Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
13 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 

. . . ตรึงราคาสินค้าถึงสิ้นปี--น้ำมันลดราคา--ทองคำต่ำสุดรอบ 7 เดือน. . .

. . .

ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ผงซักฟอก สบู่ ยาสีฟันจะตรึงราคาเดิมถึงสิ้นปีนี้


นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังหารือผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคหมวดของใช้ในชีวิตประจำวัน 20 ราย เช่น ผงซักฟอก สบู่ ยาสีฟัน ฯลฯ ว่า ผู้ประกอบการระบุว่า จะตรึงราคาสินค้าจนถึงสิ้นปี และหากสินค้ารายการใดมีต้นทุนลดลงจะปรับลดราคาลงด้วย ดังนั้น หากประชาชนพบว่ามีการปรับราคาโดยไม่ได้อนุญาตสามารถแจ้งมายังสายด่วน 1569 ของกรมการค้าภายในได้

สำหรับการปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์นม และน้ำมันพืช นายไชยากล่าวว่า จะต้องพิจารณาจากต้นทุนของผู้ประกอบการอีกครั้งตามความเหมาะสม หากมีเหตุผลสมควรก็จะพิจารณาให้ปรับราคาสินค้า เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถอยู่ได้ และมีสินค้ากระจายอยู่ในตลาดด้วย โดยจะเชิญกลุ่มผู้ประกอบการมาหารือกับกระทรวงพาณิชย์ต่อไป

“สิ่งที่เป็นห่วงขณะนี้คือ อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย แม้ราคาน้ำมันปรับลดลง แต่เงินเฟ้อเฉลี่ยแต่ละเดือนยังมีแนวโน้มสูงที่ร้อยละ 7-8 กระทรวงพาณิชย์ จึงต้องพยายามดูแลทุกด้านไม่ให้เงินเฟ้อสูงกว่านี้ และอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีจะพยายามให้อยู่ระดับร้อยละ 5-8 ซึ่งเชื่อว่าน่าจะสามารถทำได้ หากทุกฝ่ายร่วมมือกัน” นายไชยา กล่าว

. . .



กระทรวงพลังงานยังไม่มีแผนปรับราคาก๊าซแอลพีจี


นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานยังไม่ได้ปรับขึ้นราคาของก๊าซแอลพีจี ทั้งภาคขนส่งและครัวเรือน โดย สนพ.และกรมธุรกิจพลังงานอยู่ระหว่างหารือร่วมกันเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันการถ่ายเทก๊าซจากภาคครัวเรือนไปสู่ยานยนต์และอุตสาหกรรม หลังจากมีการประกาศราคาก๊าซ 2 ราคา โดยยังไม่ได้มีการกำหนดสูตรว่าจะปรับเป็นขั้นบันได 5-25 บาทต่อลิตรตามข่าว แต่เห็นว่าราคาควรปรับขึ้นเพื่อสะท้อนข้อเท็จจริงบ้างโดยคงทยอยปรับราคาขึ้น

การปรับราคาก๊าซจะต้องผ่านการพิจารณาจากคณะทำงานแก้ไขปัญหาการขาดแคลนก๊าซปิโตรเลียม ที่มีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน ก่อนเสนอให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มี พล.ท.(หญิง) พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธานพิจารณา แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการเรียกประชุมแต่อย่างใด

นายวีระพล กล่าวว่า แม้ราคาก๊าซแอลพีจีจะมีการปรับขึ้น แต่เชื่อว่าปริมาณการใช้แอลพีจี ยังคงพุ่งสูง เพราะฐานรถยนต์ผู้ใช้แอลพีจียังมีปริมาณสูง และประเทศไทยยังต้องนำเข้าแอลพีจีต่อไป

สนพ.ระบุว่า การใช้แอลพีจีในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.5 มาอยู่ที่ระดับ 2.32 ล้านตัน การใช้ก๊าซภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4, ภาคขนส่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.6, และภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.6 และภาคการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6

สัดส่วนการใช้ก๊าซภาคครัวเรือนมีการใช้สูงสุดอัตราร้อยละ 44, ภาคขนส่งมีสัดส่วนการใช้ร้อยละ 15, ภาคอุตสาหกรรมมีสัดส่วนใกล้เคียงกับภาคขนส่งที่ร้อยละ 15

นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่าในเรื่องมาตรการดูแลความปลอดภัย คงจะไม่มีการใช้สารน็อคเครื่องยนต์ในกรณีการนำก๊าซจากครัวเรือนมาใช้ในรถยนต์แต่อย่างใด แต่จะใช้การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเห็นถึงความไม่ปลอดภัยหากมีการถ่ายเทก๊าซ และเป็นการกระทำผิดกฎหมาย นอกจากนี้จะพิจารณาว่าจะใช้กฎหมายอื่น หรือจะขอความร่วมมือ จากหน่วยงานอื่นที่จะมาดูแลการถ่ายเทก๊าซระหว่างโรงบรรจุก๊าซไปยังสถานีบริการน้ำมันต่างๆ ซึ่งจะต้องเข้มงวดหากมีการกำหนดราคาก๊าซ 2 ราคา

. . .



ราคาน้ำมันลดลงอีกลิตรละ 60 สตางค์ มีผลเช้าวันที่ 14 ส.ค.


บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บมจ.บางจากปิโตรเลียม ประกาศปรับลดราคาน้ำมันทุกประเภท 60 สตางค์ต่อลิตร มีผลเวลา 05.00 น.วันพรุ่งนี้ (14 ส.ค.) เป็นต้นไป เป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมัน เป็นดังนี้

เบนซิน 91 ราคาอยู่ที่ 36.29 บาทต่อลิตร
แก๊สโซฮอล์ 95 ราคาอยู่ที่ 28.79 บาทต่อลิตร
แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 27.99 บาท
แก๊สโซฮอล์ อี 20 ลิตรละ 27.49 บาท
ดีเซล ราคาอยู่ที่ 33.64 บาทต่อลิตร

ปัจจัยที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกอ่อนตัวลง เนื่องมาจากความต้องการใช้น้ำมันของสหรัฐฯ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2551 นี้ ลดลงถึง 800,000 บาร์เรลต่อวัน ในขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวแข็งค่าขึ้น และเศรษฐกิจในหลายประเทศเริ่มชะลอตัว อีกทั้งประธานาธิบดีรัสเซียได้สั่งหยุดปฏิบัติการทางทหารในจอร์เจีย ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอ่อนตัวลง โดยในวันที่ 13 ส.ค. 51 น้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 110.70 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์ เบนซิน95 อยู่ที่ 111.90 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 129.81 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล

. . .



ราคาทองคำลดลงต่ำสุดในรอบ 7 เดือน


สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็ง ราคาน้ำมันที่ลดลง และตลาดหุ้นโลกที่กลับมาคึกคัก ส่งผลให้ราคาทองคำปรับลงไปแล้ว 22 % หรือลดต่ำที่สุดในรอบ 7 เดือน นับจากที่เคยขึ้นไปสูงสุดที่ 1,032.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวันที่ 17 มีนาคม โดยราคาซื้อขายทองคำในฮ่องกงเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ปิดตลาดลดลงอย่างแรง เหลือ 809.50-810.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากราคาปิดวันก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 863-864 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำขาวและเงิน ก็ลดลงมากถึง 36% และ 33% ตามลำดับเมื่อนับจากจุดที่เคยขึ้นไปสูงสุด

นายปีเตอร์ แม็คไกวร์ กรรมการผู้จัดการทั่วไปของคอมโมดิตี้ วอแรนต์ ออสเตรเลีย กล่าวว่า ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างมาก ทำให้สินค้าประเภทโลหะมีค่าซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนน้อยลง ผิดกับช่วงที่เงินดอลลาร์อ่อนที่นักลงทุนต้องโหมเข้าลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์รวมทั้งน้ำมันเพื่อลดความเสี่ยง

นายไมเคิล แอรอนสไตน์ หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของออสการ์ กัส แอนด์ ซัน ในนิวยอร์ก กล่าวว่า ยุคบูมของสินค้าโภคภัณฑ์กำลังจะเลือนหายไป อย่างน้อยก็อีกหลายปี เพราะความต้องการทั่วโลกลดลง

สำหรับราคาขายทองคำแท่งในประเทศตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเคลื่อนไหวสูงกว่าระดับบาทละ 13,000 บาทมาโดยตลอด ขึ้นไปสูงสุดครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ระดับ 15,150 บาท หลังจากนั้นแกว่งตัวและลงไปที่ระดับต่ำสุดบาทละ 12,950 บาทเมื่อวันที่ 2 พ.ค. หลังจากนั้นราคาปรับขึ้นไปที่จุดสูงสุดอีกครั้งเมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ระดับ 15,450 บาท ปัจจุบันราคาขายทองคำแท่งอยู่ที่ระดับ 13,250 บาท ลดลง 14% จากระดับสูงสุด

. . .



คลังกำหนดดอกเบี้ยพันธบัตรออมทรัพย์อายุ 3 ปี ที่ร้อยละ 4.6


สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง แจ้งว่า ตามที่กระทรวงการคลังได้แจ้งกำหนดการออกพันธบัตรออมทรัพย์ ในปีงบประมาณ 2551 ครั้งที่ 11 รุ่นอายุ 3 ปี วงเงิน 800 ล้านบาท โดยจะจำหน่ายระหว่างวันที่ 15 – 26 ส.ค. 2551 ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา

กระทรวงการคลัง จึงกำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับพันธบัตรออมทรัพย์ ในปีงบประมาณ 2551 เป็นอัตราร้อยละ 4.60 ต่อปี

. . .



กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าระบายข้าว 4 ล้านตัน ให้เสร็จภายในเดือน ต.ค.นี้


นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้มีการระบายข้าวด้วยวิธีเสนอราคา โดยจะเน้นที่ผู้ส่งออก ไม่นำกลับมาขายในประเทศ ซึ่งจะกำหนดราคาขายเบื้องต้นตันละ 7,000 บาท ผู้ประกอบการจะต้องมีคำสั่งซื้อและมีการวางหลักทรัพย์ค้ำประกันตามเกณฑ์ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด จึงจะสามารถยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวจำนวนดังกล่าวได้

คาดว่าจะระบายข้าวในสต๊อก 2.1 ล้านตัน เสร็จสิ้นภายในเดือนกันยายนนี้ ส่วนข้าวนาปรังซึ่งเป็นข้าวใหม่ขณะนี้มีประมาณ 1 ล้านตันข้าวเปลือก ภาครัฐจะเปิดให้ยื่นซองเสนอราคาภายในเดือนตุลาคมนี้ เนื่องจากข้าวนาปรังติดหลักเกณฑ์การรับจำนำและไถ่ถอน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเร่งระบายทั้งข้าวเก่าและข้าวใหม่กว่า 4 ล้านตัน ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนตุลาคม เนื่องจากเดือนพฤศจิกายน จะเริ่มฤดูเก็บเกี่ยวข้าวนาปี

สำหรับการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี พยายามผลักดันให้ราคารับจำนำอยู่ในระดับที่เกษตรกรรับได้ โดยในเบื้องต้น ราคารับจำนำข้าวเปลือกเจ้าจะอยู่ระดับ 15,000 บาทต่อตัน และข้าวเปลือกหอมมะลิ 19,000 บาทต่อตัน จะเสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป

นพ. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การที่กระทรวงพาณิชย์ต้องการดูแลโครงการรับจำนำข้าวนั้น ตนได้มีการหารือในเบื้องต้นกับนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่าจะยังให้คงอยู่ในความดูแลของคณะทำงานที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งทั้ง 3 ชุด ถึงวันที่ 15 กันยายน 2551 โดยคณะกรรมการทั้ง 3 ชุด ประกอบด้วย คณะกรรมการรับจำนำ, คณะกรรมการดูแลคลังสินค้าและแปรสภาพ, และคณะกรรมการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หลังจากนั้นจะพิจารณาว่าควรดำเนินการอย่างไรต่อไป

. . .



ดร.โกร่ง ระบุต้องดูแลให้เศรษฐกิจเติบโตสูงกว่า 5% และเงินเฟ้อ 2-5% โดยต้องใช้นโยบายการเงิน และการคลังให้สอดคล้องกัน


นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒินายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ กล่าวบรรยายพิเศษ “รู้ทันเงินเฟ้อรู้ทันอนาคต” ภายในงาน 60 ปี ดัชนีการค้าไทย ของกระทรวงพาณิชย์ ว่าการบริหารเศรษฐกิจ มีเป้าหมายสำคัญที่การดูแลการขยายตัวทางเศรษฐกิจ, ดูแลอัตราเงินเฟ้อ, ดูแลดุลการค้า ดุลบัญชีเดินสะพัด และการมีเสถียรภาพทางการเมือง นอกจากนี้ยังต้องดูแลเงินทุนที่ไหลเข้า-ออกอีกด้วย

นายวีระพงษ์กล่าวว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) ที่เหมาะสมของไทย ควรจะอยู่ในระดับ 5% ขึ้นไป ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่เหมาะสมควรอยู่ในช่วง 2-5% และไม่ควรต่ำกว่า 2% เพราะหากเงินเฟ้อต่ำกว่า 2% อาจส่งผลให้เกิดปัญหาทางจิตวิทยาเรื่องภาวะเงินฝืด

ส่วนการดูแลดุลการค้า ดุลบัญชีเดินสะพัด จะต้องดูแลอย่างไรไม่ให้ขาดดุลการค้าหรือดุลบัญชีเดินสะพัดนานเกินไป แต่ไม่ได้หมายความว่าดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลไม่ได้ ซึ่งภาครัฐจะต้องดูแล รวมถึงเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจและเข้ามาลงทุนในไทย

ที่สำคัญการดูแลเป้าหมายทางเศรษฐกิจเหล่านี้จะต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน หากไม่มีเป้าหมายชัดเจน หรือทำงานไม่ประสานกันก็จะทำให้มีปัญหา
นายวีระพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้เป้าหมายทางเศรษฐกิจแต่ละตัวมีแต่ละหน่วยงานดูแลแยกกันอยู่ ยังไม่มีการประสานงานให้มีความชัดเจนว่า การดูแลเศรษฐกิจของประเทศควรจะมีเป้าหมายใดเป็นตัวนำ

ในเรื่องการดูแลเงินเฟ้อ นายวีระพงษ์ กล่าวว่าทุกฝ่ายที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแลจะต้องประสานกัน ในการใช้มาตรการดูแลอัตราเงินเฟ้อให้เหมาะสม ทั้งในส่วนของนโยบายการเงิน และนโยบายการคลัง หากตัดสินใจผิดจะทำให้ได้ไม่คุ้มเสีย นอกจากจะไม่สามารถจัดการกับอัตราเงินเฟ้อได้แล้ว จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศได้รับผลกระทบด้วย

นายวีรพงษ์ กล่าวว่า การใช้นโยบายการคลังเปรียบเหมือนยาหม้อที่ใช้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งออกฤทธิ์ช้าแต่ไม่มีผลข้างเคียง ขณะที่การใช้นโยบายการเงิน จะเห็นผลเร็วแต่ผลข้างเคียงค่อนข้างรุนแรง

ดังนั้น ต้องใช้นโยบายการเงิน และการคลังให้สอดคล้องกัน หากเดินไปในทิศทางเดียวกันจะทำให้เศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพ แต่หากใช้ด้านใดด้านหนึ่งก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก ซึ่งต้องช่วยกันดูแล เพราะขณะนี้นักลงทุนหลายประเทศกังวลใจในเรื่องอัตราเงินเฟ้อ ต้องดูแลไม่ให้สูงขึ้นหรือลดลงมากเกินไป และทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ขยายตัวสม่ำเสมอ และเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลังคาดการณ์การขยายตัวของจีดีพีในไตรมาส 3 และ 4 ที่ 5.3 - 5.5% ขณะที่ยังคงคาดการณ์จีดีพีทั้งปีนี้โต 5.0-6.0% ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์การขยายตัวของจีดีพี ปี 51 โต 4.8-5.8% หลังมองว่าการบริโภคและการลงทุนฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้

ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป(CPI) ในเดือนก.ค.51 เพิ่มขึ้น 9.2% จากเดือนก.ค.50 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปี เป็นผลจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่ช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ CPI เฉลี่ยเพิ่ม 6.6%

นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ดัชนีเงินเฟ้อในช่วง 4 เดือนก่อนสิ้นปี มีแนวโน้มลดลง ตามภาวะราคาน้ำมันที่ลดลง แต่ยังถือว่ามีความเสี่ยงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ลดลง เป็นสัญญาณการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก
นางอัจนากล่าวว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นมาตรการที่ถูกต้อง ไม่ถือว่าเป็นมาตรการที่รุนแรง เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยสามารถรองรับได้ และการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการหยุดการคาดการณ์ภาวะเงินเฟ้อของเอกชน เพื่อชะลอการขึ้นราคาสินค้าในอนาคต

นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ตั้งเป้าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยปีนี้อยู่ระดับร้อยละ 5-6 แต่จะเป็นไปได้หรือไม่ต้องติดตาม อย่างไรก็ตามหากดูค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อของไทยในช่วงที่ผ่านมาจากปัญหาราคาน้ำมัน ทำให้เงินเฟ้อของไทยขยับตัวสูงขึ้นประมาณร้อยละ 7-8 ถือว่าค่อนข้างสูง

. . .



กระทรวงการคลังพร้อมเดินหน้าผลักดันร่าง กม.ที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง


นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมจะเสนอ พ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใน 1 เดือน นับจากนี้ โดยเห็นว่าเป็นกฎหมายสำคัญที่มีการใช้กันในหลายประเทศ จึงต้องเดินหน้าผลักดันให้เกิดขึ้นต่อไป เพียงแต่การบังคับใช้กฎหมายต้องใช้เวลา ดังนั้นจะต้องสื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจก่อน

"กฎหมายนี้มีการศึกษากันมากว่า 10 ปีแล้ว แต่ยังทำไม่สำเร็จ ผมเห็นเรื่องนี้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเห็นว่าเป็นกฎหมายสำคัญ เป็นกฎหมายตามหลักสากล จึงควรผลักดันให้กฎหมายมีผลบังคับใช้"

รมว.คลัง กล่าวว่า การเก็บภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างจำเป็นต้องสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น เช่น การใช้ประโยชน์ในที่ดินในด้านต่างๆ เช่น เพื่อการอยู่อาศัย, เกษตรกรรม หรือเชิงพาณิชย์ โดยจะมีการจัดเก็บอัตราภาษีที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับการใช้ประโยชน์ในที่ดิน พร้อมย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้ต้องการขยายฐานภาษีเพื่อหารายได้ แต่ต้องการสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นกับระบบภาษี นอกจากนี้ยังเตรียมผลักดันการจัดเก็บภาษีมรดก โดยเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาเช่นกัน


. . .




 

Create Date : 13 สิงหาคม 2551
3 comments
Last Update : 13 สิงหาคม 2551 18:23:08 น.
Counter : 643 Pageviews.

 


เรื่องของเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนจริงๆ เลยนะคะ คำว่าเสถียรภาพไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะคะ

ขอบคุณความรู้ดีๆ ค่ะ มีประโยชน์จังค่ะกับงานที่ทำ เลยต้องรบกวนทุกวัน ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

 

โดย: ทิวาจรดราตรี 13 สิงหาคม 2551 22:20:27 น.  

 

//komn.blogth.com

 

โดย: komn IP: 124.120.162.110 14 สิงหาคม 2551 9:29:27 น.  

 

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆที่นำมาเสนอให้อ่านค่ะ

 

โดย: jomo IP: 125.25.212.75 14 สิงหาคม 2551 13:15:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.