโหดเอาเรื่อง และส่วนใหญ่ต้องต่อคิวอยู่กลางแจ้ง เตรียมร่มกันไปดีๆ นะครับ ระยะทางเดินก็ไกลประมาณนึง มีบริการรถเข็น เข็นให้ตลอดทางไป-กลับเป็นระยะทาง 5 กม. ค่าจ้าง 300 หยวน (1,500 บาท) ผู้สูงอายุหรือใครเดินไม่ค่อยไหวจ้างไว้คุ้มครับ ชาวบ้านพวกนี้เดิมเป็นเกษตรกรในพื้นที่ พอขุดเจอสุสานทหารดินเผาพื้นที่แถบนี้ก็เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์และเวนคืนไร่นาไปหมด ทางการเปลี่ยนให้ชาวบ้านมาประกอบอาชีพให้บริการหรือขายสินค้าให้นักท่องเที่ยวแถบนี้เพื่อสร้างรายได้ทดแทน

 


 

จิ๋นซีฮ่องเต้ ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ฉิน เป็นผู้รวมรัฐน้อยใหญ่ในแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งเดียวในปี 221BC จึงนับเป็นฮ่องเต้องค์แรกของจีน (กษัตริย์ราชวงศ์ก่อนหน้านั้นเรียกอ๋อง) จิ๋นซีเป็นผู้ปฏิรูปอักษรและระบบเงินตราให้เป็นหนึ่งเดียว สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอย่างกำแพงเมืองจีนก็สร้างขึ้นในยุคนี้เพื่อทานการรุกของเผ่าเร่ร่อนทางเหนือ

จิ๋นซีตามหายาอายุวัฒนะ พร้อมกับสร้างสุสานใหญ่โตมโหฬารเพื่อรักษาร่างกายหลังเสียชีวิต รอฟื้นคืนชีพในวันที่ยาอายุวัฒนะถูกค้นพบ สุสานจิ๋นซีเริ่มสร้างในปี 246BC ตั้งแต่จิ๋นซีขึ้นปกครองรัฐฉิน จนถึงปี 208BC หลังจิ๋นซีสวรรคต (อายุราว 50 พรรษา) ซึ่งคาดการณ์สาเหตุที่เสียชีวิตก็เพราะกินยาอายุวัฒนะที่มีส่วนผสมของปรอทมากเกินไปนั่นแหละ ในสุสานมีการสร้างทหารและรถม้าดินเผา เพื่อตามไปรับใช้ในปรโลก

 


ชาวนาได้ขุดพบสุสานครั้งแรกในปี 1974 และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ทั้งสิ้น 3 หลุม จากที่คาดว่ามีทั้งหมด 8 หลุม รัฐบาลชะลอการขุดเนื่องจากเมื่อเปิดให้อากาศเข้าทำให้ตุ๊กตาดินเผาที่เคยมีสีสันสวยงามตอนแรกที่ขุดเจอสีหลุดออกไปเกือบหมด

หลุมหมายเลข 1 เป็นหลุมที่ใหญ่ที่สุด ขนาด 230 เมตร x 62 เมตร ลึก 5 เมตร และพบเป็นแห่งแรกสุดในปี 1974 มีทหารดินเผากว่า 6,000 ตัว รถม้าศึก 40 คัน จัดทัพเป็น 38 แถว

 


ตุ๊กตาดินเผาประกอบด้วยแม่ทัพฝ่ายบู๊ แม่ทัพฝ่ายบุ๋น
พลหอก พลดาบ สารถี และม้าศึก
แต่ละตัวมีขนาดเท่าของจริงและหน้าตาแตกต่างกันทั้งหมด

 


ความแออัดของผู้คนในพิพิธภัณฑ์
แค่พยายามแทรกตัวเข้าไปหน้าๆ ก็ยากแล้ว
คนจีนส่วนใหญ่ก็ดูแล้วแช่แถวหน้าไม่ยอมขยับด้วย

 


หลุมหมายเลข 3 ค้นพบในปี 1976 เป็นหลุมที่เล็กที่สุด แต่ทหารดินเผาในหลุมนี้ดูจากเครื่องแต่งกายแล้วเป็นระดับแม่ทัพ


หลุมหมายเลข 2 ค้นพบในปี 1976 มีทหารดินเผากว่า 4,000 ตัว รถม้า 89 คัน


เขาจะคัดตัวสมบูรณ์ๆ ไปจัดแสดงในตู้กระจกเหนือหลุม มหกรรมเบียดอีกแล้วครับท่าน คนมุงกันแน่นทุกตู้ แต่อันที่จริงเมื่อปี พ.ศ.2562 ทั้งห้าตัวนี้รัฐบาลจีนเคยส่งให้มาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร ด้วยนะ ถ่ายรูปได้แบบชิลๆ เลย คนไม่เยอะ

  

 

ตอนเดินไปหลุมหมายเลข 2 ผ่านหลุมหมายเลข 4 ด้วยนะครับ หลุมนี้ยังไม่เปิดให้ชมและยังไม่ได้ขุดอะไรไปมากมาย


ซอฟท์พาวเวอร์ครับ ไอติมรูปทหารดินเผา มีรสช็อคโกแลต และสตอเบอร์รี่
แท่งละ 20 หยวน ไม่สวยเท่าไอติมวัดอรุณหรือวัดไชยนะ แต่อร่อยผิดคาด
 


ทางเดินกลับที่เต็มไปด้วยร้านค้า
ทัวร์อยากให้ทำเวลาเลยไม่แนะนำให้ซื้อ

 


ส่วนใหญ่เป็นของที่ระลึกซึ่งก็เหมาะกับสถานที่ท่องเที่ยวนี้นะครับ
ทั้งตุ๊กตาทหารดินเผาจำลอง ตุ๊กตาจิ๋นซี เหรียญรูปสุสานทหารดินเผา ฯลฯ

 
 
 

สุสานที่ฝังร่างจิ๋นซีจริงๆ จะอยู่ห่างจากพิพิธภัณฑ์ทหารดินเผา 1 กม. เป็นเนินดินสูง 51 เมตร

ตามบันทึกประวัติศาสตร์ห้องที่ฝังศพของจิ๋นซีประดับเพดานด้วยเพชรพลอยจำนวนมากจนเป็นรูปท้องฟ้า กลางห้องมีทะเลปรอท และร่างของจิ๋นซีลอยในเรือหยก จากการตรวจสอบด้วยอุปกรณ์ยุคใหม่ก็พบว่ามีปรอทปริมาณมหาศาลอยู่ใต้เนินนี้จริงๆ ครับ ไว้รอเทคโนโลยีการรักษาสภาพสุสานดีกว่านี้ก่อนค่อยขุด

 

 
เข้ามาในแคมปัส Lintong สาขาของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง มหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน มื้อเที่ยงวันนี้กินที่โรงแรม Garrya Xi'an Lintong ของแทร่ครับร้านนี้ อร่อยทุกอย่าง! ทั้งปลาทอดราดพริก เคาหยก หมูสามชั้นผัดเปรี้ยวหวาน กุ้งทอดพริกเกลือ ถั่วฝักยาวผัดหมูสับ ไข่ตุ๋น และที่ชอบที่สุดคือไก่ทอดทั้งตัว กรอบยันหงอนไก่ หนังกรอบแต่เนื้อยังนุ่มฉ่ำ



ช่วงบ่ายมาสถานที่ท่องเที่ยวแห่งสุดท้ายแล้วครับ วัดต้าฉือเอิน ที่ตั้งของเจดีย์ห่านป่าใหญ่ ที่เก็บพระไตรปิฎกที่พระถังซัมจั๋งอัญเชิญมาจากอินเดีย
 
 
วัดต้าฉือเอิน
(Daci'en Temple)
 

เสวียนจั้ง หรือ พระถังซัมจั๋ง (602-664 AD) พระภิกษุจากเมืองลั่วหยางที่เดินทางไปแสวงบุญในอินเดียช่วงต้นยุคราชวงศ์ถัง  ที่มหาวิทยาลัยนาลันทา เป็นระยะทางกว่า 5 หมื่นลี้ เมื่อกลับถึงจีนแล้ว พระเจ้าถังไท่จงได้ตั้งคณะทำงานแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาจีนและให้พระถังซัมจั๋งเขียนบันทึกการเดินทางไปอินเดีย นอกจากคัมภีร์ทางศาสนาแล้ว พระถังซัมจั๋งยังบันทึกเรื่องราวของเอเชียกลางและเอเชียใต้ไว้มากมาย เปิดโลกชาวจีนยุคนั้นเป็นอย่างยิ่ง

วรรณคดีเรื่องไซอิ๋ว ถูกเขียนขึ้นโดยอู๋เฉิงเอินในสมัยราชวงศ์หมิง (ราว 900 ปี หลังพระถังซัมจั๋งมรณภาพ) เป็นเรื่องราวการเดินทางไปยังชมพูทวีปของพระถังซัมจั๋ง โดยมีเห้งเจีย ตือโป๊ยก่าย และซั่วเจ๋ง ร่วมทางไปด้วย ตลอดการเดินทางมีการต่อสู้กับเหล่าปีศาจมากมาย เป็นการใช้สัญลักษณ์แทนการเอาชนะกิเลส

 


 


วัดต้าฉือเอิน สร้างสมัยราชวงศ์สุยแต่ถูกทิ้งร้างและได้รับการบูรณะในสมัยพระเจ้าถังไท่จงแห่งราชวงศ์ถัง พร้อมสร้างเจดีย์ต้าย่านหรือเจดีย์ห่านป่าใหญ่ (Big Wild Goose Pagoda) ในปี 652 AD สูง 65 เมตร ให้เป็นสถานที่ให้พระถังซัมจั๋งแปลพระสูตรเป็นภาษาจีนและเขียนบันทึกการเดินทางไปอินเดีย เดิมมี 5 ชั้น และเพิ่มเป็น 7 ชั้นในสมัยพระนางบูเช็กเทียน ปัจจุบันใช้เป็นที่สำหรับเก็บพระสูตรและพระพุทธรูปที่พระถังซัมจั๋งนำกลับมาจากอินเดีย

ตามตำนานมีพระแสวงบุญรอนแรมกลางป่าอดข้าวจนปางตาย จู่ๆ ก็มีห่านป่าร่วงลงมาเป็นกับข้าวให้ถึงที่ ท่านจึงสร้างเจดีย์ให้เป็นที่ระลึกแล้วพระถังซัมจั๋งก้อปรูปแบบมาสร้างที่จีน บางตำนานก็กล่าวว่าพระถังซัมจั๋งรอนแรมหลงทางแต่ได้เดินตามฝูงห่านป่าจนมาเจอแหล่งน้ำ เลยสร้างเจดีย์ให้เป็นที่ระลึก ว่ากันว่าหากได้ขึ้นไปถึงชั้นบนสุดจะโชคดีสุขภาพแข็งแรง (ถ้าเดินขึ้นได้ถึงชั้นบนมันก็ต้องแข็งแรงอยู่แล้วป่ะ?) เจดีย์นี้มีค่าเข้าต่างหากแยกจากตัววัดนะครับ ทัวร์เปิดให้ใครสนใจก็ขึ้นไปได้ แต่ไม่มีใครขึ้นเลยขอตามไกด์เที่ยววัดด้านล่างดีกว่า


ในวัดมีวิหารหลายแห่ง ทั้งหยกแกะสลักแสดงพุทธประวัติแปดเรื่อง วิหารเจ้าแม่กวนอิม วิหารพระศรีอารย์บนสวรรค์ชั้นดุสิต ที่สำคัญคือวิหารด้านหลังเจดีย์ (Light Hall) ที่มีภาพแกะสลักแสดงชีวประวัติของพระถังซัมจั๋ง และจัดแสดงพระพุทธรูปบางส่วนที่พระถังซัมจั๋งนำกลับมาจากอินเดียด้วย



หอนี้มีสามห้อง สองห้องซ้ายขวาแสดงชีวประวัติพระถังซัมจั๋ง ห้องตรงกลางมีรูปปั้นพระถังซัมจั๋งและอัฐิพระถังซัมจั๋งบนแท่นด้านหน้า


ตอนนี้ 4 โมงเย็น แดดยังโหดอยู่ครับ ทัวร์ให้เราไปพักในห้าง Joy City ที่อยู่ติดกับวัด รอเวลากินข้าวเย็น อันที่จริงด้านหน้าเป็นถนนคนเดินต้าถังที่โด่งดังในหมู่นักท่องเที่ยว แต่ตอนนี้ยังไม่มืด ยังไม่ค่อยมีร้านเปิดเท่าไหร่ คนมาถ่ายรูปกับรูปปั้นพระถังซัมจั๋งแบบมีเจดีย์ห่านป่าใหญ่เป็นแบ็คกราวด์กันก็เยอะ


ในห้างมีร้านหลากหลายเลยครับ pop culture อย่างการ์ตูนญี่ปุ่น หรือป็อปมาร์ทก็มีนะ กลางห้างมีซึงหงอคงตัวใหญ่โตมโหฬารเป็นเอกลักษณ์ ที่นี่คือที่สุดของความเป็นไซอิ๋ว จงใช้ซอฟท์พาวเวอร์สร้างเศรษฐกิจซะ ในนี้มีทอยอาร์ตซีรี่ยส์ไซอิ๋ว exclusive ขายเฉพาะที่นี่ด้วยนะ แต่เสียใจ มันรับจ่ายเงินผ่าน we chat อย่างเดียว


มื้อเย็นและเป็นมื้อสุดท้ายของทัวร์นี้กินที่ Canton Palace ครับ หรูอลังส่งท้าย ทั้งหมูกรอบ เป็ดย่าง ไก่ย่างหนังกรอบ โจ๊กฮ่องกง และปลานึ่งซีอิ๊วที่กินเกือบทุกมื้อหนนี้เป็นปลาในวงศ์ปลาลิ้นหมาตามรีเควสต์ของลูกทัวร์ (ไม่แน่ใจว่าคือปลาอะไร) เนื้อนุ่มละเอียด อร่อยไม่แพ้พวกปลาที่นึ่งซีอิ๊วเด็ดๆ อย่างปลาเก๋า ปลาบู่ทราย ปลาเต๋าเต้ย ปลาหยก เลยครับ ปิดท้ายได้ตระการตามาก

 

นั่งรถกลับผ่านกำแพงเมืองซีอานยามค่ำคืน
ถ้าขึ้นไปเดินบนนั้นตอนนี้คงไม่ร้อนแล้วครับ

 

วัดถัดมา (26 มิ.ย. 67) กินมื้อเช้าแล้วเช็คเอาท์จากโรงแรม Grand Melia Xi'an เดินทางมาสนามบินกลับประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ 383

นับว่าเป็นทัวร์ที่ดีงามทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ไกด์ไทย ไกด์จีน อาหาร โรงแรม และเพื่อนร่วมทัวร์ครับ คุ้มค่าการรอคอยหลังจากไม่ได้เที่ยวต่างประเทศมา 5 ปี ใครอยากมาเที่ยวซีอาน ช่วงปลายปีเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดเลยครับ อากาศไม่ร้อน และต้นแปะก๊วยจะใบสีเหลืองทองงดงาม ถ้ายอมจ่ายแพงสักหน่อยมาแพนด้าทัวร์ก็จะดีงามตามบรรยายในบล็อกเลยครับ ช่วงหลังทัวร์มีอีกรู้ทนึงได้ไปวัดเส้าหลิน ศาลไคฟง และสุสานจิ๋นซีเหมือนกัน แต่มีถ้ำน้ำแข็ง น้ำตกหูโข่ว แกรนด์แคนย่อนเมืองจีน เหมาะสำหรับคนที่อยากเที่ยวธรรมชาติด้วยครับ


 


ก่อนปิดบล็อกขอส่งท้ายด้วยเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากการเที่ยวจีนครั้งนี้ครับ 118

กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีนได้จัดเรตสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญและดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยเรตสูงสุดคือระดับ AAAAA ซึ่งมีอยู่ 279 แห่งในประเทศจีน (ข้อมูลปี 2020) ในทริปนี้มี 5 แห่งครับ คือ วัดเส้าหลิน ถ้ำหลงเหมิน สุสานจิ๋นซี กำแพงเมืองซีอาน และเจดีย์ห่านป่าใหญ่ ส่วนในภาพนี้เป็นป้ายหน้าสุสานกวนอูระดับ AAAA



ถนนหนทางของเมืองในทริปนี้ทั้งซีอาน ลั่วหยาง เจิ้งโจว ล้วนดูสะอาดสวยงาม ผิดจากภาพลักษณ์จีนที่เคยจดจำไปมากเลยครับ เศรษฐกิจของจีนก็เติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วย บวกกับความได้เปรียบเรื่องแรงงานและกำลังซื้อแล้วจีนยิ่งน่ากลัว สีจิ้นผิงพาจีนมาไกลจริงๆ แม้กระทั่งวินัยของคนจีนก็ดูจะดีขึ้นจากสมัยก่อนนะครับ (หรือเป็นเพราะต่างเมืองไม่แน่ใจ) social credit และมาตรการเข้มงวดต่างๆ ช่วยให้คนมีวินัยขึ้นเยอะจริง เหมือนเด็กห้องเกครูก็ต้องโหด กระทั่งรถบัสที่นั่งก็ต้องรัดเข็มขัดทุกที่นั่ง ถ้าวางกระเป๋าบนที่นั่งก็ต้องรัดเข็มขัดให้กระเป๋าด้วยคับ ไม่งั้นมันตรวจจับน้ำหนักคิดว่าคนนั่งแล้วไม่รัดเข็มขัดออดจะดังทั่วคัน ทางหลวงจะมีกล้องวงจรปิดทุก กม. ป้องกันเหตุ นักท่องเที่ยวจะถูกเก็บข้อมูลทุกคนเผื่อใครไปก่อคดี หรือต้องการความช่วยเหลืออะไร แต่ข้อเสียก็ยังเหมือนเดิมคือแม้จะมีห้องน้ำสาธารณะที่ทำไว้ดีแค่ไหนคนจีนก็ยังอึยังฉี่เรี่ยราดออกนอกโถเช่นเดิม และทุกที่ล้วนเหม็นบุหรี่
 

 

 

 

 

ถ้าเป็นพาหนะส่วนตัว คนจีนส่วนใหญ่เดินทางด้วยจักรยาน รถเล็ก หรือมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ที่ดูเหมือนตุ๊กตุ๊กนั่นก็รถส่วนตัวนะครับ รถป้ายทะเบียนสีน้ำเงินจะเป็นรถสันดาป ป้ายทะเบียนสีเขียวจะเป็นรถไฟฟ้า ซึ่งแม้แต่สิทธิประโยชน์บนท้องถนนก็ได้แตกต่างกัน จีนผลักดันรถไฟฟ้าสุดตัวจริงๆ ทุกวันนี้กลายเป็นผู้ผลิต EV และแบตเตอรี่รายใหญ่ของโลกไปแล้ว ผลิตมากจนต้องขยายมาลงประเทศที่กำแพงภาษีต่ำๆ เช่นไทย เอกชนผู้ผลิตในประเทศก็ล้มตายกันไปตามเรื่องราว



เคยได้ยินว่าจีนปิดกั้นสื่อต่างๆ มาก ไม่แน่ใจว่าแต่ละเมืองเหมือนกันไหมนะครับ อย่างที่ซีอานเน็ตจะเข้า facebook ได้ แต่เข้า LINE ไม่ได้ พอจะอ่านไลน์ก็เปลี่ยนเป็นเน็ตโรมมิ่งเอา พวกการ์ตูนที่ฉายในจีนก็จะมีตัวอย่างเซ็นเซอร์ประหลาดๆ เช่น ตัวละครหญิงใส่ชุดโชว์เนื้อหนังก็จะวาดเพิ่มให้ใส่ชุดมิดชิด ซึ่งก็คงเป็นเพราะเรตผู้ชมของเรื่องนั้นมันจับกลุ่มเด็กเล็กมากกว่า ตามห้างยังคงมีการ์ตูนญี่ปุ่นขายมากมาย หรือหน้าร้านโมเดลยังมีไม ชิรานุย มายืนนุ่งน้อยห่มน้อยเรียกแขกได้

 


ตามสถานที่ท่องเที่ยวและห้างมีตู้ขายของที่ระลึกและตู้ทอยอาร์ตน่าจุ่มมากมาย แต่อนิจจา ที่นี่รับแค่เงินดิจิทัลผ่าน we chat กับ alipay จ้า อุตส่าห์เข้าเซเว่นไปสมัครทรูมันนี่ใช้บ่ได้เด้อ (คงใช้ได้แค่บางเมือง เช่น เซี่ยงไฮ้) พวกเหรียญที่ระลึกที่ปั๊มรูปสถานที่สำคัญๆ ทำสวยและมีเกือบทุกสถานที่ท่องเที่ยวเลยนะครับ ไปเที่ยวที่ไหนก็น่าซื้อไว้เพราะจะไม่เอาไปขายที่เมืองอื่น ขายตามสถานที่ท่องเที่ยวก็ 20-30 หยวน ถ้าขายตามถนนคนเดินก็ 8-10 หยวน



คุณแบรี่หัวหน้าทัวร์เล่าว่าจีนมีนโยบายให้ทุกทัวร์ที่เข้าจีนต้องมีคนจีนถือหุ้น หัวหน้าของคุณแบรี่ที่แพนด้าทัวร์ก็เป็นคนจีนนะครับ เป็นคนจีนที่สปอร์ตมากด้วย ลดแลกแจกแถมกันให้สุดๆ อาหารบนเครื่องบินไม่รวมในโปรแกรมก็ออกเงินซื้อแจกลูกทัวร์ให้ทั้งขาไปขากลับ ช่วงโควิดสถานการณ์ทัวร์ยากลำบากกันถ้วนหน้า บรรดาไกด์ต้องหาอาชีพเสริมกันจ้าละหวั่น แม้การท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคัก แต่รายได้ไกด์ไม่ได้ดีเลยนะครับ บางทัวร์ได้แค่ค่าทิปไกด์ที่ลูกทัวร์จะเป็นคนให้เท่านั้นเลย จะมีที่รายได้ดีหน่อยก็ทัวร์เชิญคนใหญ่คนโตไปเจรจาดีลลับต่างประเทศทั้งหลาย แต่ก็ต้องทนความเยอะสิ่งของคนพวกนี้ได้ด้วยนะ คุณแบรี่มีสมุดจดข้อมูลของจีนและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆไว้ เล่าเสริมเพิ่มความน่าสนใจของแต่ละที่ได้เป็นฉากๆ น้องมะลิ (ชื่อจีนเหม่ยลี น้องให้เรียกชื่อไทยว่ามะลิ) ทัวร์ท้องถิ่นเรียนภาษาไทยมาหลายปี ก็เล่าประวัติศาสตร์ความเป็นมาและรายละเอียดของสถานที่ท่องเที่ยวได้ดีเลยครับ ถึงสถานที่จะห่างกัน เดินทางเป็น ชม. ก็เล่าได้เป็น ชม. เสียดายแพนด้าทัวร์ทำแต่ทัวร์จีน โอกาสได้กลับมาอุดหนุนคงยาก เพราะจีนอยากเที่ยวแค่ปักกิ่งและซีอานนี่แหละ ซึ่งก็ไปแล้วทั้งคู่



แล้วพบกันในทัวร์ต่างประเทศครั้งต่อไปครับ หวังใจว่าจะเป็นโปแลนด์หรือไม่ก็โมร็อคโก ส่วนอิสราเอลที่อยากไปมากๆ โอกาสไปยากขึ้นเรื่อยๆ...


 


Create Date : 31 สิงหาคม 2567
Last Update : 1 กันยายน 2567 9:29:31 น. 37 comments
Counter : 1606 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณmultiple, คุณทนายอ้วน, คุณtoor36, คุณหอมกร, คุณสองแผ่นดิน, คุณ**mp5**, คุณThe Kop Civil, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณกะว่าก๋า, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณดาวริมทะเล, คุณSweet_pills, คุณkae+aoe, คุณtanjira


 
อ่านผ่านๆแล้วครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาอ่านเอาตาย เอ๊ยอ่านเอาเรื่อง อีกทีครับ แฮร่ 555



โดย: multiple วันที่: 31 สิงหาคม 2567 เวลา:19:40:13 น.  

 
ตามไปเที่ยวซีอานด้วยคนคราบ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 31 สิงหาคม 2567 เวลา:20:27:56 น.  

 
ลงชื่อก่อน ของดี เดี๋ยวต้องค่อยๆ ดู


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 31 สิงหาคม 2567 เวลา:20:52:41 น.  

 
ขอบคุณมากๆ จ้า จีนเขายิ่งใหญ่ๆ จริงๆ ยอมๆ



โดย: หอมกร วันที่: 31 สิงหาคม 2567 เวลา:21:08:47 น.  

 
ลงชื่อไว้ก่อนครับ มาดึกเลย(ตั้งแต่วิ่ง นอนก่อนเที่ยงคืนครับ)



โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 31 สิงหาคม 2567 เวลา:23:02:45 น.  

 
วันที่สามนี่ ได้กินไหตี้เหลา ด้วย
อาจารย์เต๊ะ อ่านแล้ว อยากไปกินทันที เพราะมีสาวเสริฟเต้นออกมาเสริฟด้วย อิอิ

ซีริวบอก ผู้ชายเต้นว้อย ก้นดุกดิกเลย เอ็งชอบละซี้ สารภาพมาเดี๋ยวนี้ เย้ย 555

วัดกว่างเหริน นี่เรื่องประวัติศาสตร์ อาจารย์เต๊ะ จำได้มั่งไม่ได้มั่ง
รู้แต่ว่า เจ้าแม่กวนอิม พันมือพันตานี่แค่ดูรูปก็ยิ่งใหญ่ อลังการมาก

ระฆังหมุนเอานี่ คนคิดก็เข้าใจคิดนะครับ ประหยัดเนื้อที่ดี
ถ้าเป็นแบบตีแก่วงนี่ ต้องตั้งห่างๆ

ส่วนน้องพังพอน โชคลาภนี่ เปลืองตัวเอามากๆ
ใครมาก็ต้องแต๊ะอั้งทุกคนไป 555

กำแพงเมืองซีอาน สิบสี่กิโล ถามคำเดียวมีจักรยาน มอไซค์ไฟฟ้าให้เช่ามั้ยจ๊ะ 555

ดูรูปชุดเกราะออกศึกแล้ว งามมากๆ ของจริง คนใส่ต้องแข็งแรงมากๆ เพราะคงหนักน่าดูชมเลยนะครับนี่

ถนนคนเดินหุยหมินเจีย นี่ย่านมุสลิมเหรอครับ
มิน่ามีเมนูแพะแยะเลย อยากกินบะหมี่เนื้อ กับทุเรียนเละๆ ของโปรดเลยตรับ กลิ่นประทับใจดี 555

เดี๋ยวมาใหม่นะครับ เรื่องแยะเริ่มมึน เม้นท์ยาวกลัว วูบหายอีก แฮร่555





โดย: multiple วันที่: 1 กันยายน 2567 เวลา:8:47:34 น.  

 
ได้เที่ยวแบบนี้ดีเลย คุ้มค่า อาหารผมว่าดีเลยนะครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 1 กันยายน 2567 เวลา:14:21:59 น.  

 
สวัสดีครับน้องชีริว

โปรแกรมที่น้องชีริวเที่ยวในบล้อกนี้
เป็นโปรแกรมเดียวกันกับตอนที่พี่ก๋าไปเมืองจีนเลยครับ
สิ่งที่เปลี่ยนไปในภาพ
คือเมืองจีนตอนนี้ดูทันสมัย สะอาดตามากๆ

สมัยพี่ก๋าไปยังมีห้องส้วมแบบออริจินอลอยู่ครับ 555




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 กันยายน 2567 เวลา:15:05:56 น.  

 
สวัสดี ยามเย็นจ้ะ น้องชีริว

มาอ่าน การท่องเที่ยวจีน วันที่ 3-4 ของทริปประเทศจีน ต่อ
เมืองซีอานครูไปเที่ยวเองหลังจากคณะเที่ยวถูกทิ้งอยู่ที่สนามบิน ชีริว
คิดว่าคงจำได้ ทริปนั้น พวกเราไปไกลนะ เที่ยวเขตปกครองตนเอง
ซินเกียง ของจีน จุดใหญ่คือ คานาสือ ที่มีธรรมชาติสวยงาม ผ่าน
อูลูมูฉี ทริปผจญภัยกัน 6 คน มาสิ้นสุดที่เมือง ซีอาน นี่แหละ อิอิ
ซีอานได้เที่ยว แค่หอกลาง ตลาดมุสลิม และสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้
เท่านั้น บล็อกนี้ ที่เธอเขียนหลายแห่งยังไม่ได้ไปเลยจ้ะ
ขึ้นต้นด้วยร้านอาหารร้าน ไหตี้เหลา อาหารที่ถ่ายรูปมาให้ดู
มีเนื้อม้า เนื้อแพะ ราคาแพง สมกับราคาทัวร์เลย แพนด้า ทัวร์
เคยไดยินบ่อยอยู่ อาหาร ที่พักหรู
วัดลามะ กว่างเหวิน วัดพุทธแห่งเดียวในซีอาน ใหญ่สุด
เห็นระฆังแล้ว เหมือนในอินเดีย เมืองธรรมศาลาเลย เขาให้เดิน
หมุนเอา เพิ่งทราบความหมายจากบล็อกเธอ อิอิ ไปครั้งนี้ เพื่อน
ไปเดินหมุนกัน ครูเหนื่อยมาก นั่งพัก ไม่ได้ไปหมุนกับเขาหรอก
ถนนคนเดิน หรือเรียกว่า ตลาดมุสลิม พวกครูไปเดินวันแรก
ที่ไปถึง มีเวลา เพราะวันแรก พักที่ซีอาน 1 คืน รุ่งเช้าจึงเดินทาง
ต่อไป อูรุมูฉี เป็นตลาดที่มีของขายมากมาย จริง ๆ พวกเราเดิน
เที่ยว ซื้อของกิน ส่วนของที่ระลึก มาซื้อเอาตอนก่อนกลับ เพราะ
พวกเราต้องมาพักที่ซีอานและไปเที่ยว สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ก่อนกลับ
กรุงเทพฯ นั่นเอง
สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ตอนครูไป คนก็เยอะมากเหมือนกัน มี 3
หลุม เช่นกัน แสดงว่า ยังไม่เปิดเพิ่มหลุมอื่น ๆ ตอนไปไม่ค่อน
ร้อน แต่ตอนขากลับเจอฝน แต่ก็ไม่หนักมาก
วัดต้าฉือเอิน วัดนี้ ครูยังไม่ได้ไป ตามที่เธอรีวิว น่าไปชมนะ
เป็นเรื่องมีประวัติของ พระถังซัมจั๋ง เดินทางไปนำคัมภีร์คำสอน
ของพระพุทธเจ้าถึงอินเดีย ไปมหาวิทยาลัย นาลันทา น่าเสียดาย
ปัจจุบัน มหาวิทยาลัย นาลันทา กลายเป็นโบราณสถาน มีแต่ซาก
อิฐซากปูนเป็นร่องรอยทางประวัติศาสตร์เท่านั้น เฮ้อ! เห็นแล้วก็คิด
ถึงคำว่า อนิจจัง ไม่เที่ยง เหมือน อยุธยา อันสวยงามเหมือนดัง
เมืองสวรรค์ของเราเนาะ
นอกจากนี้ วัดนี้ ยังมีเจดีย์ ต้าย่านหรือ เจดีย์ห่านป่าใหญ่
ได้รู้ประวัติ หรือตำนานของสถานที่นี้อีกด้วย มีโอกาสจะไปชื่นชม
ในฐานะชาวพุทธเหมือนเราไป อินเดีย ระลึกถึง สังเวชนียสถาน
ในศาสนาพุทธของเราเนาะ
โหวดหมวด ท่องเที่ยว

ขอบใจที่แวะมาอ่าน เที่ยวเมืองต่าง ๆ ของอินเดีย เธอไม่
น่าจะได้อ่านครบ มั้ง ตามอ่านเองก็แล้วกันนะ อีกไม่กี่วัน จะขึ้น
ตอนที่ 4 เมือง อัมริสสา วิหารเงิน วิหารทองคำ สวยมาก จ้ะ
พรุ่งนี้จะเปลี่ยนเป็นบล็อกตะพาบแล้วจ้ะ มาช้าวันเดียว ก็ไม่ได้อ่าน





โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 1 กันยายน 2567 เวลา:18:30:02 น.  

 
อาจารย์เต๊ะ มาแล้วคร้าบๆๆๆ

ชีริวบอก เอ็งจะตะโกนทำไม ดึกดื่น คนจะหลับจะนอน เย้ย 555

สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ นี่อเมซิ่ง จิงเกอเบลล์มากๆ
อาจารย์เต๊ะ ดูในหนังของป๋า เฉินหลง สมัยก่อนนึกว่าเรื่องแต่งซะอีก
พอมาวันนี้ ถึงรู้ว่าเป็นเรื่องจริง แฮร่ 555

ที่น่าอัศจรรย์มากๆก็ การเตรียมการสู่ความตายของ จิ๋นซีนี่
น่าจะต้องใช้งบประมาณมากมาย มหาศาล ใช้เวลานานเป็นปีๆ
ต้องระดมช่างปั้น ทั่วทั้งแผ่นดิน เพื่อการนี้

แล้วที่ สาเหตุการตายของ จิ๋นซี นี่มาจากสารปรอทเหรอครับ
แน่ใจนะว่า ไม่ใช่มาจาก ยาดองสูตรเด็ด จากซุ้มเมืองไทย แฮร่555

วัดต้าฉือเอิน อาจารย์เต๊ะ ดูหนัง พระถังซัมจั๋ง กับ เห้งเจีย มาแยะมาก ส่วนใหญ่ออกแนวเฮฮา มีแต่ปีศาจสาว สุดเซ๊ะซี่ 555
นี่ถ้าได้ไปเดินดูของจริง คงจะตื่นเต้นมากๆ เพราะสถานที่จัดแสดง
สิ่งต่างๆของจีนนี่ เน้น ยิ่งใหญ่อลังการ แสงสีมาครบ ขนาดในรูปยังดูแล้วตื่นตาตื่นใจมาก

ประเทศจีนยุคนี้ ดูแล้วก็เป็นระเบียบเรียบร้อย
น่าจะมาจาก กฎหมายเข้มงวด ยกเว้นส้วม กับนิสัยเรื่ยราด แก้ไม่หายนะครับ555

ทัวร์แพนด้า ดีงามพระราม 7 8 9 โดยเฉพาะของกิน
ถ้าไปเที่ยวเมืองจีน ต้องไปกับทัวร์นี้แน่นอนเลยครับ

จากบล็อกนี่ ค่าเลือดดี ได้มาจาก ความอดอยาก
ไม่กินของอร่อย ของโปรดมาหลายเดือนครับ 555

ขอบคุณที่ช่วยบอกชื่อเห็ดรถพุ่มพวงให้อาจารย์เต๊ะนะครับ
ส่วนโรสแมรี่ อาจารย์เต๊ะ ก็ไม่กินเขี่ยทิ้งหมด
เอามาโชว์ ให้เพื่อนๆที่ปลูกไม่ขึ้น อิจฉาเล่น แค่นั้นเองครับ แฮร่ 555



โดย: multiple วันที่: 2 กันยายน 2567 เวลา:5:15:51 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องชีริว



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 กันยายน 2567 เวลา:5:17:47 น.  

 
อ่านแล้วอยากตามรอยชีริวเลย

สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ นี่คือความมหัศจรรย์ ที่มนุษย์ยุคก่อนสรรสร้างจริงๆเลยนะคะ



โดย: ดาวริมทะเล วันที่: 2 กันยายน 2567 เวลา:13:10:34 น.  

 
เมืองนนท์วันเก่าเยอะมากครับ อาจจะเป็นเพราะเป็นเมืองมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เลยมีวัดเก่าๆ เยอะครับ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 2 กันยายน 2567 เวลา:17:03:54 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องชีริว

สถานที่แต่ละแห่งน่าเที่ยวมากค่ะ

ทางเดินบนกำแพงเมืองซีอาน หากเดินรอบใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมง
อย่างเราเดินไปซัก 2 กม.แล้วอยากหยุด มีทางลงกลางทางรึเปล่าคะ

สุสานทหารดินเผาน่าทึ่งมาก สวยและยิ่งใหญ่
สมกับการเข้าคิวและอดทนต่อความร้อนนะคะ
ประทับใจตรงใบหน้าทหารแตกต่างกันด้วย
ชาวนาขุดพบแล้วที่นี่เปลี่ยนวิถีชีวิตของชาวนา
ทำให้ได้อาชีพใหม่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวไปเลย

อาหารอย่างวุ้นเส้นแพะ แพะย่าง เป็นเมนูที่ไม่คุ้น
พี่ต๋าเคยเห็นงานแต่งงานหนึ่งที่ล้มแพะทั้งตัว
ภาพยังติดตาค่ะ

ชอบถนนหนทางที่กว้างขวาง สะอาดตา น้องชีริวถ่ายภาพสวยด้วย
นั่งรถบัสต้องคาดเข็มขัดฯด้วยไม่เว้นแม้แต่กระเป๋า
เห็นความปลอดภัยผู้โดยสารเป็นสำคัญ
และดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดีด้วยนะคะ

ถนนคนเดินหุยหมินเจียก็น่าเดินมากค่ะ มีทุเรียนขายด้วย
พี่ต๋าชอบถนนคนเดิน
เมื่อ พย. ปีที่แล้วไปไทเปมาค่ะ
ไปเองอยู่ที่นั่น 7 คืน เดินถนนคนเดินทุกคืนเพราะเป็น
จุดขึ้นรถกลับโรงแรมด้วยค่ะ ^^

ขอบคุณน้องชีริวมากค่ะที่พาเที่ยว
ขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยนะคะ
แล้วพี่ต๋าจะเที่ยวกับน้องชีริวต่อทั้งในและต่างประเทศค่ะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 3 กันยายน 2567 เวลา:0:54:37 น.  

 
สวัสดียามสายค่ะ คุณชีริว

อาหารแต่ละอย่าง น่ากินทั้งนั้นค่ะ
หลากหลายดีค่ะ เมนูไม่ค่อยซ้ำ ยกเว้นปลานึ่งซีอิ๊ว 555

ประเทศจีนประวัติศาสตร์มากมายจริงๆ
จันทร์อยากไปดูสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้นะคะ
เอ็นดู..มีไอติมรูปทหารดินเผาด้วยยย

ตัวตึก ถนนหนทางดูสะอาดตาดีนะคะ น่าไปมากค่ะ

รอชมทริปต่อไปเลยนะคะ






โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 3 กันยายน 2567 เวลา:12:00:47 น.  

 
เห็นภาพประเทศจีนในยุคปัจจุบัน ยอมรับตรงๆ เลยว่าน่าตกใจมาก เพราะมันไม่ตรงกับภาพในใจเราเมื่อสมัย 20-30 ปีก่อน ยุคนั้นดูด้อยมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าปัจุบันจะมาไกลขนาดนี้ แต่ในเรื่องของที่เที่ยววัฒนธรรมก็ยังคงอยู่ รักษาไว้ค่อนข้างดี

ไอติมซอฟท์พาวเวอร์จริงๆ ไทยก็มีแบบนี้นะ ราคาสูงเหมือนกัน


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 3 กันยายน 2567 เวลา:22:04:29 น.  

 
เดี๋ยวมาอีกที ของดีต้องเก็บไว้ตอนท้าย ผมรู้บ้านนี้ไม่รีบอัปบล็อกหรอก

จริงๆ มันมีประเด็นที่หยิบมาพูดคุยได้เยอะ เลยไม่อยากรีบอ่านเท่าไหร่


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 3 กันยายน 2567 เวลา:23:53:49 น.  

 
ผมพิมพ์ซะยาวเลย แต่คอมเม้นต์ไม่ได้ไม่รู้ติดปัญหาอะไร เดี๋ยวลองหาทางดู


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 5 กันยายน 2567 เวลา:0:12:10 น.  

 
เห็นพูดชื่อห้างในซีอาน Suning พอดีผมไม่เห็นตัวอักษรจีน แต่เดาว่าน่าจะเป็นที่นี่ 苏宁易购 ไม่รู้ว่าใช่ที่เดียวกันรึเปล่าที่มาสคอสเป็นสิงโต ถ้าใช่อ่านว่า ซูหนิง (อย่าอ่านแบบอังกฤษว่าซันนิ่งล่ะ)

พวกลวกๆ ย่างๆ กินง่ายสุดแล้วครับ แน่นอนว่าแสบคอเพราะน้ำจิ๋มที่อัดชูรสเยอะ แต่มันอร่อยนะ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 5 กันยายน 2567 เวลา:0:12:27 น.  

 
ประเทศจีนพวกวัดลามะ หรือออกแนวทิเบตมีหลายที่อยู่ ที่เกี่ยวกับโพธิสัตว์มีเยอะมาก ผมพึ่งแปลงานเกี่ยวกับโพธิสัตว์ต่างๆ เมื่อไม่นานมานี้เอง ยังแววกับน้องอยู่เลยด้วยมีมที่เป็นคนใส่เสื้อส้มทำมือไม่ใช่ๆ แล้วก็ทำมือใช่!! แปลภาษาจีน ไม่ใช่ๆ ศึกษาพระธรรม ใช่!!

ผมว่าดีนะ ไม่ต้องเข้าร้านตีหัว แพงหน่อยแต่มีเวลาเที่ยวและสบายใจกว่าเยอะ ทุเรียนเท่าที่ผมทราบมาจากหลายแหล่งครับ ที่น่ากลัวคือตอนนี้เขาปลูกเองได้เรียบร้อย ปลูกแถวเกาะไหหลำ (ภูมิอากาศมันพอไว) แต่ไปก็แค่รอเวลาปรับปรุงสายพันธุ์ให้ลูกใหญ่ ออกผลเยอะๆ แล้วก็เลิกสั่งจากไทย ก่อนจะส่งมาตีตลาดไทยอีกที

รูปปั้นสำริดไม่ว่าที่ไหนผมชอบเข้าไปเล่นมุกแล้วถ่ายภาพนะ จะว่าไงดีตรงถนนคนเดิน ถ้าใครไปกินที่นี่เยอะๆ ตอนเย็นกินข้าวไม่ลงแน่ๆ อาหารที่โรงแรมนี้ดูน่ากินจริงๆ ครับ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 5 กันยายน 2567 เวลา:0:12:51 น.  

 
สุสานจิ๋นซีน่าจะเป็นไฮไลท์ของทริปนี้แล้วล่ะครับ คนมากมายมหาศาลจริงๆ ไอติมเดี๋ยวนี้หลายๆ ที่ชอบทำแบบนี้กันนะครับ ที่ไทยก็มีเหมือนกัน มันขายได้จริงๆ แหละ

วัดต้าฉือเอินน่าสนใจครับ ยิ่งคนที่ตามเรื่องไซอิ๋วน่าไปชมมากๆ

ยามค่ำคืนพอเขาเปิดไฟแล้วดูสวยชะมัด แต่จะว่าไปของไทยก็สวยไม่แพ้กันเหมือนกัน

ผมไม่แน่ใจว่าเคยเล่าให้คุณชีรวิฟังหรือยัง เมื่อประมาณปี 2008-2009 ผมเคยคุยกับเด็กจีนเรื่องสิ่งที่เราไม่ชอบรับไม่ได้ เราพูดเรื่องถุยน้ำลายลงพื้น เขาตอบผมมาว่า ขอเวลา 50 ปีคนรุ่นเขานี่แหละที่จะสร้างวัฒนธรรมใหม่ขึ้นมาเอง ส่วนพวกที่แก่แล้วก็ปล่อยให้มันตายๆ ไปลองนับมาถึงตอนนี้มันอาจใช้เวลาไม่ถึง 50 ปีก็ได้

social credit ผมได้ยินข่าวลือว่า ทางไทยกำลังหาทางเอาเข้ามาใช้ รัฐบาลประชาธิปไตยนี่แหละ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลนะ เป็นต้นว่าตอนเด็กคุณเคยไปประท้วง โตขึ้นสอบได้ที่มหาวิทยาลัยนี้ แต่เขาพบว่าตอนเด็กคุณเคยไปประท้วง ไม่ต้องสอบสัมภาษณ์เลยครับ

เซ็นเซอร์ประหลาดๆ ผมได้รับข้อมูลใหม่มานานละ มีโอกาสจะเอามาเขียนในบล็อกการ์ตูนเห็นแล้วคิดไปไกลกว่าแบบเก่าๆ อีก ส่วนหนังสือการ์ตุนญี่ปุ่นสมัยผมไปมีขายทั่วไปนะ แต่เมืองที่ผมอยุ่มันเมืองบ้านนอก ถ้าไม่ใช่ร้านหนังสือใหญ่ๆ หรือแผงหนังสือใหญ่ๆ หรือร้านเฉพาะก็จะหาไม่ได้

ทรูมันนี่ ผมคุ้นๆ ว่ามันเชื่อมกับ alipay ได้นะ จริงๆ หูหนานก็น่าเที่ยวนะ (ไปมาแล้ว) เมืองฟ่งหวงอย่างสวยเลยครับ น่าจะถือว่าเป็นเมืองเก่าที่สวยงามมากๆ อีกแห่ง




โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 5 กันยายน 2567 เวลา:0:13:06 น.  

 
เจ้าของบล็อกนี้หายไปอีกแล้ว ถ้ามีเวลาอยากให้ไปชมบล็อกนี้ครับ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 7 กันยายน 2567 เวลา:17:03:35 น.  

 
ปีนี้ อาจารย์เต๊ะ กะจะสละตำแหน่งดองบล็อกยอดเยี่ยม ให้ คุณซีริว แล้วละครับ ปีนี้ขยันมากสุดตั้งแต่เขียนบล้อกมา แฮร่ 555

จักรยานนี่มีหลากหลายราคามากครับ วัดกันที่น้ำหนักยิ่งเบาก็ยิ่งแพง
แต่เดี๋ยวนี้ มีจักรยานญี่ปุ่นมือ 2 เข้ามาตีตลาด ราคาน่าซื้อมากเลยละครับ

ส่วนเรื่องอุปกรณืซ่อมแซม ของดีๆก็แพงครับ
แต่บางอย่าง เราดัดแปลง diy เอาได้ครับ
สมัยก่อน อาจารย์เต๊ะ ชอบดูหนัง แมคไกเว่อร์ พระเอกจอมdiy ครับ 555



โดย: multiple วันที่: 8 กันยายน 2567 เวลา:19:10:48 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องชีริว

ขอบใจมากจ้ะ ที่มาอ่านบล็อกอินเดียตอน เมืองอัมริตสาห์ ถ้า
ชีริวมาเที่ยว ครูว่าเธอก็ต้องชอบ เพราะวัดของเขาสวยงาม แปลกตา
ไปจากเมืองอื่นที่เที่ยวผ่านมา ซึ่งเป็นวัดทางธิเบต เพราะวัดที่นี่เป็น
ของชาวซิกข์และลฮินดู สวยงาม ดูอลังการ ถ้าเธอมาคงได้ถ่ายรูป
มากมาย เสียดาย โทรศัพท์ครูหายในวันรุ่งขึ้น รูปในเครื่องครูหาย
หมดเลย รูปที่มีเป็นของเพื่อน ๆ หมด จ้ะ
อาหารการกินงวดนี้ กินไปทั้ง 7-8 วันติด ๆ กัน ทุกคนเบื่อ
มาก ๆ แต่ชีริวชอบอาหารแขก อาจจะไม่มีปัญหา ห้าห้า แต่พวกเราบอกว่า กลับกรุงเทพฯ เข็ดโรตีที่ชอบกินเป็นเดือน แน่นอน อิอิ
ถ้าชีริวมีโอกาสไปเที่ยวเมืองนี้ ก็ต้องชอบแน่นอน


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 8 กันยายน 2567 เวลา:20:53:46 น.  

 
สวัสดีครับน้องชีริว

ความรัก
หาจุดที่ลงตัวยากจริงๆครับ
บางคู่รักกันมานานมาก
บทจะเลิก
ก็เลิกกันได้ง่ายๆเลย



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 กันยายน 2567 เวลา:22:37:11 น.  

 
ขอบคุณน้องชีริวมากค่ะที่แวะชมเมนูบ้านพี่ต๋า
ถั่วกับธัญพืชยกเว้นแมคคาดาเมียพี่ต๋าซื้อแบบรวมๆมา
ก็เอามาโรยได้เลย สะดวกค่ะ

ขอบคุณกำลังใจนะคะน้องชีริว


โดย: Sweet_pills วันที่: 8 กันยายน 2567 เวลา:22:55:50 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องชีริว



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 กันยายน 2567 เวลา:5:10:00 น.  

 
ตามคุณชีริวมาเที่ยวเมืองจีนต่อเลยครับ ผมว่าสถานที่ท่องเที่ยวของจีนเค้าสร้างกันอลังการงานสร้างจริง ๆ ครับ ที่สำคัญอาหารน่ากินทุกวันเลยครับ แต่เสียอย่างไม่มีที่ฉีดตูดนี่หละ อยากไปลูบตัวพังพอนที่วัดกว่างเหรินบ้างครับ เผื่อจะได้มั่งคั่งบ้าง เห็นทุเรียนที่ถนนหุยหมินเจียอยากกินเลยครับ ผมก็ชอบแบบเละ ๆ ครับ ที่ใต้บ้านผมจะกินเละกันครับ ผมว่าไอติมทหารดินเผานี่เท่ห์เลยครับ สุสานจิ๋นซียิ่งใหญ่มาก ๆ ด้วย
ผมรออ่านทัวร์โปแลนด์นะครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 10 กันยายน 2567 เวลา:14:51:07 น.  

 
อาเนียผมพึ่งเอามาเปิดตัวเองครับ ผมเดาว่าที่คุณชีริวคิดว่าเอามาเปิดตัวนานแล้วน่าจะเป็นเพราะเห็นรูปจากใน IG ผมแน่ๆ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 10 กันยายน 2567 เวลา:22:06:38 น.  

 
จากบล็อก
เราก็พูดไปงั้นแหละ เพื่อให้คนยังพอมีความหวัง เดี๋ยวมาดูกันไตรมาส 4 มันจะมีเรื่องให้ด่าอีกเยอะ


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 11 กันยายน 2567 เวลา:21:38:53 น.  

 
รุ่นพี่ก๋ายังไม่ค่อยมีใครแปลงเพศครับ
อาจเพราะเป็นคนยุคเก่าอยู่
เด็กๆยุคนี้พอรู้เพศสภาพชัดเจน
รู้เร็ว ผ่าตัดเร็ว
เป็นเรื่องดีนะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 กันยายน 2567 เวลา:21:25:53 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องชีริว



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 กันยายน 2567 เวลา:5:20:15 น.  

 
สวัสดีค่ะชีริว

มาตามต่อกับเมืองจีนค่ะ ถนนคนเดินน่าเดินดีนะคะ
ใช่ๆ เอเชียทีคมีรูปหล่อสำริด เอ! รูปหล่อหรือรูปปั้นนะ

รถตุ๊กๆน่าใช้นะคะ ใช้ในตจว. น่ะค่ะ

ส่วนตัวพี่ พี่คิดว่าคงไม่ได้ไปทัวร์ต่างประเทศแล้วค่ะ
แค่ในบ้านเราพี่ยังไปได้ไม่กี่จังหวัดเลยค่ะ

ไว้ตามชีริวไปเที่ยวในบล็อกล่ะกันนะคะ




โดย: tanjira วันที่: 16 กันยายน 2567 เวลา:11:47:43 น.  

 
ที่ไปคุย
เรื่องดัชนีความสุข ของภูฏานน่าสนใจ มันมีข่าวคล้ายๆ ของไทยเรื่องการอุ้มหายด้วย ไว้มีโอกาสจะนำเสนออีกที


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 16 กันยายน 2567 เวลา:22:21:10 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องชีริว

พูดถึงใช้ไมโครเวฟแล้วไข่สุกกระด้าง
พี่ต๋าลองหาวิธีทอดไข่ดาวน้ำในไมโครเวฟดูค่ะ

ให้เทน้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะใส่ในภาชนะทรงกลมที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้
จากนั้นตอกไข่ลงไป
ใช้ไม้จิ้มฟันเจาะรูบริเวณไข่แดง 2-3 รู เพื่อป้องกันไข่แดงแตก

สามารถปรับเวลาที่ใช้ให้เหมาะสมกับความสุกของไข่ดาวตามชอบได้
โดยให้ใช้ไฟอ่อน 200 วัตต์ และนำเข้าไมโครเวฟ 2 ครั้ง
ครั้งแรกตั้งเวลาประมาณ 2 นาที
ครั้งที่ 2 อาจจะปรับเวลาเป็น 1-2 นาทีตามความเหมาะสม

ถ้าวิธีนี้ประยุกต์ใช้กับไข่อบมะเขือเทศได้
แล้วทำให้ไข่ไม่สุกกระด้างคงดีนะคะ
ไว้คราวหน้าพี่ต๋าจะลองทำดูค่ะ

ขอบคุณน้องชีริวมากนะคะสำหรับกำลังใจ


โดย: Sweet_pills วันที่: 16 กันยายน 2567 เวลา:23:28:30 น.  

 
จากบล็อก
จีนมีสอนอะไรแปลกๆ แบบนี้เยอะครับ สอนด่าคนแบบไม่ด่า ฯลฯ ผมชอบนะมันได้แง่คิด แล้วก็คลายเครียดดี


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 17 กันยายน 2567 เวลา:0:28:56 น.  

 
น่าเที่ยวมากเลยค่ะมีแต่ที่สวยๆ


โดย: น้ำน้อย IP: 203.172.207.197 วันที่: 29 มกราคม 2568 เวลา:13:26:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชีริว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 93 คน [?]





**5 Latest Entries**
เยือนพังงา เมืองภูผาแปลก
ทริปกระบี่อีกสี่วัน
เมืองปราจีนถิ่นสมุนไพร
โดราเอม่อน ตอน ดาดฟ้าเรือติดหลัง
ขึ้นเกาะลันตา-ศรีรายาเมืองเก่า


Friends' blogs
[Add ชีริว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.