Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
10 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 

. . . เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง . . .

. . .

“เงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่อง
ขณะที่ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์”

โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย


ตลาดเงินและตลาดอัตราแลกเปลี่ยน

อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นยังค่อนข้างนิ่ง โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมามีการทยอยไหลกลับเข้ามาของสภาพคล่องหลังจากการเบิกถอนเงินสดของลูกค้าในช่วงสิ้นเดือน ในขณะที่มีการตัดจ่ายเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายผ่านระบบธนาคารในช่วงปลายสัปดาห์ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ประเภทกู้ยืมข้ามคืน (Overnight) หนาแน่นทั้งสัปดาห์ที่ระดับ 3.49% เทียบกับ 3.48-3.49% ในสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วนอัตราผลตอบแทนถัวเฉลี่ยที่ประมูลได้ของธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตรแบบทวิภาคี (Bilateral Repo) ระยะ 1, 7 และ 14 วัน ยังคงปรับตัวใกล้ระดับ 3.50% อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ไว้ที่ 2.00% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 5 สิงหาคม 2551

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย ประเภทอายุ 5 ปี (TH5YY) ปิดที่ระดับ 4.70% ในวันศุกร์ ขยับขึ้นเล็กน้อยจาก 4.69% เมื่อวันศุกร์ก่อนหน้า ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะกลางและระยะยาวอื่นๆ ปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง จากการที่นักลงทุนได้บรรเทาความกังวลลงต่อความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อหลังจากที่สัปดาห์นี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกดิ่งตัวลงค่อนข้างมาก

ด้านตลาดพันธบัตรสหรัฐฯนั้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ประเภทอายุ 10 ปี (US10YY) ปิดที่ระดับ 4.21% ในวันพฤหัสบดี ขยับลงจาก 4.26% เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับขึ้นในวันจันทร์ วันอังคาร และวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลต่อตัวเลขอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือน ก.ค. ที่เพิ่มขึ้น 0.3% โดยมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ซึ่งการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อดังกล่าวจะทำให้มูลค่าของพันธบัตรลดลง ยิ่งไปกว่านั้นการที่ตลาดวอลล์สตรีทพุ่งทะยานขึ้นและราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลงก็ทำให้นักลงทุนเทขายพันธบัตรออกมา โดยในวันที่ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา เฟดได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.00%

อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้ปรับลงในวันพฤหัสบดี เนื่องจากกระทรวงแรงงานของสหรัฐฯเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 4,550,000 จาก 4,480,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า กอปรกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ก็ทำให้นักลงทุนมีความวิตกต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯและกลับเข้ามาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอีกครั้ง


ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทในประเทศ (Onshore) อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ ในช่วงต้นสัปดาห์ เงินบาทปรับตัวในทิศทางที่อ่อนค่าลง โดยถูกกดดันจากความต้องการเงินดอลลาร์ฯ ของธนาคารต่างชาติ และความอ่อนแอของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของเงินบาทเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากยังคงมีแรงขายเงินดอลลาร์ฯ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่า เป็นการเข้าดูแลเสถียรภาพค่าเงินของธปท. ประกอบกับเงินบาทได้รับแรงหนุนในช่วงกลางสัปดาห์จากแรงขายเงินดอลลาร์ฯ ของผู้ส่งออก ตลอดจนแรงเทขายเงินดอลลาร์ฯ เพื่อทำกำไรของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม เงินบาทอ่อนค่าลงอีกครั้งในวันศุกร์โดยถูกกดดันจากแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ ของนักลงทุน ทั้งนี้ เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 33.68 (ตลาดเอเชีย) เทียบกับระดับ 33.53 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (1 สิงหาคม)


ในสัปดาห์นี้ (11-15 กรกฎาคม 2551) ธนาคารพาณิชย์จะมีการปิดสำรองสภาพคล่องรายปักษ์ในวันจันทร์และเข้าสู่ปักษ์ใหม่ในวันพุธ อีกทั้งจะมีการตัดจ่ายเงินภาษีมูลค่าเพิ่มรายเดือนผ่านระบบธนาคารในช่วงปลายสัปดาห์ด้วย ทั้งนี้คาดว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินน่าจะยังทรงตัวใกล้ระดับ 3.50% อย่างต่อเนื่อง

ส่วนเงินบาทในประเทศอาจมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 33.50-33.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยที่ควรจับตา ได้แก่ ปัญหาทางการเมือง แรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ ของผู้นำเข้าและนักลงทุนต่างชาติ ทิศทางของสกุลเงินในภูมิภาค และสัญญาณการเข้าแทรกแซงตลาดของธปท. ตลอดจนทิศทางเงินดอลลาร์ฯ ซึ่งจะขึ้นกับรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญประกอบด้วย ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิสู่ตลาดการเงินสหรัฐฯ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ เดือนมิถุนายน ดัชนีราคาผู้บริโภค ยอดค้าปลีก ผลผลิตอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิต ดัชนีราคานำเข้าและส่งออกเดือนกรกฎาคม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ (ขั้นต้น) จัดทำโดยรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน และผลสำรวจภาคการผลิตจัดทำโดยเฟดสาขานิวยอร์กเดือนสิงหาคม



 ภาวะตลาดทุน

 ตลาดหุ้นไทย “ดัชนี SET ปิดสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์”

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 690.70 จุด ปรับตัวขึ้น 1.77% จาก 678.66 จุดในสัปดาห์ก่อน แต่ร่วงลง 19.51% จากสิ้นปี 2550 ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้น 63.69% จาก 48,835.24 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 80,055.03 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่เพิ่มขึ้นจาก 9,767.05 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 16,011.01 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 250.52 จุด ขยับขึ้น 3.92% จาก 241.06 จุดในสัปดาห์ก่อน แต่ร่วงลง 8.02% จากสิ้นปีก่อน โดยนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิที่ 3,133.49 ล้านบาท และ 130.38 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิที่ 3,263.88 ล้านบาท

ในช่วงต้นสัปดาห์ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองในประเทศ รวมทั้งความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และแนวโน้มราคาน้ำมันที่ผันผวนทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน หลังจากนั้น ดัชนีฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงกลางสัปดาห์จากแรงซื้อเก็งกำไร ก่อนจะร่วงลงท้ายสัปดาห์

โดยในวันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงเล็กน้อย หลังเคลื่อนไหวในกรอบแคบตลอดวัน ด้วยมูลค่าการซื้อขายไม่ถึง 6 พันล้านบาท ซึ่งต่ำสุดในรอบกว่า 16 เดือน ท่ามกลางแรงขายในหุ้นกลุ่มแบงก์และอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่มีแรงซื้อหุ้นปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ซึ่งช่วยพยุงตลาดไม่ให้ปรับลงมากนัก อย่างไรก็ตาม ดัชนีปรับตัวลงต่อในวันอังคาร ตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ร่วงลง ขณะที่มีแรงเทขายหุ้นในกลุ่มพลังงานออกมามากจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง ส่งผลให้ดัชนีปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์

หลังจากนั้น ดัชนีฟื้นตัวขึ้นได้ในวันพุธ หลังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนตัวของราคาน้ำมันที่ช่วยคลายความกังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อ โดยหุ้นในกลุ่มแบงก์เพิ่มขึ้นกว่า 3% ตามด้วยกลุ่มขนส่ง อสังหาริมทรัพย์ พลังงาน และเทคโนโลยี ส่วนในวันพฤหัสบดี ดัชนีทะยานขึ้น และปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น และสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน หลังการกลับเข้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติในวันพุธ

นอกจากนี้ ยังได้รับแรงหนุนจากกระแสเงินลงทุนระยะสั้นที่เข้าเก็งกำไรในตลาดหุ้นหลังผลตอบแทนจากสินค้าโภคภัณฑ์มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนลดลง ขณะที่มีแรงซื้อหุ้นเข้ามาทุกกลุ่ม นำโดยแรงซื้อในกลุ่มพลังงานและแบงก์ ตามด้วยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เทคโนโลยี ขนส่ง และวัสดุก่อสร้าง ส่วนในวันศุกร์ ดัชนีปรับตัวลดลง จากแรงขายทำกำไร หลังดัชนีดีดตัวขึ้นแรงในวันก่อนหน้า โดยมีแรงเทขายนำหุ้นในกลุ่มพลังงาน และแบงก์ ตามด้วยอสังหาริมทรัพย์ เทคโนโลยี วัสดุก่อสร้าง และสื่อและสิ่งพิมพ์

สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์นี้ (11-15 สิงหาคม 2551) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยและบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีน่าจะปรับตัวขึ้นต่อ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยลบใหม่ๆ เข้ามา ขณะเดียวกันน่าจะมีแรงซื้อเก็งกำไรผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ โดยปัจจัยที่ต้องจับตาได้แก่ พ.ร.บ. คุ้มครองเงินฝากที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 ส.ค. และแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ รวมทั้งประเด็นทางการเมือง ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การปรับตัวของตลาดหุ้นในภูมิภาค และการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 680 จุด และแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 722 และ 737 ตามลำดับ

. . .




 

Create Date : 10 สิงหาคม 2551
4 comments
Last Update : 10 สิงหาคม 2551 17:17:11 น.
Counter : 565 Pageviews.

 

ขอบคุณครับพี่
น่าจะเป็นเรื่องที่ดีนะครับผมว่า

 

โดย: boyblackcat 10 สิงหาคม 2551 18:55:15 น.  

 

. . .

กระทรวงพาณิชย์นัดผู้ผลิตสินค้าในหมวดของใช้ประจำวัน หารือต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงภายหลังราคาน้ำมันปรับลดลง

นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในวันที่ 13 และ 15 สิงหาคมนี้ กรมการค้าภายในได้เชิญกลุ่มผู้ผลิตสินค้า 4 หมวด มาหารือเกี่ยวกับต้นทุนสินค้า
โดยในวันที่ 13 สิงหาคม จะหารือผู้ผลิตสินค้าในหมวดของใช้ประจำวัน กลุ่มวัสดุก่อสร้างทั้งหมด และในวันที่ 15 สิงหาคม จะหารือกับกลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์ภาคการเกษตร และกลุ่มสินค้ายานยนต์และอุปกรณ์รถยนต์ เพื่อร่วมกันพิจารณาทบทวนต้นทุนต่างๆ ว่าเป็นอย่างไร หลังจากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง

รวมถึงผลของการออก 6 มาตรการ 6 เดือนของรัฐบาล ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบลดลงมากน้อยเพียงใด เพื่อจะได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริง และนำเสนอต่อ นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พิจารณาข้อมูลที่ชัดเจนต่อไป

นายยรรยงกล่าวยืนยันว่า ขณะนี้ กรมการค้าภายในยังไม่อนุมัติให้รายการสินค้าใดปรับขึ้นราคา เพราะเห็นว่าหลังจากราคาน้ำมัน ตลาดโลกได้ปรับลดลง น่าจะส่งผลให้ต้นทุนสินค้าบางรายการมีผลกระทบบรรเทาลง

แม้ว่าขณะนี้ กลุ่มผู้ประกอบการน้ำมันถั่วเหลืองจะเรียกร้องภาครัฐ ขอขึ้นราคา โดยให้เหตุผลว่าไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุน วัตถุดิบ เช่น ถั่วเหลืองที่มีราคาแพงมาก เรื่องนี้ ภาครัฐกำลังพิจารณาหาแนวทางลดผลกระทบให้ผู้ประกอบการ และอยากแนะนำผู้บริโภค หากน้ำมันถั่วเหลืองมีราคาแพงควรหันไปใช้น้ำมันพืชที่ผลิตจากปาล์มแทนไปก่อน

นายยรรยง กล่าวว่า หากดูต้นทุนปาล์มดิบขณะนี้ปรับลดลงมามากแล้ว จากเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เฉลี่ยอยู่ที่ 36.50 บาทต่อกิโลกรัม แต่ขณะนี้ปรับลดเหลืออยู่ 26.50 บาทต่อกิโลกรัม ลดลงถึง 10 บาทต่อกิโลกรัม แต่การที่ราคาน้ำมันปาล์มยังไม่สามารถปรับลดราคาจำหน่ายปลีกลงมาได้มาก เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการแบกรับภาระต้นทุนต่างๆ แต่เชื่อว่า หากต้นทุนปรับลดลงเช่นนี้ โอกาสราคาจำหน่ายน้ำมันปาล์มจะปรับลดลงมาได้ในเร็วๆ นี้ ก็เป็นไปได้สูง

ส่วนการจัดงาน เมด อิน ไทยแลนด์ สเปเชียล 2551 ของกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ 8-17 สิงหาคมนี้ เวลา 10.00-21.00 น. ที่อิมแพ็คเมืองทองธานี ทางกรมการค้าภายในได้นำโครงการธงฟ้าราคาประหยัดมาร่วมงาน โดยได้นำสินค้าราคาพิเศษ 10 อย่าง 10 วัน มาจำหน่ายให้ประชาชน ได้แก่ สุกรเนื้อแดง 84 บาทต่อกิโลกรัม, ไข่ไก่ ถาดละ 50 บาท (30 ฟอง) ฟองละ 1.67 บาท, ข้าวสารขาว ขนาด 5 กิโลกรัม อยู่ที่ 119 บาท, ข้าวหอมมะลิ 149 บาท, น้ำมันพืชปาล์ม 1 ลิตร 41 บาท และสินค้าอื่นๆ ราคาถูกกว่าท้องตลาดร้อยละ 20-40 และในช่วงพิเศษบางรายการสินค้าลดลงมากกว่าร้อยละ 50

โดยในวันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันแม่แห่งชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเดินทางมาตรวจเยี่ยมงานด้วย

. . .



กระทรวงพาณิชย์คาดว่าผลของ 6 มาตรการ 6 เดือนช่วยลดปัญหาเงินเฟ้อเดือน ส.ค.อาจต่ำกว่า 8%

นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ คาดว่าผลจาก 6 มาตรการ 6 เดือนของรัฐบาล และแนวโน้นราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมาตรการบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพของกระทรวงพาณิชย์ที่ดำเนินการผ่านโครงการธงฟ้าต่างๆ น่าจะส่งผลให้ความวิตกกังวลปัญหาอัตราเงินเฟ้อในเดือนสิงหาคมนี้ลดลง จากประเมินทิศทางอัตราเงินเฟ้อในเดือนสิงหาคมเบื้องต้น คิดว่าจะไม่สูงเท่ากับเดือนกรกฎาคมที่ปรับขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 9.2 โดยอัตราเงินเฟ้อน่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 8 หรืออาจต่ำกว่านี้ได้

. . .



กระทรวงพลังงาน เร่งสรุปผลอุบัติเหตุถังเอ็นจีวีรถเมล์ร่วมบริการวันนี้(11 ส.ค.)

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (11 ส.ค.) คณะทำงานส่งเสริมการใช้เอ็นจีวี ซึ่งมี นายณอคุณ สิทธิพงษ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน จะประชุมกรณีเกิดอุบัติเหตุกับรถโดยสารร่วมบริการ ปากน้ำ-ศรีเอิ่ยม เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา จากปัญหาถังก๊าซไฟน์เทคที่นำเข้าจากเกาหลีใต้เกิดฉีกขาด คาดว่าคงได้ข้อสรุปว่าเกิดจากอะไร และคณะทำงานฯ จะได้วางมาตรการเพิ่มเติมในการติดตามดูแลป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นอีก

นายวีระพล กล่าวว่า ภาพรวมการใช้ก๊าซแอลพีจี ทั้งปี 2551 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.1 หลังรัฐบาลออกมาตรการตรึงราคาแอลพีจีในภาคครัวเรือน ที่กิโลกรัมละ 18.13 บาท ไปจนถึงสิ้นปีนี้ ในขณะที่การใช้แอลพีจีในภาคการขนส่งยังโตขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากมีราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซิน ส่งผลให้ประชาชนยังคงปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์มาใช้แอลพีจีในภาคการขนส่ง ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรม ราคาแอลพีจีถูกว่าน้ำมัน 27.09 บาทต่อลิตร ทำให้หันไปใช้แอลพีจีมากขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้เชื่อว่าการปรับขึ้นราคาแอลพีจีจะทำให้เกิดการชะลอตัวในประชาชนผู้ติดตั้งถังแอลพีจีรายใหม่ได้

ส่วนผลการดำเนินงานตามมาตรการลดภาษีสรรพสามิตแก๊สโซฮอล์ และน้ำมันดีเซล เพื่อลดค่าครองชีพประชาชนเป็นเวลา 6 เดือนนั้น จากการตรวจสต๊อกน้ำมัน พบว่า กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะต้องจ่ายชดเชยรวมประมาณ 3,000 ล้านบาท แม้จะสูงกว่าประมาณการเดิม 5-6 เท่าตัว แต่ก็ไม่เป็นภาระต่อกองทุนฯ แต่อย่างใด เพราะยังมีสภาพคล่องเพียงพอมีเงินสดสำรองเกือบ 17,000 ล้านบาท โดยเงินส่วนนี้คาดว่าจะได้คืนทั้งหมด หลังครบกำหนดลดภาระภาษี 31 มกราคม 2552 ซึ่งจะต้องมีการตรวจสต๊อกและมีการจ่ายคืนเงินต่อกองทุนฯ เช่นกัน

. . .



ลูกพาแม่ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินฟรีวันแม่


การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ร่วมกับ บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (บีเอ็มซีแอล) ร่วมจัดกิจกรรมวันแม่แห่งชาติ ยกเว้นค่าโดยสาร ลูกพาแม่ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินฟรีในวันที่ 12 ส.ค. และจัดกิจกรรมแนะนำและตรวจสุขภาพฟรีภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน

นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 76 พรรษา ในวันที่ 12 สิงหาคม 2551 และเนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ รฟม. และบีเอ็มซีแอล จึงได้ร่วมกันจัดกิจกรรมพิเศษ เช่น การยกเว้นค่าโดยสาร ลูกพาแม่ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินฟรีทุกสถานี ในวันที่ 12 สิงหาคม 2551 โดยลูกและแม่จะต้องแสดงตัวขอรับคูปองพิเศษที่ห้องออกบัตรโดยสารทั้ง 18 สถานี และจะต้องขึ้น-ลงสถานีเดียวกัน พร้อมรับดอกมะลิที่ระลึก “วันแม่แห่งชาติ” คู่ละ 1 ดอก

รฟม. ยังมีการจัดกิจกรรม “สถานีสุขภาพดีกับรถไฟฟ้ามหานคร” ในวันที่ 11 สิงหาคม 2551 ตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยได้รับความร่วมมือจาก โรงพยาบาลปิยะเวท ที่มาร่วมแนะนำให้ความรู้เรื่องสุขภาพเชิงวิชาการ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การเสวนาวิชาการ การตรวจสุขภาพเบื้องต้น การให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพเบื้องต้นกับพยาบาลวิชาชีพ การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด ตรวจวัดมวลไขมัน และตรวจหาค่าดัชนีมวลกาย นอกจากนี้ยังมีซุ้มกิจกรรมสนุกๆ และซุ้มถ่ายภาพที่ระลึกสำหรับแม่-ลูกฟรี

นอกจากนี้ รฟม.ได้จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “แม่แห่งแผ่นดินกับรถไฟฟ้าใต้ดินไทย” ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน จำนวน 3 สถานี ได้แก่ สถานีหัวลำโพง สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และสถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 7-31 สิงหาคม 2551 และตั้งโต๊ะลงนามถวายพระพร ณ สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่วันที่ 1–31 สิงหาคม 2551 เพื่อให้ผู้ใช้บริการและประชาชนทั่วไปได้ร่วมถวายพระพร ในโอกาสนี้ ภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินทุกแห่งจะเปิดเพลง “แม่แห่งแผ่นดิน” ซึ่งเป็นบทเพลงเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดบทเพลงดังกล่าวได้ที่www.bangkokmetro.co.th โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

. . .


 

โดย: loykratong 10 สิงหาคม 2551 20:25:15 น.  

 


ขิมทำของหาย เสียดายจังฮะ

 

โดย: ขิมทอง IP: 202.12.118.61 11 สิงหาคม 2551 17:13:11 น.  

 

//komn.blogth.com

 

โดย: http://komn.blogth.com IP: 124.120.162.110 14 สิงหาคม 2551 9:34:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.