ถนนสายนี้มีตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 83 โชคดี
ถนนสายนี้มีตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 83 โชคดี
โจทย์โดยเป็ดสวรรค์เจ้าเก่าของเรานี่เอง ให้เขียนอย่างไรก็ได้
ขอตั้งชื่อตอนนี้ว่า"โชคร้ายจะกลายเป็นดี"
"โชคร้ายจะกลายเป็นดี"
เคยบ้างไหมที่คิดว่าตัวเองเกิดมาช่างเป็นโชคร้ายเสียนี่กระไร?
ทำไมเราไม่เหมือนคนอื่นเขาที่ดูชีวิตเขาช่างง่ายดายและมีความสุขตลอดเวลา ?
ทำไมเราทุกข์ยากลำบากขนาดนี้ ?
เมื่อยังเด็กอยู่ ความช่างคิด ช่างสงสัย และความไม่พอใจในสภาพชีวิตของตัวเอง
ที่เกิดมาในสลัม พ่อแม่มีฐานะยากจน ตัวเองก็เกิดมาผอมแห้งแรงน้อย
มิหนำซ้ำยังร่างกายไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็กๆ
ตัวเองก็เป็นคนขี้กังวล มีความเครียดจากการเรียนหนังสือ
เพราะอยากเรียนเก่งๆให้แม่ปลื้มใจ เราจะลำบากแค่ไหนไม่เคยสนใจตัวเอง
ถึงจะฝีนตัวเองจนเข้ามหาลัยได้ แต่การเรียนในมหาลัยที่มีแต่เด็กระดับหัวกระทิ
ก็ทำให้เรากลายเป็นคนหัวไม่ดีและเรียนไม่เก่ง แถมสุขภาพก็แย่ลงๆเรื่อยๆ
ในสายตาเพื่อนๆ เราเหมือนไม่มีความหมาย เพื่อนมองว่าเป็นตัวประหลาด
คนจนๆไม่มีเงินไปเที่ยวไปกิน ไม่เฮฮา เจียนเนื้อเจียมตัว เงียบเหงาโดดเดี่ยว
ใครๆก็ไม่อยากคบด้วย
เพื่อนเอ๋ย!จะรู้หรือไม่ว่า เราเหมือนคนที่กำลังจะจมน้ำตาย ท่องจำก็ไม่เข้าหัว
ร่างกายก็อ่อนแอ ปวดหัวมึนหัวไปหมด ต้องทนอยู่ในสภาพนี้ปีแล้วปีเล่า ไม่ได้บอกให้ใครฟัง
ขณะที่เพื่่อนๆ หัวเราะเฮฮา กันอย่างสนุกสนาน แข่งกันเรียนจนไม่มีใครมีเวลาสนใจใคร
มีเพียงความพยายามและอดทนเราเท่านั้นที่จะทำให้คืนวันอันโหดร้ายผ่านไปได้
ถึงจะเรียนจนจบผ่านมาได้อย่างหวุดหวิดเฉียดฉิว
แต่มันก็ทำลายความเชื่่อมั่นในตัวเอง ทำลายบุคลิกของผมจนแทบไม่เหลือชิ้นดีเลย
ตอนนั้นอยู่ในช่วงปีสามผมเริ่มมีปัญหาการเรียนที่แย่ลงมากๆเพราะสุขภาพไม่ดี
และผมไม่ถนัดในการท่องจำตำราวิชาคณะแบบให้ชีทเป็นปึกๆต้องท่องจำให้หมด
ผลการเรียนกำลังย่ำแย่ การเรียนที่เคยเรียนได้ดีในช่วงปีหนึ่งปีสอง
ก็ต่ำลงจนเกือบแทบจะไม่ผ่านเลยทีเดียว
แล้ววันหนึ่งก็มีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น ง่ายๆ แบบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
วันหนึ่งหลังเลิกเรียน ผมไปเดินเล่นที่ศูนย์หนังสือจุฬาแบบฉายเดี่ยวตามสไตล์ของผม
ผมพบหนังสือชื่อว่า พระพุทธองค์ตรัส
เป็นหนังสือธรรมะที่รวบรวม คำพูดที่พระพุทธองค์ท่านตรัสไว้บทสำคัญๆหน้าละบท
ผู้แต่งนามปากกา"ฌวมพุทธ" ชื่อแปลกดี
แต่ภาพประกอบและคำอธิบายเข้ากันชวนให้อ่านและติดตาม
จนผมวางไม่ลงเลยทีเดียวมีทั้งหมดสามเล่มบางๆ
ผมรีบซื้อมาไว้อ่านด้วยราคาถูกแสนถูก
ตามวัตถุประสงค์ของสำนักพิมพ์ของกลุ่มสันติอโศก
เพราะทำด้วยใจบริสุทธิ์ไม่ได้หวังผลกำไร
ผมใช้เวลาตอนเช้าๆที่มหาลัย
อ่านหนังสือนี้และนั่งสมาธิก่อนทบทวนบทเรียนในตอนเช้าทุกวัน
(เพราะไปถึงคณะตั้งแต่หกโมงกว่าๆเพราะบ้านอยู่ไกลมากกลัวรถติด)
ถึงผมจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างเพราะไม่มีพื้นฐานธรรมะมาก่อนเลย
แต่สิ่งที่อ่านทั้งหมดเหมือนน้ำเย็นที่ปลอบประโลมใจ
ให้ผมคลายทุกข์ในการเรียนได้ เกิดความสงบในใจขึ้นอย่างประหลาด
เพราะธรรมะทุกๆบทนั้นมีรสฉ่ำเย็นถึงใจ ให้ปล่อยวางความทุกข์โดยตรง
โดยไม่ต้องผ่านความคิด เหตุผล แต่เข้าถึงด้วยใจของเราได้เอง
ผมอ่านหนังสือนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกวันละหน้าสองหน้าจนจำไม่ได้ว่าอ่านไปทั้งหมดกี่เที่ยวกันแน่
จำภาพได้ทุกภาพเลยทีเดียว และการที่เราอ่านโดยไม่ค่อยเข้าใจ
ไม่ได้ตั้งใจจะเอาอะไรจากการอ่าน ไม่มีคำถามว่าทำไม ? เพราะอะไร? จริงหรือเปล่า?
ทำให้ธรรมะที่ยากๆเข้าไปอยู่ในหัวใจของผมได้เอง
และเป็นพื้นฐานในการศึกษาธรรมะและชีวิตที่ถูกต้องของผมจนถึงปัจจุบัน
นี่คือโชคดีอันแรก ที่เกิดกับคนที่จมอยู่ในทุกข์หนักอย่างผม
โชคดีครั้งทีสองเกิดขึ้นเมื่อผมเรียนจบใช้ทุนเสร็จและได้ไปเรียนเฉพาะสาขาต่ออีก
ผมได้พบอาจารย์สมคิดที่เป็นอาจารย์พิเศษที่คณะในตอนนั้น
และท่านก็ได้เมตตาให้ผมไปฝึกงานที่ร้านของท่านช่วงวันเสาร์อาทิตย์นานถึงสี่เดือนเต็ม
ท่านสอนผมให้รู้ถึงการใช้ชีวิตของการเป็นหมอฟันที่ดีควรคิดและทำอะไรให้คนไข้บ้าง
ควรรักษาคนไข้อย่างไร พูดและคุยอย่างไร จึงจะได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด
ท่านเป็นคนในระดับแรงบันดาลใจที่ไม่เพียงสอนเราแค่เพียงตำราความรู้
แต่สอนด้วยการทำให้ดูว่า ต้องอุทิศตัวให้คนไข้แค่ไหน
ให้เวลาแก่ครอบครัว ญาติพี่น้องอย่างไร กินอยู่ใช้จ่ายอย่างไรครบถ้วน
ถือว่าเป็นตัวอย่างทั้งหมดให้เราจดจำไปใช้เลยทีเดียว
นี่คือโชคดีครั้งที่สองในชีวิตที่สุดของผม จากอาจารย์ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา
ที่ให้ความรู้โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆจาก ศิษย์โง่ๆคนหนึ่งที่กำลังสับสนหลงทาง
ได้เดินอยู่บนเส้นทางวิชาชีพได้อย่างมั่นคงจนถึงทุกวันนี้
โชคดีครั้งที่สามที่เกิดขึ้น ชนิดเปลี่ยนชีวิตอีกครั้งก็คือ
การได้ฟังซีดีธรรมะของพระอาจารย์ปราโมทย์ ที่สวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
ทำให้ได้ฝึกการดูจิต ฝึกสติในชีวิตประจำวัน
ทำให้มีความเข้าใจธรรมะที่ได้ศึกษามานานนมอย่างงูๆปลาๆไร้อาจารย์ที่จะคอยชี้แนะ
จากตัวอักษรในคัมภีร์ที่ไม่มีวันเข้าใจได้ด้วยปัญญาระดับหางอึ่งอย่างผม
ให้กลายเป็นสิ่งที่สามารถรับรู้และสัมผัสได้ในโลกแห่งความเป็นจริง
ในจิตใจของตนเองนี่เอง
จิตใจที่อยู่เบื้องหลังความสุขและทุกข์ของเราตลอดมา
กลายเป็นแค่ภาวะการปรุงแต่งตามสิ่งต่างๆที่มากระทบเพียงแค่นั้น
จิตนั้นเกิดๆดับๆอยู่ตลอดเวลา เชื่อมโยงกันและกันด้วยความจำเก่าๆแค่นั้นเอง
"ตัวเรา หรือ ตัวกู"ที่ประกอบด้วยกายและใจที่เรายึดถืออย่างเอาเป็นเอาตาย
ว่ามี"ตัวเรา หรือ ตัวกู"อยู่จริงๆ ประกาศศักดาอยู่ในโลกนี้แบบฆ่าได้หยามไม่ได้นี้
กลับกลายเป็นแค่สิ่งที่จิตผู้รู้จับได้ว่า เป็นแค่ความปรุงแต่งชนิดหนึ่งเท่านั้น
เกิดๆดับๆ ตามสิ่งที่ได้ยิน ได้เห็น เป็นคราวๆไป ไม่ได้มีอยู่จริงแต่ประการใด
ไม่มีอีกแล้วคนที่มีแต่ความทุกข์
ไม่มีอีกแล้วคนที่สุขภาพไม่แข็งแรง
ไม่มีอีกแล้วคนที่หงอยเหงาเศร้าซึมโดดเดี่ยวเดียวดาย
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นเพียงความคิด ความยึดติดของเราทั้งนั้น
เกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วก็ดับไปเป็นธรรมดา
สุขก็ชั่วคราว ทุกข์ก็ชั่วคราว ดีหรือชั่วก็ชั่วคราว
เรี่องต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งหลายทั้งปวง มันก็จบไปตั้งนานแล้ว
เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีตก็จะพบว่า
เราช่างโชคดีเหลือเกินที่เกิดมายากจน
เพราะทำให้เราจะเป็นคนที่รู้จักสงสารเห็นใจคนอื่น
เราช่างโชคดีที่เกิดมาอ่อนแอขี้โรคเสียจริง
เพราะทำให้ชีวิตเราเร่งความเพียรในการปฏิบิติธรรมชนิดไฟลนก้นกันเลยทีเดียว
เจ็บป่วยทีไรก็นิ่งนอนใจไม่ได้ เพราะแทบจะไม่มีเวลาที่ไม่มีโรคมารุมเร้ากันเลยทีเดียว
เราช่างโชคดีที่ได้พบอาจารย์ที่น่านับถือที่ช่วยให้เราได้มีเส้นทางชีวิต
ที่ได้ทำประโยชน์ให้กับตนเองและผู้อื่น ได้อย่างมั่นคงบนวิชาชีพที่เราเลือกเดิน
และเหนือสิ่งอื่นใดเหมือนที่พระท่านชอบพูดเสมอๆว่า
"เป็นบุญสูงสุดที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ และพบพระพุทธศาสนา"
คือการได้พบธรรมะของพระพุทธเจ้า
อันเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุด ยามชีวิตมืดมนไร้หนทาง
เป็นยาที่รักษาโรคทางใจจนหายสนิทได้ดีที่สุด
ได้ถอนความรู้สึกว่าตัวเองว่า มีโชคร้ายมีปมด้อยในการเรียน ในเรื่องสุขภาพ ไม่มีใครคบด้วย
เพราะได้รู้ด้วยตนเองแล้วว่า"ตัวเรา"นี้ไม่ได้มีอยู่จริง
มีแต่ความคิดความรู้สึกที่หลอกว่ามี"ตัวเรา"เป็นคราวๆเท่านั้น
ได้รู้เห็นและสัมผัสจิตของตัวเอง
จากการได้รับคำสอนของพระอ.ปราโมทย์
นี่คือโชคดีสูงสุดในชีวิตของผมก็ว่าได้
คนที่มีปัญหาอุปสรรค มีโรคประจำตัว มีความทุกข์ จะกลายเป็นคนโชคดีอย่างผมทุกคน
เพราะโชคร้ายใดๆก็จะกลายเป็นแบบฝึกหัดในการเรียนรู้ชีวิตในอีกแง่หนึ่งที่เป็นจริง
และทำให้เราปล่อยวางชีวิตให้คลายความยึดติด
สุดท้ายความทุกข์ก็ค่อยๆน้อยลง
เป็นกำไรชีวิตที่แท้จริงที่สามารถทำให้จิตใจเราสูงขึ้นได้บ้างในชาติหนึ่ง
ผมมาจากสลัม จากก้นบึ้งของสังคมที่มีแต่ปัญหา
มีแต่ผู้คนที่ยากจน ไร้การศึกษา และเจ็บป่วย ไร้คนสนใจเหลียวแล
แม้กระทั่งครอบครัวและตัวผมในวัยเยาว์ก็เช่นกัน
แต่ถ้าคุณเป็นคนดี มีซื่อสัตย์ ความอดทน เข้มแข็ง
มีแรงบันดาลใจ ที่จะทำสิ่งดีๆแก่ตนเองและผู้อื่นอยู่เสมอ
"โชคร้าย"สักเพียงไหนก็จะกลายเป็น"โชคดี" ยิ่งขึ้นเท่านั้น
เพราะจะมีคนที่เห็นคุณค่าของตัวคุณ ทนเห็นคนดีๆอย่างคุณถูกทำลายลงไปไม่ได้
และพร้อมจะช่วยให้คุณยืนขึ้นเมื่อล้มลง พยุงให้คุณก้าวเดินต่อไป
เพราะเขารู้ว่า เมื่อคุณเดินได้แล้วคุณก็จะช่วยเหลือคนอื่นได้อีกนับไม่ถ้วน
เป็นวัฏจักรของการทำความดีที่จะไม่มีวันสิ้นสุดเกิดขึ้นในสังคมไทย
และก็อาจมีคนสงสัยว่าทำไมผมจึงเขียนแต่ธรรมะน่าเบื่อ
เหมือนแกมบังคับให้เพื่อนๆทุกคนได้อ่านกัน
บางทีก็อาจเป็นเพราะว่าผมอยากให้
หรือ อยากจะแบ่งปันสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของผมให้กับเพื่อนๆ
ที่ผมรักที่สุดในนี้ทุกๆคน
และถ้าคุณได้รับมันแล้วสิ่งนั้นอาจเป็น
"โชคดี"ที่สุดในชีวิตก็ได้
..........ใครจะไปรู้ ^^
ชีวิตดั่ง แสงเทียน ต้องลมพัด
จะวูบดับ ลงเมื่อใด ใครจะรู้
จำหลักธรรม จรรโลงใจ ให้ตรองดู
จะงามอยู่ ตลอดไป ไม่ตายตาม
ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจติชม
ขอบคุณเพื่อนประจำบล็อกที่ทำให้เป็นกำลังใจให้ผมตลอดมา
ขอบคุณกระทู้ดีๆจากบล็อกน้องเป็ดสวรรค์
ขอบคุณทุกโชคร้ายที่ทำให้ชีวิตของเรากลายเป็นโชคดีที่ได้เกิดมาเรียนรู้มัน ^^
Create Date : 22 มิถุนายน 2556 |
|
75 comments |
Last Update : 28 มิถุนายน 2556 15:36:43 น. |
Counter : 3943 Pageviews. |
|
|
|
เห็นเขียนกันหลายบล๊อก ป้าเก๋าอ่านไม่ตลอด ตาลายซะก่อน
กุหลาบดอกกล่องสวยจัง