Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
7 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 
นอกร้านหนังสือ ... ตอน คืนนั้นที่ ... "บางคล้า"

สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ด้วยความยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่ครับ กินได้ นอนหลับ ครบ 32 สามารถเข้ามาเขียนเล่าเรื่องราวเล็กๆน้อยๆจากร้านหนังสือในข้าวสาร ให้ได้มาอ่านเล่นฆ่าเวลากันอีกครั้งหนึ่ง โดยช่วงนี้ต้องบอกว่าเป็นโค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปี ที่ค่อนข้างหนักหน่วงไม่ใช่เล่น ไม่ว่าจะเป็นการเมืองบ้านเราที่กำลังพยายามตั้งไข่ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เศรษฐกิจโลกที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจระหว่างซีกตะวันตก (อเมริกา+ยุโรป) กับซีกตะวันออก (จีน+รัสเซีย) เรื่องของพลังงานที่กำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าจาก "Shale gas - ก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน" เศรษฐกิจบ้านเราที่กำลังจะปิดท้ายปลายปีกันด้วยคำว่า "รุ่ง" หรือ "ร่วง" ก็ไม่รู้ ... (รู้แต่ว่าตอนนี้ ซื้อ "คั่วกลิ้ง" หรือ "แกงพริกกระดูกหมู" ธรรมดาๆจากร้านอาหารใต้ ก็ราคาถุงละ 50 บาทแล้ว สำหรับบางลำพู สงสัยคงต้องเดินไกลขึ้นอีก ข้ามสะพานไปตลาดนานาหาร้านขาประจำเจ้าเก่าแลกกับราคาที่ไม่ใจไม้ไส้ระกำขนาดนั้น)

ร้านหนังสือยังเปิดอยู่ครับ รับลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติ เหล่าแบ็คแพ็คเกอร์ที่ต้องการหนังสือไกด์บุ๊คเป้นเพื่อนร่วมทาง ไม่ว่าจะเป็นโลนลีแพลนเน็ต ราฟท์ไกด์ ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน ฮีบรู ไม่ว่าจะใหม่มือหนึ่งหรือเก่ามือสอง นอกจากนี้ก็ยังคงมีแผนที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ หนังสือเฟรสบุ๊ค หนังสืออ่านภาษาอังกฤษมือสอง สำหรับแลกเปลี่ยนได้ หรือไม่ก็ขายในราคาย่อมเยาว์ หนังสือไกด์บุ๊คใหม่ของร้านนั้น ตอนนี้ซื้อ 1 เล่ม แถมหนังสืออ่านมือสองภาษาอังกฤษให้อีก 1 เล่ม โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ นักอ่านท่านใดที่สนใจก็สามารถมาเยี่ยมชมกันได้ครับ ร้านอยู่สุดถนนข้าวสารฝั่งวัดชนะสงคราม หัวมุมตรงข้ามโรงพักกับผับกัลลิเวอร์พอดิบพอดี

วันก่อนกลับจากทำงานตอนค่ำ ผ่านร้านขนมปังพรชัย ก็ได้ชำเลืองสายตาเห็นร้านใหม่น่าสนใจทางฝั่งขวามือ เห็นมีฝรั่งนักท่องเที่ยวนั่งพื้นกินอาหารกันอยู่ตรงโต๊ะเตี้ยๆประมาณโต๊ะญี่ปุ่น พร้อมกับเห็นป้ายสติ๊กเกอร์ติดกระจกหน้าร้านเป็น "Vegetarian & Vegan restaurant & Art gallery" พร้อมกับภาพติดผนังบานใหญ่มากด้านใน เลยลองกลับมาค้นในอินเตอร์เน็ตก็พอดีเจอ เป็นร้านอาหารเจและมังสวิรัติ "Mango" เห็นมีเฟซบุ๊ค พร้อมประวัติร้านเป็นเรื่องเป็นราว ที่เอาไว้สื่อสารกับลูกค้าทั้งไทย-เทศ เป็นช่องทางการสื่อสารในยุคไซเบอร์ที่ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ขาดไม่ได้เสียแล้วกับธุรกิจสมัยใหม่นี้ ใครสนใจก็ลองแวะเข้าไปดูได้นะครับ ลองเสิร์ชชื่อดู เห็นภาพอาหารเจฟิวชัน ที่หน้าตาน่ารักน่ากินมากกว่า ผัดหมี่เจ เผือกทอด โปรตีนเกษตรผัดพริก หรือไม่ก็จับฉ่ายเจ อาจเรียกน้ำลายไหลได้ไม่รู้ตัว ส่วนจะถึงขั้นพลาดไม่ได้ ต้องมาลองชิมถึงร้าน ... ก็ ... ตามอัธยาศัยครับ



ภาพหน้าร้าน ถ่ายไว้ขณะรถติดยามค่ำ เห็นบรรยากาศเรียบง่าย สบายตามชอบ ไม่ว่าจะนั่งพื้นหรือนั่งโต๊ะ ก็ ... "แล้วแต่ชอบ"

( พูดถึงเรื่อง "แล้วแต่ชอบ" ขึ้นมา ขอแวะออกนอกร้านแว๊บนึงครับ ... คือว่าเดือนก่อน ผมเอารถไปเคลมสีเนื่องจากประกันครบ 1 ปีก่อนเปลี่ยนเจ้าใหม่ ทำให้ต้องเอารถสำรองจากญาติมาใช้ เพราะศูนย์เล่นเอารถส่งเข้าโรงงานร่วม 3 สัปดาห์ รถสำรองที่เอามาขับชั่วคราวนั้นมีบุญคุณมาก เพราะทำให้สามารถไปทำงาน และส่งเด็กๆไปโรงเรียนตอนเช้าได้โดยสะดวกตลอดระยะเวลาใช้งาน เพียงแต่อาจมีอาการเหนื่อยบ้างนิดหน่อย เพราะคุณลุงเป็นนิสสันซันนีอายุ 10 ปีเศษ และเพิ่งเอามาติดแก๊ซ LPG ตอนหลังมานี้เอง การปรับจูนหัวฉีดแก๊ซอาจยังไม่เพอร์เฟ็คท์นัก ทำให้คุณลุง "ดับกลางอากาศ" บ้างเป็นครั้งคราว แต่อาศัยว่าคนขับเองก็เคยมีประสพการณ์กับคุณปู่ซีวิคตาโตติดแก๊ซ NGV อยู่บ้าง ก็เลยรับมือได้ ไม่มีปัญหาอะไร ... ขับไป-กลับ ที่ละสองวันก็ต้องเติมแก๊ซ LPG ทีละ 300-400 บาท พร้อมกับได้น้ำแถมมาบ้าง ไม่แถมบ้าง แถมเป็นขวดเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง จนหมดข้อสงสัยที่เคยมีว่า ลูกน้องคนหนึ่งที่ขับอัลติมาติดแก๊ซ มันมีน้ำขวดติดมือมาทำงานทุกวัน ฉลากส้มบ้าง ฟ้าบ้าง ขวดเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง บางทีก็เอาไปวางทิ้งๆไว้ ให้คนอื่นหยิบไปดื่มได้ฟรี ตามสะดวก ... ลูกน้องเราไปเอามาจากไหนกัน ใครใจดีแจกมานะ กินข้าวนอกบ้าน ซื้อน้ำขวดนี่ก็ 10 บาท คิดง่ายๆ ... จนกระทั่งได้มาเจอกับตัวเอง ก็เลยถึงบางอ้อ ว่าปั๊มแก๊ซ LPG นั่นเอง ที่เป็นผู้ให้มา ... เท่าที่เห็นคร่าวๆ ปั๊มไหนแถมน้ำก็จะมีน้ำขวดวางกองเป็นภูเขาไว้ พร้อมป้ายบอก "แถมน้ำ" หน้าปั๊มตัวโตเบ้อเร่อ พอเติมเสร็จ จ่ายเงิน เด็กปั๊มก็จะหยิบเงินทอนคนหนึ่ง และถือขวดน้ำคนหนึ่ง เดินมาหา เป็นการทำงานเป็นทีมที่ดีมากเพราะบางทีประคองน้ำขวดเล็กมา 6 ขวดบ้าง 8 ขวดบ้าง คนเดียวอาจร่วงได้ ... ปั๊มสุดท้ายที่เติมก่อนคืนรถไปนั้น เติมเสร็จแล้ว เข้าใจว่าเป็นเจ้าของเดินอุ้มน้ำขวดเล็ก 6 ขวดมาส่งเอง พร้อมกับคำถามขอคำปรึกษาว่า "พี่ครับ ผมขอถามหน่อย พอดีผมแถมน้ำลูกค้าเติมแก๊ซอย่างนี้ พี่บอกได้ไหมครับ ว่าผมควรแถมแบบไหนระหว่างขวดเล็กกับขวดใหญ่" ... จากประสพการณ์กับรถติด LPG 3 สัปดาห์ ผมเลยยิ้มและตอบไปว่า "พี่ไม่ต้องเลือกก็ได้ เตรียมไว้ทั้ง 2 ขนาดนั่นแหละ แล้วให้ลูกค้าเป็นคนเลือกเอง เด็กปั๊มก็แค่ถามเท่านั้นเองว่าเอาขวดเล็กหรือขวดใหญ่ เท่านี้ก็หมดปัญหาสำหรับลูกค้าช่างเลือก ลูกค้าชอบน้ำขวดเล็กก็ได้ขวดเล็ก ลูกค้าชอบน้ำขวดใหญ่ก็ได้ขวดใหญ่ หรือกระทั่งลูกค้าอยากได้ขวดใหญ่กับขวดเล็กรวมกันก็ตามใจ (เลยพ่อ) ... โดยส่วนตัวผมไม่มีปัญหากับขนาดขวด เพราะใช้ได้ทั้งคู่ ในสถานการณ์ต่างๆกัน ขวดเล็กผมมักจะไว้ยกดื่มในรถ เพราะสะดวกกับมือเดียว ขณะที่อีกมือหนึ่งประคองพวงมาลัยรถ ส่วนขวดใหญ่ ผมเอาไว้หิ้วไปกินข้าวกันหลายๆคน ขวดนึงหมดพอดี สำหรับคนอื่นก็ "แล้วแต่ชอบ" ครับ ... ตอบเสร็จเรียบร้อย เจ้าของปั๊มก็พยักหน้าเข้าใจ ส่วนจะเอาไปใช้ได้จริงหรือเปล่า ใครขับรถผ่านช่วยบอกด้วยก็ดีครับ ปั๊มอยู่แถวๆเส้นทางระหว่างกาญจนาภิเษก (แยกสุพรรณ) ก่อนขึ้นทางยกระดับเข้าสู่ถนนราชพฤกษ์)

หลังจากลูกค้ากระเป๋าหนักซื้อโลนลีแพลนเน็ตไต้หวัน / แผนที่ฮานอย และเฟรนช์บุ๊คไปอีก 1 เล่ม ตอนหัวค่ำวันก่อน ผมเจอลูกค้าสาวชาวมุสลิมอีก 1 คนในตอนดึก เธอไม่ได้สวมผ้าคลุมผม แต่หน้าตาสวย จมูกโด่งงาม บอกลักษณะแขกขาวชัดเจน

"ฉันถามหน่อยสิ คือฉันกำลังมองหา "มอสค์" น่ะ คุณพอจะบอกได้ไหมว่าแถวนี้มีหรือเปล่า" เธอใช้คำว่ามอสค์ ควรจะเป็นมัสยิดของชาวมุสลิมไม่ใช่เทมเปิ้ล

ผมพยักหน้า "มีสิ ไม่ไกลนะ เดินจากนี่ไปไม่ถึง 5 นาที แต่ผมไม่แน่ใจนะว่าเขาจะให้คุณเข้าไปหรือเปล่า เพราะที่นั่นไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว"

"อ๋อ ไม่ได้ไปเที่ยว ฉันก็เป็นมุสลิม พยายามหาที่สวดมนตร์น่ะ" เธอว่า พร้อมกับส่ายหน้าก่อนจะถามต่อ

"แล้วถ้าฉันจะหาที่ที่เป็นพื้นที่ท้องถิ่นจริงๆล่ะ แถวนี้มีหรือเปล่า" เธอถามต่อ พร้อมกับอธิบายสิ่งที่มองหาประมาณ บ้านทรงไทย คนทำสวน ทำนา ... ประมาณนั้น

ผมปิดปากหัวเราะอย่างเกรงใจเธอ พร้อมกับบอกว่า "ถนนข้าวสารนี่เป็นใจกลางเมืองนะ สิ่งที่คุณจะเห็นแถวนี้ ใจกลางกรุงเทพ ก็น่าจะเป็นตึกคอนกรีต ออฟฟิศสำนักงาน หรือไม่ก็ถนนแอสฟัลท์ ... ที่นี่ไม่มีบ้านทรงไทย ไรซ์ฟีลด์ (นาข้าว) หรือสวนผลไม้หรอก อย่างมาก ถ้าคุณจะเดินทางออกไปรอบนอกของกรุงเทพหรือจังหวัดใกล้เคียง อาจจะเจอก็ได้ สำหรับบ้านทรงไทย สวนผลไม้ แต่มันจะไม่ใช่การเดินจากที่นี่ไปสักครึ่งชัวโมง ... อย่างง่ายๆก็ โฟลทติ้งมาร์เก็ตน่ะ (ตลาดน้ำ) คุณอาจจะพอได้ไอเดียบ้างว่า บ้านไม้ทรงไทยประมาณไหน แต่อย่าคาดหวังว่าจะเป็นอย่างนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์นะ เพราะตลาดน้ำตอนนี้ หลายที่เป็นสถานที่ที่จำลองขึ้นมาเท่านั้น เขาใช้วิธีขุดดินออกให้เป็นสระน้ำขนาดใหญ่ และสร้างสถานที่ขึ้นมาเพื่อใช้ขายของให้นักท่องเที่ยวเท่านั้น"

"ไอซี" เธอพยักหน้าช้าๆ ก่อนถามต่อเป็นสาวจำไม "แล้วถ้าฉันจะหาเกาะสงบๆ ที่คนไม่เยอะล่ะ ฉันอยากจะไปสูดอากาศชายหาด แล้วก็พักผ่อนเงียบๆ ไม่มีนักท่องเที่ยวพลุกพล่าน"

ผมพยักหน้าช้าๆ พลางโยนความกดดันให้กับจังหวัดเป้าหมาย "ใกล้สุด ก็ลองเกาะช้าง จังหวัดตราดหรือไม่ก็ เกาะเสม็ด จังหวัดระยองแล้วกัน ... เกาะล้าน / พัทยา นั้นใกล้กว่า แต่อาจไม่ใช่ที่คุณต้องการ ... ว่าแต่คุณมีเวลาเท่าไหร่ล่ะ ในเมืองไทยนี่"

"ก็สักเดือนนึง แล้วฉันว่าจะไปเที่ยวฟิลิปปินส์ต่อ จากนั้นค่อยคิดอีกที คุณมีโลนลีแพลนเน็ตฟิลิปปินส์ขายไหม ก่อนออกจากที่นี่ไป ฉันจะได้แวะมาซื้อ ตอนนี้ฉันอยากได้แผนที่ประเทศไทยกับไกด์บุ๊คไทยแลนด์ก่อน"  เธอตอบพร้อมกับถามมา

"มีสิ ทั้งเล่มใหม่และเซคคั่นแฮนด์ที่ราคาถูกกว่า" ผมพยักหน้าตอบไป พร้อมกับเดินไปโกยสิ่งที่เธอต้องการมาให้ดู ทั้งแผนที่ไทยแลนด์ ไกด์บุ๊คไทยแลนด์ใหม่มือหนึ่ง เก่ามือสอง 3-4 เล่ม รวมทั้งโลนลีแพลนเน็ตฟิลิปปินส์ ประเทศเป้าหมายถัดไปของเธอ

พักใหญ่หลังจากนั้น เธอก็ได้สิ่งที่ต้องการ ก่อนออกไป เธอถามถึงทางไปมัสยิดอีกครั้ง "ฉันต้องไปทางไหน สำหรับมัสยิดที่คุณบอก"

"ก็จากนี่ เลี้ยวซ้าย เดินไปสัก 2 นาทีคุณจะเห็นห้างสรรพสินค้าอยู่ฝั่งขวามือนะ มอสค์นั้นจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ เข้าไปในซอยตรงข้ามกับห้างสรรพสินค้าพอดี เดินเข้าไปแป๊บเดียวก็เจอ แต่ตอนนี้มืดแล้ว ถ้ายังไงก็พรุ่งนี้ลองดูอีกทีแล้วกัน" ผมโบกมือให้เธอก่อนออกจากร้านไป

อากาศเย็นยามดึก พาให้ใจล่องลอย แสงไฟรถยนตร์วิ่งผ่านหน้าร้าน ไม่หยุดหย่อน ต่างจากบรรยากาศของคำว่า "ชนบท" ที่ลูกค้าสาวถามถึง ... นอกจากต่างจังหวัดที่คุ้นเคย 2-3 จังหวัด ( อยุธยา - สมุทรปราการ - กรุงเทพ - นนทบุรี ) ... รสชาติของ "ชนบท" เคยเกิดขึ้นเมื่อต้นปีก่อน เป็นสัมผัสที่จำได้ไม่ลืม

มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันทำงาน หลังจากเดินทางโดยรถยนตร์รุ่นปู่ซีวิคตาโตคันเก่า กลับจากทำธุระแถวฉะเชิงเทรา เวลาดีบ่ายแก่ ก่อนเย็นย่ำ ... และ รถเกิดอาการโอเวอร์ฮีท เข็มวัดอุณหภูมิหม้อน้ำชี้อยู่เลยโซนแดง อันเป็นอุณหภูมิน้ำเดือด !!!

ผมชะลอรถเข้าข้างทาง และดับเครื่องยนตร์ ก่อนรอจนเข็มลดระดับต่ำลงประมาณ 15-20 นาที ก่อนจะขับต่อ กะว่าคงไม่เป็นไรมาก เคยเป็นมาบ้างนานๆที ไม่มีปัญหา ... หลังจากขับต่อได้ประมาณ 4-5 กิโลเมตร เข็มวิ่งเลยอุณหภูมิน้ำเดือดอีกครั้ง แสงตะวันเริ่มอ่อนแรงลง

ผมเปิดไฟกระพริบ ชะลอรถเข้าข้างทาง พร้อมกับมองหาตัวช่วย ริมถนนตำแหน่งนั้นไม่เหมาะ รถสวนกัน 2 เลน ไม่มีเกาะกลาง พักรถตรงนั้นไม่ดีแน่ มีสิทธิ์โดนรถบรรทุกซิวเอาง่ายๆ ตัดใจค่อยๆขับช้าๆ จนเจอร้านสะดวกซื้อข้างทางพร้อมกับลานกว้างโรยกรวดหน้าร้าน คูหากว้างหลายห้อง ขณะที่ไอน้ำเริ่มลอยขึ้นมาจากกระโปรงหน้ารถ ผมหักพวงมาลัยเข้าไปและจอดข้างเต๊นท์กลางแจ้งที่กางไว้ พร้อมกับเปิดกระโปรงหน้ารถขึ้น ไอน้ำพลุ่งออกมาจากถังพักพร้อมกับเสียงน้ำเดือด จนต้องรีบหลบไปยืนมองอยู่ห่างๆ

"ระวังนะ อย่าไปเปิดมัน เดี๋ยวน้ำร้อนพุ่งขึ้นมาลวกเอา" เสียงตะโกนทักมาจากลุงเจ้าของร้านไม่ไกลนัก

รออยู่พักใหญ่ ระหว่างนั้น ลุงเข้ามาคุยเป็นเพื่อน ทำเลแถวนั้นมีรถผ่านไปมาแต่ไม่ค่อยมีลูกค้าเท่าไร ลุงบอกว่าลงทุนซื้ออนาคต เพราะแถวนั้นยังไม่มีร้านสะดวกซื้อและที่ทางก็ราคาไม่แพง มีเงินเย็นเก็บไว้ก้อนใหญ่เลยเอามาลงทุน ท่าจะดีกว่าฝากธนาคารรอดอกเบี้ย ... กว่าครึ่งชั่วโมงผ่านไป อุณหภูมิลดลงเป็นปกติ ผมตัดสินใจออกรถ ... อาจเสี่ยง ... แต่ยังไงๆ แถวนี้ก็ไม่เหมาะอยู่ดี เพราะไม่มีอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอู่ซ่อม ร้านซ่อม หรือแม้แต่กระทั่งที่พักค้างคืน

รถค่อยๆเคลื่อนไปด้วยความเร็วต่ำสุด คนขับเองเหงื่อเริ่มซึมหลัง เครื่องทำความเย็นของรถไม่ช่วยอะไรมากนัก เพราะอุณหภูมิสูงจากหม้อน้ำแผ่กระจายเข้ามา หลังจากขับๆ หยุดๆ อีก 2 รอบ ข้างทางรอบหนึ่ง หน้าทางเข้าหมู่บ้านจัดสรรอีกรอบหนึ่ง ผมประคองรถมาถึงสี่แยกแห่งหนึ่งในเวลาเดียวกันกับที่แสงตะวันลาจากไป กลางแสงไฟทางริบหรี่ ป้าย "บางคล้า" ยืนตระหง่านอยู่ริมทาง พร้อมกับป้อมตำรวจและสถานีที่เยื้องอยู่ด้านหลังไม่ไกลนัก ผมถอนหายใจเฮือกพร้อมกับหักพวงมาลัยรถเข้าไปจอดสงบอยู่ข้างประตูทางเข้า แล้วลงจากรถ

"คุณตำรวจครับ แถวนี้มีอู่ซ่อมรถใกล้ๆไหมครับ พอดีรถมีปัญหาโอเวอร์ฮีทหลายรอบแล้ว ท่าทางคงต้องให้ช่างดูให้" ผมสอบถามไปยังคุณตำรวจที่ประจำอยู่ในสถานี

"มีน่ะมีอยู่ เป็นร้านของ "ช่างลี" ขับออกจากแยกนี่ไปประมาณ 2 กิโลเมตร แต่ตอนนี้น่าจะปิดแล้วสิ นอกนั้นก็ไม่มีแล้ว ต้องเข้าไปในตัวเมืองอีกหลายกิโลเมตร" คุณตำรวจตอบมา

ผมได้คำตอบกับตัวเองในทันทีว่าคืนนี้มีทางเลือกลดลงไปอีก การจะขับรถที่มีปัญหากลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยท่าทางจะเป็นไปไม่ได้แล้ว ยังไงๆ แปลกที่แปลกถิ่นแบบนี้ เวลานี้ ข้างป้อมตำรวจน่าจะดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด

"ไหน ลองขยับรถมาตรงไฟสว่างๆนี่หน่อย ขอลองดูนิดนึง" เสียงคุณตำรวจบอกตามมา ก่อนจะชี้ไปยังใต้เสาไฟสว่างใกล้ๆกัน ผมพยักหน้าก่อนจะขยับรถและเปิดกระโปรงหน้ารถ สตาร์ทเครื่องตามที่คุณตำรวจบอก ก่อนที่จะเอาไฟฉายมาส่องดูโน่นนี่กุกกักๆ พักนึง

"สภาพนี้ไปไม่ได้หรอก พัดลมระบายความร้อนของหม้อน้ำไม่ทำงาน ไม่รู้พัดลมเสียหรืออะไรเสีย ต้องให้ช่างเช็คดู คงต้องเป็นพรุ่งนี้แหละ เพราะตอนนี้ร้านน่าจะปิดแล้ว" เสียงคุณตำรวจตอบมา ก่อนจะบอกผมให้ดับเครื่อง ปิดฝากระโปรงรถ แล้วจึงเอาไฟฉายไปเก็บพร้อมกับสะบัดเสื้อพึบพับเตรียมออกเวร

"ขอบคุณครับ แล้วแถวนี้มีที่พักหรือรถผ่านเข้ากรุงเทพไหมครับ" ผมถามต่อเพื่อเติม เพื่อหาทางไปให้กับตัวเอง

"ตรงป้ายนั่นมีเบอร์ของคิวรถตู้เข้ากรุงเทพอยู่ ลองไปดูละกัน ส่วนรถนี่ คุณเอาไปจอดไว้ตรงนั้นได้ ไม่เป็นไร" คุณตำรวจชี้บอกที่จอดพร้อมกับต้นไม้ที่มีป้ายคิวรถตู้แขวนติดไว้ ก่อนรับคำขอบคุณและออกเวรไป

หยุดตั้งหลักพักใหญ่ ผมตัดสินใจทิ้งรถไว้ที่นี่ ก่อนโทรไปสอบถามเวลาออกของรถตู้คันถัดไปพร้อมกับแจ้งให้คนขับแวะรับตรงป้ายสี่แยกบางคล้าหน้าสถานีตำรวจ มันเป็นเวลาอีกเกือบชั่วโมงกว่ารถตู้จะมา มีเวลาให้นั่งซึมซับบรรยากาศชนบทยามค่ำแบบเงียบๆ ไม่มีแสงสีสว่างไสว ผู้คนต่างชาติผ่านไปมา หรือรถแท็กซี่ รถเมล์พลุกพล่าน มีแต่แสงไฟทางสลัวๆ หมาน้อยเดินผ่านไปมา 2-3 ตัว นานๆจะมีรถท้องถิ่นวิ่งผ่านไปสักคัน ร้านรวงปิดเงียบเกือบหมด ผมนั่งกลืนตัวกับความมืดอย่างเงียบๆพักใหญ่ ก่อนจะมีหญิงสาวกับกระเป๋าใบเขื่องเข้ามาเป็นเพื่อนร่วมทาง เราทักทายกันเล็กน้อย เธอชวนไปลงที่รังสิต แต่ผมปฏิเสธ ปลายทางของผมอยู่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ... จริงๆแล้วถ้าไม่มีธุระอะไรให้ต้องกังวล บรรยากาศต่างจังหวัดยามค่ำของคืนนั้น ก็น่าสนใจเหมือนกัน กับความเงียบสงบต่างจากถนนข้าวสาร ราวกับอยู่คนละมิติ

เช้าวันรุ่งขึ้น ผมไปถึงแยกบางคล้าด้วยบริการของรถตู้จากอนุสาวรีย์ฯ แล้วจึงนำรถไปอู่ช่างลี ที่ระยะทางห่างออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร หลังจากรอคิวรถกระบะ / รถตู้อยู่ชั่วโมงเศษ ก็ได้เวลาตรวจ ช่างพบสาเหตุคือเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิของหม้อน้ำเสีย จึงไม่มีสัญญาณส่งไปยังชุดควบคุมการทำงานของพัดลมระบายความร้อนหม้อน้ำด้านหน้า แต่เนื่องจากไม่มีเซ็นเซอร์สำรองสำหรับเปลี่ยนใหม่ ช่างจึงแก้ไขชั่วคราวให้โดยการต่อสายไฟตรง เพื่อให้พัดลมระบายความร้อนทำงานทันทีเมื่อสตาร์ทเครื่อง ผมนำรถออกจากอู่ซ่อมก่อนจะแวะไปหาเกาเหลาเลือดหมูกินในตลาด น้ำซุปเผ็ดร้อนพริกไทยอร่อยมากจน ... ลืม ... ครับ ... ผมลืมเติมน้ำในหม้อน้ำชดเชยส่วนที่เดือด-ระเหยไปเมื่อวาน จนกระทั่งเครื่องโอเวอร์ฮีทอีกรอบตอนขากลับ จนต้องแวะเติมน้ำหม้อน้ำในอู่ข้างทาง ก่อนจะยิงยาวถึงกรุงเทพหลังเที่ยง เพื่อเข้าปิดจ๊อบที่อู่ประจำเสร็จเรียบร้อยในช่วงเย็น





ครับ ... มันเป็นเรื่องเล่าเล็กๆน้อยๆจากประสพการณ์ตรง เกี่ยวกับต่างจังหวัดที่ได้ไปสัมผัสมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ถึงปัญหาที่เจอจะไม่น่าพิสมัยนัก แต่ก็ต้องบอกว่าบรรยากาศเงียบสงบดี ผู้คน-รถราไม่พลุกพล่าน รวมถึงน้ำใจของลุงเจ้าของร้านสะดวกซื้อที่แวะพักระหว่างทาง และคุณตำรวจประจำสถานีบางคล้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการฝากรถไว้ที่สถานี และช่วยดูอาการของรถเบื้องต้นให้

เก็บตกเรื่องเล่ากันที่ของกินแล้วกันครับ ใครผ่านไปที่บางคล้าก็อย่าลืมแวะไปที่ตลาดนะครับ ลองหาดูร้านเกาเหลาเลือดหมูมีอยู่ร้านหนึ่ง น้ำซุปหอม-เผ็ดร้อน น่าจะถูกใจคนชอบพริกไทย แล้วก็ในตลาดมีร้านขนมเปี๊ยะอร่อยอยู่อีกร้านนะครับ ... เสียดายว่าวันนั้นเป็นวันธรรมดา เลยไม่ได้แวะไปที่ตลาดน้ำบางคล้า น่าจะมีของกินอร่อยๆให้ได้ลองชิม

..... แล้วซักวันเจอกันใหม่นะ ... บางคล้า

เจตตจัน
02-2820358
085-8035412
087-0719858
jettajan227@yahoo.com



Create Date : 07 ธันวาคม 2557
Last Update : 7 ธันวาคม 2557 0:14:25 น. 1 comments
Counter : 2151 Pageviews.

 
ให้เช่าหน้าร้านหรือเปล่าคับ


โดย: โจ IP: 1.20.42.93 วันที่: 7 เมษายน 2558 เวลา:22:29:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.