http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
All Blogs
 
Bashing : She doesn’t live here anymore

โดย merveillesxx



ในเทศกาลหนังเมืองคานส์เมื่อปี 2005 นั้น Bashing ของผู้กำกับมาซาฮิโร่ โคบายาชิ เป็นหนังญี่ปุ่นเพียงเรื่องเดียวที่ได้เข้าสายประกวดหลัก ซึ่งตามจริงแล้วโคบยาชิเองก็ไม่ใช่คนทำหนังโนเนมเสียทีเดียว ก่อนหน้านั้นเขาเคยมาเยือนคานส์แล้วถึง 3 ครั้ง ทั้งในสายรองและนอกสายประกวด

แต่สาเหตุแท้จริงที่ Bashing ดึงดูดผู้จัดเทศกาลน่าจะมาจากประเด็นของมันที่ว่าด้วย “สาวชาวญี่ปุ่นที่ถูกจับเป็นตัวประกันในอิรัก” เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าช่วงปีสองปีที่ผ่านมานี้เทศกาลหนังทั่วโลกต่าง ‘กระหาย’ ถึงหนังที่สะท้อนประเด็นทางสังคม โดยเฉพาะเรื่องของเหตุการณ์ 11 กันยายน และผลกระทบหลังจากนั้น ในคานส์ปี 2005 เราจึงได้เห็นหนังอย่าง Hidden, A History of Violence และ Manderlay ส่วนปี 2006 กองทัพหนังสงครามก็บุกคานส์ ทั้ง The Wind that Shakes the Barley, Flanders และ Days of Glory คว้ารางวัลไปทุกเรื่อง

Bashing เล่าถึง ยูโกะ (ฟุซาโกะ อุราเบะ) หญิงสาวชาวญี่ปุ่นที่เข้าไปทำงานเป็นอาสาสมัครในประเทศตะวันออกกลาง (ถึงแม้ในการประชาสัมพันธ์จะไม่มีการระบุชื่อประเทศ แต่เราก็แน่ใจได้ว่ามันหมายถึงประเทศอิรัก) เธอถูกกลุ่มผู้ก้อการร้ายจับเป็นตัวประกัน ไม่มีใครคิดว่าเธอจะรอด แต่ด้วยความช่วยเหลือของรัฐบาลญี่ปุ่น ในที่สุดเธอกลับมายังประเทศบ้านเกิดได้

แต่สิ่งที่รอเธออยู่ไม่ใช่การอ้าแขนตอนรับอย่างอบอุ่น แต่มันคือ เสียงก่นด่าประณาม เพราะชาวญี่ปุ่นทั่วประเทศต่างตราหน้าว่าเธอนั้นคือ ความอับอายของประเทศชาติ เธอคือคนที่เห็นแก่ตัวอย่างรุนแรงที่เข้าไปในประเทศอันตรายอย่างอิรัก ทั้งที่รัฐบาลก็ประกาศเตือนอยู่โครมๆ และการทำงานเป็นอาสาสมัครของเธอก็ถูกนิยามว่าเป็น ‘การแส่ไม่เข้าเรื่อง’

คำว่า Bashing นั้นหมายถึง การทุบตีหรือฟาดอย่างรุนแรง ดังที่มีคำว่า Gay Bashing ปรากฏในช่วงยุค 40-50 ในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากสังคมอเมริกันในตอนนั้นต่อต้านพวกรักร่วมเพศอย่างรุนแรง คนกลุ่มนี้จึงถูกรุมทำร้ายร่างกาย และบางรายก็ถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งหนังดังอย่าง Brokeback Mountain ก็มีประเด็นนี้อยู่ด้วย

ถึงแม้ยูโกะนั้นจะไม่ถึงขั้นถูกรุมทำร้าย แต่สิ่งที่เธอถูกกระทำก็เลวร้ายอย่างเหลือทน แม้เหตุการณ์จะผ่านไป 6 เดือนแล้ว เธอก็ยังถูกโทรศัพท์มาก่อกวน เธอถูกไล่ออกจากงาน หรือแม้แต่แฟนของเธอเองก็ยังด่าว่าเธอ แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดสำหรับยูโกะก็คือ ‘สายตา’ ของคนอื่นที่มองมายังเธอ

หลายคนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้อาจจะเกิดความฉงนในใจว่าคนเราจะใจร้ายกันได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ แต่ถ้าหากคุณรู้จักประเทศญี่ปุ่นในระดับหนึ่งแล้วคุณจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังเลย

ประเทศญี่ปุ่นนั้นขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์และลักษณะเฉพาะตัวอันโดดเด่น (อย่างหนึ่งที่ชัดเจนที่สุดก็คือ อุตสาหกรรมหนังโป๊ของญี่ปุ่น) คนญี่ปุ่นยึดมั่นในกฎเกณฑ์ (หรือที่เรียกว่า Taboo) ของสังคมอย่างมาก ฉากหนึ่งเราเห็นบ่อยๆ ในหนังและละครทีวีคือ เวลาที่พวกพนักงานบริษัทไปกินเหล้าหรือร้องคาราโอเกะหลังเลิกงาน แม้ว่าเวลาจะเลยมาถึงเที่ยงคืนแล้ว พวกเขาก็จะยังไม่ถอดเนคไทออก มันอาจเป็นสิ่งที่ดูน่าขบขันในสายตาเรา แต่นี่แหละคือสังคมญี่ปุ่น

ดังนั้นการกระทำของยูโกะถือว่าละเมิดกฎเกณฑ์ของสังคมอย่างที่สุด มุมมองของคนชาวญี่ปุ่นคงคล้ายกับสิ่งที่แฟนเก่าพูดใส่เธอว่า “ถ้าเธอว่างขนาดไปช่วยประเทศอื่นล่ะก็ ทำไมไม่คิดจะมาพัฒนาประเทศชาติตัวเองบ้าง!” นอกจากนั้นพวกเขายังโกรธแค้นที่ผู้หญิงเดียวทำให้คนทั้งชาติต้องเดือดร้อน ทั้งเรื่องความช่วยเหลือ เรื่องงบประมาณ ไปจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พูดให้ถึงที่สุดก็คือ ชาวญี่ปุ่นทุกคนพร้อมใจกันคิดว่ามันคงจะดีกว่านี้ถ้ายูโกะตายในอิรัก

ด้วยความคิดความเชื่อที่กล่าวมา กระบวนการ Japanese Bashing จึงเกิดขึ้นกับยูโกะ และแท้จริงแล้วนิสัย ‘พวกมากลากไป’ ก็เป็นพื้นฐานของสัตว์สังคมอย่างมนุษย์ไปเสียแล้ว อย่างที่คนทั้งหมู่บ้านทำกับไอ้ฟักในนิยายเรื่อง ‘คำพิพากษา’ หรือการที่ใครสักคนถูกรุมสับไม่เหลือชิ้นดีเมื่อตั้งกระทู้ด่าหนังเรื่อง ‘แฟนฉัน’ สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเพราะการทำร้ายกันนั้นมันง่ายกว่าการช่วยเหลือกันหลายเท่านัก




เรื่องราวในหนังไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น สังคมไม่ได้ลงโทษแต่เพียงยูโกะ แต่รวมถึงครอบครัวของเธอด้วย พ่อของเธอ (ริวโซ ทานากะ) ถูกไล่ออกจากงาน ซึ่งฉากนี้ก็เป็นอีกฉากที่สะท้อนวัฒนธรรมของญี่ปุ่นได้อย่างดี เพราะโดยปกติแล้วบริษัทในญี่ปุ่นมักหลีกเลี่ยงการไล่พนักงานของตนออก (ดังที่เห็นได้ว่าพ่อของยูโกะทำงานที่นี่มาถึง 30 ปี) แต่สิ่งที่บริษัททำก็คือ การอ้อนวอนหรือบีบบังคับให้พนักงาน ‘ลาออก’ เอง ซึ่งพ่อของยูโกะก็ทำเช่นนั้น

ถัดจากเหตุการณ์นี้ ฉากที่พ่อกับแม่เลี้ยง (เนเน่ โอทสึกะ) นั่งคุยกัน โดยที่ยูโกะแอบฟังอยู่หน้าห้องนั้นเป็นฉากที่น่าสนใจมาก เพราะใครได้ดูแล้วก็คงนึกออกว่ามันเป็นฉากที่เราเห็นบ่อยๆ ในหนังของยาสึจิโร่ โอสุ ไม่ว่าผกก.โคบายาชิจะตั้งใจทริบิวต์ให้โอสุหรือไม่ แต่ข้อสังเกตอย่างหนึ่งก็คือ นับวัน ‘ครอบครัว’ ในหนังแบบโอสุจะประสบกับปัญหาที่รุนแรงมากขึ้นทุกวัน จากเรื่องของลูกสาวที่ไม่ได้ออกเหย้าออกเรือนเสียที (ในหนังของโอสุ), ลูกสาวที่ท้องไม่มีพ่อ (ใน Cafe Lumiere ของโหวเสี่ยวเสี้ยน) มาจนถึงลูกสาวที่ถูกสังคมรังเกียจเดียดฉันท์ใน Bashing ซึ่งทุกเรื่องล้วนมีจุดร่วมที่ว่าพ่อนั้นไม่ใช่ผู้ที่แก้ปัญหาให้ลูกได้ แต่ตัวลูกสาวนั้นต้องพึ่งพาตัวเอง

ในเหตุการณ์ส่วนพ่อของยูโกะ เรายังเห็นได้ว่าข่าวจากหนังสือพิมพ์นั้นมีส่วนอย่างมากต่อชีวิตของยูโกะ มันเป็นเหมือน ‘ใบสั่ง’ ว่าคนในสังคมควรจะปฏิบัติกับเธออย่างไร ไม่ต่างกับที่ตัวละครในหนังญี่ปุ่นเรื่อง Eureka (2000, ชินจิ อาโอยาม่า) หรือ Distance (2001, ฮิโรคาสุ โคริเอดะ) ต้องพบเจอ เพราะสื่อในยุคสมัยนี้ตั้งตนเป็นผู้พิพากษาชี้ถูกชี้ผิดผู้คนได้อย่างง่ายดาย ขนาดที่ว่าเมื่อเร็วๆ นี้ดาราสาวในบ้านเราแทบจะต้องกราบเท้านักข่าว เพราะกลัวถูกแบน

น่าสงสัยอยู่เหมือนกันว่าผู้คนในหมู่บ้านของยูโกะอ่านข่าวต่างประเทศกันบ้างหรือเปล่า แต่ข่าวมันอาจจะเก่าเกินไปจนพวกเขาลืมไปแล้ว สิ่งที่พวกเขาลืมไปก็คือ คำถามที่ว่า “เพราะอะไรนะ ยูโกะถึงถูกพวกก่อการร้ายจับเป็นตัวประกัน”

ก็เพราะ ญี่ปุ่นส่งทหารเข้าไปในอิรักน่ะสิ! (ถึงตอนนี้คงต้องย้อนถามแล้วว่าใครกันแน่ที่ ‘แส่หาเรื่อง’)

นี่เองเป็นสิ่งผู้คน ‘ลืม’ ได้อย่างร้ายกาจ เหมือนกับที่พระเอกในเรื่อง Hidden (2005, ไมเคิล ฮาเนเก้) ลืมไปว่าตัวเองเคยทำอะไรกับญาติชาวอัลจีเรีย เหมือนกับที่ญี่ปุ่นพยายามลืมว่าตัวเองเคยทำอะไรกับเกาหลีและจีนด้วยการลบมันทิ้งออกจากตำราเรียน แล้วก็เหมือนกับที่เรากำลังดีใจกับการเปลี่ยนรัฐบาล โดยที่ลืมไปแล้วว่าผู้นำคนเก่าของเรายังคงเสวยสุขกับการช็อปปิ้งที่เมืองนอก แต่ไม่หรอก สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การลืม เพียงแต่มนุษย์เราเลือกรับแต่ ‘ความจริง’ ที่เราอยากได้ยิน

Bashing จึงเปรียบเสมือนการนำความจริงที่ชาวญี่ปุ่นไม่อยากให้ชาวโลกได้เห็นมาบันทึกสู่แผ่นฟิล์ม เพราะตัวหนังนั้นสร้างจากเรื่องจริง (แม้จะมีการชี้แจงไว้ตอนต้นเรื่องว่าส่วนใหญ่ของหนังเป็นเรื่องแต่งก็ตาม) ที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายน ปี 2004 เมื่อชาวญี่ปุ่น 3 คน ถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายในอิรักจับเป็นตัวประกัน โดยยืนข้อเสนอให้ญี่ปุ่นถอนกำลังออกจากอิรัก




แต่ทว่านายก จุนอิจิโร่ โคอิซุมิ กลับยืนยันว่าจะไม่ถอนทหารออกมาโดยเด็ดขาด ซึ่งไม่น่าแปลกใจนัก เพราะทั่วโลกรู้กันว่าโคอิซุมิพยายามตีซี้กับประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช แห่งสหรัฐขนาดไหน สัญญา FTA ระหว่างอเมริกากับญี่ปุ่นก็เกิดขึ้นในยุคของนายโคอิซุมินี่เอง แทบจะเรียกได้ว่าเป็นยุคที่ญี่ปุ่นกลายเป็นลูกแหง่ของอเมริกาโดยสมบูรณ์แบบ (ใน Bashing เองก็พูดถึงเรื่องนี้ด้วย เพราะเมื่อร้านมินิมาร์ทไม่ยอมขายของให้ยูโกะ ที่พึ่งสุดท้ายของเธอก็คือ แมคโดนัลด์) นอกจากนั้นโคอิซุมิยังพูดถึงเหตุการณ์นี้ว่าตัวประกันชาวญี่ปุ่นเองก็มีส่วนผิดด้วยที่เข้าไปที่อันตรายอย่างนั้น ซึ่งท่าทีของท่านนายกนี่เองที่เปิดช่องให้สื่อมวลชนเขียนข่าวโจมตีเหล่าผู้เคราะห์ร้าย

แม้จะสามารถกลับมาประเทศได้อย่างปลอดภัย แต่ก็เหมือนหนังตลกร้ายที่พวกตัวประกันต้องจ่ายค่าธรรมเนียมโดยสารทางอากาศเป็นเงินเกือบ 2 แสนบาท แถมเมื่อก้าวเท้าลงสนามบิน สิ่งแรกที่พวกเขาก็เจอก็คือผู้คนมากมายพร้อมกับป้ายต้อนรับที่เขียนว่า “สมควรแล้วสิ่งที่พวกแกจะเจอแบบนี้” และ “แกคือความอับอายของญี่ปุ่น”

สิ่งที่น่าสนใจมากก็คือ คำให้สัมภาษณ์ของตัวประกันคนหนึ่ง เธอพูดว่า “ฉันอยากกลับบ้านเร็วๆ แต่ฉันก็กลัวการกลับบ้าน”

นั่นก็หมายความว่าเธอรู้อยู่แล้วว่าเธอต้อง ‘เจอ’ กับอะไรบ้าง

การถูกทารุณกรรมทางจิตใจที่พวกเขาต้องเผชิญก็คงไม่ต่างอะไรกับที่ปรากฏในหนังนัก หลังจากนั้นจึงมีข่าวรายงานออกมาว่าผู้เคราะห์ร้ายบางคนคิดจะกลับไปที่อิรักอีกครั้ง (ซึ่งนายกโคอิซุมิมีท่าทีกับเรื่องนี้ว่า “เจ้าหน้าที่ของเราพยายามช่วยเหลือพวกเขา โดยแทบไม่ได้กินไม่ได้นอน พวกเขากล้าดียังไงถึงคิดจะทำแบบนั้น!”)




ดังนั้นช่วงท้ายเรื่องของ Bashing ที่ยูโกะคิดจะกลับไปอิรักอีกครั้งจึงไม่ใช่เรื่องเกินความเป็นจริง ฉากที่เธอพูดกับแม่เลี้ยงว่าทำไมเธอต้องกลับไปที่นั่นได้อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว นี่เป็นฉากเดียวที่เราเห็นยูโกะแสดงความรู้สึกของเธอ รวมถึงการร้องไห้ที่ออกมาจากใจจริง เพราะแม้แต่ในงานศพเธอสิ่งที่ทำคือการกัดฟันกลั้นน้ำตา แม้ว่าตอนนั้นเธอแทบระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ก็ตาม

นอกจาก Bashing จะเป็นหนังที่แสดงประเด็นทางสังคมโดยผ่านปัจเจกบุคคลได้อย่างทรงพลังแล้ว ชั้นเชิงทางศิลปะของหนังก็มีอะไรให้ชวนคิดอยู่มาก สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ ‘ความขัดแย้ง’ ที่ปรากฏอยู่ในหนังอยู่เนืองๆ อย่างฉากแรกนั้น หนังฉายให้เห็นว่ายูโกะนั้นมีอาชีพเป็นพนักงานในโรงแรม เธอจัดห้องจัดเตียงได้อย่างเรียบร้อยหมดจด แต่ชีวิตของเธอกลับเละทะไม่เหลือชิ้นดีไม่ต่างอะไรกับสภาพห้องก่อนหน้านั้น

โลเคชั่นในหนังก็เป็นอีกอย่างที่น่าสนใจ บ้านของยูโกะอยู่ติดริมทะเล มองเห็นขอบฟ้าไม่รู้จบ โดยปกติทั้งสองอย่างเป็นนัยถึงความอิสระแท้ๆ แต่กลับกลายเป็นว่ามันคือสิ่งที่เป็นกรอบกั้นให้เธอต้องติดอยู่ในหมู่บ้านนี้ ประเทศนี้ อีกทั้งการบันทึกเสียงในระบบ Mono ก็ทำให้เราได้ยินเสียงคลื่นและเสียงลมแทรกเข้ามาอย่างชัดเจน เสียงเหล่านี้ก็เปรียบเหมือนคำประณามหยามเหยียดที่หลอกหลอนยูโกะตลอดเวลา

ฉากสุดท้ายที่ยูโกะลากกระเป๋าใบใหญ่ไปยืนประจันหน้ากับท้องฟ้าและทะเลจึงเป็นที่สื่อความหมายอย่างลึกซึ้ง เพราะในห้วงเวลานั้นหูของเธอก็ไม่ได้ยินเสียงของคลื่นลมทะเลอีกต่อไป เธอได้ยินเพียงเสียงออกตัวของเครื่องบิน เธอกำลังเฝ้าฝันถึงดินแดนไกล และคำว่าอิสรภาพ

เพราะนับตั้งแต่วันแรกที่เธอกลับมา เธอก็ไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว






ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง

1. เวบทางการของหนัง
//www.ocean-films.com/bashing/


2. ข่าวเกี่ยวกับตัวประกันชาวญี่ปุ่นในอิรัก

Three Japanese hostages released

For Japanese Hostages, Release Only Adds to Stress

Reaction of Japan to the Japanese Hostages in Iraq



Create Date : 08 ธันวาคม 2549
Last Update : 8 ธันวาคม 2549 23:48:16 น. 42 comments
Counter : 39947 Pageviews.

 

อ่านข่าว 3 อันข้างบนแล้วแทบร้องไห้ ...เฮ้อ

อ้อ ลืมบอกไปว่า Bashing ติด 1 ใน 10 หนังที่เราชอบที่สุดในปีนี้แน่นอน (นึกว่าจะไม่มีหนังญี่ปุ่นซะแล้ว)

หนังฉายอยู่ที่โรงหนัง House รีบไปดูกันล่ะ คงใกล้ออกแล้ว


โดย: merveillesxx วันที่: 8 ธันวาคม 2549 เวลา:23:53:44 น.  

 
แวะมาเยี่ยมละ ปกติก็มาเยี่ยมบ่อยนะแต่ไม่คอ่ยได้คอมเม้นต์


อยากจะถามว่ารู้จักหนังเรื่อง bolivia ไหม ? หนัง ของ อาเจนตินา พอดีอยากหามาดู ถ้ารู้จักช่วยแนะนำบ้างเนอ้ว่าจะหาได้จากไหนยังไง


โดย: เป้ IP: 58.9.82.137 วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:0:53:10 น.  

 

ตอบ เป้

หนังเรื่อง Bolivia (2001)

//www.imdb.com/title/tt0301050/

หาซื้อที่ไหน ไม่รู้ว่ะ ร้านพี่แว่นไม่มี

ผกก.หนังเรื่องนี้คือ Adrian Caetano เพิ่งทำเรื่อง Buenos Aires, 1977 ซึ่งเข้าสายประกวดคานส์ 2006


โดย: merveillesxx วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:3:21:06 น.  

 
บล็อกวันนี้เขียนดีมั่กๆ

สังคมญี่ปุ่นนี้ เป็นสังคมที่" ฆ่า" ปัจเจกฯ รุนแรงจริงๆ
ลิงก์ข่าวนี้เข้าไปอ่านก็อึ้งๆ เหมือนกัน

ป.ล Hidden เป็นหนังที่พี่ชอบมาก
พูดถึงความรุนแรงได้เยียบเย็นดี




โดย: grappa วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:8:23:50 น.  

 
พวกที่ยกย่องบูชาญี่ปุ่นแบบหน้ามืดตามัว สมควรไปดูหนังเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง


โดย: being's lover วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:9:23:40 น.  

 
สุดยอดเลยว่ะเฮ้ยต่อ เห็นด้วยกับพี่แป๊ดเลยว่าบล็อกวันนี้เขียนดีมาก ๆ

ความน่ากลัวของมนุษย์เกิดขึ้นเสมอ สิ่งน่ากลัวที่มนุษย์มองข้ามไม่เป็นความสำคัญคือการลดค่าความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น มองว่าเขาต่ำกว่าเรา เขาด้อยกว่าเรา

การกดย้ำทำร้ายให้ตายคาตีนเป็นสิ่งที่หวานล้ำเกินห้ามใจของสันดานมนุษย์....


----------------------



อ่านจบแล้วพี่ชวนคิดถึงบล็อกเมื่อวานที่พี่จะตอบกลับไป แต่มันดันไม่ติด ทำเอาอย่างเซ็งเพราะพิมพ์ยาวมาก

พี่จะคุยเรื่องเพลง Just ของ Radiohead ครับ

สันดานมนุษย์เรื่องเสือกนี้เก่งชะมัด มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่ออะไรไม่รู้จำไม่ได้ล่ะ เกี่ยวกับว่า คนอังกฤษมองคนอเมริกาว่าอย่างไร แล้วคนอเมริกาล่ะมองอังกฤษอย่างไร เป็นหนังสือภาพอ่านง่าย ๆ แต่กัดเจ็บโคตร

คนอเมริกันกัดจิกคนอังกฤษว่า ชิ ชาวอังกฤษทำเป็นไม่มีบัตรประชาชน เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องมาเปิดเผยให้ใครรู้ แต่ดันชอบเสือกอยากรู้เรื่องชาวบ้านเขาไปทั่ว ลักลั่นย้อนแย้งยิ่งนัก

คิด ๆ ดูเหมือนมิวสิควิดีโอเพลง just จริง ที่ทุกคนต่าง "เสือก" กับอีตาที่นอนอยู่ จนที่สุดก็สลบเหมือดกันไปหมด

มันก็เลยเป็นบทสรุปว่า "เสือก"เองช่วยไม่ได้ ดั่งเนื้อเพลงในท่อนฮุค

"You do it to yourself, you do
And that's what really hurts
Is that you do it to yourself
Just you and no-one else
You do it to yourself
You do it to yourself ...."


มนุษย์เราจะอะไรกันมากมายหนักหนา สุดท้ายเราก็เป็นเพียงฝุ่นผงบางเบาเศษเสี้ยวของกาลเวลา.....


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:13:04:19 น.  

 
พี่ไม้ได้วิจารณ์ประเด็นเฉียบๆแบบนี้นานละ ชอบๆๆๆ


โดย: โทยะ อากิระ IP: 124.121.31.109 วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:20:53:51 น.  

 
อ่านจบแล้วอึ้ง! ทำไมมันช่างเลือดเย็นเช่นนี้ แค่เราเจอเรื่องแบบนี้จากคนๆเดียวก็แย่แล้ว แต่เธอเจอจากคนทั้งชาติ มันรุนแรงยิ่งกว่ามหาศาล แต่ยอมรับว่าผู้กำกับกล้ามากที่ทำหนังเรื่องนี้ ตีแสกหน้าคนชาติเดียวกันได้แตกละเอียดเลย


โดย: ป้อจาย วันที่: 10 ธันวาคม 2549 เวลา:4:43:28 น.  

 
ตอนที่นั่งดู
รู้สึกไม่อยากดูต่อแล้วหนังเรื่องนี้ ทนเห็นสิ่งที่ยูโกะโดนกระทำไม่ได้ คนอะไรมันชั่งใจแคบกันจัง
แต่พอได้อ่านที่คุณเมอร์อธิบายมาก็พอจะเข้าใจชนชาติญี่ปุ่นขึ้นบ้าง ...


โดย: renton_renton วันที่: 10 ธันวาคม 2549 เวลา:10:21:10 น.  

 
... เพิ่งเข้าไปอ่านบล้อกที่ไปตอบมาจ้า อุอุ คนสัมภาษณ์มีแอบมาล้วงข้อมูลก่อนด้วยเหรอเนี่ย / เพลงในเดธโน้ต ฟังแล้วก็รู้สึกไม่เข้าเหมือนกัน ชอบภาคแรกมากกว่าหนะ

... เรื่องนี้น่าจะเข้าลิโด้บ้างเนาะ แบบว่า เดี๋ยวนี้เรื่องไหนฉายเฮ้าส์หมดสิทธิ์ตลอด กะจะรอแผ่น แต่บางเรื่องก็ดันไม่ยอมออกแผ่นแบบ Be with me ที่สงสัยต้องพึ่งแผ่นกุ๊กกู่ซะแล้ว

... ไว้ปีหน้าจะรออ่านที่เขียนใน ไบโอ อย่างต่อเนื่อง ยินดีด้วยคร้าบ


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 10 ธันวาคม 2549 เวลา:10:24:06 น.  

 
อ่านแล้วเศร้า...

คนญี่ปุ่นส่วนมากเป็นอย่างนี้จริงๆ นะ ทั้งเคยเจอะกับตัวเอง และผ่านคำบอกเล่าของคนอื่น...

จะพยายามหาเวลาไปดูให้ได้... ทั้งๆ ที่เฮาส์มันใกล้บ้านฉันนิดเดียว แต่รถมันติดจนฉันเหนื่อยใจเลยว่ะ..


โดย: แนนซี่ IP: 202.5.87.133 วันที่: 10 ธันวาคม 2549 เวลา:13:45:54 น.  

 
อ่านแล้วอยากดูมากเลยอ่ะ เจ๋งๆๆๆ


โดย: strawberry machine gun วันที่: 10 ธันวาคม 2549 เวลา:17:42:19 น.  

 
เป็นบล๊อคที่ความรู้แน่นมาก นับถือๆ
ไม่แน่ใจว่าเคยเจอรึเปล่า เราทำงานเป็นสต๊าฟใน เวิล์ดฟิล์มครั้งที่4 แต่ไม่แน่ใจว่าใช่คนที่นึกไว้มั๊ย

ยินดีที่พบบล๊อคของท่าน
โปรดชี้แนะด้วย


โดย: beansprout IP: 58.8.45.250 วันที่: 10 ธันวาคม 2549 เวลา:21:49:45 น.  

 



เวบไซต์ของ Cannes มีสัมภาษณ์ ผกก.Masahiro Kobayashi อยู่นิดหน่อยครับ

อ่านที่
//www.festival-cannes.fr/films/fiche_film.php?langue=6002&id_film=4283368

----------------------------

ต่อไปนี้เป็นข้อความที่คุยต่อยอดกันเรื่อง Bashing ที่บอร์ดไบโอสโคปนะครับ

ข้อความต่อไปนี้มี SPOILER



//www.bioscopemagazine.com/web2006/webboard/index-in.php?id=50581


ขอบคุณมากค่ะสำหรับบทความนี้ ชอบหนังเรื่องนี้อย่างสุดๆเลยค่ะ

ชอบภาพที่ดูเหมือนซ้ำๆกันในหนังเรื่องนี้ด้วย โดยเฉพาะภาพนางเอกตอนเดินขึ้นตึก จำไม่ได้ว่าภาพนี้ปรากฏกี่ครั้งในหนัง แต่มันทำให้รู้สึกว่าชีวิตของนางเอกในเมืองนี้มันน่าเบื่อมากๆ

จากคุณ : M.Scudery feat. Christoph Schlingensief : - [ 09 ธค. 2006 00:32:16 ]



ตอบ พี่แมดเดอลีน

โอ ผมลืมเขียนถึงฉากนี้ไปได้ยังไง อยากเขกกะโหลกตัวเอง (เพราะมัวเขียนถึงเรื่องนี้จนเพลินน่ะครับ ผมเลยลืมไปดู Platform Live ฮือๆๆๆๆๆ)

ไม่รู้พี่แมดจะรู้สึกเหมือนผมมั้ย แต่เวลาถึงฉากที่นางเอกเดินขึ้นตึกทีไร ผมรู้สึกเหมือนเธอ "ระหวาดระแวง" อะไรบางอย่าง ซึ่งผมเดาว่าเธอคงกลัวจะเจอผู้คนหรือเพื่อนบ้านในตึกนั้น (ซึ่งจริงๆ ก็ไม่รู้ว่ายังมีคนอาศัยในตึกนั้น นอกจากครอบครัวของนางเอกหรือเปล่า)

นอกจากนั้นเวลานางเอกจะเข้าห้องตัวเอง เธอดูกลัวๆ อะไรบางอย่าง และยังหยุดชะงักไปพักนึงด้วย คิดว่าเธอคงกลัวว่าจะมีอะไรที่เลวร้ายอยู่ในห้อง (เช่น มีคนส่งอะไรประหลาดๆ มาที่บ้าน) หรือข่าวร้ายอะไรก็ตามจากปากพ่อ/แม่เลี้ยง พูดอีกอย่างคือเธอไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้นแล้ว

รู้สึกว่าหลังจากพ่อของเธอถูกไล่ออกจากงาน ระยะเวลาที่เธอหยุดหน้าห้องจะนานขึ้นๆ ทุกที ราวกับเธอกลัวว่าจะเปิดเข้าไปเจอศพพ่อตัวเองในห้อง

ฉากที่พ่อของยูโกะฆ่าตัวตายเป็นฉากที่ผมชอบที่สุดในปีนี้เลยครับ เพราะถ้าเป็นหนังเรื่องอื่นต้องมีฉากที่นางเอกเห็นศพพ่อแล้วกรี๊ดๆๆๆ หรือนั่งลงไปกองกับพื้นด้วยความช็อค แต่ใน Bashing นางเอกแค่เดินไปปิดประตูด้วยความรู้สึกที่ว่า "ใครมาเปิดทิ้งไว้นะ"

หรือกระทั่งหลังจากที่ยูโกะปิดประตู แล้วกล้อง pan ไปนอกหน้าต่างจนเห็นท้องฟ้า + ทะเล ตอนแรกก็นึกว่ากล้องจะต้อง pan ลงมาอีกที เพื่อให้เห็นศพของพ่อนอนตายอยู่ที่พื้นข้างล่าง (กรณีที่พ่อโดดตึกตาย) แต่กล้องกลับไปจับที่ภาพท้องฟ้า + ทะเลต่อไป จนตัดมาที่ฉากงานศพเลย ซึ่งที่จริงแล้วมันอาจหมายถึงว่าพ่อฆ่าตัวตายด้วยการเดินลงทะเลไปก็ได้ อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกว่านี่เป็นอีกฉากหนึ่งที่ท้องฟ้า + ทะเล ให้ความหมายใน "ทางตรงกันข้าม" กับที่มันควรจะเป็นครับ

อนึ่ง ดีใจมากๆ ที่พี่แมดเดอลีนชอบหนังเรื่องนี้ :-)

จากคุณ : merveillesxx : - [ 09 ธค. 2006 00:58:56 ]


------------------------------


ต่อยอดประเด็นของ Bashing

คุณ grappa ตอบไว้ในบล็อกของผมว่า "สังคมญี่ปุ่นนี้ เป็นสังคมที่ 'ฆ่า' ปัจเจกฯ รุนแรงจริงๆ"

ส่วนคุณ I will see you in the next life ตอบว่า "การกดย้ำทำร้ายให้ตายคาตีนเป็นสิ่งที่หวานล้ำเกินห้ามใจของสันดานมนุษย์"

พูดถึงการที่สังคมรุมฆ่าปัจเจกบุคคลในกรณีของบ้านเรา นอกจากที่ปรากฏในนิยายเรื่อง "คำพิพากษา" ของ ชาติ กอบจิตติ แล้ว ก็อาจรวมถึง


1. กรณี "ผีปอบ"

ได้ยินข่าวนี้เมื่อราวๆ 4-5 ปีก่อน ที่ครอบครัวหนึ่งในแถบอีสานถูกกล่าวหาว่าเป็น "ปอบ" จนไม่มีใครยอมคบหาสมาคมด้วย ถ้าจำไม่ผิดครอบครัวนี้มาออกรายการ "เจาะใจ" และพูดว่าที่จริงแล้วคนที่จงเกลียดจงชังครอบครัวนี้นั่นแหละที่เป็นคนปล่อยข่าว

ส่วนหนึ่งของบทความนี้เขียนไว้ว่ากรณีของผีปอบนั้นก็คือ "การต่อสู้ของขั้วอำนาจ"

“ผีปอบ” ฤาว่าคนผิดบาปในชุมชนอีสาน
//www.9dern.com/rsa/9_view.php?id=1254

กรณีนี้ก็อาจคล้ายๆ ที่เพื่อนในสมัย ม.ปลายของผมคนหนึ่งถูกปล่อยข่าวว่าเธอ "ท้อง" (อย่างไรก็ดี เธอยังคงสามารถมาโรงเรียนด้วยสีหน้ามาดมั่นจนจบ ม.6)


2. กรณี "แหม่ม คัทลียา"

"คัทลียา" ถูกถอด "แหม่ม" เศร้าพร้อมรับความนิยมเสื่อม!!
//www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9490000151132

อ.บุญรักษ์ บุญญะเขตมาลา เขียนถึงกรณีไว้ด้วย

ปรากฏการณ์คัทลียา แมคอินทอช ความวิปริตของวัฒนธรรมคนดี-คนดัง
//www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9480000122458




ส่วนคุณแนนซี่ ตอบว่า "คนญี่ปุ่นส่วนมากเป็นอย่างนี้จริงๆ นะ ทั้งเคยเจอะกับตัวเอง และผ่านคำบอกเล่าของคนอื่น"

รู้สึกว่า culture ของญี่ปุ่นจะมีความ "สุดโต่ง" อยู่ในหลายลักษณะ เท่าที่นึกออกตอนนี้ก็อย่างเช่น

1. แม่บ้านญี่ปุ่น

โดยขนบเก่าแล้วเมื่อผู้หญิงญี่ปุ่นแต่งงานแล้วมักจะต้องกลายเป็น "แม่บ้าน" อย่างที่เห็นในหนังของโอสุ หรือตัวละคร "แม่ของไลท์" ใน Death Note ในอีกด้านหนึ่งตัวละครมีมีลักษณะเป็น "ขบถ" ต่อจารีตแม่บ้านญี่ปุ่นก็ เช่น แม่ใน Nobody Knows หรือ นางเอกเรื่อง A Snake of June

คุณแนนซี่ยังเพิ่มเติมด้วยว่าผู้หญิงญี่ปุ่นนั้นเมื่อรักใครแล้วก็จะรักอย่าง "ชนิดถวายหัว" ซึ่งตัวละครของ "มิสะมิสะ" ใน Death Note ก็สะท้อนจุดนี้เหมือนกัน


2. ข่าวที่เพิ่งอ่านเจอเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ ว่าด้วยคุณแม่คุณหนึ่งที่ไม่รู้เลยว่าลูกชายผู้เก็บเนื้อเก็บตัวของตัวเองนั้นขังหญิงสาวคนหนึ่งไว้ในห้องของตัวเองถึง 6 ปี

พยายาม search หาข่าวนี้ แต่ยังหาไม่เจอซะที

เกี่ยวกับเรื่อง "เด็กสาวที่หายไปอย่างลึกลับ" นั้นสามารถดูได้ในหนังเรื่อง Antenna (2004)


3. Sex Toy

อ่านเจอแว้บๆ ว่าผู้ชายญี่ปุ่นชอบใช้ "อุปกรณ์ช่วย" ในระหว่างการมี sex เพราะอิทธิพลจากการ์ตูนเรื่อง "โดราเอมอน" (ฮ่าๆๆๆๆๆๆ) เพราะเด็กผู้ชายทุกคนก็อยากเป็นโนบิตะที่มีโดราเอมอนคอยช่วยเหลือทั้งนั้น

จากคุณ : merveillesxx : - [ 10 ธค. 2006 21:26:53 ]


โดย: merveillesxx วันที่: 10 ธันวาคม 2549 เวลา:22:50:09 น.  

 


ตอบ พี่ I will see U in the next life.

-- พูดถึงเรื่อง "การเสือก" แล้ว รู้สึกว่าเอ็มวีเพลง There There ของ Radiohead ก็จะพูดถึงเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน เพราะว่า ทอม ยอร์ค ในเพลงนี้เข้าไปในป่า แล้วก็ไปแอบดูพฤติกรรมของสัตว์ต่างๆ จนในที่สุดก็ถูกลงโทษ

Radiohead - There There
//www.youtube.com/watch?v=6HbL5jOK-6s

Radiohead - Just
//www.youtube.com/watch?v=CzEdITdGht4


สำหรับสังคมไทยปัจจุบันเรื่องของ "การเสือก" คงกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เห็นได้จากหนังสือแนวปาปาราสซี่ที่วางเกลื่อนบนแผง

ส่วนตัวแล้วผมยอมรับนะครับว่าผมก็หยิบพวกหนังสือแนว Oops! หรือ Gossip Star มายืนอ่านฟรีเหมือนกัน แต่บางอันผมเห็นแล้วก็เหนื่อยใจ + สลดใจเหลือกัน อย่างเช่นเมื่อหลายวันก่อนเห็นเล่มหนึ่งพาดหัวว่า "รวมภาพเด็ด แฟชั่นเอวต่ำ" แล้วบนปกก็เต็มไปด้วยภาพ "ขอบกางเกงใน" ของดารา

ผมรู้สึกการที่หนังสือแบบนี้วางขายบนแผงได้ โดยที่ไม่มีใครท้วงติงอะไร แสดงว่าประเทศเราได้เข้ามาถึง "ยุคแห่งความเสื่อมทราม" อย่างที่สุดแล้ว



-- ส่วนประโยค "มนุษย์เราจะอะไรกันมากมายหนักหนา..." ของพี่ดองอ่านแล้วก็นึกถึงเรื่อง

1. โรงหนัง Esplanade (เขียนงี้ป่าววะ) - โรงหนังสุดหรูอลังการแห่งใหม่ที่จะเปิดแถวย่านรัชดา (ที่มีอาบอบนวดเยอะๆ นั่นแหละ)

2. โรงหนัง Enigma ที่สยามพารากอน - สงสัยมานานแล้วว่าโรงหนังนี้คืออะไร มีไว้ทำอะไร เพิ่งมารู้ว่าเป็นโรงหนังระบบเม็มเบอร์ ค่าสมาชิกปีละแสนบาท

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมการหาแฟนมันลำบากยากเย็นนัก เพราะยุคสมัยนี้มันยากเหลือเกินกับการพาผู้หญิงไปเดทที่โรงหนังลิโด้ (ฮา)


โดย: merveillesxx วันที่: 10 ธันวาคม 2549 เวลา:23:06:06 น.  

 
เป็นอีกเรื่องที่ตั้งใจแล้วว่า จะดูให้ได้


โดย: ShadowServant วันที่: 10 ธันวาคม 2549 เวลา:23:29:50 น.  

 
น่าดูอย่างแรง แต่รอพบกันในรูปแบบดีวีดีเช่าตามศูนย์ทั่วไป


โดย: sTRAWBERRY sOMEDAY วันที่: 10 ธันวาคม 2549 เวลา:23:44:36 น.  

 

ความเสื่อมของญี่ปุ่น


1. โอมชินริเคียว

search ไปๆมาๆ ไปเจอข้อมูลของลัทธิโอมชินริเคียว (Aum-Shinrikyo) แทน พอดีเห็นว่าเป็นบทความภาษาไทยเลยเอามาฝากนะครับ

//en.wikipedia.org/wiki/Aum_Shinrikyo

//ohx3.exteen.com/20061129/aum-shinrikyo


บล็อกของคุณ ohx3 เป็นบล็อกที่ถูกใจผมมากๆ เลยครับ บล็อกนี้รวมเรื่องคดีแปลกๆ บุคคลแปลกๆ เรื่องราวแปลกๆ ไว้เต็มไปหมด

บล็อกนี้เล่าถึง Billy Milligan ชายผู้มี 24 บุคลิก (!)
//ohx3.exteen.com/20061107/billy-milligan-24


Haruki Murakami (นักเขียนคนโปรดของผม) เคยออกหนังสือชื่อ Underground ใน 1997 โดยหนังสือเล่มนี้มีบทสัมภาษณ์ของทั้งผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์แก๊สซาริน (เมื่อปี 1995) และสมาชิกลัทธิโอมชินริเคียว (เล่มนี้ยังไม่มีฉบับแปลไทย)

Undergorund
//en.wikipedia.org/wiki/Underground_%28stories%29


เมื่อกลางปีนี้ศาลเพิ่งตัดสินให้ Asahara Shoko ผู้นำลัทธิโอมได้รับโทษประหาร

ปัจจุบันลัทธิโอม ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Aleph

Aleph
//www.aleph.to/




2. Nobody Knows

ส่วนอันนี้เป็นภาคขยายต่อจาก Nobody Knows ว่าเรื่องจริงนั้นโหดร้ายกว่าในหนังเยอะ

อ่านตรง Actual event
//en.wikipedia.org/wiki/Nobody_Knows

Affair of the four abandoned children of Sugamo
//en.wikipedia.org/wiki/Affair_of_the_four_abandoned_children_of_Sugamo


ส่วนอันนี้เป็นเรื่องของ Rie Fujii ผู้ทิ้งลูกทารกทั้งสองของเธอไปหาแฟนหนุ่มถึง 10 วัน เป็นเหตุให้เด็กทั้งคู่เสียชีวิต
//en.wikipedia.org/wiki/Rie_Fujii


--------------------------------


Neko Jump is more dangerous than a porn film !?


ชอบกระทู้นี้มากๆ

//www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=mydudesweet&topic=1108


บางส่วนของกระทู้


วงเสื่อมๆ วงนั้น

ที่เป็นผู้หญิงหน้ากลมๆ ทำตัวเป็นญี่ปุนจ๋าๆ
ไม่รู้ว่าเป็นแฝดหรือเปล่า เพราะเห็นหน้าเหมือนกัน 2 คน
ที่ร้องว่า โอ้โน งูๆ ปูๆ อะไรสักอย่าง

อยากทราบว่า
ทำไมเดี่ยวนี้ค่ายเพลงมันสร้างความเสื่อมป้อนตลาดได้ขนาดนี้
นี่มันเป็นพิษต่อเยาวชนยิ่งกว่าหนังโป๊อีกนะ
วันก่อนเปิดเจอใน mtv โดยบังเอิญแล้วตกใจ
มันคือวงอะไรเหรอ ดังมากมั้ย

โดย โอ้โน [6 ธ.ค. 2549 , 08:11:32 น.]



อ๋อ อีเด็กอัปปรีย์นั่นน่ะเอง
เสื่อมมาก lสีสันบ้าบออะไร เมืองไทยยังมีนักร้องสีสันเสื่อมๆ อย่างนี้ไม่มากพออีกเหรอ
ไม่สร้างสรรค์รสนิยมที่ดีใดๆ ให้คนฟังเลย คนทำมันกะทำเอาเงินอย่างเดียว
เสียงก็น่ารำคาญ ดนตรีก็เชยแดก บุคลิกเวลาพูดจาก็แย่มาก
และจริงๆ แล้วเขาไม่ใช่คนสวยนะ ดูดีๆ ดิ่

โดย อีแป้น [10 ธ.ค. 2549 , 01:45:33 น.]



มันเหมือนหนังxเพราะเนื้อเพลงมันส่อ ฝันเห็นงูแต่ได้เจอปูและก้อเจอผู้ชายก้ามใหญ่ๆวิ่งไล่ปล้ำ
และอี2ตัวดิ้นไปมาเหมือนโดนขืนข่ม ฉากสุดท้ายมันตื่นขึ้นมาจากฝันสภาพแบบ...อุ้ยเสื้อผ้าชั้นหายไปไหน
ทุเรดๆๆๆๆๆๆ หลายฉากพยายามถายให้เห็นนมปลอมของมันไม่xเลย จะอ้วกกกกกกกกกกกกกกกกกก
**แต่ท่าเต้นมันก้อตลกดี น่าถีบ**

โดย !!!!!! [10 ธ.ค. 2549 , 12:33:50 น.]



ชนะเลิศ!!


โดย: merveillesxx IP: 161.200.255.163 วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:4:47:32 น.  

 

The real tragedy

อันนี้เป็นบทสัมภาษณ์ NORIAKI IMAI ชายหนุ่มวัย 18 ปีที่เคยถูกจับเป็นตัวประกันในอิรักในเดือนเม.ย.ปี 2004 เขาบอกว่าช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตไม่ใช่ช่วงที่เขาถูกจับเป็นตัวประกัน แต่เป็นช่วงที่เขากลับมาถึงญี่ปุ่นแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาอยากฆ่าตัวตายในญี่ปุ่นถึงแม้เขารอดชีวิตมาจากอิรักได้

//news.bbc.co.uk/1/hi/programmes/panorama/4634921.stm

ขอขอบคุณ พี่แมดเดอลีน สำหรับข้อมูลครับ


โดย: merveillesxx IP: 161.200.255.163 วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:19:16:24 น.  

 
กลับมาอ่านอีกรอบ รู้สึกว่าจะมีแต่ประเด็นหนักๆ ทั้งนั้นเลยแฮะ (โดยเฉพาะ Neko Jump )


โดย: strawberry machine gun วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:20:00:24 น.  

 
หนังน่าดูนะ แต่ถ้าเข้าที่เฮ้าส์ เราไม่เคยได้ไปสักกะที

ป.ล.ตลกเรื่องเนะโกะจัมพ์ เพราะไม่ค่อยชอบเหมือนกัน
(หมายถึงจากที่ดูแค่เอ็มวีเพลงนั้น) ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นการแสดงนะ
แต่เราว่าคนที่ดีๆ ทีมที่ดีๆ เค้าไม่เอาอะไรแบบนี้มาขายหรอก


โดย: fonkoon วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:23:28:27 น.  

 
อาร์เอสเค้าจะรู้รึเปล่านะว่าไอ้เพลง "โอ้โนๆๆ" มันดังเพราะมันทุเรศ เหอๆๆ - -*
ตอนนี้กะเทยที่คณะเอามาเต้นเลียนแบบกันใหญ่

สองสาวนั่นเห็นแล้วจะภูมิใจมั้ยเนี่ย

อีกอย่าง...
มันจะญี่ปุ่นไปไหนฟะ ประเทศนี้นี่!!!


โดย: nanoguy IP: 203.113.35.11 วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:23:46:39 น.  

 
ชอบที่เขียนอันนี้นะคะ เขียนดีจัง
อยากดูหนังเรื่องนี้มากเลยค่ะ :)


โดย: DropAtearInMyWineGlass วันที่: 12 ธันวาคม 2549 เวลา:5:54:40 น.  

 
ข้อมูลดีมีประโยชน์ โหวตให้เล้ยยย

เห็นด้วยเรื่องวัฒนธรรมสุดโต่งของญี่ปุ่น แต่เราก็ชอบนะ มันทำให้เกิดอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ (แต่บางอย่างก็น่ากลัวไปหน่อย)

ส่วนเรื่อง Bashing นี่ท่าจะดีจริง ๆ แฮะมีแต่คนแนะนำ ยิ่งมาอ่านจากตรงนี้ยิ่งอยากดูใหญ่เลยค่ะ ต้องหาเวลาไปดู พูดถึง อยากให้หนังที่ฉายที่ House มันมีที่อื่นบ้างนะ มันลำบากเล็กน้อยถึงปานกลางกับการเดินทางไปที่นี่ ถึงคุณป๋าเต๊ดจะบอกว่า โรงหนังดี ๆ ที่ฉายหนังเริด ๆ มันไม่ขึ้นอยู่กับทำเล ยังไงคนรักหนังก็จะเดินทางไปหามันเองก็เหอะ
(ขอบ่นตามประสาป้าแก่หน่อยนะคะ)

ตบท้ายด้วยการกรี๊ด Radiohead กรี๊ดดดด โอ้ยย ยิ่งดูยิ่งอยากให้มาเมืองไทยอีก


โดย: unwell วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:9:12:10 น.  

 
ตอบคุณ Merv
เรื่อง Neko jump เนี่ย ก็คิดอยู่เหมือนกันว่า ออกมาได้ไงเนี่ย
แต่ฉันก็ยังใช้เพลงเนี่ยเต้น ยามเครียด ก็เพราะว่า
เออ...ปญอ. ดี



โดย: initial A IP: 210.1.13.194 วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:9:47:22 น.  

 
ตอบ คุณ nanoguy

ล่าสุดมีคนเล่าให้ฟังว่า ในงานเลี้ยงรุ่นนิเทศจุฬา อ.ลิลลี่ เอาเพลงนี้ไปเต้นโชว์แล้วเรียบร้อย อินเทรนด์จริงๆ



ตอบ คุณ unwell

ที่ house มันมีปัญหาว่า ไม่มีที่ให้เดินต่อน่ะ (จะให้เข้าผับทุกครั้งก็ใช่เรื่อง) แถมอาหารก็แพ้งแพง (70 อัพ) แต่ก็อร่อยนะ พนง.ก็เกือบหล่อละ อีกนิดนึง



ตอบ คุณ initial A

คุณูปการของ Neko Jump ก็คือ มันทำให้เรามีเรื่องคุยกันสนุกปากไงครับ ฮ่าๆๆ


โดย: merveillesxx วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:15:38:54 น.  

 
เขียนดีมากเลยอ้ะเมอร์ฯ

สุดยอดเลย

ไม่ได้อ่านบล็อกที่เมอร์ฯ เขียนถึงหนังแบบอ่านแล้วอึ้งแดก (ขออภัย) มานานแล้ว (หลังๆ เธอเล่นฟิ้วฟ้าวๆ แซวนิด แตะหน่อย ตลอดนี่นา แหะๆ)




พี่เคยเกลียด เอ่อ..เอาเป็นว่าไม่ชอบแล้วกัน ไม่ชอบประเทศญี่ปุ่นมากๆ พี่มองว่าคนญี่ปุ่นเป็นคนเลือดเย็นน่ะ น้ำนิ่งไหลลึก น่ากลัว

ดูสุภาพ แต่ร้ายลึก พร้อมจะแทงข้างหลังได้เสมอ

ยิ่งมาอ่านบล็อกวันนี้ ก็เลยกลายเป็นอึ้งและเริ่มรู้สึกลบอีกแล้ว (จากที่บวกมาหน่อยหนึ่งจากเรื่องราวต่างๆ ที่รับๆ อ่านๆ มา)



แต่ฉายที่เฮ้าส์นี่ เฮ้อ..คงไม่ได้ดูแน่ๆ อ้ะ

ชอบประโยคสุดท้ายของบล็อกวันนี้มากๆ




บางทีมนุษย์ก็โหดร้ายต่อกันได้อย่างที่เรานึกไม่ถึงเลยนะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:16:29:06 น.  

 
อ้อๆ ลืมเรื่องที่ไปคุยเรื่องบอนด์ที่บล็อกด้วย

เออ..เมอร์ว่าชอบบอนด์ที่ภาคนี้โง่ๆ เออ..พี่ก็รู้สึกคล้ายๆ กัน คือรู้สึกว่ามันไม่ได้ถูกวางตัวในฐานะพระเอกจ๋าน่ะ เป็นคนธรรมดาๆ กว่าเดิมเยอะ


ส่วนนางเอก พี่กลับชอบเธอตอนแต่งหน้าแฮะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:16:45:56 น.  

 
บลอกใหม่ของหนูค่ะ แวะมานะคะ

//thunska2.exteen.com/


โดย: ปุ่น IP: 124.120.75.152 วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:23:42:16 น.  

 
สุดยอดเลยเเก ปกติไม่ได้เข้ามาอ่านบล๊อกเเกเเต่อยู่ๆเกิดอยากเปิด

เจ๋งว่ะ อ่านเเล้วโดนใจ ฉึกๆเลย

สิ่งที่อยู่ในหนังส่องถึงเเก่นที่เเทรกวึมอยู่ในสังคมมนุษย์จริงๆ
....เเละมันก็ยังคงอยู่


โดย: kitsune IP: 161.200.255.163 วันที่: 14 ธันวาคม 2549 เวลา:0:31:54 น.  

 
รู้ไหมทำไมโลกถึงไม่สงบสุขสักที เหตุเพราะความเห็นแกตัวของแต่ละคน แต่ละกลุ่ม โดยพื้นฐานแล้วมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ส่งผลให้เห็นแก่พวกพ้องไปโดยปติยาย

การหลงฝูงหรือถูกกีดกันไม่ให้ให้เข้าเป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ จึงทำให้เกิดความจำยอมทางสังคมในแตละกลุมแม้ในใจจะไม่เห็นด้วยก้ตาม(พวกมากลากไป)

กลัวการอยู่คนเดียว คือต้นเหตุแห่งความขัดแย้ง จึงไม่มีใครกล้าที่จะแสดงตัวตนนั้นออกมา อาจรวมถึงแกล้งไม่พอใจตามพวกพ้องที่เห็นไม่ชอบต่อคนหนึ่งคนใด แม่จิตใต้สำนึกบอกไม่เห็นด้วยกับคำแย้งนั้น แต่ไม่กล้าที่จะเอ่ย

การโยนความผิด เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มาจากพื้นฐานความเห็นแก่ตัว อาจด้วยคนรังเกียจ กลัวครไม่นับถื กลัวพวกพ้องไม่ยอมรับ ดังเช่นหนังเรื่องนี้ ทำไมคนถึงไม่โทษรัฐบาลเหตุเพราะอำนาจและความเป็นใหญ่ อาจมีคนเห็นใจยูโกะ แต่ไม่กล้าแสดงตน อาจมีคนกำลังด่ารัฐบาลแต่ไม่กล้าแสดงออกก็เป็นได้



เมอร์เคยดุหนังสั้นเรื่อง Little Death ป่าว หนังเก่ยวกับกลุ่มรักร่วมเพศน่ะ(Queer Theory) เราไม่คอยเข้าใจเท่าไหร่


โดย: penguinbear (penguin_bear ) วันที่: 14 ธันวาคม 2549 เวลา:12:05:15 น.  

 
ไหนๆบล็อกนี้ก็พูดเรื่องคนญี่ปุ่น เลยขอแนะนำกระทู้ที่ถกกันเรื่องคนญี่ปุ่นในห้องสมุดละกัน

//www.pantip.com/cafe/library/topic/K4954116/K4954116.html

ความคิดเห็นที่ 22

นานกิงเป็นเรื่องที่ลืมไม่ลงนะคะ

อ่านแล้วทำให้คิดถึงเหตุการณ์ช่วงก่อน ที่นักเรียนญี่ปุ่นไปเรียนที่เยอรมัน ลวงเพื่อนสาวชาวเยอรมันมาแล้วฆ่า จากนั้นก็ข่มขืน ตัดชิ้นส่วน กิน และเก็บชิ้นส่วนศพ ถูกจับได้และได้รับโทษ แต่ไม่ได้ประหารชีวิต
พ้นโทษออกจากคุก เขียนหนังสือเล่าบรรยายที่เหตุการณ์ตอนที่ตัวเองฆ่าคน ดังมากกลายเป็นหนังสือbest sellerในญี่ปุ่น มีคนตั้งแฟนคลับคนๆนี้
อยากรู้ว่ามันคืออะไร?

และมีเหตุการณ์อื่นๆอีกมากคล้ายๆกัน เช่นเด็กประถมฆ่าเพื่อนร่วมชั้นตาย ตามกม.ปิดบังชื่อไว้ คนญี่ปุ่นบางส่วนเลยวาดตัวการ์ตูนแทนเด็กคนนี้ขึ้นมาแล้ว ตั้งชื่อให้ มีแฟนคลับ คล้ายๆเป็นcult
อยากรู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร

ขออภัยถ้าออกนอกประเด็นของกระทู้ เผอิญนึกขึ้นมาได้ค่ะ

จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย - [ 12 ธ.ค. 49 07:48:49 ]


เพิ่งดู Shortbus ของ John Cameron Mitchell จบไปเมื่อกี้นี้ หนังเล่าเรื่องของคนนิวยอร์กกลุ่มหนึ่งที่ในชีวิตจริงไม่น่าจะมารู้จักกันได้ แต่ก็มารู้จักกันในคลับใต้ดินที่ชื่อ Shortbus หนังมีฉากเซกซ์แบบติดเรทไม่เซ็นเซ่อร์ทั้งในแบบชาย-หญิง, ชาย-ชาย, หมู่, เอสแอนด์เอ็ม แค่ช่วง 10 นาทีแรกของหนังก็ทำให้ 9 songs ชิดซ้ายไปแล้ว

เรื่องเนโกะจัมพ์ คิดว่าเป็นอีกหนึ่งความสิ้นคิดของค่ายเพลงใหญ่ในไทยครับ


โดย: being's lover วันที่: 14 ธันวาคม 2549 เวลา:22:50:44 น.  

 
^
^
^

เข้าไปอ่านมาเหมือนกันกับกระทู้ด้านบน

อ่านแล้วได้แต่ช๊อค ยังมีคนคิดได้อีกเหรอว่าญี่ปุ่นมิควรถูกประณามในสงครามมหาเอเชียบูรพา


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 14 ธันวาคม 2549 เวลา:23:46:36 น.  

 
ตอบ penguinbear

หนังเรื่อง Little Death ไม่เคยดูอ่ะ ไม่รู้จักด้วย

แต่พูดถึง Queer Theory แล้วอาจารย์เพิ่งเล่าให้ฟังว่า การเรียกร้อง social space กลุ่มเกย์ในตอนนี้ก็คือ การอ้างว่าบุคคลในประวัติศาสตร์เป็นเกย์

ใน bioscope ใหม่มีเรื่องเกี่ยวกับนักวิจารณ์เกย์ด้วย




ตอบ พี่ being's lover

หนังสือ The Rape of Nanking นี่อ่านไม่จบ เครียด ส่วนหนังยังไม่เคยดูอ่ะ

ถ้าจำไม่ผิด ไอริส จาง ยิงตัวตายหลังจาก George W Bush ชนะการเลือกตั้งครั้งที่สอง

กรี๊ดๆๆๆ ไปได้เรื่อง Shortbus มาจากไหนอ่ะ อยากดูเรื่องนี้มากๆ (ชอบ Hedwig สุดชีวิต)

ส่วน Nekojump นี่อาจจะเป็นเรื่องดีนะ เพราะในกระแส Koreansism อันบ้าคัล่งตอนนี้ อย่างน้อยก็ยังมี Japanism แหล่งสุดท้ายในประเทศ...ก็คือ นักร้องค่าย RS เช่น Notto และ Neko Jump เนี่ยแหละ ฮ่าๆๆๆ



ตอบ พี่ดอง

ต่อว่าทุกฝ่ายที่ทำสงครามก็สมควรถูกประณามทั้งนั้นแหละ แต่ที่นี้ปัญหาคือ ไม่สิ้นสุดที่การประณาม แต่มันลามไปเรื่องความเคียดแค้นชิงชัง (กรณีแหม่มคัทก็ใช่)

เหมือนที่ Epsilon พูดไว้ใน Pluto เล่ม 3 นั่นแหละ "แล้วสิ่งที่คุณได้จากหลังสงครามคืออะไร...คาวามเคียดแค้นชิงชัง?"

Pluto สนุกมากๆ กลายเป็นการ์ตูนสำรวจความชิบหายทางประวัติศาสตร์ไปแล้ว ล่าสุด KKK มาเลยครับ (เล่มหน้าๆ จะมีพวกแขก)


โดย: merveillesxx วันที่: 15 ธันวาคม 2549 เวลา:15:42:49 น.  

 
ขอบคุณเมอร์มาน่ะ
ไว้เดี๋ยวเราไปอ่านดู


โดย: penguinbear (penguin_bear ) วันที่: 15 ธันวาคม 2549 เวลา:19:55:35 น.  

 
ต่อ พี่แนะนำการ์ตูนอีกเรื่องว่ะ อ่านแล้วเด็ด

คือมันแฝงประเด็นการเมือง ประเด็นเหยียดผิว ประเด็นการลดค่าความเป็นมนุษย์ไว้ลึกล้ำมาก

การ์ตูนเรื่องนี้ชื่อว่า "Leviathan" ออกกับบงกชครับ พระเอกเป็น leviathan สัตว์ผู้มาประกาศจุดดับสิ้นในวันสุดท้ายของโลก ลองหาอ่านดู ตอนนี้ออกถึงเล่ม 11 ล่ะ

อ่านเล่มสิบ ตัวโกงมันหน้าตาลอกแบบ จอร์จ บุช จูเนียร์เลย


โดย: I will see U in the next life. IP: 61.7.158.102 วันที่: 16 ธันวาคม 2549 เวลา:0:37:55 น.  

 
ง่าว...
ผมอยากดู Shortbus เหมือนกันนะเนี่ย เหอๆๆ...


โดย: nanoguy (nanoguy ) วันที่: 16 ธันวาคม 2549 เวลา:14:50:09 น.  

 
กรี๊ด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
เวลาประมาณทุ่มนิดๆ
หน้าโรงลิโด้


เราเจออะไรรู้มั้ย
เจอน้องเมอร์แหละ กะลังเช็ครอบหนังอยู่ข้างหน้า อิๆ
แต่พอดี...เขาไม่กล้าเข้าไปทักง่ะ
โทษทีนะ


โดย: quin toki วันที่: 16 ธันวาคม 2549 เวลา:20:34:47 น.  

 
อ่านแล้วทำให้นึกถึงข่าวที่เคยดูในตอนที่ไปเยี่ยมน้องชายที่ญี่ปุ่น ตอนนั้นก็มีข่าวชาวญี่ปุ่นโดนจับเป็นตัวประกันที่อิรัก ซึ่งข่าวก็ออกไปในทำนองที่เหมือนกับเรื่องนี้คือ ครอบครัวผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันก็เหมือนจะออกมาขอโทษคนอื่นๆที่ญาติตัวเองทำความเดือดร้อนให้น่ะ

คนญี่ปุ่นเขามีกรอบทางความคิด เหมือนที่เคยอ่านการวิเคราะห์คนญี่ปุ่นว่าเขาเป็นคนมีระเบียบวินัยทางสังคมมาก เป็นเพราะเขาต้องการรักษาหน้าของตัวเอง ไม่ต้องการให้คนอื่นในสังคมมองว่าเขาทำสิ่งที่น่าอับอาย ไม่ถูกต้อง นั่นเป็นเหมือนสิ่งที่เขายึดไว้ หากโยงมาถึงเรื่องนี้ก็อาจมองว่าการที่เขารักษาความเป็นระเบียบวินัย จึงทำให้ประเทศอย่างเขาก้าวไปถึงไหนต่อไหนได้นั่นแหละ ที่อ่านมานี้ได้มาจากหนังสือ ใต้ชะเงื้อมดอยสุเทพ ของอาจารย์นิธิ เอี่ยวศรีวงศ์ ซึ่งถือว่าเป็นหนังสือวิเคราะห์สังคมและคนญี่ปุ่นได้น่าสนุก ติดตาม น่าสนใจและสร้างความเข้าใจในสังคมนี้ได้จริงๆ



โดย: cottonbook วันที่: 16 ธันวาคม 2549 เวลา:21:29:14 น.  

 


ภาษิตและคติพจน์อังกฤษ
So much to do ,so little done.
งานยิ่งทำมากเท่าใด ก็ยิ่งเสร็จน้อยเท่านั้น


สวัสดีค่ะ เจี๊ยบเข้ามาทักทายค่ะ
มาพร้อมกับรูปสวยๆ ภาษิต/คติพจน์ ดี ดี
และความรู้สึกดีๆ ที่มีให้เพื่อนๆ ค่ะ
ขอขอบคุณเพื่อนๆ ที่เข้ามาหาด้วยค่ะ
เข้ามาดึกมากเลยค่ะไม่เป็นไรน๊า
Goodnight หลับฝันดีน่ะค่ะ
December 17,2006


โดย: rayasuree (Jeab) (rayasuree ) วันที่: 17 ธันวาคม 2549 เวลา:2:52:26 น.  

 
( ถ้าป้าแต๋วไม่บอกเรื่องริชชี่ เราก็คงยังมั่นใจ ว่าเค๊ายังไปเลี้ยงแกะอยู่ที่ไหนซักแห่ง ที่ไม่มีใครรู้จัก...ใจหายจริงๆ )



โดย: renton_renton วันที่: 17 ธันวาคม 2549 เวลา:10:46:16 น.  

 
กระทู้นี่ผ่านมานานแล้ว

แต่อ่านแล้วก็เครียดแหะ

ผมว่ามนุษย์ก็มีดีกับไม่ดีปนกันทั้งโลก

จะไปว่าเค้าทำไม

ประเทศเราก็เหมือนกันมีทั้งคนดีไม่ดี



ปล.คนที่ว่านักร้องแบบหยาบๆ ผมว่าแย่กว่าอีกนะ สมองคิดถึงแต่คำที่อุบาทว์ๆหรอไง


โดย: kyo4 IP: 58.8.138.17 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:17:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.