บริบทของเรื่องก็อาจเป็นอีกอุปสรรคนึง มันมีทั้งเรื่องศาสนา, สงครามเย็น, ไหนจะมุกแบบฝรั่งๆ อีก เอาง่ายๆ 90% ของคนดูเป็น นศ. (ที่ถูกบังคับให้ดู เพราะต้องทำรายงาน) มันก็คงยากที่ น้องๆ Gen Z เหล่านี้จะเก็ทมุกล้อเพลง I Will Always Love You (เวอร์ชัน วิทนีย์) ที่เป็นผลิตผลตจากยุค 90 ผลก็คือ...มันก็นั่งเล่นบีบีกันไป
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเก็ทบริบทของเรื่องมากน้อยแค่ไหน ถ้าละครมันก็สะท้อนอารมณ์อันรุนแรง ความเศร้า เปล่าเปลี่ยว ของการตามหาใครสัก (หรือ 'อีกครึ่งหนึ่งของตัวฉัน') ซึ่งในจุดนี้ก็เห็นความแตกต่างของฉบับหนังกับละครเวทีเหมือนกัน คือเวอร์ชันของหนังมันจะมี message เรื่องการกลมกลืนกับตัวเอง ผ่าน symbol รอยสักในตอนจบ แต่ฉบับละครนี้มันเหมือนร้องเพลง Midnight Radio เสร็จแล้วก็เดินออกจากเวที จบเลย ซึ่งมันก็น่าสนใจดีว่า message ตอนจบของฉบับละครคงอยู่ในเนื้อพลง Midnight Radio นั่นเอง