ศิลปะเขมรแบบบายน ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอังกอรธม ซึ่งทรงนับถือพุทธศาสนาแบบมหายาน และด้วยเหตุที่ประ กอบด้วยรูปเคารพถึงสามองค์ในพิมพ์เดียว บางครั้งจึงมีผู้เรียกว่า "พระตรีกาย"
ส่วนรูปเคารพที่อยู่เบื้องขวาขององค์ประธานนั้น มีลักษณะ 4 กร ได้แก่ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ซึ่งหมายถึงผู้มองลงมาจากเบื้องบนด้วยความกรุณา หรือผู้เป็นใหญ่แห่งโลก ที่จุติจากพระธยานิพุทธเจ้าหรือพระอมิตพุทธ(ผู้มีแสงสว่างมิรู้จบ) ด้วยเหตุนี้ พระอวโลกิเตศวรจึงปรากฏรูปพระธยานิพุทธเจ้าประทับนั่งสมาธิอยู่เหนือศิราภรณ์(อาภรณ์ประดับเศียร) พระกรทั้ง 4 ทรงถือ พวงประคำ คัมภีร์ ดอกบัว และหม้อน้ำมนต์
แต่ถ้าเป็นปาง 2 กร จะทรงประทานพร และทรงถือดอกบัวสีชมพู เป็นเหตุให้ได้พระนามอีกอย่างหนึ่งว่า "ปัทมปาณี" รูปเคารพที่เหลืออยู่อีกองค์หนึ่งได้แก่ พระนางปรัชญาปารมิตา เทพีแห่งสติปัญญาและความเฉลียวฉลาด ในเทวาลัยที่มีอิทธิพลพุทธมหายานมักสร้างรูปเคารพของพระนางไว้ในครรภคฤห์ ทรงปรากฏในรูปมหาคัมภีร์ปรัชญาปารมิตาสูตร ได้ชื่อว่าเป็นพุทธมารดาแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย มีวรกายสีขาว เศียรเดียว สองพระกร อาจพบในท่าแสดงธรรมเทศนา หรือถือบัวขาบสายเดียวทั้งสองพระหัตถ์ บางครั้งพบในปาง 4 กรด้วย ถือกันว่า พระนางทรงเป็น "ศักติ" หรือ "ชายา" ของพระวัชรสัตว์ พระโพธิสัตว์ประจำองค์พระอาทิพุทธเจ้า
อ่านเพิ่มเติม //horoscope.thaiza.com/detail_168844.html
การเปลี่ยนฐานะทางปัญญาจากระดับธรรมดาไปสู่ปัญญาระดับปรัชญาปารมิตา ก็คือ การเปลี่ยนทัศนคติเดิม ๆ (Orthodox) อันสุดโต่งข้างใดข้างหนึ่งของการมองสิ่งต่าง ๆ ตามกรอบข้อกำหนดของการรับรู้ และการยอมรับองค์ประกอบความจริงในส่วนปัจเจกบุคคล ไปเป็นการมองสิ่งทั้งหลายให้เห็นเป็นศูนยตา หรือความว่างจากการมีตัวตนบุคคลเราเขา ประเด็นนี้มีปรากฏอย่างชัดเจนในปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร ซึ่งระบุถึงขันธ์ ๕ ธาตุ ๑๘ อันเป็นผลมาจากการใช้วิธีการวิเคราะห์ซึ่งเป็นวิธีการสืบค้นความจริงในทางพระพุทธศาสนา
ค้นเองน่ะยากมากกว่าจะเข้าใจ