I Killed My Mother : ศิลปะแห่งมาตุฆาต
โดย คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง
(ตีพิมพ์ครั้งแรก - หนังสือพิมพ์ FESTIVAL DAILY ฉบับ 27 September 2009)
เมื่ออาจารย์ประจำชั้นบอกให้นักเรียนนำจดหมายไปให้ผู้ปกครองเซ็น ฮูเบิร์ตเดินเข้าไปถามเธอว่าเขาขอให้ป้าเซ็นแทนได้มั้ย ครูสาวยืนยันว่าเขาต้องให้พ่อหรือแม่เซ็นเท่านั้น ฮูเบิร์ตตีหน้าเศร้าแล้วพูดเสียงอ่อยๆ กับเธอว่า “แม่ผมตายไปแล้วครับ” ทั้งที่เมื่อเช้านี้แม่ของเขาเพิ่งขับรถมาส่งที่โรงเรียนอยู่หยกๆ!
นี่คือหนึ่งในฉากเด็ดของหนังเรื่อง I Killed My Mother หนังสัญชาติแคนาดาพูดภาษาฝรั่งเศส ของผู้กำกับ ซาเวียร์ โดลอง ซึ่งอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น โดลองเขียนบทขึ้นจากชีวิตจริง, ถ่ายหนังด้วยเงินเก็บของตัวเอง, ใช้เวลาถ่ายทำถึง 3 ปี และยังแสดงนำเองด้วย
หนังเล่าถึงความสัมพันธ์แบบรักทั้งเกลียดของฮูเบิร์ต (รับทโดย โดลอง) กับแม่ ฮูเบิร์ตรำคาญรายการทีวีปัญญาอ่อนที่แม่ชอบดู, เสื้อผ้าสุดเสร่อของเธอ ไปจนถึงเรื่องที่เธอไม่เข้าใจรสนิยม ความคิด หรือทัศนคติของลูกชายเลยสักอย่าง ฮูเบิร์ตถึงขั้นพูดใส่หน้าแม่ว่า “แม่คงเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของแม่ที่แย่ที่สุดในโลก”
60% ของหนังเต็มไปด้วยฉากฮูเบิร์ตกับแม่ทุ่มเถียงกันอย่างสติแตก แต่นี่ก็คือความหลักแหลมของหนัง เพราะโดลองเขียนบทการด่าทอกันระหว่างแม่ลูกได้อย่างชาญฉลาด อย่างในฉากหนึ่งแม่ตัดพ้อว่า “ลูกเคยเล่าทุกอย่างให้แม่ฟัง” ฮูเบิร์ตสวนทันทีว่า “ตอนนั้นผมแค่ 4 ขวบ และผมไม่มีใคร!”
นอกจากความแปลกแยกต่อแม่แล้ว ฮูเบิร์ตยังมีปัญหาอีกเรื่องหนึ่งนั่นคือ การค้นพบว่าตัวเองเป็นเกย์ พล็อตในส่วนนี้พาเราไปรู้จักตัวละครแฟนหนุ่มของฮูเบิร์ตกับคุณแม่สุดเปรี้ยวซึ่งเป็นเหมือนด้านตรงข้ามกับแม่ของฮูเบิร์ต เธอยอมรับที่ลูกชายเป็นเกย์ ในขณะเดียวกันเธอก็ควงเด็กหนุ่มที่อายุใกล้กับลูกชายมานอนที่บ้านอย่างหน้าตาเฉย
ตัวละครอีกตัวที่น่าสนใจคือ อาจารย์ประจำชั้นสาวซึ่งผูกพันกับฮูเบิร์ตอย่างน่าประหลาด หนังเล่นกับอารมณ์ของคนดูผ่านความสัมพันธ์อันก้ำกึ่งของคนคู่นี้ ก่อนที่จะเปิดเผยถึงปมบางอย่างของหญิงสาวที่ทำให้เธอสามารถเข้าใจและสื่อสารกับฮูเบิร์ตได้มากกว่าคนอื่นๆ
แม้จะเป็นหนังดราม่าหนักหน่วง แต่ I Killed My Mother ก็ยังแพรวพราวในด้านเทคนิคภาพยนตร์ หนังแทรกฟุตเทจภาพขาวดำที่ฮูเบิร์ตพูดกับกล้องเป็นระยะ, มีการตัดต่อภาพแบบมองตาจ (Montage) ที่ฉับไวและฉูดฉาด รวมไปถึงเพลงประกอบล้ำๆ ชนิดโดนใจวัยรุ่น
เทคนิคอีกอย่างที่น่าสนใจคือการใช้ภาพแบบฟาสต์โมชั่นและสโลว์โมชั่นสลับไปกันในหลายฉาก อย่างเช่นตอนที่ฮูเบิร์ตอาละวาดทำลายข้าวของ ซึ่งวิธีการดังกล่าวทำให้เกิดการสื่อความหมายพิเศษขึ้นมา นอกจากนั้นเทคนิคที่ว่ายังไปได้ดีกับอารมณ์ของตัวละครเอกทั้งสองที่ขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา
มันอาจดูเป็นเรื่องไร้สาระจนน่าขันที่แม่ลูกคู่หนึ่งทะเลาะกันชนิดแทบจะฆ่ากันตาย แต่ไม่กี่นาทีต่อมาพวกเขากลับระเบิดเสียงหัวเราะใส่กันได้ โดลองสรุปถึงความสัมพันธ์ของคนคู่นี้ไว้อย่างคมคายว่า “ถ้าคุณเป็นคู่รักกัน แล้วรู้สึกเกลียดกัน คุณก็แค่บอกเลิกเขาแล้วเดินจากไป แต่กับแม่ คุณทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”
Create Date : 02 ตุลาคม 2552 |
|
13 comments |
Last Update : 2 ตุลาคม 2552 10:58:29 น. |
Counter : 3428 Pageviews. |
|
|
|
แต่พออ่านที่ต่อเขียนแล้ว ... หนังน่าจัง
แล้วจะมีโอกาสได้ดูไหม ถ้ามันจากไปพร้อมกับเทศกาลบางกอกฟิล์มแล้วอ่ะ