http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2547
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
29 ธันวาคม 2547
 
All Blogs
 
2046 – ความเปลี่ยวเหงาล้ำอนาคตกับการรอคอยชั่วนิรันดร์

โดย merveillesxx

ออนไลน์ครั้งแรก: pantip.com (3 ต.ค. 2547)

"หนังเรื่อง 2046 บอกกับเราว่า 'ไม่มีอะไรคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ไม่เว้นกระทั่งคำมั่นสัญญา' แต่ถ้าหากจะมีสิ่งใดที่คงอยู่นิรันดร์สิ่งนั้นคงเป็น 'การรอคอย'" – merveillesxx

ก็เพราะว่าหนังเรื่องนี้ไม่เข้าฉายในเมืองไทยซะทีน่ะสิ!
อย่างไรก็ตามชาตินี้เราต้องได้ดูแน่นอน ดังนั้นคงไม่เสียเปล่าที่ผมจะ update ข้อเขียนนี้ไว้ใน blog นะครับ โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน
1. ข้อมูลหนังเรื่อง 2046
2. ข้อมูลหนังเรื่อง Eros-The Hand
3. ข่าวหนังใหม่ของหว่องกาไว-การร่วมงานกับนิโคล คิดแมน




2046
We love what we can't have, and we can't have what we love"
Director Wong Kar-wai talks to TIME about his new movie, 2046

นั่นคือคำพูดโดนๆ ล่าสุดของอีตาแว่นดำคนนี้ (ก็เค้าไม่ใช่หรือที่ทำเราโดนมาหลายครั้งจากบทพูดที่ไม่มีมนุษย์มนาคนไหนเค้าพูดกันในชีวิตจริงหรอก)

ผมได้รายงานความคืบหน้า (ไม่รู้จะเรียกว่าคืบหน้าดีมั้ย ถ่ายเพิ่มอยู่นั่นแหละ) ของหนังเรื่อง 2046 มาเป็นเวลาพอควรคิดว่าคราวนี้คงจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วล่ะครับ เพราะตามกำหนดการหนังจะเข้าฉายในไทย วันที่ 4 พ.ย. Fox เป็นผู้จัดจำหน่าย ซึ่งแปลว่าน่าจะฉายในวงกว้าง อีกอย่างเรื่องนี้ดาราดังๆตรึม น่าจะขายได้ เช่น เหลียงเฉาเหว่ย, จางจื่ออี้ (อันนี้เอา Houseฯ ที่เพิ่งฉายไปมาช่วยโฆณาได้), ทาคุยะ คิมูระ (สมัย ITV เอา Long Vacation มาฉายก็ดังเอาการอยู่), เฟย์ หว่อง ที่สำคัญมีพี่เบิร์ดของพวกเราด้วย

เราน่าจะพบกันอีกทีก็เมื่อผมมาพร่ำเพ้อถึงหนังเรื่องนี้ให้ฟัง หลังจากดูในโรงแล้ว (ในกรณีที่ว่าหนังมันดีจนสร้างแรงบันดาจใจให้เขียนได้ อย่างเช่นตอน House of Flying Daggers) อ้อ อีกอย่างคือถ้าหนังมันไม่เลื่อนฉายด้วย

ขณะนี้ 2046เริ่มฉายไปแล้วในจีน, ฮ่องกง (น่าจะญี่ปุ่นด้วย)
ข่าวที่ได้มาคือ หนังมีความยาว 128 นาที ซึ่งยาวกว่าฉบับฉายคานส์ 6 นาที โดยหลังจากคานส์หว่องทำการถ่ายเพิ่ม-ตัดต่อลำดับหนังและเพลงใหม่ (cd ซาวด์แทร็กของหนังน่าจะวางจำหน่ายแล้ว) ใน Times หว่องให้สัมภาษณ์ว่าคานส์เป็น(เพียง)เส้น deadline ในการทำเรื่องนี้ การที่เขาไม่ได้ปาล์มทองจึงไม่มีผลอะไรมากนัก (ตอนที่หิ้วฟิล์มไปฝรั่งเศส เขายังไม่ได้ดูมันเต็มๆด้วยซ้ำ!)

อย่างที่ว่าไปข้างบน 2046 เป็นเสมือนบทสรุปของไตรภาคยุค 60's นี่คือบทสัมภาษณ์จาก Times
TIME: How do you relate your films to each other? What does 2046 have in common with the others?

Wong: I think Days of Being Wild, In the Mood and 2046 all fit in one continuous story. It would be a very interesting to put Days and Mood together with 2046 and let it become a complete story. If we think Days is a chapter of 2046, and Mood is a chapter of 2046, then 2046 is the complete story

แต่คราวนี้สิ่งที่แตกต่างออกไปคือหนังมีส่วนของฉากในอนาคตด้วย ดังนั้นจึงมีการใช้ CG มาประกอบเป็นครั้งแรกในหนังของหว่อง (เขาบอกว่านั่นเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หนังล่าช้า) จากที่ผมดูตัวอย่างหนังไปแล้ว ผมคิดว่าการนำ CG มาใช้ในครั้งนี้เป็นไปในทางที่ "ถูก" และ "ควร" (บ่อยครั้ง CG ทำลายหนังให้พังลงในพริบตา โดยเฉพาะหนังของประเทศที่ชื่อว่า ไทย - อย่าให้ต้องยกตัวอย่างเลยนะครับ - ถ้าให้ยกตัวอย่างประเภทดีๆ ก็อย่างเช่น Last Life in the Universe)

เรื่องราวในหนังเราว่ากันมากแล้ว (ใครยังไม่ทราบก็ลองอ่านในเวบ Monkeypeaches) นะครับ ที่ผมจะหยิบบกมาเขียนก็คือ ชื่อเรื่องของหนัง "2046" อันหมายถึงปีสุดท้ายของช่วงเวลา 50 ปี (1997-2046) ที่รัฐบาลจีน "สัญญา" ว่าจะไม่มีอะไร "เปลี่ยนแปลง" ในเกาะฮ่องกง แต่หนังเรื่องนี้มีบอกกับเราว่า "ไม่มีอะไรอยู่ชัวนิรันดร์ ไม่เว้นกระทั่งคำมั่นสัญญา" งั้นก็แปลว่า...??

อย่างที่เราเห็นๆกันว่าหนังของหว่องก็มีประเด็นทางการเมืองอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ใช่การมุ่งโจมตี เขานำมาใช้เพื่อเป็นบริบทขับดันตัวหนังเท่านั้น เช่น "อาเฟ่ย" ใน Days of Being Wild หรือฟุตเทจเหตุการณ์ในเขมรจากเรื่อง In the mood for love

ดังนั้น 2046 จึงมีประเด็นเกี่ยวกับ "ความเปลี่ยนแปลง" 2046 ในนิยายของโจวมู่หวัน เป็นดินแดนที่เหล่าผู้คนนั่งรถไฟไปตามหาความทรงจำที่สูญหาย ที่นั่นทุกสิ่งทุกอย่างจะไม่มีวันแปรเปลี่ยน แต่ใครบางคน (ไม่บอกนะครับ เดี๋ยวจะรู้เรื่องมากไป) อยากออกมาจากที่นั่นเพราะเขาปราถนาความเปลี่ยนแปลงเหลือเกิน

อีกประเด็นของหนังก็คือช่วงเวลา "อดีต" - "ปัจจุบัน" - "อนาคต" โจวมู่หวัน (เหลียงเฉาเหว่ย) มิอาจหลุดพ้นจากช่วงอดีต ที่เขามีให้กับโซวไหล่เจิน (จางมั่วอวี้ จาก In the moodฯ) แต่อดีตเป็นสิ่งที่เรามองเห็นได้แต่มิอาจสัมผัสได้ ... หนังเรื่อง In the mood บอกเราไว้เช่นนั้น ...

เขาคนนั้นจึงมุ่งเขียนนิยายในจินตนาการที่เกี่ยวกับอนาคต ตัวละครในชีวิตจริงมากมายถูกพัวพันไปในนิยายชิ้นนี้ แต่โจวมู่หวันนั้นลืมตัวตนของเขาใน "ปัจจุบัน" หรือเปล่า?

หากจะมองว่าหนังเป็นภาคต่อ (sequel) ของ In the mood ของอาจจะไม่ผิดนัก แต่หว่องบอกกับเราว่า Day of being wild เป็นส่วนหนึ่งของ In the mood และ in the mood นั้นเป็นส่วนหนึ่งของ 2046 ดังนั้นอาจจะเป็นเหตุที่หว่องใช้เวลากับหนังถึง 5 ปี และคงไม่เกินไปนักหากเราจะบอกว่า 2046 คือมหากาพย์อันยิ่งใหญ่ครั้งสุดท้ายของตัวละครที่ใช้ชีวิตอย่างเดียวดายแต่โรแมนติกเหล่านี้ .....

รีวิวจากเวบ Monkeypeaches
//www.monkeypeaches.com/040929A.html
//www.monkeypeaches.com/2046.html

ที่โหลดตัวอย่างหนัง ไฟล์ .mov ใช้ quicktime เล่น
//www.ocean-films.com/2046/FA_2046_320.mov
ผมโหลดมาดูแล้ว ความยาว 2.30 นาที มีพี่เบิร์ดด้วยนะเอ้อ
ในตัวอย่างพี่เบริ์ดพูด (ภาษาไทย) ว่า
"เดี๋ยวไปเจอกันที่บาร์ ทู-โอ-โฟร์-ซิก"

บทสัมภาษณ์หว่องจาก Times
//www.time.com/time/asia/magazine/article/0,13673,501041004-702208-1,00.html
//www.time.com/time/asia/magazine/article/0,13673,501041004-702196,00.html

เวบอย่างเป็นทางการของหนัง
//www.ocean-films.com/2046 (Official French site)
//www.wkw2046.com/ (The official international site) เวบสวยบรรเจิดมากก..ขอบอก
//www.2046.jp/ (Official Japanese site)

รวมภาพงานพรีเมียร์ของหนัง
//ent.sina.com.cn/f/2046/index.shtml

รวมพลคนรักหว่อง
//www.wongkarwai.net/




Eros - The Hand
อีกเรื่องคือหนังเรื่อง Eros ที่หว่องร่วมทำ 1 ใน 3 ตอนของหนังในตอนที่ชื่อว่า "The Hand"

หนังนำแสดงโดย กงลี่ และ จางเจิ้น (คนนี้จะหล่อในมาดเท่ๆ โหดๆ จริงๆนะ อย่างเช่นในเรื่อง Crouching Tigerฯ
เวลาทำผมสั้นธรรมดาๆ ไม่ต่างจากอาตี๋ขายน้ำเต้าหู้แถวบ้านเราเล้ย) เรื่องราวความสัมพันธ์ของช่วงตัดเสื้อกับนางคณิกาชั้นสูง

ผมยังไม่ได้ดูเรื่องนี้ครับ แต่อ่านรีวิวจากที่นึงมา เขาบอกว่า The Hand ทำให้หนังอีกสองเรื่องดู 'pale' ลงไปเลยทีเดียว (ลำเอียงหรือเปล่าน้อ...)

เวบของหนัง
//www.fandango.it/eros/main2A_eng.htm




เมื่อเจ๊หยวก (นิโคล คิดแมน) จะมาเล่นหนังให้เฮียหว่อง (หว่องกาไว)
นิโคล คิดแมน จะมาเล่นหนังเรื่องใหม่ของหว่องกาไวที่ชื่อว่า The Lady From Shanghai ว่าถึงเหตุการณ์จีนในยุค 1930s ประเด็นก็คือเซี่ยงไฮ้เป็นเป็นดินแดนที่หว่องเกิดนั่นเอง และหว่องก็ต้องการสลัดหนังของตัวเองให้หลุดจากยุค 60s แล้ว หลังจากที่เขากล่าวว่าไตรภาคยุค 60s ของเขาเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วในหนังเรื่อง 2046 (ไตรภาคที่ว่าคือ Days of Being Wild - In The Mood For Love - 2046 จากบทสัมภาษณ์ในหนังสือ Times)

อีกข่าวก่อนหน้านี้ด้วยว่าบทตัวร้าย (bad guy) จะรับบทโดย เอ่อ... ทาเคชิ คิตาโน่ (โอย เอาเข้าไป) แต่ไม่ทราบว่าจริงแท้หรือไม่อย่างไร

สิ่งที่น่ากลัวคือ นิโคลจะมีคิวเวลาเพียงพอต่อหนังของหว่องหรือไม่ (มีข่าวนึงมาว่าเธอให้เวลาได้ 6 เดือน แต่หว่องบอกว่าไม่พอแน่นอน - ใช่ เราเห็นด้วย) เรารู้กันดีว่าการทำงานแบบ "ไม่อิงกระแสเวลา (แต่ต้องอิงกระแสเงิน)" ของเค้าสร้างวีรกรรมมานักต่อนัก อย่างเช่นกรณีจางมั่นอวี้ที่ทนรอถ่าย 2046 ไม่ไหว (เพราะต้องถ่ายหนังเรื่อง Clean - ที่เธอได้ดารานำหญิงคานส์จากเรื่องนี้) จนโผล่ในหนังแค่ Special Appearance หรืออย่างกรณีพี่เบิร์ดของพวกเราที่ต้องถอนตัวจาก 2046 ในท้ายสุด ... ประกอบกับคิดแมนนั้นมีงานจ่ออยู่ชนิดหัวปีท้ายปี

หากตัดปัญหาเรื่องเวลาไปได้ ประเด็นถัดมาคือการระบบการถ่ายทำ "ไม่มีบท อดสคริปต์ คีป(keep)อิมโพรไวซ์" ของหว่อง แต่คิดแมนน่าจะมีภูมิต้านทานมาบ้างพอควร อย่างน้อยก็ผ่านมือของผู้กำกับใจโหด (กับผู้หญิง) อย่าง ลาส ฟอน เทวียร์ มาแล้วจาก Dogville (แต่สุดท้ายก็เล่นไม่ครบ 3 ภาค) แต่ทั้งนี้กรณีดาราใหม่ๆที่มาร่วมงานกับหว่องอย่าง กงลี่ และจางจื่ออี้ ใน 2046 ก็สามารถผ่านพ้นไปด้วยดี
(รึป่าว?)

โดยก่อนหน้านี้มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องใหม่ของหว่องอีกหนึ่งเรื่องคือ หนังเกี่ยวกับบรู๊ซ ลี ที่นำแสดงโดย ... แต๊น แต่ สุดหล่อสุดกรี๊ดสุดเท่ ฯลฯ เหลียงเฉาเหว่ย (อีกแล้วครับท่าน) โดยเหลียงเคยให้สัมภาษณ์ว่า ระบบการทำงานของหว่องจะทำให้ชีวิตเค้าปั่นป่วนแต่เค้าก็ชอบจะทำงานกับหว่อง (ขนาดที่เหลียงให้บริษัท Jet Tone ของหว่องดูแลในส่วนของแฟนคลับซะด้วย) ให้ผมสรุปในแบบของผมก็คือเหลียงเป็นดาราที่ทนหว่องได้มากที่สุด (ฮา)

link ที่เกี่ยวกับข่าวนี้
//www.monkeypeaches.com/0409M.html#040928A
//www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=11151




Create Date : 29 ธันวาคม 2547
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2548 18:59:15 น. 6 comments
Counter : 2622 Pageviews.

 
ข้อมูลแน่นๆจิงๆเลยนะครับบลอคเนี้ย


โดย: joblovenuk (joblovenuk ) วันที่: 3 มกราคม 2548 เวลา:18:27:49 น.  

 
อ่านเพลินเลยค่ะ


โดย: te necesito IP: 203.150.217.120 วันที่: 23 มกราคม 2548 เวลา:22:12:41 น.  

 
ขอบคุณค่ะ ^^ ข้อมูลเพียบ


โดย: บางสิ่งบนโลกที่เรียกว่าความรัก วันที่: 30 มกราคม 2548 เวลา:8:28:55 น.  

 
สุดยอดจริงๆครับ ถ้ามีคุณเป็นเพื่อน แล้ววันๆคุยกันแต่เรือ่งหนัง พวกนี้ก็คงดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมรุ้จักหว่องกาไว ครั้งแรก จากหนังเรื่อง จุงจิงเอ็กเพรสครับ แฟนเก่าผมแนะนำให้ดู ดูครั้งแรก ไม่เข้าใจอะไรเลยครับ สาบานได้ แต่พอ เธอไปจากผม หลังจากคบกันได้ ห้าปี ผมกลับมาดูอีกครั้ง และ อีกสิบๆครั้ง หลังจากวันนั้น และ เริ่มหาหนังของหว่องกาไวเรือ่งอื่นๆ มาดู และสุดท้ายผมก็ตกอยู่ในห้วงแห่งความเหงาของเค้า ......
(แวะไปเจอ อ่านในพันทิพมาครับ สุดยอดเจงๆ)


โดย: เต้ครับ IP: 192.115.106.236 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:11:05:33 น.  

 
การอกหักนี่มีผลอย่างรุนแรงต่อตัวผมครับ มันทำให้ผมดูหนังสนุกขึ้น แล้วก็เขียนถึงหนังได้ลื่นไหล ที่สำคัญในที่สุดผมก็ร้องไห้กับหนังได้ซักที


โดย: merveillesxx วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:18:38:22 น.  

 
เพลินนนนน ....กะลังหาข้อมูลอ่านอยู่พอดี 555


โดย: ส้มแป้น IP: 202.176.123.44 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:17:42:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.