Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
 
15 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 

ปริศนาลิงปิดหู



ในโลกนี้มีความป่วยอยู่สองชนิด
หนึ่ง ป่วยกาย (กายิกโรค)
สอง ป่วยใจ (เจตสิกโรค)

ป่วยกาย คือ ป่วยไข้ เช่น ปวดหัวตัวร้อนเป็นหวัด กระเพาะอักเสบ หิว กระหาย ฯลฯ
ป่วยใจ คือ ป่วยเพราะถูกโรคกิเลสรุมเร้า
เช่น โลภมากไม่รู้จักพอ โกรธจัดจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ หลงมากจนแยกถูกผิดดีชั่วไม่ออก

ป่วยใจ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คนที่ป่วยเพราะยังมีกิเลสเจือปนอยู่ในใจ
คนที่ป่วยใจ จึงหมายถึงปุถุชนทั่วไปที่ยังมีชีวิตเดินเหินอยู่ในโลกอย่างเราๆ นี่เอง

พระพุทธองค์เคยตรัสว่า
จะหาคนที่ไม่เคยป่วยกายเลยตลอดอายุขัยกว่า 100 ปี ก็พอจะหาได้
แต่จะหาคนที่ไม่เคยป่วยใจเลยชั่วขณะจิตเดียวหายากแสนยาก
คนที่ไม่เคยป่วยใจอย่างถาวรในโลกนี้ ก็เห็นจะมีแต่พระอรหันต์เท่านั้น นอกนั้นล้วนแล้วแต่ป่วยใจกันทุกคน

คนที่ป่วยใจมาก (กิเลสมาก) ก็ทุกข์มาก
คนที่ป่วยใจน้อย (กิเลสเบาบาง) ก็ทุกข์น้อย

ความป่วยใจที่เป็นโรคสากล กล่าวคือ มักจะเกิดขึ้นกับมนุษย์แทบทุกคนก็คือ ความบ้าเงิน บ้าทอง บ้าทรัพย์สมบัติ

ในโลกนี้มีคนสักกี่คนกันที่เห็นเงินและทองแล้วจะไม่ตาโต

คน จำนวนมาก พากันทุ่มอุทิศชีวิตทั้งชีวิตเพื่อหาเงินหาทอง
บางคนมีเงินมหาศาลหลายหมื่นหลายแสนล้านบาท/ดอลลาร์ แต่ถึงกระนั้นก็ยังสะกดคำว่า "พอ" ไม่เป็น

บางคนเพื่อให้ได้เงินมาครอบครองถึงกับต้องยอมขายศักดิ์ศรี ขายจิตวิญญาณ
ยอมทรยศ เพื่อฉ้อราษฎร์บังหลวง

คนบางคนสละทุกอย่างแม้แต่ชีวิต เพื่อแลกกับการหาเงิน

กระทั่งบางคนถือว่า เงินคือ พระเจ้า
เงินคือ คำตอบสุดท้ายของชีวิต เงินเนรมิตได้ทุกอย่าง

ใน ขณะที่คนถือกันว่า "เงิน" คือสิ่งสูงสุดของชีวิต
แต่แนวคิดเช่นนี้กลับกลายเป็นเรื่องไร้สาระต่ำต้อย และอัปมงคลยิ่งสำหรับปัญญาชนชาวพุทธ


พระพุทธเจ้าเคยเล่านิทานเรื่องหนึ่งว่า

พญาวานรโพธิสัตว์ตัวหนึ่ง มีลักษณะสง่างาม องอาจ ฉลาดเฉลียว ถูกนายพรานจับได้ เขาจึงนำไปถวายพระราชา
พญาวานรโพธิสัตว์นั้นอยู่ในวังกับพระราชามาเป็นเวลานาน จนสามารถฟังภาษามนุษย์รู้เรื่อง

วันหนึ่งเมื่อพระราชาทรงเห็นว่าหมดความตื่นเต้น ที่จะล้อเล่นกับพญาวานรแล้ว
จึงมีรับสั่งให้ปล่อยพญาวานรที่ชายป่า
เมื่อ พญาวานรโพธิสัตว์กลับมาสู่ฝูง บริวารต่างพากันเข้ามารุมล้อมพร้อมกับซักถามว่า
ในสังคมมนุษย์นั้น เขาอยู่กินกันอย่างไร ขอได้โปรดเล่าให้ฟังด้วย

พญาวานรโพธิสัตว์เล่าว่า
เพื่อนเอ๋ย ในสังคมมนุษย์นั้น ทั้งวันทั้งคืน มีแต่เสียงร้องอื้ออึงว่า
"เงินของกู, ทองของกู เขาพูดกันอยู่อย่างนี้ไม่รู้จบสิ้น"

หมู่ บริวารของพระโพธิสัตว์ครั้นได้ยินคำว่า "เงินของกู, ทองของกู" เท่านั้น
ก็พากันร้องห้ามพระโพธิสัตว์เป็นพัลวัน พลางขอร้องว่า "ท่านอย่าเอาเรื่องอัปมงคลเช่นนี้มาเล่าอีกเลย"
จากนั้นจึงพากันเอามือปิดหูวิ่งหนีหายเข้าป่าไปอย่างไร้ร่องรอย

คำว่า "เงินของกู, ทองของกู" เป็นคำแสลงหูของสัตว์ดิรัจฉาน แต่กลับเป็นคำหวานชื่นใจของหมู่มนุษย์อย่างยิ่ง

น่าสนใจว่า ทำไมภูมิปัญญาของสัตว์ดิรัจฉานในยุคนั้น จึงวิวัฒนาการสูงส่งกว่ามนุษย์แม้แต่ในยุคนี้

มนุษย์ ที่แม้จะมีการศึกษาสูง แต่กระนั้นก็ยังไม่รู้ว่าเงินทองเป็นของแสลงสำหรับการมีชีวิตดีงาม
ซ้ำยังพยายามทำทุกอย่าง เพื่อครอบครองสิ่งที่แม้แต่ลิงยังต้องปิดหูวิ่งหนี อย่างสุดชีวิตยามได้สดับตรับฟัง

น่าสนใจว่า ที่ลิงต้องปิดหู ที่ลิงต้องวิ่งหนี
เพราะลิงมองเห็นอะไรที่ซ่อนอยู่ในเงินๆ ทองๆ ซึ่งมนุษย์มองไม่เห็นหรือเปล่า


บทความจาก ไทยโพสต์
ที่มา //variety.thaiza.com/ปริศนาลิงปิดหู_1212_118451_1212_.html




 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2552
0 comments
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2552 20:35:29 น.
Counter : 855 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.