|
|
|
- อาทิตย์ จันทร์ เมฆา และวายุ...
- ... กินเจปี’52 ฯ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ...
- ... ขนมไหว้พระจันทร์ปีนี้ ยอดขายดีกว่าปีก่อน...โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย...
- ... สภาพคล่องในงบดุลของธนาคารพาณิชย์ไทย ส.ค. 52 … เพิ่มขึ้น โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย....
- ... กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ... ผลกระทบต่อธุรกิจกองทุนรวม ...
- บริการคงสิทธิเลขหมาย…กระทบผู้ให้บริการ หลังเปิดใช้ 3G โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ภาวะเงินเฟ้อติดลบใกล้สิ้นสุด ...
- ... ส่งออกรถยนต์ไทยครึ่งหลัง 2552 มีสัญญาณดีขึ้น โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ...
- . . . Digital Content Industry . . .โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 : ผลกระทบต่อหลากธุรกิจ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ... . ตลาดหนังสือปี’52 : อัตราขยายตัวชะลอลง...สำนักพิมพ์ต้องเร่งปรับตัว โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย.
- ...พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ... ผลต่อสภาพคล่องและดอกเบี้ยแบงก์ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย...
- ... ยางธรรมชาติครึ่งหลังปี 52 โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย...
- การจัดสรรเงินออม...ภายใต้ปัจจัยเสี่ยงในช่วงครึ่งหลังของปี’52 โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ... แนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลัง 2552 ... โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ... แนวโน้มเงินบาทครึ่งหลังปี 2552 ...
- ... กรมธนารักษ์เปิดจ่ายแลกเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่ครบทุกชนิดราคา ...
- ... ท่องเที่ยวครึ่งหลังปี 2552...มีโอกาสฟื้นตัวปลายปี....
- ตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนพฤษภาคม 2552
- ธนาคารกรุงไทยจัด 2 โปรโมชั่นกระตุ้นการใช้จ่าย
- ...วิกฤตการณ์ทางการเงินของโลก : เงินทุนต่างชาติชะลอตัว... ผลต่ออสังหาริมทรัพย์ไทย...
- ... ส่งออก-ลงทุน-ท่องเที่ยว ไทย-จีน : มีทิศทางปรับดีขึ้น โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ...
- ... ตัวเลขว่างงานเดือนเมษายน 2552 พุ่งขึ้น 49.7% ...
- คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25%
- การส่งออกไม่รวมทองคำในเดือนพฤษภาคมหดตัว 27.3%
- ...เศรษฐกิจไทยมีโอกาสฟื้นตัวเพิ่มมากขึ้น... แต่...
- กฎหมายกู้เงินฉุกเฉิน 4 แสนล้านบาท … เปิดทางกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- .... ทำไม ต้องทำประกัน???.... (ด้วยคะ)........
- ราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรระยะยาว : ความท้าทายของเศรษฐกิจไทย
- การนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมาใช้
- การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์: ฟื้นตัวแล้ว?
- เงินบาทแข็งค่าสูงสุดในรอบ 8 เดือน
- . . . .กระแสรักสวย-รักงาม...ยังคงทำให้ธุรกิจขยายตัว . . . .
- เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 2/2552 อาจยังคงหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง
- เศรษฐกิจไทยอาจฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในครึ่งปีหลัง … แต่ยังมีปัจจัยที่ต้องระวัง
- . . .ราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นลิตรละ 80 สตางค์ ส่วนดีเซลเพิ่มขึ้นลิตรละ 60 สตางค์ วันที่ 21 พ.ค.นี้
- ตัวเลขว่างงานเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ... ลดลงเพราะผลจากฤดูกาล
- . ตลาดหุ้นไทยร่วง 26 จุด - บุหรี่ในขึ้น 10-13 บาท บุหรี่นอก 15-17 บาท
- ผู้บริโภคร้องเรียนร้านค้ากักตุนบุหรี่กว่า 200 ราย
- . . . กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอ ครม. ตัดสินขึ้นภาษีที่ดิน . . .
- . . . ข่าวดี ที่เกิดขึ้น ก่อนวันพระ หนึ่งวัน . . .
- . . .ขึ้นภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย . . .
- ครม.ไฟเขียวให้ลูกจ้าง-นายจ้างลดส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคมเหลือ 3% จาก 5%
- . . .อัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายน52 ...ติดลบเป็นเดือนที่ 4 . . .
- ขึ้นน้ำมันทุกชนิดลิตรละ 1.55 บาท ยกเว้นอี 85 มีผลวันที่ 1 ก.พ.นี้
- ครม.มีมติเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมันทั้งเบนซิน-ดีเซล มีผลวันที่ 1 ก.พ. นี้
- คลังเตรียมพิจารณากฎหมายเพื่อเก็บภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้าง รวมถึงภาษีมรดก
- เตือนภัยหญิงไทยที่ติดต่อชาวต่างชาติผ่านทางระบบ Internet ระวังถูกหลอกให้เสียเงินจากการรับสินค้า
- 7 มาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ-- ปิดปั๊มหลังเที่ยงคืน 31 ม.ค.ก่อนขึ้นราคาน้ำมัน
- กรมสรรพากรชี้แจงเงื่อนไขหักลดหย่อนภาษีเบี้ยประกันชีวิต สำหรับกรมธรรม์ที่ทำหลังวันที่ 1 ม.ค.52
- ราคาก๊าซรถยนต์(แอลพีจี)อาจเพิ่มขึ้น 2 บาทต่อกก.-กระทรวงแรงงานจัดงาน “ตลาดนัดแรงงาน” ทุกวันเสาร์. . .
- กนง. ลดดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 เหลือร้อยละ 2.00 -- รมว.แรงงานแจงช่วยค่าครองชีพจ่าย 2,000 บาท ครั้งเดียว
- ครม.อนุมติงบกลางปี 1.15 แสนล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจ 18 โครงการ
- ต่ออายุ 6 มาตรการฝ่าวิกฤติ - นัดพบแรงงานทุกวันเสาร์ - อนุมัติงบช่วยเหลือผู้ว่างงาน
- ขึ้นราคาน้ำมันลิตรละ 60 สตางค์ 7 ม.ค.นี้
- เงินเฟ้อปี 51 - 5.5% --- หุ้นวันแรกบวก 28 จุด -- ตรึงราคาก๊าซแอลพีจี และเอ็นจีวี. . .
- ราคาน้ำมันปีหน้า มีแนวโน้มทรงตัว แต่ค่าไฟฟ้าช่วงครึ่งปีแรกจะปรับขึ้น
- นายกเตรียมปรับลดใช้น้ำฟรีเหลือ 30 หน่วยต่อเดือน - สายด่วนประกันภัย 1186
- ราคาน้ำมันลดลงลิตรละ 60 สตางค์ 26 ธ.ค.นี้
- ราคาที่ดินลาดพร้าวปรับเพิ่ม 65% -- รัฐเตรียมช่วยคนซื้อบ้านใหม่ปีหน้า -- ค่าไฟฟ้าขึ้นหน่วย 14 สตางค์
- ตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ย. หดตัวสูงถึง 18.6%
- รถไฟฟ้าบีทีเอสขยายเวลาเปิดให้บริการคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ถึง 02.00 น.
- ธปท.เตือนประชาชนระวังธนบัตรปลอมระบาด--รฟท. เพิ่มขบวนรถไฟ 18 ขบวน
- ปตท.เตรียมขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีจาก 8.50 บาท เป็น 11 บาท มีผล 1 ม.ค.52--ลดค่าโดยสารขสมก.-บขส.
- ลดราคาดีเซลลิตรละ 0.50 บาท - เก็บเงินเบนซิน 95 เข้ากองทุนน้ำมันลิตรละ 3 บาท - รัฐบาลใหม่
- คาดเฟดลดดอกเบี้ย 0.5% - โอเปกประชุม 17 ธ.ค.นี้ - ราคายางตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี
- บขส-รถร่วมเตรียมลดค่าโดยสาร--แบงก์ออมสินลดดอกเบี้ย--ปีใหม่ แบงก์หยุด 5 วัน. . .
- อีก 5 ปี . . . ประชาชนจะกลายเป็นมนุษย์ไฮเทค . . .
- แนวโน้มยอดขายรถยนต์ในประเทศ : ชะลอลงต่อเนื่องถึงปีหน้า
- น้ำมันลดลง 60-80 สตางค์ต่อลิตร--ปีหน้าว่างงาน 9 แสนคน--เบียร์ช้างชะลอเข้าตลาดหุ้น--คลังหนุนปรับภาษี
- เงินบาทแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 22 เดือน ที่ 35.83 / หุ้นปิดที่ 392 แนวต้าน 400 แนวรับ 380
- สุวรรณภูมิพร้อมเปิดเต็นรูปแบบ 5 ธ.ค.นี้ 11.00--บขส.เปิดจองตั๋วล่วงหน้าช่วงปีใหม่-น้ำมันลด 40-60 สต.
- เปิดใช้สนามบินดอนเมือง 4 ธ.ค.-สุวรรณภูมิ 5 ธ.ค.--กนง.ลดดอกเบี้ย 1%--น้ำมันถั่วเหลืองลดราคา 3.50 บาท
- สนามบินสุวรรณภูมิเปิดรับส่งสินค้าทางอากาศได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.
- น้ำมันลดลงลิตรละ 0.40 บาท-- เงินเฟ้อเดือนพ.ย.2.2% ต่ำสุดรอบ 14 เดือน--สนามบินยังปิดอยู่...
- ผลกระทบการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ
- ..วิกฤติเศรษฐกิจโลก-วิกฤติเศรษฐกิจไทยปี 2552 - ท่องเที่ยว-โรงแรมยอดขายลด 10-15% -- หุ้นบวก 5.73 จุด.
- ราคาน้ำมันลดลงอีก 60-80 สตางค์ต่อลิตร มีผลวันที่ 25 พ.ย.นี้
- ค่าบาทอ่อน - ตลาดหุ้นแนวโน้มทดสอบ 384 - น้ำมันลด 60-0 สตางค์ -ทองคำพุ่ง 400 บาท -คนตกงานกว่า 4 แสนคน
- ผลการประชุม กรอ.- กระทรวงคลังเตรียมปรับลดภาษี
- จีเอ็มลดคนงาน-คำสั่งซื้อยานยนต์ลดลง-ธกส.พร้อมจ่ายเงินรับจำนำข้าว-หุ้นปิดที่ 408.51 ลดลง 11.46 จุด
- เสนอครม.ลดภาษีนิติบุคคลลง 5% - ขึ้นภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย - ปรับเกณฑ์ซีลลิ่ง-ฟลอร์หุ้นใหม่ 2 ธ.ค.นี้
- ราคาน้ำมันลดลงลิตรละ 40-80 สตางค์-ซิตีกรุ๊ปประกาศปลดคนงาน 53,000 คนทั่วโลก
- ก.แรงงานรับวิกฤติคนตกงาน-รถติดตั้งแก๊สลดฮวบ ตามราคาน้ำมัน-เผยแพร่ทีโออาร์เช่ารถเมล์ผ่านเว็ป
- เงินบาทอ่อนค่าลง ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงทั้งสัปดาห์
- ขึ้นราคาก๊าซก.ก.ละ 6 บาท-เตือนธุรกิจเกษตร, ส่งออก, เอสเอ็มอีรับผลกระทบปีหน้า
- ลอยกระทงกันดีกว่า เมี๊ยวๆ...
- ราคาน้ำมันเบนซินลด 80 สตางค์--กกร.เสนอลดภาษี--แนวโน้มตกงานเพิ่ม--การใช้พืชพลังงานลดลง
- โอบามา-ผลกระทบต่อไทย
- แก๊สโซฮอล์-เบนซนลด 60-80 สตางค์-
- เงินเฟ้อต.ค.3.9%ต่ำสุดรอบ 10 เดือน--รัฐกู้เงินรับจำนำข้าว--หุ้นฟื้น 32 จุด--จดทะเบียนแรงงานต่างด้าว
- เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 19 เดือน-ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ย.ส่งสัญญาณชะลอตัว
- เฟดลดดอกเบี้ย 0.5%-- หุ้นขึ้นพ้น 400 --เว้นเกณฑ์ silent period--กองทุนยางพารา
- น้ำมันดีเซลลง 60 สตางค์--หุ้นตก 13 จุด--หม่อมอุ๋ยแนะเอาเงินฝากแบงก์เล่นหุ้น--SMEควบบสย.
- ขยายเวลาค้ำเงินฝาก 3 ปี-จำนำข้าวโพด-มันสำปะหลัง--TDRI--สศค.
- เซอร์กิตเบรกเกอร์ (circuit breaker)หยุดซื้อขายหุ้นครั้งที่ 3 -ดัชนี 387 ต่ำสุดรอบ 5 ปี-ยอกตกงาน 6แสน
- งดขายทองคำแท่งเสาร์-อาทิตย์--โอเปคลดการผลิต--หุ้นต่ำสุดรอบ 5 ปี--คาดเฟดลดดอกเบี้ยอีก
- ข้าวแกงลดราคา -- กบง.เก็บเงินเพิ่มเข้ากองทุนน้ำมัน -- เบียร์ช้างเข้าตลาดหุ้น -- รถไฟฟ้ารอเข้าครม.
- กระทรวงการคลังเสนอแนวคิดขยายเวลาค้ำเงินฝากทั้งจำนวนอีก 3 ปี - กดค่าบาทให้อ่อนลงอีก 5% อุ้มส่งออก
- แนวโน้มอุตสาหกรรมไทยท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจโลก
- น้ำมันลดลง 10%--ค่าโดยสารรถ-เรือเตรียมปรับลงตาม--ยางพาราราคาตก 43%
- ราคายางลดลงเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ : สาเหตุ ผลกระทบ และทางออก
- วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ - วิกฤติการเงินไทยปี 2540 - ผลกระทบที่แตกต่าง - 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
- ราคาน้ำมันดีเซล-เบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ลดลงลิตรละ 1 บาท 15 ต.ค.นี้
- ผู้ค้าน้ำมันประกาศลดราคาเบนซิน 40 สต.-ดีเซล 80 สต.พรุ่งนี้
- ไอซ์แลนด์ยึดแบงก์โคปทิง--สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ยืนยันฐานะมั่นคง--ธ.กลางทั่วโลกลดดอกเบี้ย...หุ้นฟื้น 1%
- ทำไมเราต้องดูจิต, วิธีการ "ดูจิต", วงจรกระแสจิต, อานิสงส์ของการแผ่เมตตา, วิธีแผ่เมตตา...
- ลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 60 สตางค์ --หุ้นหลุด 500
- ภาคเอกชนเป็นห่วงสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทุกภาคส่วน
- ราคาน้ำมันทุกประเภทลดลง 20-80 สตางค์---หุ้นตกต่ำสุดรอบ 5 ปี--กกร.เสนอ 7 มาตรการเร่งด่วน. . .
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาด กนง. คงอัตราดอกเบี้ย 3.75%
- รอลุ้นแผนกูวิกฤติการเงินสหรัฐฯ
- ธุรกิจสถานีบริการก๊าซ LPG ปี51--เงินเฟ้อเดือนก.ย.แนวโน้มชะลอลง
- เงินเฟ้อก.ย.6.0%-ปตท.คาดน้ำมันดิบแกว่งตัว 90-100 USD/Barrel. . .
- กินน้อยตายยาก กินมากตายง่าย
- เศรษฐกิจเดือนส.ค.สะท้อนสัญญาณชะลอตัว
- Emergency Economic Stabilization Act of 2008 (link to full and summary in pdf file)
- โครงการที่น่าติดตามภายใต้รัฐบาลสมชาย 1
- วิกฤตการเงินในสหรัฐฯ ... ผลกระทบต่อภาคการเงินไทย
- ความเชื่อมั่นธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย--กรุงไทยขายกรมธรรม์ประกันภัยรูปแบบใหม่. . .
- เชลล์ขึ้นราคาน้ำมัน 60 สตางค์--คลัง แบงก์ชาติ คปภ มั่นใจสภาพคล่องการเงิน--รายชื่อครม.สมชาย1. . .
- มาตรการกู้วิกฤติการเงินสหรัฐวงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์
- กระทรวงพาณิชย์อาจนำทองคำเป็นสินค้าควบคุม--กินเจ 29 ก.ย.- 7 ต.ค.ผักแพง--พันธบัตรคลังปี 52. . .
- นักวิชาการเตือนรับมือวิกฤติเลห์แมน--เก็บเงินกองทุนน้ำมันเพิ่ม--ยอดขายรถยนต์ลด--ธอส.ลดดอกเบี้ย. . .
- Resolution Trust Corporations (RTC) โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ---ผักแพง-ทองขึ้น-ค่าไฟฟ้า-วิเคราะห์วิกฤติเลห์แมน--กินเจปีนี้---
- . . . น้ำมันลด 60 สตางค์-ทองพุ่ง 13,550 บาท--หุ้นผันผวน--รถไฟหยุดวิ่งน้ำท่วม . .
- . . . เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 2.00 และให้ความช่วยเหลือด้านเงินกู้แก่ AIG . . .
- . . . วิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ ... อาจยังไม่ยุติ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย . . .
- . . . น้ำมันลง 50 สตางค์--
- . . . หุ้นตก-เลห์แมนฯล้มละลาย--แนะซื้อทองต่ำกว่า 13,000.--จำนำข้าว . . .
- . . . คาดเฟดคงดอกเบี้ย 2.00%--รถไฟเปิดให้บริการ 240 ขบวน--ราคาทองกระเตื้องเล็กน้อย. . .
- . . . ทองแท่งเหลือบาทละ 12,650 บาท--ดีเซลลดอีก 60 สตางค์--ดอกเบี้ยพันธบัตร3ปี 4.65% . . .
- ธอส. เชิญชวนเล่านิทานลงเทปหรือแผ่นซีดีมอบให้มูลนิธิช่วยคนตาบอดฯ
- . . . ครม.แต่งตั้งปลัด-อนุมัติ 3 G -งบจัดซื้ออาวุธ-สร้างรัฐสภาใหม่. . .
- . . . แนวโน้มธุรกิจค้าปลีกครึ่งปีหลังชะลอตัว . . .
- . . . อาหารสัตว์เลี้ยง : เติบโตต่อเนื่อง...หลากปัจจัยหนุน . . .
- . . . แนะคลายเครียด เสพข่าวการเมือง . . .
- . . . ข่าววันที่ 4 ก.ย.51 . . .
- ราคาน้ำมันดีเซลลดลงลิตรละ 60 สตางค์ วันที่ 4 ก.ย.
- . . . อนุมัตินมกล่อง-น้ำมันถั่วเหลืองขึ้นราคา--เลื่อนหวยบนดิน--หุ้นตก--บาทอ่อน. . .
- Bangkok under state of emergency
- . . . เงินเฟ้อเดือน ส.ค.ลดลงเหลือ 6.4% จาก 9.2% ในเดือนก.ค. . . .
- --- ทิศทางตลาดหุ้นไทย...ยังเผชิญแรงกดดันจากหลายปัจจัย ---
- --- ภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนกรกฎาคม 2551 ---
- ---กนง.ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 3.75%--ธอส.ให้กู้ซื้อบ้าน 1.5 ล้านบาท--บสย.--ไทยแอร์เอเซีย . . .
- . . . ถึงเพื่อนที่มีพันธะ ต่อกัน... ถึง พันธมิตร . . . จาก พรรคพลังไข่. . .
- . . . หุ้นไทยร่วง 2% หลังเปิดตลาดในภาคเช้า . . .
- . . . สภาพัฒน์ฯ คาดเศรษฐกิจปีนี้โต 5.2-5.7% . . .
- . . . พรบ.ผู้บริโภค เริ่มใช้ 25 ส.ค.51--กกร.ประชุมเรื่องราคาสินค้า---บขส.เปิดเส้นทางกทม.-สมุย. .
- . . .ธปท.-คลังน้อมรับกระแสพระราชดำรัส--ส่งออก 7 เดือนโต 26% . . .
- . . . 23 สิงหานี้ บังคับใช้กฎหมายจัดเก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ --- คาดการณ์เศรษฐกิจไตรมาส 2 โต 5.8% . . .
- . . . น้ำมันจะลดลงอีก--ค่าบาทอ่อนสุดรอบ 9 เดือน . . .
- Rose Rose i love you
- . . . นั่งรถไฟฟรี เชียงใหม่, อุบลฯ, หนองคาย, และสุไหงโกลก----ทองคำขาดตลาด . .
- ...ปลากัดเตือน...
- . . . รถใช้ก๊าซต้องแจ้งตรวจสภาพ--สมัครคนเดินโพยหวยบนดินวันแรก-กราฟราคาทอง. . .
- . . . เพิ่มเงินสมทบกองทุนน้ำมัน--สมัครคนเดินโพย 18 ส.ค.--ราคาทองคำลด--บาทอ่อน . . .
- . . . Storm surge มหันตภัยร้ายแห่งท้องทะเล . . .
- . . . ธุรกิจเดลิเวอรี่สินค้าอาหาร เติบโต 15% . . .
- . . . ตรึงราคาสินค้าถึงสิ้นปี--น้ำมันลดราคา--ทองคำต่ำสุดรอบ 7 เดือน. . .
- . . . เตรียมประกาศห้ามใช้สารตะกั่วเชื่อมต่อหม้อก๋วยเตี๋ยวเป็นการถาวร . . .
- . . . รถติดก๊าซ NGV ต้องมีใบรับรองเติมก๊าซ--ราคาน้ำมันลดลงอีก 60-80 สตางค์. . .
- . . . เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง . . .
- . . . นมกล่อง จะขึ้นราคา อีก 1-2 บาท . . .
- . . . ม.หอการค้าคาดเศรษฐกิจปีนี้ โต 5.5-6.0%---สศช.ระบุสัดส่วนผู้สูงอายุจะเพิ่มเป็น 25%ในอีก 20 ปี .
- . . . ลดราคาดีเซลลิตรละ 1 บาท - เบนซินลิตรละ 50 สตางค์ ---
- . . . ครม.อนุมัติขึ้นภาษีเหล้า-บุหรี่--โครงข่ายโทรศัพท์ 3 จี---กรมศุลการกร เปิดประมูลรถยึด. . .
- . . . หวยออนไลน์ 1 ต.ค.51 . . .
- . . . ลดราคาดีเซลลิตรละ 60 สตางค์ พรุ่งนี้-- คาด FED คงดอกเบี้ย 2.00% . . .
- . . . เงินเฟ้อดือน ก.ค.9.2%--ทีมเศรษฐกิจใหม่--รถเมล์ รถไฟ ฟรี . . .
- . . . 1 ส.ค.เริ่มใช้ 6 มาตรการ 6 เดือน -- ดีเซลลดลง 50 สตางค์ -- เลื่อนพิจารณาราคาสินค้า. . .
- . . . พรบ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก -- กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ - Sovereign Wealth Fund (SWF) . . .
- . . . สรุปผลการสัมมนาทางวิชาการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง 5/2551 . . .
- . . . ลดราคาน้ำมันเบนซิน 91 และแก๊สโซฮอล์พรุ่งนี้(30 ก.ค.) . . .
- . . . ปตท.-เชลล์ ปรับลดราคาดีเซลอีกลิตรละ 80 สตางค์ . . .
- . . . ราคาน้ำมันลดลงลิตรละ 3.50-4.70 บาท --- ทางด่วนขึ้น 5 บาท ---- น้ำมันพืชขึ้นอีก 5 บาท . . .
- . . . ปรับโครงสร้างราคาก๊าซแอลพีจี ( LPG ) ควรลอยตัว หรือแบ่ง 2 ราคา . . .
- . . . ตัวเลขการส่งออก มิ.ย.51 ขยายตัว 27.4% . . .คาดทั้งปี 15% . . .
- . . . 11 ส.ค. 51 เริ่มใช้ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก . . .
- . . . ลดราคาน้ำมันเบนซินลิตรละ 1 บาท และดีเซลลิตรละ 80 สตางค์ . . .
- . . . ตลาดรถจักรยานยนต์ครึ่งปีแรกขยายตัว 3% . . .
- . . . ทิศทางค่าเงิน และ ตลาดหุ้น สัปดาห์นี้ (21-25 ก.ค.) . . .
- . . . กลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ . . .ประกาศหยุดยิง . . .
- . . . ปตท.ลดราคาน้ำมัน ลิตรละ 60 สตางค์ . . .
- . . . กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ตามคาด . . .
- . . . 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติค่าครองชีพสูง . . .
- . . . รัฐบาลเตรียมแถลงมาตรการช่วยเหลือประชาชน หลังการประชุม ครม. วันที่ 15 ก.ค.นี้ . . .
- . . . กรมสรรพากรเตือนประชาชนระวังถูกมิจฉาชีพหลอก เรื่องคืนภาษีและขอรับบริจาค . . .
- . . . ลดราคาเบนซิน พรุ่งนี้ . . .
- . . . ปตท.ลดราคาเบนซินลิตรละ 60 สตางค์ . . .
- . . . เล่นเกมส์ sudoku กันดีกว่า . . .
- . . . ส่งเสริม E85 เป็นวาระแห่งชาติ . . . /. . . นำเข้า LPG เดือนนี้อีก 1 แสนตัน . . .
- . . . เอ็นจีวี ( NGV ) หรือ แอลพีจี( LPG ) . . .ที่รัฐควรส่งเสริม . . .
- . . . แท็กซี่ยังขึ้นราคาค่าโดยสารไม่ได้ . . .
- . . . เงินเฟ้อ 7.6 ---> 8.9 ---> 9.0 ----> 10 . . .ทั้งปี 2551 เฉลี่ย 8%??...
- . . . เงินเฟ้อเดือน มิ..ย. ... 8.9% . . .
- . . . เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว . . .(อาการภูมิแพ้)
- . . . ลอยตัวราคาก๊าซ LPG วันที่ 1 ก.ค.นี้ . . .
- . . . บางจาก-คาลเท็กซ์-ระยองเพียว ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมัน . . .
- . . . หุ้นไทยภาคเช้าดิ่งลงกว่า 20 จุด . . .
- . . .หวั่นการเมืองรุนแรง ตลาดหุ้นร่วง1.04% . . .
- . . . ตลาดหุ้นร่วง กังวลข่าว รัฐประหาร . . .
- . . . หุ้นไทยมีแนวโน้มปรับตัวผันผวน . . .
- . . . อียูเตรียมลดภาษีมูลค่าเพิ่ม ช่วยผู้มีรายได้น้อยจากภาวะน้ำมันแพง. . .
- . . . ชวนคนมีฝีมือ ส่งผลงาน ประกวดออกแบบสลากออมสิน . . .
- . . . เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 5 เดือน . . .
- . . . ธ.ก.ส.เผยยอดซื้อสลากทวีสินเดือนเดียว เฉียด 2 หมื่นล้าน . . .
- . . . ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ทางเลือกใหม่สร้างความมั่นคงเกษตรกร . . .
- . . . เงินบาทอ่อนค่าหลุดแนวรับ 33.00 แตะระดับต่ำสุดรอบกว่า 4 เดือน . . .
- . . . ธนาคารกรุงไทยปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก-เงินกู้ร้อยละ 0.375-1.25 . . .
- . . . มาเลเซียประกาศลอยตัวราคาน้ำมันเชื้อเพลิง-ยกเลิกห้ามขายน้ำมันให้ต่างชาติ . . .
- . . . จับ กระเทียม . . .
- . . . NGV ปีหน้าราคาอาจจะขึ้นเป็น 12 บาท . . .
- . . . ธนาคารกรุงไทย เตรียมขึ้นค่าธรรมเนียมกด ATM ต่างแบงก์ . . .
- . . .ธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าสัวใหญ่ ซีพี แนะใช้ทฤษฎี 2 สูง . . .
- . . . เงินเฟ้อเดือน พ.ค. ... พุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี . . .
- เงินบาทสัปดาห์นี้ยังมีโอกาสอ่อนค่าลงได้อีก
- ...o...
- ... แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2551 ...
- ... แนะนำงาน Money X-pro ...
- ...อยู่รอดให้ได้...ภายใต้ภาวะผันผวน...
- ...Value Averaging...
- ...ซื้อกองทุนรวมรับของแถม?...
- ...ลงทุนทุกเดือนสม่ำเสมอ...
|
|
|
|
|
... แนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลัง 2552 ... โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
...
แนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลัง ... ปัจจัยบวกเพิ่มขึ้น แต่ความไม่แน่นอนยังคงมีสูง
โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 ธุรกิจส่วนใหญ่ประสบกับภาวะชะลอตัว บางธุรกิจมีทิศทางถดถอยตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างหนักส่วนใหญ่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมที่พึ่งพาตลาดส่งออกในสัดส่วนที่สูง เช่น อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อัญมณีและเครื่องประดับ ยานยนต์และชิ้นส่วน สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม พลาสติกและเคมีภัณฑ์ ขณะที่กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น เหล็ก ข้าว ยางพารา ก็ได้รับผลกระทบทั้งจากอุปสงค์ที่หดตัวและราคาที่ตกต่ำลงอย่างมาก ส่วนสินค้าที่ขึ้นอยู่กับกิจกรรมด้านการลงทุน เช่น วัสดุก่อสร้าง เครื่องจักรและอุปกรณ์ ต่างหดตัวลงตามภาวะการลงทุนของประเทศ สำหรับในภาคบริการ หลายธุรกิจประสบปัญหา โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรมและสายการบิน ที่เผชิญมรสุมหลายด้านทั้งวิกฤตเศรษฐกิจโลกถดถอย ปัญหาความไม่สงบทางการเมืองภายในประเทศ และการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และจากปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบรุนแรงในวงกว้างนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อเนื่องไปสู่ธุรกิจที่พึ่งพาตลาดผู้บริโภคในประเทศ อย่างเช่น ตลาดรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนธุรกิจค้าปลีกด้วยเช่นกัน ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้วิเคราะห์สถานการณ์ของธุรกิจไทย และแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลัง โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
จุดเริ่มของการฟื้นตัว … ภาพที่แตกต่างในแต่ละธุรกิจ แม้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณผ่านพ้นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดไปแล้วในไตรมาสที่ 1/2552 ที่จีดีพีของประเทศหดตัวลงถึงร้อยละ 7.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นความถดถอย (รายไตรมาส) ที่รุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี ขณะที่เครื่องชี้เศรษฐกิจโดยรวมแล้วบ่งชี้การปรับตัวดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย แม้จะยังเป็นภาวะที่เศรษฐกิจหดตัว แต่ก็มีอัตราลบที่ชะลอลง อย่างไรก็ตาม ภาพของแต่ละธุรกิจนั้นมีความแตกต่างกันไป บางธุรกิจเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว แต่บางธุรกิจก็ยังคงเผชิญปัญหาที่หนักหน่วง โดยภาพที่ปรากฏในปัจจุบัน มีทิศทางที่สำคัญ ได้แก่
การกลับมาสะสมสินค้าคงคลัง (Restocking) ของผู้ผลิตในต่างประเทศ อุตสาหกรรมส่งออกบางประเภท เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า มีทิศทางดีขึ้นโดยหดตัวในอัตราที่ชะลอลงในไตรมาสที่ 2/2552 เนื่องจากมีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเข้ามามากขึ้น เพื่อปรับระดับสต็อกสินค้า หลังจากธุรกิจตัดลดการผลิตและลดการสต็อกสินค้าอย่างรุนแรงในช่วงไตรมาสแรก อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน อุตสาหกรรมบางประเภท เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง ได้รับประโยชน์จากผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน (585 พันล้านดอลลาร์ฯ) ของรัฐบาลจีน ซึ่งนอกจากมีโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆ แล้ว ยังมีมาตรการกระตุ้นการซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและรถยนต์ ทั้งนี้ แม้ว่าทางการจีนจะประกาศใช้มาตรการ Buy Chinese ที่ให้โครงการภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใช้สินค้าภายในประเทศมาเป็นอันดับแรก แต่ก็ยังมีสินค้าหลายชนิดที่จีนผลิตได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ยังมีความต้องการสินค้าและวัตถุดิบจากประเทศไทยอยู่ ผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย การใช้จ่ายของรัฐภายใต้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 116.7 แสนล้านบาท ที่เข้ามาในรูปการลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน (เช่น 5 มาตรการ 6 เดือน และโครงการเรียนฟรี 15 ปี) รวมทั้งการเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนที่มีรายได้น้อย (เช่น การแจกเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท โครงการหลักประกันรายได้ผู้สูงอายุ และการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) ซึ่งเงินในกระเป๋าของประชาชน (รายได้สุทธิ) ที่เพิ่มขึ้นนี้ น่าจะช่วยให้มีเม็ดเงินส่วนหนึ่งไหลเวียนเข้าสู่ภาคธุรกิจผ่านการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งธุรกิจที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก ร้านอาหาร ธุรกิจขายตรง สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น ไข้หวัดใหญ่ฯ ... ปัจจัยซ้ำเติมภาคบริการ โดยการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ฯ ภายในประเทศที่ลุกลามกว่าที่คาดได้สร้างแรงกดดันเพิ่มมากขึ้นให้แก่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ซึ่งไม่เพียงแต่ชาวต่างชาติเท่านั้น แต่คนไทยเองก็อาจชะลอการเดินทางท่องเที่ยวในระยะที่การแพร่ระบาดยังคงกระจายไปอย่างรวดเร็ว นอกจากธุรกิจท่องเที่ยวแล้ว ธุรกิจบริการหลายประเภทก็มีโอกาสถูกกระทบ เช่น ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ โรงภาพยนตร์ สถานบันเทิง รวมทั้งธุรกิจด้านสันทนาการและกิจกรรมอีเวนต์ต่างๆ ที่ต้องอยู่ในสถานที่ปิดและมีผู้คนจำนวนมาก อาจมีผู้มาใช้บริการน้อยลงกว่าปกติ ซึ่งผลส่วนใหญ่น่าจะมีการรับรู้ในช่วงไตรมาสที่ 3/2552 ซึ่งเป็นช่วงที่การแพร่ระบาดภายในประเทศมีความรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม ในสภาวะที่อาการของโรคโดยทั่วไปยังมีระดับความอันตรายไม่มากนี้ ผลกระทบต่อธุรกิจอาจยังไม่ถึงขั้นรุนแรงมากนัก
ตัวแปรหลักช่วงครึ่งปีหลัง ... การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การเมือง และไข้หวัดใหญ่ฯ แนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 น่าจะมีปัจจัยบวกเพิ่มขึ้นกว่าในช่วงครึ่งแรก โดยความหวังที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนการฟื้นตัวของธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมาจากการฟื้นตัวของภาคส่งออก และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักของไทยน่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่รัฐบาลน่าจะสามารถเริ่มเดินหน้าลงทุนภายใต้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ธุรกิจที่มีโอกาสฟื้นตัว ประกอบด้วย สินค้าเกษตรและอาหาร น่าจะกระเตื้องขึ้นในครึ่งปีหลัง จากอุปสงค์ในตลาดต่างประเทศที่น่าจะมีทิศทางดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ราคากลับมาดีขึ้นกว่าในช่วงครึ่งแรก ขณะที่ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นน่าจะส่งผลดีต่อราคายางพาราและพืชพลังงาน สินค้าโภคภัณฑ์น่าจะมีราคาดีขึ้น ตามความต้องการในตลาดโลก การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในประเทศต่างๆ เช่น จีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง อาจทำให้ความต้องการสินค้าโลหะ เช่น เหล็ก ทองแดง อลูมิเนียม ที่เป็นวัตถุดิบที่ใช้ในงานก่อสร้างและวางระบบสาธารณูปโภค เพิ่มขึ้น ตลาดส่งออกสินค้าผู้บริโภคมีโอกาสฟื้นตัว แต่พฤติกรรมการใช้จ่ายยังระมัดระวัง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักน่าจะส่งผลให้ผู้บริโภคมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทำให้สินค้าสำหรับผู้บริโภคน่าจะฟื้นตัวได้ก่อน โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าจำเป็น อย่างไรก็ตาม การแข่งขันด้านราคาน่าจะมีความรุนแรง ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายต่อผู้ประกอบการไทยในภาวะที่ต้นทุนการผลิตของไทยอาจสูงกว่าบางประเทศ ขณะที่รัฐบาลของบางประเทศอาจใช้นโยบายด้านภาษีหรืออัตราแลกเปลี่ยนช่วยเหลือผู้ส่งออกของประเทศตน สำหรับสินค้าทุนอาจมีโอกาสฟื้นตัวล่าช้า เนื่องจากธุรกิจยังมีกำลังการผลิตส่วนเกินเหลืออยู่มาก ขณะที่โครงการลงทุนภายใต้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่มักมุ่งเน้นการซื้อสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ การส่งออกสินค้าประเภททุนไปสู่โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรงจึงมีโอกาสไม่มากนัก แต่ผู้ประกอบการที่ผลิตชิ้นส่วนและวัตถุดิบอาจมีโอกาสป้อนสินค้าให้แก่ผู้ผลิตในประเทศเหล่านั้น ธุรกิจก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างภายในประเทศน่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น ถ้ารัฐบาลเริ่มเดินหน้าโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ถนนไร้ฝุ่น โรงเรียน สถานีอนามัยและโรงพยาบาลในท้องถิ่น ซึ่งจะทำให้ผู้รับเหมารายย่อยและร้านวัสดุก่อสร้างที่กระจายในจังหวัดต่างๆ มียอดขายกระเตื้องขึ้น ขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจมีปัจจัยกระตุ้นจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจจะส่งผลให้มีการเร่งซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ให้ทันก่อนสิ้นปี ส่วนยอดขายสินค้าคงทนอื่นๆ เช่น รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ไอที อาจมีโอกาสทำยอดขายได้เพิ่มขึ้นกว่าในช่วงครึ่งแรก ธุรกิจด้านสุขภาพและการรักษาพยาบาลน่าจะขยายตัวดีขึ้น แม้การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ฯ มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบในทางลบต่อเศรษฐกิจโดยรวม แต่จำนวนผู้มีอาการป่วยที่เพิ่มจำนวนขึ้นน่าจะส่งผลบวกต่อธุรกิจโรงพยาบาลและบริการทางการแพทย์ ที่มีผู้มารับการตรวจรักษาเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน สินค้าที่เกี่ยวกับกับการป้องกันและรักษาโรค เช่น เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ชุดตรวจสอบการติดเชื้อ หน้ากากอนามัย น้ำยาฆ่าเชื้อโรค ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาความสะอาด และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ มีแนวโน้มยอดขายสูงขึ้นจากกระแสการเอาใจใส่ต่อสุขภาพอนามัย ขณะเดียวกัน การหลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในที่ชุมชนอาจส่งผลให้คนใช้เวลาอยู่กับบ้านมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นโอกาสสำหรับสินค้าและบริการบางประเภท เช่น บริการส่งอาหารตามบ้าน (Home Delivery) ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทาน โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ธุรกิจอินเทอร์เน็ต หรือ e-Commerce เป็นต้น
ท่ามกลางโอกาสที่อาจจะมีมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกยังอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอนหลายด้าน โดยตัวแปรสำคัญที่อาจกลายมาเป็นความเสี่ยงทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังมี 3 ประการหลัก คือ ประการแรก ความต่อเนื่องของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศชั้นนำยังคงอยู่ภายใต้ปัจจัยเสี่ยงด้านการว่างงาน และความแข็งแรงของสถาบันการเงิน ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญที่สนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างมั่นคงได้หากรัฐบาลของประเทศต่างๆ ค่อยๆ ถอนตัวออกจากบทบาทการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีการอัดฉีดเม็ดเงินลงไปเป็นมูลค่ามหาศาล ประการที่สอง ตัวแปรสำคัญภายในประเทศยังคงเป็นประเด็นทางการเมือง เสถียรภาพของรัฐบาลจะมีผลอย่างมากต่อการสร้างความเชื่อมั่นที่มีต่อประเทศไทยในสายตาของชาวต่างชาติ อีกทั้งยังมีผลต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจให้มีความคืบหน้า ซึ่งประเด็นท้าทายสำหรับรัฐบาลคือการดูแลสถานการณ์ความขัดแย้งของขั้วการเมืองไม่ให้กลายเป็นเงื่อนไขที่จะนำไปสู่เหตุการณ์ความรุนแรงดังเช่นในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังอยู่ที่การประคับประคองเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งการรักษาฐานสนับสนุนจากประชาชน และประการสุดท้าย คือ ความเสี่ยงของการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ฯ ในระดับที่รุนแรงขึ้น ซึ่งหากมีการพัฒนาการของเชื้อจนมีระดับอาการที่เป็นอันตรายมากขึ้นกว่าปัจจุบันก็อาจก่อผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ซึ่งจะกลายเป็นปัจจัยฉุดรั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระดับโลกได้ ขณะเดียวกัน หากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคนี้ยืดเยื้อยาวนานไปจนถึงปลายปี ก็จะกระทบช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ภาคการท่องเที่ยวและการบริการทรุดตัวลงมากกว่าที่คาด
ธุรกิจเอสเอ็มอี ... แม้ยังเผชิญความเสี่ยง แต่มีโอกาสปรับตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี มีแนวโน้มที่จะหดตัวในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกในช่วงที่ผ่านมา ต่อธุรกิจเอสเอ็มอีอาจมีความรุนแรงน้อยกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ เนื่องจากภาคเศรษฐกิจที่ถดถอยรุนแรงส่วนใหญ่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นการส่งออก ขณะที่ธุรกิจเอสเอ็มอีโดยส่วนใหญ่แล้วอยู่ในภาคการบริการ และมีการพึ่งพาการส่งออกไม่สูงนัก ซึ่งถ้าพิจารณาจากตัวเลขจีดีพีในไตรมาสที่ 1/2552 จะเห็นได้ว่าภาคบริการหดตัวน้อยกว่าภาคอุตสาหกรรมที่ติดลบถึงร้อยละ 14.9 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยภาคโรงแรมและภัตตาคาร หดตัวร้อยละ 5.0 ส่วนภาคการค้าและซ่อมแซมสิ่งของ หดตัวร้อยละ 4.0 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากธุรกิจเอสเอ็มอีมีความทานทนต่อแรงกดดันทางธุรกิจน้อยกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ จึงอาจเป็นสาเหตุให้ธุรกิจเอสเอ็มอีจำนวนไม่น้อยที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องและอยู่ในสภาวะยากลำบาก
ในช่วงครึ่งปีหลัง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าธุรกิจเอสเอ็มอีน่าจะได้รับปัจจัยหนุนเช่นเดียวกับธุรกิจโดยรวม โดยธุรกิจที่ขยายตัวได้ในช่วงที่ผ่านมา และน่าจะมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์น้ำตาล เคมีภัณฑ์ เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ สิ่งพิมพ์ บริการซ่อมแซมรถยนต์และอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ และธุรกิจด้านสื่อสารโทรคมนาคม เป็นต้น ธุรกิจมีปัญหาในช่วงที่ผ่านมา แต่อาจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น เช่น วัสดุก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์เหล็ก ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานยนต์ และธุรกิจขนส่ง ขณะที่ธุรกิจส่งออกที่น่าจะมีทิศทางดีขึ้นแต่อาจเผชิญการแข่งขันรุนแรง เช่น สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อัญมณีและเครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์ หนังและผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง ผลิตภัณฑ์พลาสติก สำหรับธุรกิจที่ยังมีความเสี่ยงค่อนข้างมาก ได้แก่ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและโรงแรม เป็นต้น ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของเอสเอ็มอีอาจอยู่ที่ความรุนแรงของการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ฯ ซึ่งธุรกิจที่อาจถูกกระทบมากคาดว่าจะอยู่ในภาคบริการ ซึ่งจะสร้างความเสี่ยงให้แก่ธุรกิจเอสเอ็มอีในกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน โดยสรุป แม้จะมีการมองว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดของวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี ไปแล้วในไตรมาสแรก (ที่จีดีพีหดตัวลงถึงร้อยละ 7.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) สะท้อนจากเครื่องชี้เศรษฐกิจโดยรวมที่ปรับตัวดีขึ้น โดยมีการหดตัวในอัตราที่ชะลอลง อย่างไรก็ตาม จุดเริ่มของการฟื้นตัวของแต่ละธุรกิจนั้นอาจมีความแตกต่างกันไป บางธุรกิจเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว แต่บางธุรกิจก็ยังคงเผชิญปัญหาที่หนักหน่วง
ปัจจัยที่สนับสนุนให้ธุรกิจบางสาขาเริ่มปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสที่ 2/2552 ที่สำคัญเป็นผลมาจากการกลับมาสะสมสินค้าคงคลัง (Restocking) ของผู้ผลิตในต่างประเทศ อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน และผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย ซึ่งธุรกิจที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่ามีทิศทางดีขึ้นในไตรมาสที่ 2/2552 อาทิ อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยาง ธุรกิจค้าปลีก เป็นต้น ส่วนธุรกิจที่คาดว่ายังคงประสบปัญหาค่อนข้างหนัก ได้แก่ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว สายการบิน และธุรกิจขนส่ง ซึ่งการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ภายในประเทศที่ลุกลามกว่าที่คาดได้สร้างแรงกดดันให้แก่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว รวมถึงธุรกิจบริการหลายประเภท เช่น ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ธุรกิจด้านบันเทิงและสันทนาการ
สำหรับแนวโน้มในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 ภาพรวมของปัจจัยทั้งภายนอกและภายในประเทศ น่าจะมีทิศทางเป็นบวกเพิ่มขึ้นกว่าในช่วงครึ่งแรก โดยความหวังที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนการฟื้นตัวของธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมาจากการฟื้นตัวของภาคส่งออก ตามทิศทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักของไทย นอกจากนี้ ยังคาดหวังผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่น่าจะมีโครงการลงทุนขนาดเล็กภายใต้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 เริ่มดำเนินการได้บ้าง หลังรัฐบาลสามารถจัดหาแหล่งเงินทุนโดยการออกพันธบัตรภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 วงเงิน 400,000 ล้านบาท ที่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว ธุรกิจที่มีโอกาสฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะประกอบด้วย สินค้าเกษตรและอาหาร สินค้าโภคภัณฑ์ประเภทโลหะพื้นฐาน ตลาดส่งออกสินค้าผู้บริโภค ธุรกิจก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง สินค้าและบริการด้านสุขภาพและการรักษาพยาบาล ธุรกิจ Home Delivery ธุรกิจ e-Commerce เป็นต้น ในด้านผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอี ก็น่าจะมีปัจจัยบวกมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ตามแนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุนของภาครัฐ ขณะที่ความพยายามของทางการในการเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการผ่านสถาบันการเงินของรัฐ และการปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนก็น่าจะช่วยบรรเทาปัญหาของผู้ประกอบการได้ในระดับหนึ่ง
สำหรับปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังมี 3 ประการหลัก คือ ความต่อเนื่องของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ประเด็นทางการเมืองในประเทศ ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติ อีกทั้งยังมีผลต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจให้มีความคืบหน้า และสุดท้ายคือ ความกังวลต่อการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ฯ ในระดับที่รุนแรงขึ้น ------------------------------------------
...
Create Date : 11 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 11 กรกฎาคม 2552 2:38:14 น. |
|
2 comments
|
Counter : 767 Pageviews. |
|
|
|
โดย: be-oct4 วันที่: 11 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:37:14 น. |
|
|
|
โดย: ok na IP: 125.24.125.177 วันที่: 25 ธันวาคม 2552 เวลา:2:17:59 น. |
|
|
|
|
|
|
|
อิอิอิ