http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
All Blogs
 
A Bittersweet Life – หวานอมขมกลืน

โดย merveillesxx





(** บทความนี้เปิดเผยตอนจบของภาพยนตร์ **)


ตอนที่ดูหนังเรื่อง A Bittersweet Life จบ ผมก็เกิดข้อสงสัยขึ้นมาอย่างหนึ่งว่า ผกก.คิมจีวุน คงเป็นคนที่ชอบ “สีแดง” เอามากๆ

ถ้าใครได้ดู A Tale of Two Sisters (หรือชื่อแบบไทยๆ ว่า “ตู้ซ่อนผี”) คงจำได้กับเลือดที่เปรอะไปทั่วโปสเตอร์หนัง, ลายวอลเปเปอร์สีแดงสด หรือกระทั่งการใช้ “ประจำเดือน” ของสาวแรกรุ่นในเชิงสัญลักษณ์

พอมาถึงหนังเรื่องถัดมาอย่าง A Bittersweet Life คิมจีวุนก็ฉาบหนังของเขาไปทั่วด้วยสีแดง โดยเฉพาะสถานที่เกิดเหตุไคลแม็กซ์นั้นเป็นห้องที่ตกแต่งด้วยสีแดงเกือบทั้งหมด และสีแดงก็ถูกขับเน้นมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะช่วงท้ายของหนังจะเต็มไปด้วย “เลือด”

เหตุที่คิมจีวุนต้องทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็น “หนังนองเลือด” ก็เพราะว่า มันเป็นหนังฟิล์มนัวร์-แก๊งสเตอร์ ที่อุดมไปด้วยเหล่านักเลงใส่สูทดำ และฉากรุนแรงในระดับต่างกันไป ตั้งแต่ดีกรีอ่อนๆ แค่จับหัวกระแทกกระจกรถจนแหลกละเอียด, แรงขึ้นมาหน่อยในฉากยิงกันจะจะ ไปจนถึงบางฉากที่ชวนอึ้งสุดๆ (แน่นอนว่าผมจะไม่เล่าให้ฟังหรอก เชิญลุ้นเอาเองดีกว่า)

ในความเป็นหนังแก๊งสเตอร์ของมันเองนั้น A Bittersweet Life ก็ดูเหมือนจะเสียดสีพวกแก๊งนักเลงไปในตัวด้วย บางฉากบางตอนทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า ที่จริงแล้วไอ้พวกนี้มันก็ไม่ได้ดูสุขุมลุ่มลึกเหมือนสูทสีทะมึนที่ใส่หรอก หลายครั้งที่พวกมันตัดสินอะไรด้วยการใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง และการกระทำส่วนใหญ่ก็เป็นแบบ “พวกมากลากไป” เกือบทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม ประเด็นหลักของหนังเรื่องนี้ไม่ได้เน้นที่การห้ำหั่นกันระหว่างพวกระหว่างฝ่ายเหมือน Infernal Affairs หรือ Election แต่หนังโฟกัสไปที่ ซันวู (รับบทโดย ลีบยุงฮุน) พระเอกของเรื่องมากกว่า

พล็อตของหนังไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากมาย หนังเล่าถึง ซันวู ผู้จัดการโรงแรมหรูหราแห่งหนึ่ง ที่มีตำแหน่งพ่วงเป็นถึงมือขวาของเจ้าพ่อใหญ่อย่างประธานคัง เขาได้รับคำสั่งจากท่านประธานให้ไป “เก็บ” แฮซู -เมียเด็กของเขา- กับชายชู้ แต่แล้วซันวูกลับตัดสินใจปล่อยทั้งสองไป

การตัดสินใจ (อันผิดพลาด - ในสายตาของเจ้านาย) ทำให้เรื่องราวบานปลายใหญ่โตไปจนถึงตอนจบของหนัง ซันวูถูกลงโทษอย่างสาหัส แต่ก็รอดมาได้ และเขาก็เริ่มออกแก้แค้นทันที หากแต่การโต้คืนของเขาที่นำความสะใจมาแก่คนดูในช่วงแรกนั้น กลายเป็นความน่าสะเทือนใจอย่างที่สุด

ฉากที่ว่าคือ ตอนที่ซันวูฆ่าล้างบางลูกน้องประธานคังไปเกือบหมดแก๊งค์แล้ว เมื่อท่านประธานถามซันวูว่าทำไมถึงทำแบบนี้ เขาตอบว่า “ที่นี่คือที่สุดท้ายของผม ผมไม่มีที่ไปอีกแล้ว”

คำพูดนั้นแสดงให้เห็นว่า นักเลงผู้เก่งกาจอย่างซันวูนั้น แท้จริงแล้วก็เป็นเพียงมนุษย์ตัวเล็กๆ ที่ไร้สิ้นหนทางอีกต่อไปแล้ว แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะต้องมาผจญกับชะตากรรมอันน่าสลดใจแบบนี้





นอกจากนั้น หนังยังมีอีกสองประโยคสำคัญที่แทนความรู้สึกของซันวู และเป็นกุญแจสำคัญของหนัง ประโยคแรกคือฉากเปิดเรื่อง ลูกศิษย์ถามอาจารย์ว่า “เหตุใดใบไม้จึงไหว เป็นเพราะลมพัด หรือใบไม้ที่เคลื่อนไหวเอง” ฝ่ายอาจารย์ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง แต่หากใจเจ้าต่างหากที่สั่นไหว”

ก็เพราะ “ใจที่สั่นไหว” นี่เองที่เป็นบ่อเหตุทุกอย่างของเรื่อง หนังแสดงให้เห็นว่าแฮซูนั้นสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับซันวูได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทั้งสองพบกัน สิ่งที่น่าเศร้าคือคนที่รู้เรื่องดีที่สุดไม่ใช่ตัวซันวูเอง แต่กลับเป็นท่านประธานที่พูดกับซันวูว่า “นายเป็นอะไรของนาย...นี่เป็นเพราะ ‘หล่อน’ ใช่มั้ย”

ในขณะเดียวกันมันก็สะท้อนให้เห็นว่า ประธานคังผู้เย็นชานั้น ไม่ได้ลงโทษซันวูอย่างโหดเหี้ยม ในฐานะ “เจ้านาย” ที่ต้องการสั่งสอนลูกน้องที่ฝ่าฝืนคำสั่ง แต่เป็นแค่ “ตาแก่” ที่หวงเมียเด็ก...ก็เท่านั้น

ประโยคสำคัญที่สอง ปรากฏขึ้นในตอนท้ายของหนัง ...ลูกศิษย์คนเดิมกับตอนต้นเรื่องตื่นขึ้นมาร้องไห้กลางดึก อาจารย์จึงเข้าไปปลอบพร้อมถามว่า “เจ้าฝันร้ายหรือ” ศิษย์กลับตอบว่า “หาใช่ ข้านั้นฝันดี” อาจารย์จึงแปลกใจแล้วถามต่อ “แล้วใยเจ้าจึงร้องไห้เล่า”

คำตอบของศิษย์คือ “เพราะข้ารู้ว่าฝันนั้นไม่มีวันเป็นจริง”

หลังจากประโยคที่ว่า หนังฉายภาพร่างไร้วิญญาณของซันวูที่นอนยิ้มอยู่จมกองเลือด (และคิมจีวุนก็ยังมิวายใส่อารมณ์แดกดันเข้าไปในหนัง เพราะคลับที่ซันวูนอนตายอยู่นั้นมีชื่อว่า La Dolce Vita* หรือ “ชีวิตอันแสนหวาน”) มโนภาพของเขาก่อนจะตาย ก็คือ แฮซูตอนที่กำลังเล่นเชลโล่ ภาพของหญิงสาวที่ทำให้ใจเขาหวั่นไหว แต่เป็นเพียงคนที่ได้แต่ “เก็บเอาไปฝัน”

ฉากที่กล่าวไปในข้างต้น เป็นแค่ตัวอย่างเล็กๆ ของการแสดงอันสุดยอดของ ลีบยุงฮุน มันน่าอัศจรรย์ที่เขาเก๊กหน้าขรึมมาตลอดเรื่อง (ตามคำสั่งที่ผู้กำกับบอกมาว่า “เรื่องนี้คุณจะต้องดู ‘คูล’ ตลอดเวลา”) แต่ใบหน้าเปื้อนยิ้มในฉากตอนท้ายก็ดูไม่โดดออกจากตัวหนัง เรายังเชื่อว่านั่นคือ รอยยิ้มของซันวู

อีกฉากที่ลีบยุงฮุนเล่นได้ดีจนน่าปรบมือก็คือ ฉากจบของเรื่อง มันเป็นเพียงฉากธรรมดาๆ ที่ซันวูกำลังเล่นชกลมอยู่หน้ากระจกของตึกระฟ้า ต่อหน้าวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนแสนสวยงาม ...คงเป็นไม่กี่ครั้งที่คนดูเห็นซันวูดูมีความสุข มันเป็นช่วงเวลาอันหอมหวานของเขาเพียงไม่กี่ตอน เหมือนกับตอนเปิดเรื่องที่เขากำลังละเลียดขนมเค้ก แต่ไม่นานนักก็ต้องไปจัดการ “ธุระ” ต่อ

ว่ากันว่าชีวิตเรามีทั้งขึ้นและลง ทั้งดีและร้าย และทั้งหวานและขม แต่สำหรับซันวู ความขมนั้นได้ “กลืน” ชีวิตเขาไปจนหมดสิ้นแล้ว






เชิงอรรถ

* La Dolce Vita (1960) เป็นหนังของผู้กำกับชาวอิตาเลียน เฟเดอริโก เฟลลินี (1920-1993) แม้หนังจะมีชื่อแปลได้ว่า A Sweet Life แต่ความจริงมันถูกใช้ในเชิงเสียดสี เพราะหนังเล่าถึงชีวิตอันฟุ้งเฟ้อ ไร้สาระ และว่างเปล่า โดยหนังเรื่องนี้ได้รางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลหนังเมืองคานส์มาด้วย

เฟลลินีถือเป็นปรมาจารย์ด้านหนัง surreal หนังของเขาเต็มไปด้วยบรรยากาศเหนือจริง เหมือนอยู่ในความฝัน และยากจะเข้าใจ ผลงานเด่นของเขาก็เช่น La Strada (1954), 81/2 (1963), Satyricon (1969), Roma (1972), Amarcord (1973)

ผกก.คิมจีวุน ให้สัมภาษณ์ว่า เขาทำหนังเรื่องนี้เพื่อทริบิวต์แก่เฟลลินี ...แม้ว่า A Bittersweet Life กับ La Dolce Vita จะไม่ได้มีอะไรเหมือนกันเลย แต่เราก็จะเห็นการเคารพต่อบรมครูของคิมจีวุนได้ในช่วงหลังเอนด์เครดิต





บทความอ่านเพิ่มเติม

01. สกู๊ป A Bittersweet Life (PULP ฉบับที่ 23)

02. บทวิจารณ์ A Bittersweet Life โดย ธีปนันท์ เพ็ชรศรี (PULP ฉบับที่ 27)

03. อ่านเรื่องของ Film Noir (ฟิล์มนัวร์) ได้ใน BIOSCOPE ฉบับที่ 52

04. //www.bitter-sweet.co.kr

05. //www.imdb.com/title/tt0456912/


Create Date : 14 มิถุนายน 2549
Last Update : 14 มิถุนายน 2549 0:30:19 น. 19 comments
Counter : 13964 Pageviews.

 
... คาดหวังกับเรื่องนี้ไว้มาก ดูจบก็เลยผิดหวังนิดๆ แต่หนังเนี้ยบมากๆ

ส่วนที่ชอบมาก

1.สองประโยคที่ยกมา
2.ฉากจบบนตึก เศร้า+เหงา ดี

ป.ล. ตอนที่เขียนถึงหนังเรื่องนี้ คำแรกที่ผุดขึ้นมาในใจเหมือนกันเลย คือ หวานอมขมกลืน

ฝากลิงค์ไว้แลกกันอ่านครับ เขียนไว้สั้นๆตอนดูนานละ

A Bittersweet Life , หวานอมขมกลืน เคียดแค้นขมขื่น
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=10-2005&date=26&group=7&blog=1


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 14 มิถุนายน 2549 เวลา:0:40:24 น.  

 

ข่าวที่น่าสนใจ


ท็อปเท็นหนังเยี่ยมปี 2005 ของนิตยสาร cahiers du cinema

cahiers du cinema (กาเย่ร์ ดู ซีเนม่า) คือหนังสือภาพยนตร์ของฝรั่งเศสที่น่าจะทรงอิทธิพลมากที่สุดในวงการภาพยนตร์ศิลปะ

หนังที่ถูกใจกาเย่ร์ มักจะเป็นหนังที่เป็น "ศิลปะบริสุทธิ์" ดูได้จากปีที่แล้วที่ "สัตว์ประหลาด!" ได้หนังยอดเยี่ยมอันดับหนึ่งไป ได้ขึ้นปกถึงสองครั้ง แถมกาเย่ร์ยังด่าคานส์ปีให้รางวัลปาล์มทองคำกับเรื่อง Farenheit 9/11 แทนที่จะเป็น "สัตว์ประหลาด!" ว่า "นี่คือความพ่ายแพ้ของศิลปะต่อการเมือง"

ต่อไปนี้คือ รายชื่อหนังยอดเยี่ยม มีทั้งหมด 11 เรื่อง (เรื่องที่ได้คะแนนเท่ากัน จะได้อันดับเดียวกันจ้า)


1.
Last Days (Gus Van Sant)

2.
A History of Violence (David Cronenberg)
Les Amants reguliers (Philippe Garrel)

4.
The World (Jia Zhangke)
Le Petit lieutenant (Xavier Beauvois)
Three Times (Hou Hsaio Hsien)
1/3 des yeux (Olivier Zabat)

8.
Be With Me (Eric Khoo)
Tale of Cinema (Hong Sang-Soo)
Grizzly Man (Werner Herzog)
Sin City (Robert Rodiguez + Frank Miller)


หนังส่วนใหญ่ข้างบนนี้มีดีวีดีขายแล้วในบ้านเรา


*ขอบคุณ คุณเก้าอี้มีพนัก สำหรับข้อมูล


----------------------------------


เทศกาลหนังฝรั่งเศสปี 2006 มาแล้วจ้า

Bangkok French Film Festival

ปีนี้มีหนังทั้งหมด 12 เรื่อง (มีซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษ) ปีนี้เน้นหนัง Thriller กับ Comedy

วันที่ : 26 มิ.ย. - 9 ก.ค.

สถานที่ : EGV Metropolis

ราคาบัตร : 100 บาท (และมีแบบแพ็คเกจ 3 เรื่อง 270 บาท)

ดูข้อมูลหนังและรอบฉายได้ที่
//www.lafete-bangkok.com/f_film_fest.htm

ข้อมูลหนังบางเรื่องเป็นภาษาไทย
//www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=31929


--------------------------------


รายการ J-POP กลับมาแล้ว!

หลังจากถูกปิดกลางอากาศเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนนี้รายการ J-POP ของดีเจเอ็ดดี้ก็กลับมาแล้วครับ

คราวนี้ย้ายไปที่

คลื่น FM 94.5
วันอาทิตย์ เวลา 9.00 - 12.30 (กรี๊ดดด!!)

ที่กรี๊ดเพราะปกติเวลานั้นผมยังไม่ตื่นครับ -__-

ได้ข่าวมาว่ารูปแบบรายการเป็น Asian Pop ไปแล้ว (นั่นก็คือ ต้องเปิดทั้งเพลงเกาหลีและญี่ปุ่น)

เอาเถอะครับ...มีให้ฟังก็ดีแล้วเนาะ


โดย: merveillesxx วันที่: 14 มิถุนายน 2549 เวลา:0:46:34 น.  

 

25 หนังอื้อฉาวตลอดกาล (จาก Entertainment Weekly)

The 25 Most Controversial Movies Ever

มานับถอยหลังกันเลยครับ...

25. ALADDIN
DIRECTED BY RON CLEMENTS AND JOHN MUSKER (1992)

24. CALIGULA
DIRECTED BY TINTO BRASS (1980)

23. KIDS
DIRECTED BY LARRY CLARK (1995)

22. DO THE RIGHT THING
DIRECTED BY SPIKE LEE (1989)

21. BONNIE AND CLYDE
DIRECTED BY ARTHUR PENN (1967)

20. CANNIBAL HOLOCAUST (หรือ "เปรตเดินดินกินมนุษย์")
DIRECTED BY RUGGERO DEODATO (1985)

19. BASIC INSTINCT
DIRECTED BY PAUL VERHOEVEN (1992)

18. I AM CURIOUS (YELLOW)
DIRECTED BY VILGOT SJOMAN (1969)

17. FREAKS
DIRECTED BY TOD BROWNING (1932)

16. UNITED 93
DIRECTED BY PAUL GREENGRASS (2006)

15. TRIUMPH OF THE WILL
DIRECTED BY LENI RIEFENSTAHL (1935)

14. THE WARRIORS
DIRECTED BY WALTER HILL (1979)

13. THE DA VINCI CODE
DIRECTED BY RON HOWARD (2006)

12. THE DEER HUNTER
DIRECTED BY MICHAEL CIMINO (1978)

11. THE MESSAGE
DIRECTED BY MOUSTAPHA AKKAD (1977)

10. BABY DOLL
DIRECTED BY ELIA KAZAN (1956)

9. LAST TANGO IN PARIS
DIRECTED BY BERNARDO BERTOLUCCI (1972)

8. NATURAL BORN KILLERS
DIRECTED BY OLIVER STONE (1994)

7. THE BIRTH OF A NATION
DIRECTED BY D.W. GRIFFITH (1915)

6. THE LAST TEMPTATION OF CHRIST
DIRECTED BY MARTIN SCORSESE (1988)

5. JFK
DIRECTED BY OLIVER STONE (1991)

4. DEEP THROAT
DIRECTED BY GERARD DAMIANO (1972)

3. FAHRENHEIT 9/11
DIRECTED BY MICHAEL MOORE (2004)

2. A CLOCKWORK ORANGE
DIRECTED BY STANLEY KUBRICK (1971)

1. THE PASSION OF THE CHRIST
DIRECTED BY MEL GIBSON (2004)


อ่านเรื่องย่อ และเหตุที่ทำให้ฉาว ได้ที่

//www.ew.com/ew/article/commentary/0,6115,1202224_+1_0_,00.html

//www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A4453743/A4453743.html


โดย: merveillesxx วันที่: 14 มิถุนายน 2549 เวลา:2:12:45 น.  

 
แวะมาอ่านแบบคร่าวๆ เนื่องจากยังอยากดูเรื่องนี้อยู่

จะพยายามไม่คาดหวังมากๆ แล้วกัน จะได้ชอบ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 14 มิถุนายน 2549 เวลา:8:42:14 น.  

 
จากบรรดาหนังอื้อฉาวทั้งหลาย เราอยากดูเรื่อง Triumph of the will มากที่สุดเลย

หากไม่มองที่ผลลัพธ์ซึ่งก่อให้เกิดความรู้สึกไม่เห็นหัวชาวบ้านของชนเผ่าอารยันแล้ว เราอยากเห็นว่าความยิ่งใหญ่ที่คุณยาย LENI RIEFENSTAHL ได้กลั่นกรองออกมาจากสมองนั้นจะยอดเยี่ยมสักเพียงไหน

เห็นพูดถึงเฟลลินี่ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าในชีวิตนี้เคยดูหนังของเฟลลินี่ไปกี่เรื่อง (ซึ่งอาจจะไม่เคยดูเลยก็ได้ ความจำปลางทองเหลือเกิน) ตอนเรายังเรียน ป.ตรีที่เชียงใหม่อยู่นั้น ทางหอศิลป์ของ มช. เอาหนังของเฟลลินี่มาฉายหลายเรื่องทีเดียว น่าเสียดายที่ว่ามันฉายตอนช่วงปิดเทอม

เฮ้อ บรมเซ็ง.....

สำหรับหนังเซอร์เรียล ตอนเราเรียนหรือดูหนังใหม่ ๆ เราว่ามันดูยากน่ะ แต่ต่อ ๆ มาเราก็พบว่าถ้ามีซอฟแวร์ดูบ่อย ๆ ก็จะมีต่อมคิดติดประดับเอง หนัง Surreal ที่ชื่นชอบมากจนถึงทุกวันนี้เป็นหนังเซอเรียลจากแดนอาทิตย์อุทัย ชื่อว่า Double Suicide ครับ เป็นแนวเอกเพรสชั่นนิซึ่ม (แสดงเรื่องนามธรรมออกมาเป็นรูปธรรม) หนังเรื่องนี้บอกว่า ชีวิตเรามันมีชะตากรรมเดินนำชีวิตเราอยู่เสมอ ผู้กำกับก็เลยให้เหล่าบรรดาชะตากรรมเหล่านี้แต่งกายเป็นนินจาชุดดำ คอยจับดัดเปลี่ยนพฤติกรรมตัวละครอยู่ตลอดเวลา (มีภาพตัวอย่างให้ดูนะ)

ว่าแล้วก็อยากหามาดูอีกสักครั้งจัง








โดย: I will see U in the next life. วันที่: 14 มิถุนายน 2549 เวลา:12:12:08 น.  

 
ตอนนี้พี่เซ็งนิดหน่อยว่า ทำไมไม่มีค่ายหนังนำหนังเรื่อง Elephan ของ Gus Van Sant เข้ามาฉายนะ ตอนนี้ภาวนาให้ลิโด้เอาเข้ามาฉาย (ในอนาคตอันใกล้หรือไกลก็ได้)

อ้อ My Summer of Love กำลังจะเข้ามาฉายแล้วนะ อาจจะถูกใจน้องในระดับนึงก็ได้ (พอดี พี่ได้ดูจากเทศกาลหนังอังกฤษมา)

ฝากข่าวนิดหน่อยแล้วกันนะน้องต่อว่า เทศกาลหนังโลก World Film Festival จะจัดวันที่ 11 ถึง 21 ตุลาคมนี้ นี่คือเวลาล่าสุดที่จะจัด (ส่วนเรื่องสถานที่นั้น ทางทีมงานบอกมาว่า จะเป็นอีจีวี สยามดิสคัพเวอร์รี่) ส่วนพาราก้อน...ทีมงานก็อยากจัดอยู่แต่ติดปัญหาค่าตั๋วนิดหน่อย...ยังไม่รู้ว่า จะเอายังไงดี ปีนี้มีหนังจาก World Film เข้าฉายทั้งหมดประมาณ 80 เรื่องนะ "เตรียมนัยต์ตาไว้เบิ่ง เตรียมเวลาไว้ตะลุย และเตรียมเงินไว้จ่าย" ได้เลยน่ะ


โดย: ตี๋หล่อมีเสน่ห์ วันที่: 14 มิถุนายน 2549 เวลา:20:40:39 น.  

 

วันนี้เปิดเทอม วันแรก ...เจอแต่น้องๆ เฮ้อ รู้สึกแก่จัง

วันนี้ไปสมัครเรียน TOEFL + GRAMMAR ที่ FAST ENGLISH มา หมดไป...สองหมื่น -__-'' (แต่พนง.รับสมัครน่ารักดี)

พรุ่งนี้ใครไปดู BIO THEATRE ที่ฉายหนังของคุณธัญสก รอบสามทุ่มก็เจอกันนะครับ

อัลบั้ม ULTRA BLUE ของ Utada จะออกวันที่ 20 มิ.ย. นี้ครับ

อัลบั้มที่หยิบเอามาฟังใหม่ไปร่วม 20 รอบ คือ Temperamental ของ Everything But the Girl (ชุดนี้เจ๋งตลอดกาลลลล...ลลลลล)


----------------------------


ตอบ พี่สาวไกด์ใจซื่อ

ตอนแรกที่ดู A Bittersweet Life ผมก็ไม่ได้คาดหวังอะไรครับ กะไว้ว่าคงประมาณหนังโหดๆ ดิบๆ เลือดๆ เรื่องหนึ่ง

ผมว่าผมชอบ A Bittersweet Life มากกว่า Oldboy อีก



ตอบ พี่ดอง

ไม่เคยดูหนังของเฟลลินี่เต็มๆ เหมือนกัน ได้ดูแต่ตอนที่ อ.แดง เปิดผ่านๆ ให้ดู ชอบฉากแฟชั่นโชว์ในเรื่อง ROMA มากๆ (ฉากนี้ล้อพวกโป๊ปอย่างรุนแรง)

ส่วนเรื่อง Double Suicide ก็เคยดูแค่ผ่านๆ เช่นกัน แต่หนังเรื่องนี้แค่ฉากเปิดเรื่องก็ A+ แล้วครับ



ตอบ พี่ตี๋หล่อ

วันนี้อ่าน THE NATION ก็เห็นโฆษณา World Film ครั้งที่ 4 แว่บๆ เหมือนกัน (ไม่เปลี่ยนโลโก้เลยนะ) ถ้าวันจัดงานเป็นแบบนั้นจริงก็เซ็งเลยครับ เพราะสอบเสร็จวันที่ 16 ต.ค. (จริงๆ ผมควรจะสอบเสร็จเร็วกว่านี้ แต่เพราะการเลื่อนเปิดเทอม อันเป็นผลจากระบบ Admission อันชั่วช้า...)

นอกจากนั้นการเลื่อนสอบยังมีผลทำให้ผมอดไปงานแต่งงานของเพื่อนด้วย (เลวจริงๆ)

จริงๆ จัดที่ Paragon ก็ดี เพราะจะได้ไม่ต้องวิ่งข้ามโรงไปมา แต่ก็กลัวราคาตั๋วจะแพงเหมือนคราวบางกอกฟิล์ม (อยากให้มีโปรโมชั่น บัตรนศ. ลดได้ 50% เหมือนคราวที่แล้วจัง)

หวังว่าเทศกาล World Film ครั้งนี้คงมีหนังเฮี้ยนๆ แบบของ Ulrike Ottinger มาฉายอีกนะ


โดย: merveillesxx วันที่: 14 มิถุนายน 2549 เวลา:22:38:19 น.  

 
>>> "ผมว่าผมชอบ A Bittersweet Life มากกว่า Oldboy อีก"

อ่า จริงหรือนี่
น่าสนๆ ไว้ว่างๆ จะหยิบขึ้นมาดูมั่ง
(เหอๆ แต่ไม่รู้จะได้ดูเมื่อไหร่ เพราะตอนนี้ ดีวีดีในสต็อกกว่า 40 แผ่น ยังดูไม่หมดเลย )

ป.ล.
ดีใจจังที่จะได้ดูหนังจากเทศกาลหนังฝรั่งเศสอีกครั้ง
หลังจากปีที่แล้ว ดูไปครบ 10 เรื่องพอดีเป๊ะ

อย่างไรก็ดี ปีนี้ คาดว่าคงมีโอกาสดูแค่ไม่กี่เรื่อง
เพราะช่วงนี้ อยู่ในสภาวะจนกรอบอย่างรุนแรง หลังจากกัดฟันซื้อ Macbook Pro อันสุดแสนไฮโซ (จนทำให้ข้าพเจ้าต้องกินแกลบไปอีกหลายเดือน ฮา!)

แต่คิดว่าเรื่องที่ไม่พลาดแน่ๆ ก็คงเป็นหนังชิงปาล์มทองคำ
To Paint or Make Love
ดูจากเรื่องย่อแล้วดูจัง ฮ่าๆๆๆๆ


โดย: it ซียู IP: 202.57.156.150 วันที่: 16 มิถุนายน 2549 เวลา:8:41:05 น.  

 
แก้ๆ พิมพ์ผิด

*ดูจากเรื่องย่อแล้วน่าดูจัง ฮ่าๆๆๆๆ


โดย: it ซียู IP: 202.57.156.150 วันที่: 16 มิถุนายน 2549 เวลา:8:42:31 น.  

 

เหนื่อยง่ะ...

เปิดเทอมมา 3 วัน แต่รู้สึกเหมือนแก่ตัวไป 3 ปี

เทอมนี้อุตส่าห์ลงแค่ 5 ตัว พยายามลงวิชาเบาๆ หน่อย แต่มันดันเปลี่ยนอาจารย์ซะงั้น ซวยมหาซวยจริงๆ มีรายงาน มีงานกลุ่ม มีการบ้าน มี quiz มีอ่าน text ...โอ๊ย อะไรนักหนาเนี่ย

เทอมนี้มีเรื่องดีหน่อยก็คือ ได้เรียน international film กับ อ.บุญรักษ์ บุญญะเขตมาลา (แต่ก็เซ็งอยู่ดีเพราะอดเรียน film scriptwriting)

แถมตอนนี้ก็ต้องเตรียมตัวเรื่องไปเรียนต่อเมืองนอกด้วย แต่ที่ฮาก็คือ จะไปเรียนอะไรยังไม่รู้เลย (ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ) ดังนั้นก็เลยไม่รู้จะไปเรียนยูอะไรไปโดยปริยาย ...ตอนนี้ก็เลยเรียน TOEFL หลอกตัวเองไปก่อนแล้วกัน

ฉะนั้นจากนี้ไปจะกลายเป็นเรียน 7 วันไปแล้ว เรียนที่มหาลัย 5 วัน เรียนพิเศษอีก 2 วัน ไม่ต้องเห็นหน้าพ่อแม่กันแล้วคราวนี้ กลับไปเหมือนสมัยกวดวิชาตอน ม.ปลาย เลยแฮะ

ไม่รู้สมัยก่อนเรียนพิเศษ 7-8 ชั่วโมงไปได้ยังไง เดี๋ยวนี้เรียนมหาลัย คาบนึงชั่วโมงครึ่ง ยังเบื่อจะตายชัก จนต้องเลิกใส่นาฬิกาไปเลย (ฮา)

นอกจากนั้นก็ต้องเตรียมตัวสอบ YRC (Young Researcher Competition ของ TSI-Thailand) แล้วก็ TU-GET อีกต่างหาก (กลัวตกรอบแรก YRC กะสอบ TU-GET ไม่ผ่านเกณฑ์ชิบหายเลย อายเค้าว่ะ)

แล้วก็มีเรื่องรับน้องอีก ต้องไปชุดเตรียมตั้งแต่วันพุธ โดดเรียนไป 3 วัน แถมต้องขาด quiz ตัวนึง แล้วก็อาจจะอดสอบ YRC ด้วย (มันมีปีละครั้ง) ...เมื่อไรจะเลิกๆ ไปซะที ไอ้รับน้องเวรอะไรเนี่ย ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมา จบงานแล้วก็กลุ่มแตกทุกที พามันไปเที่ยวอาบอบนวดแถวรัชดายังจะเวิร์กกว่า (ล้อเล่นนะ)

ส่วนหนังโรง...ไม่ต้องพูดถึง...ไม่ได้ดูซักกะเรื่อง อ้อ แต่เมื่อวานไปดูหนังของธัญสกที่ออฟฟิศ bioscope มา ก็ดี...เรียกได้ว่าเป็น "เทศกาลหนังองคชาติ" โดยแท้ ไว้ว่างๆ จะเขียนถึงนะ

โอเค บ่นพอแล้ว...จบ

ปล. พรุ่งนี้ใครไปงาน Education Australia Expo 2006 ที่ศูนย์สิริกิติ์ เจอกันนะ

-----------------------------

ตอบ it

DVD ค้างอยู่ 40 แผ่นเหมือนกัน บางอันยืมเพื่อนมาปีนึงแล้ว ยังไม่ได้ดูเลย

ช่วงนี้จนเหมือนกัน ซื้อ text ไป หมดตัวเลย แถมซื้อมาก็ไม่เคยจะได้อ่าน เอาเถอะ ประดับชั้นหนังสือเวลามีแขกมาบ้านแล้วกัน


โดย: merveillesxx วันที่: 17 มิถุนายน 2549 เวลา:1:00:07 น.  

 
I still don't read your review cause I have this movie's DVD for a long time but I didn't watch it.

I don't know how movie is but I really like its Original Soundtrack. I bought its CD album via internet.


โดย: cottonbook วันที่: 17 มิถุนายน 2549 เวลา:11:29:37 น.  

 

หนังที่ได้ดูช่วงนี้

1. หนังของธัญสก พันสิทธิวรกุล (Bio Theatre)

1.1 Private Life เรื่องส่วนตัว (2000, A+)

1.2 ...for Shiw Ping 28/12/97 แด่ ชิวปิง 28 ธันวา 2540 (2000, A-)

1.3 Lovesickness รักเร่ (2000, A)

1.4 Sigh (2001, A+)

1.5 Chemistry ปฏิกิริยา (2003, A+)

1.6 Unseen Bangkok มหัศจรรย์กรุงเทพ (2004, A+)

1.7 Life Show เปลือยชีวิต (2005, A+)

1.8 Vous Vous Soviens De Moi? ในวันที่ฝนตกลงมาเป็นคูสคูส (2005, A+)

1.9 After Shock วันฟ้าสวย (2005, A-)

1.10 Out of Control / เหนือการควบคุม (2006, B+)

ถ้าใครอยากดูหนัง Futon คงต้องรอไปก่อน เพราะธัญสกบอกว่าตอนนี้เค้ากำลังทำหนังการเมิอง


2. Glastonbury Anthems 1994-2004 (2005, A-)

บันทึกการแสดงสดสิบกว่าเพลงของเทศกาลดนตรี Glastonbury (มี DVD ขายในบ้านเราจากค่าย EMI)

เพลงที่ชอบมากๆ

2.1 Moby - Why does my heart feel so bad? (นักร้องเพลงนี้เสียงสุดยอดมากๆ)

2.2 The Chemical Brothers - Hey boys hey girls (มันส์แบบไม่ต้องรู้เรื่องรู้ราวอะไรกันต่อไปแล้ว)



เพลงที่ได้ฟังช่วงนี้

1. The Verve: This is Music (The singles 92-98) (2004, A+)


โดย: merveillesxx วันที่: 18 มิถุนายน 2549 เวลา:20:16:22 น.  

 
ฮีก เห๊อะ หนังปูดองก็ไม่ได้ดู คอนปูดองก็ไม่ได้ดู ฮึก ฮึก


โดย: halation IP: 202.5.87.138 วันที่: 20 มิถุนายน 2549 เวลา:17:31:47 น.  

 
สวัสดีค่ะ

จำได้มั้ยอ่า.......

ที่เคยให้เมลเราไว้อ่า

เราaddไปแล้วอ่าค่ะ

ไม่เห็นได้คุยเลยยยยย

ยังไงก็จะแวะมาดูเหมือนเดิมนะค๊ะ


โดย: viya IP: 124.120.0.196 วันที่: 20 มิถุนายน 2549 เวลา:19:50:28 น.  

 

พยายามจะอัพบล็อกนะ...แต่มัน login ไม่ได้ ไม่รู้ server เป็นบ้าอะไรของมัน

ไม่อยู่หลายวันนะครับ ไปชุดเตรียมรับน้อง 21-25 มิ.ย. ที่สามร้อยยอด จ.ประจวบ ที่นู่น DTAC ไม่มีคลื่น อาจติดต่อไม่ได้

ULTRA BLUE ของ Utada Hikaru ออกแล้วนะจ๊ะ อย่าลืมซื้อมาฟังกัน อัลบั้มนี้ไม่ค่อยติดหูนะ แต่ฟังสัก 4-5 รอบอาจจะชอบมากขึ้น (ไม่ก็เกลียดกันไปเลย)


โดย: merveillesxx IP: 203.209.96.51 วันที่: 21 มิถุนายน 2549 เวลา:0:57:00 น.  

 
ว่าแล้ว เอาเป็นว่ากลับมาโทรหาพี่หน่อยแล้วกันนะ มีเรื่องด่วนฉุกเฉิน..


โดย: halation IP: 202.5.87.157 วันที่: 22 มิถุนายน 2549 เวลา:21:33:29 น.  

 
เราก็อยากเรียนกับ ดร.บุญรักษ์ บุญญะเขตมาลา อ่านหนังสือและบทความของท่านหลายเรื่อง ได้เรียนรู้อะไรใหม่ที่หาอ่านจากที่ไหนไม่ได้
เสียดาย อ.น่าจะแวะมาสอนที่ ม.กรุงเทพบ้าง จะระดมนศ.มาเรียนให้เต็มห้องเล้ยยย


โดย: เสียดาย.... IP: 58.10.27.210 วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:15:47:43 น.  

 

อจ. เคยสอนที่ ม.กรุเงทพ นะครับ แต่ตอนนี้คงไม่ได้สอนแล้ว (รู้สึกคุณไกรวุฒิจะสอนอยู่)


โดย: merveillesxx IP: 161.200.255.163 วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:21:15:54 น.  

 
ชอบ


โดย: คน IP: 117.47.152.92 วันที่: 23 กันยายน 2550 เวลา:10:58:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.