Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
3 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
. . . แท็กซี่ยังขึ้นราคาค่าโดยสารไม่ได้ . . .

...

แท็กซี่ยังขึ้นราคาค่าโดยสารไม่ได้ เนื่องจากต้องรอปรับจูนมิอเตอร์ให้แล้วเสร็จ

ภายหลังจากประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกผู้โดยสารสำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกผู้โดยสารไม่เกิน 7 คน หรือ แท็กซี่มิเตอร์ ที่จดทะเบียนในกรุงเทพมหานคร ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม เป็นต้นไป

นายวิฑูรย์ แนวพานิช ประธานชุมนุมสหกรณ์บริการเดินรถแห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ประกอบการแท็กซี่มิเตอร์ได้ทยอยนำรถไปทำการตั้งค่ามิเตอร์ เพื่อให้เป็นไปตามอัตราค่าโดยสารใหม่ ตามที่กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กำหนด ซึ่งคาดว่าต้องใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน จึงจะทำการติดตั้งมิเตอร์ในรถแท็กซี่ที่มีอยู่กว่า 65,000 คันแล้วเสร็จ ขณะที่กรมการขนส่งทางบก ได้กำหนดจุดตั้งค่ามิเตอร์เพียง 10 จุดเท่านั้น จึงเรียกร้องให้ขยายจุดตั้งค่ามิเตอร์ในช่วงเวลานี้ ซึ่งการปรับตั้งค่ามิเตอร์จะใช้ระยะเวลาประมาณ 20 นาทีต่อ 1 คัน

นายวิฑูรย์ ได้ฝากเตือนไปยังผู้ขับขี่รถแท็กซี่อย่าฉวยโอกาสอ้างประกาศกระทรวงคมนาคมปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารใหม่ทันที หากยังไม่ได้ทำการตั้งค่ามิเตอร์ใหม่ โดยขอให้คิดตามอัตรามิเตอร์ที่เป็นไปตามที่ปรากฏขึ้น พร้อมเตือนผู้โดยสารที่ใช้บริการรถแท็กซี่มิเตอร์ให้ตรวจสอบราคาก่อนทุกครั้งในช่วงที่แท็กซี่กำลังทำการตั้งค่ามิเตอร์ใหม่

บริษัทที่ได้รับอนุญาตจากกรมขนส่งทางบกในการปรับจูนมิเตอร์ มีอยู่ 9 บริษัท และ 1 สถาบันการศึกษา แต่ถึงขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการปรับจูนมิเตอร์รถแท็กซี่ได้ เนื่องจากบริษัทที่ดำเนินการยังรอเครื่องต้นแบบจากสถาบันเทคโนโลยีมหานคร ซึ่งต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 1 สัปดาห์

นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ รักษาการอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่าสาเหตุที่ต้องเลื่อนการจูนมิเตอร์ออกไปอีก 7 วัน เนื่องจากขณะนี้สถาบันเทคโนโลยีมหานคร อยู่ระหว่างจัดทำซอฟต์แวร์ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับรถแท็กซี่ที่ไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้ในขณะนี้

นายสุเจตน์ จันทรังษี อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร กล่าวถึงกรณีที่การปรับจูนมิเตอร์แท็กซี่ตามอัตราค่าโดยสารใหม่ล่าช้า เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมามีบริษัทเอกชนที่ได้รับอนุญาตปรับจูนมิเตอร์ ส่งเครื่องต้นแบบมาให้มหาวิทยาลัยวิเคราะห์ซอฟต์แวร์เพียง 11 รุ่น จากมิเตอร์ที่มีในประเทศไทย 19 รุ่น ซึ่งหลังจากได้มิเตอร์ต้นแบบแล้ว มหาวิทยาลัยฯ ยังต้องใช้เวลาในการเขียนซอฟต์แวร์อีก จึงทำให้การจัดเตรียมความพร้อมปรับจูนมิเตอร์ล่าช้า

นายสุเจตน์ ยืนยันว่า การปรับจูนมิเตอร์ จะเรียบร้อย และเริ่มใช้งานได้ในอีก 7 วัน ซึ่งปัจจุบันมิเตอร์ที่ติดในรถแท็กซี่ทุกคันมีการนำเข้ามาจากบริษัทต่างๆ 9 บริษัท มีมิเตอร์รวมยี่ห้อและรุ่นต่าง ๆ 19 รุ่น

โดยขั้นตอนดำเนินการ บริษัทนำเข้ามิเตอร์เหล่านี้ จะต้องนำมิเตอร์ต้นแบบที่ได้ปรับจูนค่าโดยสารตามอัตราใหม่ส่งมาให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร เพื่อวิเคราะห์ซอฟต์แวร์ และใช้เป็นข้อมูลในการปรับจูนมิเตอร์ให้ตรงกับยี่ห้อ และรุ่นของมิเตอร์ แต่เพิ่งมีมิเตอร์ 11 รุ่นที่ส่งเข้ามาตรวจสอบ และเขียนซอฟต์แวร์

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทนำเข้ามิเตอร์อีก 1 แห่ง ที่ประกาศชัดเจนว่าจะไม่ให้มหาวิทยาลัยฯ เป็นผู้ดำเนินการปรับจูนมิเตอร์ โดยอ้างปัญหากฎหมายลิขสิทธิ์ ซึ่งขณะนี้มหาวิทยาลัยฯ จะต้องเขียนซอฟต์แวร์ทับลงไปบนซอฟต์แวร์เดิม และต้องใช้เวลาดำเนินการถึง 2 สัปดาห์

ส่วนการเตรียมความพร้อมในการจูนมิเตอร์ให้รถแท็กซี่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร กล่าวว่า สถาบันได้จัดเตรียมสถานที่ และนักศึกษาที่จะเป็นผู้ปรับจูนมิเตอร์ไว้แล้ว โดยมหาวิทยาลัยฯ จะสามารถรองรับการเข้ามาปรับจูนมิเตอร์ของรถแท๊กซี่ได้วันละ 300-500 คัน โดยจะใช้เวลาในการปรับจูนคันละไม่เกิน 30 นาที

ผู้ขับรถแท็กซี่สามารถนำรถเข้ามาแจ้งความประสงค์ในการปรับจูน หลังจากนั้นนักศึกษาที่ทำหน้าที่จะถอดมิเตอร์ออกไปดำเนินการ และให้บัตรคิวกับผู้ขับรถแท็กซี่ ส่วนค่าปรับจูนมิเตอร์คิด 200 บาท เป็นค่าแรงของนักศึกษาที่มาดำเนินการรวมทั้งค่าเปลี่ยนแปลงหรือล้างข้อมูลในหน่วยความจำของเครื่องมิเตอร์ หลังการปรับจูนมิเตอร์แล้วเสร็จ จะมีเจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบกเป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้องของมิเตอร์ก่อนจะมีการตีตรา และซีลความถูกต้องรับรองมิเตอร์เครื่องนั้น

สำหรับบริษัทเอกชนอีก 9 ราย ที่ได้รับอนุญาตปรับจูนมิเตอร์ คิดค่าบริการ 500 บาทนั้น เห็นว่าเป็นราคาค่อนข้างสูง และหากรถแท็กซี่คันใดต้องการเปลี่ยนเครื่องบันทึกหน่วยความจำหรือไอซี ก็จะเสียค่าดำเนินการถึง 800 บาท เห็นว่าเป็นภาระกับผู้ขับรถแท็กซี่มากเกินไป

...



เครือข่ายคัดค้านขึ้นค่าโดยสารฯ เตรียมยื่นศาลปกครองค้านขึ้นค่าโดยสารรถแท็กซี่

นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ประธานเครือข่ายคัดค้านขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะ กล่าวก่อนให้ปากคำต่อศาลปกครองซึ่งนัดไต่สวนกรณียื่นคำร้องขอคุ้มครองฉุกเฉินการขึ้นค่าเรือโดยสาร ตามที่คณะกรรมการพิจารณาเกี่ยวกับเรือเดินประจำทางอนุมัติ ว่า ขณะนี้ได้เตรียมเอกสารเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง กรณีการขึ้นค่าโดยสารรถแท็กซี่ไว้แล้ว คาดว่าจะยื่นได้ใน 1- 2 วันนี้

ส่วนการให้ปากคำต่อศาลปกครองกรณีค่าเรือโดยสาร นายบุญชัย กล่าวว่า ได้เตรียมเอกสารด้านต้นทุนกิจการเดินเรือโดยสาร และข้อเสนอแนวทางแก้ปัญหา โดยใช้เรือไฟฟ้าเพื่อลดต้นทุน มาเสนอต่อศาลปกครองด้วย ซึ่งไม่ว่าศาลปกครองจะมีคำสั่งอย่างไร ก็จะเคารพคำตัดสินของศาล ไม่มีการเคลื่อนไหวในภาคประชาชนอีก

สำหรับค่าเรือโดยสารที่ได้รับอนุมัติให้ปรับขึ้นก่อนหน้านี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2551 เรือด่วนเจ้าพระยา (ธงส้มและธงเหลือง) ปรับราคาเพิ่มอีกระยะละ 2 บาท โดยเรือธงส้มอยู่ที่ 17 บาทตลอดสาย จากเดิม 15 บาทตลอดสาย ส่วนเรือธงเหลืองอยู่ที่ 22-31 บาท จากเดิม 20-29 บาท เรือคลองแสนแสบ ปรับราคาเพิ่มอีกระยะละ 2 บาท เป็น 12-22 บาท จากเดิม 10-20 บาท เรือด่วนธงประจำทางปรับราคาเพิ่มอีกระยะละ 1 บาท เป็น 11-15 บาท จากเดิม 10-14 บาท และเรือข้ามฟาก ปรับขึ้นราคา 0.50 บาท เฉพาะท่าเรือที่มีผู้โดยสารไม่เกิน 5,000 คนต่อวัน โดยปรับราคาเป็น 3-4 บาท จากเดิม 2.50-3.50 บาท

สำหรับอัตราค่าโดยสารใหม่ของรถแท็กซี่ มีดังนี้ ระยะทาง 1 กิโลเมตรแรก 35 บาท กิโลเมตรที่ 2 ขึ้นไป ถึงกิโลเมตรที่ 12 กิโลเมตรละ 5 บาท กิโลเมตรที่ 12 ขึ้นไป ถึงกิโลเมตรที่ 20 กิโลเมตรละ 5.50 บาท กิโลเมตรที่ 20 ขึ้นไป ถึงกิโลเมตรที่ 40 กิโลเมตรละ 6 บาท กิโลเมตรที่ 40 ขึ้นไป ถึงกิโลเมตรที่ 60 กิโลเมตรละ 6.50 บาท กิโลเมตรที่ 60 ขึ้นไป ถึงกิโลเมตรที่ 80 กิโลเมตรละ 7.50 บาท กิโลเมตรที่ 80 ขึ้นไป กิโลเมตรละ 8.50 บาท ส่วนกรณีรถไม่สามารถเคลื่อนที่หรือเดินรถต่อไปได้เกินกว่า 6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตรานาทีละ 1.50 บาท

...



กระทรวงพลังงาน พร้อมส่งเสริมการใช้เอ็นจีวีอย่างจริงจัง

พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังประชุมติดตามการดำเนินการขยายบริการ และส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติในรถยนต์ (เอ็นจีวี) ว่า จากการติดตามภาพรวมทั้งหมดยืนยันว่าเดือนกรกฎาคมนี้ บริษัท ปตท.มีความพร้อมในการประกาศให้เป็นเดือนดีเดย์ ส่งเสริมการใช้เอ็นจีวีอย่างจริงจัง เนื่องจากมีการขยายปริมาณการจำหน่ายให้สูงกว่าความต้องการ

โดยขณะนี้ปริมาณพร้อมจำหน่ายมีสูงถึง 2,455 ตันต่อวัน จากความต้องการใช้ 2,013 ตัน และสิ้นปีจะขยายเป็น 5,465 ตันต่อวัน ขณะที่สถานีบริการจะเพิ่มจาก 214 เป็น 355 แห่ง

ปัจจุบัน การขยายบริการและส่งเสริมการใช้เอ็นจีวีมีความคืบหน้าไปจากเดิมมาก ผลการดำเนินงาน 6 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-มิ.ย.51) ปริมาณการใช้เอ็นจีวีเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าของปลายปี 2550 สิ้นเดือนมิถุนายน 2551 มีผู้ติดตั้งเอ็นจีวีแล้วจำนวน 84,161 คัน เป็นรถเบนซิน 67,833 คัน รถดีเซล 13,247 คัน และรถที่ผลิตจากโรงงาน 3,081 คัน

นอกจากนี้ ด้านการแก้ปัญหาการรอคอยเติมก๊าซเอ็นจีวีของกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ รถแท็กซี่ และการเข้ามาแย่งเติมก๊าซของรถยนต์ขนาดใหญ่นั้น ได้มีการดำเนินการแล้วในหลายส่วน คือ การเพิ่มรถขนส่งก๊าซรองรับปริมาณการใช้ที่สูงขึ้น

ปัจจุบันมีรถขนส่งก๊าซวิ่งให้บริการแล้วทั้งหมด 496 คัน เพิ่มขึ้นจากปลายปี 2550 ที่มีเพียง 312 คัน และปลายปี 2551จะมีรถขนส่งเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า เป็น 933 คัน รวมถึงต่อไปนี้จะมีการแยกสถานีบริการออกเป็น 3 กลุ่ม เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายแก่ผู้มาใช้บริการ ได้แก่ สถานีค้าปลีกที่กระจายอยู่ทั่วไปเพื่อรองรับรถส่วนบุคคล สถานีค้าปลีกขนาดใหญ่ (20-30 ตู้จ่าย) อยู่ในทำเลและแหล่งที่มีรถแท็กซี่หนาแน่น และสถานีเฉพาะบริการ รถขนาดใหญ่ กระจายบนเส้นทางหลวงต่างจังหวัดและในที่ตั้งของรถขนส่ง

นอกจากนี้ ได้เตรียมแผนแบ่งแยกสถานีบริการรถใหญ่และรถเล็กอย่างชัดเจนรวมถึงการเพิ่มสถานีแม่เพื่อรองรับการขยายตัวของสถานีบริการอย่างรวดเร็ว ซึ่งนับเป็นความพร้อมที่จะช่วยลดภาระด้านพลังงานแก่ประชาชน จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนหันมาติดตั้งเอ็นจีวี ซึ่งราคาขายถูกกว่าเชื้อเพลิงประเภทอื่น ๆ

ในปีนี้ ราคาเอ็นจีวีอยู่ที่ 8.50 บาท/กก. ปี 2552 ราคาอยู่ที่ 12 บาท/กก. ปี 2553 ราคาอยู่ที่ 13 บาท/กก. หลังจากนั้นจะลอยตัวแต่ราคาจะไม่เกิน 50% ของราคาน้ำมันดีเซล

เมื่อเทียบอัตราสิ้นเปลืองระหว่างกัน เอ็นจีวี 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ให้อัตราสิ้นเปลืองที่ 56 สตางค์ต่อกิโลเมตร ขณะที่แอลพีจี 18.13 บาทต่อกิโลกรัม จะมีอัตราสิ้นเปลืองประมาณ 1 บาทต่อกิโลเมตร หากในปี 2552 เอ็นจีวีจะปรับขึ้นไม่เกิน 12 บาทต่อกิโลกรัม อัตราสิ้นเปลืองก็ยังคงต่ำอยู่ที่ 86 สตางค์ต่อกิโลเมตร

ส่วนเรื่องแอลพีจีที่ขาดแคลนในขณะนี้ ได้รับรายงานว่าปั๊มต่าง ๆ มียอดขายอย่างต่อเนื่อง และจากที่ ปตท.นำเข้าก๊าซรอบ 2 มาแล้ว 22,400 ตัน ปริมาณจึงมีเพียงพอไม่ขาดแคลน ส่วนเรื่องราคายังยืนยันเดือนกรกฎาคมจะมีการปรับราคาออกเป็น 2 โครงสร้างแน่นอน

ส่วนราคาน้ำมันที่ทำสถิติสูงสุดถึง 144 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า เกิดจากการเก็งกำไรเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้คาดว่าน่าจะถึงจุดอิ่มตัว แต่ก็ไม่สามารถไว้วางใจได้ ในส่วนของกระทรวงพลังงานยังไม่มีมาตรการใหม่ออกมาเพื่อดูแลราคาน้ำมัน โดยขอใช้นโยบายเดิมในการรณรงค์ต่อไป

...




"เชลล์-เอสโซ่" ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินลิตรละ 40 สตางค์

เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา บริษัท เอสโซ่ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เชลล์ประเทศไทย จำกัด ได้ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินอีกลิตรละ 40 สตางค์ ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซิน 95 ของเอสโซ่ ทำสถิติสูงสุด ที่ระดับ 44.09 บาท ขณะที่เบนซิน 95 ของเชลล์ จะมีราคาอยู่ที่ 43.59 บาท ส่วนของ ปตท.อยู่ที่ลิตรละ 43.29 บาท

ราคาขายปลีกน้ำมันที่เท่ากันทุกปั๊มคือเบนซิน 91 อยู่ที่ลิตรละ 42.19 บาท, แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ลิตรละ 38.59 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ลิตรละ 37.79 บาท และดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 43.44 บาท

การปรับขึ้นราคาขายปลีกเนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นทำสถิติใหม่อีกครั้ง ที่ระดับ 144.15 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ก่อนจะปรับตัวลดลงมาปิดที่ระดับ 143.57 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล

...



ม็อบสลากรายย่อยล้อมกระทรวงคลัง เรียกร้องพิมพ์สลากเพิ่ม และระงับขายหวยบนดิน

บ่ายวานนี้ (3 ก.ค.) ผู้ค้าสลากรายย่อยกลุ่มคนพิการได้เดินทางมาชุมนุมบริเวณหน้ากระทรวงการคลังกว่า 1,000 คน จากนั้นได้ปิดล้อมกระทรวงการคลังทุกประตู โดยห้ามเจ้าหน้าที่ผ่านเข้า-ออกทุกประตู ทำให้ประชาชนที่จะมาติดต่อราชการในช่วงบ่าย และข้าราชการไม่สามารถเข้า-ออกกระทรวงการคลัง

ส่งผลให้การแถลงข่าวร่วมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, และผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ช่วงเวลา 14.00 น. ไม่สามารถเดินทางมาแถลงข่าวการจัดงาน “มหกรรมมั่นใจไทยแลนด์ ดีแน่ ถูกแน่ เพื่อคนไทย” จึงมอบหมายให้ ร.ต.(หญิง) ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ทำหน้าที่ในการแถลงข่าวแทน

นายสิงห์คำ มณีจันสุข ประธานเครือข่ายองค์กรพิทักษ์สิทธิ์ผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า ต้องการเรียกร้องให้สำนักงานสลากฯ เพิ่มจำนวนสลากอีก 40,000 เล่ม เพื่อจัดสรรให้กับเครือข่ายองค์กรฯ 15,000 เล่ม, ผู้ค้ารายย่อยทั่วไป 10,000 เล่ม, สมาคมมูลนิธิที่มีโควตาสลากเดิม 10,000 เล่ม, และสำนักงานสลากฯ กันไว้ 5,000 เล่ม เพื่อจำหน่ายให้กับบุคคลทั่วไป เพราะเชื่อว่าหากจัดพิมพ์สลากเพิ่มจะทำให้ปริมาณสลากในระบบเพียงพอต่อความต้องการ และทำให้สลากที่ขายเกินราคาลดลงมาได้

นอกจากนี้ ต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดดำเนินการออกหวยบนดิน เพราะเกรงว่าจะกระทบปริมาณสลากฯในท้องตลาด จนทำให้ขายสลากไม่ได้

จากนั้น เวลา 16.00 น. ซึ่งเป็นช่วงข้าราชการเลิกงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลกว่า 200 นาย ตรึงกำลังบริเวณถนนซอยอารีสัมพันธ์ เพื่อกันไม่ให้ผู้ชุมนุมเดินหน้าเข้ามาปิดประตูด้านหลัง จากนั้นจึงเปิดประตูด้านหลังให้ข้าราชการออกจากกระทรวงการคลัง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรีบเร่งเดินทางออกจากกระทรวง

นายวันชัย สุรกุล รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า การประท้วงของกลุ่มผู้ค้าสลากรายย่อย เพื่อเรียกร้องให้จัดพิมพ์สลากเพิ่มแก้ปัญหาสลากเกินราคานั้น เคยหารือกับแกนนำกลุ่มดังกล่าวครั้งหนึ่งแล้ว และเห็นว่าแนวทางแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาเมื่อมีการจำหน่ายหวยบนดิน จะทำให้ปริมาณสลากในระบบเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยกดดันให้ราคาสลาก

...


Create Date : 03 กรกฎาคม 2551
Last Update : 3 กรกฎาคม 2551 18:44:21 น. 1 comments
Counter : 609 Pageviews.

 
อ่านข่าวจบแล้ว ดื่มกาแฟสักนิดนะคะ
ชีวิตจะพบความสุขค่ะ
ดื่มกาแฟแล้วสดชื่น

[ขอบคุณข่าวเด่นทันยุคค่ะ]


โดย: nathanon วันที่: 3 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:21:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.