http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
All Blogs
 
3-Iron – เทวดาตกสวรรค์ผู้นำความฝันมาบรรจบพบความจริง

โดย merveillesxx



หมายเหตุ – บทความนี้เปิดเนื้อเรื่องของหนัง / ตอนนี้หนังกำลังเข้าที่ลิโด้และเฮ้าส์ ไปดูกันก่อนนะครับ

เวลาที่เราดูหนังจบแล้วนอกจากจะถามเพื่อนที่ไปดูด้วยกันว่า “หนุกมั้ยแก” หรือ “แกว่าหนังดีมั้ยวะ” หนังบางเรื่องอาจจะกระตุ้นให้เราเกิดกระบวนความคิดจนต้องถามเพื่อนๆ ต่อว่า “แล้วแกว่าต้องเค้าต้องการจะบอกอะไรเราวะ” ซึ่งแท้จริงแล้วคำถามนี้อาจพูดได้อีกแบบว่า “ธีม (theme) ของหนังคืออะไรนะ”

หนังแต่ละเรื่องมีวิธีการแตกต่างกันไปที่เข้าถึงธีมของมัน แต่ผู้กำกับบางคนเขาก็ใจดีบอกกับเราโต้งๆ ด้วยการใช้ประโยคคมๆ โดนใจ อย่างเช่น Spider-Man ในฉากที่พี่โทบี้ แม็กไกวร์ เดินหน้าเท่ (หลังจากทำหน้าเอ๋อๆ มาตลอดทั้งเรื่อง) แล้วเสียงวอยซ์โอเวอร์ก็ดังขึ้นมาว่า “อำนาจที่ยิ่งใหญ่นั้นมากับความรับผิดชอบยิ่งใหญ่” โอ้โห! โดนสุดๆ เรียกได้ว่าใครไปดูแล้วจำประโยคนี้ไม่ได้ แสดงว่ามันหลับในแน่นอน

สำหรับหนังของผู้กำกับคิมคีด็อคนั้น หลายครั้งหลายคราเหลือเกินที่ฉากจบของหนังทำให้เราอึ้งทึ่ง (บางทีก็เสียวด้วย) เป็นที่สุด บางคนก็เลยพาลด่าหนังไปเลยว่า “อะไรของมันวะ” สงสัยมรสุมคำด่าจากคนทั้งโลกไปเข้าหูพี่คิมแกเข้า พอมาคราวหนังเรื่อง 3-Iron แกก็เลยมีประโยคเด็ดๆ จู่โจมคนดูตอนจบว่า…

“It’s hard to tell that the world we live in is either a reality or a dream”

และจากนี้ไปขอต้อนรับคุณเข้าสู่โลกพิศวงของคิมคีด็อคที่อยู่ระหว่าง ‘ความจริง’ กับ ‘ความฝัน’




ความจริงกับความฝัน

หากจะถามว่าใครในหนังที่เป็นตัวแทนของ ‘ความฝัน’ ก็คงหนีไม่พ้นพระเอกสุดหล่อในเรื่อง เขาหน้าตาดี ซื่อบริสุทธิ์และอ่อนโยน เป็นดั่ง ‘ชายในฝัน’ ของหญิงสาวหลายคน และเขาก็ยังช่วยนางเอกออกมาจากฝันร้าย ทว่าฝันร้ายที่ว่านี้ก็คือ ‘ความจริง’ ที่นางเอกต้องเผชิญอยู่ทุกวัน นั่นก็คือ สามีของเธอ ดังนั้นตัวแทนของความจริงก็คือหมอนี่นั่นเอง

นางเอกของเราก็เลยกลายเป็น ‘คนกลาง’ ที่ต้องเลือกว่าจะอยู่กับความจริง (สามี) หรือความฝัน (พระเอก) ฉากที่เธอหนีออกจากบ้านซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปกับไอ้หนุ่ม ก็คงเป็นจุดเริ่มต้นที่เธอก้าวเข้าสู่แดนฝัน และเมื่อหนังดำเนินไปก็ดูเหมือนเธอจะเอนเอียงตัวเองไปในด้านความฝันมากขึ้นทุกที มีอยู่ 2 ฉากที่บอกกับเราในเรื่องนี้

1. คำพูดของเธอ
หนังเรื่องนี้กิ๊บเก๋สุดๆ ที่ว่าพระเอกและนางเอกแทบจะไม่พูดกันเลยตลอดเรื่อง (สงสัยพี่คิมแกคงได้ดูหนังของพี่ไฉ้*) นางเอกปริปากอยู่แค่ ‘สองครั้ง’ เท่านั้น ครั้งแรกคือตอนที่เธอกรี๊ดใส่โทรศัพท์ ส่วนครั้งที่สองก็คือตอนที่เธอพูดว่า “ฉันรักคุณ”

ครั้งแรกนั้นแสดงถึงความเจ็บปวดทรมานที่เธอได้รับจากความจริง ส่วนตอนครั้งที่สองเธอได้รับการเยียวยาบาดแผลจากการไปอยู่กับความฝัน จนทำให้เธอพูดคำนั้นออกมาได้ แต่ก็น่าสงสัยเหลือเกินว่า “ฉันรักคุณ” ในที่นี้เธอพูดกับพระเอกหรือสามีกันแน่

2. ฉากจูบ
ฉากนี้ก็น่าสงสัยเช่นกันว่าเธอกอดสามี แต่เธอจูบพระเอก แล้วความรู้สึกอันไหนของเธอล่ะที่ ‘จริง’

จะเห็นได้ว่าทั้งสองฉากมีความปนเประหว่างความจริงกับความฝัน ถ้าก็น่าสังเกตว่าทุกฉากล้วนเกิดขึ้นใน ‘บ้าน’ จนทำให้คิดได้ว่าเธออาจจะสามารถทำให้ความจริงและความฝัน ‘อยู่ร่วม’ กันได้ในบ้านหลังนี้ นั่นก็คือ เธอสามารถดำเนินชีวิตต่อไปร่วมกับสามีเธอได้ เพราะว่า ‘เขา’ ก็ยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ตัวเธอ

แต่สิ่งที่ทำให้ผมหวั่นใจก็คือฉากจบ ที่เป็นภาพตาชั่งน้ำหนักที่เธอกับเขายืนอยู่ด้วยกันแต่ตัวเลขที่ปรากฏกลับเป็น ‘ศูนย์’ (ทั้งที่ฉากชั่งน้ำหนักก่อนหน้านี้ทั้งสองมี ‘มวล’ ตามปกติ) ยิ่งชวนให้คิดว่าเธอกับเขาได้หายจากโลกแห่งความเป็นจริงนี้ และเข้าสู่โลกแห่งความฝันไปตลอดกาลแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นภาพในฉากนี้ยังถูกทำให้ ‘พร่ามัว’ ในตอนที่ประโยคเด็ดข้างต้นขึ้นมา

ผมได้แต่หวังว่าเมื่อสามีของเธอกลับมาบ้านแล้ว เธอจะกลับมาที่โลกเดิมอีกครั้ง และเมื่อเธอชั่งน้ำหนักเข็มตาชั่งก็จะเคลื่อนไปตามที่มันควรจะเป็น




นางฟ้ากับเทวดา (ตกสวรรค์)

สังเกตกันไหมครับว่ามีรูปปั้นเทพี (เพศหญิง) ปรากฏอยู่ในหนังบ่อยมาก (ถ้ายังจำกันได้คิมคีด็อคเคยใช้ ‘รูปปั้น’ เป็นสัญลักษณ์มาแล้วในเรื่อง Samaria) ถ้าเกิดเธอเหล่านี้เปรียบเป็น ‘นางฟ้า’ แล้ว ‘เทวดา’ ล่ะไปอยู่เสียที่ไหน คำตอบเหมือนเดิมเลยครับ ผมว่าพระเอกในเรื่องก็เป็นเหมือนเทวดาเลย

เพียงแต่ว่าเขาเป็นเหมือน ‘เทวดาตกสวรรค์’ ที่ถูกไล่มายังมนุษย์โลก (เขาคงไปเผลอกัดแอปเปิ้ลเข้าให้) พฤติกรรมของเขาเหมือนเทวดาหนุ่มที่ใสซื่อบริสุทธิ์ แต่ก็มีความอยากรู้อยากเห็น ว่าแล้วเขาก็เลยแอบเข้าไปอยู่ในบ้านคน แต่เขาก็แสนดีช่วยซ่อมของที่มันเจ๊งๆ ทั้งหลายในบ้าน แถมยังซักผ้าซักผ่อนให้อีกต่างหาก (แหม อยากให้เข้ามาบ้านเราบ้างจัง)

เวลาเขาอยู่ในบ้านคนเดียว บ้านจะดูน่าอยู่สงบสุข แต่พอเขาออกไปแล้วเจ้าของบ้านตัวจริงกลับมา ทุกอย่างก็จะแย่ลงทันที (โดยเฉพาะบ้านแรก) และด้วยสายตาใสปิ๊งของเขาก็มองแต่สิ่งที่ดีงาม เขาจึงมองไม่เห็น ‘สิ่งที่เลวร้าย’ ที่อยู่ในบ้าน นั่นก็คือ ผู้หญิงที่ถูกผัวซ้อมปางตายที่แอบอยู่ในมุมมืด

ณ ตอนที่เขาได้รู้เรื่องราวของหญิงสาวคนนี้ เขาก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าโลกนี้มันไม่ได้มีแต่สิ่งสวยงาม และในที่สุดเขาก็ได้เรียนรู้ความโหดร้ายนั้นจังๆ เมื่อถูกส่งไปอยู่ในคุก

ตอนที่ผู้ชมเหวอมากที่สุดก็น่าจะเป็นตอนที่อยู่ดีๆ พระเอกก็ดันฝึกวิชาประหลาดในคุกจนหายตัวได้ (!?) ผมเข้าใจว่าพี่คิมแกใส่ฉากนี้ลงไปก็เพื่อบอกย้ำว่าพ่อรูปหล่อคนนี้แกเป็นเทวดาจึงต้องมีอิทธิฤทธิ์เป็นธรรมดา และอีกนัยหนึ่งก็คือ การย้ำว่าเขาเป็นเพียง ‘ความฝัน’ (หรือคิมอาจจะล้อมุกฝึกวิชาในหนังเรื่อง Spring Summer Fall Winter…and Spring ของตัวเองก็ได้)

หลังจากออกจากคุกมาแล้ว เทวดาหนุ่มก็เริ่มกระบวนการ ‘เอาคืน’ บ้าง มีตั้งแต่ ‘หยอกเล่น’ กับเจ้าของบ้านที่เขาเคยไปอยู่ ไปจนถึงขั้น ‘ปางตาย’ กับบางราย นอกจากนั้นหนังในช่วงนี้พี่คิมยัง ‘บิด’ แนวหนังให้เป็นหนังลึกลับน่ากลัวไปเสียอีก เห็นฝีมือแล้วบอกได้เลยว่าพี่แกไปกำกับหนังผีได้สบายๆ

สิ้นกระบวนการล้างบัญชีทั้งหลายแล้ว ภารกิจสุดท้ายของชายหนุ่มก็คือไปหาหญิงสาวที่ทำให้เขาเรียนรู้อีกด้านหนึ่งของมนุษย์โลก เขาก็เลยตอบแทนเธอด้วยการสิงสถิตย์อยู่ในบ้านหลังนั้น เขาได้เปลี่ยนสถานะจาก ‘เทวดา’ กลายเป็น ‘เทพคุ้มครอง’ ไปแล้ว (หรือจะเรียก ‘ผีบ้านผีเรือน’ ก็ได้ไม่ว่ากัน)




กอล์ฟกับมวย

มีกีฬาสองชนิดที่ปรากฏในหนังเรื่องนี้ก็คือ ‘กอล์ฟ’ กับ ‘มวย‘ …ถ้าว่าถึงมวยแล้วเราจะได้ภาพประมาณว่ามันเป็นกีฬา ‘แมนๆ’ อย่างหนึ่ง เพราะส่วนใหญ่มันเป็นกีฬาระหว่าง ‘ผู้ชายกับผู้ชาย’

ส่วนกอล์ฟก็เป็นกีฬาของผู้ชาย แต่มันดูไม่แมนเท่าไร เพราะมันได้ชื่อว่ากีฬาที่ ‘กดขี่ผู้หญิง’ เพราะในขณะที่คุณผู้ชายเต๊ะจุ๊ยคุยกันเรื่องธุรกิจ พร้อมกับเล็งวิถีที่จะหวดลูกไป ด้านหลังของเขาก็มี ‘แค็ดดี้’ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่กำลังแบกถุงกอล์ฟอันเท่าควายเดินตามมาต้อยๆ

ว่าแล้วคิมคีด็อคก็เลยใช้เรื่องกอล์ฟกับเรื่องของผู้ชายที่ชอบกดขี่เพศหญิงมาใส่ไว้เสียตั้งแต่ ‘ฉากเปิด’ ของหนัง ถ้าจำกันได้ ฉากเปิดของเรื่องนี้คือ ลูกกอล์ฟที่ถูกหวดอย่างรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปชนตาข่าย และหลังตาข่ายนั้นก็มี ‘รูปปั้นเทพี’ ตั้งอยู่

นอกจากนั้นพี่คิมยังใช้ ‘กอล์ฟ’ เป็นตัวแทนของ ‘ความรุนแรงของเพศชาย’ เพราะตัวละครผู้ชายในหนังสู้กันได้ฮามาก เพราะใช้วิธีตีลูกกอล์ฟฟาดกันไปฟาดกันมาตลอดเรื่อง (ถ้าตีแม่นกันขนาดนี้รับรองไทเกอร์ วู้ดตกงานเห็นๆ)

นั่นเองจึงเป็นเหตุผลที่นางเอกเข้าไปขวางพระเอกเวลาจะซ้อมตีกอล์ฟเป็นประจำ เพราะเธอไม่อยากให้เขากลายเป็นคนใช้ความรุนแรง (เหมือนกับสามีของเธอ) และเธอก็จำได้ว่าครั้งแรกที่เขารู้จักกับลูกกอล์ฟ เขาส่งมันมาให้เธอเพื่อทำความรู้จักกัน ไม่ใช่เพื่อ ‘ทำร้าย’ เธอ

ฉากที่พระเอกหวดลูกกอล์ฟไปโดนรถคู่รักผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่จนบาดเจ็บปางตาย ก็ถือเป็น ‘ลางร้าย’ (หรือคำเตือนจากสวรรค์) ว่าเขาไม่ควรจะยุ่งเกี่ยวกับมันอีกต่อไป และแม้จะเป็นเทวดาเขาก็ไม่อาจหนีพ้นการ ‘ชดใช้กรรม’ เพราะตอนหลังเขาก็ถูกหวดลูกกอล์ฟใส่จนเกือบตาย

อย่างไรก็ตาม พระเอกไม่เคยใช้กอล์ฟก่อความรุนแรงกับนางเอก แต่สิ่งที่เขาทำให้เธอ (และทำเกือบตลอดทั้งเรื่อง) คือเปิด ‘เพลงๆ หนึ่ง’ ให้เธอฟัง ผมไม่เข้าใจหรอกครับว่าเพลงนี้มีความหมายว่าอะไร มันฟังดูเศร้ามาก แต่ถึงมันจะฟังดูเหมือนเสียงของผู้หญิงที่ปวดร้าว มันก็ช่วยเยียวยาจิตใจของเธอได้

เมื่อหนังดำเนินมาถึงตอนที่พระเอกเปิดเพลงให้นางเอกฟังในฉากสุดท้าย ผมแอบคิดในใจว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้คิมคีด็อคหลุดพ้นจากข้อหาที่เขาเผชิญมาเกือบตลอดชีวิตการทำหนังหรือเปล่า นั่นก็คือ การทำหนัง ‘เหยียดหยามเพศแม่’

แต่สำหรับผมแล้ว คิมคีด็อคไม่เคยเป็นแม้แต่ ‘ผู้ต้องสงสัย’ มาตั้งแต่แรกแล้วครับ


เชิงอรรถ

* พี่ไฉ้ = ไฉ้หมิงเลี่ยง ผู้กำกับชาวไต้หวัน หนังของเขาตัวละครแทบจะไม่พูดกันเลย โดยเฉพาะ Goodbye Dragon Inn (2003) ที่ 45 นาทีแรกไม่มีใครพูดอะไรกันสักคำ!

บทวิจารณ์เพิ่มเติม

01. PULP ฉบับที่ 21 (มีนาคม 2548 / หน้าปก The Ring 2)

02. บทวิจารณ์ของคุณ it ซียู (มีเพลงธีมของหนังให้ฟังด้วย) อ่าน ที่นี่

ขอขอบคุณ - คุณ HALATION


Create Date : 15 ตุลาคม 2548
Last Update : 15 ตุลาคม 2548 5:26:12 น. 13 comments
Counter : 8086 Pageviews.

 
เนื่องจากช่วง 3-4 วันมานี้ ผมอัพเดทบล็อกค่อนข้างบ่อยทีเดียว (ซึ่งนานๆจะเกิดขึ้น) ดังนั้นผมขอสรุปบล็อกที่อัพเดทไปนะครับ

(เลือกหมวดได้ที่ไอคอนด้านซ้ายบนของท่าน)

1. หมวด "สาระ" -- เรื่องของ Academy Fantasia 2 + ละคร "อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก"

2. หมวด "สาระ" -- มนต์รัก Sukiyaki (โฆษณา AIS) + เรื่องน่ารักๆ ของ "พี่หน้าเหี้ยม"

3. หมวด "BOOK" -- ตะลุยงานหนังสือ

4. หมวด "MOVIE" -- 3-Iron

สำหรับท่านที่เคยโพสต์คำตอบไว้ ผมอาจจะตอบบางคนไว้ในบล็อกนั้นๆด้วย รบกวนลองเช็คดูด้วยนะครับ

พรุ่งนี้ (15 ต.ค.)

- งาน World Film เริ่มขึ้นแล้วววววว

- ตอนอวสานของละคร "อยากกู่ร้อง" เที่ยงตรง ช่อง ITV


โดย: merveillesxx วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:4:28:43 น.  

 
พี่ยังไม่อ่านนะครับ เพราะยังไม่ได้ดู

ช่วงนี้สอบเสร็จแล้วอัพบล็อกเป็นว่าเล่นเลยน่ะ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:11:37:55 น.  

 
ดูแบบเป็นแผ่นมาอ่ะค่ะ

งงๆ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:11:56:19 น.  

 
- ชอบหนังเรื่องนี้มากถึงมากที่สุดครับ
แนะนำให้ไปดูกัน
(รีวิวผม ตามลิงค์ที่คุณแมกเวยxx แปะไว้นั่นแหละครับ)


หมายเหตุ:
- เพลง Theme ชื่อว่า Gafsa ร้องโดย Natacha Atlas อยู่ในอัลบั้ม Halim ครับ (ตัวเพลงเป็นภาษาฮิบรู)
- หึหึ เสียดายจังเลยครับ
ไปดู Stratosphere Girl ไม่ทัน (เข้าแค่อาทิตย์เดียวเองอ่ะ ไม่ยอมๆ)
- อ้าว world film เริ่มวันนี้แล้วหรือครับ?
มัวแต่นั่งทำงานอยู่ เลยไม่รู้เลยว่า ตอนนี้โลกเค้าเดินหน้าไปถึงไหนแล้ว

- อย่างไรก็ดี คาดว่า คงไม่มีเวลาดูหนังจากเทศกาลครั้งนี้มากนัก คงมีโอกาสดูแค่ไม่กี่เรื่องอ่ะครับ

แต่... เรื่องที่คิดว่าจะดูแน่ๆ ก็น่าจะเป็น หนังสั้นทสึนามินั่นเอง (เพราะตอนนี้ รายงานและโปรเจกต์ยังไม่เสร็จ เศร้าจริงๆ) (ส่วนเรื่องอื่น ก็กะดูมั่ว เท่าที่เวลาจะเอื้ออำนวย)


โดย: it ซียู วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:15:25:16 น.  

 
เพิ่มเติม
- เพิ่งไปงานหนังสือมาเมื่อวานนี้เองครับ
เป็นการไปงานหนังสือที่ทุลักทุเลที่สุดในชีวิตก็ว่าได้
ตั้งแต่วิ่งด้วยความเร็วสูงจากคณะไปสามย่าน (เพราะตอนนั้น ฝนใกล้จะตกเต็มทน)

แถมยังไม่พอ ยังต้องหอบงาน Design ขนาดกระดาษ A3 พะรุงพะรังเต็มไปหมดอีก ...เฮ้อ จะเลือกหนังสือแต่ละทีก็ลำบ๊าก ลำบาก (ก็ไอ้กระดาษ A3 มันยัดลงไปในกระเป๋าไม่ได้อ่ะครับ เลยต้องถือไว้ตลอดเวลา)

แต่ก็เอาเถอะครับ ถึงจะลำบากแค่ไหนก็ยังสนุกกับการเลือกหนังสืออยู่ดี อย่างไรก็ดี ผมได้มาแค่ไม่กี่เล่มเองครับ (เนื่องจากช่วงนี้อยู่ในภาวะทรัพย์จางอย่างแรง ฮา!)

ซื้อมาเก้าเล่ม (และโปสการ์ดอีกเกือบสามสิบใบ แบบประมาณเจอบู้ทไหนขายโปสการ์ดก็ซื้อหมดน่ะครับ)

มี เจ้าหงิญ, กล่องไปรษณีย์สีแดง, เมนูปรารถนา, เจ้าชายน้อย (เวอร์ชันไม่มีรูป) , โลกนี้มันช่างยีสต์, Sputnik Sweetheart, หนังสือ Be With You , Blog Blog, หนังสือออกแบบระบบบำบัด (หนังสือเรียนน่ะครับ)

ชอบโลกนี้มันช่างยีสต์มาก
หนังสือยีสต์ และยวนจริงๆ
:D

ป.ล.
- คุณ merveillesxx ได้เมล์เพลง Hung Up หรือยังครับ? (ส่งให้ฟังก่อนใครเลยนะครับ , เพราะในไทยยังไม่มีใครได้แผ่นและเปิดเพลงนี้เลย) ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะไปอยู่ใน Junk Mail หรือเปล่า?
(ความจริงส่งให้คุณ Grappa และ น้องบิวด้วย ยังไงก็ลองเช็คเมล์ดูนะครับ ว่าชอบหรือไม่ชอบเพลงนี้อย่างไร?)
- ต้องขอบคุณพี่ม่อน, พี่เบย์แห่งกองหนังสือปอปด้วยนะครับ สำหรับไฟล์เพลง
- อย่างไรก็ดี สำหรับ Hung Up พอได้ฟังเต็มๆ แล้วเฉยๆ แฮะ


โดย: it ซียู วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:15:38:09 น.  

 
ติดตามผลงานเงียบๆจากเฉลิมไทยมานานแล้วคับ วันนี้ได้เข้าบล็อกคุณอีกครั้งโดยบังเอิญจากลิงค์ของคนๆนึง เลยเป็นโชคดีของผมที่ได้รู้ว่าหนังเรื่องนี้กำลังลงโรงฉายอยู่ อยากดูมากๆ

ปล. หลังๆห่างจากการดูหนังไปนานคับ รีวิวนี้ยังไม่ได้อ่าน จะกลับมาอ่านทีหลังคับ


โดย: Formula 25 IP: 203.188.49.150 วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:23:51:03 น.  

 
เหตุการณ์สำคัญ 3 อย่างในวันนี้

1. ตอนจบของละคร "อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก" -- ประทับใจอย่างรุนแรง ที่สำคัญไม่เหมือนกับในหนังใหญ่ (เลยสักนิด) จังหวะทุกอย่างลงตัวหยั่งกับตอแหลแต่แน่มาก ไว้จะมาเล่าให้ฟังครับ

2. ช่างแอร์มาล้างแอร์ที่บ้าน ...แต่ดันทำ "น็อต" หายไปตัวนึง เป็นเรื่องที่ฉิบหายวายป่วงมากๆ

3. ไปดูเทศกาล World Film หนังเรื่อง Madame X: An Absolute Ruler (1977, Ulrike Ottinger, A) -- ที่คือหนังที่วิปลาส+วินาศสันตะโร+สติแตกสุดชั้ว และบ้าบอสิ้นดี ในชีวิตการดูหนังปีนี้

ไว้จะอัพบล็อกตะลุยงาน World Film ในอีก 2-3 วันนะครับ ช่วงนี้ขอทิ้งไว้ที่ 3-Iron ก่อน ถ้าใครใจร้อนไปอ่านกระทู้ของบอร์ด BIO ได้ที่นี่ครับ

//www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=22529

---------------------------------

ตอบ พี่ i willฯ

จากนี้ไปจะไม่ค่อยได้อัพแล้วล่ะครับ เพราะไปตะลุยเทศกาล World Film

----------------------------------

ตอบ คุณ it ซียู

ได้รับเพลงของเจ๊ป้าแล้วครับแต่ยังไม่มีเวลาโหลดเลยครับ

หากคุณ it ไม่ค่อยมีเวลานัก ผมขอแนะนำหนังของ World Film ที่ไม่ควรพลาด ดังนี้ครับ

**เทศกาลนี้บัตรนักศึกษาลดได้ 50% อย่าลืมใช้สิทธิ**

1. หนัง TSUNAMI ทั้ง 2 ตอน

2. หนังของ Thai Indie

3. หนังของ Ulrike Ottinger ทั้ง 6 เรื่อง (คำเตือน -- หนังของเธอเฮี้ยนมาก ตั้งสติก่อนเข้าโรง / เข้าห้องน้ำ / กินข้าว ให้เรียบร้อย และห้ามพาแฟนไปดูเด็ดขาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด)

4. Forsaken Land -- หนังศรีลังกา / ผกก.หน้าใหม่จากคานส์ / เขาว่าหนัง "กวี" สุดๆ / เขาบอกว่าผู้กำกับหล่อ ข่าวดีเขามา Q&A ด้วย (เย้)

5. เรื่องรัสเซียเรื่อง "4" -- ร่ำลือว่าหลอกหลอนเหวอรับประทานมาก

6. Not on a Lips (อแลงก์ เรเน่ส์)

เรื่องอื่นๆ เช่น

- Battle in Heaven (แต่หนังโป๊ๆ แบบนี้คงมีสักร้านที่ทำ DVD ออกมาแน่นอน)

- Innocence (เด็กโต๋) สารคดีของ ป็อป-อารียา -- แต่หนังจะฉายอีกวันที่ 19-20 พ.ย. ที่ลิโด้

- หากจะดูเรื่อง The Wayward Cloud น่าจะจองตั๋วตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะมันเป้นหนังปิดงาน ที่นั่งจำกัด (Limited Seat)


โดย: merveillesxx วันที่: 16 ตุลาคม 2548 เวลา:6:23:34 น.  

 
บ้าหรือเปล่า


โดย: หยอย IP: 61.19.73.18 วันที่: 16 ตุลาคม 2548 เวลา:13:58:57 น.  

 
เพิ่งได้ไปดู 3-Iron กลับมาครับ ความรู้สึกของการดูหนังเรื่องนี้ ก็โอเคนะครับ ความรู้สึกหลังจากดูหนังเรื่องนี้จบก็คือ แปลกดีครับ รู้สึกว่าได้อารมณ์หนังแปลกๆหลังจากดูหนังเรื่องนี้จบครับ รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง

เข้ามาอ่านในบล็อกของคุณ merveillesxx ก็รู้สึกว่าคุณ merveillesxx ดูและสังเกตรายละเอียดต่างๆได้ดีจังครับ

ความรู้สึกผมเองก็คิดแต่เพียงว่าเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงความต้องการความใฝ่ฝันของนางเอก

อย่างไรก็ตามก็รู้สึกว่าหนังน่าสนใจดีครับ บางช่วงดูๆไปก็รู้สึกตลกๆ ไม่เห็นเกี่ยวกับประเด็นสำคัญของหนัง จนถึงตอนสุดท้ายถึงเข้าใจว่ารายละเอียดต่างๆที่ตนเองไม่ค่อยได้ใส่ใจ มีส่วนสำคัญกับหนังมากทีเดียว ดูช่วงท้ายๆก็รู้สึกว่าแปลก ขนลุกเหมือนกัน แถมซึ้งเล็กน้อยครับ โดยรวมรู้สึกว่าเป็นหนังแปลกแต่ก็น่าค้นหาและน่าสนใจดีครับ


โดย: Tempting Heart วันที่: 16 ตุลาคม 2548 เวลา:20:17:11 น.  

 

หนังที่ได้ดูวันนี้ ในเทศกาล World Film

1. It's All Gone Pete Tong (2004, Michael Dowse, UK, A+)

แค่ฟังเพลงประกอบก็คุ้มแล้วครับ

2. Dorian Gray in the Mirror of Yellow Press (1981, Ulrike Ottinger, Germany, A)

เฮี้ยนมาก หนังเรื่องนี้มีฉากคลาสสิกประมาณ 18 ฉาก

เสียดายหนังผิดพลาดไม่มีซับไตเติ้ล โกรธทีมงานจริงๆ


โดย: merveillesxx วันที่: 17 ตุลาคม 2548 เวลา:4:29:28 น.  

 

//www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A3808314/A3808314.html

ความคิดเห็นที่ 5

Stratosphere Girl ออกแล้ว?
อา.. กว่าจะรู้ก็สายเสียแล้ว... เสียดาย...

จากคุณ : หมาหัวโจก - [ 15 ต.ค. 48 04:02:02 ]






ความคิดเห็นที่ 6

เขียนได้น่าอ่านจังเลยค่ะ

ทำให้อยากไปดูหนังเรื่องนี้แฮะ ^^

จากคุณ : นางมารร้าย update - [ 15 ต.ค. 48 06:02:00 ]






ความคิดเห็นที่ 7

หนังอาร์ท ดูแล้วต้องคิดเยอะ เหนื่อยเลย
แต่ผมก็ชอบนะครับ

หนังแนวนี้ คนชอบ อาจจะไม่เยอะมากนัก
อยากเตือน สำหรับใครก็ตามที่หวังจะไปดูความน่ารัก สดใส แบบที่พระเอกเคยแสดงในละคร sassy girl (ชุนยัง) ในเรื่องนี้ไม่มีหรอกนะครับ

แต่ก็ได้แง่คิดหลายอย่าง ดูจบแล้ว ก็อาจจะคิดไม่เหมือนกันอีก

จากคุณ : [เทวดาน้อย] - [ 15 ต.ค. 48 09:56:39 ]






ความคิดเห็นที่ 8

แวะมาทักทายจขกท.ครับ
คุณไม่รู้จักผม แต่ผมรู้จักคุณครับ
(จำได้แม่น กระทู้ฮิต รีวิว คอนเสิร์ต 10 ปี เบเกอรี่)

สวัสดีครับ...ไม่ได้เห็นตั้งกระทู้สักนานเลยเชียว

จากคุณ : JediAcademy - [ 15 ต.ค. 48 10:20:24 A:203.113.32.13 X:203.151.140.115 TicketID:108933 ]






ความคิดเห็นที่ 9

ว้ากๆๆๆ

อยากอ่านแต่ไม่อ่านเพราะว่าอยากดูหนังเรื่องนี้มากๆ ตั้งแต่เห็นตัวอย่าง แบบว่า คิดได้ไงอ่ะ โห คนคิดเรื่องนี่สุดยอดจริงๆ ขอเคารพ

เล่นมาเขียนยั่วน้ำลายอย่างนี้ ไม่ได้การต้องรีบหาเวลาไปดู ขอบคุณมากคับที่ตั้งกระทู้ ทำให้ผมรู้ว่า

มันเข้าโรงแล้วเสียที









จากคุณ : ++peter++ - [ 15 ต.ค. 48 10:47:03 ]






ความคิดเห็นที่ 10

ผมก็ชอบเรื่อง 3-iron มากเลย เมื่อดูจบ
ดีใจที่มีคนชอบเหมือน ๆ กัน

จากคุณ : Halls - [ 15 ต.ค. 48 14:46:05 ]






ความคิดเห็นที่ 11

- ชอบหนังเรื่องนี้มากถึงมากที่สุดครับ
แนะนำให้ไปดูกัน
(รีวิวผม ตามลิงค์ที่คุณแมกเวยxx แปะไว้นั่นแหละครับ)


หมายเหตุ:
- เพลง Theme ชื่อว่า Gafsa ร้องโดย Natacha Atlas อยู่ในอัลบั้ม Halim ครับ (ตัวเพลงเป็นภาษาฮิบรู)
- หึหึ เสียดายจังเลยครับ
ไปดู Stratosphere Girl ไม่ทัน (เข้าแค่อาทิตย์เดียวเองอ่ะ ไม่ยอมๆ)

จากคุณ : it ซียู - [ 15 ต.ค. 48 15:22:10 ]






ความคิดเห็นที่ 12

ผมก็ชอบมากครับ ผู้กำกับเป็นแรงบันดาลใจให้ผมตั้งใจเรียนเลยแหละ ยังจำวันที่ดูหนังที่โรงจบแล้วนั่งดู คิม คิ ดุก ออกมายืนคุยกับคนดูในโรงได้ไม่ลืม ประทับใจ ได้ลายเซ็นบนตั๋วมาเป็นที่ระลึก

จากคุณ : Paston - [ 15 ต.ค. 48 15:54:14 ]






ความคิดเห็นที่ 13

เห็นว่าสปอยเลยไม่กล้าอ่าน เซฟไว้ก่อน ว่าแต่ดีที่สุดในรอบปีนี้จริงๆเหรอ จาได้ไม่พลาดชม

จากคุณ : joblovenuk - [ 16 ต.ค. 48 02:08:09 ]






ความคิดเห็นที่ 14

ดีใจมากเลยครับ ที่หลายๆคนชอบหนังเรื่องนี้กัน

เรื่องการจากไปอย่างรวดเร็วของ Stratosphere Girl ผมก็ใจหายเหมือนกันครับ แบนเนอร์หนังยังวิ่งไปมาอยู่ข้างบนเลย เฮ้อ แย่จัง

-----------------------------------

ตอบคุณ JediAcademy

ผมยังจำคุณได้เสมอครับ

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาในพันทิปเท่าไรครับ ความเคลื่อนไหวจะเกิดขึ้นในบล็อกมากกว่าครับ แหะๆ

-------------------------------------

ตอบ คุณ Paston

ประทับใจข้อความของคุณ Paston มากเลยครับ

----------------------------------

ตอบ คุณ joblovenuk

อย่าเชื่อผมมมากครับ ต้องลองไปดูด้วยตัวเอง อิอิอิ

จากคุณ : merveillesxx - [ 16 ต.ค. 48 03:22:54 ]






ความคิดเห็นที่ 15

merveillesxx ( U are the best )

ไปดู Stratosphere Girl ไม่ทัน (เข้าแค่อาทิตย์เดียวเองอ่ะ ไม่ยอมๆ)

me too T_T

จากคุณ : พริ้วไหวเหมือนสายลม - [ 17 ต.ค. 48 12:38:42 ]






ความคิดเห็นที่ 16

ดูมาแล้วววครับ...ไม่ค่อยเก็ตกะสัญลักษณ์ บางอย่างในเรื่องเท่าไหร่ แต่ก็สนุกดีครับ หนังเรื่องก่อนๆ ของเค้ามีไรมั่งเหรอครับ

จากคุณ : Condor Heroes - [ 18 ต.ค. 48 21:30:11 ]






ความคิดเห็นที่ 17

ดูม่แล้วครับ ยิ่งได้มาอ่านทำให้รู้สึกเข้าใจในเรื่องและสิ่งที่

หนังอยากบอกมากขึ้นเยิเลยครับ

จากคุณ : edart (edart) - [ 22 ต.ค. 48 19:47:03 ]





โดย: merveillesxx วันที่: 27 ตุลาคม 2548 เวลา:6:34:08 น.  

 

//www.bioscopemagazine.com/review/index-in.php?id=22509


22528
เขียนได้ดีมากๆเลยค่ะ


จากคุณ : M.Scudery : - [ 16 ตค. 2005 01:22:47 ]


22560
เพลงของ NATACHA ATLAS เคยถูกใช้ประกอบภาพยนตร์ปาเลสไตน์เรื่อง DIVINE INTERVENTION (ELIA SULEIMAN, A+) ด้วยค่ะ เป็นเพลง I PUT A SPELL ON YOU ถ้าจำไม่ผิด เพลงนี้ถูกใช้ประกอบในฉากที่ทรงพลังมากๆ เป็นฉากที่พระเอก (ELIA SULEIMAN) ซึ่งใส่แว่นตาดำและนั่งอยู่ในรถที่ติดไฟแดง หันหน้ามามองผู้ชายที่ขับรถคันข้างๆ และผู้ชายคนนั้นมี “แววตา” ที่แสดงถึงความเข้าอกเข้าใจอะไรบางอย่าง มันเป็น “แววตา” ที่บาดใจสุดๆ

จากคุณ : M.Scudery : - [ 16 ตค. 2005 22:07:43 ]



22787
เรียนมาพร้อมๆกันนะ คุณ mer
ทำไมเก่งกว่าผมจัง... อิอิ ^ ^

ชอบหนังเรื่องนี้มากๆเหมือนกันครับ
อาจจะชอบสุดในหนังของพี่ คิม แล้วก็ได้
จากคุณ : lakari : - [ 25 ตค. 2005 11:25:27 ]


โดย: merveillesxx วันที่: 27 ตุลาคม 2548 เวลา:6:41:16 น.  

 
ชื่อของ ผกก. ชื่อ

คิม กิ ดึก นะครับ

ไม่ใช่ ดอก

ปล.ผมรู้ภาษาเกาหลีครับ ^^


โดย: pd IP: 61.91.220.44 วันที่: 15 ธันวาคม 2548 เวลา:16:45:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.