Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
3 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 

. . . เงินเฟ้อดือน ก.ค.9.2%--ทีมเศรษฐกิจใหม่--รถเมล์ รถไฟ ฟรี . . .

. . .

อัตราเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมสูงสุดในรอบ 10 ปี แต่มีแนวโน้มชะลอลงในเดือนสิงหาคม

โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย


ในวันที่ 1 สิงหาคม กระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคม 2551 โดยมีประเด็นสำคัญ ต่อไปนี้

 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ร้อยละ 9.2 (สูงขึ้นจากร้อยละ 8.9 ในเดือนก่อนหน้า) ซึ่งเป็นอัตราที่สูงสุดในรอบ 10 ปี และเท่ากับการคาดการณ์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย รวมทั้งใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่ร้อยละ 9.3 ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 3.7 ซึ่งเท่ากับการคาดการณ์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย และใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่ร้อยละ 3.8 เช่นกัน

 สำหรับมาตรการลดภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันดีเซลและแก๊สโซฮอล์ ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม และมีผลตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลงอย่างมากนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม คาดว่าจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนสิงหาคมชะลอลงมาอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 8.9 ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์เดิมที่ว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนดังกล่าวอาจจะปรับขึ้นไปเกินระดับร้อยละ 10.0

 ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในไตรมาสที่สาม จะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 8.8 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7.5 ในไตรมาสที่สอง อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในไตรมาสสุดท้ายของปี ลงเป็นร้อยละ 7.3 เนื่องจากผลของฐานที่สูงในปีก่อนหน้า รวมทั้งแนวโน้มการอ่อนตัวของราคาสินค้าเกษตร ซึ่งจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยของทั้งปี 2551 อยู่ที่ร้อยละ 7.2 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 3.0 โดยสูงกว่าค่าเฉลี่ยของปี 2550 ที่ผ่านมา ซึ่งเท่ากับร้อยละ 2.3 และ 1.1 ตามลำดับ

ประเด็นที่ยังคงต้องติดตามคือสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก ที่แม้ว่าจะได้ปรับตัวลงมาค่อนข้างมากในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ราคาน้ำมันดังกล่าวยังคงมีโอกาสผันผวน ทั้งจากการแกว่งตัวของค่าเงินดอลลาร์ฯ ประเด็นในด้านอุปทานการผลิตน้ำมัน ตลอดจนปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

ในขณะเดียวกัน การที่ผู้ผลิตสินค้าในประเทศต้องรับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง (ดังจะเห็นได้จากการที่ดัชนีราคาสินค้าผู้ผลิตมีอัตราการเพิ่มที่สูงกว่าดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภคติดต่อกันมาเป็นเวลา 10 เดือนแล้ว โดยในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.2 จากร้อยละ 18.6 ในเดือนก่อนหน้า) ทำให้มีความเป็นได้ที่ทิศทางเงินเฟ้อในระยะข้างหน้าจะยังคงได้รับแรงกดดันราคาจากทางด้านต้นทุนของผู้ผลิตอยู่

------------------------------------------



ภาวะตลาดเงินตลาดทุนสัปดาห์นี้ (4-8 สิงหาคม 2551)


 ภาวะตลาดเงิน

แนวโน้มในสัปดาห์นี้ (4-8 สิงหาคม 2551) คาดว่าจะมีการทยอยไหลกลับเข้ามาของสภาพคล่องหลังจากการเบิกถอนเงินสดของลูกค้าในช่วงสิ้นเดือน ในขณะที่จะมีการตัดจ่ายเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายผ่านระบบธนาคารในช่วงปลายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดคงจะจับตาการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในวันที่ 5 สิงหาคม 2551 ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินน่าจะยังทรงตัวใกล้เคียงกรอบการเคลื่อนไหวเดิมที่ระดับ 3.50% ภายใต้ภาวะสภาพคล่องในตลาดเงินที่น่าจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก

ส่วนเงินบาทในประเทศอาจมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 33.30-33.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยที่ควรจับตา ได้แก่ ปัญหาทางการเมือง แรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ ของผู้นำเข้าและนักลงทุนต่างชาติ ทิศทางของสกุลเงินในภูมิภาค และสัญญาณการเข้าแทรกแซงตลาดของธปท. ตลอดจนทิศทางเงินดอลลาร์ฯ ซึ่งจะขึ้นกับรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญประกอบด้วย ดัชนี ISM ภาคบริการเดือนกรกฎาคม รายได้/รายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) ยอดสั่งซื้อของโรงงาน และข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนมิถุนายน ตลอดจนตัวเลขประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยในไตรมาส 2/2551 นอกจากนี้ ตลาดการเงินยังจับตาผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 5 สิงหาคม 2551 อีกด้วย


 ภาวะตลาดทุน

แนวโน้มในสัปดาห์นี้ (4-8 สิงหาคม 2551) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยและบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีน่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ เนื่องจากปัจจัยลบในประเทศที่เบาบางลงไป ขณะเดียวกันน่าจะมีแรงซื้อเก็งกำไรผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะออกมาดี โดยปัจจัยที่ต้องจับตาได้แก่ พ.ร.บ. ธุรกิจสถาบันการเงินที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ รวมทั้งประเด็นทางการเมือง ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ผลการประชุมของเฟด และการปรับตัวของตลาดหุ้นในภูมิภาค รวมทั้งการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 670 และ 664 จุด และแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 694 และ 737 จุด ตามลำดับ

. . .



มาตรการรถเมล์-รถไฟฟรี

การดำเนินมาตรการรถโดยสารฟรีเพื่อประชาชนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ให้บริการใน 73 เส้นทาง ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ปรากฏว่า มีผู้ใช้บริการเฉลี่ย 100 คนต่อเที่ยว เฉลี่ย 100 คนต่อเที่ยว ขณะที่รถโดยสารสามารถรองรับปริมาณผู้ใช้บริการได้ถึง 120 คนต่อเที่ยว ซึ่งถือว่าไม่หนาแน่นจนเกินไปตามที่หลายฝ่ายกังวล

นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ หรือ ขสมก. กล่าวว่า ในวันเปิดทำงานวันแรก (วันที่ 4 ส.ค.) จะใช้จำนวนรถโดยสารตามเดิม เช่นเดียวกับวันที่ 1 สิงหาคม และจะติดตามพฤติกรรมการใช้บริการแบบรายวัน เพื่อสรุปผลก่อนเสนอข้อมูลให้กระทรวงคมนาคมรับทราบ

อย่างไรก็ตาม การให้บริการรถเมล์ฟรี ส่งผลต่อผู้ประกอบการรถร่วมบริการ โดยนายฉัตรชัย ชัยวิเศษ นายกสมาคมพัฒนารถร่วมบริการ ซึ่งเป็นสมาคมรถร่วมบริการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่า ผลของการให้บริการรถเมล์ฟรี ตาม 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคน ได้ส่งผลกระทบกับรายได้ของผู้ประกอบการรถร่วมเอกชน โดยพบว่ารายได้ลดลงประมาณ 30% หรือเฉลี่ยคันละ 700-1,000 บาท ซึ่งทางสมาคมจะติดตามตัวเลขผลกระทบในระยะยาว เพื่อขอให้ภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือที่เหมาะสมต่อไป

เบื้องต้นผู้ประกอบการรถร่วมบริการ เสนอให้ลดราคาค่าโดยสาร ทั้งรถร้อนและรถปรับอากาศ เพื่อให้ราคาค่าโดยสารจูงใจให้มีผู้มาใช้บริการ โดยจะขายตั๋วถูกลง 3 บาท และส่วนลด 3 บาทนี้ ให้ภาครัฐจ่ายชดเชยให้เอกชน แต่ทางขสมก.ยังไม่เห็นด้วย

นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ หรือ ขสมก. กล่าวว่า กรณีที่กลุ่มรถร่วมบริการฯชี้แจงว่า ได้รับผลกระทบจากมาตรการรถเมล์ฟรีนั้น จากการสรุปข้อมูลผู้ใช้บริการเบื้องต้นของ ขสมก. พบว่าผู้โดยสารไม่ได้เพิ่มขึ้นจากเดิมจนผิดปกติ แต่เป็นการถ่ายโอนผู้โดยสารจากรถร้อนที่เสียค่าบริการ และรถโดยสารปรับอากาศที่ลดลง จึงไม่น่าจะเป็นผลกระทบต่อรถร่วมบริการแต่อย่างใด


ด้านการให้บริการรถไฟฟรี 164 ขบวนทั่วประเทศนั้น

นายไพรัช โรจน์เจริญงาม ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์และบริการท่องเที่ยว การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่ามีประชาชนใช้บริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 แต่มีบางสายที่เพิ่มขึ้นมากอย่างชัดเจน เช่น
สายตะวันออก จากกรุงเทพฯ ไปอรัญประเทศ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7
ขณะที่สถานีชานเมือง เช่น รังสิต เข้าสู่กรุงเทพฯ มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50
ขณะที่ สถานีหัวหมากมีผู้ใช้บริการลดลงประมาณร้อยละ 30 เพราะประชาชนหันไปใช้บริการรถ ขสมก.ฟรี
ส่วนสถานียะลา และสุไหงโก-ลก มีประชาชนใช้บริการหนาแน่น และต้องรอรถไฟนาน เนื่องจากผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นทำให้เวลาในการออกจากสถานีช้าลง นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุอื่น เช่น การปรับปรุงเส้นทางรถไฟ ที่ทำให้รถไฟไม่สามารถวิ่งได้ตามเวลา

อย่างไรก็ตาม โดยรวมถือว่ายังไม่มีปัญหาอุปสรรคใดๆ ในการให้บริการประชาชน และยังสามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มได้อีกประมาณร้อยละ 10 - 15

. . .



มุมมองภาคเอกชน ต่อการปรับรัฐมนตรีเศรษฐกิจ และทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจ


- สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการตั้งทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ว่าถือเป็นมืออาชีพ มีความรู้และประสบการณ์สูง น่าจะสามารถให้คำปรึกษาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ

แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือ ไม่อยากทำงานให้แบบตัวใครตัวมัน แม้จะมีทีมที่ปรึกษา อยากให้ฝ่ายการเมืองทุกฝ่ายเปิดใจ และประสานการทำงานร่วมกัน และเชื่อว่าทีมที่ปรึกษาฯ น่าจะสามารถแก้ไขปัญหาประเทศได้

สำหรับรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ที่ผ่านมา นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ยังไม่สามารถประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงอยากเสนอแนะให้นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้การทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน


- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งทีมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจนายกรัฐมนตรี 5 คน เช่น นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น อย่างน้อยทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลดีขึ้น เพราะนายวีรพงษ์ เป็นบุคคลที่รู้ภาพรวมเศรษฐกิจมหภาค และให้ความเห็นมุมมองทางเศรษฐกิจอย่างตรงไปตรงมา

อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนบางส่วนมีความเป็นห่วงว่า เมื่อทีมที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีให้ความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแล้ว รัฐมนตรีเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้จะฟังหรือไม่ ดังนั้น นายกรัฐมนตรีต้องให้อำนาจแก่ทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจด้วย และเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น นายกรัฐมนตรีน่าจะเป็นประธานในการประชุมร่วมระหว่างทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจ และทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ซึ่งจะต้องติดตามการทำงานว่า จะสามารถประสานการทำงานได้มากน้อยเพียงใด


- นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย กล่าวถึงทีมที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะนายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายณรงค์ชัย อัครเศรณี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่า ทั้งสองเป็นคนเก่ง มีความรู้ความสามารถสูง เป็นผู้เสียสละเข้ามาช่วยทำงาน และเชื่อว่าน่าจะสามารถประคับประคองเศรษฐกิจให้ถึงฝั่ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับการให้อำนาจการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีว่า จะให้ขอบเขตแค่ไหน เพราะที่ปรึกษาอาจจะไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ
จึงอยากเสนอให้ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลไม่ว่ากระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำงานเป็นทีมเดียวกันมากขึ้น แม้ว่ารัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจจะมาจากการเมือง แต่ทางการเมืองจะต้องเปิดรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ทั้งจากข้าราชการประจำและภาคเอกชน ไม่ว่าสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สมาคมธนาคารไทย เพราะบุคคลเหล่านี้เป็นผู้มีความรู้ และความชำนาญด้านเศรษฐกิจ จึงอยากให้ทีมเศรษฐกิจที่มาจากการเมืองรับฟังความคิดเห็น เพราะจะทำให้การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เป็นไปทิศทางเดียวกัน


- นายกสมาคมผู้ผลิตน้ำมันพืชถั่วเหลือง

นายเศรษฐสรร เศรษฐการุณย์ นายกสมาคมผู้ผลิตน้ำมันพืชถั่วเหลือง มองว่าการปรับรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจทำให้ดูดีขึ้น โดยเฉพาะการมี นายวีรพงษ์ รามางกูร มาเป็นหัวหน้าทีมปรึกษาเศรษฐกิจ เพราะน่าจะออกมาตรการด้านเศรษฐกิจทำให้การค้าการลงทุนเดินหน้าต่อไปได้

อยากเห็นการดูแลเศรษฐกิจของประเทศให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และต้องให้ความสำคัญกับการดูแลภาคเกษตร ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญอีกด้านหนึ่งจึงต้องดูแลภาคการผลิต อุตสาหกรรมการเกษตร ให้มีราคาที่สอดคล้องกับแนวโน้มของตลาดโลก

. . .

เฉพาะครม.เศรษฐกิจใหม่ โปรดเกล้า 2 ส.ค.51

นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (มาใหม่)
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (มาใหม่)

นายไชยา สะสมทรัพย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (มาจากกระทรวงสาธารณสุข)
นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (มาใหม่)
พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ยังคงเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (คงเดิม)

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (มาจากกระทรวงพาณิชย์)

คณะกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ

นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีต รมว.คลัง เป็นประธานที่ปรึกษา
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี อดีต รมว.พาณิชย์ สมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ ประธานคณะกรรมการบริหารสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ หรือ สบร.
นายปรเมธี วิมลศิริ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช.
นายมนู เลียวไพโรจน์ อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
นายคณิศ แสงสุพรรณ กรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย, ที่ปรึกษา กิตติมศักดิ์ศูนย์ข้อมูลนักลงทุนประเทศไทย และอดีต ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง


เพื่อทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษา แนะนำ เสนอแนะแนวทางในการดำเนินการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้ โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบบทบาทอำนาจหน้าที่ให้แก่คณะกรรมการชุดนี้มากเป็นพิเศษ โดยให้สามารถเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีได้ด้วย ทั้งนี้ จะมีการเสนอคำสั่งดังกล่าวให้ที่ประชุม ครม.เห็นชอบ ในการประชุม ครม.วันที่ 5 ส.ค.นี้

. . .




 

Create Date : 03 สิงหาคม 2551
4 comments
Last Update : 4 สิงหาคม 2551 13:48:06 น.
Counter : 614 Pageviews.

 


หวังว่าผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลจะช่วยกันแก้ไขนำพาประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจนะคะ


 

โดย: ทิวาจรดราตรี 3 สิงหาคม 2551 20:22:03 น.  

 


สยามรถติ๊ดติดฮะ พวงมาลัยขายไม่ดีเลยอ่ะฮะ

 

โดย: ขิมทอง IP: 202.12.118.61 4 สิงหาคม 2551 12:02:41 น.  

 

. . .

พวงมาลัยขายไม่ดี ลองขายล็อตเตอรี่ดีมะคะ



กองสลากฯ เตรียมรับสมัครคนเดินโพยหวยบนดิน 11 ส.ค.นี้

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. - นายวันชัย สุรกุล รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลได้เห็นชอบให้เปิดรับสมัครประชาชนทั่วไปให้มาเป็นตัวแทนเดินโพยหวยบนดิน ด้วยการให้ลงทะเบียนผ่านอินเทอร์เน็ตได้ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.

จากนั้นให้นำหลักฐานการกรอกข้อมูลที่พิมพ์ออกมาใช้เป็นหลักฐานการสมัครเป็นสมาชิกในวันที่ 18-20 สิงหาคม ที่อินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก หากประชาชนทั่วไปใช้อินเทอร์เน็ตไม่เป็น ให้เดินทางไปยังร้านอินเทอร์เน็ต ซึ่งคิดค่าบริการไม่แพงนัก เพื่อให้ช่วยลงทะเบียนเบื้องต้นให้

หลังจากนั้น ให้เดินทางมาสมัครในวันที่กำหนดเพื่อแสดงตนให้เจ้าหน้าที่รับทราบ โดยผู้สมัครเป็นตัวแทนฯ ต้องเป็นบุคคลที่มีอายุเกิน 27 ปีขึ้นไป และประกอบอาชีพอะไรก็ได้ ยกเว้นพนักงานสำนักงานสลากฯและบริษัทล็อกซ์เล่ย์ จีเทค เมื่อทำการสมัครเป็นตัวแทนจำหน่ายหวยบนดินแล้ว จะมีบัตรรับรองติดรูปเพื่อแสดงในการจำหน่ายหวยบนดินให้กับประชาชนทั่วไปรับทราบ

ส่วนการให้ลงทะเบียนเบื้องต้นผ่านอินเทอร์เน็ตจะทำให้สะดวกในการรับสมัครมากขึ้นไม่เช่นนั้นจะใช้เวลาเป็นเดือนในการรับสมัครตัวแทนเพราะจะมีประชาชนจำนวนมากเข้ามาสมัครเป็นสมาชิก คาดว่าจะมีผู้สนใจสมัครเป็นคนเดินโพยประมาณ 3 แสนคน

สำหรับส่วนแบ่งผลประโยชน์กำหนดให้คนเดินโพยได้รับร้อยละ 3 สำนักงานสลากฯได้ร้อยละ 3 บริษัทล็อกซ์เล่ย์ จีเทคได้รับร้อยละ 1.5 ตัวแทนเครื่องออนไลน์ได้รับร้อยละ 4.5 รวมเป็นร้อยละ 12 ซึ่งเป็นค่าบริหารจัดการตามกำหนดหมายสำนักงานาสลากฯกำหนดไว้ หากทุกอย่างดำเนินไปตามขั้นตอนคาดว่าจะเริ่มให้จำหน่ายหวยบนดินได้ตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 51 เป็นต้นไป เพื่อเริ่มออกรางวัลงวดแรกในวันที่ 1 ตุลาคม 51 ซึ่งการเริ่มจำหน่ายในเดือนกันยายน ถือว่าเป็นไปตามกำหนดเดิม. - สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-08-03 18:15:04

. . .

 

โดย: loykratong 4 สิงหาคม 2551 12:52:59 น.  

 


เดี๋ยวก็วันแม่แล้วฮะ พวงมาลัยมะลิหอมๆ สวยๆ เจ้าเก่าอย่างขิมต้องขายดีแน่ๆ เลยฮะพี่ พี่รับสักพวงมั้ยล่ะฮะ ขิมลดราคาให้พิเศษนะฮะ

 

โดย: ขิมทอง IP: 202.12.118.61 5 สิงหาคม 2551 12:08:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.