|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
2046 รถไฟสายอดีต
โดย merveillesxx
จากความยาว 129 นาที (ซึ่งมากกว่าหนังเรื่องอื่นๆ ของหว่องกาไว) ผมก็เริ่มสงสัยแล้วว่าหนังเรื่องนี้ของเขา ต้องมีอะไร 'พิเศษ' หลังจากที่ทำให้เรามึนตึ้บกับอาการ 'พูดไม่ชัด' ของ In The Mood For Love ...ความยาวขนาดนี้ของหนังทำให้ผมคิดว่าหนังอาจจะพูดอะไร ชัด ขึ้น
ก็ทั้งถูกและไม่ถูก หนังยังมีส่วนที่เล่าไม่ชัดเหมือนเคย แต่อาจจะน้อยกว่า ITMFL (อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องมานั่งเถียงกันแล้ว พระเอกนางเอกได้เสียกันหรือเปล่าฮา) แต่สิ่งที่ตามมาคือการลำดับเวลาที่เหมือนรถไฟเหาะตีลังกาทีเดียว พูดให้ง่ายหนังเรื่องนี้ก็เหมือนกับเลโก้ที่เราจะต้องมานั่งต่อกันเองหน้าโรงหนัง ไม่เพียงแต่เรื่องของ ลำดับ แต่รวมถึง เรื่องราว ด้วย
ไม่แปลกเลยถ้าใครจะว่าหนังเรื่องนี้มันซ้ำซาก ย้ำคิดย้ำทำ เอาของเก่ามาหากิน หรือจะอะไรก็ตาม เพราะมันล้วนแต่เป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยและเคยเห็นในอดีต ตัวละครทั้งหลายพาเหรดมาให้เราดูกันไม่รู้จบ (แม้แต่เลสลี่ จาง แม้ตัวจะมาไม่ได้ แต่เราก็สัมผัสได้) พล็อตเรื่องยังคงเชื่อมโยงกับ Days of Being Wild และ ITMFL เปรียบดั่งบทสรุปของไตรภาคแห่งยุค 60
ภาพเดิมๆ ภาพที่เราคุ้นเคย ถูกฉายซ้ำอย่างต่อเนื่อง เหมือนยั่วล้อเราเล่นให้นึกถึงอดีต (หรือประมาณว่า เอ..ฉากนี้อยู่ในเรื่องไหนนะ) ประโยคบางประโยคถูกพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่สิ่งเหล่านี้มิได้ใส่มาเพื่อโชว์ภาพงามบาดตาเท่านั้น ผมคิดว่าภาพใน 2046 ถือเป็น โมทีฟ* ชนิดหนึ่งที่ร้อยเรียงเรื่องราวทั้งหมดเข้าสู่จุดร่วมเดียวกัน เราจะเห็นจุดนั้นชัดเจนที่สุดในภาพสุดท้ายของหนัง
หนังเรื่องนี้เหมือนเราถูกจับโยนไปในดินแดนที่ไม่รู้จัก เรากำลังนั่งอยู่ในรถไฟ มันกำลังขับเคลื่อนไปเรื่อยๆ เราจ้องมองไปที่หน้าต่าง มองผู้คนรอบเมือง สังเกตความเคลื่อนไหวของพวกเขา ...แต่สิ่งที่ไม่รู้คือรถไฟสายนั้นกำลังมุ่งหน้าไปทิศทางใดกันแน่ ...อดีต หรือ ปัจจุบัน? ...เรารู้สึกได้เพียงว่ามันแสนจะวกวน
เช่นเดียวกับทุกตัวละครใน 2046 พวกเขาล้วนแต่สับสน ถูกโยงใย ผูกมัด ร้อยรัด อยู่กับกาลเวลา ต่างพยายามดิ้นรนจากจุดที่เป็นอยู่ บ้างก็มุ่งหน้าสู่อนาคตเพื่อลบล้างอดีต บ้างก็เอาอดีตมาสร้างปัจจุบันยังไปที่อนาคต ...โจวมู่หวันคือจุดศูนย์กลางของเรื่อง เขาคือจุดเริ่มต้นของการติดอยู่ในอดีต และในที่สุดอนาคตของเขาก็สร้างอดีตที่รวดร้าวให้กับผู้อื่น
หว่องกาไว ก็คงเช่นกันระหว่างที่กำกับหนังเรื่องนี้ เขาคงคิดว่า ได้เวลานำโปสการ์ดแต่ครั้งก่อนมารวมเล่ม...พร้อมกับวางโปสการ์ดใบสุดท้าย คงถึงเวลาขึ้นเล่มใหม่เสียที
เหลียงเฉาเหว่ยยังคงให้การแสดงที่หายห่วง เขาทำให้เราเห็นได้ว่า มนุษย์อ่อนแอต่ออดีตเพียงใด และมนุษย์นั้นเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาได้มากขนาดไหน จางจื่ออี้ก็เป็นตัวละครที่มีมิติก็ที่จะทำให้โจวมู่หวันค้นพบบทสรุปของตัวเองในที่สุด (ล่าสุดทั้งสองได้รางวัลนักแสดงนำชาย-หญิงจาก Hongkong Film Critic Awards ไปแล้วเรียบร้อย) ส่วนเฟย์ หว่อง นั้นนิยามสั้นๆ ได้ว่าเธอคือ Portrait ผู้หญิงในโลกของหว่องกาไว ...โลกเดียวดายอย่างโรแมนติก
สิ่งที่โดดเด่นมากๆ ในหนังคือภาพโลกอนาคตที่ไม่อาจแน่ใจว่าจะได้เห็นในโลกภาพยนตร์เร็วๆนี้อีก (ใครจะทำรองเท้าหุ่นยนต์ได้สวยขนาดนั้น??) นี่เป็นภาพที่หลอมละลายโสตสัมผัสของผมได้มากที่สุดในรอบหลายปีมานี้ อีกส่วนก็คือเพลงประกอบของหนังที่เรียกได้ว่ามาถึงจุดสัมบูรณ์ของเพลงในหนังหว่องกาไวแล้ว ทั้งเพลงลาติน (ที่ผมฟังแล้วรู้สึกไพเราะ เฉพาะในหนังของเขาเท่านั้น) รวมถึงโอเปร่าบาดจิตบาดใจ
ฉากจบของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่อาจเรียกว่าทรงพลัง แต่สะเทือนเข้าไปถึงจิตใจของผมมากๆ (นับตั้งแต่คราวที่ค้นพบทุ่งหญ้าสีเขียวใน All About Lily Chou-Chou เมื่อปีก่อน) ซ้ำยังตอกย้ำและสรุปความรวมของหนังได้อย่างรุนแรง และมันยิ่งกระหน่ำซ้ำเมื่อเราคิดย้อนกลับไปที่ฉากเปิดเรื่อง...พอหนังจบแล้วผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนถึงไม่ชอบหนังเรื่องนี้ ... ผมคิดว่า 2046 คือหนังสนองนี้ด (Need) ของหว่องกาไวและเหล่าผู้คนที่ติดอยู่ในโลกของเขา
ถ้าหากว่าคิดว่าเรื่องมันซ้ำซาก ก็คงถูก และต้องเป็นเช่นนั้น เพราะแม้ความจริงหนังจะปูทางมาด้วยการใช้'อนาคต' (รวมถึงฉาก CG สุดล้ำ) แต่ผมและโจวมู่หวัน (รวมถึงหว่องกาไว) ก็ค้นพบว่าแท้จริงมันคือ 'อดีต'
โจวมู่หวันยังคงเพ่งพิศอยู่ที่กระจนบานเดิม เช่นเดียวกับผมที่มองผ่านกระจกรถไฟที่เต็มไปด้วยคราบฝุ่น**
กล่าวกันว่าทุกสิ่งทุกอย่างใน 2046 ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ...สิ่งนั้นถึงรวมถึง อดีต ดังนั้นการไปสู่ 2046 ไม่ใช่การไปสู่อนาคต ...แต่เป็นการไปในทิศตรงกันข้ามกัน
โจวมู่หวันในปี 1969 ...ไม่ว่าจะ 10 ชั่วโมงผ่านไป 100 ชั่วโมงผ่านไป หรือ 1000 ชั่วโมง เขาก็จะยังอยู่ใน 2046 ตลอดไป
ด้วยความสัตย์จริง ผมลำเอียงต่อการชื่นชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ...เพราะผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ยังติดอยู่ในดินแดน 2046
มันเป็นเรื่องแปลกมาก ที่หลังจากชมภาพยนตร์จบ ผมเปิดโทรศัพท์มือถือของตัวเองดู ผมพบว่ามี missed call จากแฟนเก่าที่ไม่ได้ติดต่อกันมานาน ... ภาพดินแดน 2046 ในสมองผมเริ่มเด่นชัด รถไฟกำลังออกวิ่งอีกครั้ง...
สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครกลับออกมาจาก 2046 ได้ หากจะมีก็คงเป็นเพียงหนึ่งเดียว ...จะเป็นใครนอกจากหว่องกาไว
หว่องกาไวปล่อยให้พวกเขาเหล่านั้นคงอยู่ ณ ดินแดนแสนไกล ดินแดนที่ไม่มีใครเข้าถึง พวกเขาจะยังกระซิบความลับกับรูต้นไม้ไปชั่วกัปชั่วกัล
ต่อจากนี้ไป...ตัวละครของหว่องกาไวคงจะไม่เหงาอีกต่อไปแล้ว...
*อ่านเรื่องของ โมทีฟ ได้ใน Bioscope ฉบับที่ 25 คอลัมน์ symbolic corner
**อิงจากประโยคในท้ายเรื่อง In The Mood For Love ชายผู้นั้นยังคงจดจำกาลเวลาที่สูญสลายหายไป เปรียบดั่งเพ่งพิศมองบานกระจกที่ปกคลุมด้วยฝุ่น อดีตนั้นคือสิ่งมองเห็นได้ แต่มิอาจสัมผัส และสิ่งที่เขาเห็นนั้นมันช่างเลือนรางเหลือเกิน (ถอดความเป็นภาษาไทยโดย merveillesxx)
***อ่านเรื่องของหนัง 8 เรื่องของหว่องกาไวได้ที่ Wong Kar Wais Anthology แด่
โลกของหว่องกาไว //www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A3250571/A3250571.html
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง //www.ocean-films.com/2046 (Official French site) //www.wkw2046.com/ (The official international site) //www.2046.jp/ (Official Japanese site) //www.monkeypeaches.com/2046.html //www.wongkarwai.net/
ต่อยอดประเด็นของ 2046 (ใครยังไม่ได้ดู มิควรอ่าน) **SPOILER**
หนังเรื่องนี้เจ็บปวดมากสำหรับผม เพราะหน้าฉากของมันคือ หนังโลกอนาคต แม้ว่าจากเรื่องย่อเราจะรู้อยู่แล้วว่ามันคือ อดีต แต่ผมก็ไม่ได้คาดว่า ในชีวิตจริงที่ไม่ใช่นิยาย โจวมู่หวัน(เหลียงเฉาเหว่ย) ที่แม้ว่าเขาจะพบเจอผู้คนมากหน้าหลายตา แต่เขาก็มิอาจสลัดอดีตนั้นหลุดจากตัวได้
...นั่นทำให้ผมรู้สึกสะเทือนใจในฉากจบเป็นอย่างมาก ฉากนั่งรถใน Happy Together เขายังมีเหอเป่าหวัง (เลสลี่ จาง) ใน In the mood for love เขายังมีโซวไหล่เจิน (จางมั่นอวี้) แต่ใน 2046 ณ ปีเวลาที่ผ่านพ้นไปยังปี 1969 เขานั่งอยู่ในรถคนเดียว ...เขาจะยังกอดรัดอดีตแห่งช่วงเวลาที่สูญหายแห่งนั้น ไปตลอดกาล ซึ่งตรงกับคำพูดที่หว่องกาไวเคยพูดเอาไว้
"การที่รักแล้วต้องเจ็บปวด และบาดแผลจากความรักที่ไม่มียาใดรักษาได้ แม้แต่เวลาที่ว่ารักษาได้ทุกอย่าง หัวใจที่แตกสลายก็ยังเป็นข้อยกเว้น"
จุดนี้มันสอดรับกับธีมทุกอย่างที่หนังสื่อมา ภาพในแต่ละฉากที่ไปสอดคล้องกับหนังที่ผ่านๆมาของหว่องกาไว มันก็คือ 'อดีต' การให้ตัวละครพูดประโยคซ้ำๆ ก็ย้ำทีมของการ 'ยึดติดกับอดีต' ผมจึงเรียกว่ามันเป็น 'โมทีฟ' ชนิดหนึ่ง
แล้วจำได้มั้ยครับว่าประโยคที่หนังย้ำหนักหนาคืออะไร ... "คนสมัยก่อนเวลาเขามีความลับสำคัญที่ไม่อยากให้ใครรู้ พวกเขาจะขึ้นไปบนภูเขา หาต้นไม้สักต้น...เจาะรูบนต้นไม้ และกระซิบบอกความลับทั้งหมดของตัวเองลงไป เสร็จแล้วก็เอาดินเหนียวอุดไว้ ความลับของเขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้"
ดังนั้นเสียงผู้คนในตอน end credit ก็คือเสียงเหล่าผู้คนที่ยึดติด เขาจะยังกระซิบความลับกับต้นไม้ต่อไป ...แล้วทีนี้ลองนึกไปถึงฉากเปิดเรื่องครับ หุ่นแอนดรอยด์ (เฟย์ หว่อง) ก็ทำสิ่งนั้นอยู่เช่นกัน
นั่นคือ ไม่ว่าจะผู้คนในยุคสมัยใดก็ตาม เขาก็ยังติดอยู่ในวังวนแห่งกาลเวลาต่อไป ...หว่องกาไวปล่อยให้พวกเขาอยู่ที่แห่งนั้น ที่ๆเรียกว่า 'โลกของหว่องกาไว' นั่นเอง
ดังนั้น 2046 จึงเหมือน 'สุดขอบโลก' การที่เราไปเห็นสุดขอบโลกโดยไม่เคยเห็นส่วนอื่นของโลก เราคงมิสามารถดื่มด่ำกับความสวยงามของมันได้เป็นแน่แท้ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงควรจะหางานของเขาทั้ง 7 เรื่องมาดูก่อนที่จะไปดู 2046 ครับ
หว่องกาไวพาเรามายังสุดขอบโลกแล้ว โลกใบใหม่ของเขากำลังรอเราอยู่ครับ...
เพิ่มเติม - คุณไกรวุฒิ (Bioscope) ให้ข้อสังเกตว่าฉากเปิดเรื่องของ 2046 ชื่อของตัวละครจะวิ่งไปมาซ้าย-ขวา แต่ล้วนอยู่ในกรอบของจอภาพยนตร์ทั้งสิ้น นี่อาจจะเป็นหนึ่งในร้อยต้นตระกูลโมทีฟในหนังเรื่องนี้ และนี่เป็นการบอกใบ้ให้เรารู้ว่ารถไฟคันนี้ไม่ได้วิ่งไปไหนไกลนัก
- ฉาก end credit นอกจากประเด็นเรื่อง 'เสียง' ของผู้คนแล้ว สังเกตดีๆ จะมีภาพวาดขึ้นมาด้วย บางคนบอกว่านั่นคือตอนจบที่สมบูรณ์แบบของนิยาย 2047 ในส่วนนี้ผมสังเกตไม่ทัน จึงขอข้ามไปครับ
- ฉากที่เก๋มากๆ คือ 'บริวเณความหนาวเย็นสูงสุด 1224-1225' ก็คือ วันที่ 24 และ 25 เดือนธันวาคม อันเป็นวันคริสต์มาสอีฟและคริสต์มาสนั่นเอง ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการย้ำคิดย้ำทำในหนังเรื่องนี้ เพราะมีคืนวันคริสต์มาสในหนังบ่อยเหลือเกิน
- ฉากจบตอกย้ำความเจ็บปวด นอกจากด้วย 'ภาพ' แล้ว ก็ยังใช้ 'คำพูด' ประกอบด้วย นั่นคือการเอาประโยคในตอนต้นเรื่องมาซ้ำอีกครั้ง แต่กลับตัดประโยคสุดท้ายออกไป ...เพราะไม่มีใครได้กลับมาจาก 2046 จริงๆ - 2046 & 2047 ค.ศ. 2046 จะเป็นสุดท้ายที่ฮ่องกงจะ 'ไม่เปลี่ยนแปลง' ไบ่หลิงอาศัยอยู่ในห้อง 2046 ท้ายสุดเธอก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลง เธอไม่อาจตัดใจจากเขา และเธอต้องการกลับไปเป็น 'เหมือนเดิม'
2047 คือปีที่ฮ่องกงต้องเปลี่ยนแปลง โจวมู่หวันไม่เปลี่ยนแปลง เขาเฝ้ายึดติดกับอดีตของ 'ตัวเอง' ต่อไป (ฟังดูแล้ว เหมือนประเทศใหญ่ๆ สักประเทศนึง-ว่ามั้ย?) แต่...เขาเปลี่ยนแปลงต่อไบ่หลิง 2047 เปลี่ยนแปลงต่อ 2046
ประโยคที่ว่า "ไม่มีอะไรคงอยู่ชั่วนิรันดร์ไม่เว้นกระทั่งคำมั่นสัญญา" ไม่ได้ปรากฏชัดเจนจากปากตัวละคร แต่มันสื่อผ่านตัวละครและห้องทั้งสอง
หากเราจะแทนค่า 2046 = ฮ่องกง 2047 = จีน (แผ่นดินใหญ่) นี่ก็อาจไม่ใช่นัยยะทางการเมืองที่ชัดเจน แต่เป็นจดหมายอำลาต่อฮ่องกงของหว่องกาไว ...ฮ่องกงกำลังจะเปลี่ยนไป ...หว่องกาไวต้องการความเปลี่ยนแปลง เพราะเขากำลังจะสร้างโลกใบใหม่แล้ว*
*หว่องน่าจะโกอินเตอร์เต็มตัว เพราะหนังเรื่องต่อไปของเขา The Lady from Shianghai จะพูดเป็นภาษาอังกฤษ
Create Date : 23 มกราคม 2548 |
|
23 comments |
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2548 23:18:52 น. |
Counter : 7309 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: x.y.u. IP: 202.183.233.14 24 มกราคม 2548 21:38:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: it ซียู 26 มกราคม 2548 12:00:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: MeeMeaw 26 มกราคม 2548 12:13:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: 2089 IP: 203.150.217.112 27 มกราคม 2548 0:07:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: vee vee' IP: 203.150.107.213 2 กุมภาพันธ์ 2548 3:25:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: grappa IP: 61.90.15.26 3 กุมภาพันธ์ 2548 21:07:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: merveillesxx 4 กุมภาพันธ์ 2548 18:44:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: merveillesxx 4 กุมภาพันธ์ 2548 18:58:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: grappa IP: 61.91.110.246 5 กุมภาพันธ์ 2548 21:07:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: merveillesxx 6 กุมภาพันธ์ 2548 21:04:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: lillie IP: 203.149.7.250 7 กุมภาพันธ์ 2548 16:05:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: FeministFey IP: 203.150.217.117 10 กุมภาพันธ์ 2548 22:18:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: merveillesxx IP: 161.200.255.161 12 กุมภาพันธ์ 2548 5:16:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: mai_052@yahoo.com IP: 61.91.212.152 14 กุมภาพันธ์ 2548 15:35:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: คิมูระ IP: 203.151.140.112 13 มีนาคม 2548 22:49:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: one of 2046 crews IP: 67.116.54.90 14 มีนาคม 2548 9:27:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดานัง IP: 203.151.140.111 17 เมษายน 2548 1:01:22 น. |
|
|
|
|
|
|
|