เขียนมา 2 ย่อหน้าวงๆวนๆอยู่ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ คืออยากจะขอบคุณกรมธนารักษ์ โดยกระทรวงการคลังที่เป็นเจ้าภาพจัดงาน "เทศกาลรัตนโกสินทร์" ที่ถนนพระอาทิตย์-สวนสันติชัยปราการต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ 21-22 ธันวา / 28-29 ธันวา / 4-5 มกรา / 11-12 มกรา คร่อมคริสมาสต์-ปีใหม่-วันเด็ก ในบรรยากาศย้อนยุค มีกิจกรรมหลากหลาย ทั้งการแสดงบนเวทีใหญ่-เล็ก ดนตรีไทย-สากล ออกร้านขายของ ตลอดจนโชว์ฝีมือการทำงานศิลปะดั้งเดิมและประยุกต์ และให้ผู้มาร่วมงานได้มีส่วนร่วมด้วย เพราะเห็นเด็กหลายคนเดินถือหยวกกล้วยทั้งลำแกะสลักลายไทยบ้าง ฝรั่งสาวๆหลายคนไปหัดพับดอกไม้บ้าง หรือแม้กระทั่งไปหัดตีขิม ดีดจะเข้ กับครูดนตรีจากบ้านดุริยประณีตก็เยอะ คนเขียนเองไปเดินเล่นดูแล้วก็เลย นึกอยากจะไปมีส่วนร่วมมากกว่าเดินดูอย่างเดียว พร้อมๆกับที่เห็นมีพ่อค้าแม่ค้าทั้งมืออาชีพ ทั้งมือสมัครเล่นมากันเต็มก็เลยทำให้เกิดเป็น "Dejavu" ภาพนิมิตสมัย 10 ปีก่อนปรากฏซ้ำขึ้นอีกครั้ง
"ขออภัยในความไม่สะดวก" ... ถนนคนเดิน จากเที่ยงวันยันเที่ยงคืนเสาร์-อาทิตย์ 4 สัปดาห์
โซนงานฝีมือชนิดโชว์ซึ่งมีพื้นที่ให้ลองทำได้ด้านหลัง
เสาร์นั้นบ้านดุริยประณีตมาสอนดนตรีไทยให้ฟรีอยู่ด้านล่าง หน้าป้อม
จักรยานโบราณที่เอามาโชว์ ไม่ไกลกับทริปจักรยานเล็กๆที่ให้ลงชื่อและขับชมเมืองฟรี
มุมนี้มีหุ่นควาย เกวียนและกองฟางให้ปีนป่ายถ่ายรูปกันตามชอบ
หลังจากใช้เวลาเตรียมตัวนิดหน่อยกับถุงพลาสติกใส่หนังสือ / แผ่นพลาสติกปูพื้น และ "หนังสือเก่า" ที่เก็บลงลังไว้จนฝุ่นจับหนาบนฝาพลาสติกสีน้ำเงินเข้มหลายลัง กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ถูกใส่ไว้ในถุงพลาสติกกันฝุ่นอีกชั้นหนึ่ง โดยไม่ได้ปิดผนึกด้วยเทปใส เพื่อความสะดวกในการดึงออกมาจากซอง ผมเลือกๆเอามาใส่ลงในกระเป๋าเดินทางชนิดมีล้อลากได้ 1 ใบ ให้คละกันทุกประเภท ทั้งวรรณกรรมเพื่อชีวิต วรรณกรรมเยาวชน วรรณกรรมการเมืองยุคตุลา '16 หนังสือแปล คลาสสิค โดยเล็งๆไว้ด้วยความอยากรู้ว่าลูกค้าคนไหนเป็น "คอ" หนังสือประเภทไหน ... และ ...
... มาสค็อตเรียกลูกค้าอีก 1 หัว เหมือนกับเพื่อนของ "ชัค โนแลนด์" วิศวกรระบบขนส่งของเฟดเอกซ์ที่ไปติดเกาะ เมื่อ 13 ปีก่อน
มาสค็อตสีทองติดโบว์ ... จริงๆเป็นรถวิทยุบังคับ ของขวัญจับฉลากปีใหม่ของเด็กแถวนี้ ... แต่ห่อใส่กล่องสี่เหลี่ยมติดโบว์เฉยๆ ผมว่ามันน่าเบื่อก็เลย "โม" นิดหน่อย คงไม่ว่ากัน
... เรียบร้อยแล้ว ผมก็พร้อมกับการเป็น "พ่อค้าหนังสือสมัครเล่น" อีกหนึ่งคนที่เข้าไปมีส่วนร่วมกับงานเทศกาลรัตนโกสินทร์ประจำปี 2013-2014 นี้
ณ เสาร์สุดท้ายปลายปี เวลาดี 5 โมงเย็น เป้าหมายเป็นพื้นที่กว้างประมาณ 2.5 X 1.5 เมตรริมฟุตบาทหน้าโรงแรมนิวสยาม แม่ค้าใกล้ๆบอกว่าอาทิตย์ก่อนพ่อค้าหนุ่มคนหนึ่งมาวางขายกระเป๋า แต่อาทิตย์นี้ไม่มา ตามธรรมดาของพ่อค้าเร่มืออาชีพอยู่แล้ว ผมเลยหยุดและปักหลัก ... ข้างซ้ายติดกันเป็นแผงเครื่องประดับมืออาชีพที่วางเลซข้อมือบ้าง สร้อยคอบ้างเรียกลูกค้าอยู่แวววาวบนโต๊ะโชว์อย่างดี ข้างขวาผมเป็นจิตรกรหนุ่มวาดภาพเหมือนที่มีอุปกรณ์เพียงดินสอ แผ่นกระดานไม้รองวาดภาพ กระดาษขาวขนาดคืบและเก้าอี้พับสามขาอีก 1 ตัวสำหรับลูกค้า ... ผมปูผ้าพลาสติกลงไป ก่อนจะวางเรียงหนังสือโชว์หน้าปกในห่อพลาสติกเต็มพื้นที่ เหลือเศษเกินประมาณ 20 กว่าเล่มค้างอยู่ในกระเป๋า ... ใช่ ผมไม่อยากเรียงแน่นจนต้องซ้อนปกลงไป เพราะหนังสือนั้นวางกับพื้นอยู่แล้ว สายตาลูกค้านักอ่านคนไทย ระดับประมาณ 1.5 เมตรจากพื้นดินค่อนข้างไกลพอดู ลูกค้าอาจไม่สะดวกต่อการก้มหรือนั่งลงขยับหนังสือเพื่อดูหน้าปก ... ถ้าเมื่อก่อนมีแคร่วางสูงระดับขาอ่อน หรือที่ร้านโต๊ะสูงเทียมเอวอาจเหมาะกับการวางซ้อนเหลื่อมปกหรือกระทั่งวางตั้งโชว์สันหนังสือ แต่ตอนนี้แคร่ให้คนอื่นไปแล้ว โต๊ะก็ไม่มีเพราะที่นี่คือถนนพระอาทิตย์ เพราะฉะนั้นวางเรียงหน้าเต็มโชว์ปกดีที่สุด ต้องขอบคุณผู้จัดงานที่ติดตั้งไฟหลอดกลมเป็นสายเรียงขวางถนนพระอาทิตย์ตลอดแนว ยามเย็นแดดร่ม ลมตก เหมาะกับการเดินเรื่อยเปื่อยแวะดูหนังสือกำลังดี แม้ยามค่ำหมดแสงธรรมชาติแล้วก็ไม่มืดเกินไปนัก ลูกค้ายังสามารถเลือกดูได้ ไม่ต้องเพ่งเกินไป
แผงขายหนังสือกับพ่อค้าเด็กมือสมัครเล่นที่เข้ามาช่วยเฝ้า
จัดของเสร็จ ผมเดินไปสั่งข้าวขาหมูจุฬามาเติมพลังงานสำรอง 1 จาน พร้อมกระเทียมกลีบและลูกโดดเขียว-แดง แล้วต่อด้วยผัดไทยแท้จากพ่อค้า
แสนสวยใจดีอีก 1 จาน ก่อนจะกลับมานั่งเฝ้าร้านต่อ
... กว่า 10 ปีที่แล้ว แผงขายหนังสือของผมเร่ไปร่อนมาสนุกๆอยู่นานเหมือนกัน จำได้ว่าตอนนั้นไปหาที่วางได้ก็ต้องหลัง 2 ทุ่มไปแล้ว แถมที่ก็ไม่แน่ไม่นอน เพราะบนฟุตบาทหรือหน้าร้านวางไม่ได้ บางทีต้องไปแปะอยู่หลังรถที่จอดอยู่ แล้วก็รอขยับอีกทีตอนดึกๆ เพราะรถออกหรือไม่ก็มืดเกินไปเนื่องแสงไฟนีออนไม่สว่างพอ ... จำได้ว่าตอนนั้นหนังสือเรื่องสั้นหักมุมของสรจักรขายดีมากผมอ่านเสร็จก็ขายไปเอาเงินไปซื้อเล่มใหม่อ่านต่อ ล่องไพรทั้งชุดขายไปเหลืออยู่ 2-3 เล่มเอง สนุกดีแต่เหนื่อยหน่อย แถมง่วงอีกต่างหากเพราะเก็บประมาณเที่ยงคืน เผลอๆวันไหนเป็นวันหยุดก็เลยเถิดไปถึงตีหนึ่งตีสองก็มี
... กว่า 10 ปีให้หลังก็ได้โอกาสมาขายเอาสนุกอีกครั้ง ขายเอามันส์ ตามสูตร "หนังสือดี ต้องแบ่งกันอ่าน ขายถูกๆให้คนอื่นไป ดีกว่าเก็บไว้ในตู้เป็นกระดาษแผ่นนึง" ...
เอาเถอะ เดี๋ยวตอนหน้ามาว่ากันต่อครับว่าเป็นไงบ้าง