http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
All Blogs
 
Hedwig and the Angry Inch + วิปริต : ร็อค / คลั่ง

by merveillesxx



Hedwig and the Angry Inch (2011, พรรณศักดิ์ สุขี, A)

มันคืออะไร: มันคือละครเวทีเรื่อง Hedwig ของภาควิชาศิลปะการแสดง คณะนิเทศ ม.กรุงเทพ โดยซื้อลิขสิทธิ์มาอย่างถูกต้อง เล่นเป็นภาษาอังกฤษ + ขึ้นซับไทย

ค่อนข้างชอบละครเวทีเรื่องนี้มากทีเดียว คงเพราะชอบหนังมากๆ อยู่แล้ว (ในระดับ 1 ใน 10 หนังที่ชอบที่สุดในชีวิต) และก็ชอบซาวด์แทร็กของ Hedwig มากๆ หยิบมาฟังอยู่เรื่อยๆ (นี่กูจะดูหนังเรื่องนี้ครบสิบปีแล้ว โอ๊ย แก่) ซึ่งฉบับละครนี้ทั้งเนื้อเรื่องและเพลงมัน​เหมือนในหนังเลย ก็เลยดูอย่างเพลิดเพลิน

อันดับแรกพอเข้าไปในโรงละคร สิ่งแรกที่ชอบคือ การเซ็ตฉาก ที่ทำเหมือนร้านเหล้า มีโต๊ะ มีเก้าอี้สูงๆ (ที่นั่งแล้วเมื่อยตูดมาก) ไฟนู่นนี่อลังการ ส่วนตรงกลางก็เป็นเวทีแสดงสด

การแสดงมันแบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ๆ สลับกันไปมา คือการเดี่ยวไมโครโฟนของตัวละครเฮ็ดวิก กับการร้องเพลงของเธอ สิ่งที่ชมมากๆ คือ นักแสดงพลังสูงมาก ทำได้ค่อนข้างดีทั้งสองพาร์ต มีการเล่นกับคนดู คุกคามคนดูบ้าง (อาทิ ปีนขึ้นไปเต้นบนโต๊ะคนดู!) ซึ่งไปได้ดีกับคาแร็กเตอร์ตัวละคร ส่วนร้องเพลงนี่ดีมากๆ เพราะเล่นสดจริงๆ กับวง Bra Branner แล้วก็เล่นดีได้ทรงพลังสุดๆ ช่วงร้องเพลงเรียกได้ว่าเอาอยู่หมด

แ่ต่ส่วนที่เป็นเดี่ยวไมโครโฟนไปเรื่อยๆ เนี่ย มันอีกมีปัญหาว่าบางคนอาจจะตามเรื่องไม่ทั​น คือตัวเอกจะเล่นเป็นหลายๆ ตัวละครด้วย เป็นทั้งเฮ็ดวิก เป็นแม่ เป็นผัว เป็นผัวใหม่ ฯลฯ แล้วเรื่องก็เล่าค่อนข้างเร็ว เลยแอบคิดเหมือนกันว่านี่ถ้าไม่เคยดูหนังม​าก่อน (ซึ่งดูไป 4 รอบแล้ว) กูจะรู้เรื่องมั้ยเนี่ย แล้วมีช่วงท้ายๆ นี่เล่าฉากแตกหักระหว่าง Hedwig กับ Tommy Gnosis ช่วงนี้ก็โหดพอตัว เพราะมันดราม่า แบบมีการทิ้งช่วงเงียบเยอะมาก ถ้าใครสติเกาะไม่อยู่ คงหลุดไปเลย (อย่างเ่ช่น อี นศ. สองคนข้างหน้าฉันที่นั่งเล่นบีบีตลอดฉากนี​้)

บริบทของเรื่องก็อาจเป็นอีกอุปสรรคนึง มันมีทั้งเรื่องศาสนา, สงครามเย็น, ไหนจะมุกแบบฝรั่งๆ อีก เอาง่ายๆ 90% ของคนดูเป็น นศ. (ที่ถูกบังคับให้ดู เพราะต้องทำรายงาน) มันก็คงยากที่ น้องๆ Gen Z เหล่านี้จะเก็ทมุกล้อเพลง I Will Always Love You (เวอร์ชัน วิทนีย์) ที่เป็นผลิตผลตจากยุค 90 ผลก็คือ...มันก็นั่งเล่นบีบีกันไป

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเก็ทบริบทของเรื่องมากน้อยแค่ไหน ถ้าละครมันก็สะท้อนอารมณ์อันรุนแรง ความเศร้า เปล่าเปลี่ยว ของการตามหาใครสัก (หรือ 'อีกครึ่งหนึ่งของตัวฉัน') ซึ่งในจุดนี้ก็เห็นความแตกต่างของฉบับหนัง​กับละครเวทีเหมือนกัน คือเวอร์ชันของหนังมันจะมี message เรื่องการกลมกลืนกับตัวเอง ผ่าน symbol รอยสักในตอนจบ แต่ฉบับละครนี้มันเหมือนร้องเพลง Midnight Radio เสร็จแล้วก็เดินออกจากเวที จบเลย ซึ่งมันก็น่าสนใจดีว่า message ตอนจบของฉบับละครคงอยู่ในเนื้อพลง Midnight Radio นั่นเอง

สรุปคิดว่าน่าจะเป็น TOP10 ละครเวทีที่ชอบของปีนี้ได้ไม่ยาก

ป.ล.1 เคยเขียนถึง Hedwig เวอร์ชันหนังไว้ที่ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id​=merveillesxx&month=04-2011&date=26&grou​p=1&gblog=268

ป.ล.2 อยากให้ จอห์น แคมารอน มิทเชลล์ กลับมาทำอะไรแบบนี้อีก





วิปริต (2011, นินาท บุญโพธิ์ทอง, A/A-)

ยังจำหนังเรื่อง Apt Pupil กันได้มั้ย? หนังของ ไบรอัน ซิงเกอร์ ที่สร้างจากนิยายของ สตีเฟน คิง นำแสดงโดย แบรด เรนโฟ (ตายไปแล้ว) กับ เอียน แมคเคลเลน (ยังไม่ตาย แถมผัวหล่อด้วย) ว่าด้วยเด็กหนุ่มที่ค้นพบว่าตาแก่บ้านข้าง​ๆ เป็นอดีตนาซี ก็เลยพยายามไล่บี้ขอให้ลุงแกเล่าเรื่องราว​ในค่ายกักกันให้ฟัง

ละครเวที 'วิปริต' ดัดแปลงจากนิยายที่ว่านั่นแหละ แต่ิ่สิ่งที่น่าชื่นชมมากคือการเปลี่ยนบริ​บทใหม่ทั้งหมด ให้เป็นเด็กมัธยมที่ตื๊อถามข้อมูลจากชายผู​้เคยเป็นผู้คุมคุกตูลสเลง ยุคเขมรแดงครองอำนาจ ซึ่งแน่นอนว่าในยุคปัจจุบันที่ผู้คนยังประ​สาทแดกกันเรื่องพื้นที่เขาวิหารกันไม่จบ นี่จึงเป็นภาพแทนความสัมพันธ์ไทย-เขมร อย่างกลายๆ ผู้สร้างย้ำชัด ถึงขนาดให้พระเอกมีชื่อว่า 'สยาม' มีฉากหนึ่งที่แสบดี ตัวละครชาวเขมรตะโกนใส่ตัวเอกว่า "สักวันประเทศคุณก็จะเป็นแบบเรา" (ซี้ดมั้ยล่ะ)

ละครทำได้ดีในการสร้างความตึงเครียดไปตลอด​เรื่อง และทวีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะพล็อตส่วนของชายเขมรสองคนที่กลับม​าเจอกัน คนหนึ่งมีอดีตเป็น 'ผู้คุม' ส่วนอีกคนเป็น 'เหยื่อ' แม้จะดูเป็นพล็อตที่จงใจไปเสียหน่อย แต่นักแสดงก็ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างกร​ะทบสะเทือนใจ จนเรื่องความจงใจไม่เป็นปัญหา

มีนักแสดงหลักเพียงสามคนในหนังเรื่องนี้ ซึ่งทุกคนทำหน้าที่ได้ดี สายฟ้า ตันธนา กับบทอดีตผู้คุมที่หลายฉากทำให้เรากลัวได้​ ส่วน วีระวัฒน์ เตชะกิจจาทร รับทั้งบทอดีตนักโทษค่ายตูลสเลง และอาจารย์ของพระเอก ซึ่งเขาก็สามารถสลับบทบาทไปมาได้อย่างแนบเ​นียน (หมายเหตุ - คุณวีระวัฒน์คือ บก. Scott Pilgrim ของผมเอง ดูเรื่องนี้แอบกลัวว่า ถ้าคราวหน้าผมส่งต้นฉบับช้า พี่เค้าจะบีบคอผมแบบในเรื่องมั้ยเนี่ย 555 แต่ตัวจริงพี่เค้าใจดีนะ) ส่วน ฉัตร วงศ์ชัยบูรณ์ ผู้รับบทเด็กหนุ่ม อาจมีติดขัดบ้าง แต่ก็ผ่านพ้นตลอดรอดฝั่งไปได้

ส่วนตัวแล้วจะรู้สึกติดขัดนิดหน่อยตรงฉากท​ี่แสดงถึงความวิปริตของตัวละคร ซึ่งรู้สึกว่าดูกระโดดข้ามไปสักนิด ปรับอารมณ์ไม่ทัน ดูแล้วไม่รู้สึกเชื่อว่าตัวละครพระเอกจะมา​ถึงขั้นนี้ได้ อีกอย่างคือฉากจบที่ดูอ่อนพลังไปพอควรเมื่​อเทียบกับฉากไคลแม็กซ์ก่อนหน้า

ประเด็นที่ตัวเองรู้สึกอินเป็นพิเศษจากละค​รเรื่องนี้คือเรื่อง 'ความเชื่อ' อาจจะเพราะเพิ่งดูสารคดีเรื่อง Enemies of People ไปเมื่อเร็วๆ นี้ ในหนังเรื่องนั้นเราจะได้เห็นว่า นวลเจีย (มือขวาของ พลพต) ก็ยังเชื่อและยืนยันว่าสิ่งตัวเองทำลงไปนั​้นถูกแล้ว ซึ่งก็คล้ายๆ กับตัวละครอดีตผู้คุมในเรื่อง ที่พูดประโยคสุดแสนสยองว่า "เรามีเวลาแค่สี่ปีในการเปลี่ยนแปลงประเทศ​ มันก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้าง" มันทำให้ตระหนักได้ว่าความเชื่อเป็นสิ่งที​่น่ากลัวจริงๆ โดยเฉพาะความเชื่อประเภทว่า มันคือสิ่งที่ถูกต้อง-มันคือสิ่งที่ดีงาม-​มันคือสิ่งที่สมควรแล้ว

การแสดงยังเหลือในวันเสาร์/อาทิตย์นี้ ดูรายละเอียดที่ //www.facebook.com/event.php?eid=18​2925805105712





Create Date : 30 กรกฎาคม 2554
Last Update : 30 กรกฎาคม 2554 16:19:36 น. 0 comments
Counter : 4064 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.