<<< "วิธีดูพระแท้พระเทียม" >>>








"วิธีดูพระแท้พระเทียม"

ปัญหาต่างๆเรื่องราวต่างๆที่เราได้ยินได้ฟังกันนี้

 ก็เกิดจากความอยากทั้งนั้น

ที่เป็นข่าวหน้าหนึ่งทุกวันนี้

ก็มาจากความอยากทั้งนั้น

 ความอยากเสพกามจึงเป็นปัญหาขึ้นมา

 อยากเสพ รูป เสียง กลิ่น รส

 อยากนั่งรถเบนซ์นี่ก็เป็นความอยากเสพกามนะ

 อยากจะนั่งเครื่องบินส่วนตัวนี้

ก็เป็นความอยากเสพกาม

ความอยากจะใส่แว่นตาหรูๆ ใช้กระเป๋าหรูๆ

ใช้เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ

 อันนี้เป็นเรื่องของการเสพกามทั้งนั้น

นักบวชต้องไม่เสพกาม

นักบวชต้องมักน้อยสันโดษ สมถะเรียบง่าย

 ดูครูบาอาจารย์ท่านซิ ใส่แว่นตาหรูๆใช้กระเป๋าหรูๆ

 นั่งเครื่องบินส่วนตัวหรือเปล่า

 พระพุทธเจ้ามีราชรถนำขบวนหรือเปล่า

 พระพุทธเจ้าเวลาจาริกไปไหน

ไปโปรดสัตว์โลกนี้ท่านเดินไป ท่านเดินภาวนาไป

 นี่แหละคือแบบฉบับ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ

 ชาวพุทธเราไม่มอง มองไม่เห็นกัน

พอมาเจอพวกห่มเหลือง

ที่กลายเป็นผู้เหาะเหินเดินอากาศได้ก็ตื่นเต้นตกใจ

มีเงินมีทองเท่าไหร่ก็ประเคนไปให้หมดเลย

 เพราะหวังจะร่ำจะรวยจากการทำบุญ

 กับพระผู้วิเศษ เหาะเหินเดินอากาศได้

แล้วท่านก็เอาไปเสพกามอย่างสบาย

พอเป็นข่าวโผล่ขึ้นมาก็ตกใจกัน

 ก็เราเป็นคนส่งเสริมท่านเอง เอาเงินไปให้ท่านเอง

 เพราะหลงคิดว่าท่านเป็นผู้วิเศษ

ผู้วิเศษต้องแบบพระพุทธเจ้า

 แบบครูบาอาจารย์ทั้งหลาย หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

 ที่ท่านเป็นพ่อแม่ของพระครูบาอาจารย์

พระป่ากรรมฐาน ในสมัยปัจจุบันนี้ ท่านอยู่อย่างไร

ท่านมีรถเก๋งมีรถเบนซ์หรือเปล่า ถ้าอ่านประวัตินี้

 ตอนที่ท่านอยู่เชียงใหม่ นิมนต์อาราธนาท่าน

ลงมาจากเชียงใหม่มาโปรดญาติโยมที่อีสาน

 ท่านก็นั่งรถไฟมา ท่านเดินทางแบบชาวบ้าน

ชาวบ้านเขาเดินทางกันอย่างไร

ก็เดินทางแบบชาวบ้าน

 เวลาที่ท่านจะไปละสังขารหรือไปตายที่สกลนคร

เขาก็ต้องแบกท่านไป ไม่มีรถ ไม่มีอะไร

 ไม่มีเครื่องบิน ท่านไม่ให้ความสำคัญกับร่างกาย

 ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเสพกาม

 เพราะท่านรู้ว่าการเสพกามนี้มันเป็นบ่วง

ที่จะรัดสัตว์โลกให้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ

 แห่งการเวียนว่ายตายเกิดในกามภพนี้เอง

ผู้ที่เสพกามนี้ก็จะต้องกลับมาเกิดในกามภพ

กามภพ คือภพของใคร ก็ภพของเทวดาลงมา

 เทวดา มนุษย์ เดรัจฉาน เปรต นรก นี้

เป็นผู้ที่เสพกามทั้งนั้น ผู้ที่เป็นเปรต เป็นเดรัจฉาน

 เป็นนรก เพราะเสพกามด้วยการทำบาป

เช่น ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดประเวณี

 โกหกหลอกลวง เสพอบายมุขต่างๆ

พวกนี้ก็ต้องเกิดเป็นเดรัจฉานเป็นเปรตไปตกนรก

 ผู้ที่เสพกามด้วยการรักษาศีลได้ ก็จะไปสวรรค์

 เป็นเทพ เป็นมนุษย์ นี่เรียกว่าเป็นผู้เสพกาม

 ผู้ที่ไม่เสพกามก็จะไปเป็นพรหม

 คือผู้ที่ถือศีล ๘ ได้ผู้ที่เข้าฌาณได้

ทำจิตใจให้สงบได้

หาความสุขจากการทำใจให้สงบ

 พวกนี้ก็จะไปเกิดเป็นพรหมกัน

 พวกนี้ไม่เสพกาม นักบวช ต้องไม่เสพกาม

ถ้าเป็นนักบวชแล้วเสพกามนี้

มันไม่ใช่นักบวชแล้ว เป็นนักเบียด

ต้องบอกว่าเบียดก่อนบวชหรือบวชก่อนเบียด

 นี่ทั้งบวชทั้งเบียดไปด้วยกัน บวชด้วยเบียดด้วย

 ธรรมเนียมคนไทยก็คือต้องบวชก่อนเบียดใช่ไหม

 อายุครบยี่สิบก็บวช

 บวชแล้วก็ค่อยไปแต่งงานแต่งการ

 แต่สมัยนี้บวชแล้วก็เบียดไปพร้อมๆกันเลย

 เพราะไม่มีใครควบคุมดูแลพระเณร

 เพราะญาติโยมไม่รู้วิธีการปฏิบัติ

ของพระเณรที่ถูกต้อง ว่าควรจะปฏิบัติอย่างไร

 กลับถูกพระเณรหลอกให้สนับสนุน

เรื่องการเสพกามโดยไม่รู้สึกตัว

 ออกไปข้างนอกจีวรปลิวว่อนไปหมดนี่

 เรียกว่าไปเสพกาม

นักบวชที่แท้จริงต้องไปเข้าป่า

 ต้องสำรวมอินทรีย์ ตา หู จมูก ลิ้น กาย นี่ไปหมด

ที่ไหนญาติโยมไปพี่เหลืองคือพระเราก็ไปกันหมด

 มีถ่ายรูปมาด่ากันในหนังสือพิมพ์ก็ไม่เดือดร้อน

 ไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร

เพราะว่าไม่มีใครรู้เรื่องของพระ

ว่าวิถีชีวิตของพระเป็นอย่างไรกัน

 ก็คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วเดี๋ยวนี้

 พระออกไปข้างนอกวัดนี้เป็นเรื่องธรรมดา

 ไปช้อปปิ้งที่โน่นที่นี่เป็นเรื่องธรรมดาไปหมดแล้ว

 ไม่ใช่เป็นเรื่องตื่นตระหนก

เมื่อก่อนนี้เป็นเรื่องตื่นตระหนกนะ

มีพระไปโผล่ตามสถานอโคจรต่างๆ

 แม้แต่กิจนิมนต์พระเคร่งๆพระที่ท่านเข้มข้น

ท่านก็ไม่รับเห็นไหม

หลวงตามหาบัว ท่านไม่ให้พระรับกิจนิมนต์

 ก็เพราะท่านไม่อยากให้ออกไปข้างนอก

 ไม่ให้ออกไปเสพกามนั่นเอง

 ออกไปข้างนอกมันก็เห็นรูปฟังเสียง ได้กลิ่น

มันก็เห็นรูปเสียงของฆราวาสญาติโยม

 เดี๋ยวมันก็เกิดกามอารมณ์ขึ้นมา

กลับมาวัด ใจกว่าจะทำให้สงบได้ก็อีกหลายวัน

 เห็นรูปนั้นแล้วมันก็ยังติดตาติดใจอยู่อย่างนั้น

 ท่านจึงไม่ให้พระรับกิจนิมนต์

 เพราะว่ามันได้ไม่คุ้มเสีย

พระออกจากวัดไปโปรดญาติโยมนิดเดียว

 แต่ตัวเองกลับมานี้แทบจะตายเอา แทบจะต้องสึก

บางทีกลับมาอารมณ์วุ่นมากๆ

กว่าจะทำใจให้สงบได้

 นี่พระเณรที่ยังไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์นี้

ถ้าออกไปข้างนอกนี่รับรองได้

ไม่สึกก็อยู่แบบไม่เป็นพระ

ไม่สำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย

 ไม่สำรวมกาย วาจา ใจ

 ใจมันก็จะสงบไม่ได้ เมื่อไม่สงบ

มันก็จะมีความอยาก ความโลภ

ถ้าชาวพุทธเรารู้หน้าที่ของพระ

 เวลาพระทำอะไรไม่ถูก เราก็ต้องไม่สนับสนุน

 นี่เราไม่รู้กัน เรากลัวบาปกันไปหมด

ท่านพูดอะไรก็เชื่อไปหมด ดีไปหมด

เพราะเข้าใจว่าพระโกหกไม่ได้ใช่ไหม

บอกว่าระลึกชาติได้ก็ต้องเชื่อ

 บอกว่าตัดกรรมได้ก็ต้องเชื่อ

 บอกว่าไปเที่ยวสวรรค์ ไปเที่ยวนรกมาก็ต้องเชื่อ

 แล้วใครไปพิสูจน์ได้ว่านั่นพูดจริงหรือพูดไม่จริง

 ของบางอย่างถึงแม้จะเป็นความจริงก็ไม่กล้าพูด

คนที่รู้จริงเห็นจริงเขาไม่กล้าพูดหรอก

 ถ้าคนเชื่อก็ดีไป แต่คนไม่เชื่อก็อาจจะ

มากล่าวหาได้ว่าอุตริหรือเปล่า

 หรือว่าถ้าพูดไปแล้วไม่เกิดประโยชน์

 เรื่องของเดรัจฉานวิชาต่างๆนี้พูดไปแล้ว

มันไม่เกิดประโยชน์กับคนฟัง

ทำให้คนฟังเกิดความลุ่มหลงขึ้นมา ก็ไม่ควรพูด

ควรจะพูดในเรื่องที่ทำให้เขาหูตาสว่าง

พูดเรื่องไตรลักษณ์ พูดเรื่องอริยสัจ ๔

ถ้าจะเห็นก็ให้เห็นไตรลักษณ์ เห็นอริยสัจ ๔

 แล้วจะพูดก็พูดได้เต็มปาก ไม่เป็นปัญหา

ไม่เป็นโทษกับใคร แต่ถ้าพูดเรื่องเดรัจฉานวิชา

 พูดเรื่องระลึกชาติได้

 หรือพูดเรื่องชาติก่อนเป็นอย่างนั้นอย่างนี้

 ชาตินี้เลยต้องมาเป็นหลวงปู่ นี่มันไม่รู้พูดไปทำไม

 พูดเพื่อสร้างยกตนเอง เพื่อให้มีความสำคัญ

ให้น่าเลื่อมใสศรัทธา

 คนที่จะเลื่อมใสศรัทธาคนแบบนี้

ก็คือคนตาบอดเท่านั้นละ คนที่ไม่รู้ธรรม

 คนที่รู้ธรรมเขาไม่เลื่อมใสศรัทธา

กับเรื่องแบบนี้หรอก ชาวพุทธเราต้องฉลาด

ต้องศึกษา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

ให้รู้ว่าพระแท้จริงเป็นอย่างไร

พระปลอมเป็นอย่างไร

พระแท้ท่านอยู่อย่างไร ท่านปฏิบัติอย่างไร

ไม่มีใครศึกษาสนใจกัน เป็นชาวพุทธแท้ๆ

แต่สู้คนที่ไม่ใช่เป็นชาวพุทธไม่ได้

 พวกชาวต่างประเทศนี้เขาศึกษาถึงแก่นเลย

 เวลาเขาเข้าหาศาสนานี้

เขาเข้าไปในพระไตรปิฎกเลย

 ศึกษาพระพุทธประวัติ ศึกษาพระธรรมคำสอน

 เขาจึงไม่หลงกัน เขามาเมืองไทยนี้เขามาบวช

 เขาไม่ได้มาเพื่อจะมาหาลาภสักการะต่างๆ

พวกเราเป็นเหมือนไก่ได้พลอย

มีของดีกลับเขี่ยทิ้งไป ชอบแต่ของไม่ดีกัน

 ชอบตัวหนอนตัวไส้เดือน ชอบอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์

 ชอบวัตถุมงคล ชอบเสกชอบเป่า ชอบฟังพระสวด

พระสวดแล้วรู้สึกโอ้โห มีความสุขเหลือเกิน

 ได้บุญมาก แต่ไม่รู้ว่าสวดอะไร

ไม่เข้าใจความหมายเลย

การสวดก็คือสวดพระธรรมคำสอนเป็นการสั่งสอน

 เพียงแต่ว่าไปสอนภาษาบาลี ไม่สอนภาษาไทย

คนฟังก็เลยไม่เข้าใจ เลยไม่ได้ปัญญา

 ถ้าตั้งใจฟังก็อาจจะได้สมาธิ คือเวลาฟังพระสวด

แล้วตัวเองไม่ไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้

ใจจดจ่ออยู่กับการฟัง ก็จะได้อานิสงส์

ทำให้ใจสงบได้ แต่จะไม่ได้ปัญญา

 จะไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าสอนให้เราปฏิบัติอะไรกัน

สอนให้เราร่ำรวยหรือสอนให้เรายากจน

ถ้าปฏิบัติถ้าศึกษาแล้ว จะรู้ว่าท่านสอนให้เรายากจน

 เพราะความรวยนี้เป็นทุกข์

ความรวยดับความทุกข์ไม่ได้

 ความร่ำรวยจะเป็นตัวสร้างความทุกข์ให้เกิดมากขึ้น

 เพราะรวยแล้วก็ไม่อยากจะจน กลัวความจน

 ความกลัวความจนนี้คือความทุกข์

แต่พวกเราทุกคน ในที่สุดก็ต้องจนกันหมด

เวลาตายไปก็ไม่มีสมบัติเหลืออยู่เลยแม้แต่บาทเดียว

 เวลาจะตายนี้จะทุกข์มากคนที่กลัวความจน

 ความตายมันยังไม่ค่อยกลัว

กลัวที่จะต้องจากทรัพย์สมบัติ

จากสิ่งต่างๆไปมากกว่า

 คนที่ไม่มีอะไรเลยเวลาจะจากโลกนี้ไป

 เวลาจะตายเขาไม่ค่อยเดือดร้อน

 อย่างขอทานนี้เวลาเขาตายนี้

เขาไม่มีอะไรต้องเสียใจเสียดาย

 เขากลับดีใจว่าจะได้หมดทุกข์เสียที

 อยู่มาก็ทุกข์ทรมานเหลือเกิน

ศาสนาพุทธสอนให้เราให้มีความสุขใจ

ให้รวยทางจิตใจ รวยด้วยทรัพย์ภายใน

 รวยด้วยทาน รวยด้วยศีล รวยด้วยภาวนา

รวยด้วยมรรคผล นิพพาน

 เพราะอันนี้แหละเป็นอริยทรัพย์

ที่จะให้ความสุขกับเราอย่างแท้จริง

 และจะเป็นอริยทรัพย์

ที่จะติดไปกับเราทุกภพทุกชาติ

ก็ขอให้เราศึกษาธรรมะกันให้มากๆ

 เราจะได้ไม่หลงทางกัน จะได้ไม่ถูกหลอก

นี่มันมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาตั้งกี่ครั้งกี่หนแล้ว

 พอจางหายไปสักสองสามปีก็โผล่ขึ้นมาใหม่

รายเก่าจางหายไป รายใหม่โผล่ขึ้นมาใหม่

ลองนับมาซิ เวลาโผล่ขึ้นมาใหม่ๆ ก็ตื่นเต้นกัน

 คิดว่ามีศาสดาองค์ใหม่มากันแล้ว

 แล้วเดี๋ยวก็เกิดเรื่องฉาวกันตามมา

 แล้วพอสงบตัวไปสักพัก ก็โผล่ขึ้นมาใหม่อีกแล้ว

ก็มาแนวเดิม มาแนวอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์

ชาวบ้านก็ชอบเพราะชาวบ้านไม่เคยศึกษาธรรมะกัน

ไม่รู้ว่าของที่วิเศษวิโสจริงๆนั้นเป็นอย่างไร

คิดว่าอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์นี้เป็นของวิเศษ

ไม่ได้คิดว่าการดับกิเลส

ดับความทุกข์นี้เป็นของวิเศษกัน

 เวลาสอนให้ดับความทุกข์นี้ไม่ชอบกัน

 ไม่อยากให้รักษาศีลก็ไม่เอา

ให้ภาวนาให้นั่งสมาธินี้ไม่เอา ถอยหนีกันเลย

 ให้พิจารณาความแก่ ความเจ็บ ความตายนี้

ยิ่งไม่เอาใหญ่เลย พอคิดคำว่าตายเท่านั้น ไม่เอาแล้ว

 ไม่มงคลแล้ว เพราะขาดการศึกษา

 เป็นพุทธก็พุทธแต่ชื่อ

พุทธในทะเบียนบ้าน ไม่ใช่พุทธแท้

พุทธแท้ ต้องรู้จักพระพุทธเจ้า

 ต้องรู้จักพระธรรมคำสอน ต้องรู้จักพระอรหันตสาวก

 นี่ไม่รู้กันเลย ไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าวิเศษตรงไหน

 วิเศษอย่างไร คำสอนของพระพุทธเจ้าวิเศษอย่างไร

พระอรหันตสาวกท่านวิเศษอย่างไร

คนพวกนี้ไม่รู้จัก จะรู้จักแต่พระที่แจกวัตถุมงคลเท่านั้น

 ถ้าที่ไหนมีแจกวัตถุมงคลนี้ คนไปเป็นหมื่นเป็นแสน

 พอไปแจกธรรมะนี้หนีกระจายเลย

พอตั้งนะโมจะเทศน์สอนธรรมะเท่านั้น

ก็พากันลุกหนีกันหมดแล้ว.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.......................................

ธรรมะบนเขา ณ จุลศาลา

เขตปฏิบัติธรรมเขาชีโอน
วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ชลบุรี
วันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๖






ขอบคุณที่มา fb. วัดป่าดอทคอม
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 08 มกราคม 2561
Last Update : 9 มกราคม 2561 11:49:18 น.
Counter : 504 Pageviews.

0 comments
สักกายทิฐิ **mp5**
(8 เม.ย. 2567 11:07:04 น.)
ได้คะแนน ปัญญา Dh
(7 เม.ย. 2567 12:52:45 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 27 : กะว่าก๋า
(4 เม.ย. 2567 05:11:37 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 25 : กะว่าก๋า
(2 เม.ย. 2567 04:29:00 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Poungchompoo.BlogGang.com

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]

บทความทั้งหมด