สะโพกเริ่มหายเจ็บ ตาเริ่มหายมัว แต่ขาดันมาเจ็บ ปีชงของจริงสินะ
โอ๊ย คิดถึงการอัพบล็อคจังเลย ช่วงนี้ยุ่ง ๆ เลยไม่มีเวลาอัพบล็อคที่ทำงานเลย แฮ่ แต่ให้มาอัพที่บ้านก็ไม่ไหว เพิ่งจะกายภาพก้นและสะโพกจนหายจาก piriformis syndrome อยากรู้ว่ามันเป็นยังไง แล้วกายภาพท่าไหนบ้างจนหาย กลับไปอ่านบล็อคเราก่อนหน้านี้นะ
ปวดสะโพก+ก้น ไปหามา 3 รพ.ทั้งกิน ทั้งฉีดก็ไม่หาย สุดท้ายเพิ่งมารู้ว่าตัวเองรักษาผิดวิธีมาตลอด
หลังจากเพียรพยายามมีวินัยในการกายภาพทุก ๆ วัน ๆ ละหลาย ๆ ท่า ๆ ละหลาย 10 ครั้งจนมันดีขึ้น นั่งได้นานขึ้นโดยไม่ต้องปวดจี๊ดหรือต้องยืนทำงานแล้ว เราก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่นั่งอัพบล็อคที่บ้านเป็นอันขาด เพราะการอัพบล็อคแต่ละที ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมงต่อเนื่องตลอดเลย จะให้ลุกกลางทางก็ทำไม่ได้ มันต้องพิมพ์ให้จบ หลังจากไฟมันลุกโชนแล้ว
แต่วันนี้ขอหน่อยเถอะ จะพยายามไม่นั่งนานแล้วกัน เพราะรู้เลยว่านั่งพิมพ์นาน ไอ้อาการปวดจี๊ดมันต้องกลับมาอีก แล้วเท่ากับว่ากายภาพที่เราตั้งใจทำมาทุกวัน ๆ นึงไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงเป็นเวลาร่วมเดือนมันไม่มีความหมายอะไรเลย
หลังจากสะโพกดีขึ้น ก็ถึงเวลาที่เราต้องไปเชงเม้ง แล้วหลุมเชงเม้งของทั้งอากง อาม่าฝั่งป๊าและม้า รถเข้าไม่ถึงตรงหน้าลานที่วางของไหว้เลย ที่แรก รถมันต้องจอดข้างหลังหลุม เวลาขนของไหว้ ก็ต้องขนของเดินขึ้นเนินหลุมอันโครตจะสูงแล้วก็เดินลงเนินเพื่อไปวางของไหว้ แบกของไหว้ทั้งของคาว ของหวาน ผลไม้หนัก ๆ ขึ้น ลงเนินหลายรอบ ที่ ๆ สอง รถต้องจอดที่ถนนเมน ซึ่งมันต้องข้ามหลุมชาวบ้านไปก่อนถึงจะถึงลานไหว้ของหลุมบ้านเรา ก็ทำแบบเดิม ขนของขึ้นเนิน ลงเนินอยู่หลายรอบ บางคนอาจะคิดภาพไม่ออก ขอเอาภาพในเน็ทมาลงแล้วกันนะ
คือเนินเนี่ย มันเกือบสูงท่วมหัวเลยนะ แล้วคิดดูสิ แบกพวกของไหว้ประมาณนี้ ต้องแบกขึ้น แบกลง ขนกี่รอบถึงจะหมด
กลับถึงบ้าน ไม่ปวดนะ แต่อีกวัน แม่เจ้า ลงบันไดไม่ได้เลย เจ็บข้อพับตรงหัวเข่ามากกกกก หันข้างก็ไม่ได้ ก็เจ็บเหมือนกัน แล้วซวยมากตรงที่มันเหมือนเส้นจะพลิกหรือผิดท่าตรงข้อพับเนี่ย เพราะไม่ว่าเราจะทำอะไร มันก็ต้องไปกระทบตรงเส้นข้อพับตรงหัวเข้าหมดเลย ไม่ว่าจะเดิน นั่ง หันซ้าย ขวา ขึ้น-ลง บันได เราต้องใช้ข้อพับนี้ทั้งหมดซึ่งมันติดกับเส้นประสาทใหญ่ของร่างกายที่เรียกว่า sciatic nerve
คราวนี้เลยกลายเป็นคนแก่อยู่ 1 อาทิตย์เต็ม ๆ แล้วต้องเพิ่มเวลาสำหรับกายภาพไปโดยปริยาย จากเดิมที่บริหารยืดกล้ามเนื้อ piriformis อย่างเดียว คราวนี้ต้องมาบริหารเส้น sciatic nerve นี้ด้วย แถมยังต้องประคบน้ำแข็ง 20 นาที พัก 20 นาที แล้วก็ประคบใหม่อีก 20 นาที จริง ๆ เค้าบอกว่าถ้าจะให้ดีนะ ทำแบบนี้ 4 รอบ 1 รอบก็ล่อไป 40 นาทีแล้ว ใครจะไปมีเวลานั่งประคบเข้า ประคบออก 3 ชั่วโมงฟระ ตูทำให้รอบ 2 รอบก็เสียเวลาจะแย่แล้ว
ประคบเสร็จก็นวดด้วยน้ำมันหม่องอีกก่อนนอน ตอนนี้ห้องนอนเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำมันหม่องก่อนนอน เราก็ชินกับกลิ่นไปเลย เหมือนเป็นกลิ่นอโรม่า ไม่ได้กลิ่น นอนไม่หลับซะล่ะมั้ง แล้วไม่อยากจะบอกว่ากลิ่นมันก็ติดผ้าปู ผ้านวมและหมอนข้างเราไปเรียบร้อย แต่ จะเดือนร้อนทำไม นอนคนเดียว 555
เป็น 1 อาทิตย์ที่ทรมานมาก ทำอะไรก็ต้องทิ้งน้ำหนักลงขา 2 ข้างให้เท่ากันถึงจะเจ็บน้อยที่สุด เวลาหันก็ต้องหันทั้งตัว จะเอี้ยวหันไปข้างใดข้างหนึ่งไม่ได้ เพราะน้ำหนักมันจะไปทิ้งที่ขาข้างใดข้างหนึ่ง เจ็บอีก เวลาขึ้นบันไดไม่เจ็บนะ แต่ลงบันไดนี่ สุดยอดของความทรมาน คือต้องลงเหมือนคนแก่จริง ๆ นะ ลงทีละขั้น แล้วแต่ละขั้นที่ลง ต้องเอาน้ำหนักไปลงที่แขนที่จับราวบันได ห้ามลงที่ขาข้างใดข้างหนึ่งเด็ดขาด เพราะมันจะเจ็บปวดรวดร้าวมากมาย
แล้วคิดดูสิ เราไป-กลับที่ทำงานโดยการใช้รถไฟฟ้า ใต้ดินนี่ยังดีหน่อยนะเพราะใช้บันไดเลื่อนได้เกือบหมด แต่บนดินเนี่ยสิ BTS เนี่ย เวลาขึ้นเนี่ยยังมีบันไดเลื่อนนะ แต่เวลาลงเนี่ย นรกชัด ๆ ไม่มีบันไดเลื่อนลงนะจ๊ะ วันแรกก็กัดฟันเอามือจับราวลงทีละขั้นลงจากชานชลาเหมือนคนไต่เขาน่ะ
ใช้เวลานานมากกว่าจะชั้นที่แตะบัตรออก แล้วตอนเช้า ๆ เนี่ย คนเป็นล้าน เวลาเราลงก็เหมือนไปขวางทางชาวบ้านที่เค้าแห่ลงกันพรึ่บ ๆ ไปทำงานก็สาย
วันต่อมา เลยต้องไปขอลงลิฟต์จาก รปภ เพราะลิฟต์เนี่ย นอกจากสถานีสยามเนี่ย
เค้าไม่ได้เปิดให้ใช้ได้เองนะ เค้าล็อคเอาไว้ เวลาเดินไปบอก ก็ต้องอธิบายอีก เพราะเค้าก็มองว่าเราไม่ได้พิการนี่นา ทำไมต้องมาใช้ลิฟต์
คือจริง ๆ เราไม่เคยใช้เลยนะถ้าเราขาดีเนี่ย เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแต่ละสถานีเนี่ย ลิฟต์มันอยู่ตรงไหน เรายังเคยเถียงกับเพื่อนเลยว่าลิฟต์มันมีทุกสถานีเหรอ ทำไมเราไม่เคยเห็น คือจริง ๆ มันมีทุกสถานีนั่นแหละ แต่เราไม่ได้สังเกตุเอง เพราะไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ไม่งั้นคนพิการจะใช้ยังไงล่ะเนอะ
เราเห็นตลอดที่สถานีสยามและสถานีเปิดใหม่จากอ่อนนุชไปเนี่ย มันไม่ได้ล็อค คนที่ใช้คือคนที่ขาปกติแต่ขี้เกียจเบียดคนลงบันไดเลื่อน
ตอนขาเจ็บก็อธิบายไปว่าขาเป็นอะไร แล้วทำไมลงบันไดไม่ได้ ก็เสียเวลารอ รปภ มาปลดล็อคประตูลิฟต์แล้วก็ลงไปชั้น 2 แตะบัตรออกไปต่อรถไฟใต้ดินได้ เดินก็ต้องเดินช้า ๆ เดินเร็วก็ไม่ได้ น้ำหนักมันลงขา 2 ข้างไม่เท่ากัน ก็เจ็บอีก ใช้ชีวิตเหมือนคนแก่จริง ๆ อยู่อาทิตย์กว่า ทั้งเดินช้า ๆ ลงบันไดช้า ๆ ทีละขั้น นั่งช้า ๆ ค่อย ๆ หย่อนก้นนั่งหรือทิ้งน้ำหนักเวลาลุกขึ้นยืนก็ต้องทำช้า ๆ คิดดูนะ ขนาดมือถือดัง แล้วถ้าเราไม่ได้อยู่ใกล้ เรายอมไม่รับเลยนะ ไม่รีบวิ่งไปรับเพราะวิ่งแล้วเจ็บ จะเดินช้า ๆ ไปรับ กว่าจะเดินถึงเค้าก็วางไปแล้วอยู่ดี
แต่เราเกิดปัญญากับการทำช้านะ มันเหมือนเรากลับไปปฏิบัติธรรมเดินจงกรมเมื่อหลายปีก่อนเลย คือเวลาเราทำอะไรช้า ๆ เนี่ย สติมันจะสามารถจับความรู้สึกได้ละเอียด มันทันกับอากัปกิริยาของเรา ไม่ว่าจะเดินช้า ๆ เราก็เอาสติไปจับการเดินของเราได้ว่ากำลังก้าวเท้าซ้ายหรือเท้าขวา เวลาลงบันไดช้า ๆ ทีละขั้น สติก็สามารถจับอยู่กับขาที่ก้าว น้ำหนักที่ถ่ายลงไปของขาและแขนที่ช่วยพยุงทั้งสอง ทำให้เราไม่ฟุ้งซ่าน อยู่กับปัจจุบันมากขึ้น มีสติกับร่ายกายและจิตใจเราเอง
ตอนนี้ทำอะไรก็ไม่เจ็บแล้วทั้งยืน เดิน นั่งหรือลงบันได แต่เวลานวดก่อนนอนก็ยังเจ็บเส้นตรงข้อพับอยู่ ก็กะจะนวดจนกว่าจะหายเจ็บ แล้วตอนนี้ตื่นนอนมาลุกขึ้นยืนแล้วเจ็บส้นเท้า ไป search ดูเค้าบอกว่าน่าจะมาจากรองช้ำอักเสบ
ตอนนี้ก็เลยต้องกายภาพเท้าตามรูป แต่เราทำอย่างเดียวเอง แหะ ๆ
แล้วก็แช่เท้าด้วยน้ำอุ่น ก็ทำมาเป็นเดือนแล้วนะ แต่ก็ยังไม่หาย ตื่นมาก็พยายามยืดขาก่อนจะลุกขึ้นยืนนะ แต่มันก็ยังเจ็บส้นอยู่ เราก็ต้องพยายามทำต่อไปจนกว่าจะหาย
เพิ่งจะเข้าใจความเสื่อมของร่างกายก็ปี 2 ปีมานี้เอง ตอนนี้เราก็ใส่ใจกับร่างกายเรามากขึ้นเยอะเลย กลับมาจากทำงานก็จะกายภาพเท้า เนื่องจากยืน เดินเยอะ ทำให้เจ็บรองช้ำ ก็จะกลิ้งฝ่าเท้ากับที่กลิ้ง
แล้วก็ดู youtube ไปทวิสเอวไปเพราะเอวหนูหายไปไหนก็ไม่รู้ ตัวตันได้อีก เสร็จแล้วก็แช่เท้าด้วยน้ำอุ่นจัด แช่ไปก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ไป 15 นาที เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำ ทาครีม นวดหน้าให้ครีมมันซึมเข้าผิวเยอะ ๆ
เพราะแก่แล้ว การผลัดเซลผิวมันก็ไม่ดีเหมือนเด็ก ๆ
แล้วก็เขียนไดอารี่ เสร็จแล้วก็มากายภาพสะโพกและก้นหรือ piriformis เสร็จแล้วก็มานวดขับพับขาแล้วก็หลังเท้าโดยเฉพาะเส้นเอ็นใกล้ ๆ ตาตุ่มที่เราจะเจ็บ แล้วก็ได้เวลาล้างมือ สวดมนต์นอน ไม่อยากจะบอกว่าทำทุกอย่างให้เสร็จก่อน 3 ทุ่มนะ เพราะนอนไม่เกิน 3 ทุ่ม ถ้าทำทุกอย่างเสร็จก่อน 3 ทุ่มก็จะนอนอ่านหนังสือยกขาสูงให้เลือดมันไม่กองที่เท้า เพราะมันกองมาตั้งแต่เราตื่นลุกจากที่นอนมาเป็น 15 ชั่วโมงแล้ว
เราเป็นคนต้องนอนเยอะ เพราะเป็นภูมิแพ้ด้วย ถ้านอนไม่พอ ภูมิแพ้จะขึ้นจมูกและตา อีกวันไม่เป็นอันทำงานเลยคราวนี้
ด้วยความที่นอนเร็ว เลยไม่เคยได้ดูละครอะไรกับเค้ามาเป็น 10 ปีแล้ว คุยอะไรกับใครก็ไม่รู้เรื่อง แถมเสาร์ อาทิตย์ก็ดูแต่หนังอินดี้ญี่ปุ่น คุยกับคนทั่วไปที่ดูหนังรักกุ๊กกิ๊กหรือหนังตลกก็ไม่ได้อีกเหมือนกัน
นอนดึกผิวแย่นะจ๊ะ ฮอร์โมนก็จะผิดปกติด้วย
อ้าว ๆ ขึ้นต้นด้วยเจ็บขา แต่ทำไมมาลงเอยด้วยวิธีการดูแลตัวเองละเนี่ย
Create Date : 02 เมษายน 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 29 พฤษภาคม 2555 8:07:20 น. |
Counter : 4963 Pageviews. |
|
|
|