|
|
|
- อาทิตย์ จันทร์ เมฆา และวายุ...
- ... กินเจปี’52 ฯ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ...
- ... ขนมไหว้พระจันทร์ปีนี้ ยอดขายดีกว่าปีก่อน...โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย...
- ... สภาพคล่องในงบดุลของธนาคารพาณิชย์ไทย ส.ค. 52 … เพิ่มขึ้น โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย....
- ... กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ... ผลกระทบต่อธุรกิจกองทุนรวม ...
- บริการคงสิทธิเลขหมาย…กระทบผู้ให้บริการ หลังเปิดใช้ 3G โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ภาวะเงินเฟ้อติดลบใกล้สิ้นสุด ...
- ... ส่งออกรถยนต์ไทยครึ่งหลัง 2552 มีสัญญาณดีขึ้น โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ...
- . . . Digital Content Industry . . .โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 : ผลกระทบต่อหลากธุรกิจ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ... . ตลาดหนังสือปี’52 : อัตราขยายตัวชะลอลง...สำนักพิมพ์ต้องเร่งปรับตัว โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย.
- ...พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ... ผลต่อสภาพคล่องและดอกเบี้ยแบงก์ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย...
- ... ยางธรรมชาติครึ่งหลังปี 52 โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย...
- การจัดสรรเงินออม...ภายใต้ปัจจัยเสี่ยงในช่วงครึ่งหลังของปี’52 โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ... แนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลัง 2552 ... โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ... แนวโน้มเงินบาทครึ่งหลังปี 2552 ...
- ... กรมธนารักษ์เปิดจ่ายแลกเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่ครบทุกชนิดราคา ...
- ... ท่องเที่ยวครึ่งหลังปี 2552...มีโอกาสฟื้นตัวปลายปี....
- ตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนพฤษภาคม 2552
- ธนาคารกรุงไทยจัด 2 โปรโมชั่นกระตุ้นการใช้จ่าย
- ...วิกฤตการณ์ทางการเงินของโลก : เงินทุนต่างชาติชะลอตัว... ผลต่ออสังหาริมทรัพย์ไทย...
- ... ส่งออก-ลงทุน-ท่องเที่ยว ไทย-จีน : มีทิศทางปรับดีขึ้น โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ...
- ... ตัวเลขว่างงานเดือนเมษายน 2552 พุ่งขึ้น 49.7% ...
- คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25%
- การส่งออกไม่รวมทองคำในเดือนพฤษภาคมหดตัว 27.3%
- ...เศรษฐกิจไทยมีโอกาสฟื้นตัวเพิ่มมากขึ้น... แต่...
- กฎหมายกู้เงินฉุกเฉิน 4 แสนล้านบาท … เปิดทางกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- .... ทำไม ต้องทำประกัน???.... (ด้วยคะ)........
- ราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรระยะยาว : ความท้าทายของเศรษฐกิจไทย
- การนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมาใช้
- การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์: ฟื้นตัวแล้ว?
- เงินบาทแข็งค่าสูงสุดในรอบ 8 เดือน
- . . . .กระแสรักสวย-รักงาม...ยังคงทำให้ธุรกิจขยายตัว . . . .
- เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 2/2552 อาจยังคงหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง
- เศรษฐกิจไทยอาจฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในครึ่งปีหลัง … แต่ยังมีปัจจัยที่ต้องระวัง
- . . .ราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นลิตรละ 80 สตางค์ ส่วนดีเซลเพิ่มขึ้นลิตรละ 60 สตางค์ วันที่ 21 พ.ค.นี้
- ตัวเลขว่างงานเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ... ลดลงเพราะผลจากฤดูกาล
- . ตลาดหุ้นไทยร่วง 26 จุด - บุหรี่ในขึ้น 10-13 บาท บุหรี่นอก 15-17 บาท
- ผู้บริโภคร้องเรียนร้านค้ากักตุนบุหรี่กว่า 200 ราย
- . . . กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอ ครม. ตัดสินขึ้นภาษีที่ดิน . . .
- . . . ข่าวดี ที่เกิดขึ้น ก่อนวันพระ หนึ่งวัน . . .
- . . .ขึ้นภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย . . .
- ครม.ไฟเขียวให้ลูกจ้าง-นายจ้างลดส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคมเหลือ 3% จาก 5%
- . . .อัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายน52 ...ติดลบเป็นเดือนที่ 4 . . .
- ขึ้นน้ำมันทุกชนิดลิตรละ 1.55 บาท ยกเว้นอี 85 มีผลวันที่ 1 ก.พ.นี้
- ครม.มีมติเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมันทั้งเบนซิน-ดีเซล มีผลวันที่ 1 ก.พ. นี้
- คลังเตรียมพิจารณากฎหมายเพื่อเก็บภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้าง รวมถึงภาษีมรดก
- เตือนภัยหญิงไทยที่ติดต่อชาวต่างชาติผ่านทางระบบ Internet ระวังถูกหลอกให้เสียเงินจากการรับสินค้า
- 7 มาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ-- ปิดปั๊มหลังเที่ยงคืน 31 ม.ค.ก่อนขึ้นราคาน้ำมัน
- กรมสรรพากรชี้แจงเงื่อนไขหักลดหย่อนภาษีเบี้ยประกันชีวิต สำหรับกรมธรรม์ที่ทำหลังวันที่ 1 ม.ค.52
- ราคาก๊าซรถยนต์(แอลพีจี)อาจเพิ่มขึ้น 2 บาทต่อกก.-กระทรวงแรงงานจัดงาน “ตลาดนัดแรงงาน” ทุกวันเสาร์. . .
- กนง. ลดดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 เหลือร้อยละ 2.00 -- รมว.แรงงานแจงช่วยค่าครองชีพจ่าย 2,000 บาท ครั้งเดียว
- ครม.อนุมติงบกลางปี 1.15 แสนล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจ 18 โครงการ
- ต่ออายุ 6 มาตรการฝ่าวิกฤติ - นัดพบแรงงานทุกวันเสาร์ - อนุมัติงบช่วยเหลือผู้ว่างงาน
- ขึ้นราคาน้ำมันลิตรละ 60 สตางค์ 7 ม.ค.นี้
- เงินเฟ้อปี 51 - 5.5% --- หุ้นวันแรกบวก 28 จุด -- ตรึงราคาก๊าซแอลพีจี และเอ็นจีวี. . .
- ราคาน้ำมันปีหน้า มีแนวโน้มทรงตัว แต่ค่าไฟฟ้าช่วงครึ่งปีแรกจะปรับขึ้น
- นายกเตรียมปรับลดใช้น้ำฟรีเหลือ 30 หน่วยต่อเดือน - สายด่วนประกันภัย 1186
- ราคาน้ำมันลดลงลิตรละ 60 สตางค์ 26 ธ.ค.นี้
- ราคาที่ดินลาดพร้าวปรับเพิ่ม 65% -- รัฐเตรียมช่วยคนซื้อบ้านใหม่ปีหน้า -- ค่าไฟฟ้าขึ้นหน่วย 14 สตางค์
- ตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ย. หดตัวสูงถึง 18.6%
- รถไฟฟ้าบีทีเอสขยายเวลาเปิดให้บริการคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ถึง 02.00 น.
- ธปท.เตือนประชาชนระวังธนบัตรปลอมระบาด--รฟท. เพิ่มขบวนรถไฟ 18 ขบวน
- ปตท.เตรียมขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีจาก 8.50 บาท เป็น 11 บาท มีผล 1 ม.ค.52--ลดค่าโดยสารขสมก.-บขส.
- ลดราคาดีเซลลิตรละ 0.50 บาท - เก็บเงินเบนซิน 95 เข้ากองทุนน้ำมันลิตรละ 3 บาท - รัฐบาลใหม่
- คาดเฟดลดดอกเบี้ย 0.5% - โอเปกประชุม 17 ธ.ค.นี้ - ราคายางตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี
- บขส-รถร่วมเตรียมลดค่าโดยสาร--แบงก์ออมสินลดดอกเบี้ย--ปีใหม่ แบงก์หยุด 5 วัน. . .
- อีก 5 ปี . . . ประชาชนจะกลายเป็นมนุษย์ไฮเทค . . .
- แนวโน้มยอดขายรถยนต์ในประเทศ : ชะลอลงต่อเนื่องถึงปีหน้า
- น้ำมันลดลง 60-80 สตางค์ต่อลิตร--ปีหน้าว่างงาน 9 แสนคน--เบียร์ช้างชะลอเข้าตลาดหุ้น--คลังหนุนปรับภาษี
- เงินบาทแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 22 เดือน ที่ 35.83 / หุ้นปิดที่ 392 แนวต้าน 400 แนวรับ 380
- สุวรรณภูมิพร้อมเปิดเต็นรูปแบบ 5 ธ.ค.นี้ 11.00--บขส.เปิดจองตั๋วล่วงหน้าช่วงปีใหม่-น้ำมันลด 40-60 สต.
- เปิดใช้สนามบินดอนเมือง 4 ธ.ค.-สุวรรณภูมิ 5 ธ.ค.--กนง.ลดดอกเบี้ย 1%--น้ำมันถั่วเหลืองลดราคา 3.50 บาท
- สนามบินสุวรรณภูมิเปิดรับส่งสินค้าทางอากาศได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.
- น้ำมันลดลงลิตรละ 0.40 บาท-- เงินเฟ้อเดือนพ.ย.2.2% ต่ำสุดรอบ 14 เดือน--สนามบินยังปิดอยู่...
- ผลกระทบการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ
- ..วิกฤติเศรษฐกิจโลก-วิกฤติเศรษฐกิจไทยปี 2552 - ท่องเที่ยว-โรงแรมยอดขายลด 10-15% -- หุ้นบวก 5.73 จุด.
- ราคาน้ำมันลดลงอีก 60-80 สตางค์ต่อลิตร มีผลวันที่ 25 พ.ย.นี้
- ค่าบาทอ่อน - ตลาดหุ้นแนวโน้มทดสอบ 384 - น้ำมันลด 60-0 สตางค์ -ทองคำพุ่ง 400 บาท -คนตกงานกว่า 4 แสนคน
- ผลการประชุม กรอ.- กระทรวงคลังเตรียมปรับลดภาษี
- จีเอ็มลดคนงาน-คำสั่งซื้อยานยนต์ลดลง-ธกส.พร้อมจ่ายเงินรับจำนำข้าว-หุ้นปิดที่ 408.51 ลดลง 11.46 จุด
- เสนอครม.ลดภาษีนิติบุคคลลง 5% - ขึ้นภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย - ปรับเกณฑ์ซีลลิ่ง-ฟลอร์หุ้นใหม่ 2 ธ.ค.นี้
- ราคาน้ำมันลดลงลิตรละ 40-80 สตางค์-ซิตีกรุ๊ปประกาศปลดคนงาน 53,000 คนทั่วโลก
- ก.แรงงานรับวิกฤติคนตกงาน-รถติดตั้งแก๊สลดฮวบ ตามราคาน้ำมัน-เผยแพร่ทีโออาร์เช่ารถเมล์ผ่านเว็ป
- เงินบาทอ่อนค่าลง ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงทั้งสัปดาห์
- ขึ้นราคาก๊าซก.ก.ละ 6 บาท-เตือนธุรกิจเกษตร, ส่งออก, เอสเอ็มอีรับผลกระทบปีหน้า
- ลอยกระทงกันดีกว่า เมี๊ยวๆ...
- ราคาน้ำมันเบนซินลด 80 สตางค์--กกร.เสนอลดภาษี--แนวโน้มตกงานเพิ่ม--การใช้พืชพลังงานลดลง
- โอบามา-ผลกระทบต่อไทย
- แก๊สโซฮอล์-เบนซนลด 60-80 สตางค์-
- เงินเฟ้อต.ค.3.9%ต่ำสุดรอบ 10 เดือน--รัฐกู้เงินรับจำนำข้าว--หุ้นฟื้น 32 จุด--จดทะเบียนแรงงานต่างด้าว
- เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 19 เดือน-ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ย.ส่งสัญญาณชะลอตัว
- เฟดลดดอกเบี้ย 0.5%-- หุ้นขึ้นพ้น 400 --เว้นเกณฑ์ silent period--กองทุนยางพารา
- น้ำมันดีเซลลง 60 สตางค์--หุ้นตก 13 จุด--หม่อมอุ๋ยแนะเอาเงินฝากแบงก์เล่นหุ้น--SMEควบบสย.
- ขยายเวลาค้ำเงินฝาก 3 ปี-จำนำข้าวโพด-มันสำปะหลัง--TDRI--สศค.
- เซอร์กิตเบรกเกอร์ (circuit breaker)หยุดซื้อขายหุ้นครั้งที่ 3 -ดัชนี 387 ต่ำสุดรอบ 5 ปี-ยอกตกงาน 6แสน
- งดขายทองคำแท่งเสาร์-อาทิตย์--โอเปคลดการผลิต--หุ้นต่ำสุดรอบ 5 ปี--คาดเฟดลดดอกเบี้ยอีก
- ข้าวแกงลดราคา -- กบง.เก็บเงินเพิ่มเข้ากองทุนน้ำมัน -- เบียร์ช้างเข้าตลาดหุ้น -- รถไฟฟ้ารอเข้าครม.
- กระทรวงการคลังเสนอแนวคิดขยายเวลาค้ำเงินฝากทั้งจำนวนอีก 3 ปี - กดค่าบาทให้อ่อนลงอีก 5% อุ้มส่งออก
- แนวโน้มอุตสาหกรรมไทยท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจโลก
- น้ำมันลดลง 10%--ค่าโดยสารรถ-เรือเตรียมปรับลงตาม--ยางพาราราคาตก 43%
- ราคายางลดลงเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ : สาเหตุ ผลกระทบ และทางออก
- วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ - วิกฤติการเงินไทยปี 2540 - ผลกระทบที่แตกต่าง - 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
- ราคาน้ำมันดีเซล-เบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ลดลงลิตรละ 1 บาท 15 ต.ค.นี้
- ผู้ค้าน้ำมันประกาศลดราคาเบนซิน 40 สต.-ดีเซล 80 สต.พรุ่งนี้
- ไอซ์แลนด์ยึดแบงก์โคปทิง--สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ยืนยันฐานะมั่นคง--ธ.กลางทั่วโลกลดดอกเบี้ย...หุ้นฟื้น 1%
- ทำไมเราต้องดูจิต, วิธีการ "ดูจิต", วงจรกระแสจิต, อานิสงส์ของการแผ่เมตตา, วิธีแผ่เมตตา...
- ลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 60 สตางค์ --หุ้นหลุด 500
- ภาคเอกชนเป็นห่วงสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทุกภาคส่วน
- ราคาน้ำมันทุกประเภทลดลง 20-80 สตางค์---หุ้นตกต่ำสุดรอบ 5 ปี--กกร.เสนอ 7 มาตรการเร่งด่วน. . .
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาด กนง. คงอัตราดอกเบี้ย 3.75%
- รอลุ้นแผนกูวิกฤติการเงินสหรัฐฯ
- ธุรกิจสถานีบริการก๊าซ LPG ปี51--เงินเฟ้อเดือนก.ย.แนวโน้มชะลอลง
- เงินเฟ้อก.ย.6.0%-ปตท.คาดน้ำมันดิบแกว่งตัว 90-100 USD/Barrel. . .
- กินน้อยตายยาก กินมากตายง่าย
- เศรษฐกิจเดือนส.ค.สะท้อนสัญญาณชะลอตัว
- Emergency Economic Stabilization Act of 2008 (link to full and summary in pdf file)
- โครงการที่น่าติดตามภายใต้รัฐบาลสมชาย 1
- วิกฤตการเงินในสหรัฐฯ ... ผลกระทบต่อภาคการเงินไทย
- ความเชื่อมั่นธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย--กรุงไทยขายกรมธรรม์ประกันภัยรูปแบบใหม่. . .
- เชลล์ขึ้นราคาน้ำมัน 60 สตางค์--คลัง แบงก์ชาติ คปภ มั่นใจสภาพคล่องการเงิน--รายชื่อครม.สมชาย1. . .
- มาตรการกู้วิกฤติการเงินสหรัฐวงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์
- กระทรวงพาณิชย์อาจนำทองคำเป็นสินค้าควบคุม--กินเจ 29 ก.ย.- 7 ต.ค.ผักแพง--พันธบัตรคลังปี 52. . .
- นักวิชาการเตือนรับมือวิกฤติเลห์แมน--เก็บเงินกองทุนน้ำมันเพิ่ม--ยอดขายรถยนต์ลด--ธอส.ลดดอกเบี้ย. . .
- Resolution Trust Corporations (RTC) โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ---ผักแพง-ทองขึ้น-ค่าไฟฟ้า-วิเคราะห์วิกฤติเลห์แมน--กินเจปีนี้---
- . . . น้ำมันลด 60 สตางค์-ทองพุ่ง 13,550 บาท--หุ้นผันผวน--รถไฟหยุดวิ่งน้ำท่วม . .
- . . . เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 2.00 และให้ความช่วยเหลือด้านเงินกู้แก่ AIG . . .
- . . . วิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ ... อาจยังไม่ยุติ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย . . .
- . . . น้ำมันลง 50 สตางค์--
- . . . หุ้นตก-เลห์แมนฯล้มละลาย--แนะซื้อทองต่ำกว่า 13,000.--จำนำข้าว . . .
- . . . คาดเฟดคงดอกเบี้ย 2.00%--รถไฟเปิดให้บริการ 240 ขบวน--ราคาทองกระเตื้องเล็กน้อย. . .
- . . . ทองแท่งเหลือบาทละ 12,650 บาท--ดีเซลลดอีก 60 สตางค์--ดอกเบี้ยพันธบัตร3ปี 4.65% . . .
- ธอส. เชิญชวนเล่านิทานลงเทปหรือแผ่นซีดีมอบให้มูลนิธิช่วยคนตาบอดฯ
- . . . ครม.แต่งตั้งปลัด-อนุมัติ 3 G -งบจัดซื้ออาวุธ-สร้างรัฐสภาใหม่. . .
- . . . แนวโน้มธุรกิจค้าปลีกครึ่งปีหลังชะลอตัว . . .
- . . . อาหารสัตว์เลี้ยง : เติบโตต่อเนื่อง...หลากปัจจัยหนุน . . .
- . . . แนะคลายเครียด เสพข่าวการเมือง . . .
- . . . ข่าววันที่ 4 ก.ย.51 . . .
- ราคาน้ำมันดีเซลลดลงลิตรละ 60 สตางค์ วันที่ 4 ก.ย.
- . . . อนุมัตินมกล่อง-น้ำมันถั่วเหลืองขึ้นราคา--เลื่อนหวยบนดิน--หุ้นตก--บาทอ่อน. . .
- Bangkok under state of emergency
- . . . เงินเฟ้อเดือน ส.ค.ลดลงเหลือ 6.4% จาก 9.2% ในเดือนก.ค. . . .
- --- ทิศทางตลาดหุ้นไทย...ยังเผชิญแรงกดดันจากหลายปัจจัย ---
- --- ภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนกรกฎาคม 2551 ---
- ---กนง.ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 3.75%--ธอส.ให้กู้ซื้อบ้าน 1.5 ล้านบาท--บสย.--ไทยแอร์เอเซีย . . .
- . . . ถึงเพื่อนที่มีพันธะ ต่อกัน... ถึง พันธมิตร . . . จาก พรรคพลังไข่. . .
- . . . หุ้นไทยร่วง 2% หลังเปิดตลาดในภาคเช้า . . .
- . . . สภาพัฒน์ฯ คาดเศรษฐกิจปีนี้โต 5.2-5.7% . . .
- . . . พรบ.ผู้บริโภค เริ่มใช้ 25 ส.ค.51--กกร.ประชุมเรื่องราคาสินค้า---บขส.เปิดเส้นทางกทม.-สมุย. .
- . . .ธปท.-คลังน้อมรับกระแสพระราชดำรัส--ส่งออก 7 เดือนโต 26% . . .
- . . . 23 สิงหานี้ บังคับใช้กฎหมายจัดเก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ --- คาดการณ์เศรษฐกิจไตรมาส 2 โต 5.8% . . .
- . . . น้ำมันจะลดลงอีก--ค่าบาทอ่อนสุดรอบ 9 เดือน . . .
- Rose Rose i love you
- . . . นั่งรถไฟฟรี เชียงใหม่, อุบลฯ, หนองคาย, และสุไหงโกลก----ทองคำขาดตลาด . .
- ...ปลากัดเตือน...
- . . . รถใช้ก๊าซต้องแจ้งตรวจสภาพ--สมัครคนเดินโพยหวยบนดินวันแรก-กราฟราคาทอง. . .
- . . . เพิ่มเงินสมทบกองทุนน้ำมัน--สมัครคนเดินโพย 18 ส.ค.--ราคาทองคำลด--บาทอ่อน . . .
- . . . Storm surge มหันตภัยร้ายแห่งท้องทะเล . . .
- . . . ธุรกิจเดลิเวอรี่สินค้าอาหาร เติบโต 15% . . .
- . . . ตรึงราคาสินค้าถึงสิ้นปี--น้ำมันลดราคา--ทองคำต่ำสุดรอบ 7 เดือน. . .
- . . . เตรียมประกาศห้ามใช้สารตะกั่วเชื่อมต่อหม้อก๋วยเตี๋ยวเป็นการถาวร . . .
- . . . รถติดก๊าซ NGV ต้องมีใบรับรองเติมก๊าซ--ราคาน้ำมันลดลงอีก 60-80 สตางค์. . .
- . . . เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง . . .
- . . . นมกล่อง จะขึ้นราคา อีก 1-2 บาท . . .
- . . . ม.หอการค้าคาดเศรษฐกิจปีนี้ โต 5.5-6.0%---สศช.ระบุสัดส่วนผู้สูงอายุจะเพิ่มเป็น 25%ในอีก 20 ปี .
- . . . ลดราคาดีเซลลิตรละ 1 บาท - เบนซินลิตรละ 50 สตางค์ ---
- . . . ครม.อนุมัติขึ้นภาษีเหล้า-บุหรี่--โครงข่ายโทรศัพท์ 3 จี---กรมศุลการกร เปิดประมูลรถยึด. . .
- . . . หวยออนไลน์ 1 ต.ค.51 . . .
- . . . ลดราคาดีเซลลิตรละ 60 สตางค์ พรุ่งนี้-- คาด FED คงดอกเบี้ย 2.00% . . .
- . . . เงินเฟ้อดือน ก.ค.9.2%--ทีมเศรษฐกิจใหม่--รถเมล์ รถไฟ ฟรี . . .
- . . . 1 ส.ค.เริ่มใช้ 6 มาตรการ 6 เดือน -- ดีเซลลดลง 50 สตางค์ -- เลื่อนพิจารณาราคาสินค้า. . .
- . . . พรบ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก -- กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ - Sovereign Wealth Fund (SWF) . . .
- . . . สรุปผลการสัมมนาทางวิชาการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง 5/2551 . . .
- . . . ลดราคาน้ำมันเบนซิน 91 และแก๊สโซฮอล์พรุ่งนี้(30 ก.ค.) . . .
- . . . ปตท.-เชลล์ ปรับลดราคาดีเซลอีกลิตรละ 80 สตางค์ . . .
- . . . ราคาน้ำมันลดลงลิตรละ 3.50-4.70 บาท --- ทางด่วนขึ้น 5 บาท ---- น้ำมันพืชขึ้นอีก 5 บาท . . .
- . . . ปรับโครงสร้างราคาก๊าซแอลพีจี ( LPG ) ควรลอยตัว หรือแบ่ง 2 ราคา . . .
- . . . ตัวเลขการส่งออก มิ.ย.51 ขยายตัว 27.4% . . .คาดทั้งปี 15% . . .
- . . . 11 ส.ค. 51 เริ่มใช้ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก . . .
- . . . ลดราคาน้ำมันเบนซินลิตรละ 1 บาท และดีเซลลิตรละ 80 สตางค์ . . .
- . . . ตลาดรถจักรยานยนต์ครึ่งปีแรกขยายตัว 3% . . .
- . . . ทิศทางค่าเงิน และ ตลาดหุ้น สัปดาห์นี้ (21-25 ก.ค.) . . .
- . . . กลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ . . .ประกาศหยุดยิง . . .
- . . . ปตท.ลดราคาน้ำมัน ลิตรละ 60 สตางค์ . . .
- . . . กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ตามคาด . . .
- . . . 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติค่าครองชีพสูง . . .
- . . . รัฐบาลเตรียมแถลงมาตรการช่วยเหลือประชาชน หลังการประชุม ครม. วันที่ 15 ก.ค.นี้ . . .
- . . . กรมสรรพากรเตือนประชาชนระวังถูกมิจฉาชีพหลอก เรื่องคืนภาษีและขอรับบริจาค . . .
- . . . ลดราคาเบนซิน พรุ่งนี้ . . .
- . . . ปตท.ลดราคาเบนซินลิตรละ 60 สตางค์ . . .
- . . . เล่นเกมส์ sudoku กันดีกว่า . . .
- . . . ส่งเสริม E85 เป็นวาระแห่งชาติ . . . /. . . นำเข้า LPG เดือนนี้อีก 1 แสนตัน . . .
- . . . เอ็นจีวี ( NGV ) หรือ แอลพีจี( LPG ) . . .ที่รัฐควรส่งเสริม . . .
- . . . แท็กซี่ยังขึ้นราคาค่าโดยสารไม่ได้ . . .
- . . . เงินเฟ้อ 7.6 ---> 8.9 ---> 9.0 ----> 10 . . .ทั้งปี 2551 เฉลี่ย 8%??...
- . . . เงินเฟ้อเดือน มิ..ย. ... 8.9% . . .
- . . . เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว . . .(อาการภูมิแพ้)
- . . . ลอยตัวราคาก๊าซ LPG วันที่ 1 ก.ค.นี้ . . .
- . . . บางจาก-คาลเท็กซ์-ระยองเพียว ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมัน . . .
- . . . หุ้นไทยภาคเช้าดิ่งลงกว่า 20 จุด . . .
- . . .หวั่นการเมืองรุนแรง ตลาดหุ้นร่วง1.04% . . .
- . . . ตลาดหุ้นร่วง กังวลข่าว รัฐประหาร . . .
- . . . หุ้นไทยมีแนวโน้มปรับตัวผันผวน . . .
- . . . อียูเตรียมลดภาษีมูลค่าเพิ่ม ช่วยผู้มีรายได้น้อยจากภาวะน้ำมันแพง. . .
- . . . ชวนคนมีฝีมือ ส่งผลงาน ประกวดออกแบบสลากออมสิน . . .
- . . . เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 5 เดือน . . .
- . . . ธ.ก.ส.เผยยอดซื้อสลากทวีสินเดือนเดียว เฉียด 2 หมื่นล้าน . . .
- . . . ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ทางเลือกใหม่สร้างความมั่นคงเกษตรกร . . .
- . . . เงินบาทอ่อนค่าหลุดแนวรับ 33.00 แตะระดับต่ำสุดรอบกว่า 4 เดือน . . .
- . . . ธนาคารกรุงไทยปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก-เงินกู้ร้อยละ 0.375-1.25 . . .
- . . . มาเลเซียประกาศลอยตัวราคาน้ำมันเชื้อเพลิง-ยกเลิกห้ามขายน้ำมันให้ต่างชาติ . . .
- . . . จับ กระเทียม . . .
- . . . NGV ปีหน้าราคาอาจจะขึ้นเป็น 12 บาท . . .
- . . . ธนาคารกรุงไทย เตรียมขึ้นค่าธรรมเนียมกด ATM ต่างแบงก์ . . .
- . . .ธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าสัวใหญ่ ซีพี แนะใช้ทฤษฎี 2 สูง . . .
- . . . เงินเฟ้อเดือน พ.ค. ... พุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี . . .
- เงินบาทสัปดาห์นี้ยังมีโอกาสอ่อนค่าลงได้อีก
- ...o...
- ... แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2551 ...
- ... แนะนำงาน Money X-pro ...
- ...อยู่รอดให้ได้...ภายใต้ภาวะผันผวน...
- ...Value Averaging...
- ...ซื้อกองทุนรวมรับของแถม?...
- ...ลงทุนทุกเดือนสม่ำเสมอ...
|
|
|
|
|
การจัดสรรเงินออม...ภายใต้ปัจจัยเสี่ยงในช่วงครึ่งหลังของปี’52 โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
...
การจัดสรรเงินออม...ภายใต้ปัจจัยเสี่ยงในช่วงครึ่งหลังของปี’52
โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
ดอกเบี้ยลด หุ้นตก ทองผันผวน .... ล้วนแต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 ที่ผ่านมา โดยดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดตัวลงแรงในช่วง 1-2 เดือนแรกของปีนี้ ก่อนที่จะกลับดีดตัวขึ้นในระยะเวลาหลังจากนั้น ขณะที่ ราคาทองคำในตลาดโลกนั้น แม้ว่าจะดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1,000 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ แต่ก็ร่วงลงในช่วงอีกประมาณสองเดือนต่อมา ก่อนที่จะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งนับจากช่วงกลางเดือนเมษายนถึงต้นเดือนมิถุนายน แต่ก็กลับปรับฐานในช่วงหลังจากนั้น ทำให้ในภาพรวมแล้ว ราคาทองคำมีการปรับทิศทางถึง 4 ครั้งด้วยกันภายในระยะเวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ ก็ขยับลดลงอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ต่างๆ ดังกล่าว ทำให้ผู้มีเงินออมอยู่ในฐานะที่ยากลำบาก เพราะนอกจากจะได้รับผลตอบแทนที่ลดน้อยถอยลงแล้ว การลงทุนในหลายตลาดยังทำให้ขาดทุนเงินต้นด้วย โดยเฉพาะเมื่อตัดสินใจลงทุน หรือขายทำกำไรผิดจังหวะ ท่ามกลางความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา หรืออัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในช่องทางลงทุนต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น
สำหรับในช่วงที่เหลือของปี 2552 นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าการออมเงินในช่องทางหลักยังคงเผชิญกับความเสี่ยงหลากหลายด้าน แต่ท่ามกลางความเสี่ยงดังกล่าว ก็ยังน่าจะมีโอกาสสำหรับการออมเงินในบางช่องทาง ซึ่งยังเสนออัตราผลตอบแทนที่ดึงดูดใจ สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้รวบรวมประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับทิศทางการออมเงินในช่วงที่เหลือของปี 2552 ไว้ ดังนี้
• ตัวแปรสำคัญที่อาจมีอิทธิพลต่อการจัดสรรเงินออมในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงที่เหลือของปี 2552 และต่อเนื่องไปถึงปี 2553 นั้น ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ของหลายตัวแปรด้วยกัน ซึ่งอาจมีอิทธิพลต่อทิศทางการลงทุนในตลาดหลัก โดยตัวแปรต่างๆ เหล่านั้นที่สำคัญ ได้แก่ การฟื้นตัวที่ชัดเจนของเศรษฐกิจโลก โดยแม้ว่าที่ผ่านมา สัญญาณบวกจากเครื่องชี้เศรษฐกิจ จะทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นและคาดหวังมากขึ้นว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวในลักษณะ V-Shape ส่งผลให้นักลงทุนกล้าแบกรับความเสี่ยงจากการลงทุนเพิ่มขึ้น แต่ประเด็นที่ควรระมัดระวังคือ การฟื้นตัวดังกล่าว ยังคงมีความเปราะบาง เพราะหลายภาคส่วนของเศรษฐกิจยังไม่ถึงจุดต่ำสุด อาทิ ปัญหาการว่างงานในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงไทย นั่นหมายความว่า ตลาดยังไม่สามารถตัดโอกาสที่จะยังมีข่าวร้ายทางเศรษฐกิจปรากฏขึ้นอีกในอนาคตข้างหน้า ซึ่งย่อมจะส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนในตลาดโลก ตลอดจนการเคลื่อนไหวของราคาและอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในหลายช่องทาง ขึ้นอยู่กับทิศทางของข่าวร้ายดังกล่าว ว่าจะออกมาเหนือการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์และนักลงทุนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด ทิศทางอัตราเงินเฟ้อ จากการที่เศรษฐกิจบางประเทศในโลก อาทิ จีน และอินเดีย ยังคงขยายตัวได้ดี ประกอบกับเศรษฐกิจอีกหลายประเทศค่อยๆ มีสัญญาณเชิงบวกมากขึ้น จึงส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ (Inflation Expectation) เริ่มปรับตัวสูงขึ้น สอดคล้องกับทิศทางราคาพลังงานและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจโลกไม่ได้ปรากฏสัญญาณเชิงลบในลักษณะเกินความคาดหมายมากนัก การเพิ่มขึ้นของแรงกดดันเงินเฟ้อก็อาจดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงปี 2553 ซึ่งมุมมองในลักษณะดังกล่าวนี้เอง น่าจะมีน้ำหนักที่ส่งผลให้การดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำของ ธปท.มีโอกาสยุติลงในปีหน้า อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ โดยเฉพาะประเภทระยะปานกลางถึงยาวเร่งตัวขึ้นได้ในช่วงท้ายปี อันหมายถึงราคาตราสารหนี้ที่ปรับตัวลดลง จนลดความน่าดึงดูดในการลงทุนและถือครองตราสารหนี้ได้ การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลไทย เนื่องจากรัฐบาลวางแผนการขาดดุลงบประมาณต่อเนื่องไปถึงปีงบประมาณ 2553 เป็นอย่างน้อย ประกอบกับ ที่ผ่านมา รายได้จัดเก็บของภาครัฐก็ลดต่ำลงกว่าที่คาดมาก ดังนั้น รัฐบาลจึงจำเป็นที่จะต้องอาศัยแหล่งเงินลงทุน โดยเฉพาะจากในประเทศ เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณดังกล่าว อีกทั้งสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อันนำมาสู่ปริมาณอุปทานพันธบัตรของภาครัฐที่กำลังจะทยอยเข้าสู่ตลาดอีกเป็นจำนวนมากในช่วงที่เหลือของปีนี้ ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ปัจจัยดังกล่าว คาดว่าจะมีผลจำกัดการปรับขึ้นของราคาตราสารหนี้ได้
จากประเด็นสำคัญต่างๆ ดังกล่าว ทำให้การลงทุนในหลายตลาดและช่องทางไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น ทองคำ น้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์ อาจยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ราคาของการลงทุนประเภทต่างๆ ดังกล่าว ก็ได้ปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างมากแล้ว และอาจทำให้โอกาสการทำกำไรระยะสั้นอยู่ในขอบเขตที่จำกัด โดยเฉพาะหากปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจยังคงมีอยู่
• การจัดสรรเงินออมที่เหมาะสม ... ทางออกที่น่าสนใจในภาวะเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน ภายใต้ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและปัจจัยแวดล้อมของการออมที่อาจยังกินเวลาต่อเนื่องไปในช่วงครึ่งหลังของปีนี้นั้น ทำให้ผู้มีเงินออมอาจต้องจัดสรรเงินออมให้มีความหลากหลาย โดยที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวะตลาด ตลอดจนผลิตภัณฑ์ที่นำออกเสนอสู่สาธารณะในแต่ละช่วง เพราะการเพิ่มความหลากหลายของการออมเงินดังกล่าว นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงในการออม/ลงทุนแล้ว ก็ยังจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้อยู่ในระดับที่พึงพอใจอีกด้วย
แต่ทั้งนี้ ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการคัดสรรทางเลือก/ผลิตภัณฑ์การออมที่น่าสนใจนั้น ผู้มีเงินออมควรเริ่มต้นจากการประเมิน “จำนวนเงินออมแท้จริง” ที่ชัดเจนก่อน ซึ่งได้จากการประเมินรายจ่าย หรือความต้องการใช้เงินในปัจจุบัน (อาทิ ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน-ประจำเดือน และการชำระหนี้สินต่างๆ) และในอนาคต (อาทิ ค่าเล่าเรียนบุตร การซื้อรถ/ซื้อบ้าน และค่าใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน) อันจะทำให้ทราบถึงเงินออมส่วนที่เหลือจากแผนรายจ่ายดังกล่าว ตลอดจนกรอบระยะเวลาการออมว่าจะเป็นการออมระยะสั้น/ระยะยาว เพื่อให้เหมาะสมกับแผนการใช้จ่ายที่จะมาถึงในอนาคต จากนั้น จึงพิจารณาปัจจัยด้านความเสี่ยงจากการออมที่สามารถยอมรับได้ เพื่อนำไปเป็นเงื่อนไขในการตีกรอบการเลือกประเภทการออมที่เหมาะสมและให้อัตราผลตอบแทนสูงสุดต่อไป
สำหรับผลิตภัณฑ์การออมที่มีการนำเสนอ หรือเตรียมนำเสนอสู่ตลาดในระยะนี้ที่น่าสนใจ ได้แก่
พันธบัตรออมทรัพย์ของรัฐบาล ได้แก่ พันธบัตรออมทรัพย์ “ไทยเข้มแข็ง” ในปีงบประมาณ 2552 มีวงเงินรวมทั้งสิ้น 5 หมื่นล้านบาทในช่วงระหว่าง 13-21 กรกฎาคม 2552 และระยะเวลาการออม 5 ปี ให้อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได คือ ร้อยละ 3 ในช่วง 1-2 ปีแรก, ร้อยละ 4 ในปีที่ 3 และร้อยละ 5 ในปีที่ 4-5 ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินประจำค่อนข้างมาก (อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 1-2 ปี อยู่ที่เพียงร้อยละ 1.0-1.5) โดยพันธบัตรออมทรัพย์ดังกล่าว เหมาะสมกับผู้มีเงินออมที่ไม่ชอบความเสี่ยง มีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับรองรับการลงทุนระยะยาว (5 ปี) ขณะที่ พึงพอใจกับระดับอัตราผลตอบแทนที่นำเสนอ ณ ขณะนี้ หุ้นกู้ภาคเอกชน เนื่องจากเป็นที่คาดหมายว่าอัตราดอกเบี้ยในระบบ โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับต่ำสุดแล้วในปัจจุบัน ดังนั้น จึงทำให้ภาคธุรกิจเอกชนเตรียมทยอยออกหุ้นกู้อีกจำนวนไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาทภายในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 เพื่อล็อคต้นทุนในระดับต่ำเอาไว้ ซึ่งหุ้นกู้ส่วนใหญ่ดังกล่าวน่าจะเป็นประเภทอายุปานกลางถึงยาว ขณะที่ อัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้ที่นำเสนอ ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างจูงใจ ยกตัวอย่างเช่น หุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ A ประเภทอายุ 3 ปี เสนออัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.2 และประเภทอายุ 7 ปี เสนออัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต่อปีที่ร้อยละ 4.5 (เฉลี่ยจากอัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากเรื่องอัตราผลตอบแทนแล้ว ข้อควรระวังที่สำคัญในการลงทุนในหุ้นกู้ ก็คือ การเลือกหุ้นกู้และผู้ออกหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือดี อันหมายถึงความเสี่ยงจากการลงทุนที่อยู่ในระดับต่ำ ผลิตภัณฑ์เงินฝากโครงการพิเศษของธนาคารพาณิชย์ นับจากช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2552 เป็นต้นมา ธนาคารพาณิชย์ไทยหลายแห่งได้เริ่มทยอยนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากโครงการพิเศษที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากประจำปกติ ออกสู่ตลาด โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าว มีระยะเวลาการออมที่สั้นกว่าพันธบัตรออมทรัพย์“ไทยเข้มแข็ง” และหุ้นกู้ภาคเอกชน แต่ก็มีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำอายุ 8-9 เดือน อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ 1.08-1.23 ต่อปี (สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 1 ปีปกติที่ร้อยละ 1.0 เล็กน้อย) กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (Foreign Investment Fund หรือ FIF) อาทิ พันธบัตรที่ออกโดยรัฐบาล หรือสถาบันการเงินในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งทยอยนำเสนอขายสู่ตลาดหนาตาขึ้นในระยะนี้ อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศนี้ คงต้องติดตามความเสี่ยงของประเทศผู้ออกตราสารและประเภทของตราสาร ตลอดจนแนวทางการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของผู้จัดการกองทุน อันอาจมีผลต่อภาพรวมความเสี่ยงและอัตราผลตอบแทนของกองทุนในอนาคต ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนของกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ประเภทอายุ 6 เดือนถึง 2 ปีที่ปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว ในขณะนี้เสนอขายที่ร้อยละ 2.4-4.0 (ไม่ต้องรับภาระเรื่องภาษีจากผลตอบแทน) ซึ่งค่อนข้างจะได้เปรียบการลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์รัฐบาลและหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือดีในประเภทอายุใกล้เคียงกัน
ทั้งนี้ นอกเหนือจากการจัดสรรเงินลงทุนบางส่วนกระจายไปในทางเลือกในการออมข้างต้น ตามแต่ความชอบของผู้มีเงินออมต่อระยะเวลาการลงทุน ความเสี่ยง และอัตราผลตอบแทนของแต่ละทางเลือกที่แตกต่างกันแล้ว ผู้มีเงินออมที่ยังมีสภาพคล่อง หรือเงินออมเหลืออยู่ ยังอาจพิจารณาทางเลือกในการออมที่มีระยะเวลาที่ค่อนข้างยาวอื่นๆ เพิ่มเติม ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง 1) ซึ่งคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากโอกาสการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ผ่านเงินปันผลที่น่าจะขยับสูงขึ้นตามทิศทางค่าเช่าและอัตราการเช่า อย่างไรก็ตาม การออมเงินผ่านการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ข้อจำกัดด้านสภาพคล่อง และจำนวนอุปทานใหม่ (ได้แก่ การออกกองทุนใหม่ หรือการออกหน่วยลงทุนเพิ่มเติม หลังจากการเพิ่มทุนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์เดิม) ซึ่งคาดว่าการเพิ่มจำนวนอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดดังกล่าว อาจยังไม่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ทำให้ผู้มีเงินออมที่สนใจช่องทางนี้ อาจต้องรอจังหวะการออกขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมโดย บลจ. นอกจากนี้ ก่อนการตัดสินใจลงทุน ผู้มีเงินออมควรตระหนักว่ากองทุนอสังหาริมทรัพย์มีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นกองทุนที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารสำนักงานและที่พักอาศัย ศูนย์การค้าและโรงภาพยนตร์ โรงแรมและสนามบิน ตลอดจนโรงงาน ทำให้การออมเงินผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควรต้องพิจารณารูปแบบของกองทุน ประเภทอสังหาริมทรัพย์ ทำเลที่ตั้งของอสังหาริมทรัพย์นั้น ตลอดจนความเชี่ยวชาญของแต่ละบลจ.ให้ถี่ถ้วนก่อนการตัดสินใจด้วย ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ซึ่งถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนในระยะที่ค่อนข้างยาว โดยในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ประกันส่วนใหญ่เสนออัตราผลตอบแทนขั้นต่ำประมาณร้อยละ 2-4 ต่อปี ขณะเดียวกัน ก็ยังมีสิทธิประโยชน์จากการนำไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 1 แสนบาทสำหรับกรมธรรม์หลักอีกด้วย หุ้น เป็นทางเลือกในการออมที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูงได้ โดยการลงทุนในหุ้นนั้น หากมีจุดประสงค์เพื่อคาดหวังผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจากบริษัทจดทะเบียน ก็คงจะต้องเน้นไปที่หุ้นที่มีพื้นฐานดี ผลประกอบการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ โดยการลงทุนในลักษณะนี้ คงจะต้องเป็นการลงทุนในระยะที่ค่อนข้างยาว ขณะที่ หากผู้มีเงินออมมีจุดประสงค์ของการลงทุนในหุ้น เพื่อคาดหวังด้านกำไรส่วนทุนจากการขายหลักทรัพย์ (Capital Gains) ก็คงจะต้องอาศัยการซื้อและขายทำกำไรในช่วงสั้นๆ โดยมีหลักการเบื้องต้น คือ เข้าซื้อเมื่อราคาหุ้นปรับตัวลดลง และขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นดีดตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ความยากของการทำกำไรระยะสั้น คือ การเลือกหุ้นที่เหมาะสมและมีการเคลื่อนไหวที่เอื้อต่อโอกาสการทำกำไร ตลอดจนการสรรหากลยุทธ์การลงทุน และระยะเวลาการลงทุน-ขายทำกำไรที่ดี ซึ่งนักลงทุนรายย่อยอาจไม่มีความเชี่ยวชาญมากนัก ดังนั้น แนวทางที่อาจจะปลอดภัยกว่า ก็คือ การลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้น ซึ่งมีทั้งกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนเพื่อคาดหวังผลประโยชน์ด้าน Capital Gains หรือการลงทุนในหุ้นปันผล ภายใต้การบริหารของผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ผู้ออมรอจังหวะเวลาเพื่อเข้าทำการออมในช่องทางต่างๆ ข้างต้น ก็อาจพิจารณาพักเงินไว้ในสินทรัพย์ที่ใกล้เคียงเงินสด หรือสามารถแปลงเป็นเงินสดได้ง่าย อาทิ กองทุนรวมตลาดเงิน หรือกองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐระยะสั้น ซึ่งเป็นการลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำ เพราะลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น อาทิ ตั๋วเงินคลัง ที่ออกโดยรัฐบาล ด้านอัตราผลตอบแทนนั้น แม้ว่าจะมีระดับที่ต่ำกว่าทางเลือกในการออมที่ความเสี่ยงใกล้เคียงกันอย่างพันธบัตรออมทรัพย์ ตามระยะเวลาการลงทุนที่สั้นกว่านั้น แต่ก็ให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากประจำ โดย ณ วันที่ 29 มิถุนายน 2552 กองทุนรวมตลาดเงินให้อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน (ก่อนภาษี และ Annualized) ที่ร้อยละ 1.16 เทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน (ก่อนภาษี) ที่ร้อยละ 1.0 ขณะที่สภาพคล่องของการลงทุนในกองทุนรวมประเภทนี้ ถือว่าค่อนข้างสูง เพราะจะได้รับเงินสดหลังจากส่งคำสั่งขายหน่วยลงทุนภายในระยะเวลาประมาณ 1 วันทำการ
ในภาพรวมแล้ว จากตัวอย่างทางเลือกในการออมที่ครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์ที่เสนอขายอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะเสนอสู่สาธารณะในอนาคตอันใกล้ต่างๆ ดังกล่าว จะพบว่ามีความเสี่ยงและอัตราผลตอบแทนที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้มีเงินออมได้เลือกลงทุนตามลักษณะความชอบเฉพาะ และขนาดเงินออมของแต่ละบุคคล โดยหากผู้ออมพอใจกับระดับอัตราดอกเบี้ยพันธบัตร หรือหุ้นกู้ที่ออกมาในช่วงนี้ การลงทุนระยะปานกลาง หรือยาวในตราสารเหล่านี้ ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ นอกเหนือไปจากการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์และผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ส่วนช่องทางการลงทุนที่มีระยะเวลาสั้นกว่า ได้แก่ กองทุน FIF เช่น พันธบัตรเกาหลีใต้นั้น ผู้ออมควรตรวจสอบถึงการทำความคุ้มครองในเรื่องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ในขณะที่ หากผู้ออมอยู่ระหว่างรอจังหวะเข้าลงทุนและต้องการพักเงิน กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่ลงทุนในตั๋วเงินคลัง หรือตราสารหนี้ในตลาดเงิน ก็เป็นช่องทางการพักสภาพคล่องที่น่าสนใจเช่นกัน ส่วนการลงทุนในหุ้นนั้น อาจต้องคำนึงถึงความผันผวนและสภาพคล่องที่จำกัดตามภาวะตลาดที่อาจแปรเปลี่ยนได้ง่ายด้วย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจัยแวดล้อมของการออมในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 นี้ จะยังปะปนไปด้วยข่าวเชิงลบ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ดังนั้น ผู้มีเงินออมคงจะต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงและอัตราผลตอบแทนของแต่ละทางเลือกในการออมอย่างรอบคอบ ตลอดจนประเมินถึงสภาพคล่องและความต้องการใช้เงินในแต่ละช่วงเวลาอย่างระมัดระวัง โดยจะสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการ “วางแผนทางการเงิน” ล่วงหน้า อันจะนำมาสู่การจัดสรรพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม และช่วยให้ “เงินทำงานแทนคุณ” ได้ในอนาคต ขณะเดียวกัน ผู้มีเงินออมยังควรระลึกไว้เสมอว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน”
...
Create Date : 11 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 11 กรกฎาคม 2552 2:42:01 น. |
|
0 comments
|
Counter : 568 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|