<<< "อย่าข้ามขั้นตอน" >>>










"อย่าข้ามขั้นตอน"

ก็ต้องไปปฏิบัติเอา ปฏิบัติแล้วก็จะได้รู้ได้เห็น

มากกว่าที่ได้ยินได้ฟังได้ศึกษา

สิบปากว่าไม่เท่าหนึ่งตาเห็น

 การปฏิบัตินี้จะทำให้เราเห็นตัวจริง

 การฟังนี้เพียงแต่ได้ยินชื่อ ได้ยินชื่อของศีล

ได้ยินชื่อของสมาธิ ได้ยินชื่อของปัญญา

 ยังไม่ได้เจอตัวจริง ถ้าเจอตัวจริงแล้ว

จะเห็นประโยชน์ที่จะได้รับจากของจริง

ตอนได้ยินแต่ชื่อนี้ยังไม่ได้รับประโยชน์อะไร

ได้ยินแต่ชื่อว่าศีลแต่ยังไม่ได้รักษา

ก็ยังไม่เห็นประโยชน์ ได้ยินแต่ชื่อของสมาธิ

ยังไม่ได้นั่งสมาธิให้ใจสงบ

ก็ยังไม่เห็นประโยชน์ของสมาธิ

ได้ยินแต่ชื่อปัญญา แต่ยังไม่เคยเห็นปัญญา

ตอนที่มาฆ่ากิเลสให้ตาย พอมีปัญญาเห็นว่า

ทุกข์เกิดจากความอยาก ก็อยุดมันได้เท่านั้น

ตอนนั้นความทุกข์นี้หายไปหมดเลย

 เบาอกเบาใจ สบายอกสบายใจ 

ต้องปฏิบัติถึงจะเห็นผลการเรียนนี้เพื่อให้รู้เป้าหมาย

ของการปฎิบัติให้ปฏิบัติตรงไหน ให้ทำอะไร

ถ้าไม่เรียนก็อาจจะคิดว่าฆ่ากิเลสด้วยการไปเที่ยวกัน

 อยากเที่ยวก็ไปเที่ยวกัน เที่ยวแล้วก็มีความสุข

กิเลสก็ตายไปชั่วคราว ความอยากเที่ยวก็ไม่มี

 กลับมาบ้านก็สบายไปสักพักหนึ่ง

อ้าวแต่มันก็ไม่ตายแท้นี่หว่า เดี๋ยวก็โผล่ขึ้นมาใหม่

 แต่ถ้าใช้สติใช้สมาธิใช้ปัญญาหยุดความอยากได้

มันจะไม่โผล่กลับมาใหม่ มันจะเบื่อไปเลย

 มันจะไม่อยากเลย ต้องปฏิบัตินะถึงจะเห็นผล

ที่เกิดขึ้นกับใจของเรา ใจเราสุขใจเราทุกข์นี้

มันจะเห็นชัดเจนจากการปฏิบัติ

อะไรทำให้ใจเราทุกข์ อะไรทำให้ใจเราสุข

 มันถึงไม่สงสัยไง คนที่ปฏิบัติแล้ว เวลาสอนนี้ไม่สงสัย

ไม่เหมือนกับคนที่เรียนแล้วไปสอน คนที่เรียนแล้ว

ไปสอนตัวเองก็ยังสงสัยอยู่ มันจะเป็นจริงหรือเปล่า

 บางทีก็เลยเห็นว่ามันยากก็เลยไม่สอนเลย

 เห็นนั่งสมาธิมันยากก็เลยไม่สอนให้นั่ง

 ข้ามสมาธิไปเลย ใช้ปัญญาไปเลย

 ปัญญาไม่มีสมาธิมันก็เป็นสัญญา

 หรือเป็นปัญญาที่ไม่มีกำลัง

เป็นความรู้ที่ฆ่ากิเลสไม่ได้

 เพราะไม่มีกำลังสู้กับกิเลส รู้ว่ากิเลสไม่ดี

รู้ว่าความอยากไม่ดี แต่สู้มันไม่ได้

 เพราะไม่มีสมาธิไม่มีกำลัง ถ้ามีสมาธิแล้วก็จะมีกำลัง

 ข้ามสมาธิไปไม่ได้ การที่จะไปใช้ปัญญา

เพื่อฆ่ากิเลสนี้ ถ้าไม่มีสมาธิอย่าไปใช้ให้เสียเวลา

 เหมือนบางคนที่ไม่มีแรงไปทำงาน

 คนที่ไม่ได้กินข้าวไม่ได้พักผ่อนหลับนอนแล้ว

เราไปใช้ให้ทำงาน มันไม่มีวันที่จะทำงานได้สำเร็จหรอก

 ต้องให้มันพักผ่อนหลับนอน ให้มันกินข้าวอย่างเต็มที่

 พอมันตื่นขึ้นมามันมีกำลังแล้วใช้มันทำอะไรปรู๊ดปร๊าดๆ

สองสามทีก็เสร็จแล้ว นี่แหละคือสมาธิ

สมาธิจะทำให้ใจมีพลัง มีพลังที่จะสู้กับกิเลสได้

 แต่ถ้าไม่มีสมาธินี้ ไหลไปตามกิเลส

 กิเลสบอกให้ทำอะไรก็สู้มันไม่ไหว ยอมแพ้

มันต้องทำสมาธิก่อนถึงจะไปทางปัญญาต่อ

การจะทำสมาธิได้ ก็ต้องมีศีลก่อน

ถ้าไม่มีศีลแล้วนั่งสมาธิไม่มีวันทน

หนึ่งจะไม่มีเวลานั่งจะไปติดคุกติดตะรางกัน

นี่คนทำบาปนี่ไปติดคุกติดตะรางใช่ไหม

ไปขึ้นศาลอยู่ตลอดเวลา ไปวิตกกังวลกับข้อหาคดีต่างๆ

 แล้วมันจะไปมีกะจิตกะใจนั่งสมาธิได้อย่างไร

มันต้องไม่ทำบาป ไม่มีปัญหา ไม่มีเรื่องมีราวกับใคร

 ถึงจะทำให้ใจโล่ง ใจสบาย

ใจจะได้มาเจริญสติพุทโธพุทโธได้

 พระพุทธเจ้าบอกต้องทำเป็นขั้นบันได

เพราะธรรมแต่ละขั้นนี้มันสนับสนุนกัน

 ธรรมขั้นที่หนึ่งสนับสนุนขั้นที่สอง

ขั้นที่สองสนับสนุนขั้นที่สาม

ขั้นที่สามสนับสนุนขั้นที่สี่

 ศีลสนับสนุนให้เกิดสมาธิได้ง่าย

 สมาธิทำให้ใช้ปัญญาฆ่ากิเลสได้

ถ้าไม่มีสมาธิมีปัญญาก็ฆ่ากิเลสไม่ได้

สมาธิสนับสนุนปัญญาในการฆ่ากิเลส

 ปัญญาสนับสนุนจิตให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง

 สมาธิเองฆ่ากิเลสไม่ได้ เพียงแต่หยุดได้ชั่วคราว

 แต่ไม่ตาย ต้องใช้ปัญญาถึงจะตาย

 ฉะนั้นต้องใช้ทั้งสองอย่างใช้ทั้งสมาธิใช้ทั้งปัญญา

 จึงจะทำให้จิตหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงได้

ท่านจึงบอกว่าสมาธิที่มี ศีลเป็นผู้สนับสนุน

เป็นสมาธิที่มีพลังมาก มีกำลังมาก มีประโยชน์มาก

ปัญญาที่ได้รับการสนับสนุนจากสมาธิก็จะมีพลังมาก

 มีกำลังมาก จิตที่มีปัญญาสนับสนุนก็จะหลุดพ้น

จากความทุกข์ทุกข์โดยถ่ายเดียว

มันต้องเป็นขั้นไปแต่ละขั้น ปัญญาต้องอาศัยสมาธิ

สมาธิต้องอาศัยศีล จิตใจหลุดพ้นจากความทุกข์ได้

ก็ต้องอาศัยปัญญา มันก็เลยต้องทำตามกระบวนการ

เหมือนกับเด็กนี้ ก่อนที่จะวิ่งได้ก็ต้องคลานก่อน

 คลานได้ก็ต้องยืนให้ได้ก่อน ยืนได้ก็ต้องเดินให้ได้ก่อน

 ถึงจะวิ่งได้ ไม่ใช่นอนอยู่อย่างนี้อยากจะวิ่ง

ก็ลุกขึ้นมาวิ่งเลยได้เลย มันก็มีขั้นตอนของมัน

 นอนก็ต้องพลิกขึ้นมาคลานก่อน

 คลานได้ก็ต้องหัดลุกขึ้นมายืนก่อน

ยืนได้แล้วก็หัดเดินก่อน เดินแล้วก็หัดวิ่งต่อไป

จิตที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์ได้

ก็ต้องสร้างศีลขึ้นมาก่อน เมื่อมีศีลแล้ว

ก็จะไปสร้างสมาธิขึ้นมาได้ เมื่อมีสมาธิแล้ว

ก็จะไปสนับสนุนปัญญาในการฆ่ากิเลสได้

พอปัญญามีสมาธิสนับสนุน

พอกิเลสโผล่มาก็ฆ่ามันได้ทันที

 พอจิตมีปัญญาคอยฆ่ากิเลสให้ จิตก็จะหลุดพ้น

จากความทุกข์ทั้งปวง

ฉะนั้นอย่าข้ามขั้นตอนตรวจตราดูการปฏิบัติของเราว่า

 ตอนนี้เรามีศีลหรือยัง มีสมาธิหรือยัง

 ถ้ายังไม่มีอย่าไปคิดว่ามีปัญญาแล้วจะฆ่ากิเลสได้

 ปัญญามันมีสองแบบปัญญาที่ฆ่ากิเลสได้

กับปัญญาที่ฆ่ากิเลสไม่ได้ ปัญญาที่เรามีตอนนี้

 เป็นปัญญาที่ฆ่ากิเลสไม่ได้ เรารู้นี่ฟังเทศน์ฟังธรรม

 เรารู้แล้วว่า กิเลสไม่ดีความโลภไม่ดี

แต่ทำไมถ้วยกาแฟน่ะตั้งอยู่ข้างๆ เรารู้ว่าไม่ดี (หัวเราะ)

 ยังอยากดื่มกาแฟอยู่นั่นแหละ

 มีเครื่องดื่มเต็มไปหมดเลยนั่งฟังเทศน์ไป

ยังมีเครื่องดื่มตั้งอยู่ข้างๆอยู่เลย มันปัญญาปลอม

 ปัญญาหลอก เป็นความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด

 เป็นความรู้ที่ฆ่ากิเลสไม่ได้ ปัญญาที่เราฟังนี้

 ฆ่ากิเลสไม่ได้ เพราะไม่มีสติไม่มีสมาธิเป็นผู้หยุดกิเลส

 ปัญญาเป็นผู้สั่งให้สมาธิหยุดกิเลส

ปัญญาสั่งแล้วแต่สมาธิไม่มีกำลังก็หยุดมันไม่ได้

 ต้องมีทั้งสองอย่างถึงจะฆ่ากิเลสได้

มีทั้งสมาธิมีทั้งปัญญา ถ้ามีสมาธิ

ก็เพียงแต่หยุดกิเลสชั่วคราว

 เดี๋ยวพอเผลอกิเลสก็โผล่ขึ้นมาใหม่ ไม่ตาย

 ไม่ตายด้วยสมาธิ ต้องใช้ปัญญา

ต้องเห็นว่าการทำตามกิเลสเป็นทุกข์ นั่นคือปัญญา

 สมาธิไม่เห็นสมาธิเพียงแต่หยุดมันเท่านั้นเอง

 พอพุทโธๆๆไปกิเลสก็หยุดทำงาน

พอหยุดพุทโธ กิเลสก็โผล่ขึ้นมาใหม่

ถ้าจะไม่ให้กิเลสโผล่ขึ้นมาก็ต้องใช้ปัญญา

 เวลาโผล่ขึ้นมาก็อย่าไปทำตามมัน

 พอไม่ไปทำตามมันต่อไปมันก็ไม่มา.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.............................

สนทนาธรรม

วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๐






ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 16 กันยายน 2560
Last Update : 16 กันยายน 2560 10:52:35 น.
Counter : 904 Pageviews.

0 comments
เรื่องนี้ไม่ง่าย แต่คนมักชอบอะไรที่มันง่ายๆ 121 235 เขาถาม - ตอบกัน 450 > คำถาม : ทำอย่างไ สมาชิกหมายเลข 7881572
(16 เม.ย. 2567 09:58:49 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 36 : กะว่าก๋า
(14 เม.ย. 2567 06:17:30 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 35 : กะว่าก๋า
(13 เม.ย. 2567 05:51:40 น.)
อยาก อยากได้ กฎที่ถูกที่ดี ปัญญา Dh
(14 เม.ย. 2567 05:37:27 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Poungchompoo.BlogGang.com

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]

บทความทั้งหมด