. . . กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอ ครม. ตัดสินขึ้นภาษีที่ดิน . . .
. . .
กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอ ครม. ตัดสินขึ้นภาษีที่ดิน
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า แนวคิดการเก็บภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง และภาษีมรดก เป็นแนวทางจัดเก็บภาษีเพื่อสร้างความเป็นธรรมทางสังคม และลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ซึ่งไม่ใช่เป็นการหวังดึงรายได้เข้ากระทรวงการคลังในช่วงที่มีปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ เพราะเป็นการวางแผนทางระยะยาว เมื่อเรื่องนี้ผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็จะผ่านสภาผู้แทนราษฎร และเมื่อมีผลบังคับใช้ก็จะมีระยะเวลาให้ประชาชนและภาคเอกชนปรับตัว ซึ่งทางกระทรวงการคลังได้หารือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดเก็บภาษีดังกล่าว และรายได้ภาษีที่เกิดขึ้น ซึ่งจะยังไม่ได้เก็บในปีนี้และปีหน้า โดยกระทรวงการคลังจะหารือเรื่องเวลาที่เหมาะสมในการเสนอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีพิจารณา สำหรับการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ซึ่งต้องออกเป็นพระราชกำหนด เนื่องจากการจัดเก็บภาษีน้ำมันเต็มเพดานที่ 5 บาทต่อลิตรแล้ว แต่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีเงินกองทุน 15,000 ล้านบาท สามารถนำเงินดังกล่าวมาช่วยลดภาระให้ประชาชนได้อีกหลายเดือน โดยรัฐบาลมองว่าประเทศไทยนำเข้าน้ำมันและมีการใช้น้ำมันมากจนเกินไป เมื่อเทียบกับศักยภาพทางเศรษฐกิจ ดังนั้น จึงไม่ต้องการให้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำมากเกินไป เพราะเมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้นจะผลักดันให้ประชาชนหันมาใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าการปรับขึ้นภาษีบุหรี่และยาสูบในขณะนี้ เป็นเพียงการเสนอแนวทางให้ที่ประชุม ครม. รับทราบเท่านั้น และหากจะดำเนินการจริง คงต้องออกเป็น พ.ร.ก. ซึ่งจะสามารถปรับภาษีขึ้นได้ในส่วนนี้ ส่วนกรณีที่มีผู้ค้ากักตุนสินค้าหลังจากมีกระแสข่าวว่าจะปรับขึ้นภาษีบุหรี่และยาสูบ ซึ่งอาจทำให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นบ้างนั้น ต้องเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ที่จะเข้ามาดูแลผู้ที่กักตุนสินค้าไว้เก็งกำไร หากมีการทำผิดจริงต้องดำเนินการตามกฎหมาย หากจะขึ้นภาษี เชื่อว่าคงต้องใช้เวลาทั้งหมดในการขึ้นภาษีบุหรี่ไม่ถึง 1 เดือน แต่ขอยืนยันว่าขณะนี้ เป็นเพียงแนวคิดในการเพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาลเท่านั้น นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่รัฐบาลมีแนวทางปรับขึ้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และภาษีต่าง ๆ เนื่องจากรายได้ของรัฐบาลลดลงในช่วงเศรษฐกิจมีปัญหา จึงพยายามหาช่องทางต่าง ๆ ในการเพิ่มรายได้ แต่สภาหอการค้าไทยฯ จะร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยศึกษาแนวทางที่เป็นประโยชน์ และไม่กระทบต่อภาคเอกชนมากเกินไป โดยจะต้องดูถึงภาพรวมทางเศรษฐกิจและพิจารณาในแต่ละส่วน ว่าส่วนใดมีภาระค่าใช้จ่ายอย่างไรเพื่อให้มีเหตุผล แต่ยืนยันว่าเอกชนก็ต้องพึ่งพาตนเอง เพื่อลดภาระการช่วยเหลือจากรัฐบาล
. . .
รมว. คลัง ยอมรับการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นทำให้ศักยภาพการแข่งขันด้านราคาด้านการส่งออกของไทยลดลง สั่งธนาคารแห่งประเทศไทย ดูแลให้มีเสถียรภาพ
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นในวันนี้ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34.83-34.85 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ว่า เนื่องจากประเทศไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้เงินบาทแข็งค่า แต่การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ผ่านมาก็สอดคล้องกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งการเปรียบเทียบค่าเงินบาทต้องเทียบเคียงไปกับศักยภาพการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย แต่ก็ยอมรับว่าการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นทำให้ศักยภาพการแข่งขันด้านราคาด้านการส่งออกของไทยลดลง เรื่องนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.) จะดูแลให้มีเสถียรภาพ การดูแลค่าเงินบาทต้องพิจารณาให้ครบรอบด้าน เปรียบเทียบค่าเงินบาทกับเงินสกุลอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่เฉพาะ เงินบาทเมื่อเทียบดอลลาร์เท่านั้น นายกรณ์ กล่าว จากการรวบรวมโดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ค่าเงินเมื่อเทียบกับปลายปี 2551 ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 0.5% โดยเงินรูปี ของอินเดียแข็งค่าขึ้นมากที่สุด 5.3%, วอนของเกาหลีใต้ แข็งค่าขึ้น 2.3%, และเปโซของฟิลิปปินส์ แข็งค่าขึ้น 0.8% ขณะที่หลายประเทศ มีค่าเงินอ่อนลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เช่น ไต้หวัน, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, สิงคโปร์ โดยญี่ปุ่น มีค่าเงินอ่อนลงมากที่สุดถึง 7.7%
ค่าเงินเทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐฯ
สกุลเงิน เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปลายปี 2551 (%) รูปี-อินเดีย +5.3 วอน-เกาหลีใต้ +2.3 เปโซ-ฟิลิปปินส์ +0.8 บาท-ไทย +0.5 หยวน-จีน 0.0 ดอลลาร์-ไต้หวัน -0.3 รูเปี๊ยะ-อินโดนีเซีย -1.0 ริงกิต-มาเลเซีย -1.4 ดอลลาร์-สิงคโปร์ -1.8 เยน-ญี่ปุ่น -7.7
นักค้าเงินเผยแนวโน้มเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่อง
นักบริหารเงิน ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดวันที่ 11 พ.ค.ที่ระดับ 34.53/64 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าต่อเนื่องจากเปิดตลาดช่วงเช้าที่อยู่ระดับ 34.83/85 บาท/ดอลลาร์ เงินบาทปรับตัวแข็งค่าค่อนข้างเร็วและแรงกว่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค ปัจจัยหลักน่าจะเกิดจากการที่นักลงทุนมองเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด จึงเทขายดอลลาร์หันมาลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ทั้งในตลาดหุ้น ตลาดทองคำ และน้ำมัน ส่วนค่าเงินสกุลต่างประเทศ เงินเยน อยู่ที่ 97.70/98.25 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าอยู่ที่ 98.40/48 เยน/ดอลลาร์ เงินยูโร อยู่ที่ 1.3569/3618 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าอยู่ที่ 1.3627/3630 ดอลลาร์/ยูโร แนวโน้มเงินบาทวันที่ 12 พ.ค.ยังแข็งค่าต่อเนื่อง คาดว่าอยู่ในกรอบ 34.50-35.70 บาท/ดอลลาร์
. . .
Create Date : 11 พฤษภาคม 2552 |
Last Update : 11 พฤษภาคม 2552 21:04:26 น. |
|
1 comments
|
Counter : 624 Pageviews. |
|
|
|
นั่นแน่ แอบอ่าน blog เค้าอยู่ด้วย
ซำบายดีนะคะ แวะมาส่งความคิดถึงค่ะ ^_^
ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะคะ เจอกันอีกทีสงสัยจำม่ายได้แว๊วแหล่ะ ตอนนี้นู๋พองลมมาก อุอุ
รักษาสุขภาพด้วยค่ะ