Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
18 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 

. . . รถใช้ก๊าซต้องแจ้งตรวจสภาพ--สมัครคนเดินโพยหวยบนดินวันแรก-กราฟราคาทอง. . .



. . .

กรมการขนส่งทางบกระบุมีผู้แจ้งเปลี่ยนเชื้อเพลิงกว่า 515,000 ราย


นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ รักษาการอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า หลังจากที่กรมการขนส่งทางบก ประกาศให้ประชาชนที่เปลี่ยนแปลงการใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมันมาเป็นเอ็นจีวี และแอลพีจี ในช่วงกลางเดือน ก.ค. จนถึงวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้แจ้งเปลี่ยนเชื้อเพลิงรวม 515,000 ราย

อย่างไรก็ตาม จำนวนดังกล่าวยังคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 50 ของผู้ที่มีการเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงทั้งหมด โดยกรมการขนส่งทางบกประเมินว่า ปัจจุบันมีผู้เปลี่ยนเชื้อเพลิงมาใช้แอลพีจีและเอ็นจีวีแล้วกว่า 1 ล้านคันทั่วประเทศ โดยสัดส่วนของผู้ติดตั้งแอลพีจี เมื่อเทียบกับเอ็นจีวี เป็นสัดส่วน 80 : 20

หลังจากนี้กรมการขนส่งทางบก จะเริ่มกวดขันการสุ่มตรวจตามสถานีบริการเติมแอลพีจี และเอ็นจีวี โดยจะร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกรมธุรกิจพลังงานออกตรวจสอบ หากพบว่ามีรายใดไม่มาแจ้งจดเปลี่ยนเชื้อเพลิงก็จะมีโทษตามกฎหมาย คือ ปรับรายละ 1,000 บาท

จากการสำรวจของกรมการขนส่งทางบก พบว่ามีอู่ที่ได้มาตรฐานได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก แบ่งเป็นอู่ติดตั้งเครื่องยนต์แอลพีจี 56 ราย เอ็นจีวี 58 ราย ส่วนที่เหลือที่จะเป็นอู่ที่ไม่ได้มาตรฐาน หากนำรถไปติดตั้งเครื่องยนต์ก็เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติร้ายแรงได้

สำหรับการควบคุมความปลอดภัยนั้น เอ็นจีวี จะไม่มีปัญหาในการดำเนินการ เนื่องจากเติมก๊าซแต่ละครั้งผู้ติดตั้งจะต้องแสดงการ์ดเพื่อขอรับบริการ ซึ่งการได้รับการ์ดดังกล่าวจะต้องผ่านการตรวจสภาพมาแล้ว

ส่วนรถที่ติดตั้งแอลพีจี ขณะนี้ยังไม่มีการออกการ์ด แต่สัปดาห์ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมมีประกาศกฎกระทรวงเพื่อดำเนินการควบคุมรถยนต์ติดแอลพีจี โดยรถที่ติดตั้งแอลพีจี เมื่อผ่านการตรวจสภาพจะมีบันทึกในสมุดคู่มือของรถยนต์คันดังกล่าว ซึ่งกรมการขนส่งทางบก ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการสถานีบริการแอลพีจี ก่อนเติมแก๊สให้กับผู้ใช้รถ ขอให้เรียกตรวจสมุดคู่มือรถด้วย

กรมการขนส่งทางบก ระบุว่าผู้ใช้รถที่เปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงเป็นก๊าซแอลพีจี หรือเอ็นจีวี ต้องแจ้งการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ภายใน 15 วัน หลังจากติดตั้ง

. . .



ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผยผู้ถือบัตรเครดิตปรับพฤติกรรมลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยลง


บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2551 ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการบัตรเครดิตยังคงทำแคมเปญการตลาดขยายฐานบัตรเครดิตและกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตอย่างต่อเนื่อง แต่แคมเปญการตลาดไม่คึกคัก เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ยังคงปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับสูง ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคหลายรายการมีการปรับราคาสูงขึ้น ซึ่งผลกระทบต่อผู้บริโภคทั้งในด้านกำลังซื้อ และความสามารถในการผ่อนชำระสินเชื่อ

จะเห็นได้ว่า ภาพรวมของการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2551 ที่ผ่านมา มีปริมาณการใช้จ่ายประมาณ 198,069 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 13.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่อัตราขยายตัวลดลงหลังปรับอัตราเงินเฟ้อไตรมาส 2 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ทำการสอบถามถึงการปรับตัวของผู้บริโภค พบว่า ส่วนใหญ่มีการปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยลง เช่น ดูหนัง กินข้าวนอกบ้าน เป็นต้น คิดเป็นร้อยละ 48.5 ของกลุ่มตัวอย่าง รองลงมา คือ ผู้บริโภคมีการปรับพฤติกรรมในการซื้อสินค้า เช่น ซื้อจำนวนน้อยลง เป็นต้น คิดเป็นร้อยละ 42.4 ของกลุ่มตัวอย่าง เนื่องจากธุรกิจบัตรเครดิตเป็นธุรกิจที่ขึ้นอยู่กับการใช้จ่ายของผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งแน่นอนว่า การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคส่งผลกระทบต่อปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตชะลอลงเช่นกัน

สินเชื่อคงค้างบัตรเครดิตไตรมาส 2 ปี 2551 ชะลอตัวลงเช่นกัน ภาพรวมยอดสินเชื่อคงค้างบัตรเครดิตทั้งระบบในไตรมาส 2 ปี 2551 มีมูลค่าประมาณ 179,096 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 6.0 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.0 ในไตรมาสแรก แต่เมื่อปรับผลของเงินเฟ้อแล้วจะได้ว่า สินเชื่อคงค้างดังกล่าวหดตัวร้อยละ 1.5

ด้านยอดค้างชำระบัตรเครดิตเกิน 3 เดือนขึ้นไป ในไตรมาส 2 ปี 2551 มีประมาณ 5,497 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.1 ของยอดสินเชื่อคงค้าง
ส่วนภาพรวมธุรกิจบัตรเครดิตในระยะที่เหลือของปี 2551 ผู้ประกอบการน่าจะเริ่มหันกลับมาทำการตลาดกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมากขึ้น เนื่องจากคาดว่า ตลาดบัตรเครดิตในช่วงที่เหลือของปีนี้น่าจะเริ่มมีการฟื้นตัว

โดยปัจจัยที่สนับสนุนมาจากผลของมาตรการบรรเทาผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อที่รัฐบาลได้อนุมัติในวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา คาดว่าจะส่งผลดีในด้านความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ประกอบกับราคาน้ำมันโลกที่ปรับลดลงมา ทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศเริ่มลดลง ซึ่งน่าจะช่วยบรรเทาภาระรายจ่ายในกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้รถได้ระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เหลือของปี 2551 ธุรกิจบัตรเครดิตอาจจะยังคงต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะค่าครองชีพที่ยังคงอยู่ในระดับสูง อาจจะทำให้ผู้บริโภคยังคงใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ทำให้การฟื้นตัวของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตอาจจะไม่ฟื้นตัวตามที่คาด

. . .



ประชาชนแห่สมัครคนเดินโพยคึกคัก ยอดรวมกว่า 1 แสนราย กองสลากฯมั่นใจเปิดขายหวยทันงวดวันที่ 1 ต.ค.นี้


บรรยากาศการรับสมัครคนเดินโพยหวยออนไลน์ เลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ที่อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก ซึ่งเปิดเป็นวันแรก มีประชาชนมารอยื่นใบสมัครจำนวนมาก ตั้งแต่ก่อนเวลาเปิดรับสมัคร 08.00 น.

นายวันชัย สุรกุล รักษาการ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ในวันแรกของการเปิดรับสมัคร ภาพรวมการจัดการไม่มีปัญหาติดขัดแต่อย่างใด ยกเว้นในส่วนของผู้สมัครที่ต้องแก้ไขใบสมัครซึ่งก็มีไม่มากนัก แต่หากข้อมูลใบสมัครครบถ้วนไม่ผิดพลาดจะใช้เวลาเพียง 2 นาที ในการตรวจสอบเอกสาร และจะมีการแจกเอกสารเพื่อให้รับทราบเงื่อนไขหลักเกณฑ์ของคนเดินโพย รวมทั้งเอกสารวิธีการขั้นตอนในการซื้อขายจากตู้ออนไลน์

สำหรับคนที่มีปัญหาเอกสารไม่มีบาร์โค้ด หรือเอกสารไม่ครบตกค้างจะเปิดให้ยื่นเอกสารในเวลา 16.00 น. - 18.00 น. อีกครั้ง และจะออกบัตรชั่วคราวให้ โดยบัตรตัวจริงทางกองสลากจะส่งให้กับผู้เดินโพยภายหลัง

ทั้งนี้ ยอดของผู้กรอกใบสมัครตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. ถึงวันที่ 17 ส.ค. มียอดรวมทั้งบุคคลทั่วไป และคนพิการ 102,021 คน เป็นผู้พิการประมาณ 2,000 คน

ส่วนการรับสมัครคนเดินโพยในพื้นที่ต่างจังหวัด จะเปิดรับสมัครในจังหวัดใหญ่ๆในภูมิภาค ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถเปิดจำหน่ายหวยออนไลน์ในวันที่ 17 กันยายนนี้ เพื่อให้ทันออกสลากงวดแรกวันที่ 1 ตุลาคมนี้อย่างแน่นอน โดยคาดว่าจะมีคนเดินโพยรวมทั้งประเทศประมาณ 200,000 คน

สำหรับส่วนแบ่งรายได้จากการขายสลากจะแบ่งสัดส่วนร้อยละ 60 จัดสรรเป็นเงินรางวัล, ร้อยละ 28 ส่งเข้าคลัง, และร้อยละ 12 เป็นค่าบริหารจัดการ
ในส่วนค่าบริหารจัดการร้อยละ 12 สำนักงานสลากฯ จะได้ร้อยละ 4, อีกร้อยละ 4 เป็นของเจ้าของตู้ออนไลน์, คนเดินโพยร้อยละ 3.5, และที่เหลือร้อยละ 0.5 สำรองไว้เป็นค่าธรรมเนียมให้เจ้าของตู้ที่จ่ายเงินรางวัลแทนสำนักงานสลากฯ

สำหรับรางวัลแจ็คพ็อต ทุกๆยอดขาย 1,000 ล้านบาท จะเป็นรางวัลแจ็กพอต 10 ล้านบาท และมีรางวัลพิเศษประมาณ 200,000 บาท ซึ่งจะมีเลขพิเศษแจกให้กับผู้ซื้อทุกๆ 10 บาท เพื่อลุ้นรางวัลพิเศษ

สำหรับเงินรางวัลปกติเป็นแบบแปรผัน ขึ้นลงตามยอดผู้ซื้อ เช่น 3 ตัวบน วัดจากสถิติ 8 เดือน ในช่วงที่จำหน่ายหวยบนดิน ได้รางวัลสูงสุดบาทละ 1,800 บาท ต่ำสุดบาทละ 380 บาท, รางวัล 2 ตัวบน-ล่าง ต่ำสุด 50-60 บาท สูงสุดประมาณ 100 บาท โดยกำหนดการซื้อหวยขั้นต่ำ 40 บาทขึ้นไป

. . .




 

Create Date : 18 สิงหาคม 2551
2 comments
Last Update : 18 สิงหาคม 2551 19:11:12 น.
Counter : 713 Pageviews.

 

 

โดย: loykratong 18 สิงหาคม 2551 19:27:38 น.  

 


อันนี้น่ากิน



แต่เค้าชอบอันนี้ม๊ากๆๆๆๆๆน่ะ อย่าลืมล่ะ อิอิอิ

 

โดย: เรือรักแล่นลิ่วเริงร่า 19 สิงหาคม 2551 15:00:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.