ศานติศึกษาสำหรับการแก้ปัญหาใน 3 จังหวัดภาคใต้แบบยั่งยืน

 เมื่อ 1500 ปี มาแล้ว ดินแดนในภาคใต้นั้นเคยเป็นอาณาจักรโบราณและรับอารยธรรมจากจีน-อินเดีย รวมทั้งนับถือพุทธศาสนามาก่อน พวกเขามีสายสัมพันธ์ทางเชื้อชาติผ่านมาเลเซีย-สิงห์โปร์ถึงอินโดเนเซีย ในสมัยอยุธยานั้นเคยส่งกำลังทหารเข้าโจมตีถึงสามครั้งแต่ก็เอาชนะไม่ได้ การใช้ไม้แข็งและกองกำลังในดินแดนสามจังหวัดมายาวนานและงบประมาณมากมาย เราทราบดีว่าความรุนแรงไม่ได้ลดลง หากเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้าและการลงทุนนั้นน่าจะส่งผลดีในภาพรวม บทบาทหนึ่งที่น่าสนใจคือการจัดทำกิจกรรมผ่านกองทุนสตรีทีมากขึ้น นโยบายการปกครองไทยสยามนั้นฝั่งอยู่ใต้จิตสำนึกในบริบทแห่งความเสมอภาค ยุติธรรม และ ภราดรภาพ สำหรับประชาชนในสามจังหวัดภาคใต้ มุมมองการแก้ปัญหาของคนในนั้นอาจเข้าทำนองที่ว่าเขาอาจเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ทำให้เกิดปัญหาต่อไปอีก ลองดูมุมมองของพระภิกษุชาวเวียตนามทีผ่านประสบการณ์บ้านเมืองแตกเป็นเสี่ยงมาก่อน น่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งของนโยบายการสร้างความสงบและความมั่งคั่งขึ้นในสามจังหวัดภาคใต้

ประสานรอยร้าว ความกลัวและความรุนแรงในภาคใต้

พระอาจารย์ติช นัท ฮันห์ ได้เสนอแนวทางแก้ปัญหาความรุนแรงในสามจังหวัดภาคใต้ของไทยให้ทุกฝ่ายมาร่วมนั่งพูดจากันอย่างสันติ เพื่อบรรเทาความขัดแย้งและระแวงสงสัยในกันและกัน โดยให้กลุ่มดังกล่าวมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความกลัว ความระแวงสงสัย ความเจ็บปวดต่างๆ พร้อมทั้งต้อง “ฟังอย่างลึกซึ้ง”

ท่านแนะนำให้ รัฐบาลไทยเชิญผู้มีปัญญาในสังคมทั้งหมด ผู้แทนและเชื้อเชิญทุกฝ่ายในความขัดแย้งนี้มา ฟังกันอย่างลึกซึ้ง ด้วยความเมตตากรุณา เพื่อให้รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งมีความโกรธแค้นชิงชังและสงสัยคลางแคลงเพราะอะไร แลกเปลี่ยนข้อมูลให้ทุกฝ่ายมีความเข้าใจกัน

จากการฟังเช่นนี้เอง เราจะตระหนักว่า เราเองก็ได้ทำอะไรผิดพลาดเช่นกัน เราควรใช้โอกาสนี้ในการขอโทษและสัญญาว่าจะไม่ทำเช่นนั้นอีก เพื่อสมานไมตรีที่ดีต่อกัน

คนไทยคือใครและมาจากใหนนั้นมีหลายหลักฐาน แต่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจมีดังนี้

กลุ่มที่เชื่อว่า ถิ่นเดิมของไทยอาจอยู่ทางบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยหรืออินโดจีน หรือบริเวณคาบสมุทรมลายู และค่อย ๆ กระจายไปทางตะวันตก และทางใต้ของอินโดจีนและทางใต้ของจีน

กลุ่มนี้ศึกษาประวัติความเป็นมาของชนชาติไทยด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์บนรากฐานของวิชาพันธุศาสตร์ คือการศึกษาความถี่ของยีนและหมู่เลือดและการศึกษาเรื่องฮีโมโกลบินอี เช่น นายแพทย์สมศักดิ์ พันธุ์สมบุญ ได้ศึกษาความถี่ของยีนและหมู่เลือด พบว่าหมู่เลือดของคนไทยคล้ายกับชาวชวาทางใต้มากกว่าจีนทางเหนือ จากการศึกษาวิธีนี้สรุปได้ว่า คนไทยมิได้สืบเชื้อสายจากคนจีน ส่วนการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับฮีโมโกลบินอีนั้น นายแพทย์ประเวศ วะสี และกลุ่มนักวิจัยมหาวิทยาลัยขอนแก่น สรุปว่า ฮีโมโกลบินอี พบมากในผู้คนในแถบเอเชียอาคเนย์ คือ ไทย ลาว พม่า มอญ และอื่น ๆ สำหรับประเทศไทยผู้คนทางภาคอีสานมีฮีโมโกลบินอีมากที่สุด (คนจีนเกือบไม่มีเลย)
//www.baanjomyut.com/library_2/extension-1/thai/07.html

อ่านตำนานและประวัติศาสตร์ รัฐโบราณลังกาสุกะ//blog.eduzones.com/tambralinga/3310




Create Date : 29 กรกฎาคม 2556
Last Update : 31 กรกฎาคม 2556 11:36:37 น.
Counter : 1666 Pageviews.

1 comments
  
อยากให้เกิดสันติเร็ว ๆ ค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 29 กรกฎาคม 2556 เวลา:16:29:25 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

surya21
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 50 คน [?]



New Comments
กรกฏาคม 2556

 
1
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
30
 
 
All Blog