All About Lily Chou-Chou แด่เธอ
บทเพลงแห่งอีเธอร์ (1)
จากคุณ : merveillesxx : - [ 7 ก.พ. 2005 01:28:50 ]
ลำดับข้อมูล PART 1 1. All About Lily Chou-Chou แด่เธอ
บทเพลงแห่งอีเธอร์ บทพรรณานาแด่หนังที่เปลี่ยนชีวิตผม (เขียนเมื่อ ก.พ. 2548) 2. บทความที่เกี่ยวข้อง + ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง 3. 8 คำถาม ถามเอง-ตอบเอง กับหนังเรื่อง All About Lily Chou-Chou (เขียนเมื่อ พ.ค. 2547) [SPOILER] 4. ต่อยอดประเด็นกับ All About Lily Chou-Chou (เขียนเมื่อ พ.ค. 2547) [SPOILER] PART 2 5. แหวกว่ายทุ่งหญ้าสีเขียวใน All About Lily Chou-Chou (เขียนเมื่อ ก.พ. 2548) [SPOILER] 6. เนื้อเพลง + คำแปลภาษาอังกฤษ
RELOAD RELOAD RELOAD RELOAD RELOAD RELOAD RELOAD RELOAD RELOAD RELOAD
ชื่อของเธอคือ ลิลี่ ชู-ชู
อัจฉริยะ หรือไม่ก็ตำนาน
ผู้นำสารแห่งอีเธอร์ จากคุณ : ฟิเลีย : - [ 6 ต.ค. 2000 22:13:08 ]
ตลอดชีวิตการดูหนัง 19 ปีของผม ถ้าจะถามว่ามีหนังเรื่องใดที่มีอิทธิพลต่อชีวิตบ้าง คำตอบนั้นคงมีมากมายสารพัด แต่หากถามถึงหนังที่ เปลี่ยนชีวิต ของผมแล้วล่ะก็ All About Lily Chou-Chou (2001, ชุนจิ อิวาอิ) คงต้องเป็นชื่อแรกๆที่ผมเอ่ยถึง
All About Lily Chou-Chou เป็นหนังเรื่องแรกที่ทำให้ผมสามารถเขียนถึงหนังได้ด้วยความยาว 6 หน้ากระดาษ ขนาดอักษร cordia14 สมองของผมไม่ยอมหยุดทำงาน สารบางอย่างกำลังหลั่งไหล และ ณ เวลานั้นเอง ที่ชีวิตผมจะต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล จากคุณ : merveillesxx : - [ 25 ก.ย. 2004 21:05:48 ]
ยากจะเชื่อว่านี่คือหนังของผู้กำกับขวัญใจวัยรุ่นอย่าง ชุนจิ อิวาอิ ผู้ที่ทำให้เราเคลิ้มฝันไปกับ Love Letter (1995) และ April Story (1998) เขากล่าวว่าความคิดที่จะทำหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยถ่ายหนังเรื่อง Love Letter เขาต้องการที่จะ เพ่งมองไปยังด้านที่มืดกว่า ของชีวิตนักเรียน
แต่หลังจากหนังจบลงคำว่า มืดกว่า คงจะต้องถูกเปลี่ยนเป็น มืดมิด หรือ มืดมนอนธการ
All About Lily Chou-Chou ก็คือ หนังที่เล่าถึงโลก Dystopia ของวัยรุ่น นั่นเอง (หลังจากนำเสนอโลกแนว Utopia ใน April Story) ซึ่งแน่นอนผมเชื่อในอย่างแรกมากกว่าอย่างหลัง จากคุณ : merveillesxx : - [11 พ.ค. 47 10:34:55 ]
หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาอย่างประหลาดล้ำ ฉากของเรื่องเป็นเมืองเล็กๆ ในชนบท (อิวาอิกับทีมงานต้องตะลอนหาสถานที่ทั่วทั้งญี่ปุ่นทีเดียว) แต่เนื้อเรื่องกับประกอบไปด้วยสิ่งที่ขัดแย้งนานับประการ ทั้งบรรยากาศเมืองอันเงียบสงบ แต่ภายในกลับมีเหตุการณ์รุนแรงแสนเลวร้ายเหลือทน, ชนบท-ทุ่งหญ้า-วิถีชีวิตเรียบง่ายกับอินเตอร์เน็ต-เวบบอร์ด-โลกไซเบอร์แห่งโลกาภิวัตน์ , เพลงพื้นเมืองโอกินาว่ากับเพลงป็อปสุดล้ำของลิลี่ ชู-ชู รวมถึงการใช้ภาพแฮนเฮลด์ร่วมกับมุมกล้องพริ้วไหวดั่งมิวสิกวิดีโอ
ฉันไม่เคยเรียนศิลปะ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไรกันแน่ คิดเอาเองว่าหนังเรื่องนี้มันน่าจะสวยงามและสามารถสื่อความคิดบางอย่างให้กับผู้เสพ จากคุณ : nbow : - [ 10 พ.ค. 2004 09:03:55 ]
เหล่าตัวละครหลักในเรื่อง (ซึ่งเป็นนักแสดงหน้าใหม่เกือบทั้งหมด) เป็นเพียงแค่เด็กชั้น ม.3 แทนที่พวกเขาจะมีชีวิตเหมือนเด็กทั่วไป ช็อปปิ้งตามห้างสรรพสินค้า ไปเกมเซ็นเตอร์ หรือหยอกเย้าเล่นหัวระหว่างทางเดินกลับบ้าน แต่พวกเขากลับมีโลกที่แตกต่างออกไป พวกเขาอยู่ในวังวนของการทำร้าย ขายตัว ข่มขืน แบล็คเมล์ และความรุนแรง
ยูอิจิ-ตัวเอกของเรื่อง-เป็นเด็กไม่พูดไม่จา ขาดการสื่อสารกับคนรอบข้าง เขาตกเป็นเบี้ยล่างของโฮชิโนะ-ผู้ทำตัวเป็นหัวหน้าของเหล่าเด็กเกเร สิ่งเดียวที่เยียวยาจิตใจของยูอิจิได้ก็คงจะมีแต่นักร้องสาวลึกลับอย่าง ลิลี่ ชู-ชู ผู้ให้พลังอีเธอร์หล่อเลี้ยงชีวิตเขา ความรัก-ความหลงใหล-ความคลั่งไคล้ของยูอิจิที่มีต่อเธอถูกถ่ายทอดผ่านเวบบอร์ด ลิลี่ฟิเลีย พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์อันเป็นดินแดนของเขา พื้นที่ที่ใครจะเข้ามาก็ได้ ถ้าเขาคนนั้น รัก ลิลี่ ชู-ชู แต่ดูเหมือนว่ายิ่งยูอิจิถลำลึกลงไปในดินแดนนั้นมากเท่าไร เขาก็ตัดขาดกับโลกภายนอกมากขึ้นทุกที และโลกความเป็นจริงของเขาก็ยิ่งย่ำแย่สวนทางกับโลกไซเบอร์เสียเหลือเกิน
ไม่น่าสงสัยเลยว่ายูอิจิจะ เลือก อยู่ไหนโลกไหน
สมัยนี้ความดีงามวิ่งไม่ทันเทคโนโลยีสื่อสารความเร็วสูงในสาย Fiber Optic เสียแล้ว จากคุณ : nbow : - [ 10 พ.ค. 2004 09:03:55 ]
แต่ถัดมา...หลังจากดำดิ่งมืดมิดมาตลอด หนังกลับพาเราไปพบกับแสงสว่าง ที่บอกกับเราว่าเด็กเหล่านี้ก็เคยอยู่ในโลกธรรมดาๆเช่นเดียวกับเด็กคนอื่นๆ หนังย้อนเล่าไปถึงความสัมพันธ์ของยูอิจิและโฮชิโนะสมัยเข้าโรงเรียนใหม่ๆ พวกเขาเคยเป็นเพื่อนกัน พวกเขากับเพื่อนกลุ่มใหญ่เคยไปเที่ยวโอกินาว่า-เกาะสวรรค์-ด้วยกัน อิวาอิให้เวลาค่อนข้างมากกับส่วนนี้ ดั่งจะตอกย้ำให้เราเห็นความต่างของอดีตกับปัจจุบันที่แสนเจ็บปวด เมื่อหนังตัดฉากกลับมาที่ปัจจุบัน ความเจ็บช้ำก็ได้ขยายขึ้นทวีคูณ
จากปี 1999 ถึง 2000 แม้จะเป็นเวลาเพียงหนึ่งปี แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว และมันจะไม่มีวันเหมือนเดิม
ปี 1999 นอสตราดามุสทำนายผิด โลกไม่ได้จบสิ้น ...หากคำทำนายนั้นเป็นจริง ...หากชีวิตฉันถึงกาลอวสาน ฉันคงมีความสุขกว่านี้ จากคุณ : ฟิเลีย : - [ 12 ธ.ค. 2000 03:13:02 ]
แผลที่ใหญ่ที่สุดในหัวใจคือการมีตัวตนอยู่ คงเป็นประโยคที่ออกมาจากใจของยูอิจิ การดำรงอยู่ของชีวิตแต่ละวัน ยิ่งบาดซ้ำรอยแผลให้ยิ่งขยายใหญ่ขึ้น ครึ่งหลังของหนังอาจเรียกได้ว่าเป็นที่สุดของความเจ็บปวดรวดร้าว หัวใจของผมถูกบีบให้สลายครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงตะโกนกู่ก้องร้องออกมาแทนตัวละครในเรื่อง พอแล้ว! พอแล้ว! ฉันไม่อยากจะอยู่อีกต่อไปแล้ว
All About Lily Chou-Chou ทำให้คนดูหนังอย่างฉันเกิดความรู้สึกสองอย่าง นอกจากทึ่งแล้ว ความรู้สึกที่สองของฉัน คือหัวใจสลาย จากคุณ : nbow : - [ 10 พ.ค. 2004 09:03:55 ]
อีเธอร์ของยูอิจิริบหลี่ลงทุกที แต่ทันใดเทพธิดาของเขาก็มาช่วยชีวิตไว้ทัน...ลิลี่ ชู-ชู กำลังจะมีคอนเสิร์ตใหญ่! ยูอิจิกำลังจะไปพบกับ ผู้นำสาร แห่งอีเธอร์ของเขา แต่ที่สำคัญกว่านั้นเขากำลังจะไปพบเหล่าบรรดาสาวกอยู่ร่วมกันในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ รวมถึง เพื่อนคนเดียว ของเขาด้วย
ฉากงานคอนเสิร์ตถือเป็นฉากที่ใหญ่ที่สุดในหนัง มีการใช้ตัวประกอบร่วมพันคน อิวาอิเนรมิตฉากนี้ได้สมจริงและยิ่งใหญ่มาก มันทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นไปพร้อมกับยูอิจิ รวมถึงมันคู่ควรกับการที่จะเป็นฉากไคลแม็กซ์ของเรื่อง เริ่มจากการเปิดเผย ความจริง บางอย่างที่เราจะต้องอึ้งทีเดียว
เรื่องอาการ "ผิดคาด" แบบนี้ดูจะเป็นเรื่องปกติไปแล้วล่ะ อย่างเช่นเวลานัดเจอคนที่รู้จักกันในเน็ต แล้วพอเจอตัวจริงก็หงายหลังตึงไงครับ สาเหตุก็อาจมาจากสื่อต่างๆที่เราโดนกรอกหูกรอกตาปนยัดเยียดอยู่ทุกวันนี้แหละ ดาราหล่อๆสวยๆในจอทีวี สร้างค่านิยมหลงใหลในรูปลักษณ์ภายนอกแก่เรา ทั้งที่นั่นถือเป็นแค่ "ส่วนน้อย" ของโลกมนุษย์ใบนี้ จากคุณ : merveillesxx : - [ 10 พ.ค. 2004 23:17:28 ]
นี่คือฉากที่ทรงพลังที่สุดในหนัง ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกปลดปล่อยออกมา ทั้งความจริง-ความลวง, มิตรภาพ-การทรยศหักหลัง, ความสุข-ความทุกข์ รวมถึงการตายและการเกิดใหม่ อิวาอิสามารถสร้างบทสรุปที่หมดจดได้ในฉากนี้เพียงฉากเดียว แถมมันยิ่งประหลาดสุดขั้วเพราะมันคือฉากคอนเสิร์ตของลิลี่ ชู-ชู ที่แทบจะไม่มีลิลี่ ชู-ชู โผล่ออกมาให้เห็นเลย!
นั่นเป็นเพราะว่ายูอิจิได้พบความเจ็บปวดอันเป็นที่สุด เขาต้องหาทางหลุดพ้นจากมัน เขากำลังจะเกิดใหม่ ร่างอีเธอร์เดิมกำลังจะหลุดสลายไปแล้ว...
"สิ่งที่ทำให้เราเจ็บปวดมากที่สุดก็คือ เพื่อน คนรัก และครอบครัว" จากคุณ : ฟิเลีย : - [ 24 พ.ย. 2000 23:31:18 ]
หนังไม่ได้ให้บทสรุปที่ชัดเจนแก่เรามากนัก ดูเหมือนตัวละครจะค้นพบอีเธอร์ใหม่ของพวกเขา แต่พวกเราคงต้องค้นหามันต่อไป ครั้งหนึ่งเมื่อคุย MSN กับคุณไกรวุฒิ (Bioscope) ผมพูดว่า All About Lily Chou-Chou บอกกับเราว่า ทุ่งหญ้านั้นเขียวขจี แต่โลกนี้เป็นสีเทา คุณไกรวุฒิบอกผมว่า ก็ลองคิดใหม่สิว่า โลกนี้เป็นสีเทา แต่ทุ่งหญ้ายังคงเขียวขจี
ถ้าหากเหล่าตัวละครในหนังคิดได้แบบนั้น พวกเขาและเธอก็คงจะได้สัมผัสอีเธอร์สีเขียวของทุ่งหญ้าในโลกนี้ หากแต่ใช่จากโลกนั้น
ตัวละครในเรื่องนี้ทุกคนล้วนบาดเจ็บและอ่อนแอจากสภาพที่รุมเร้าพวกเค้า ทุกคนต้องการเพียงพื้นที่เล็กๆ ให้ได้ตะโกนร้องบอกออกไปว่า ฉันยังอยู่ ฉันยังมีตัวตน แต่ต่างกันไปที่ว่าแต่ละคนมีวิธีการที่จะบอกออกมายังไงเท่านั้น จากคุณ : ใบไม้ ใบหญ้า : - [ 10 พ.ค. 2004 10:04:08 ]
ภาพตอนจบพาเรากลับไปทุ่งหญ้าสีเขียวอีกครั้ง เหล่าตัวละครกำลังยืนสดับฟังเสียงเพลงอย่างเงียบสงบ พร้อมกับท่วงทำนองล่องลอยของเพลง Glide ดั่งจะบอกกับเราว่าตัวละครเหล่านั้นได้พบดินแดนที่จะอยู่อย่างสุขสงบแล้ว ได้เวลาทีพวกเขาจะหลับไหลเสียที
ในฉากที่พระเอกยืนฟังเพลงกลางทุ่งหญ้าสีเชียว แล้วก็ไปเห็นตัวละครอื่นๆซึ่งก็ยืนในสภาพใกล้เคียงกัน ฉากแบบนี้พี่นึกถึงว่าพวกเขายืนเหมือนเป็นเสาวิทยุน่ะครับ คือทุกคนเชื่อมถึงกัน สื่อถึงกันได้ เข้าใจกันและกัน และรู้สึกแทบจะเป็นคนคนเดียวกัน หนังเพียงฉายให้เราเห็นตัวละครหลักๆแค่บางคนเท่านั้นที่ยืนอยู้กลางทุ่งหญ้าสีเขียว นั่นคือสิ่งที่หนัง เลือก ให้เราเห็นครับ แต่สำหรับพี่แล้ว สิ่งที่หนังไม่ให้เราเห็น แต่เราสามารถเข้าใจได้โดยอัตโนมัติ ก็คือ ยังมีคนอีกเป็นร้อยคนเลยครับ ที่ยืนอยู่กลางทุ่งหญ้าสีเขียวอันเป็นนิรันดร์แห่งนั้น จากคุณ : ไกรวุฒิ จุลพงศธร : - [11 พ.ค. 2004 10:47:30 ]
อย่างไรก็ตาม
บทสนทนาโต้ตอบในเวบบอร์ด ยังคงสืบต่อเรื่อยไป ผมมิอาจรู้ได้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร แต่ที่สุดแล้วชีวิตของผมก็ต้องก้าวต่อไปข้างหน้า หนังเรื่องนี้ให้อะไรกับผมมามากมายเกินพอแล้ว ผมน่าจะปลดปล่อยพวกเขาไป ให้อยู่ใน ทุ่งหญ้าสีเขียวอันเป็นนิรันดร์ แห่งนั้นไปตลอดกาล
คำถามในใจของทุกคนน่าจะเป็น "อีเธอร์คืออะไร" ... สำหรับผมอีเธอร์คืออะไรได้ที่ยังมี "ชีวิต" ดังที่หนังแสดงว่าในที่สุดยูอิจิก็ค้นพบอีเธอร์ที่แท้จริงของตัวเอง ถ้าเช่นนั้น All About Lily Chou-Chou ก็คืออีเธอร์แก่ชีวิตผมเช่นกัน ... จากคุณ : merveillesxx : - [ 01 ก.ย. 2004 17:05:59 ] . . . . . . ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาตอบนะครับ ผมคิดว่าว่าอายุขัยของกระทู้นี้คงใกล้จะหมดลงแล้ว.... พบกันที่ 'ทุ่งหญ้าสีเขียวอันเป็นนิรันดร์' ครับ จากคุณ : merveillesxx : - [ 12 พ.ค. 2004 20:38:04 ]
แน่นอน...พบกันที่ 'ทุ่งหญ้าสีเขียวอันเป็นนิรันดร์' ค่ะ จากคุณ : วาดตะวัน : - [ 12 พ.ค. 2004 21:37:24 ]
RELOAD RELOAD RELOAD RELOAD RELOAD RELOAD RELOAD RELOAD RELOAD RELOAD
หมายเหตุ ข้อความทั้งหมดนำมาจากเวบบอร์ด pantip.com และ bioscopemagazine.com ในช่วงปี 2547-2548 ยกเว้นข้อความของฟิเลียนำมาจากในหนัง ส่วนข้อความของคุณไกรวุฒิเป็นอีเมลที่พี่เขาตอบผมมาครับ ต้องขอขอบคุณทุกท่านมา ณ ที่นี้นะครับ ...สาเหตุที่ผมใช้วิธีการเขียนแบบนี้ก็เพื่อให้อิงกับหนังที่มีข้อความในเวบบอร์ดขึ้นมาแทบตลอดทั้งเรื่องครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง - หนังสือ วันคืนที่เราใช้จ่ายไปด้วยกัน The Time We Share โดย นันทขว้าง สริสุนทร บทความ All About Lily Chou-Chou อยากฟังเพลงคนเดียวใช่ไหม... หน้า 108-111 - นิตยสาร Bioscope ฉบับที่ 15 (กุมภาพันธ์ 2546 หน้าปก ท่านมุ้ย) บทวิจารณ์ All About Lily Chou-Chou ชะตากรรมของความบริสุทธิ์ โดย กำพล วีระกุล หน้า 74-75 - นิตยสาร Bioscope ฉบับที่ 21 (สิงหาคม 2546 หน้าปก Last Life in the Universe) ชุนจิ อิวาอิ หน้า 95 - นิตยสาร Bioscope ฉบับที่ 25 (ธันวาคม 2546 หน้าปก The Lord of the Rings The Return of the King) ลมหนาวในคืนเหงา โดย ไกรวุฒิ จุลพงศธร หน้า 36-44 - นิตยสาร PULP ฉบับที่ 19 (มกราคม 2548 หน้าปก Kung Fu Hustle) ชุนจิ อิวาอิ เจ้าพ่อหนังวัยรุ่ย The Many Faces of Iwai โดย Monday Morning หน้า 104-109 - Little Films in a Capital City vol.4 (แถมมากับนิตยสาร PULP ฉบับที่ 19) All About Lily Chou-Chou : ทุ่งฝัน
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง //www.lily-chou-chou.jp/ (official site) //www.lilyphilia.com รวมพลคนรักลิลี่ ชูชู //lilychouchou.yeah.net //www.hi.is/~eybjorn/lily/lily000.html //www.linkclub.or.jp/%7Ekeisuke/lily/ //aalcc.tripod.co.jp/ พาทัวร์สถานที่ในหนัง เจ๋งมาก //zipmind.nease.net/lily.htm //mengjianlian.nease.net/cosplay/2004-03-28-lily-chouchou/01.htm คอสเพลย์
เวบของ Salyu (ก็คือ Lily Chou-Chou นั่นแหละ) //www.salyu.jp/ (official site) //www.kewai.jp/salyu/index.html //ent2.excite.co.jp/music/interview/2004/salyu/
//www.swallowtail-web.com/ (-Yen Town Report-) เวบของชุนจิ อิวาอิ //ayumitoayumu.zero-city.com/home/home.html เวบของ Ayumi Ito
8 คำถาม ถามเอง-ตอบเอง กับหนังเรื่อง All About Lily Chou-Chou (เขียนเมื่อ พ.ค. 2547)
1. ถ้ายูอิจิ (พระเอกของเรา)คือ ฟิเลีย แล้วโฮซิโนะ(เพื่อนพระเอกที่ตอนหลังกลายเป็นตัวร้าย) คือ Blue Cat ใช่มั้ยครับ ? mer: ตอนที่ดูรอบแรก ในช่วงแรกผมคิดว่า ฟิเลียกับบลูแค็ท คือคนๆเดียวกัน นั่นคือ ยูอิจิ สรุปคือว่ายูอิจิมาตอบเองเออเองอยู่คนเดียว จากเหตุที่ว่าเมื่อตอนที่ All Aboutฯ เป็นนิยายอินเตอร์แอคทีฟทาง internet อิวาอิ (ผกก.) ก็เข้ามาโมเมชื่อแฝงหลายๆชื่ออยู่บ่อยครั้ง แต่พอถึงฉากแอปเปิ้ลเขียวความคิดนั้นก็ตกไป (อีกอย่างหนังกระโปรงบานขาสั้นของอิวาอิไม่น่าจะอิงเชิงจิตวิทยาขนาดนั้น) ผมเข้าใจว่าโฮซิโนะ(บลูแคท)นัดพบกับฟิเลีย โดยใช้แอปเปิ้ลเขียวเป็นสิ่งที่บอกว่าเค้าคือ บลูแคท
โดยที่โฮชิโนะไม่น่าจะรู้ว่ายูอิจิคือฟิเลีย (ถ้า รู้ แล้วทำกันแบบนี้โฮชิโนะจะดูเป็นตัวละครที่โรคจิตเกินไปแล้ว ว่ามั้ยครับ) โฮชิโนะให้แอปเปิ้ลเขียวแก่ยูอิจิไปโดยบอกว่า ถ้าใครเข้ามาคุยกับแก ให้แอปเปิ้ลเค้าไป นั่นก็คือคนที่เอาแอปเปิ้ลไปก็คือฟิเลียนั่นเอง
แต่ในเมื่อแท้จริงแล้วยูอิจิคือฟิเลีย จึงไม่มีใครได้รับแอปเปิ้ลนั่นไป
(ในจุดนี้ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมโฮชิโนะต้องให้แอปเปิ้ลแก่ยูอิจิ หรือเพราะว่าเขาใช้ยูอิจิไปซื้อโค้กเลยมีโอกาสเดินไปรอบๆงาน เพื่อให้คนพบเห็นได้ง่าย)
2. แล้วอะไรเป็นแรงจูงใจทำให้ยูอิจิฆ่าโฮซิโนะ ? mer: ถ้าคิดตามสภาพยูอิจิ (ฟิเลีย) เปรียบเสมือนว่าในที่สุดเพื่อนที่หลงเหลือคนสุดท้ายบนโลกของเค้าก็คือ บลูแคท เพราะเมื่อพบเพื่อนที่เกือบจะเปิดใจแก่กันได้แล้วอย่างทซึดะ (สาวน้อยที่ถูกบังคับให้ขายตัว) เธอก็มาด่วนจากไปเสีย (บางทีทซึดะอาจจะปฏิเสธซาซากิ เพราะตอนนี้เธอเริ่มชอบยูอิจิแล้วก็ได้ จากไดอะล็อกที่ว่า ตอนนี้ฉันก็มีเธอดูแลแล้วไง) ประกอบกับจากบท chat ในช่วงท้ายๆเรื่อง แต่เมื่อปรากฏความจริงว่า แท้จริงแล้ว บลูแคทก็คือโฮชิโนะ ความรู้สึกทั้งมวลของเค้าจึงถูกปลดปล่อยออกมา ความผิดหวัง ความเศร้า ความแค้น หรืออาจจะเป็นความรังเกียจที่ฉากหน้าโฮชิโนะคืออันธพาลที่ทุกคนเกรงกลัว แต่ฉากหลัง -ในโลกอินเตอร์เนท- เขาก็ขี้ขลาดไม่ต่างไปจากยูอิจิเท่าใดนัก จำกัดความได้ว่ายูอิจิรู้สึกเหมือนตัวเองถูก หักหลัง นั่นเอง ด้วยเหตุทั้งมวลนี้ยูอิจิจึงตัดสินปลิดชีวิตอดีตเพื่อรักของเค้าลง
สถานการณ์ของยูอิจิกับโฮชิโนะว่าไปก็คล้ายๆ ชินจิกับคาโอรุในเรื่อง Evangelion เพียงแต่คาโอรุอาจจะไม่ร้ายเท่า แถมทั้งคู่ยังออกแนวเกย์ๆด้วยซ้ำ (ฮา) แต่ลงท้าย บทสรุปก็เป็น โศกนาฎกรรม เช่นกัน
3. ความสัมพันธ์ของ ยูอิจิ - โฮชิโนะ - คุโนะ ? mer: ตอนนึงบลูแคทได้เล่าว่าเค้ามีเพื่อนสมัย ป.5 ที่ก่อนจะแยกจากกันฝ่ายหญิงได้ให้ CD วงฟิเลีย (วงเก่าของ ลิลี ชูชู) แก่เขา ตอนนั้นเขายังไม่เข้าใจเพลงใน CD นั้นจวบจนตอน ม.ต้น เขาจึงเริ่มชอบมัน และตอนนี้นี่เองเค้าก็ได้อยู่โรงเรียนเดียวกับผู้หญิงคนนั้นแต่กลับไม่พูดจากัน เหมือนไม่รู้จักกัน และก็มีบทสนทนาที่ฟิเลียบอกว่า คุณบลูแคทคุยอะไรกับฉันก็ได้ เล่าเรื่องผู้หญิงที่ชอบลิลีกับเดอบุสซี คนนั้นก็ได้
ถ้าบลูแคทคือโฮชิโนะ คิดว่าผู้หญิงคนนั้นก็คือ คุโนะ (สาวน้อยนักเปียโนที่ตอนหลังทำหัวสกินเฮด) จากฉากที่หนุ่มๆเล่นน้ำฝนแล้วผลักโฮชิโนะไปถูกคุโนะ ทั้งสองทำหน้าอ้ำๆอึ้งๆ เมื่อเพื่อนๆถามว่าโฮชิโนะรู้จักคุโนะมั้ย เค้ากลับทำเหมือนปกปิดอะไรบางอย่าง ผมคิดว่าบางทีสมัย ป.5 (หรือกระทั่งตอนนั้น)โฮชิโนะอาจจะแอบชอบคุโนะอยู่ก็ได้ (ในทางกลับกัน คุโนะอาจจะแอบชอบโฮชิโนะ)
และในภายหลัง (หรืออาจจะเพราะตอนนั้นนั่นแหละที่ทำให้)ยูอิจิก็แอบชอบคุโนะ บางทีนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฎกรรม
4. เหตุจูงใจที่โฮชิโนะทำ เรื่องนั้น กับ คุโนะ ? mer: เรื่องราวสมัยม.ต้น มักเป็นว่าคุณจะแอบชอบหญิงสาวที่นั่งหน้าคุณ (จากเรื่องนี้ก็คือ ยูอิจิแอบชอบคุโนะ ซาซากิแอบชอบทซึดะ) ในวันที่มีการแสดงร้องประสานเสียง โฮชิโนะก็มาดูด้วย วันนั้นทำให้ทซึดะรู้ว่ายูอิจิแอบชอบคุโนะ และบางทีโฮชิโนะก็รู้ด้วยเช่นกัน
คิดว่าคันซากิ (ยัยตัวร้ายที่เกลียดขี้หน้าคุโนะ) คงไปขอร้องให้พวกโฮชิโนะ (ซึ่งตอนนั้นคงเป็นอันธพาลขึ้นชื่อในร.ร.ไปแล้ว) แกล้ง คุโนะ (หล่อนบอกในตอนหลังว่า ชั้นสั่งให้พวกแกแกล้งหล่อน ไม่ใช่ข่มขืนโว้ย) เหตุใดโอชิโนะถึงต้องกระทำการรุนแรงถึงขั้นสั่งในพรรคพวก ข่มขืน คุโนะ (เค้าพูดว่า "จัดการเธอซะ") - จะเป็นเพราะแค่ว่าเค้ามีจิตใจที่ เลวทราม แค่นั้นเหรอ ? ทั้งๆที่พื้นฐานจิตใจของเค้ามิใช่คนแบบนั้น - เพราะ ภาวะเคยชิน ที่เค้าเคยทำสิ่งนี้กับทซึดะ เช่นกัน (แต่หนังก็บอกเราเพียงว่า โฮชิโนะ แบล็คเมล์ ทซึดะ เค้าอาจจะแค่ถ่ายรูปเปลือยก็ได้) - เค้าต้องการ กลั่นแกล้ง ยูอิจิ อาจจะเป็นเพราะเค้าไม่พอใจที่ยูอิจิไปชอบคุโนะ (แต่นี่คงไม่ใช่การหึงหวงแบบเด็กๆแล้วล่ะ เพราะแทนที่เค้าจะหาเรื่องกับยูอิจิ เค้ากลับเลือกใช้วิธี ทำลาย ชีวิตของคุโนะ และฝากรอยแผลในจิตใจไว้กับยูอิจิ) บางทีลึกๆในจิตใจ ในภาวะที่เค้าไร้สิ้นซึ่งทุกอย่างแล้วเค้าเหลือเพียง ความทรงจำ ที่ว่าเค้าเคยแอบชอบคุโนะ แต่ยูอิจิกำลังจะมาแย่งมันไป แต่กลับกันสภาวะ ความหวงแหน นี้อาจจะเพราะเค้าหวงแหนยูอิจิเสียมากกว่า อาจเป็นเพราะเค้าเห็นยูอิจิเป็น อะไรบางอย่าง ที่รองรับอารมณ์, ทาส อะไรก็แล้วแต่ หรือบางทีเค้าอาจจะนึก อิจฉา สิ่งที่เค้าไม่มี แต่มันมีในตัวยูอิจิก็ได้ (ฉากที่เค้าหัก CD ลิลีของยูอิจิก็อาจจะเกี่ยวพันกัน เพราะเรารู้ว่าโฮชิโนะเป็นคนที่ทำให้ยูอิจิรู้จักลิลี มันอาจเป็นสภาวะ ความหวงแหน ในอีกกรณีหนึ่ง เพราะหนังแสดงให้เห็นว่าแม้โฮชิโนะจะกู่ไม่กลับไปขนาดนั้นเค้าก็ยังไม่ทิ้งลิลีไปจากใจ เพียงแต่ภายหลังเค้าอาจจะรับฟังเพลงของลิลีด้วยจิตที่แค้นเคืองต่อทุกสิ่งทุกอย่าง หรือเหมือนเป็นที่ปลดปล่อยอารมณ์ ในทางที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับยูอิจิ) มีคนเคยเสนอกับผมว่าบางที โฮชิโนะอาจจะมีความรู้สึกกับยูอิจิในทางลึกซึ้ง (พูดง่ายๆ เกย์ นั่นแหละ) แต่อันนี้ผมว่าไม่น่าจะใช่ อีกทั้งหนังอิวาอิก็ไม่เคยจะสอดแทรกประเด็นพวกนี้เข้าไปเลย ในประเด็นนี้เราอาจจะต้องเชิญท่านอาจารย์ เปรมปพัทธ ผลิตผลการพิมพ์ มาตอบละมั้ง (ฮา) เป็นว่าฉากที่ยูอิจิร้องไห้ด้วยความรวดร้าวหลังจากส่งคุโนะไป แดนประหาร คงทำให้เราเจ็บปวดไปอีกนาน
5. จาก BioScope เล่มที่ 25 คอลัมน์ หนังในคืนเหงา คุณไกรวุฒิบอกว่า แต่เมื่อหนังเผยให้เห็นสภาพที่แท้จริงของสมาชิกเวบไซต์นี้ (อย่างน้อยๆก็ 4 คน) กลับช่างน่ากลัวเหลือเกิน เพราะ 3 ใน 4 เป็นพวกขี้แพ้ในชีวิตจริง ส่วนอีก 1 นั้นเป็นพวกขี้แพ้ที่ซ่อนความอ่อนแอแล้วชูความขบถเป็นหน้ากากบังหน้า ผมสงสัยว่า 4 คนที่ว่ามีใครบ้าง ? mer: เพราะเท่าที่หนังบอกผมก็ว่า ยูอิจิ ส่วนราย อีก 1 ที่ว่าก็ต้องเป็นโฮชิโนะแน่นอน แล้วที่เหลือนี่ใครล่ะนั่น เท่าที่เห็นว่าต๊องๆ ก็มีอีตาบ้าหัวกระเซิงๆหน้างานคอนเสิร์ตนี่แหละ (ที่ชมวงฟิเลียออกนอกหน้าจนถูกยำTEEN)
[UPDATE ก.พ. 2548 ก็น่าจะมีผู้หญิงที่มาด้อมๆ มองๆยูอิจิตอนซื้อโค้ก แล้วก็ถ้าสังเกตฉากนี้ดีๆเราจะเห็น คุณแบร์ ด้วยนะ]
ส่วนคุณไกรวุฒิเขาตอบแบบนี้ครับ "ก่อนอื่น พี่ต้องสารภาพก่อนนะครับว่า มีหลงลืมไปแล้วว่า 4 คนนี้คือใคร (เนื่องจากพี่เขียนบทความนี้นานมาก บทความนี้ลงในเล่มธันวาคมปีก่อน ซึ่งพี่ก็ดูหนังเรื่องนี้ก่อนหน้านั้นหลายเดือนเสียด้วย รวมเสร็จสรรพพี่อาจดูหนังเรื่องนี้เป็นปีแล้วนะครับ หลายๆอย่างจึงคลาดเคลื่อนอย่างแน่นอน
ที่น้องพูดมาก็ถูกแล้วครับ คือมี 1.ยูอิจิ 2. โฮชิโนะ (ไอนี่คือรุ่นพี่ที่ทำตัวเลวๆใช่ไหม พี่จำชื่อมันไมได้) ส่วนอีก 2 คนที่เหลือ พี่คิดถึงบรรดาเด็กผู้หญิงครับ (ที่โดนข่มขืนและกลั่นแกล้งต่างๆนานา รวมทั้งผู้หญิงตอนต่อแถวและคุณแบร์) พี่เชื่อนะครับว่าพวกเธอน่าจะเป็นสมาชิกของเวบไซต์นี้ด้วย (ถึงแม้พี่จะแยกไม่ได้หรอกว่าเธอใช้นามแฝงว่าอะไร)
ที่พี่เชื่ออย่างนั้น เพราะหลังจากดูหนังจบลง พี่ค้นพบว่ามันสวยงามมาก โครงสร้างของหนังเรื่องนี้คือ 1.เริ่มต้นจากไอ้พระเอกก่อนว่าไอ้นี่มันเปนสมาชิกเว็บนะ มันมีความสุขมากนะเวลาแชท แต่ชีวิตจริงมันแย่อย่างนั้นอย่างนี้นะ 2.ต่อมา หนังพาไปดูชีวิตของคนรอบข้าง (ที่ชีวิตเฮงซวยไม่ต่างกัน) เรา ในฐานะคนดู เริ่มเดาต่างๆนานาว่าเอํ๊ะ ใครจะเป็นนามแฝงไหนนะ 3.พาไปงานคอนเสิร์ตเลย ซึ่งเราจะค้นพบคนล้านแปดซึ่งต่างมีลิลี่ ชูชูเปนส่วนหนึ่งของเธอเช่นกัน
คือ เขาล่อเราจาก 1 คน ไป 2 คนแล้วขยายไปเห็นอีก 100 คน ซึ่งไอ้100 หรือ 1000 คนเนี่ย เราไม่จำเป็นต้องรู้พื้นหลังของเขาเลย เราก็สามารถเข้าใจได้ว่าพวกเขาและเธอต่างมีบาดแผล และได้รับการเยียวยาจากลิลี่ ชูชูอย่างไร
ในฉากที่พระเอกยืนฟังเพลงกลางทุ่งหญ้าสีเชียว แล้วก็ไปเห็นตัวละครอื่นๆซึ่งก็ยืนในสภาพใกล้เคียงกัน ฉากแบบนี้พี่นึกถึงว่าพวกเขายืนเหมือนเป็นเสาวิทยุน่ะครับ คือทุกคนเชื่อมถึงกัน สื่อถึงกันได้ เข้าใจกันและกัน และรู้สึกแทบจะเป็นคนคนเดียวกัน (หรือในอีกแง่หนึ่ง ถ้าน้องได้ดูหนังเรื่อง lord of the ring ภาค 2 หรือ 3 พี่ไม่แน่ใจ ที่มีฉากการส่งสัญญาด้วยกองไฟบนภูเขาน่ะครับ ที่คนหนึ่งจุด พออีกฝั่งนึงเห็นไฟก็จะจุดตามเปนทอดๆไป พีได้อารมณ์นั้นเลยครับ) หนังเพียงฉายให้เราเห็นตัวละครหลักๆแค่บางคนเท่านั้นที่ยืนอยู้กลางทุ่งหญ้าสีเขียว นั่นคือสิ่งที่หนัง เลือก ให้เราเห็นครับ แต่สำหรับพี่แล้ว สิ่งที่หนังไม่ให้เราเห็น แต่เราสามารถเข้าใจได้โดยอัตโนมัติ ก็คือ ยังมีคนอีกเปนร้อยคนเลยครับ ที่ยืนอยู่กลางทุ่งหญ้าสีเขียวอันเป็นนิรันดร์แห่งนั้น
ด้วยเหตุนี้เอง พี่เลยเหมาโดยปริยายว่าพวกบรรดาสาวๆนั้นก็น่าจะเป็นสมาชิกของเวบไซต์อาถรรพ์(อิอิ) แห่งนี้"
6. ฉากที่ยูอิจินั่งเล่นเปียโน
ที่นั่นคือบ้านใคร ? mer: ผมคิดว่าน่าจะเป็นบ้านของโฮชิโนะ คือโทนสีน้ำตาลแบบนั้นมันน่าจะใช่น่ะ
อีกอย่างฐานะอย่างยูอิจิคงไม่มีเปียโนหรอกนะ อีกทั้งฉากนั้นเกิดขึ้นหลังจากยูอิจิฆ่าโฮชิโนะไปแล้ว บางทีเค้าอาจจะไปที่นั่นเพื่อ ไว้อาลัย และ ระลึกความหลัง กับเพื่อนเก่าคนนี้
[UPDATE ก.พ. 2548 จริงๆแล้วอาจจะเป็นบ้านยูอิจิเองก็ได้ครับ เพราะว่าสังเกตดูแล้วร้านทำผมของแม่ยูอิจิดูใหม่ขึ้น อาจจะเป็นบ้านใหม่ก็ได้ และเพลงที่เขาเล่นอยู่ก็คือเพลง อาราเบสก์ นั่นเอง]
7. เมื่อดูหนังเรื่องนี้แล้ว คุณหลงใหลในตัว Lily Chou-Chou หรือไม่ mer: แน่นอนเพราะอิวาอิสร้างตัวละครตัวนี้ได้ลึกลับและน่าค้นหา(และคล้ายๆ Bjork มากกว่าจะเป็น เฟย์ หว่อง - ฮา)ขนาดนั้น จาก MV ในฉากลานหน้าคอนเสิร์ตทำให้ผมหลงใหลใน Lily Chou-Chou ทันที
.
8. สำหรับคุณ อีเธอร์ คืออะไรmer: อีเธอร์ คืออะไรก็ได้ที่ยัง มีชีวิต ในเวบ Yen - Town ส่วน Keyword บอกไว้ว่า [Ether] Substance which fills this world. It was a concept once considered in physics, but Lily uses the term such as Inner Space. It contains significant meaning among her fans for the purpose of telling about Lily's music.
ต่อยอดประเด็นกับ All About Lily Chou-Chou (เขียนเมื่อ พ.ค. 2547)
- อิวาอิสามารถถ่ายทอดชีวิตและมุมมองของ เด็ก ม.ต้น ได้อย่างเข้าอกเข้าใจ (และเฉพาะใน All Aboutฯ อาจจะถึงขั้น ถึงลูกถึงคน) ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์กุ๊กกิ๊กอย่างเด็กผู้ชายแอบชอบเด็กหญิงที่นั่งหน้า, เด็กผู้ชายที่โจ๋ๆต้องม้วนแขนเสื้อขึ้นเป็นก้อนๆเน่าๆ (นึกว่าจะมีแต่ในไทยนะเนี่ย), เด็กเรียนเก่งที่เป็นไอ้ ขี้แพ้ หรือพวก แปลกแยกในโรงเรียน (อันนี้โดนจังๆเลย ฮือๆ), เรื่องง่ายๆอย่างไอ้อาการ แอบชอบ กันนี่แหละ หนังทำให้เราคิดได้หลายมุมว่าคนนี้ชอบคนนู้น คนโน้นชอบคนนั้น, ความล้มเหลวในการสื่อสารระหว่างเพื่อนชาย-หญิง ในช่วง ข้ามวัย ในตอน ม.ต้น (ผมแน่ใจว่าทุกคนต้องเคยเจอกับเหตุการณ์นี้) มันจึงเป็นหนังที่พวกเราได้อารมณ์ ถวิลหาอดีต และรู้สึก ขมขื่น และ หม่นหมอง ไปด้วย อาจจะเรียกได้ว่าอิวาอิเป็นคนที่ไม่สูญเสียความทรงจำหรือความรู้สึกของ วัยเยาว์ ไป (ถ้า เจ้าชายน้อย เป็นวรรณกรรมเรื่องโปรดของเค้าเราก็จะไม่แปลกใจ) ผมคิดว่าถ้าผมดูเรื่องนี้สมัยที่อยู่ม.ต้น หรือ ม.ปลาย ชีวิตผมคงเปลี่ยนไปในอีกทางอย่างแน่นอน
- เหตุการณ์ต่างๆในหนังที่ดูรุนแรงหรือมืดมนอย่างไม่น่าเชื่อ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นรอบๆข้างเราทุกวัน
ข่มขืน
อันธพาล
โดดตึก หรือแม้แต่ความรู้สึกอ้างว้าง เปล่าเปลี่ยว อยู่ท่ามกลางคนมากมายแต่แท้จริงคืออยู่ตัวคนเดียว
อีกเรื่องนึงที่โดนผมสุดๆ คือตัวละครอย่าง โฮชิโนะ ที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน (หนังบอกกับเราว่าสาเหตุมาจากธุรกิจที่บ้านเค้าล้มละลาย จนครอบครัวแตกแยก บางทีอิวาอิอาจจะต้องการบอกเราถึงความน่ากลัวของ ลัทธิบริโภคนิยม ในทุกวันนี้ก็ได้ ว่ามันสามารถเปลี่ยนแปลงผู้คนได้ถึงขนาดนี้ หรือตอนที่เพื่อนของยูอิจิบอกว่า พวกคนรวยก็งี้แหละ เลี้ยงข้าวพวกเราเพื่อให้เราเป็นเพื่อนกับลูกเค้า) หลายๆคนที่ผมคุยด้วยถามว่า คนเราจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เชียวหรือ ผมตอบว่า เรื่องแบบนี้ไม่เจอกับตัวเองก็ไม่เชื่อหรอก
ผมเคยมีเพื่อนที่สนิทกันมาก แต่ต่อมาก็ไม่คุยกัน (หรือพูดได้ว่าคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว มากกว่า) ทั้งๆที่อยู่ในโรงเรียนเดียวกันนี่แหละ ก็คล้ายๆกับโฮชิโนะ เค้ากลายไปเป็นเด็กเกเรอะไรเทือกนั้นน่ะ มันคงเป็นอีกตัวอย่างของความล้มเหลวทางการสื่อสารและการเปลี่ยนแปลงของคนไปตามกาลเวลา ยุคสมัย และสภาพแวดล้อม บางทีอิวาอิอาจจะมีเรื่องแบบนี้กับเพื่อนเค้าก็ได้
ส่วนนี้มันโดนด้วย ประสบการณ์ส่วนตัว น่ะครับ
- คงเป็นอีกครั้งอินเตอร์เนทถูกยกมาเป็นประเด็นในสื่อภาพยนตร์ หลังจากยุคโพสต์โมเดิร์นที่มนุษย์ปฏิเสธอดีตและมุ่งสู่อนาคต ท่ามกลางกระแสธารแห่งเทคโนโลยีที่ข่าวสารข้อมูลใกล้ชิด-โยงใยกัน แต่ผู้คนกลับห่างเหินกันมากขึ้น การเล่นห้อง chat หรือเวบบอร์ดบางทีก็เหมือน การกักขังตนเอง จนทำให้เราต้องถามตัวเองว่า ตัวตนของเราคืออะไร อยู่ที่ไหนกันแน่
. (คิดเหมือนผมมั้ยว่า SMS ในวันนี้ดูเป็นสื่อที่ มักง่าย และ ไม่จริงใจ) และเรื่องของการใช้ข่าวสารในการชักจูงผู้คน (เห็นได้จากการที่อิวาอิสร้างเรื่องเวบ Lily-holic ขึ้นมา) หรือจากตอนที่โฮชิโนะพูดกับยูอิจิว่า พวกข่าวลือน่ะ ระวังไว้หน่อยนะ
- อิวาอิทำให้เราเห็นว่าเค้าคืออัจริยะในการกำกับภาพ ไม่ว่าจะเป็นฉาก(ที่คลาสสิกไปแล้ว) กับยูอิจิท่ามกลางทุ่งเขียวขจี (โลกทั้งโลกเป็นสีเทา แต่ทุ่งข้าวสีเขียวขจี - โดนมั้ยล่ะ), ฉากว่าวลอยลมที่เราดูแล้วอยากบิน (จนพาลอยากจะโดดตึก), ฉากที่ใช้เครื่องอบผม (มันเรียกงี้หรือ
ไม่ใช่แน่ๆ ^^;;) ที่เราดูแล้วต้องอ้าปากค้างว่า มันคิดได้ยังไง หรือจะเป็นสีเขียวที่เปรอะไปทั้งเรื่อง (ถ้าถามอิวาอิ เค้าอาจจะให้คำตอบเดียวกับ อัลฟงโซ คลัวรอง (Great Expectations, 1998) ก็ได้ว่า ผมชอบสีเขียว) ที่ผมชอบที่สุดคงเป็น MV ของ Lily ฉากนั้น (คงรู้กันว่าอิวาอิเคยเป็นคนกำกับมิวสิกวิดิโอด้วย)
. สงสัยเรื่องสีเขียวต้องให้คุณไกรวุฒิมาเคลียร์ให้ (ฮา)
- สิ่งที่ประจักษ์ชัดแก่ทุกคนอยู่แล้วว่าเพลงประกอบของหนังเรื่องนี้ สุดยอด
.ทั้งเพลงของ Lily และส่วนของสกอร์ นี่คือการผสมผสานเพลงป็อป-อิเล็กทรอนิก-เพลงคลาสสิก ไปจนถึงเพลงพื้นบ้านที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว
เพิ่มเติม - ครอบครัวของยูอิจิ: แม่ของเค้าน่าจะแต่งงานใหม่กับผู้ชายที่มีลูกติดมา (ก็คือ ชินอิจิ เด็กที่นั่งเล่นเกมเป็นบ้าเป็นหลัง) และแม่ก็กำลังท้องเด็กคนใหม่จากผู้ชายคนนี้
เห็นได้ชัดจากตอนที่คุณแม่ (ยังสาว) ของโฮชิโนะถามยูอิจิว่า มีพี่น้องมั้ยจ๊ะ ยูอิจิตอบว่า ไม่
- ฉากที่ยูอิจิขี่จักรยานกับแก๊งค์เด็กเลวอีก 2 คน (ฉากสีเขียวอีกแล้วครับทั่น) ผู้ชายที่เรียกยูอิจิแล้วให้เงิน เอาไปกินขนมนะ น่าจะเป็นพ่อของยูอิจิ (จากที่เค้าบอกว่า อย่าบอกแม่นะ) สังเกตดีๆจะเห็นว่าผู้ชายคนนั้นมีเด็กเล็กๆมาด้วย นั่นคงจะเป็นลูกใหม่ของเค้า
ชี้ให้เห็นว่ายูอิจิเคยประสบกับสภาวะครอบครัว แตกแยก
- โทรศัพท์ของทซึดะที่ห้อยบ้าบออะไรเต็มไปหมด อิวาอิอาจจะ กัด (เล็กๆ) กับแฟชั่นบ้าพลังของสาวๆญี่ปุ่น (รวมทั้งมุขแกล้งพูดคิกขุของ ทซึดะ ในร้านอาหารด้วย)
- ฉากที่ยูอิจิโทรหาทซึดะ ริงโทนมือถือของทซึดะคือเพลง Piece ของ LArc~en~Ciel (ปี 1999) ถ้าผมไม่หูเพี้ยนน่ะนะ และใน MV เพลงนี้ก็มีฉากเอามีดแทงเหมือนกัน
- มีคนบ่นกับผมว่าฉาก เที่ยวโอกินาว่า ของเหล่าหนุ่มๆทำให้หนังยืดเยื้อ แต่ผมคิดว่าเป็นช่วงที่สำคัญที่เดียว ทำให้เราเห็นมิตรภาพอันแสนสวยงามของเด็กๆ ก่อนที่มันจะพังทลายในที่สุด (คุณๆผู้ชายดูแล้วคิดถึงสมัยเด็กที่แสนซ่าและสุดห่ามแน่นอน), อิวาอิถ่ายทอดมุมมองของ เด็กผู้ชาย ได้อย่างลึกซึ้ง (และน่ารักมาก) เช่น การตื่นเต้นกับทรวดทรวงของพี่สาวสุดเซ็กซี่ รวมทั้งอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนแปลงของโฮชิโนะ หลังจากที่เค้าเสีย 2 ชีวิต ของเค้าไป (1.โดนตัวจิซาร์บินชน 2.เกือบจมน้ำตาย - ตามที่ชายโอกินาว่าคนนั้นพูด) จนในที่สุดโฮชิโนะโปรยเงินลงทะเล บางทีเหตุการณ์เหล่านี้ทำให้เขา คิด อะไรบางอย่างได้ (ผมเชื่อว่าช่วงโอกินวานี้คงมีประเด็นทาง วัฒนธรรม ของญี่ปุ่นหลายๆอย่าง ที่ชาวเราอาจไม่สัมผัสได้
.อันนี้รวมถึงเนื้อเพลงของ Lily ด้วย)
- ตามหนัง Lily มีอัลบั้ม 3 ชุด 1.Jewel (แผ่นที่ยูอิจิให้ทซึดะยืม) 2.ไม่ได้บอกชื่อ (แผ่นที่ทซึดะขอฟังบนรถไฟ) 3. Kokyu (Breathe -ลมหายใจ)
. ความจริงแล้ว Lily มีอัลบั้มเดียวคือ Kokyu (ไพเราะมหากาฬบานตะไท !!)
- ในโลกแห่งความเป็นจริง Lily Chou-Chou ออก single 2 แผ่นกับค่าย Sony Music และออกอัลบั้มเต็ม Kokyu กับค่าย Toshiba EMI
ตัวจริงของเธอคือ Salyu (มีลงเครดิตไว้ในอัลบั้ม Kokyu เลย) ตอนนี้เธอมีผลงานของตัวเองออกมาแล้ว ดูที่เวบ //www.salyu.jp/
- ส่วนนี่เป็นเรื่องของ เดอบุสซี่ เอามาจากเวบ imdb *A lot of the music came from the famous French composer Claude Debussy (1862-1918). Debussy's most famous piano piece, Arabesque in heard through out the movie. It is also the title of one of Lily's albums (or was it the title of one of her songs?) << เป็นชื่อเพลง track 1 ในอัลบั้ม Kokyu (เพลงเปิดเรื่องเลย) และเป็นชื่ออัลบั้มในส่วนที่เป็น score ครับ *'Chou-chou' in Lily's name is most certainly a reference to Debussy's only daughter, Claude-Emma, whose nickname was also 'Chou-chou' (His piece 'The Children's Corner suite' was dedicated to her). So, in a sense, Lily is Debussy's 'offspring'.
- ใน Kill Bill Vol.1 มีเพลงจากหนัง All About Lily Chou-Chou ด้วยนะ เพลงที่ว่าก็คือเพลง Kaifuku suru kizu (Track 5 / album: Kokyu / artist: Lily Chou-Chou / 2001) ใช้ตอน Scene ที่ The Bride ได้รับดาบของ ฮัตโตริ ฮันโซ (เพลงที่เสียงผู้หญิงร้องช้าๆ น่ะ) โหลดได้ที่ //www.killbill2.net/music.php
อ่านในส่วนของบทวิเคราะห์และเนื้อเพลงพร้อมคำแปลต่อที่ PART 2 ครับ
Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2548 |
|
77 comments |
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2548 1:55:11 น. |
Counter : 25743 Pageviews. |
|
|
|
นี่ยังดูม่ายจบเลย เด๋วไว้ต้องกลับไปดูให้จบฮับ ..