I AM SOMEONE
 
ธันวาคม 2564
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
31 ธันวาคม 2564

Work from Home ยังไงให้รอดจากอาการซึมเศร้า

Magnolia อยู่ในกลุ่มๆ เฟซบุ๊กกลุ่มปิดกลุ่มหนึ่ง เป็นกลุ่มที่เปิดโอกาสให้คนมีความทุกข์ใจได้มาระบายออก ที่เข้าไปในกลุ่มนี้ไม่ใช่ตัวเองอยากระบายหรอก แต่อยากรู้ว่าคนส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้เขาคุยอะไรกัน บางทีก็อาจจะช่วยแนะนำตามประสบการณ์ที่มี หรือให้กำลังใจนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง

เพราะความเศร้าบางทีมันไม่สามารถบอกกับคนใกล้ตัวได้เสมอไป

มีคำถามหนึ่งที่มีสมาชิกตั้งขึ้นมาว่า ในกลุ่มนี้คนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามีสาเหตุมาจากอะไรกันบ้าง เราได้อ่านคำตอบก็พบว่าไม่ต่ำกว่า 80% ของคนที่ตอบ คือ ครอบครัว---ใช่ ครอบครัวที่หมายถึงพ่อแม่พี่น้อง ที่อาจจะกดดัน คาดหวังในตัวเขา หรือแม้แต่บูลลี่กันเองในบ้าน รวมทั้งครอบครัวที่หมายถึงสามีหรือภรรยา แม้แต่ลูก ที่เป็นสาเหตุของโรคนี้ คนใกล้ชิดในครอบครัวซึ่งเป็นคนที่เราหวังว่าจะเข้าใจเรา เป็นแรงใจให้เรา กลับทำให้เราป่วยทางใจเสียนี่

Magnolia เองก็เคยคุยกับวัยรุ่นที่มีปัญหาครอบครัว ครอบครัวไม่สมบูรณ์ก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งคือครอบครัวไม่เข้าใจ ทำให้ป่วยทางจิตจนเสียการเรียนไปก็หลายคน

โรคนี้ถ้าพบจิตแพทย์ทานยาแล้วไม่หายหรือหายช้า ก็ต้องเอาตัวเองออกจากปัญหาแล้วล่ะ เหมือนสำนวนที่พูดกันติดปากว่า “เอาที่สบายใจ” คืออยู่จุดไหนแล้วสบายใจก็ไปอยู่จุดนั้น
ทีนี้บางคนเริ่มมีอาการซึมเศร้าอ่อนๆ จากสาเหตุที่ไม่ใช่ครอบครัวนี่สิ---สาเหตุที่ว่าคือ Work From Home หรืออยู่บ้านเป็นเวลานานเกินไป บางคนสัปดาห์เดียวก็เครียดแล้ว เจอไปสองสามเดือนหรือครึ่งปีก็หนักอยู่ มันไม่ใช่แค่เครียดจากงานนะ แต่บางทีต้องทำอะไรซ้ำๆ ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ มันก็จะไม่ไหวเอา ยิ่งคนที่อยู่หอพัก อพาร์ตเม้นต์ หรือคอนโดเล็กๆ คนเดียว หันซ้ายหันขวาก็เจอเตียงนอน ไม่รู้จะคุยกับใคร เล่นโทรศัพท์จนปวดตาปวดคอ ปวดข้อมือ ก็เบื่อ ต่อให้อยู่บ้านหลังใหญ่หน่อยมีครอบครัวอยู่ด้วย แต่กิจวัตรเดิมๆ เจอคนหน้าเดิมๆ ก็ใช่ว่าจะไม่เป็น (ถ้ามีบ้านใหญ่เกินหนึ่งไร่อันนั้นก็ไม่ค่อยน่าห่วง)

Magnolia สังเกตอาการซึมเศร้าอ่อนๆ ที่ว่านี้จากเพื่อนฝูงหลายคน เช่น กลางคืนนอนไม่หลับ หรือหลับมากเกินปกติ ง่วงทั้งวันจนไม่อยากจะทำอะไรเลย ทำงานตามหน้าที่พอให้เสร็จๆ ไป แต่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์จะเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ หรือเคยชอบอะไรก็ไม่อยากจะทำแล้ว ไร้ชีวิตชีวา หายใจทิ้งไปวันๆ น้ำท่าไม่อาบ เน่าจนถึงเย็นค่อยอาบทีเดียว ไฟในตัวที่เคยมีมันค่อยๆ มอดลง รู้ว่าแย่แต่ก็ไม่ยอมแก้ไข เบื่อจนอยากร้องไห้

แม้แต่คนทำงานฟรีแลนซ์ยังรู้สึกเช่นเดียวกันทั้งที่ไม่มีออฟฟิศ เพราะความที่ไม่ได้ออกไปไหน จับเจ่าอยู่แต่ในห้อง จอคอมพิวเตอร์ และโลกโซเชียลมากจนเกินไป ยิ่งเสพข่าวสารที่มีเรื่องลบๆ ร้ายๆ ยิ่งไม่อยากทำอะไรเลย ขนาดเด็กเล็กๆ ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ ยังออกอาการหงอยอย่างเห็นได้ชัดจนกลายเป็นความขี้เกียจ

Magnolia ไม่ใช่นักจิตวิทยาที่จะฟันธงได้ แต่สัญชาตญาณบอกว่าถ้าทิ้งไว้นานวัน โดยไม่หลุดออกมา อาการเหล่านี้จะยิ่งหนักขึ้นๆ จนกลายเป็นโรคซึมเศร้าจริงๆ ก็ได้

แล้วจะทำอย่างไรกันดี???

แน่นอนว่าคนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงก็ยากหน่อยที่จะออกมาเปลี่ยนบรรยากาศ ทานข้าวนอกบ้าน หรือพบปะเพื่อนฝูง แต่ลองไปเดินเล่นในจุดที่ไม่มีคนพลุกพล่าน ถ้ามีจักรยานสักคันก็ขี่จักรยานคนเดียวรอบหมู่บ้านสองสามรอบ ถ้ามีมอเตอร์ไซค์ก็ขี่ช้าๆ ไร้จุดหมายไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องแวะที่ไหน แค่ขี่ไปดูชีวิตผู้คน ร้านรวงที่เปิดอยู่หรือปิดไปก็ยังดี หรือให้หมาของเพื่อนบ้านเห่าก็เปลี่ยนบรรยากาศได้แล้ว ถ้ามีรถยนต์สตาร์ทมันบ้างก่อนแบตเตอรี่จะเสื่อม แล้วขับรถเล่นโดยไม่ต้องลงจากรถ หรือไดรฟ์ทรูไปซื้อฟาสต์ฟู้ด หรือเฟรนช์ฟรายด์สักห่อมานั่งกินใต้ต้นไม้ก็ได้ อยู่คนเดียวก็ไปคนเดียว ถ้าอยู่กับครอบครัวก็ขอเวลา “ปลีกวิเวก” บ้างสัก 2-3 ชั่วโมง ไม่จำเป็นต้องเที่ยวทิพย์อีกต่อไป เพราะนิยามของคำว่า “ท่องเที่ยว” ก็คือการได้ออกนอกบ้านไปทำกิจกรรมที่ไม่ได้ทำที่บ้านหรือที่ทำงาน ถือว่าได้เที่ยวแล้ว

ที่ว่ามานี้ เพราะเราเคยรู้สึกแย่มาก่อน อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ แทุกวัน แถมเป็นช่วงหน้าร้อนอีกต่างหาก เบื่อถึงขีดสุด นอนกลางวันๆ ละสองรอบ เหมือนโซฟาดูดวิญญาณ เวลาประจำคือ สายๆ หลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว กับหลังทานข้าวเที่ยงอิ่มใหม่ๆ จนกลัวจะเป็นโรคกรดไหลย้อนอยู่ แต่มันไม่มีแรงจะทำงานเป็นชิ้นเป็นอันเลย กิจกรรมฝึกทำกับข้าวเมื่อโควิดปีแรกก็เลิกหมด ทำอะไรก็ไม่อร่อยสักอย่าง มีอาการอย่างนี้อยู่เป็นสัปดาห์ แม้จะยังมีร้านอาหารเปิดบ้าง แต่ไม่กล้านั่งนาน เลยแชทไปบ่นกับเพื่อนสนิทที่อเมริกาว่า “ไม่ไหวแล้ว กว่าจะผ่านไปแต่ละวันโคตรทรมานเลย เมื่อไหร่พระอาทิตย์จะตก จะได้เข้านอน” เพื่อนสาวเองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่บ้านเธอยังพอมีบริเวณให้เดินไปไล่เป็ดหลังบ้านอยู่บ้าง เธอกลัวเราจะเป็นโรคซึมเศร้าจึงแนะนำเราว่า “ไปซื้อน้ำผลไม้ไปนั่งปิกนิกซะ!!”

ตอนนั้นคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะไปไหน แล้วจังหวัดที่เราอยู่มันไม่ได้มีที่สถานที่ที่เหมาะจะปิกนิกได้ด้วยสิ สุดท้ายก็ลองขับรถไปซื้อน้ำผลไม้ปั่นมาแก้วหนึ่ง แล้วไปจอดรถอยู่ลานจอดรถของห้างหนึ่งเป็นพื้นที่โล่งแจ้งอยู่ริมแม่น้ำ เปิดท้ายรถนั่งชิลล์ๆ ให้ลมโชย แดดอุ่นกระทบผิวบ้างดีกว่าเปิดพัดลมอยู่ห้องหน่อยหนึ่ง เปิดเพลงที่ชอบฟังเพลินๆ---เออ มันก็ได้แฮะ แค่เปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนบรรยากาศจากห้องสี่เหลี่ยมของตัวเอง ไม่ต้องมีเพื่อนคุยก็ได้ แต่ได้เห็นสีเขียวจากต้นไม้ที่ไม่ได้ปลูกในห้อง เห็นสายน้ำไหลเอื่อยๆ สัมผัสลมธรรมชาติสักชั่วโมง ฆ่าเวลาที่แสนหงอยได้อยู่ น้ำหมดแก้วก็กลับ

Magnolia มาชวนแลกเปลี่ยนเพราะไม่อยากให้ตกอยู่ในอาการซึมเศร้าที่เราไม่รู้ว่ามันจะเล่นงานจิตใจไปจนเป็นโรคหรือไม่ แต่ละคนมีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ใช้วิธีไหน “เอาที่สบายใจ” เพื่อให้รอดจากอาการซึมเศร้ากันบ้าง ไหนเล่าซิ

Podcast ฟังเพลินสำหรับคนไม่ชอบอ่านแต่ชอบฟัง 
ติดตามเพจ https://facebook.com/magnoliadiary



Create Date : 31 ธันวาคม 2564
Last Update : 20 สิงหาคม 2565 14:08:12 น. 0 comments
Counter : 441 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Alex on the rock
Location :
มหาสารคาม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




Blog นี้เป็นพื้นที่ส่วนตัว เป็นความเห็นส่วนตัว ผู้อ่านอาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับข้อเขียนใน Blog กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพและเคารพสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญของเจ้าของ Blog ด้วย หากผู้อ่านที่แสดงความคิดเห็นไม่อาจจะปฏิบัติตามนี้ได้ เจ้าของ Blog สามารถลบความคิดเห็นของท่านโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ
[Add Alex on the rock's blog to your web]