เหนื่อยนักไปพักใจกัน ตอน ล่องเรือบางตะบูน ถ้ำเขาหลวง ปิดทริปเที่ยวที่พระราชนิเวศมฤคทายวัน
วันหยุดสบาย ๆ สวัสดีค่ะ สาวพักบล็อกไปยาว ๆ เพราะอยากให้ทุกคนได้ชมทริปบางตะบูนช่วงพิเศษได้อย่างเต็มที่ จริง ๆ เป็นข้ออ้างด้วย ^^ สาวเหนื่อยมาหลายวันอยากพักผ่อน ตอนนี้แบตเริ่มเต็ม เรามาเที่ยวกันต่อ วันนี้เป็นบล็อกเที่ยวในช่วงสุดท้าย ในวันที่ ๖ พฤษภาคม ช่วงเช้าเรานัดเรือไปล่องเรือที่อ่าวบางตะบูน จากนั้นกลับมาเช็คเอาท์ เดินทางต่อไปที่ถ้ำเขาหลวง ต่อไปที่พระรามราชนิเวศ หาดชะอำ และปิดทริปที่พระราชนิเวศมฤคทายวัน สถานที่ในฝันของสาว แต่ท้ายสุดเนื่องจากเวลามีจำกัด โดนตัดเหลือแค่ ล่องเรือ ถ้ำเขาหลวงและพระราชนิเวศมฤคทายวัน รูปเยอะ โหลดช้าหน่อยนะคะ พร้อมแล้วไปเที่ยวกันล่องเรือยามเช้าที่อ่าวบางตะบูน บางตะบูน เป็นชื่อที่ได้ยินครั้งแรกตอนจัดทริปเที่ยวกับ bloggang โจทย์ที่ได้มาคือ ห่างจากกทม.ไม่เกินสองชั่วโมง เราเลยเลือกบางตะบูนแห่งนี้ตามข้อเสนอของเป็ดสวรรค์ bloggang บางตะบูนอยู่อำเภอบ้านแหลม พื้นที่ ๆ อุดมสมบูรณ์ ความสวยงามของธรรมชาติ และสัมผัสวิถีชีวิตชาวประมงชายฝั่ง ทั้งการทำคอกหอยแครง การเก็บหอย โดยบริเวณ ใกล้ๆ เราจะเห็น กระท่อมเล็กๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อนอนเฝ้าหอย เรียกว่า กระเตง กระจายมากมาย แต่เราไปเช้ายังไม่ใครตื่นเก็บหอยให้เราดู อ่าวบางตะบูนในยามเช้าจึงเป็นสถานที่ที่เป็ดสวรรค์ยินดีนำเสนอ เรานัดเรือกันช่วงเช้าเพื่อไปชมอาทิตย์ขึ้นเวลานัด 05.30 น.มีเป็ดสวรรค์นำทีม ตามด้วยสาว บ๋อม และน้องมิกของเราซึ่งมิกไปแบบไม่ได้ตั้งใจ จริง ๆ ก่อนนอนเราถามว่าในทีมใครจะไปกับเรา ทุกคนพยายามชี้ไปมา จำไม่ได้ว่าสรุปที่ใคร แต่ไม่ใช่มิก สาวตื่นอาบน้ำตี 4.45 ส่วนบ๋อมไม่อาบ 555 เป็ดสวรรค์ทำเสียงประมาณว่าตื่นแล้วจากห้องข้าง ๆ ตอนตีห้านิด ๆ จากนั้นเราเลยออกมาเจอน้องมิกที่ตื่นมาถ่ายรูปเราเลยคุยว่าสรุปใครไป เพราะเราต้องพร้อมแล้ว ท้า่ยสุดมิกไปเคาะห้องถาม และวิ่งออกมาพร้อมกล้องแบบเฉียดฉิวก่อนเวลานัด อีกสองนาทีตีห้าครึ่งเรายังไม่เห็นเรือ เป็ดสวรรค์เริ่มกระสับกระส่ายกลัวไปไม่ทันอาทิตย์ขึ้น มิกวิ่งไปหาเบอร์เรืออีกครั้ง ท้ายสุดเรือก็มา เย้ ลุ้นมาก คนขับเรือชื่อ น้องตี่ ซึ่งทีแรกมืด ๆ สาวเรียกว่าพี่ตี่ พอสว่างเห็นว่าเด็กเลยเปลี่ยนสรรพนาม เราออกจากโฮมเสตย์ตอนตี 5.38 น.จากแต่โชคไม่เข้าข้าง ไม่เห็นอาทิตย์ดวงโต แต่มีเมฆแปลก ๆ เต็มไปหมด ที่เป็ดสวรรค์เรียกชื่อมา สาวจำไม่ได้สักชื่อ กระเตงในอ่าวมีมากมายให้เราถ่ายรูปกัน เราถ่ายวนอ่าวจนสายแล้วกลับ เพราะเตรียมตัวเดินทางต่อ สำหรับค่าเรือชมอาทิตย์ขึ้นลำละ 500 บาท แต่ถ้าจะไปไกลกว่านั้นตามตกลงกับเรืออีกที ถ้าใครมีเวลาล่องเรือต่อไปชมวาฬบลูด้าก็น่าสนใจมากนะคะ เราไปชมภาพกันดีกว่าค่ะ อากาศยามเช้าหน้าที่พักเรา ไปกันเถอะ เรากำลังจะลอดสะพานข้างหน้า อย่างงามเลยค่ะคุณผู้โชม ตรงหน้าเราคือ กระเตง กระท่อมเล็กๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อนอนเฝ้าหอย มีเรือผ่านหน้าเราเป็นระยะห่าง ๆ ตรงโน้นก็มี อาทิตย์ขึ้นพร้อมเมฆ มีชื่อเรียกยากที่สาวจำไม่ได้ แสงเริ่มมา ถ่ายรูปกันเถอะ สาวนั่งคนที่สองเลยไม่เห็นเป็ดสวรรค์ สวยจริง สวยจัง เห็นเงาเรือใต้กระเตงไหมคะ เราเริ่มวนเรืออีกครั้ง ใกล้ ๆ กระเตงมีเพื่อนฝูงเห่าใหญ่ แทบทุกบ้านมีน้องหมาค่ะ เริ่มสาย ได้เวลากลับ ตามเสานี่แหละค่ะ ที่เค้าเลี้ยงหอยแครง แดดส่องมาทางเรา ทุกคนเลยขอให้เรือพากลับ สวยไปอีกแบบ อีกฝั่ง บ้านริมน้ำชอบจัง มีเรือประมงสีสวยด้วย เรือนี้มีอะไรพ่วงไม่รู้ มีเรือประมงยามสายด้วย และแล้วก็ถึงที่พักโดยสวัสดิภาพ พร้อมสำหรับเดินทางต่อ รูปหมู่ก่อนเดินทางสักนิด วีีดีโอที่ล่องเรือVIDEO จุดหมายต่อไปคือ ถ้ำเขาหลวง ถ้ำเขาหลวง ตั้งอยู่ที่อยู่บนเขาหลวง ห่างจากเขาวังประมาณ 5 กิโลเมตร จากเชิงเขามีบันไดคอนกรีตนำสู่ทางลงถ้ำ เขาหลวงเป็นภูเขา ขนาดเล็กมียอดสูงสุดเพียง 92 เมตร มีหินงอกหินย้อย สีสันสวยงาม สำหรับถ้ำเขาหลวงถือเป็นถ้ำใหญ่และสำคัญที่สุดในเมืองเพชร ภายในถ้ำประดิษฐานพระพุทธรูปฉลองพระองค์อันสำคัญยิ่ง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างถวาย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไฮไลต์ของการมาเที่ยวถ้ำเขาหลวง คือ การได้ชมแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาจากปล่องแสงของเพดาน ถ้ำลงมาสู่พื้นข้างล่างคล้ายกับมีสปอร์ตไลท์ส่องลงมาเป็นภาพที่อัศจรรย์และงดงามมาก ซึ่งช่วงเวลาที่จะมีแสงส่องลงมาเยอะที่สุด คือประมาณ 9.30 -10.30 น. ซึ่งลักษณะของลำแสงจะแตกต่างกันไปตามสภาพอากาศในแต่ละฤดู ถ้ำแห่งนี้เคยเป็นที่เสด็จประพาสมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดถ้ำเขาหลวงนี้มาก โดยทรงบูรณะพระพุทธรูป เก่าแก่ที่มีมาแต่โบราณ ภายในถ้ำ นี้หลายองค์ด้วยกัน และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างบันได หินลงไปในถ้ำ ตรงทางเข้าเชิงเขาหลวงนั้น ขวามือมีวัดใหญ่อยู่วัดหนึ่งชาวเมืองเรียกว่า"วัดถ้ำแกลบ" ปัจจุบันคือ "วัดบุญทวี"ซึ่งเป็นวัดใหญ่ น่าชมมาก เพราะท่านเจ้าอาวาสวัดนี้ท่าน เป็นช่างได้ออกแบบศาลาการเปรียญและ ได้ สร้างสำเร็จเป็น ศาลาการเปรียญที่ใหญ่มาก และประตูโบสถ์เป็นไม้สลักลายสวยงามมาก วัดถ้ำแกลบนี้ มีตำนาน เล่าว่า ปากถ้ำแกลบที่วัดนี้คือทางเข้าสู่เมืองลับแลอันเป็นเมืองที่มีแต่หญิงสาวทั้งนั้น แต่ก็เป็นเพียง ตำนานของ ชาวเมืองเพชรนับร้อย ๆ ปีมาแล้ว ประวัติเล่าไว้ว่ารัชกาลที่ 4 เสด็จมาพร้อมโอรส 2 พระองค์ และโปรดให้ พระบรมวงศานุวงศ์ ร่วมกันสร้างพระและทรงบูรณะ เช่น สร้างรอยพระพุทธบาทจำลอง รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จ มาบูรณะต่อแล้วพระราชทานนามว่า วิมานจักรี ปัจจุบันมีพระพุทธรูปในถ้ำรวม 170 องค์ มีเจดีย์ในถ้ำ 6 องค์ ภายในถ้ำแบ่งพื้นที่โดยธรรมชาติเป็น 3 ห้องคือ ห้องแรก มีพระพุทธบาทจำลอง มีหินที่เกิดจากน้ำหยดลงมาเป็นรูปเหมือนเต่า ห้องนี้หินงอก หินย้อยสวยมาก และหินย้อยบางก้อนถูก คนลักตัดเอาไป ห้องที่ 2 เดินต่อไปจากห้องแรก เดินสะดวกถึงกันหมดทั้ง 3 ห้อง มีพระพุทธรูปเรียงรายรอบห้อง มีปล่องให้แสงสว่างเข้ามาพื้นถ้ำ นอกจากสวยแล้วยังให้ความสว่าง มีพระพุทธไสยาสน์องค์ และหลวงพ่อโตซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ี่ผู้ลงมาเที่ยวถ้ำจะมากราบ ไหว้บูชา มีธูปเทียนจำหน่ายให้นำไปบูชา มีพระนาคปรกและที่ฐานพระพุทธรูปองค์ หนึ่งยังมีตราประจำพระองค์ของรัชกาลที่1-5 จารึกไว้ด้วย ภายในถ้ำทุกห้องงามด้วยหินงอกหินย้อยและมีอากาศเย็นสบายไม่อับชื้น ถ้ำเขาหลวงมีชาวไทย ชาวต่างประเทศลงมาเที่ยว กันนานนับร้อยปีแล้ว มีบันทึกของชาวยุโรปและภาพปรากฏในงานพิมพ์ของอังรี มูโอ นักธรรมชาติิวิทยาชาวฝรั่งเศสที่เดินทางมายังไทย ลาว กัมพูชาแล้วกลับไปตีพิมพ์ไว้เมื่อ พ.ศ.2407 ถ้ำเขาหลวงนี้สุนทรภู่ได้เคยมาเที่ยวและเล่าไว้ในนิราศเมืองเพชรอีกด้วย ทางขึ้นค่ะ เราจอดรถแถวนี้ แล้วขึ้นรถสองแถวรับส่งที่เค้าเตรียมไว้ปากทาง ค่ารถคนละ 15 บาท เดินทางไม่ถึง 5 นาทีก็มาถึงด้านบน ถ่ายรูปหมู่กัน ตอนนี้เรากำลังตกลงกันว่าจะลงไปกี่คน มีป้าค่อย ๆ ลงมาคนเดียวเทพมาก ท้ายสุดมี แหม่ม เป็ดสวรรค์ สาว บ๋อม และพี่คนขับรถไป เป็ดสวรรค์กลัวแสงหมดเลยรีบเดินเข้าไป ทางลงถ้ำ มีลิงเป็นระยะ ๆ เราต้องลงบันไดนิดหน่อย มองจากด้านล่าง ข้างบันไดก็ห้องเล็ก ๆ ที่นี่มีเวลาเปิดปิด เรามาถึงตอน 10 โมงนิด ๆ แสงกำลังสวย เรารอเข้าคิวถ่ายรูป แหม่มถ่ายก่อน ตามด้วยสาว พระนอนสวย มีเหตุการณ์ระทึกด้วยมีลิงเปิดประเป๋าเป็ดคว้ามือถือ ท้ายสุดมีคนช่วยเลยไม่ต้องเสียมือถือ พระองค์ใหญ่ งามมากค่ะ ตอนนี้มีหมู่คณะลงมาเที่ยวกลุ่มใหญ่ เราเลยเตรียมกลับ มีลิงกำลังหาเห็บมั้งระหว่างทางด้วย มีโอกาสคงได้มาใหม่ ถ้ำเขาหลวง ได้เวลาเดินทางต่อกับจุดหมายสุดท้ายในวันนี้ "พระราชนิเวศมฤคทายวัน" พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ตำรวจตระเวนชายแดนค่ายพระรามหก ประกอบด้วยหมู่พระที่นั่งใหญ่ 3 องค์ ปลูกเรียงรายไปตามแนวชายหาด ทุกองค์สร้างอย่างแบบยุโรปสิ่งที่น่ายกย่องของสถานที่แห่งนี้ ได้แก่ ความตั้งใจและความพยายาม ที่จะสร้างที่ประทับให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศอย่างแท้จริงโดยปรับให้เข้ากับภูมิอากาศของไทยที่ร้อนชื้นได้เป็น อย่างดี สร้างขึ้นด้วยไม้สักทองทั้งหลัง ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของพรรณไม้ร่มรื่นและหาดทรายขาวสะอาดตาผสานเสียงเกลียว คลื่นดังกระทบฝั่งอยู่เป็นระยะๆ นับเป็นบรรยากาศที่สงบและรื่นรมย์ดุจดังแต่กาลก่อน รูปแบบสถาปัตยกรรมพระราชนิเวศน์มฤคทายวันมีใต้ถุนที่โปร่งโล่งเปิดรับลมทะเลที่พัดเข้าสู่หมู่พระที่นั่งให้ความเย็นสบายตลอดวัน หลังคาทรงปั้นหยาซึ่งกันแดดและฝนได้ดี กระเบื้องมุงหลังคาทำด้วยซีเมนต์เคลือบสีแดง แนวระเบียงเชื่อมองค์พระที่นั่งทั้งสามอย่างฝรั่ง ที่เรียกว่า คัฟเวอร์เวย์ (Cover Way) ให้ความสะดวกสบายและปลอดภัยในการสัญจรไปมา ไม่ต้องเดินขึ้นลงบันไดบ่อยๆ พื้นระเบียง และพระที่นั่งทำด้วยไม้สักลงเงาดูโอ่อ่าสวยงามยิ่ง ส่วนเพดานใช้คานไม้ดัดโค้งบรรจุระหว่างช่วงเสาทุกช่วงตลอด แนวระเบียง เพิ่มความอ่อนช้อยให้กับพระราชนิเวศน์ เช่นเดียวกับสถาปัตยกรรม ยุโรปซึ่งจัดจังหวะโค้งของวงกบหน้าต่างตอนบนให้ ความอ่อนหวานและยังคงได้รับความนิยมสืบมาจนถึงปัจจุบัน พระราชนิเวศน์แห่งนี้มีตำนานที่เล่าขานต่อๆ สืบเนื่องมาจากเมื่อคราวที่พระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี ทรงพระครรภ์์นั้น องค์พระมหาธีรราช เจ้าทรงพระเกษมสำราญยิ่งด้วยทรงมุ่งหวังว่าจะทรงมีพระปิโยรส แต่ความหวังทั้งมวลก็สิ้นสลายเมื่อ สมเด็จพระนางเจ้าฯไม่สามารถ มีพระประสูติกาลได้ ยามนั้นพระองค์ท่านทรงอภิบาลพระมเหสีด้วยน้ำพระทัยเป็นห่วงและเศร้าสร้อย ณ พระที่นั่งสมุทรพิมานแห่งนี้ จึงเป็นที่มาของชื่อพระราชวังแห่งความรักและความหวัง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จ มาประทับ ณ พระราชนิเวศน์มฤคทายวันพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสุวัฒนาฯ อีกครั้งระหว่างวันที่ 12 เมษายน ถึงวันที่ 20 มิถุนายน 2468 การเสด็จครั้งนี้เสมือน หนึ่งการเสด็จมาเพื่ออำลาพระราชนิเวศน์ที่ทรงรักโดยแท้ เพราะเมื่อเสด็จกลับพระนครแล้วต่อมาไม่นาน ก็เสด็จสวรรคต จากวันนั้นนับเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาร่วม 70 กว่าปีแล้ว พระราชนิเวศน์ได้ถูกทอดทิ้งจนทรุดโทรมลงเป็นลำดับจนกรมตำรวจ ได้เข้ามาดูแลเป็นการถาวร โดยใช้เป็นที่ตั้งกองกำกับการ 1 กองบังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และได้ทำการบูรณะซ่อมแซม ปลูกต้นไม้เพิ่มเติมจนงดงามร่มรื่น พระราชนิเวศน์มฤคทายวันได้เผยความงามอันล้ำค่าจากงานฝีมือ ของช่างไทยและช่างยุโรปในอดีต ผสมผสานมาเป็นงานสถาปัตยกรรมอันงดงามนุ่มนวล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปเยี่ยมเยือน และควรแก่การทะนุถนอม หวงแหนเป็นมรดกล้ำค่าของอนุชนชาวไทยสืบไป พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน เปิดให้เข้าชมทุกวัน - วันจันทร์-วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.00 - 16.00 น. - วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 08.3016.00 น. - ค่าเข้าชม ชาวไทยและชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 15 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3250 8039 ข้อมูลทั้งหมดจากเว็บไปด้วยกันพระราชนิเวศมฤคทายวัน สถานที่ในฝัน ตั้งแต่เด็กที่จำความได้ มีหนังเรื่องนึงที่ประทับใจ คือ จากวันที่เหลืออยู่ สาวคุ้น ๆ ว่าถ่ายที่นี่ ประกอบที่สาวมีความศรัทธาในรัชกาลที่ ๖ มาก สาวเลยใฝ่ฝันที่จะมาที่นี่ไม่ตำกว่า ๒๐ ปี จนวันที่วางแผนทริปแล้วลงตัวที่เพชรบุรีโซนทะเล สาวเลยขอร้องกึ่งบังคับ 555 ว่าไปที่ไหนก็ได้แต่ขอใส่ที่นี่ด้วย พระราชนิเวศมฤคทายวันเป็นเส้นทางที่ออกนอกสถานที่ ๆ เราไปพอสมควร แต่ทุกคนยอมสาว ให้สาวมาจนได้ แม้จะเป็นช่วงปรับปรุงที่นี่ยังสวยเสมอในสายตาสาว ท้ายสุดสาวอยากขอบคุณทีมงาน เป็ดสวรรค์ที่ให้สาวมาที่ ๆ สาวรอคอยมานานไว้ตรงนี้ด้วยค่ะได้เวลาชมวัง เริ่มจากทางเข้า ตรวจกล้อง แต่งตัวทั้งชาย หญิง เดินไปทางนี้ จุดเปลี่ยนผ้า วันนี้ได้ยินว่ามีคณะมา ไกด์กำลังอธิบายที่อาคารนั้น สาวไปยืนฟังแป๊บนึง แล้วเดินไปชมส่วนอื่น รอบนี้เราเดินสามคนมี เป็ด สาว บ๋อม ทีมงานไม่เข้ามากับเรา เป็ดจ่ายค่าเข้าให้ น่ารักจริง ที่พื้นมีข้อความบอกด้วย อีกข้อความไม่ไกลกัน วันนี้แดดร้อน ทะเลสวย มีทางให้เราเดิน ลีลาวดีริมหาด เริ่มเห็นวังแล้ว ขอช่วยบ๋อมเป็นแบบ และสาวด้วย ได้เวลาเดินเข้าไปข้างในกัน มีคำบรรยายเป็นระยะ บังเอิญถ่ายติด มุมนี้สวย ที่นี่สวย มีทางเดินเยอะมาก ช่วงที่เราไปกำลังปรับปรุง เลยเข้าได้ไม่หมด ชอบ สวยดี สาวเดินไปแทบไม่ถูกเลย แม้ปรับปรุงแต่ยังสวย มุมนี้ก็ชอบ มีสวนมัทนะพาธาด้วย สาวชอบมุมนี้ สักรูป ตอนนี้เรากำลังจะเดินไปทะเล วิวทะเล ตอนนี้เป็ดสวรรค์กับบ๋อมออกไปข้างนอกแล้ว เริ่มตามสาว ที่ยังเดินไม่เสร็จ ^^ อาคารนี้ก็ยังไม่เดินเลย ระหว่างทางกลับ ผ่านซุ้มนี้ อย่างสวยเลย สาวเลยเข้าไปดูมีน้ำพุ ระหว่างทางมีนิทรรศการด้วย ตอนนี้ทุกคนไม่อยากรอสาวแล้ว 555 เลยไปรวมตัวกันร้านกาแฟ สาวรีบแวะร้านของฝาก แล้วเดินตามไป ไปถึงแหม่มกำลังร้องเพลงเบา ๆ ในร้าน ได้เวลากลับแล้วละคะ ขอบคุณที่แวะมาชมทริปเที่ยวของเรา บล็อกหน้ารีวิวที่พัก ร้านอาหาร VIDEO
Create Date : 08 กรกฎาคม 2561
Last Update : 8 กรกฎาคม 2561 19:26:27 น.
24 comments
Counter : 3846 Pageviews.
ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณเริงฤดีนะ , คุณJinnyTent , คุณสองแผ่นดิน , คุณhaiku , คุณSweet_pills , คุณKavanich96 , คุณสายหมอกและก้อนเมฆ , คุณmoresaw , คุณไวน์กับสายน้ำ , คุณtuk-tuk@korat , คุณnewyorknurse , คุณอุ้มสี , คุณschnuggy , คุณInsignia_Museum
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 8 กรกฎาคม 2561 เวลา:20:09:02 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 กรกฎาคม 2561 เวลา:20:12:08 น.
โดย: JinnyTent วันที่: 8 กรกฎาคม 2561 เวลา:20:39:17 น.
โดย: VELEZ วันที่: 8 กรกฎาคม 2561 เวลา:21:13:07 น.
โดย: mambymam วันที่: 8 กรกฎาคม 2561 เวลา:21:17:51 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 8 กรกฎาคม 2561 เวลา:21:33:35 น.
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 8 กรกฎาคม 2561 เวลา:23:02:48 น.
โดย: Sweet_pills วันที่: 8 กรกฎาคม 2561 เวลา:23:18:16 น.
โดย: Kavanich96 วันที่: 9 กรกฎาคม 2561 เวลา:2:49:50 น.
โดย: moresaw วันที่: 9 กรกฎาคม 2561 เวลา:5:31:33 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 กรกฎาคม 2561 เวลา:6:31:26 น.
โดย: kae+aoe วันที่: 9 กรกฎาคม 2561 เวลา:8:41:58 น.
โดย: Artagold วันที่: 9 กรกฎาคม 2561 เวลา:13:01:06 น.
โดย: แมวเอิง วันที่: 9 กรกฎาคม 2561 เวลา:15:15:45 น.
โดย: เนินน้ำ วันที่: 9 กรกฎาคม 2561 เวลา:17:34:55 น.
โดย: ลุงแมว วันที่: 9 กรกฎาคม 2561 เวลา:21:08:40 น.
โดย: อุ้มสี วันที่: 10 กรกฎาคม 2561 เวลา:13:33:43 น.
โดย: ชีริว วันที่: 12 กรกฎาคม 2561 เวลา:22:15:32 น.
ช่วงนี้เหนื่อยกาย เหนื่อยใจ
เลยมาแวะพักกาย พักใจ บล็อคนี้
ด้วยคนค่ะ
พี่อ้อมาจากสตูลค่ำๆวันที่ 10
คืนวันที่ 10-11 พี่อ้อนอนตรังค่ะ
คงจะเป็น โรงแรมเดิม
ที่ใกล้บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดตรัง
เสร็จงานประมาณวันที่ 12 กค
ก่อนเที่ยง และเลยไปจังหวัดกระบี่
คงได้เจอกันที่ Office นะคะ