Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
21 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
. . . ตลาดรถจักรยานยนต์ครึ่งปีแรกขยายตัว 3% . . .

. . .

ตลาดรถจักรยานยนต์ครึ่งปีแรกขยายตัว 3% เดือน มิ.ย. สร้างสถิติสูงสุดในรอบ 21 เดือน ชี้แนวโน้มความนิยมรถเครื่องยนต์หัวฉีดเพิ่มสูง

ตลาดรถจักรยานยนต์ผ่านพ้นช่วงครึ่งแรกของปีมีปริมาณยอดจดทะเบียนสะสมขยายตัว 3% ด้วยจำนวนรวมเกินกว่า 8.7 แสนคัน โดยในกลุ่มรถแบบครอบครัวมีอัตราการเติบโตสูงสุด ส่งผลให้เป็นกลุ่มรถประเภทเดียวที่มีสัดส่วนตลาดเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้เนื่องจากปัจจัยด้านความประหยัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถแบบเครื่องยนต์หัวฉีด ซึ่งให้ความประหยัดน้ำมันสูง สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ขยับพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น มีการขยายตัวมากที่สุดถึง 22% สะท้อนแนวโน้มการบริโภคที่หันมาให้ความสนใจในรถเครื่องยนต์หัวฉีด ในขณะที่ค่ายผู้นำตลาด คือ ฮอนด้า รุกนโยบายพลิกวิกฤตราคาน้ำมันให้เป็นโอกาสสำหรับกลุ่มผู้ใช้รถ ด้วยการพัฒนาระบบหัวฉีดใหม่PGM-FI รองรับตลาด ส่วนยอดจดทะเบียนเฉพาะเดือน มิ.ย. สร้างสถิติสูงสุดในรอบ 21 เดือน

นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารส่วนงานขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงยอดจดทะเบียนป้ายวงกลมรถจักรยานยนต์โดยรวมในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีปริมาณสะสมรวมทั้งสิ้น 872,644 คัน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 848,055 คันแล้ว มีปริมาณเพิ่มขึ้น 24,589 คัน หรือมีอัตราการขยายตัว 3%

ทั้งนี้เป็นผลมาจากหลากหลายปัจจัยด้วยกัน โดยเฉพาะการขยับขึ้นของราคาผลผลิตทางด้านการเกษตร ส่งผลให้กลุ่มผู้บริโภคหลักของตลาด ที่โดยส่วนใหญ่แล้วอยู่ในภาคการเกษตรนั้น มีรายได้และกำลังซื้อสูง

นอกจากนั้นแล้ว จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ขยับตัวพุ่งสูงขึ้นมาโดยตลอดนับตั้งแต่ต้นปี ยังเป็นสาเหตุสำคัญอันเป็นแรงจูงใจและกระตุ้นผลักดันให้กลุ่มผู้ใช้รถ ตลอดจนถึงกลุ่มผู้ที่มีความต้องการใช้รถโดยทั่วไป หันเปลี่ยนมาให้ความสนใจ รวมทั้งให้ความนิยมใช้รถจักรยานยนต์มากยิ่งขึ้น เนื่องจากความประหยัดน้ำมัน

ในด้านรายละเอียดของการจดทะเบียนนั้น ในกลุ่มรถประเภทหลักของตลาดต่างมีอัตราการเติบโตเพิ่มมากขึ้น โดยในกลุ่มรถแบบครอบครัวมีอัตราการขยายตัวสูงที่สุด คือ 4% เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ด้วยปริมาณการจดทะเบียนถึง 442,106 คัน และที่สำคัญเป็นกลุ่มรถประเภทเดียวเท่านั้นที่มีสัดส่วนตลาดเพิ่มสูงขึ้น โดยเพิ่มขึ้นเป็น 51% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีสัดส่วนตลาด 50%

ทั้งนี้เป็นเพราะว่ารถจักรยานยนต์แบบครอบครัวมีคุณสมบัติเด่นด้านการประหยัดน้ำมัน สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาน้ำมันสูง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งรถแบบครอบครัวที่ติดตั้งระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด ซึ่งให้ความประหยัดน้ำมันเป็นอย่างสูง ได้แก่ รถฮอนด้า รุ่น เวฟ 125 I นั้น มีอัตราการเติบโตมากที่สุดในกลุ่มรถประเภทครอบครัว คือขยายตัว 22% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของการบริโภคที่หันมาให้ความนิยมในรถแบบเครื่องยนต์หัวฉีด

ขณะที่กลุ่มรถประเภทอื่นๆ ได้แก่ รถจักรยานยนต์แบบ เอ.ที. (Automatic Transmission) หรือแบบเกียร์อัตโนมัติ มีปริมาณการจดทะเบียน 396,061 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 45% เติบโตเพิ่มขึ้นจากในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 2%, รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 25,272 คัน สัดส่วนตลาด 3% เติบโตลดลง 2%, รถแบบสปอร์ต 5,789 คัน สัดส่วนตลาด 1% เติบโตเพิ่มขึ้น 3% และรถประเภทอื่นๆ 3,416 คัน

สำหรับแนวโน้มตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง คาดการณ์ว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันสูงยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้กลุ่มผู้บริโภคใส่ใจกับความประหยัด และเป็นแรงกระตุ้นให้มีการหันมานิยมใช้รถจักรยานยนต์มากยิ่งขึ้น พร้อมกันนั้นทางค่ายผู้นำตลาด คือ ฮอนด้า ได้พลิกวิกฤตราคาน้ำมันสูงให้เป็นโอกาสสำหรับกลุ่มผู้ใช้รถ ด้วยการพัฒนาระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดใหม่ล่าสุด PGM-FI (Programmed Fuel Injection) เพื่อติดตั้งในรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ โดยมีคุณสมบัติเด่นคือทำให้เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งให้ไอเสียสะอาดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น และมีสมรรถนะสูงขึ้น อันเป็นการปฏิวัติสู่การขับขี่ยุคใหม่นั้น จะเป็นส่วนช่วยส่งเสริมและสร้างความตื่นตัวให้กับตลาด

ส่วนปริมาณการจดทะเบียนเฉพาะเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา นับเป็นการสร้างสถิติยอดจดทะเบียนสูงสุดในรอบ 21 เดือน คือนับตั้งแต่เดือน ก.ย. ปี 2549 เป็นต้นมา โดยมีปริมาณทั้งสิ้นถึง 163,501 คัน และเมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าแล้ว มีอัตราการขยายตัว 7%

. . .





Create Date : 21 กรกฎาคม 2551
Last Update : 21 กรกฎาคม 2551 14:44:03 น. 2 comments
Counter : 486 Pageviews.

 
. . .

ปตท.ใจป้ำ! ประกาศลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 1 บ./ลิตร ดีเซล 80 สต./ลิตร พรุ่งนี้

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2551 15:22 น.


ปตท.ประกาศลดราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด โดยกลุ่มเบนซินปรับลดลิตรละ 1 บาท ส่วนดีเซลปรับลดลิตรละ 80 สตางค์ มีผล 05.00 น.พรุ่งนี้ (22 ก.ค.)

วันนี้ (21 ก.ค.) นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ปตท.เตรียมประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันทุกประเภท โดยกลุ่มเบนซินปรับลดลงถึงลิตรละ 1 บาท ส่วนน้ำมันดีเซลปรับลงลิตรละ 80 สตางค์ มีผลตั้งแต่ 05.00 น.ในวันพรุ่งนี้

ทั้งนี้ ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันของปั๊ม ปตท. ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในวันพรุ่งนี้ เป็นดังนี้ เบนซิน 91 อยู่ที่ 39.39 บาท,
แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 35.79 บาท,
แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 34.99 บาท,
และดีเซล 42.24 บาท

ด้านรายงานข่าวจากบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ระบุว่า ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์ ปิดเมื่อวันศุกร์เบนซิน ออกเทน 95 ลดลง 3.65 ดอลลาร์ มาที่ 129.89 ดอลลาร์/บาร์เรล และดีเซล ลดลง 0.42 ดอลลาร์ มาที่ 164.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ ที่ตลาดดูไบ ลดลง 3.02 ดอลลาร์ อยู่ที่ 127.95 ดอลลาร์/บาร์เรล

. . .


โดย: som IP: 58.137.155.65 วันที่: 21 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:17:00 น.  

 

นอกจากประหยัดค่าน้ำมันแล้ว ในการขับขี่ต้องประหยัดชีวิตด้วยนะฮะ เนื้อหุ้มเหล็กนะฮะขิมว่า


โดย: ขิมทอง IP: 202.12.118.61 วันที่: 21 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:28:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.