. . . ลดราคาดีเซลลิตรละ 1 บาท - เบนซินลิตรละ 50 สตางค์ ---
. . .
ลดราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 1 บาท เบนซิน 50 สตางค์
วันนี้ (6 ส.ค.) ผู้ค้าน้ำมันทุกรายได้ประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 1 บาท และน้ำมันเบนซินลงลิตรละ 50 สตางค์ ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นดังนี้
เบนซิน 95 ลิตรละ 38.89 บาท เบนซิน 91 ลิตรละ 37.49 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 29.99 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 29.19 บาท ดีเซล ลิตรละ 35.84 บาท สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มอ่อนตัวลง จากการที่พายุโซนร้อน Edouard ในสหรัฐอเมริกา ไม่ทำให้เกิดความเสียหายมากนัก และสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ เหล็ก และน้ำมัน ราคาได้อ่อนตัวลงจากการเทขายของกองทุน ขณะเดียวกัน รัฐบาลจีนก็ได้จำกัดปริมาณการใช้รถยนต์ในช่วงที่จะมีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคเพื่อช่วยลดปัญหามลภาวะ
. . .
เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 2.00 ... สะท้อนความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
ในการประชุมวันที่ 5 สิงหาคม 2551 คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee: FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ไว้ที่ร้อยละ 2.00 ตามเดิม ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด
ทั้งนี้ มติคงดอกเบี้ยของเฟดในครั้งนี้ ถือเป็นการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เฟดได้ทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2550
อย่างไรก็ตาม มติด้วยคะแนนเสียง 10 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้ ได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนบางส่วน เนื่องจากมีนาย Richard W. Fisher ประธานเฟดสาขาดัลลัสเพียงท่านเดียวเท่านั้น ที่ลงมติคัดค้านการคงอัตราดอกเบี้ยและมีความเห็นว่าควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้ โดยก่อนหน้านี้นักลงทุนได้คาดการณ์ว่า จะมีเจ้าหน้าที่เฟดอีก 2 ท่าน ที่มีแนวโน้มจะลงมติคัดค้านการตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากเจ้าหน้าที่เฟดทั้ง 2 ท่านได้แสดงท่าทีในเชิงคุมเข้มนโยบายการเงินในช่วงที่ผ่านมา
แถลงการณ์หลังการประชุมเฟด:- หลังจากที่เฟดได้ส่งสัญญาณว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ถูกปรับลงมาถึงจุดต่ำสุดแล้วในการประชุมรอบก่อนหน้านี้ (24-25 มิถุนายน 2551) แถลงการณ์หลังการประชุมของเฟดในรอบนี้ (5 สิงหาคม 2551) สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของเฟดในการดูแลรักษาเสถียรภาพของระดับราคา พร้อมๆ ไปกับประคับประคองเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้ผ่านพ้นช่วงชะลอตัวอย่างรุนแรงไปได้
ทั้งนี้ เฟดได้ระบุว่า ตลาดแรงงานยังคงอ่อนแอลง ขณะที่ตลาดการเงินยังคงตกอยู่ภายใต้ภาวะตึงตัวต่อเนื่อง โดยความเข้มงวดของเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อ การถดถอยลงของตลาดที่อยู่อาศัย ตลอดจนการปรับตัวขึ้นของราคาพลังงานในช่วงที่ผ่านมา จะเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจกดดันเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วง 2-3 ไตรมาสข้างหน้า แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 2/2551 ที่ผ่านมาก็ตาม [หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัวลงร้อยละ 0.2 ต่อปี (Annual Rate) ในไตรมาส 4/2550 และขยายตัวร้อยละ 0.9 ต่อปี ในไตรมาส 1/2551 GDP ของสหรัฐฯ ขยายตัวได้ถึงร้อยละ 1.9 ในไตรมาส 2/2551 โดยได้รับแรงหนุนจากการบริโภคที่ขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งเนื่องจากมาตรการคืนภาษีของรัฐบาล]
อย่างไรก็ตาม เฟดระบุได้ชัดเจนมากขึ้นในการประชุมรอบนี้ว่า อัตราเงินเฟ้อและการคาดการณ์เงินเฟ้อได้ปรับตัวสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผลมาจากการทะยานขึ้นของราคาพลังงานและราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ในช่วงที่ผ่านมา และความเสี่ยงในช่วงขาขึ้นของแรงกดดันเงินเฟ้อเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีนัยสำคัญซึ่งเฟดกังวล แม้ว่าความเสี่ยงในช่วงขาลงของเศรษฐกิจจะยังคงมีอยู่ต่อเนื่องก็ตาม
มติของการประชุมเฟด:- มติของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในการประชุม 8 ครั้งล่าสุดนับตั้งแต่การประชุมเดือนตุลาคม 2550 เป็นต้นมานั้น เป็นไปอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ และนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2524 เป็นต้นมา ที่มติของที่ประชุมเฟดไม่เป็นเอกฉันท์ในการประชุมหลายรอบติดต่อกัน
อย่างไรก็ตาม มติของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินในการประชุมรอบนี้ของเฟด ได้สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนบางส่วน เนื่องจากมีเพียงนาย Richard W. Fisher ประธานเฟดสาขาดัลลัสเท่านั้น ที่ลงมติคัดค้านการตัดสินใจของที่ประชุมเฟด (นาย Richard W. Fisher ได้ลงมติคัดค้านเสียงส่วนใหญ่ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกันแล้ว)
โดยก่อนหน้านี้นักลงทุนบางส่วนคาดการณ์ว่า นาย Charles I. Plosser ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย (เคยลงมติคัดค้านที่ประชุม 2 ครั้งในปีนี้) และนาย Gary H. Stern ประธานเฟดสาขามินนิอาโปลิส จะคัดค้านการลงมติตรึงดอกเบี้ยของเฟดด้วย หลังจากที่ประธานเฟดทั้ง 2 ท่าน แสดงท่าทีในเชิงคุมเข้มนโยบายการเงินในช่วงที่ผ่านมา
การตอบรับของตลาด ตลาดสัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้า (Interest Rate Futures) ล่าสุด ณ วันที่ 5 สิงหาคม 2551 (หลังมติคงอัตราดอกเบี้ยของเฟด) สะท้อนว่า มีความเป็นไปได้เพียงร้อยละ 24 เท่านั้น ที่เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบถัดไปในเดือนกันยายน 2551 ซึ่งลดลงจากความเป็นไปได้ที่ร้อยละ 34 ณ วันที่ 4 สิงหาคม
นอกจากนี้ ตลาดสัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้ายังปรับตัวไปในทิศทางที่สะท้อนให้เห็นว่า โอกาสของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ของเฟด จะยังไม่ถูกคาดการณ์อย่างเต็มที่ (ร้อยละ 100) จนกว่าจะถึงการประชุมในเดือนมกราคม 2552 แม้ว่าตลาดจะเริ่มโน้มเอียงความเป็นไปได้ของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม 2551 นี้ ก็ตาม
มุมมองของศูนย์วิจัยกสิกรไทย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า การที่เฟดตัดถ้อยแถลงที่ว่า ความเสี่ยงในช่วงขาลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ผ่อนคลายลงบางส่วน ซึ่งเคยระบุไว้ในแถลงการณ์หลังการประชุมวันที่ 24-25 มิถุนายน ที่ผ่านมา ออกนั้น สะท้อนให้เห็นถึง มุมมองในเชิงลบของเฟดที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาหลายตัวจะออกมาดีกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด แต่การพิจารณานัยสำคัญของตัวเลขเหล่านี้ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ
เนื่องจากในภาพรวมแล้ว ตัวเลขเศรษฐกิจเหล่านั้นยังคงสะท้อนความเปราะบางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะ อัตราการว่างงานที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 ปี ขณะที่การจ้างงานนอกภาคเกษตรลดลงแล้ว 7 เดือนติดต่อกัน ในขณะที่ ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ ยังไม่ผ่านพ้นจุดต่ำสุด (ราคาและยอดขายบ้านยังคงปรับตัวลงต่อเนื่อง)
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า เฟดกำลังอยู่ในช่วงของการพิจารณาจังหวะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในขณะที่ การปรับฐานของราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในช่วงนี้ อาจช่วยบรรเทาแรงกดดันเงินเฟ้อ และช่วยลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจลงได้บ้างบางส่วน ซึ่งก็เท่ากับเป็นการเปิดเวลาให้เฟดสามารถยืนระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับปัจจุบันไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อประเมินภาพแนวโน้มเศรษฐกิจอย่างระมัดระวัง พร้อมๆ กับเยียวยาปัญหาในภาคสถาบันการเงินสหรัฐฯ ได้ต่อไป
โดยมีความเป็นไปได้ว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปีนี้ตามที่หลายฝ่ายได้คาดการณ์ไว้ อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ก็อาจขยับตัวสูงขึ้น และอาจทำให้เฟดต้องคงอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 2.00 นี้ ต่อไปตลอดช่วงที่เหลือของปี 2551
. . .
Fed Funds Interest Rate Forecast Effective Interest Rate. Percent Average of Month.
Month Rate Forecast
Jun 2008 2.00 Jul 2008 2.00 Aug 2008 2.00 Sep 2008 2.00 Oct 2008 2.00 Nov 2008 1.75 Dec 2008 1.75 Jan 2009 1.75 Feb 2009 1.75
Updated Sunday, July 13, 2008 from //www.forecasts.org/ffund.htm
Fed Funds Interest Rate Past Trend Present Value & Future Projection
. . .
Create Date : 06 สิงหาคม 2551 |
|
11 comments |
Last Update : 6 สิงหาคม 2551 14:58:30 น. |
Counter : 674 Pageviews. |
|
|
|