|
|
|
- อาทิตย์ จันทร์ เมฆา และวายุ...
- ... กินเจปี’52 ฯ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ...
- ... ขนมไหว้พระจันทร์ปีนี้ ยอดขายดีกว่าปีก่อน...โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย...
- ... สภาพคล่องในงบดุลของธนาคารพาณิชย์ไทย ส.ค. 52 … เพิ่มขึ้น โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย....
- ... กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ... ผลกระทบต่อธุรกิจกองทุนรวม ...
- บริการคงสิทธิเลขหมาย…กระทบผู้ให้บริการ หลังเปิดใช้ 3G โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ภาวะเงินเฟ้อติดลบใกล้สิ้นสุด ...
- ... ส่งออกรถยนต์ไทยครึ่งหลัง 2552 มีสัญญาณดีขึ้น โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ...
- . . . Digital Content Industry . . .โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 : ผลกระทบต่อหลากธุรกิจ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ... . ตลาดหนังสือปี’52 : อัตราขยายตัวชะลอลง...สำนักพิมพ์ต้องเร่งปรับตัว โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย.
- ...พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ... ผลต่อสภาพคล่องและดอกเบี้ยแบงก์ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย...
- ... ยางธรรมชาติครึ่งหลังปี 52 โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย...
- การจัดสรรเงินออม...ภายใต้ปัจจัยเสี่ยงในช่วงครึ่งหลังของปี’52 โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ... แนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลัง 2552 ... โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ... แนวโน้มเงินบาทครึ่งหลังปี 2552 ...
- ... กรมธนารักษ์เปิดจ่ายแลกเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่ครบทุกชนิดราคา ...
- ... ท่องเที่ยวครึ่งหลังปี 2552...มีโอกาสฟื้นตัวปลายปี....
- ตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนพฤษภาคม 2552
- ธนาคารกรุงไทยจัด 2 โปรโมชั่นกระตุ้นการใช้จ่าย
- ...วิกฤตการณ์ทางการเงินของโลก : เงินทุนต่างชาติชะลอตัว... ผลต่ออสังหาริมทรัพย์ไทย...
- ... ส่งออก-ลงทุน-ท่องเที่ยว ไทย-จีน : มีทิศทางปรับดีขึ้น โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ...
- ... ตัวเลขว่างงานเดือนเมษายน 2552 พุ่งขึ้น 49.7% ...
- คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25%
- การส่งออกไม่รวมทองคำในเดือนพฤษภาคมหดตัว 27.3%
- ...เศรษฐกิจไทยมีโอกาสฟื้นตัวเพิ่มมากขึ้น... แต่...
- กฎหมายกู้เงินฉุกเฉิน 4 แสนล้านบาท … เปิดทางกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- .... ทำไม ต้องทำประกัน???.... (ด้วยคะ)........
- ราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรระยะยาว : ความท้าทายของเศรษฐกิจไทย
- การนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมาใช้
- การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์: ฟื้นตัวแล้ว?
- เงินบาทแข็งค่าสูงสุดในรอบ 8 เดือน
- . . . .กระแสรักสวย-รักงาม...ยังคงทำให้ธุรกิจขยายตัว . . . .
- เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 2/2552 อาจยังคงหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง
- เศรษฐกิจไทยอาจฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในครึ่งปีหลัง … แต่ยังมีปัจจัยที่ต้องระวัง
- . . .ราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นลิตรละ 80 สตางค์ ส่วนดีเซลเพิ่มขึ้นลิตรละ 60 สตางค์ วันที่ 21 พ.ค.นี้
- ตัวเลขว่างงานเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ... ลดลงเพราะผลจากฤดูกาล
- . ตลาดหุ้นไทยร่วง 26 จุด - บุหรี่ในขึ้น 10-13 บาท บุหรี่นอก 15-17 บาท
- ผู้บริโภคร้องเรียนร้านค้ากักตุนบุหรี่กว่า 200 ราย
- . . . กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอ ครม. ตัดสินขึ้นภาษีที่ดิน . . .
- . . . ข่าวดี ที่เกิดขึ้น ก่อนวันพระ หนึ่งวัน . . .
- . . .ขึ้นภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย . . .
- ครม.ไฟเขียวให้ลูกจ้าง-นายจ้างลดส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคมเหลือ 3% จาก 5%
- . . .อัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายน52 ...ติดลบเป็นเดือนที่ 4 . . .
- ขึ้นน้ำมันทุกชนิดลิตรละ 1.55 บาท ยกเว้นอี 85 มีผลวันที่ 1 ก.พ.นี้
- ครม.มีมติเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมันทั้งเบนซิน-ดีเซล มีผลวันที่ 1 ก.พ. นี้
- คลังเตรียมพิจารณากฎหมายเพื่อเก็บภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้าง รวมถึงภาษีมรดก
- เตือนภัยหญิงไทยที่ติดต่อชาวต่างชาติผ่านทางระบบ Internet ระวังถูกหลอกให้เสียเงินจากการรับสินค้า
- 7 มาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ-- ปิดปั๊มหลังเที่ยงคืน 31 ม.ค.ก่อนขึ้นราคาน้ำมัน
- กรมสรรพากรชี้แจงเงื่อนไขหักลดหย่อนภาษีเบี้ยประกันชีวิต สำหรับกรมธรรม์ที่ทำหลังวันที่ 1 ม.ค.52
- ราคาก๊าซรถยนต์(แอลพีจี)อาจเพิ่มขึ้น 2 บาทต่อกก.-กระทรวงแรงงานจัดงาน “ตลาดนัดแรงงาน” ทุกวันเสาร์. . .
- กนง. ลดดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 เหลือร้อยละ 2.00 -- รมว.แรงงานแจงช่วยค่าครองชีพจ่าย 2,000 บาท ครั้งเดียว
- ครม.อนุมติงบกลางปี 1.15 แสนล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจ 18 โครงการ
- ต่ออายุ 6 มาตรการฝ่าวิกฤติ - นัดพบแรงงานทุกวันเสาร์ - อนุมัติงบช่วยเหลือผู้ว่างงาน
- ขึ้นราคาน้ำมันลิตรละ 60 สตางค์ 7 ม.ค.นี้
- เงินเฟ้อปี 51 - 5.5% --- หุ้นวันแรกบวก 28 จุด -- ตรึงราคาก๊าซแอลพีจี และเอ็นจีวี. . .
- ราคาน้ำมันปีหน้า มีแนวโน้มทรงตัว แต่ค่าไฟฟ้าช่วงครึ่งปีแรกจะปรับขึ้น
- นายกเตรียมปรับลดใช้น้ำฟรีเหลือ 30 หน่วยต่อเดือน - สายด่วนประกันภัย 1186
- ราคาน้ำมันลดลงลิตรละ 60 สตางค์ 26 ธ.ค.นี้
- ราคาที่ดินลาดพร้าวปรับเพิ่ม 65% -- รัฐเตรียมช่วยคนซื้อบ้านใหม่ปีหน้า -- ค่าไฟฟ้าขึ้นหน่วย 14 สตางค์
- ตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ย. หดตัวสูงถึง 18.6%
- รถไฟฟ้าบีทีเอสขยายเวลาเปิดให้บริการคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ถึง 02.00 น.
- ธปท.เตือนประชาชนระวังธนบัตรปลอมระบาด--รฟท. เพิ่มขบวนรถไฟ 18 ขบวน
- ปตท.เตรียมขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีจาก 8.50 บาท เป็น 11 บาท มีผล 1 ม.ค.52--ลดค่าโดยสารขสมก.-บขส.
- ลดราคาดีเซลลิตรละ 0.50 บาท - เก็บเงินเบนซิน 95 เข้ากองทุนน้ำมันลิตรละ 3 บาท - รัฐบาลใหม่
- คาดเฟดลดดอกเบี้ย 0.5% - โอเปกประชุม 17 ธ.ค.นี้ - ราคายางตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี
- บขส-รถร่วมเตรียมลดค่าโดยสาร--แบงก์ออมสินลดดอกเบี้ย--ปีใหม่ แบงก์หยุด 5 วัน. . .
- อีก 5 ปี . . . ประชาชนจะกลายเป็นมนุษย์ไฮเทค . . .
- แนวโน้มยอดขายรถยนต์ในประเทศ : ชะลอลงต่อเนื่องถึงปีหน้า
- น้ำมันลดลง 60-80 สตางค์ต่อลิตร--ปีหน้าว่างงาน 9 แสนคน--เบียร์ช้างชะลอเข้าตลาดหุ้น--คลังหนุนปรับภาษี
- เงินบาทแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 22 เดือน ที่ 35.83 / หุ้นปิดที่ 392 แนวต้าน 400 แนวรับ 380
- สุวรรณภูมิพร้อมเปิดเต็นรูปแบบ 5 ธ.ค.นี้ 11.00--บขส.เปิดจองตั๋วล่วงหน้าช่วงปีใหม่-น้ำมันลด 40-60 สต.
- เปิดใช้สนามบินดอนเมือง 4 ธ.ค.-สุวรรณภูมิ 5 ธ.ค.--กนง.ลดดอกเบี้ย 1%--น้ำมันถั่วเหลืองลดราคา 3.50 บาท
- สนามบินสุวรรณภูมิเปิดรับส่งสินค้าทางอากาศได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.
- น้ำมันลดลงลิตรละ 0.40 บาท-- เงินเฟ้อเดือนพ.ย.2.2% ต่ำสุดรอบ 14 เดือน--สนามบินยังปิดอยู่...
- ผลกระทบการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ
- ..วิกฤติเศรษฐกิจโลก-วิกฤติเศรษฐกิจไทยปี 2552 - ท่องเที่ยว-โรงแรมยอดขายลด 10-15% -- หุ้นบวก 5.73 จุด.
- ราคาน้ำมันลดลงอีก 60-80 สตางค์ต่อลิตร มีผลวันที่ 25 พ.ย.นี้
- ค่าบาทอ่อน - ตลาดหุ้นแนวโน้มทดสอบ 384 - น้ำมันลด 60-0 สตางค์ -ทองคำพุ่ง 400 บาท -คนตกงานกว่า 4 แสนคน
- ผลการประชุม กรอ.- กระทรวงคลังเตรียมปรับลดภาษี
- จีเอ็มลดคนงาน-คำสั่งซื้อยานยนต์ลดลง-ธกส.พร้อมจ่ายเงินรับจำนำข้าว-หุ้นปิดที่ 408.51 ลดลง 11.46 จุด
- เสนอครม.ลดภาษีนิติบุคคลลง 5% - ขึ้นภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย - ปรับเกณฑ์ซีลลิ่ง-ฟลอร์หุ้นใหม่ 2 ธ.ค.นี้
- ราคาน้ำมันลดลงลิตรละ 40-80 สตางค์-ซิตีกรุ๊ปประกาศปลดคนงาน 53,000 คนทั่วโลก
- ก.แรงงานรับวิกฤติคนตกงาน-รถติดตั้งแก๊สลดฮวบ ตามราคาน้ำมัน-เผยแพร่ทีโออาร์เช่ารถเมล์ผ่านเว็ป
- เงินบาทอ่อนค่าลง ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงทั้งสัปดาห์
- ขึ้นราคาก๊าซก.ก.ละ 6 บาท-เตือนธุรกิจเกษตร, ส่งออก, เอสเอ็มอีรับผลกระทบปีหน้า
- ลอยกระทงกันดีกว่า เมี๊ยวๆ...
- ราคาน้ำมันเบนซินลด 80 สตางค์--กกร.เสนอลดภาษี--แนวโน้มตกงานเพิ่ม--การใช้พืชพลังงานลดลง
- โอบามา-ผลกระทบต่อไทย
- แก๊สโซฮอล์-เบนซนลด 60-80 สตางค์-
- เงินเฟ้อต.ค.3.9%ต่ำสุดรอบ 10 เดือน--รัฐกู้เงินรับจำนำข้าว--หุ้นฟื้น 32 จุด--จดทะเบียนแรงงานต่างด้าว
- เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 19 เดือน-ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ย.ส่งสัญญาณชะลอตัว
- เฟดลดดอกเบี้ย 0.5%-- หุ้นขึ้นพ้น 400 --เว้นเกณฑ์ silent period--กองทุนยางพารา
- น้ำมันดีเซลลง 60 สตางค์--หุ้นตก 13 จุด--หม่อมอุ๋ยแนะเอาเงินฝากแบงก์เล่นหุ้น--SMEควบบสย.
- ขยายเวลาค้ำเงินฝาก 3 ปี-จำนำข้าวโพด-มันสำปะหลัง--TDRI--สศค.
- เซอร์กิตเบรกเกอร์ (circuit breaker)หยุดซื้อขายหุ้นครั้งที่ 3 -ดัชนี 387 ต่ำสุดรอบ 5 ปี-ยอกตกงาน 6แสน
- งดขายทองคำแท่งเสาร์-อาทิตย์--โอเปคลดการผลิต--หุ้นต่ำสุดรอบ 5 ปี--คาดเฟดลดดอกเบี้ยอีก
- ข้าวแกงลดราคา -- กบง.เก็บเงินเพิ่มเข้ากองทุนน้ำมัน -- เบียร์ช้างเข้าตลาดหุ้น -- รถไฟฟ้ารอเข้าครม.
- กระทรวงการคลังเสนอแนวคิดขยายเวลาค้ำเงินฝากทั้งจำนวนอีก 3 ปี - กดค่าบาทให้อ่อนลงอีก 5% อุ้มส่งออก
- แนวโน้มอุตสาหกรรมไทยท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจโลก
- น้ำมันลดลง 10%--ค่าโดยสารรถ-เรือเตรียมปรับลงตาม--ยางพาราราคาตก 43%
- ราคายางลดลงเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ : สาเหตุ ผลกระทบ และทางออก
- วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ - วิกฤติการเงินไทยปี 2540 - ผลกระทบที่แตกต่าง - 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
- ราคาน้ำมันดีเซล-เบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ลดลงลิตรละ 1 บาท 15 ต.ค.นี้
- ผู้ค้าน้ำมันประกาศลดราคาเบนซิน 40 สต.-ดีเซล 80 สต.พรุ่งนี้
- ไอซ์แลนด์ยึดแบงก์โคปทิง--สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ยืนยันฐานะมั่นคง--ธ.กลางทั่วโลกลดดอกเบี้ย...หุ้นฟื้น 1%
- ทำไมเราต้องดูจิต, วิธีการ "ดูจิต", วงจรกระแสจิต, อานิสงส์ของการแผ่เมตตา, วิธีแผ่เมตตา...
- ลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 60 สตางค์ --หุ้นหลุด 500
- ภาคเอกชนเป็นห่วงสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทุกภาคส่วน
- ราคาน้ำมันทุกประเภทลดลง 20-80 สตางค์---หุ้นตกต่ำสุดรอบ 5 ปี--กกร.เสนอ 7 มาตรการเร่งด่วน. . .
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาด กนง. คงอัตราดอกเบี้ย 3.75%
- รอลุ้นแผนกูวิกฤติการเงินสหรัฐฯ
- ธุรกิจสถานีบริการก๊าซ LPG ปี51--เงินเฟ้อเดือนก.ย.แนวโน้มชะลอลง
- เงินเฟ้อก.ย.6.0%-ปตท.คาดน้ำมันดิบแกว่งตัว 90-100 USD/Barrel. . .
- กินน้อยตายยาก กินมากตายง่าย
- เศรษฐกิจเดือนส.ค.สะท้อนสัญญาณชะลอตัว
- Emergency Economic Stabilization Act of 2008 (link to full and summary in pdf file)
- โครงการที่น่าติดตามภายใต้รัฐบาลสมชาย 1
- วิกฤตการเงินในสหรัฐฯ ... ผลกระทบต่อภาคการเงินไทย
- ความเชื่อมั่นธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย--กรุงไทยขายกรมธรรม์ประกันภัยรูปแบบใหม่. . .
- เชลล์ขึ้นราคาน้ำมัน 60 สตางค์--คลัง แบงก์ชาติ คปภ มั่นใจสภาพคล่องการเงิน--รายชื่อครม.สมชาย1. . .
- มาตรการกู้วิกฤติการเงินสหรัฐวงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์
- กระทรวงพาณิชย์อาจนำทองคำเป็นสินค้าควบคุม--กินเจ 29 ก.ย.- 7 ต.ค.ผักแพง--พันธบัตรคลังปี 52. . .
- นักวิชาการเตือนรับมือวิกฤติเลห์แมน--เก็บเงินกองทุนน้ำมันเพิ่ม--ยอดขายรถยนต์ลด--ธอส.ลดดอกเบี้ย. . .
- Resolution Trust Corporations (RTC) โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ---ผักแพง-ทองขึ้น-ค่าไฟฟ้า-วิเคราะห์วิกฤติเลห์แมน--กินเจปีนี้---
- . . . น้ำมันลด 60 สตางค์-ทองพุ่ง 13,550 บาท--หุ้นผันผวน--รถไฟหยุดวิ่งน้ำท่วม . .
- . . . เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 2.00 และให้ความช่วยเหลือด้านเงินกู้แก่ AIG . . .
- . . . วิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ ... อาจยังไม่ยุติ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย . . .
- . . . น้ำมันลง 50 สตางค์--
- . . . หุ้นตก-เลห์แมนฯล้มละลาย--แนะซื้อทองต่ำกว่า 13,000.--จำนำข้าว . . .
- . . . คาดเฟดคงดอกเบี้ย 2.00%--รถไฟเปิดให้บริการ 240 ขบวน--ราคาทองกระเตื้องเล็กน้อย. . .
- . . . ทองแท่งเหลือบาทละ 12,650 บาท--ดีเซลลดอีก 60 สตางค์--ดอกเบี้ยพันธบัตร3ปี 4.65% . . .
- ธอส. เชิญชวนเล่านิทานลงเทปหรือแผ่นซีดีมอบให้มูลนิธิช่วยคนตาบอดฯ
- . . . ครม.แต่งตั้งปลัด-อนุมัติ 3 G -งบจัดซื้ออาวุธ-สร้างรัฐสภาใหม่. . .
- . . . แนวโน้มธุรกิจค้าปลีกครึ่งปีหลังชะลอตัว . . .
- . . . อาหารสัตว์เลี้ยง : เติบโตต่อเนื่อง...หลากปัจจัยหนุน . . .
- . . . แนะคลายเครียด เสพข่าวการเมือง . . .
- . . . ข่าววันที่ 4 ก.ย.51 . . .
- ราคาน้ำมันดีเซลลดลงลิตรละ 60 สตางค์ วันที่ 4 ก.ย.
- . . . อนุมัตินมกล่อง-น้ำมันถั่วเหลืองขึ้นราคา--เลื่อนหวยบนดิน--หุ้นตก--บาทอ่อน. . .
- Bangkok under state of emergency
- . . . เงินเฟ้อเดือน ส.ค.ลดลงเหลือ 6.4% จาก 9.2% ในเดือนก.ค. . . .
- --- ทิศทางตลาดหุ้นไทย...ยังเผชิญแรงกดดันจากหลายปัจจัย ---
- --- ภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนกรกฎาคม 2551 ---
- ---กนง.ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 3.75%--ธอส.ให้กู้ซื้อบ้าน 1.5 ล้านบาท--บสย.--ไทยแอร์เอเซีย . . .
- . . . ถึงเพื่อนที่มีพันธะ ต่อกัน... ถึง พันธมิตร . . . จาก พรรคพลังไข่. . .
- . . . หุ้นไทยร่วง 2% หลังเปิดตลาดในภาคเช้า . . .
- . . . สภาพัฒน์ฯ คาดเศรษฐกิจปีนี้โต 5.2-5.7% . . .
- . . . พรบ.ผู้บริโภค เริ่มใช้ 25 ส.ค.51--กกร.ประชุมเรื่องราคาสินค้า---บขส.เปิดเส้นทางกทม.-สมุย. .
- . . .ธปท.-คลังน้อมรับกระแสพระราชดำรัส--ส่งออก 7 เดือนโต 26% . . .
- . . . 23 สิงหานี้ บังคับใช้กฎหมายจัดเก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ --- คาดการณ์เศรษฐกิจไตรมาส 2 โต 5.8% . . .
- . . . น้ำมันจะลดลงอีก--ค่าบาทอ่อนสุดรอบ 9 เดือน . . .
- Rose Rose i love you
- . . . นั่งรถไฟฟรี เชียงใหม่, อุบลฯ, หนองคาย, และสุไหงโกลก----ทองคำขาดตลาด . .
- ...ปลากัดเตือน...
- . . . รถใช้ก๊าซต้องแจ้งตรวจสภาพ--สมัครคนเดินโพยหวยบนดินวันแรก-กราฟราคาทอง. . .
- . . . เพิ่มเงินสมทบกองทุนน้ำมัน--สมัครคนเดินโพย 18 ส.ค.--ราคาทองคำลด--บาทอ่อน . . .
- . . . Storm surge มหันตภัยร้ายแห่งท้องทะเล . . .
- . . . ธุรกิจเดลิเวอรี่สินค้าอาหาร เติบโต 15% . . .
- . . . ตรึงราคาสินค้าถึงสิ้นปี--น้ำมันลดราคา--ทองคำต่ำสุดรอบ 7 เดือน. . .
- . . . เตรียมประกาศห้ามใช้สารตะกั่วเชื่อมต่อหม้อก๋วยเตี๋ยวเป็นการถาวร . . .
- . . . รถติดก๊าซ NGV ต้องมีใบรับรองเติมก๊าซ--ราคาน้ำมันลดลงอีก 60-80 สตางค์. . .
- . . . เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง . . .
- . . . นมกล่อง จะขึ้นราคา อีก 1-2 บาท . . .
- . . . ม.หอการค้าคาดเศรษฐกิจปีนี้ โต 5.5-6.0%---สศช.ระบุสัดส่วนผู้สูงอายุจะเพิ่มเป็น 25%ในอีก 20 ปี .
- . . . ลดราคาดีเซลลิตรละ 1 บาท - เบนซินลิตรละ 50 สตางค์ ---
- . . . ครม.อนุมัติขึ้นภาษีเหล้า-บุหรี่--โครงข่ายโทรศัพท์ 3 จี---กรมศุลการกร เปิดประมูลรถยึด. . .
- . . . หวยออนไลน์ 1 ต.ค.51 . . .
- . . . ลดราคาดีเซลลิตรละ 60 สตางค์ พรุ่งนี้-- คาด FED คงดอกเบี้ย 2.00% . . .
- . . . เงินเฟ้อดือน ก.ค.9.2%--ทีมเศรษฐกิจใหม่--รถเมล์ รถไฟ ฟรี . . .
- . . . 1 ส.ค.เริ่มใช้ 6 มาตรการ 6 เดือน -- ดีเซลลดลง 50 สตางค์ -- เลื่อนพิจารณาราคาสินค้า. . .
- . . . พรบ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก -- กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ - Sovereign Wealth Fund (SWF) . . .
- . . . สรุปผลการสัมมนาทางวิชาการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง 5/2551 . . .
- . . . ลดราคาน้ำมันเบนซิน 91 และแก๊สโซฮอล์พรุ่งนี้(30 ก.ค.) . . .
- . . . ปตท.-เชลล์ ปรับลดราคาดีเซลอีกลิตรละ 80 สตางค์ . . .
- . . . ราคาน้ำมันลดลงลิตรละ 3.50-4.70 บาท --- ทางด่วนขึ้น 5 บาท ---- น้ำมันพืชขึ้นอีก 5 บาท . . .
- . . . ปรับโครงสร้างราคาก๊าซแอลพีจี ( LPG ) ควรลอยตัว หรือแบ่ง 2 ราคา . . .
- . . . ตัวเลขการส่งออก มิ.ย.51 ขยายตัว 27.4% . . .คาดทั้งปี 15% . . .
- . . . 11 ส.ค. 51 เริ่มใช้ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก . . .
- . . . ลดราคาน้ำมันเบนซินลิตรละ 1 บาท และดีเซลลิตรละ 80 สตางค์ . . .
- . . . ตลาดรถจักรยานยนต์ครึ่งปีแรกขยายตัว 3% . . .
- . . . ทิศทางค่าเงิน และ ตลาดหุ้น สัปดาห์นี้ (21-25 ก.ค.) . . .
- . . . กลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ . . .ประกาศหยุดยิง . . .
- . . . ปตท.ลดราคาน้ำมัน ลิตรละ 60 สตางค์ . . .
- . . . กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ตามคาด . . .
- . . . 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติค่าครองชีพสูง . . .
- . . . รัฐบาลเตรียมแถลงมาตรการช่วยเหลือประชาชน หลังการประชุม ครม. วันที่ 15 ก.ค.นี้ . . .
- . . . กรมสรรพากรเตือนประชาชนระวังถูกมิจฉาชีพหลอก เรื่องคืนภาษีและขอรับบริจาค . . .
- . . . ลดราคาเบนซิน พรุ่งนี้ . . .
- . . . ปตท.ลดราคาเบนซินลิตรละ 60 สตางค์ . . .
- . . . เล่นเกมส์ sudoku กันดีกว่า . . .
- . . . ส่งเสริม E85 เป็นวาระแห่งชาติ . . . /. . . นำเข้า LPG เดือนนี้อีก 1 แสนตัน . . .
- . . . เอ็นจีวี ( NGV ) หรือ แอลพีจี( LPG ) . . .ที่รัฐควรส่งเสริม . . .
- . . . แท็กซี่ยังขึ้นราคาค่าโดยสารไม่ได้ . . .
- . . . เงินเฟ้อ 7.6 ---> 8.9 ---> 9.0 ----> 10 . . .ทั้งปี 2551 เฉลี่ย 8%??...
- . . . เงินเฟ้อเดือน มิ..ย. ... 8.9% . . .
- . . . เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว . . .(อาการภูมิแพ้)
- . . . ลอยตัวราคาก๊าซ LPG วันที่ 1 ก.ค.นี้ . . .
- . . . บางจาก-คาลเท็กซ์-ระยองเพียว ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมัน . . .
- . . . หุ้นไทยภาคเช้าดิ่งลงกว่า 20 จุด . . .
- . . .หวั่นการเมืองรุนแรง ตลาดหุ้นร่วง1.04% . . .
- . . . ตลาดหุ้นร่วง กังวลข่าว รัฐประหาร . . .
- . . . หุ้นไทยมีแนวโน้มปรับตัวผันผวน . . .
- . . . อียูเตรียมลดภาษีมูลค่าเพิ่ม ช่วยผู้มีรายได้น้อยจากภาวะน้ำมันแพง. . .
- . . . ชวนคนมีฝีมือ ส่งผลงาน ประกวดออกแบบสลากออมสิน . . .
- . . . เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 5 เดือน . . .
- . . . ธ.ก.ส.เผยยอดซื้อสลากทวีสินเดือนเดียว เฉียด 2 หมื่นล้าน . . .
- . . . ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ทางเลือกใหม่สร้างความมั่นคงเกษตรกร . . .
- . . . เงินบาทอ่อนค่าหลุดแนวรับ 33.00 แตะระดับต่ำสุดรอบกว่า 4 เดือน . . .
- . . . ธนาคารกรุงไทยปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก-เงินกู้ร้อยละ 0.375-1.25 . . .
- . . . มาเลเซียประกาศลอยตัวราคาน้ำมันเชื้อเพลิง-ยกเลิกห้ามขายน้ำมันให้ต่างชาติ . . .
- . . . จับ กระเทียม . . .
- . . . NGV ปีหน้าราคาอาจจะขึ้นเป็น 12 บาท . . .
- . . . ธนาคารกรุงไทย เตรียมขึ้นค่าธรรมเนียมกด ATM ต่างแบงก์ . . .
- . . .ธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าสัวใหญ่ ซีพี แนะใช้ทฤษฎี 2 สูง . . .
- . . . เงินเฟ้อเดือน พ.ค. ... พุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี . . .
- เงินบาทสัปดาห์นี้ยังมีโอกาสอ่อนค่าลงได้อีก
- ...o...
- ... แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2551 ...
- ... แนะนำงาน Money X-pro ...
- ...อยู่รอดให้ได้...ภายใต้ภาวะผันผวน...
- ...Value Averaging...
- ...ซื้อกองทุนรวมรับของแถม?...
- ...ลงทุนทุกเดือนสม่ำเสมอ...
|
|
|
|
|
. . . 11 ส.ค. 51 เริ่มใช้ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก . . .
. . .
นับถอยหลัง...บังคับใช้กฎหมายสถาบันคุ้มครองเงินฝาก โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
เหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 เดือน ประเทศไทยก็จะเริ่มบังคับใช้ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. 2551 หลังจากกฎหมายดังกล่าวได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา โดยกฎหมายกำหนดให้มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการเมื่อพ้น 180 วันนับจากวันที่ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา นั่นคือ วันที่ 11 สิงหาคม 2551 เป็นต้นไป
อันที่จริงแล้ว ก่อนหน้านี้ ภาครัฐได้มีความพยายามในการจัดตั้งสถาบันประกัน หรือคุ้มครองเงินฝากมาหลากหลายครั้ง โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงหลังจากเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินในประเทศครั้งสำคัญแต่ละครั้ง อาทิ วิกฤตการณ์ราชาเงินทุนในปี 2522 และวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2540 เพื่อลดการคุ้มครองเงินฝากจากแบบเต็มจำนวน (Blanket Guarantee) ให้เหลือเพียงบางส่วน (Partial Guarantee)
สำหรับหลักการของการออกกฎหมายคุ้มครองเงินฝากในปี 2551 นี้ ก็มีความคล้ายคลึงกัน กล่าวคือ นอกจากจะมีจุดประสงค์เพื่อลดภาระทางการคลังจากการคุ้มครองเงินฝากแบบเต็มจำนวนแล้ว ก็ยังมุ่งเสริมสร้างกลไกดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองเงินฝากที่เหมาะสมและเป็นระบบ
นอกจากนี้ ในทางทฤษฎีแล้ว การมีสถาบันคุ้มครองเงินฝากจะช่วยลดการตื่นตระหนกและเร่งถอนเงินฝากของประชาชนรายย่อย (Bank Run) ในกรณีที่ผู้ฝากเงินเกิดความไม่เชื่อมั่นต่อระบบสถาบันการเงิน อันจะนำมาสู่ปัญหาลูกโซ่ต่อสถาบันการเงินอื่นๆ ตามมา จนกลายเป็นความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินในภาพรวม
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้รวบรวมประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับสถาบันคุ้มครองเงินฝากไว้ดังนี้ ในปัจจุบัน ประเทศที่ใช้ระบบคุ้มครองเงินฝากมีจำนวนเกือบ 100 ประเทศ จากข้อมูลของ International Association of Deposit Insurers (IADI) พบว่าในปัจจุบัน มีประเทศที่ใช้ระบบคุ้มครองเงินฝากจำนวน 99 ประเทศ ขณะที่ มีอีก 20 ประเทศที่อยู่ระหว่างการศึกษาและเตรียมการ เพื่อการบังคับใช้ระบบคุ้มครองเงินฝากในอนาคต
ซึ่งจากการรวบรวมของ IADI หนึ่งในจำนวนนี้ คือ ประเทศไทย สำหรับประเทศที่ถือว่าเป็นต้นแบบของระบบคุ้มครองเงินฝาก คือ สหรัฐฯ ซึ่งเริ่มใช้เป็นประเทศแรกของโลกในปี 2476 สำหรับในทวีปเอเชียเองนั้น จะมี 22 ประเทศที่มีระบบคุ้มครองเงินฝากแล้ว เช่น บังคลาเทศ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ใต้หวัน เวียดนาม และศรีลังกา เป็นต้น
สาระสำคัญของระบบคุ้มครองเงินฝากใหม่ของไทย มีดังนี้
เงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง คือ เงินฝากและดอกเบี้ยที่เป็นเงินบาทของบัญชีเงินฝากในประเทศ แต่จะไม่รวมบัญชีเงินบาทของบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (Non-Resident Baht Account: NRBA) และเงินฝากในรูปสกุลเงินตราต่างประเทศ
สถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝากในปัจจุบัน มีจำนวน 42 แห่ง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ไทย 14 แห่ง ธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย 3 แห่ง ธนาคารที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารต่างประเทศ (Subsidiary) 1 แห่ง สาขาของธนาคารต่างประเทศ 16 แห่ง บริษัทเงินทุน 5 แห่ง และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ 3 แห่ง
วงเงินคุ้มครอง จะทยอยลดความคุ้มครองลงจากเต็มจำนวนในปีแรกที่สถาบันคุ้มครองเงินฝากมีผลบังคับใช้ จนมาเหลือ 1 ล้านบาทต่อรายต่อสถาบันการเงินในปีที่ 5 หลังจากที่สถาบันคุ้มครองเงินฝากมีผลบังคับใช้ หรือตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2555 เป็นต้นไป โดยมีรายละเอียดดังนี้ การทยอยลดวงเงินฝากคุ้มครอง
ระยะเวลา จำนวนที่คุ้มครอง/ราย/สง.
ปีที่ 1 11 ส.ค.51 10 ส.ค.52 ทั้งจำนวน ปีที่ 2 11 ส.ค.52 10 ส.ค.53 100 ล้านบาท ปีที่ 3 11 ส.ค.53 10 ส.ค.54 50 ล้านบาท ปีที่ 4 11 ส.ค.54 10 ส.ค.55 10 ล้านบาท ปีที่ 5 11 ส.ค.55 เป็นต้นไป 1 ล้านบาท
ที่มา: ธปท.
เมื่อพิจารณาจากเงินฝากจำแนกตามขนาดเงินฝาก ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2551 แล้ว จะพบว่า วงเงินฝากที่ 1 ล้านบาทนั้น จะครอบคลุม 73.7 ล้านบัญชี คิดเป็น 98.81% ของจำนวนบัญชีทั้งสิ้น แต่เมื่อคิดเป็นปริมาณเงินฝากแล้ว จะครอบคลุมเพียง 1.87 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 26.95% ของปริมาณเงินฝากทั้งสิ้นเท่านั้น
ยอดเงินสมทบ หรือเบี้ยประกันรายปีที่ต้องนำส่งให้สถาบันคุ้มครองเงินฝาก โดยกฎหมายกำหนดให้มีอัตราไม่เกิน 1% ต่อปีของฐานเงินฝากเฉลี่ย โดยในปีแรก คงจะเก็บเป็นอัตราคงที่ (Flat Rate) ในอัตรา 0.4% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราเดียวกันกับที่เคยนำส่งให้กองทุนฟื้นฟูฯ แต่หลังจากนั้น มีแนวโน้มว่าจะเก็บในลักษณะที่ผันแปรตามความเสี่ยงของแต่ละสถาบันการเงิน (Risk-Based)
ผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายหลังจากการมีสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า การบังคับใช้สถาบันคุ้มครองเงินฝาก อาจส่งผลต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆ ดังนี้
ผู้ฝากเงิน แม้ว่า จากข้อมูลของ ธปท. การบังคับใช้ระบบคุ้มครองเงินฝากแบบจำกัดความคุ้มครองไว้ที่ 1 ล้านบาทต่อรายต่อสถาบันการเงินนั้น จะกระทบผู้ฝากเงินเพียง 8.9 แสนบัญชีที่มีเงินฝากเกินกว่า 1 ล้านบาทต่อบัญชี คิดเป็นสัดส่วน 1.2% ของจำนวนบัญชีเงินฝากทั้งหมด แต่ผู้ฝากกลุ่มนี้ มีเงินฝากจำนวนมากถึง 5.1 ล้านล้านบาท ทำให้ครองส่วนแบ่งตลาดเงินฝากที่วัดจากปริมาณเงินฝากสูงถึง 73.1% ของปริมาณเงินฝากทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในกลุ่มผู้ฝากเงินที่มีเงินฝากเกินกว่า 1 ล้านบาทต่อรายต่อสถาบันการเงินนี้ ประกอบด้วยผู้ฝากทั้งประเภทบุคคลธรรมดา นิติบุคคล (ธุรกิจ) รัฐบาล รัฐวิสาหกิจ องค์กรไม่แสวงหากำไร สถาบันการเงิน และกองทุน เป็นต้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงคาดว่า ผู้ฝากเงินที่จะได้รับผลกระทบค่อนข้างชัดเจน น่าจะจำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มผู้ฝากเงินประเภทบุคคลธรรมดาที่เลือกฝากเงินไว้กับธนาคารพาณิชย์ในฐานะที่เป็นการลงทุนประเภทหนึ่ง มากกว่า ที่จะส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ฝากประเภทอื่นๆ ซึ่งน่าจะฝากเงินเพื่อจุดประสงค์ในการบริหารสภาพคล่อง หรือความคล่องตัวในการติดต่อธุรกิจเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ จากการประมาณเบื้องต้นของศูนย์วิจัยกสิกรไทย กลุ่มผู้ฝากเงินประเภทบุคคลธรรมดาที่มีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาทต่อบัญชี น่าจะมีสัดส่วนประมาณ 34% ของเงินฝากทั้งหมดที่ระบบธนาคารพาณิชย์เท่านั้น
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ระบบคุ้มครองเงินฝากใหม่ น่าจะช่วยให้ผู้มีเงินออมมีวินัยในการฝากเงินมากขึ้น โดยไม่ได้คำนึงถึงเฉพาะแค่ความคล่องตัว หรืออัตราผลตอบแทนเหมือนแต่ก่อน แต่หากจะต้องคำนึงถึงความเสี่ยงของแต่ละสถาบันการเงินด้วย
นอกจากนี้ ผู้ฝากเงินอาจยังถูกกระตุ้นให้ศึกษาทางเลือกในการออมประเภทอื่นๆ มากขึ้น อันจะช่วยให้มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนมากขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้ฝากเงินก็น่าจะได้รับประโยชน์จากการแข่งขันของสถาบันการเงินในการนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินออมที่มีความหลากหลายเพิ่มขึ้นด้วยในอนาคต
สถาบันการเงิน การบังคับใช้ระบบคุ้มครองเงินฝากแบบใหม่นี้ นอกจากจะช่วยลดปัญหาความบกพร่องทางจริยธรรม (Moral Hazard) ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการใช้ระบบคุ้มครองเงินฝากแบบเต็มจำนวน (Blanket Guarantee) ที่อาจกระตุ้นให้สถาบันการเงินทำธุรกิจ หรือธุรกรรมที่มีความเสี่ยงมากเกินไป ภายใต้ความคิดว่าเงินฝากที่ตนระดมมา จะได้รับความคุ้มครองจากภาครัฐเต็มที่แล้ว ระบบคุ้มครองเงินฝากใหม่ ยังจะช่วยทำให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันระหว่างสถาบันการเงินมากยิ่งขึ้นด้วย
โดยสถาบันการเงินที่มีความเสี่ยงมาก หรือมีความมั่นคงต่ำกว่าโดยเปรียบเทียบ อาจต้องระดมเงินฝากในต้นทุนที่แพงกว่าสถาบันการเงินที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า และอาจต้องจ่ายเบี้ยประกันรายปีให้สถาบันคุ้มครองเงินฝากในอัตราที่มากกว่าด้วย โดยเฉพาะเมื่อสถาบันคุ้มครองเงินฝากคงจะปรับวิธีการคำนวณเบี้ยประกันจากแบบคงที่ (Flat Rate) ในระยะแรก มาเป็นแบบผันแปรตามความเสี่ยง (Risk-Based) ในอนาคต
นอกจากนี้ ความเป็นไปได้ที่ผู้ฝากเงินอาจให้ความสนใจกับทางเลือกในการออม และลงทุนประเภทอื่นๆ มากขึ้น ก็น่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจในเครือของธนาคารพาณิชย์ภายใต้ลักษณะการประกอบธุรกิจแบบ Universal Banking อาทิ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม และบริษัทหลักทรัพย์ ด้วย
สำหรับผลกระทบของการบังคับใช้กฎหมายสถาบันคุ้มครองเงินฝากต่อการดำเนินธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ในช่วงที่ผ่านมานั้น อาจยังไม่สามารถประเมินได้ชัดเจนนัก โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินให้กู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ไทยที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2551 เป็นต้นมา
ตลอดจนการทยอยนำเสนอตั๋วแลกเงินและโครงการเงินฝากแบบพิเศษที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น คาดว่าจะมีสาเหตุจากปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย นั่นคือ ภาวะความตึงตัวของสภาพคล่องแต่ละธนาคาร การครบกำหนดของโครงการเงินฝากแบบพิเศษที่เคยออกไปก่อนหน้านี้ และการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ท่ามกลางค่าครองชีพที่สูงขึ้น มากกว่าจะมาจากการบังคับใช้สถาบันคุ้มครองเงินฝากเพียงตัวแปรเดียว
กระนั้นก็ดี เนื่องจากในปีแรกของการบังคับใช้กฎหมายสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ผู้ฝากเงินจะยังคงได้รับความคุ้มครองเต็มจำนวนอยู่ ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคาดว่า ธนาคารพาณิชย์คงจะยังไม่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้สถาบันคุ้มครองเงินฝากในช่วงนี้
กระนั้นก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเชื่อว่า การบังคับใช้สถาบันคุ้มครองเงินฝากที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ไม่น่าที่จะส่งผลกระทบในเชิงลบ อาทิ การโยกย้ายเงินฝากอย่างรวดเร็ว จนนำมาสู่ปัญหาสถาบันการเงิน (Bank Run) เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว เป็นไปในลักษณะการทยอยลดวงเงินคุ้มครองภายในระยะเวลา 5 ปี ในขณะที่สถาบันการเงินไทยก็ได้ผ่านกระบวนการปรับตัวและปรับปรุงมาตรฐานในการดำเนินงานมาแล้ว จนเทียบได้กับระดับสากล
ขณะเดียวกัน ทางการไทยก็ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาความอ่อนแอในภาคสถาบันการเงิน ตลอดจนกำหนดให้สถาบันการเงินจัดทำแผนรองรับผลกระทบจากการใช้สถาบันคุ้มครองเงินฝากไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้ น่าจะช่วยทำให้ผู้ฝากเงินยังคงเชื่อมั่นในสถาบันการเงินไทย แม้ว่าระบบการคุ้มครองเงินฝากจะไม่ได้เป็นแบบเต็มจำนวนแล้วก็ตาม
. . .
Create Date : 22 กรกฎาคม 2551 |
Last Update : 22 กรกฎาคม 2551 18:42:49 น. |
|
3 comments
|
Counter : 707 Pageviews. |
|
|
|
โดย: loykratong วันที่: 22 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:58:42 น. |
|
|
|
โดย: ขิมทอง IP: 202.12.118.61 วันที่: 23 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:11:35 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ครม. ตีกลับ โครงการเช่ารถเอ็นจีวี 6 พันคัน สั่งสภาพัฒน์ฯ ตั้งคณะกรรมการศึกษารายละเอียด ภายใน 1 เดือน
พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ครม.มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบในหลักการให้มีการปฏิรูปการเดินรถขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. พร้อมอนุมัติวงเงินให้ 111,690 ล้านบาท ให้จัดเช่ารถโดยสารปรับอากาศก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวี ระยะเวลา 10 ปี
และเห็นชอบให้ ปรับปรุงการเดินรถให้ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล รวมทั้งให้นำรถโดยสารเก่าไปจำหน่าย และนำรายได้มาเป็นทุนหมุนเวียน
แต่ในส่วนของการเช่ารถเอ็นจีวี 6 พันคัน ยังต้องมีการพิจารณาเพิ่มเติม เกี่ยวกับต้นทุนการดำเนินการ, ประมาณการรายได้ และจำนวนผู้โดยสาร
โดยได้มอบให้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาสังคมเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) ตั้งคณะกรรมการพิเศษ ( วอร์รูม ) โดยให้มี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ เป็นประธาน เพื่อศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงดูแลในเรื่องของความโปร่งใสในการประมูล คาดว่า จะตั้งคณะกรรมการได้แล้วเสร็จในวันที่ 30 ก.ค.นี้ และจะใช้เวลาในการศึกษาประมาณ 1 เดือน ก่อนนำเข้าที่ประชุม ครม. อีกครั้ง
. . .
ครม.อนุมัติลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ตาม 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤติฯ
น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ตามที่กระทรวงการคลังได้เสนอการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน และผลิตภัณฑ์น้ำมัน ตาม 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคนนั้น คณะรัฐมนตรีได้มีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอมา โดยได้อนุมัติทั้งการลดภาษีสรรพสามิต ลดภาษีน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และลดภาษีน้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซล ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากกรมสรรพสามิตแล้ว
การอนุมัติในครั้งนี้ เพื่อให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไข เพื่อให้มีผลบังคับใช้ได้ทันในวันที่ 25 กรกฎาคม ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีการแถลง 6 มาตรการไปก่อนหน้านี้
. . .
ปตท. คาดอาจนำเข้าแอลพีจีถึงล้านตันในปีหน้า หากการใช้ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการนำเข้าก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจี ว่า ที่ผ่านมา ปตท. ได้นำเข้าก๊าซแอลพีจีจากต่างประเทศแล้ว รวมจำนวนทั้งสิ้น 5 เที่ยว คือ เที่ยวแรก 29 เมษายน ปริมาณ 22,000 ตัน, เที่ยวที่ 2 วันที่ 2 กรกฎาคม 23,000 ตัน, เที่ยวที่ 3 และเที่ยวที่ 4 วันที่ 14 กรกฎาคม 40,000 ตัน และ 23,000 ตัน, และเที่ยวที่ 5 วันที่ 16 กรกฎาคม ปริมาณ 1,800 ตัน
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ปตท. จะนำเข้าก๊าซแอลพีจีอีกครั้งในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ ปริมาณ 22,000 ตัน ซึ่งคาดว่า ปตท. ยังต้องนำเข้าก๊าซแอลพีจีอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้จนถึงสิ้นปีนี้ ประมาณเดือนละ 88,000 ตัน ซึ่งการนำเข้าก๊าซแอลพีจีแต่ละครั้ง ปตท. ต้องนำเข้าในราคาตลาดโลก คือกว่า 950 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ขณะที่รัฐกำหนดให้ราคาขายในประเทศอยู่ที่ประมาณ 332 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งรัฐจะสนับสนุนส่วนต่างประมาณกว่า 600 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน โดยให้ ปตท. เป็นผู้รับภาระไปก่อนในช่วงแรก และชำระคืนให้ ปตท. ในภายหลัง
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ปัจจุบันปริมาณก๊าซแอลพีจียังมีเพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ โดยตัวเลขความต้องการใช้แอลพีจีของทั้งประเทศที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในเดือนมิถุนายน 2551 มีปริมาณ 285,000 ตัน แบ่งเป็นการจ่ายก๊าซฯ โดยโรงกลั่น 71,000 ตัน และจ่ายจากโรงแยกก๊าซ ปตท. ประมาณ 214,000 ตัน ซึ่ง ปตท. เป็นผู้รับผิดชอบจัดส่งให้ภาคอุตสาหกรรม ภาคครัวเรือน และรถยนต์ปริมาณรวม 105,000 ตัน และได้ส่งให้กับผู้ค้ามาตรา 7 ในปริมาณ 109,000 ตัน ครบถ้วน ตามที่กรมธุรกิจพลังงานเป็นผู้กำหนด แต่หากปริมาณการใช้เติบโตขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ต่อไป คาดว่าในปีหน้าไทยอาจต้องนำเข้าก๊าซแอลพีจีในปริมาณถึงกว่า 1 ล้านตัน
สำหรับกรณีที่มีนักวิชาการอ้างว่า ไม่พบข้อมูลการนำเข้าแอลพีจีในเว็บไซต์ของกรมศุลกากรมีเพียงการส่งออก นั้น นายชัยวัฒน์ ยืนยันว่า ปตท. มีการนำเข้าก๊าซแอลพีจีจริง ในรูปของก๊าซโพรเพน (C3) และก๊าซบิวเทน (C4) ซึ่งคำว่า แอลพีจี เป็นชื่อสามัญที่ใช้เรียกก๊าซโพรเพน หรือก๊าซบิวเทน หรือส่วนผสมระหว่างก๊าซโพรเพน และก๊าซบิวเทน โดยส่วนผสมจะเป็นสัดส่วนเท่าใดขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของการใช้งานในประเทศนั้น ๆ
ส่วนการส่งออกก๊าซแอลพีจีไปต่างประเทศช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ 14,945 ตัน ให้ประเทศมาเลเซีย กัมพูชา ลาว และพม่า ซึ่งการส่งออกดังกล่าว เพื่อความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นการส่งออกในราคาตลาดโลกบวกค่าดำเนินการ
นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวยืนยันว่า ปตท.มีการนำเข้าแอลพีจีจริง เพียงแต่ไม่ได้นำเข้าในรูปของก๊าซแอลพีจี แต่เป็นการนำเข้าโพรเพนและบิวเทน เป็นส่วนผสมหลัก มาผสมในประเทศ เป็นปกติของการส่งออกและนำเข้าแอลพีจี เนื่องจากแต่ละประเทศใช้แอลพีจีที่มีส่วนผสมแตกต่างกัน
นายเมตตา กล่าวว่า สำหรับการส่งออกนั้น ไทยส่งออกในรูปของแอลพีจีสำเร็จรูป เนื่องจากเป็นส่วนที่เหลือจากการใช้ในประเทศ กรมธุรกิจพลังงานมีการประกาศห้ามส่งออกตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้นำแอลพีจีมาใช้ในประเทศก่อน ยกเว้นในส่วนของการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เป็นการให้ความช่วยเหลือแบบรัฐต่อรัฐ ทั้งลาว กัมพูชา พม่า โดย ปตท.เป็นผู้ส่งออกในลักษณะก๊าซที่บรรจุถังแล้วในราคาตลาดโลก
"ผมยืนยันว่า ปตท.มีการนำเข้าจริง หากไม่มีการนำเข้า ก๊าซในประเทศขาดแคลนไปนานแล้ว เพราะปริมาณความต้องการใช้สูงขึ้นมาก เกินกว่าการผลิตในประเทศ แค่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีปัญหาการจัดส่งของเรือลำเดียว ยังเกิดปัญหาการขาดแคลน ถ้า ปตท.ไม่มีการนำเข้าจริง คงขาดแคลนมากกว่านั้น"
สำหรับอัตราอากรตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร ที่กรมศุลกากรจัดเก็บจากการนำเข้าก๊าซปิโตรเลียมที่เป็นของเหลว หรือก๊าซแอลพีจี อยู่ที่กิโลกรัมละ 0.001 บาท เป็นอัตราเดียวกันกับที่นำเข้ามาแบบแยกเป็น โพรเพน และบิวเทน เก็บอากรที่กิโลกรัมละ 0.001 บาท
. . .
โตโยต้าเรียกร้องรัฐบาลกำหนดนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานของประเทศให้ชัดเจน
นายมิทซึฮิโระ โซนาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงว่า ทางบริษัทจะร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์ค่ายต่างๆ ร่วมกันประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนให้เข้าใจถึงรถยนต์ประเภทต่างๆ หลังจากพบว่าประชาชนมีการใช้พลังงานทดแทนจำนวนมาก
การให้ความรู้นี้จะมุ่งเน้นไปถึงรถยนต์ดีเซลที่ในขณะนี้ยอดขายลดลงจนถึงขั้นติดลบอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นเพราะประชาชนนิยมใช้ก๊าซธรรมชาติโดยเฉพาะก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจี ในสัดส่วนมากขึ้น ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะเกิดผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศไทย ที่ขณะนี้เป็นฐานผลิตรถยนต์ปิคอัพที่สำคัญของโลก และมีสัดส่วนการผลิตโดยรวมในประเทศกว่าร้อยละ 60 โดยหากประเทศไทยมียอดการใช้รถยนต์ดีเซลลดลง ก็จะกระทบต่อยอดการผลิต และการวางแผนจำหน่าย
ขอเรียกร้องให้ภาครัฐกำหนดนโยบายให้มีความสมดุลในทุกภาคส่วน และขอให้กระทรวงต่างๆ ทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงการคลัง หารือและกำหนดนโยบายที่สมดุลทั้งการผลิตและการใช้ เพราะหากไม่เป็นในทางเดียวกันจะกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งในส่วนของแอลพีจี เห็นชัดเจนว่ามีการตรึงราคาที่ไม่เป็นธรรม โดยรัฐบาลน่าจะค่อยปรับราคาให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง กก.ผจก.ใหญ่ โตโยต้า กล่าว
นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ กรรมการ บริษัทโตโยต้า กล่าวว่า ขอสนับสนุนให้รัฐบาลจัดทำยุทธศาสตร์การใช้พลังงานหรือโรดแมพให้มีความชัดเจนว่าประเทศไทยจะเดินทางไปแนวทางไหนระหว่างแก๊สโซฮอล์, ไบโอดีเซล, ซีเอ็นจี และแอลพีจี เพื่อกระจายความเสี่ยงของการใช้พลังงาน เพราะหากมีการพึ่งพาส่วนใดส่วนหนึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อประเทศ
โดยเห็นว่ารัฐบาลควรจะมีการปรับขึ้นราคาแอลพีจีสะท้อนต้นทุนให้มากที่สุด ไม่เช่นนั้น โครงสร้างการใช้พลังงานจะมีความสับสนและส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค
นายนินนาทย้ำว่ารถยนต์เครื่องดีเซลนั้นเหมาะต่อการบรรทุกมากที่สุด อัตราส่วนการสิ้นเปลืองน้ำมันน้อยกว่า และมีประสิทธิภาพที่สูงกว่า เครื่องยนต์ดีเซลมีความทนทานในการบรรทุกสูงกว่า และมีความสิ้นเปลืองน้อยกว่าเบนซินถึงร้อยละ 34 ขณะที่เบนซินมีประสิทธิภาพดีกว่าแอลพีจี ร้อยละ 15 โดยในระยะยาวการใช้เครื่องยนต์ดีเซลจะคุ้มค่ากว่าในการบรรทุกสินค้าในต่างจังหวัด
ทั้งนี้ โตโยต้า ยังได้ปรับประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศทั้งปีใหม่ หลังจากราคาน้ำมันแพง และมีผู้หันไปสนใจใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น โดยคาดว่าตลาดรวมรถยนต์ปีนี้จะมียอดขาย 650,000 คัน ขยายตัวร้อยละ 3 ซึ่งน้อยกว่าประมาณการเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 7 แบ่งเป็น รถยนต์นั่งมียอดขาย 220,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 29 แต่รถเครื่องดีเซลมียอดขายลดลงครั้งแรกตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ โดยจะมียอดขายรวม 385,000 คัน ลดลงร้อยละ 5
นายโซนาดะ ยังมั่นใจว่า ยอดขายรถกระบะในครึ่งหลังของปีน่าจะขยับตัวดีขึ้น หลังรัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหลายด้าน โดยเฉพาะการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันกลุ่มดีเซล และแก๊สโซฮอล์
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นและภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไม่สดใสนัก ยังเป็นปัจจัยฉุดยอดขายรถยนต์ แต่ด้านการผลิตรถยนต์ไทยยังไปได้ดี เพราะยอดส่งออกยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยในส่วนของโตโยต้าคาดว่าในปีนี้จะส่งออกมีมูลค่าสูงถึง 177,300 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 โดยแบ่งเป็นการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปกว่า 306,000 คัน และส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์มากกว่า 31,000 คอนเทนเนอร์
ขณะนี้โตโยต้าร่วมกับ ปตท.พัฒนาน้ำมันไบโอ-ไฮโดรจิเนสดีเซล หรือ บีเอชดี ซึ่งใช้เอทานอลเป็นเชื้อเพลิง เดิมจะมีการวิจัยเสร็จสิ้นภายใน 2 ปี แต่ขณะนี้ได้เร่งให้เสร็จภายใน 1 ปีครึ่ง หากคุ้มค่าเชิงลงทุน ก็จะผลิตรถยนต์ใช้เชื้อเพลิงประเภทนี้ต่อไป
ขณะเดียวกันบริษัทยังเตรียมออกรถยนต์นั่งซีเอ็นจี ภายในปลายปีนี้ และรถยนต์ดีเซลทุกรุ่นจะเป็นรถที่ใช้บี 5 โดยจะเตรียมขายตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีนี้ ในอนาคตก็จะใช้ไทยเป็นฐานผลิตเครื่องยนต์ไฮบริด และวางแผนลงทุนรถอีโคคาร์แน่นอน
ส่วนรถยนต์อี 85 ทางโตโยต้าคาดว่าจะสามารถผลิตได้ในอีก 4 ปีข้างหน้า โดยทางบริษัทจะรอดูความชัดเจนเรื่องนโยบายภาครัฐ อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีแผนนำเข้ารถยนต์อี 85 จากบราซิลที่บริษัทมีฐานผลิตอยู่ เนื่องจากมาตรฐานเครื่องยนต์ในบราซิลยังเป็นมาตรฐานสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานยุโรประดับที่ 2 เท่านั้น ในขณะที่ไทยเป็นระดับ 3 และจะเป็นระดับ 4 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555
. . .
ยอดส่งออกเดือน มิ.ย.สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้น 21.4%
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการส่งออกของประเทศ ช่วงเดือนมิถุนายน 2551 ว่า การส่งออกของประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่ากว่า 16,268 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเป็นตัวเลขที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของการส่งออก
โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรมีมูลค่าถึง 2,824 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 51.7 เช่น ข้าว ยางพารา ผัก และผลไม้ ไก่แช่เย็นและแปรรูป
การนำเข้าขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.7 คิดเป็นมูลค่ากว่า 15,640 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าสินค้าทุน และวัตถุดิบรวมถึงเชื้อเพลิง ส่งผลทำให้ดุลการค้าของประเทศ ช่วงเดือนมิถุนายน เกินดุล 628 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯแม้จะเกินดุลแต่ถือเป็นการเกินดุลลดลงร้อยละ 21.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ส่วนการส่งออก 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่าทั้งสิ้น 87,213 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 23.1 ซึ่งกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรสามารถส่งออกได้ถึง 14,614 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.9
ขณะที่การนำเข้า 6 เดือนแรก มีมูลค่าทั้งสิ้น 88,280 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเมือเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 33.6 ทำให้ดุลการค้า 6 เดือนแรกไทยขาดดุลการค้า 1,067 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายศิริพล กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ยังยืนยันเป้าหมายส่งออกของไทยปีนี้ขยายตัวร้อยละ 12.5 จากปีก่อนคิดเป็นมูลค่าส่งออก 170,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย
สำหรับการส่งออก 6 เดือนหลังของปี ประเมินว่ากลุ่มสินค้าเกษตรยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม แต่ละกลุ่มสินค้ายังมีความผันผวนอาจทำให้ส่งออกแต่ละเดือนอาจจะเติบโตไม่มาก กระทรวงพาณิชย์จะเน้นหาตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ให้มีสัดส่วนการส่งออกไปยังตลาดหลักเป็นร้อยละ 51.2 และตลาดใหม่ร้อยละ 48.8
. . .
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดงานประมูลทรัพย์ NPA ทั่วประเทศ 2 สิงหาคมนี้ เสนอเงื่อนไขผ่อนดาวน์ฟรีดอกเบี้ย นาน 1 ปี
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดประมูลขายทรัพย์ครั้งที่ 2 ประจำปี 2551 พร้อมกันทั่วประเทศ โดยคัดทรัพย์คุณภาพดีจำนวนกว่า 3,000 รายการ ราคาเริ่มต้นประมูลต่ำกว่าราคาปัจจุบันถึง 20% พร้อมจูงใจด้วยเงื่อนไขพิเศษสุดผ่อนดาวน์ 10% แรก ด้วยอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน ส่วนที่เหลืออีก 90% สามารถขอสินเชื่อได้เต็มทั้งจำนวน
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารได้คัดทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ของธนาคารในการประมูลขายทรัพย์ ครั้งที่ 2/2551 วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2551 ตั้งแต่เวลา 9.00 - 16.00 น. พร้อมกันทั่วประเทศ โดยมีจำนวนทรัพย์กว่า 3,000 รายการ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,400 ล้านบาท เป็นทรัพย์ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล รวม 148 รายการ มูลค่ารวม 178 ล้านบาท ซึ่งจะจัดประมูลที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำนักงานใหญ่ ถนนพระราม 9 ห้องประชุม 301 ชั้น 3 อาคาร 2
ส่วนทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค จะจัดประมูล ณ ที่ทำการสาขาของธนาคารที่ทรัพย์นั้นตั้งอยู่ ทั้งนี้ธนาคารได้จัดทำคู่มือประมูลทรัพย์ ซึ่งรวบรวมรายละเอียดทรัพย์ที่จะทำการประมูลในเขต กทม. และปริมณฑล สำหรับผู้ที่สนใจสามารถขอรับได้ที่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำนักงานใหญ่ และที่ทำการสาขา กทม. และปริมณฑล
สำหรับเงื่อนไขพิเศษในการประมูลทรัพย์ครั้งนี้ ธนาคารให้วงเงินกู้สูงสุดถึง 90% ของราคาที่ประมูลซื้อได้ โดยลูกค้าสามารถเลือกผ่อนดาวน์ 10% ได้นาน 12 เดือน โดยไม่เสียดอกเบี้ย ส่วนที่เหลืออีก 90% สามารถขอสินเชื่อกับธนาคารได้เต็มจำนวน ผ่อนชำระได้นานสูงสุดถึง 30 ปี
สำหรับผู้ที่ประมูลได้ เพียงวางเงินมัดจำ 20,000 บาท ในวันประมูล และชำระส่วนที่เหลือเป็นเงินสดหรือแคชเชียร์เช็คพร้อมนัดโอนกรรมสิทธิ์ภายในสัปดาห์ถัดไป หรือหากประสงค์จะขอสินเชื่อเพื่อซื้อทรัพย์ที่ประมูลได้ดังกล่าว ก็สามารถขอวงเงินสินเชื่อจากธนาคารได้ทันที
นอกจากนั้นหากต้องการเข้าอยู่อาศัยในทรัพย์ระหว่างการผ่อนชำระเงินดาวน์ ก็สามารถทำได้โดยวางเงินประกันการซื้อทรัพย์ร้อยละ1.5 ของราคาที่ซื้อ โดยไม่ต้องเสียค่าเช่า
นายขรรค์ กล่าวว่า ธนาคารได้จัดให้มีการประมูลทรัพย์มือสองของธนาคารเป็น
ประจำทุกปี ๆ ละ 3 ครั้ง สำหรับประชาชนที่สนใจสามารถติดต่อโดยตรงได้ที่ ฝ่ายบริหารทรัพย์สิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำนักงานใหญ่ โทร.0-2202-1822 หรือ 0-2202-1582 และทุกสาขาทั่วประเทศได้ในวันเวลาทำการของธนาคาร พร้อมกันนี้ธนาคารได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ให้บริการเข้าชมทรัพย์ NPA อีกด้วย หรือสามารถดูรายละเอียดได้ที่ //www.ghbhomecenter.com
. . .