Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
4 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 

. . . ลดราคาดีเซลลิตรละ 60 สตางค์ พรุ่งนี้-- คาด FED คงดอกเบี้ย 2.00% . . .

. . .

ราคาดีเซลลดลงอีกลิตรละ 60 สตางค์ เช้าวันพรุ่งนี้ (5 ส.ค.)

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท เชลล์ในประเทศไทย ได้ประกาศลดราคาน้ำมันดีเซล 60 สตางค์/ลิตร มีผลวันพรุ่งนี้ (5 ส.ค.)

ทำให้น้ำมันดีเซลบี 2 ลดเหลือลิตรละ 36.84 บาท
น้ำมันดีเซลบี 5 ลิตรละ 36.14 บาท

สาเหตุเป็นผลมาจากตลาดสิงคโปร์ลดลงต่อเนื่อง คาดสัปดาห์นี้ราคาน้ำมันจะ ปรับลดลงอีก โดยเฉพาะดีเซลเหตุเพราะใกล้โอลิมปิก จีนเริ่มชะลอการซื้อหลังจากตุนซื้อมามากแล้ว

. . .



การประชุม 5 ส.ค. 51 … คาดเฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 2.00
โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย


ในวันที่ 5 สิงหาคม 2551 คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีการประชุมเพื่อกำหนดทิศทางนโยบายอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ซึ่งนับเป็นการประชุมรอบที่ 5 ของปีตามวาระปกติ แต่เป็นรอบที่ 6 ของปีหากรวมการประชุมฉุกเฉินที่จัดขึ้นตอนต้นปี

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า เฟดมีความโน้มเอียงที่จะให้คงอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ไว้ที่ร้อยละ 2.00 เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันในการประชุมวันที่ 5 สิงหาคมนี้ ต่อเนื่องจากการประชุมรอบก่อนหน้าในวันที่ 24-25 มิถุนายน หลังจากที่เฟดได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาแล้วรวมร้อยละ 3.25 จากร้อยละ 5.25 มาที่ร้อยละ 2.00 ตั้งแต่การประชุมวันที่ 18 กันยายน 2550 จนถึงการประชุมวันที่ 29-30 เมษายน 2551 โดยปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ดังกล่าว มีดังนี้

 เครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่อ่อนแอ กอปรกับปัญหาในภาคการเงินก็ยังไม่อาจวางใจได้

ในระยะหลังที่ผ่านมา เครื่องชี้เศรษฐกิจของสหรัฐฯส่วนใหญ่แม้จะมีทิศทางการปรับตัวที่ดูดีขึ้นกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะประชาชนได้รับผลบวกจากมาตรการคืนภาษีของภาครัฐในเดือนพฤษภาคม แต่โดยรวมแล้ว เครื่องชี้ต่างๆ ก็ยังคงสะท้อนถึงภาวะที่อ่อนแอ โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ ตลาดแรงงาน และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

ขณะเดียวกัน เฟดยังคงต้องดำเนินนโยบายเสริมสภาพคล่องให้กับตลาดการเงินสหรัฐฯอย่างต่อเนื่องผ่านช่องทางต่างๆ โดยมีความเป็นไปได้มากขึ้นว่าการเสริมสภาพคล่องของเฟดน่าที่จะต้องดำเนินต่อไปจนกระทั่งปีหน้า ถึงแม้ว่าจนถึงขณะนี้ปัญหาในตลาดสินเชื่อของสหรัฐฯจะกินเวลามาเกือบ 1 ปีแล้วก็ตาม

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ความอ่อนแอของเครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ และความเปราะบางในภาคการเงิน ซึ่งยังคงต้องอาศัยเวลาอีกนานเป็นปีกว่าที่จะฟื้นตัวกลับมาสู่ภาวะปกติ คงจะทำให้เฟดไม่อาจจะรีบร้อนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะเกรงว่าจะซ้ำเติมเศรษฐกิจและปัญหาให้ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก แม้ว่าเฟดจะมีความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อก็ตาม

โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงที่ผ่านมา ที่สำคัญได้แก่

 การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Non-Farm Payrolls) ในเดือนกรกฎาคม 2551 การจ้างงานยังคงลดลง 51,000 ตำแหน่ง โดยลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันแล้ว ทั้งนี้ ตลอดปี 2551 ที่ผ่านมา การจ้างงานลดลงแล้วรวม 463,000 ตำแหน่ง หรือคิดเป็นการลดลงประมาณ 66,000 ตำแหน่งเฉลี่ยต่อเดือน

 อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) ในเดือนกรกฎาคม 2551 อัตราการว่างงานปรับขึ้นมาที่ร้อยละ 5.7 จากร้อยละ 5.5 ในเดือนมิถุนายน โดยอัตราการว่างงานดังกล่าว นับว่าเป็นระดับสูงที่สุดในรอบกว่า 4 ปีหรือตั้งแต่เดือนมีนาคม 2547 เป็นต้นมา

 จีดีพี ไตรมาส 2/2551 ขยายตัวร้อยละ 1.9 (Quarter-on-quarter annualized, Advance) เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.9 ในไตรมาสแรก โดยส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนมาจากมาตรการคืนภาษีของภาครัฐในเดือนพฤษภาคม ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจเพียงชั่วคราว นอกจากนี้ ทางการสหรัฐฯยังได้มีการทบทวนอัตราการเติบโตของจีดีพีย้อนหลังที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯได้หดตัวลงร้อยละ 0.2 ในไตรมาส 4/2550 รวมทั้งอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2547-2550 ยังถูกทบทวนให้ปรับลดลงจากเดิมอีกด้วย

 ความเชื่อมั่นผู้บริโภค สถาบัน Conference Board เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนกรกฎาคม 2551 เพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 51.9 จาก 51.0 ในเดือนมิถุนายน โดยแม้จะฟื้นตัวขึ้น แต่ดัชนีที่ยังมีระดับต่ำสุดในรอบหลายปีก็สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯที่ยังคงอ่อนแออยู่

 ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย S&P/Case-Shiller Home Price Indices ล่าสุดในเดือนพฤษภาคม 2551 ยังคงหดตัวลงร้อยละ 16.9 สำหรับราคาที่สำรวจมาจาก 10 เมือง และหดตัวลงร้อยละ 15.8 สำหรับราคาที่สำรวจมาจาก 20 เมือง โดยยังคงเป็นอัตราการลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มากสุดเป็นประวัติการณ์ และมีแนวโน้มที่จะยังคงหดตัวลงต่อเนื่องไปจนถึงปี 2552

 ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ ยังคงเป็นสิ่งที่เฟดกังวล แต่ราคาน้ำมันตลาดโลกที่ชะลอลง ช่วยบรรเทาความวิตกลงไปได้บ้าง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกที่เริ่มชะลอตัวลง และเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แม้จะยังผันผวนแต่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก รวมทั้งตัวเลขอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังไม่ได้พุ่งขึ้นเร็วมากนัก คงจะทำให้เฟดยังพอมีความยืดหยุ่นที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมต่อไปอีกระยะหนึ่ง ถึงแม้ว่าเฟดเองจะยังมีความวิตกกังวลต่อความเสี่ยงด้านเงินเฟ้ออยู่ไม่น้อยก็ตาม

 อัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) ในเดือนมิถุนายน 2551 อัตราทั่วไป (Headline CPI Inflation) เพิ่มขึ้นมาที่ร้อยละ 4.9 (Year-on-Year: YoY) จากร้อยละ 4.1 ในเดือนพฤษภาคม ในขณะที่ อัตราพื้นฐาน (Core CPI Inflation) ขยับขึ้นมาที่ร้อยละ 2.4 จากร้อยละ 2.3 ในเดือนพฤษภาคม

 อัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคาผู้ผลิตสำหรับสินค้าขั้นสุดท้าย (Producer Price Index for finished goods) ในเดือนมิถุนายน 2551 อัตราทั่วไป (Headline PPI Inflation) เพิ่มขึ้นมาที่ร้อยละ 9.1 (YoY) จากร้อยละ 7.2 ในเดือนพฤษภาคม ในขณะที่ อัตราพื้นฐาน (Core PPI Inflation) ขยับขึ้นมาที่ร้อยละ 3.1 จากร้อยละ 3.0 ในเดือนพฤษภาคม

 ค่าคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า (Inflationary Expectations) รอยเตอร์และมหาวิทยาลัยมิชิแกน รายงานว่า ค่าคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะข้างหน้ายังคงมีระดับสูง แต่เริ่มชะลอตัวลงในเดือนกรกฎาคม 2551 โดยค่าคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในอีก 1 ปีข้างหน้า ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนมิถุนายนที่อยู่ที่ร้อยละ 5.1 ในขณะที่ค่าคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในอีก 5 ปีข้างหน้า ปรับลดลงมาที่ร้อยละ 3.2 จากระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2539 ที่ร้อยละ 3.4 ในเดือนมิถุนายน

 ตลาดค่อยๆ เลื่อนการคาดการณ์ต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดออกไปเป็นปีหน้า

สัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้า (Interest rates futures) บ่งชี้ว่า ตลาดมองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดน่าที่จะเลื่อนออกไปเกิดขึ้นในปี 2552 แทนที่จะเป็นในช่วงปลายปีนี้ โดยตลาดยังไม่ได้คาดการณ์อย่างเต็มที่หรือด้วยความเป็นไปได้ใกล้ร้อยละ 100 ถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 2.00 เป็นร้อยละ 2.25 เลยจนกระทั่งถึงเดือนมกราคม 2552

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ปัจจัยสำคัญที่จะมีอิทธิพลต่อมุมมองและการตัดสินใจนโยบายอัตราดอกเบี้ยของเฟด คงจะอยู่ที่ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันตลาดโลก การปรับตัวของเงินดอลลาร์สหรัฐฯและเครื่องชี้เศรษฐกิจ ตลอดจนข่าวร้ายในตลาดการเงิน

โดยสรุป ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คงจะมีมติให้ตรึงอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ไว้ที่ร้อยละ 2.00 ในการประชุมรอบที่ 5 ของปีตามวาระปกติ แต่เป็นรอบที่ 6 ของปีหากนับรวมการประชุมฉุกเฉินเมื่อต้นปี ในวันที่ 5 สิงหาคม 2551 นี้

ทั้งนี้ เครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯส่วนใหญ่ที่ปรับตัวดีขึ้นตามปัจจัยหนุนชั่วคราวจากมาตรการคืนภาษีของภาครัฐ ยังคงมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ที่อ่อนแอต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องชี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ ตลาดแรงงาน และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ซึ่งคงจะต้องอาศัยเวลาอีกนานพอควรกว่าที่จะฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติ

ผนวกกับปัญหาในภาคการเงินของสหรัฐฯที่ยังคงมีความเปราะบางตามมูลค่าสินทรัพย์ของสถาบันการเงินต่างๆ ที่ยังมีแนวโน้มเสื่อมถอยลง และจากการขาดแคลนสภาพคล่อง ซึ่งทำให้เฟดคงจะยังจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเสริมสภาพคล่องให้กับระบบการเงินต่อเนื่องไปอีกจนกระทั่งปี 2552 น่าที่จะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เฟดไม่อาจจะรีบร้อนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ในระยะใกล้นี้ ทั้งๆ ที่เฟดเองก็มีความวิตกกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อไม่น้อย ดังสะท้อนได้จากการออกมาแสดงความเป็นห่วงต่อความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อของเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านในช่วงที่ผ่านมา

กระนั้นก็ดี ราคาน้ำมันตลาดโลกที่เริ่มชะลอตัว และการทยอยฟื้นตัวของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงตัวเลขอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่ได้เร่งขึ้นมาก อาจทำให้เฟดยังพอจะมีความยืดหยุ่นสำหรับการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับต่ำเช่นเดิมไปอีกระยะหนึ่ง

ในขณะที่ปัจจัยที่ต้องจับตาและคาดว่าจะมีอิทธิพลต่อทัศนะและการตัดสินใจนโยบายอัตราดอกเบี้ยของเฟดในระยะข้างหน้า คงจะได้แก่ ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันตลาดโลก การปรับตัวของเงินดอลลาร์สหรัฐฯและเครื่องชี้เศรษฐกิจที่สำคัญ ตลอดจนพัฒนาการของตลาดการเงินสหรัฐฯ 


. . .







 

Create Date : 04 สิงหาคม 2551
4 comments
Last Update : 4 สิงหาคม 2551 15:53:22 น.
Counter : 647 Pageviews.

 

. . .

เอกชนคาดหวังทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจรัฐบาลจะช่วยดูแลปัญหาเงินเฟ้อ-เร่งโครงการเมกะโปรเจค และสร้างความมั่นใจของนักลงทุนให้ดีขึ้น


นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึง ทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาลว่า น่าจะสร้างความรู้สึกที่ดีต่อนักลงทุนและผู้ประกอบการ โดยมีการแบ่งแยกสายงานดูแล เช่น นายมนู เลียวไพโรจน์ อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ดูแลด้านอุตสาหกรรม, นายปรเมธี วิมลศิริ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ดูแลด้านการค้า, นายคณิศ แสงสุพรรณ ดูแลการเงินการคลัง ซึ่งทำให้ดูแลได้ครอบคลุมทั่วถึง

นายสันติ ต้องการเห็นว่า เมื่อที่ปรึกษาให้ความเห็นแล้ว รัฐมนตรีเศรษฐกิจจะต้องตอบสนอง หากสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างดี จะช่วยการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยต้องการให้ทีมที่ปรึกษาดูแลปัญหาเงินเฟ้อ ปัญหาค่าครองชีพ และเร่งสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน เพราะจากประวัติที่ปรึกษาแต่ละคน เห็นว่าน่าจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างรวดเร็วหากภาครัฐตอบสนอง โดยเฉพาะการผลักดันโครงการเมกะโปรเจค การเร่งใช้งบประมาณที่ค้าง เพราะอีก 2 เดือน จะสิ้นสุดปีงบประมาณ 2551แล้ว

ดังนั้น โครงการใดจำเป็นน่าจะรีบทำ เพื่อให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ตลอดจนมีเงินลงทุน และการใช้จ่ายของภาครัฐเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

ส่วนกรณีที่นายวีรพงษ์ รามางกูร ทำงานอยู่ภาคเอกชนหลายแห่ง ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า น่าจะสามารถแยกแยะการทำงานระหว่างงานรัฐบาลกับภาคธุรกิจได้ ซึ่งต้องติดตามการทำงานของทีมที่ปรึกษาต่อไป

นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนคาดหวังว่า เมื่อมีผู้รอบรู้ด้านเศรษฐกิจให้คำแนะนำต่อรัฐบาลน่าจะเป็นผลดี แต่ต้องติดตามว่าจะได้รับการตอบสนองจากรัฐมนตรีเศรษฐกิจที่ดูแลหรือไม่ หากสามารถผสมผสานระหว่างคำแนะนำ และนโยบายเข้าด้วยกันได้ก็จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ ที่สำคัญแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลนี้พร้อมแล้วที่จะสนใจแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หลังจากก่อนหน้านี้ รัฐบาลให้ความสนใจด้านการเมืองมากกว่าเศรษฐกิจ ดังนั้น จึงนับเป็นสัญญาณที่ดีที่มีการตั้งทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรี

นายประมนต์ กล่าวว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.), สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, และสมาคมธนาคารไทย จะพูดคุยกับรัฐบาลผ่านเวทีคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ซึ่งจะเป็นการพูดคุยกับคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจไม่ใช่ทีมที่ปรึกษา ส่วนการจะพบกับทีมที่ปรึกษาฯ จะเป็นแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งยังไม่ได้มีการนัดหมายแต่อย่างใด

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวถึงทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาลว่า เป็นการรวมตัวนักเศรษฐศาสตร์ แม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่การที่มาอยู่รวมกัน และตัดสินใจบนข้อมูลเดียวกันจะสามารถตัดสินใจในจุดร่วมได้ อยากให้ดูแลปัญหาเงินเฟ้อ ความมั่นใจของนักลงทุน เร่งการลงทุนภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม ผู้ลงมือปฏิบัติจริงก็คือ เจ้ากระทรวง ดังนั้น ต้องดูว่าเจ้ากระทรวงจะทำได้มากน้อยเพียงใด ภายใต้ข้อจำกัดทางการเมือง ซึ่งสิ่งสำคัญขณะนี้คืองบประมาณปี 2552 ต้องผ่านการพิจารณาตามขั้นตอนของรัฐสภาก่อน เนื่องจากจะเป็นจุดเริ่มต้นของเมกะโปรเจค และรายจ่ายของภาครัฐในโครงการอื่นๆอีกมาก

ส่วนกรณีที่ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ที่มีความเห็นไม่ตรงกับธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น ตนคิดว่าคงไม่เป็นปัญหาในการทำงาน เพราะในการทำงานสามารถมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้



คณะกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ

นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีต รมว.คลัง เป็นประธานที่ปรึกษา
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี อดีต รมว.พาณิชย์ สมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ ประธานคณะกรรมการบริหารสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ หรือ สบร.
นายปรเมธี วิมลศิริ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช.
นายมนู เลียวไพโรจน์ อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
นายคณิศ แสงสุพรรณ กรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย, ที่ปรึกษา กิตติมศักดิ์ศูนย์ข้อมูลนักลงทุนประเทศไทย และอดีต ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง

. . .



กรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เชื่อว่าเงินเฟ้อจะเริ่มลดลง ผลจาก 6 มาตรการรัฐ


นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ร้อยละ 9.2 นั้นถือว่าสูงมาก คาดว่าในเดือนหน้าจะปรับลดลงได้ เนื่องจากการออกมาตรการของรัฐบาลทั้ง 6 มาตรการ จะช่วยให้อัตราเงินเฟ้อลดลง เพราะมาตรการของรัฐบาลเป็นการหยุดปัจจัย ที่จะเป็นตัวเร่งให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจโลกยังคงมีความน่าเป็นห่วง รวมถึงเศรษฐกิจในประเทศสหรัฐฯ ที่ยังไม่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การส่งออกของประเทศไทยยังดีอยู่ ภายใน 3 เดือนนี้คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหา และจะโตได้ร้อยละ 15 ตามที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้คาดการณ์ไว้

นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หาก 6 มาตรการฯ ใช้ได้ผลอัตราเงินเฟ้อก็มีแนวโน้มลดลง ดังนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงต้องทบทวนนโยบายดอกเบี้ยใหม่ และเป็นไปได้ที่ ธปท.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับนี้สักระยะ

. . .



บริการรถเมล์ฟรี 3 วันแรก ผู้โดยสารเพิ่มถึงร้อยละ 25

นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ หรือ ขสมก. กล่าวว่า จากการจัดโครงการรถเมล์ฟรีเพื่อประชาชนจำนวน 800 คัน 73 เส้นทาง ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ภาพรวมปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้น โดยวันที่ 1 ส.ค.มีผู้ใช้บริการ 123,000 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.2 วันที่ 2 ส.ค.เพิ่มขึ้น ร้อยละ 19.9 และวันที่ 3 ส.ค.เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25

ทั้งนี้ ขสมก.ต้องสูญเสียรายได้เฉลี่ยวันละ 4-5 ล้านบาท แต่ได้รับค่าชดเชยจากรัฐวันละ 6.8 ล้านบาท จึงไม่กระทบต่อสถานะทางการเงินของ ขสมก


บริการรถไฟฟรี มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 13

นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงผลของการให้บริการรถไฟฟรีเพื่อประชาชน ว่ารฟท.ได้จัดขบวนรถไฟเชิงสังคมให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เก็บค่าโดยสารจำนวน 164 ขบวน ตั้งแต่วันที่ 1สิงหาคม เป็นต้นมา พบว่าตลอด 3 วันของการเปิดบริการ (1-3 ส.ค.) มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 212,588 คน หรือเฉลี่ยเพิ่มขึ้นวันละ 70,862 คน หรือร้อยละ 13

สำหรับข้อมูลขบวนรถไฟที่เดินทางไปสู่ภูมิภาคต่างๆ พบว่าขบวนรถไฟสายใต้เป็นเส้นทางที่มีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ 60,230 คน รองลงมาคือสายตะวันออกเฉียงเหนือ 50,260 คน ส่วนเส้นทางที่ผู้โดยสารเพิ่มขึ้นน้อยสุด คือ สายแม่กลอง 17,725 คน

จากการสำรวจพบว่าประชาชนจำนวนมากแสดงความพอใจกับการให้บริการรถไฟฟรี และยังพบว่ามีประชาชนบางส่วนวางแผนเดินทางท่องเที่ยวโดยทางรถไฟไปสู่จังหวัดสำคัญ เช่น พระนครศรีอยุธยา หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ รฟท.จึงได้เตรียมเพิ่มขบวนรถรองรับเพื่อการท่องเที่ยวด้วย โดยรฟท.จะประเมินผลการให้บริการรถไฟฟรี ทุกเดือนตลอดระยะเวลาโครงการ 6 เดือน

ผู้ว่าการ รฟท. กล่าวด้วยว่า นอกจากโครงการบริการรถไฟฟรีแล้ว วันที่ 12 สิงหาคมนี้ รฟท.ยังได้จัดโครงการให้ผู้ที่สนใจท่องเที่ยวทางรถไฟสามารถพาแม่ขึ้นรถไฟท่องเที่ยว โดยแม่จะไม่เสียค่าโดยสาร โทรสอบถามรายละเอียดได้ที่สายด่วยรฟท.โทร 1690


. . .




“ไชยา สะสมทรัพย์” ขอเวลาพิสูจน์ผลงาน เร่งแก้ปัญหาราคาสินค้า-ยกเลิกธงฟ้า


นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่าอยาก เป็นเรื่องปกติเมื่อมีผู้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีใหม่ ก็จะเกิดความไม่เชื่อมั่นว่าจะสามารถนำองค์กรเดินไปข้างหน้าได้หรือไม่ จึงขอเวลาพิสูจน์ผลงาน โดยภารกิจแรกที่จะทำก็คือ การแก้ปัญหาราคาสินค้า ซึ่งเบื้องต้นจะพิจารณาต้นทุนสินค้าก่อนว่าจะให้ปรับราคาหรือไม่ โดยจะให้มีความเป็นธรรม ทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภค

ส่วนโครงการธงฟ้า ที่นำสินค้าอุปโภคบริโภคมาขายราคาถูกนั้น นายไชยา ระบุว่า ไม่ได้แก้ปัญหาระยะยาว แต่กลับส่งผลกระทบต่อยอดขายของร้านโชห่วยในพื้นที่ ดังนั้นหากพื้นที่ที่ชาวบ้านไม่เดือดร้อนเรื่องราคาสินค้า ก็ไม่จำเป็นต้องมีร้านธงฟ้า

. . .



อาจารย์ม.หอการค้าฯ ค้านยกเลิกธงฟ้า แนะลดขนาดโครงการให้เข้าถึงผู้มีรายได้น้อย

นายธนวรรธน์ พลวิชัย คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยหากจะยกเลิกโครงการธงฟ้า เพราะจะทำให้ประชาชนขาดทางเลือกในการบริโภคสินค้าราคาถูก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะต้องทำการศึกษา และประเมินผลการจัดโครงการธงฟ้าอย่างรอบคอบ โดยพิจารณาจากผลกระทบต่อผู้ประกอบการในชุมชน และวิเคราะห์ราคาสินค้าในโครงการว่าต่างจากท้องตลาดหรือไม่ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ ควรลดขนาดโครงการ และจัดโครงการให้ถึงกลุ่มเป้าหมายผู้มีรายได้น้อยจริงๆ และจัดงานเพียงเดือนละ 1 - 2 ครั้ง ในพื้นที่เป้าหมายเท่านั้น

ส่วนการดูแลราคาสินค้าในภาวะราคาน้ำมันได้ปรับฐานลงนั้น กรมการค้าภายในควรเรียกผู้ประกอบการเข้าหารือ เพื่อทบทวนโครงสร้าง ต้นทุน และกำไรใหม่ โดยยึดหลักการไม่แทรกแซงกลไกราคาสินค้า

นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมการค้าส่งค้าปลีกไทย ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดยกเลิกโครงการธงฟ้า เนื่องจากเป็นโครงการที่ช่วยลดค่าครองชีพของประชาชน แต่ควรปรับวิธีการจัดการกระจายสินค้าที่จำเป็น ที่กระทรวงพาณิชย์ผลิตเอง จำหน่ายในร้านค้าปลีกย่อยของชุมชนแทนการจัดโครงการขนาดใหญ่

. . .



ราคาดีเซลลดลงอีกลิตรละ 60 สตางค์ วันที่ 5 ส.ค.

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท เชลล์ในประเทศไทย ได้ประกาศลดราคาน้ำมันดีเซล 60 สตางค์/ลิตร มีผลวันนี้ (5 ส.ค.) ทำให้น้ำมันดีเซลลดเหลือลิตรละ 36.84 บาท น้ำมันดีเซล B5 ลิตรละ 36.14 บาท ส่วนราคาน้ำมันเบนซิน ยังคงเดิม โดยเบนซิน ออกเทน 91 อยู่ที่ 37.99 บาท/ลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 30.49 บาท/ลิตร, แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 29.69 บาท/ลิตร

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) รายงานราคาน้ำมันดีเซลที่ตลาดสิงคโปร์เมื่อวันศุกร์ที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ปรับลดลงถึง 6.07 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ปิดที่ 145.64 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล มากกว่าการปรับลดลงของราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานน้ำมันดีเซลในภูมิภาคเริ่มอยู่ในภาวะล้นตลาด เนื่องจากความต้องการนำเข้าจาก จีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย ปรับตัวลดลง ขณะที่ประเทศแถบเอเชียเหนือเช่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน มีการส่งออกเพิ่มขึ้น

ส่วนราคาเบนซิน ปรับลดลง 2.97 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ปิดที่ 121.22 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ตามราคาน้ำมันดิบดูไบ ที่ลดลง 2.72 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ปิดที่ 120.32 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เพราะความต้องการน้ำมันเบนซินทั่วโลกที่ปรับตัวลดลง โดยผู้นำเข้าหลักในภูมิภาค เช่น จีน และเวียดนาม ยังปรับลดการนำเข้าลง

การที่ราคาน้ำมันดีเซลตลาดสิงคโปร์ลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากจีนที่เริ่มชะลอการนำเข้าดีเซล หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ซื้อสต็อคไว้เป็นจำนวนมากเพื่อนำไปผลิตไฟฟ้าเพื่อลดมลภาวะรองรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และจากราคาน้ำมันสิงคโปร์ที่ลดลง เป็นที่คาดว่าราคาขายปลีกในประเทศสัปดาห์นี้จะปรับตัวลดลงเช่นกัน

สำหรับราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน ก.ย. เมื่อวันศุกร์ที่ 1 ส.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 1.02 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ปิดที่ 125.10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เพราะอิสราเอลออกมาแสดงจุดยืนในการตอบโต้อิหร่านหากยังคงดำเนินโครงการพัฒนานิวเคลียร์ แต่ปัจจัยนี้ไม่ได้ทำให้ราคาปรับสูงขึ้นนัก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากที่ กระทรวงแรงงานสหรัฐประกาศตัวเลขอัตราคนว่างงานในเดือน ก.ค.ที่พุ่งสูงถึงร้อยละ 5.7 ถือเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือน มี.ค. ค.ศ. 2004 ส่งผลให้ตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และอัตราการใช้น้ำมันที่ชะลอตัวลง

. . .



รมช.คลัง ยืนยันเดินหน้านโยบายให้โอกาสประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุน

นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จะยังคงเดินหน้านโยบายการให้โอกาสประชาชนในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนที่ยากจน ที่รัฐบาลจะต้องให้ความช่วยเหลือตลอดเวลา และสม่ำเสมอ แม้ว่าผลของการใช้นโยบายให้โอกาสประชาชน อาจจะทำให้เกิดปัญหาหนี้เสียบ้าง แต่หากมองอีกด้านหนึ่ง จะพบว่า ผู้ที่ได้ใช้ประโยชน์จากการให้โอกาสของรัฐบาลจะมีจำนวนมากกว่า และจะสร้างผลในด้านบวกต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศในที่สุด

สำหรับปัญหาเงินเฟ้อที่หลายฝ่ายให้ความเป็นห่วง โดยเฉพาะการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25 นายสุชาติกล่าวว่า เงินเฟ้อที่สูงขึ้นในขณะนี้เป็นปัญหาจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ทำให้ราคาสินค้าขยับสูงขึ้น ดังนั้น การขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ กนง. นอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อแล้ว ยังจะทำให้ค่าครองชีพและภาระของประชาชนทั่วไปเพิ่มขึ้นอีกด้วย

“ขณะนี้ปัญหาของประเทศ คือ ความมั่นใจที่ยังมีปัญหา ทั้งปัญหาการเมือง ความขัดแย้งในสังคม รวมทั้งราคาน้ำมัน และปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐ ดังนั้น การดำเนินนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดภาระค่าครองชีพของประชาชน จึงเป็นเรื่องที่น่าจะให้ความสำคัญมากที่สุดในขณะนี้” นายสุชาติ กล่าว

ส่วนการที่หลายฝ่ายเป็นห่วงธนาคารแห่งประเทศไทยจะทำงานกับทีมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลลำบาก และมีปัญหาเนื่องจากนายวีรพงษ์ รามางกูร วิจารณ์การทำงานของ ธปท.มาตลอด มั่นใจว่าระดับผู้ใหญ่ที่เข้ามาร่วมทำงานคงไม่ทำให้เกิดปัญหาและน่าจะประสานงานร่วมกันได้

เพราะเห็นว่าปัญหาในขณะนี้ต้องประสานร่วมกันทั้งนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง และหากบริหารเศรษฐกิจให้ดีจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ถึงร้อยละ 8 แต่สิ่งแรกที่ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ต้องดำเนินการ คือการสร้างความเชื่อมั่นให้กันนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

. . .



กฟภ. คืนเงินส่วนลดค่าอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5 วันที่ 5 ส.ค.นี้

พล.ท.(หญิง)พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า โครงการ 555 ช่วยลดค่าใช้จ่ายคนไทย ที่มีขึ้นระหว่างเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็น 1 ใน 11 มาตรการประหยัดพลังงานเพื่อประชาชน ด้วยการร่วมมือกับบริษัทผู้ประกอบการเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และพัดลมเบอร์ 5 ลดราคาขายอุปกรณ์ลง ร้อยละ 5 ให้กับประชาชน โดยเงินส่วนลดจะโอนผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ในวันนี้ (5 ส.ค.) เข้าบัญชีประชาชนที่เข้าร่วมโครงการทั่วประเทศ 2,219 ราย คิดเป็นมูลค่าส่วนลดอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5 จำนวน 3 ล้านบาท ส่งผลให้สามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้กว่า 1.36 ล้านหน่วยต่อปี หรือ 4 ล้านบาทต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ 700 ตันต่อปี ทั้งนี้ธนาคารกรุงไทยจะหักค่าธรรมเนียมการโอนเงินในอัตรา 5 บาทต่อ 1 รายการ จากเงินส่วนลดที่ผู้ซื้อได้รับ
ส่วนโครงการล้างแอร์สะอาดเพิ่มเงินบาทให้ครัวเรือน มีประชาชนเข้าร่วมโครงการล้างแอร์ฟรี 23,761 ครัวเรือน โดย กฟภ.จะส่งจดหมายยืนยันสิทธิ์ล้างเครื่องปรับอากาศฟรีให้กับประชาชนติดต่อขอใช้สิทธิ์ภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้กว่า 7.2 ล้านหน่วยต่อปี

. . .

 

โดย: loykratong 4 สิงหาคม 2551 18:43:03 น.  

 


วันนี้มีแต่ข่าวดีๆ นะคะ

ฟังมาว่า 6 มาตรการรัฐฯ มีผลดีมากๆ ต่อการกระจายรายได้ ทีมเศรษฐกิจเก่งไม่เบานะคะ มีราคาน้ำมันที่ปรับลดลงเรื่อยๆ เป็นตัวช่วย

อาสนะต่างๆ ของโยคะ นอกจากจะงดงามแล้วยังผ่อนคลายร่างกายทำให้จิตใจเป็นสมาธิอีกด้วยนะคะ

มีแต่ความสุขค่ะ

 

โดย: ทิวาจรดราตรี 4 สิงหาคม 2551 22:14:23 น.  

 

 

โดย: AuntieV 5 สิงหาคม 2551 9:09:54 น.  

 

Great weblog right here! Additionally your web site quite a bit up very fast! What host are you the usage of? Can I get your associate link in your host? I wish my web site loaded up as fast as yours lol
Cheap Louis Vuitton shoes //www.sakabrasives.com/aboutus.html

 

โดย: Cheap Louis Vuitton shoes IP: 94.23.252.21 4 สิงหาคม 2557 5:24:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.