Paranormal Activity : ผู้หญิงกับอาการผีเข้า/ผีหลอก
โดย คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง
(หมายเหตุ: เดิมทีบทความนี้ตีพิมพ์ในนิตยสารฉบับหนึ่ง แต่นิตยสารดังกล่าวปิดตัวไปเสียก่อน เลยเอามาลงบล็อกจ้ะ)
ดูเหมือนว่ากระแสการนำรูปแบบของเรียลลิตี้โชว์หรือสารคดีมาใช้ในหนังระทึกขวัญ/สยองขวัญจะยังเป็นเทรนด์มาแรงของหนังช่วงนี้ ไล่ตั้งแต่ The Blair Witch Project มาจนถึงหนังรุ่นปัจจุบันอย่าง [REC], Cloverfield หรือ The Forth Kind ที่ไปไกลถึงขั้นเป็นหนังไซไฟเรียลลิตี้
Paranormal Activity เป็นหนังในกลุ่มที่ว่าอีกเรื่องหนึ่ง การประสบความสำเร็จของหนังเรื่องนี้ถือเป็นปรากฏการณ์ของวงการหนังปี 2009 เลยทีเดียว หนังลงทุนด้วยเงินเพียง 15,000 ดอลล่าร์สหรัฐ แต่ไปๆมาๆ ด้วยความแรงและกระแสปากต่อปาก หนังจึงทำเงินทะลุร้อยล้านเหรียญ และครองตำแหน่งหนังทุนต่ำที่รายได้สูงสุดตลอดกาลไปแล้ว
เรื่องราวของ Paranormal Activity ว่าด้วยคู่ผัวเมีย -มิคาห์ และเคที- ที่อาศัยอยู่ในบ้านย่านชนบท ฝ่ายหญิงรู้สึกถึงเหตุการณ์ประหลาดในบ้าน เช่น ข้าวของล้มตึงตัง โทรทัศน์เปิดเองได้ หรือได้ยินเสียงคนเดินตอนกลางดึก ว่าแล้วฝ่ายแฟนหนุ่มก็เลยซื้อกล้องวิดีโอมาตั้งถ่ายในบ้านเพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งลี้ลับที่ว่าคืออะไรกันแน่
แน่นอนว่าเรื่องราวข้างต้นเป็นเรื่องแต่งทั้งสิ้น แต่ผู้กำกับ โอเรน เพลี เลือกที่จะถ่ายทอดมันแบบสารคดี (ปลอมๆ) ราวกับว่าทุกสิ่งที่เราได้ดูในหนังเป็นภาพที่วิดีโอของมิคาห์บันทึกไว้ได้ บางฉากของหนังจึงเป็นภาพเคทีทำกิจกรรมต่างๆ หรือหลายฉากเป็นการตั้งกล้องนิ่งๆ ในห้องนอนระหว่างที่ทั้งคู่นอนหลับ อย่างไรก็ดี การใช้วิธีแบบนี้มีจุดอ่อนตรงที่ในบางฉากก็ดู ‘พยามย้าม พยายาม’ เหลือเกิน อย่างเวลาที่มิคาห์ได้ยินเสียงผิดปกติที่ชั้นล่าง แทนที่จะวิ่งไปดูเลย เขาก็เลยต้องมาหยิบกล้องก่อนแล้วค่อยลงไป (ฮา)
หนังยังเน้นความสมจริงด้วยการใช้ดนตรีประกอบแต่น้อย แถม ‘มุขผีหลอก’ แต่ละอันของหนังก็เข้าท่าเอาการ ทั้งเสียงประหลาดที่ระบุที่มาไม่ได้, เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นเรื่อยๆ, เงาประหลาดที่พาดผ่านประตู, ฉากที่พระเอกโรยแป้งหน้าห้องเพื่อดักรอยเท้าของผี หรือฉากที่เคทีถูกดึงตัวไปจากเตียงที่ทำเอาคนดูหลายคนแทบช็อค
มีข้อสังเกตว่าผู้ชมต่างชาติมักตื่นเต้นตกใจไปกับ Paranormal Activity แต่คนดูชาวไทยบางส่วนบ่นอุบว่าหนังน่าเบื่อและชวนหลับอย่างยิ่ง เหตุผลอาจอยู่ที่หนังไม่มีผีตัวเป็นๆ ออกมาให้เห็น และหนังผีของไทยมักเน้นความสยดสยองถึงเลือดถึงไส้เป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ผีฝั่งตะวันตกมักมาในรูปของวิญญาณหรือกลุ่มควันสีขาว
ที่จริงแล้วตัวหนังเองยังมีประเด็นอื่นๆ ให้ขบคิดมากกว่าความน่ากลัว/ไม่น่ากลัว อย่างเช่น เรื่องปัจจัยที่ทำให้ผีเฮี้ยนขึ้น ซึ่งเราจะสังเกตได้ว่ายิ่งความสัมพันธ์ของมิคาห์กับเคทีแย่ลง อิทธิฤทธิ์ของเจ้าผีร้ายก็เพิ่มมากขึ้น อย่างที่ด็อกเตอร์พูดว่าไว้เจ้าสิ่งนี้ถูกก่อด้วยพลังงานที่เป็นลบ และเมื่อมิคาห์นำไม้กางเขนไปเผา สถานการณ์ก็เลวร้ายถึงจุดขีดสุดทันที (จากนิสัยและพฤติกรรมหลายอย่างชี้ชวนให้คิดว่ามิคาห์อาจมีแนวคิดแบบ Atheist)
โครงสร้างคู่ประเภท ‘ความสัมพันธ์ของคน’ กับ ‘ความเฮี้ยนของสิ่งที่ไม่ใช่คน’ ถูกใช้หลายครั้งในหนังระทึกขวัญ ตัวอย่างคลาสสิกคงหนีไม่พ้น The Birds (1963) ของ อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก ที่ว่าด้วยฝูงนกที่หันมาเล่นงานผู้คน แต่ในช่วงท้ายเรื่อง เมื่อความสัมพันธ์ของนางเอกกับแม่พระเอกคลี่คลาย เหล่านกก็เลิกทำร้ายมนุษย์
หรือใน The Entity (1981) หญิงสาวถูกผีร้ายหลอกหลอนอย่างหนักหน่วง (เธอถูกพวกมันข่มขืนถึง 5 ครั้ง!) แต่เมื่อนักจิตวิทยาลองสะกดจิตเธอ จึงได้ความจริงว่าวิญญาณร้ายนั้นก่อตัวจากความลุ่มหลงที่เธอมีต่อลูกชายที่หน้าเหมือนสามีเก่าที่ตายไปแล้ว
หลายครั้งที่ปัจจัยจากเหล่ามนุษย์เองที่เป็นแหล่งกำเนิดของภูติผี ดังเช่น An American Haunting (2006) ที่เด็กสาวหลอนไปว่าถูกผีหลอก แต่แท้จริงเกิดจากการถูกล่วงเกินจากผู้เป็นพ่อจนทำให้จิตบิดเบี้ยว ซึ่งในกรณีของ Paranormal Activity ก็น่าคิดเหมือนกัน เพราะเคทีให้สัมภาษณ์ว่ามีประสบการณ์เหนือจริงครั้งแรกพร้อมกับน้องสาวตอนอายุ 8 ขวบ ไม่แน่ว่าเธออาจจะเผชิญกับเรื่องคล้ายๆ กัน
มีข้อสังเกตอีกว่า บรรดาตัวละครที่ถูกผีหลอกหลอนตามล่าล้วนเป็นผู้หญิงทั้งสิ้น หรือในกรณีที่ถูก ‘ผีเข้า’ ผู้โชคร้ายก็มักเป็นเพศหญิงเช่นกัน อาทิ The Exorcism of Emily Rose (2005) และ Requiem (2006) (ทั้งคู่สร้างจากเรื่องจริงของ แอนนิเลียส มิเชล) โดยหนังให้ภูมิหลังว่าเธอเติบโตมาในครอบครัวเคร่งศาสนา จนนำมาซึ่งความเก็บกด
ผู้หญิงนอกจากจะตกเป็น sex object อยู่บ่อยครั้งในโลกภาพยนตร์แล้ว แม้แต่หนังผี/หนังสยองขวัญ พวกเธอก็ไม่อาจหนีสถานะของผู้ถูกกระทำไปได้ ซึ่งไม่น่าแปลกใจนักเพราะโลกของหนังเป็นโลกของผู้ชาย (ผู้กำกับหนังส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย) แต่ในขณะเดียวกัน ‘หนังผีเข้า/ผีหลอก’ บางเรื่องก็เปิดเผยถึงความทุกข์ ความกดดัน อารมณ์เก็บซ่อน ที่อยู่ในใจของพวกเธอด้วย
ขอขอบคุณ: จิตร โพธิ์แก้ว และ ชัยวัฒน์ ทองรัตน์ สำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
Create Date : 10 ธันวาคม 2552 |
|
11 comments |
Last Update : 10 ธันวาคม 2552 11:11:36 น. |
Counter : 2796 Pageviews. |
|
|
|