ปริศนาลิงปิดหู
ในโลกนี้มีความป่วยอยู่สองชนิด หนึ่ง ป่วยกาย (กายิกโรค) สอง ป่วยใจ (เจตสิกโรค)
ป่วยกาย คือ ป่วยไข้ เช่น ปวดหัวตัวร้อนเป็นหวัด กระเพาะอักเสบ หิว กระหาย ฯลฯ ป่วยใจ คือ ป่วยเพราะถูกโรคกิเลสรุมเร้า เช่น โลภมากไม่รู้จักพอ โกรธจัดจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ หลงมากจนแยกถูกผิดดีชั่วไม่ออก
ป่วยใจ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คนที่ป่วยเพราะยังมีกิเลสเจือปนอยู่ในใจ คนที่ป่วยใจ จึงหมายถึงปุถุชนทั่วไปที่ยังมีชีวิตเดินเหินอยู่ในโลกอย่างเราๆ นี่เอง
พระพุทธองค์เคยตรัสว่า จะหาคนที่ไม่เคยป่วยกายเลยตลอดอายุขัยกว่า 100 ปี ก็พอจะหาได้ แต่จะหาคนที่ไม่เคยป่วยใจเลยชั่วขณะจิตเดียวหายากแสนยาก คนที่ไม่เคยป่วยใจอย่างถาวรในโลกนี้ ก็เห็นจะมีแต่พระอรหันต์เท่านั้น นอกนั้นล้วนแล้วแต่ป่วยใจกันทุกคน
คนที่ป่วยใจมาก (กิเลสมาก) ก็ทุกข์มาก คนที่ป่วยใจน้อย (กิเลสเบาบาง) ก็ทุกข์น้อย
ความป่วยใจที่เป็นโรคสากล กล่าวคือ มักจะเกิดขึ้นกับมนุษย์แทบทุกคนก็คือ ความบ้าเงิน บ้าทอง บ้าทรัพย์สมบัติ
ในโลกนี้มีคนสักกี่คนกันที่เห็นเงินและทองแล้วจะไม่ตาโต
คน จำนวนมาก พากันทุ่มอุทิศชีวิตทั้งชีวิตเพื่อหาเงินหาทอง บางคนมีเงินมหาศาลหลายหมื่นหลายแสนล้านบาท/ดอลลาร์ แต่ถึงกระนั้นก็ยังสะกดคำว่า "พอ" ไม่เป็น
บางคนเพื่อให้ได้เงินมาครอบครองถึงกับต้องยอมขายศักดิ์ศรี ขายจิตวิญญาณ ยอมทรยศ เพื่อฉ้อราษฎร์บังหลวง
คนบางคนสละทุกอย่างแม้แต่ชีวิต เพื่อแลกกับการหาเงิน
กระทั่งบางคนถือว่า เงินคือ พระเจ้า เงินคือ คำตอบสุดท้ายของชีวิต เงินเนรมิตได้ทุกอย่าง
ใน ขณะที่คนถือกันว่า "เงิน" คือสิ่งสูงสุดของชีวิต แต่แนวคิดเช่นนี้กลับกลายเป็นเรื่องไร้สาระต่ำต้อย และอัปมงคลยิ่งสำหรับปัญญาชนชาวพุทธ
พระพุทธเจ้าเคยเล่านิทานเรื่องหนึ่งว่า
พญาวานรโพธิสัตว์ตัวหนึ่ง มีลักษณะสง่างาม องอาจ ฉลาดเฉลียว ถูกนายพรานจับได้ เขาจึงนำไปถวายพระราชา พญาวานรโพธิสัตว์นั้นอยู่ในวังกับพระราชามาเป็นเวลานาน จนสามารถฟังภาษามนุษย์รู้เรื่อง
วันหนึ่งเมื่อพระราชาทรงเห็นว่าหมดความตื่นเต้น ที่จะล้อเล่นกับพญาวานรแล้ว จึงมีรับสั่งให้ปล่อยพญาวานรที่ชายป่า เมื่อ พญาวานรโพธิสัตว์กลับมาสู่ฝูง บริวารต่างพากันเข้ามารุมล้อมพร้อมกับซักถามว่า ในสังคมมนุษย์นั้น เขาอยู่กินกันอย่างไร ขอได้โปรดเล่าให้ฟังด้วย
พญาวานรโพธิสัตว์เล่าว่า เพื่อนเอ๋ย ในสังคมมนุษย์นั้น ทั้งวันทั้งคืน มีแต่เสียงร้องอื้ออึงว่า "เงินของกู, ทองของกู เขาพูดกันอยู่อย่างนี้ไม่รู้จบสิ้น"
หมู่ บริวารของพระโพธิสัตว์ครั้นได้ยินคำว่า "เงินของกู, ทองของกู" เท่านั้น ก็พากันร้องห้ามพระโพธิสัตว์เป็นพัลวัน พลางขอร้องว่า "ท่านอย่าเอาเรื่องอัปมงคลเช่นนี้มาเล่าอีกเลย" จากนั้นจึงพากันเอามือปิดหูวิ่งหนีหายเข้าป่าไปอย่างไร้ร่องรอย
คำว่า "เงินของกู, ทองของกู" เป็นคำแสลงหูของสัตว์ดิรัจฉาน แต่กลับเป็นคำหวานชื่นใจของหมู่มนุษย์อย่างยิ่ง
น่าสนใจว่า ทำไมภูมิปัญญาของสัตว์ดิรัจฉานในยุคนั้น จึงวิวัฒนาการสูงส่งกว่ามนุษย์แม้แต่ในยุคนี้
มนุษย์ ที่แม้จะมีการศึกษาสูง แต่กระนั้นก็ยังไม่รู้ว่าเงินทองเป็นของแสลงสำหรับการมีชีวิตดีงาม ซ้ำยังพยายามทำทุกอย่าง เพื่อครอบครองสิ่งที่แม้แต่ลิงยังต้องปิดหูวิ่งหนี อย่างสุดชีวิตยามได้สดับตรับฟัง
น่าสนใจว่า ที่ลิงต้องปิดหู ที่ลิงต้องวิ่งหนี เพราะลิงมองเห็นอะไรที่ซ่อนอยู่ในเงินๆ ทองๆ ซึ่งมนุษย์มองไม่เห็นหรือเปล่า
บทความจาก ไทยโพสต์ ที่มา //variety.thaiza.com/ปริศนาลิงปิดหู_1212_118451_1212_.html
Create Date : 15 พฤศจิกายน 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2552 20:35:29 น. |
Counter : 855 Pageviews. |
|
|
|