Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
 
25 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 

หลักการฟังคำพูดของผู้อื่น



พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน เมืองสาวัตถี ครั้งนั้นแล ทรงเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้ว ได้ตรัสว่า
“ภิกษุทั้งหลาย! ทางแห่งถ้อยคำที่บุคคลอื่น จะพึงกล่าวกะพวกเธอมีอยู่ ๕ ประการ คือ

๑. กล่าวโดยกาลอันสมควรหรือไม่สมควร
๒. กล่าวด้วยเรื่องจริงหรือไม่จริง
๓. กล่าวด้วยคำอ่อนหวานหรือหยาบคาย
๔. กล่าวด้วยคำมีประโยชน์หรือไร้ประโยชน์
๕. กล่าวด้วยจิตเมตตาภายในหรือประสงค์ร้าย

ภิกษุทั้งหลาย! เมื่อผู้อื่นจะพูดด้วยประการใด ๆ ก็ตาม
พวกเธอพึงตั้งจิตอย่าให้แปรปรวน เราจะไม่พูดจาที่ลามก เราจะสงเคราะห์ผู้อื่นด้วยสิ่งที่เป็นประโยชน์
เราจะต้องมีเมตตาจิต ไม่มีความโกรธภายในใจ เราจะแผ่เมตตาจิตไปให้บุคคลนั้น
เราจะต้องแผ่เมตตาจิตไปไม่มีประมาณ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาทไปตลอดโลก ทุกทิศทุกทาง

ภิกษุทั้งหลาย! หากจะมีพวกโจรผู้มีความประพฤติต่ำช้า
เอาเลื่อยที่มีที่จับสองข้าง มาเลื่อยอวัยวะน้อยใหญ่ในร่างกายของเธอ ด้วยการกระทำของพวกโจรนั้น
ภิกษุหรือภิกษุณีรูปใดมีจิตคิดร้ายต่อโจรเหล่านั้น
ภิกษุหรือภิกษุณีรูปนั้นไม่ชื่อว่าเป็นผู้ทำตามคำสั่งของเรา เพราะเหตุที่อดกลั้นไว้ไม่ได้นั้น

ภิกษุทั้งหลาย! แม้เพราะเหตุนั้น พวกเธอพึงปฏิบัติอย่างนี้ว่า จิตของเราจะไม่แปรปรวน
เราจะไม่พูดคำที่ลามก เราจะอนุเคราะห์ผู้อื่นด้วยสิ่งเป็นประโยชน์ เราจะมีเมตตาจิต ไม่มีความโกรธภายใน
เราจะแผ่เมตตาจิตไปถึงบุคคลเหล่านั้น และบุคคลทั่วไปอันไพบูลย์ ใหญ่ยิ่ง หาประมาณมิได้
ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาทไปตลอดโลก ทุกทิศทุกทาง ซึ่งเป็นอารมณ์ของจิตนั้น ดังนี้.”

กกจูปมสูตร ๑๒/๒๑๐


พระสูตรนี้ ทรงมุ่งให้สาวกรับฟังคำพูดของคนอื่นทุกประเภท
ไม่ว่าจะพูดดีหรือพูดร้าย อ่อนหวานหรือหยาบคาย ให้เรามีจิตเมตตาอยู่ตลอดเวลา
หักห้ามโทสะเมื่อได้ฟังคำหยาบคาย หรือไม่เป็นที่สบอารมณ์
เพื่อระงับเวรอันจะเกิดจากความอาฆาตพยาบาทนั้น

ทรงสั่งสอนถึงกับว่า ถ้ามีพวกโจรมาเลื่อยท้องไส้ของเราอยู่
แม้จะเจ็บปวดเจียนขาดใจตาย ก็ยังต้องแผ่เมตตาจิตให้พวกโจร
จะป่วยกล่าวไปไยถึงคำพูดที่ไม่เจ็บปวดร่างกายเล่า
หากเรามีจิตคิดโกรธแม้แต่น้อยหนึ่ง เราก็ไม่ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์ของพระพุทธเจ้า

คำสอนตอนนี้ ถ้าใครพยายามปฏิบัติตามได้ในชาตินี้ก็จะไม่มีภัยเวรเลย
ถ้าล่วงลับดับขันธ์ ก็หวังสุคติ โลก สวรรค์ ได้แน่นอน แต่ข้อสำคัญมันทำยากนี่สิ จะทำอย่างไร?

ก็ตอบได้แบบ “กำปั้นทุบดิน” ว่า ต้องทำบ่อย ๆ ทำให้มาก ๆ
เมื่อเราทำบ่อยทำมาก ความยากมันก็จะหมดไป ไม่เชื่อก็ลองดู

เรื่องความดีความชั่ว ใคร ๆ ก็รู้กันอยู่เต็มอกว่า
ทำดีแล้วต้องได้ดีแน่ ทำชั่วแล้วมันก็ต้องได้รับผลของความชั่วแน่
แต่มันไปยากที่ใจมันไม่อยากทำดี แถมยังยินดีในการทำชั่วเสียอีก

ในทางพระท่านจึงว่า ธรรมชาติของจิตมันชอบคิดในทางต่ำ เหมือนน้ำย่อมมีปกติชอบไหลลงสู่ที่ต่ำเสมอ
แต่เพราะเรารู้ว่า ความดีมีผลเป็นความสุข ความชั่วมีผลเป็นความทุกข์
คนเราจึงต้องฝืนใจทำความดี และฝืนใจละเว้นไม่ทำชั่ว
ทั้งนี้และทั้งนั้นก็เพราะคนเรามีความรักตน หวังเพื่อให้ตนมีความสุข ดังนี้แล.


การอยู่ร่วมกับคนผู้ไม่เสมอกัน นำความทุกข์มาให้
ทุกฺโข สมานสํวาโส


โดย ธรรมรักษา
พระไตรปิฏกฉบับ ดับทุกข์

ที่มา //www.wadcherngpa.com/files/tripidok/TPD026.htm
ภาพจาก //nicelytoasted.net/burnt/archives/2003_12.shtml




 

Create Date : 25 พฤศจิกายน 2552
1 comments
Last Update : 2 ธันวาคม 2552 15:34:31 น.
Counter : 909 Pageviews.

 

สาธุ ๆ ๆ

 

โดย: โรจน์ IP: 58.9.231.22 26 พฤศจิกายน 2552 8:08:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.